ระฆังลาดังขึ้นบนถนนหลวง กระดิ่งกริ๊ง กระดิ่งกริ๊ง และชายคนนั้นก็ร้องเพลงโดยกัดหญ้าอยู่ในปากเขาชอบเดินทางในความมืดมากที่สุดคืนที่มืดมนนำความรู้สึกลึกลับมาสู่ผู้คนเสมอ ราวกับว่ามีอะไรเกิดขึ้นในคืนที่มืดมนนี้ ทำให้ผู้คนตื่นเต้นอย่างหาที่เปรียบมิได้เขากำลังคิดอว่าเป็นการดีที่สุดหากได้พบปีศาจสักสองตัว แล้วมาดื่มกับเขาสักแก้ว ถุงที่ห้อยอยู่บนเอวของเขายังใส่สุราของศิษย์อาอยู่เลย เพื่อขโมยสุรา เขาไม่กล้าขี้ม้าด้วย ได้แต่ไปขอยืมม้าจากนิกายกู่เยว่แต่นิกายกู่เยว่มีม้าที่ไหนกัน เจ้านิกายลังเลอยู่ตั้งนาน สุดท้ายพาลาตัวหนึ่งออกมาให้ อีกฝ่ายได้กำชับซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าทางที่ดีให้จูงไว้ ห้าขี่มัน ลาตัวแก่นั้นทนน้ำหนักของเขาไม่ไหว อาจจะทนไม่ไหวจนตายได้ ให้เขาแบกรับข้าวของยังพอได้จริงๆ เลย ต้องจูงมันออกจากภูเขา สู้ไม่ได้ให้เขาแบกรับของออกจากภูเขาจะดีกว่า ทำไมต้องจูงลาด้วยล่ะต้องยอมรับว่า บางครั้งมาดูถูกของแก่ๆ ไม่ได้เลย แม้ว่าลาจะแก่แล้ว แต่ก็ยังวิ่งได้เร็วกว่าคนเสียอีก และมีความอดทนสูง ตลอดทางจากภูเขาเหม่ยชานถึงเหอโจว ไม่เห็นมันหายใจเฮือกใหญ่แต่อย่างใดเดินต่อไปอีกประมาณหนึ่งชั่วยามก็ถึงเหอโจ
เขาเพิ่งนอนลงได้สักพักก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากฝั่งนั้น เสียงฝีเท้าเบาๆ ผสมกับคำสาปด้วยเขาลุกขึ้นยืนทันทีและเบิกตากว้าง จากนั้นก็เห็นกลุ่มคนลงมาจากภูเขาฝั่งตรงข้าม เขาแทบไม่เห็นเลยเพราะทุกคนในกลุ่มนั้นสวมชุดสีดำ มีเพียงคนเดียวไม่ได้ใส่ แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่าคนๆ นั้นเใส่สีอะไร อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่ชุดสีดำคำสาปหายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าถูกปิดปากไว้เนื่องจากระยะทางค่อนข้างไกล ไกลกว่ากลุ่มคนที่ตั้งที่พักเสียอีก ดังนั้นต่อให้สายตาของเขาจะดีแค่ไหน เขาก็มองเห็นได้ไม่ชัดนัก แค่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของพวกเขาเร็วมาก ดูเหมือนกำลังไปรวมตัวกับกลุ่มคนที่อยู่ที่พักนั้นหวังเยว่จางยืนขึ้น สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมเล็กน้อย ดูเหมือนว่าไม่มีปีศาจ แต่เจ้าแผนการมาแล้ว รวมตัวกันในความมืด ยังนำตัวผู้หญิงที่กำลังสาปแช่งมาเขาหยิบอาวุธวิเศษที่อาจารย์มอบให้เขาจากหลังลาแล้วเช็ดมัน จริงๆ แล้วเขายังไม่เชี่ยวชาญในการใช้งานกับอาวุธนี้มากนัก เขารู้แค่ว่าเมื่ออาจารย์ผลิตมันออกมานั้น ได้หัวเราะอย่างภูมิใจอยู่ด้านบนภูเขาเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม ทำเอางู แมลง หนู และมดทั่วภูเขาต่างตกใจกลัวจนรีบวิ่งหนีเขาเดินล
เขาไม่จำเป็นต้องนับหัวอีกฝ่ายด้วยซ้ำ "พวกเจ้ามีกี่คน""มีเพียงข้าและเฟิยอวิ๋น เฟิยอวิ๋นอยู่ตรงนั้น" หงเซียวชี้ออกไปและเห็นต้นไม้หนาทึบอยู่อีกฝั่งของถนนหลวงมีคนหนึ่งกำลังเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างช้าๆ"ตายแน่ๆ พวกเจ้าสองคน รวมข้าเป็นสามคน อีกฝ่ายเป็นร้อยคน แถมยังมีนักรบสิ้นหวังด้วย" ใบหน้าของหวังเยว่จางเปลี่ยนไปทันที ทำไมเขาถึงประสบปัญหาใหญ่เช่นนี้ทันทีที่เขาลงจากภูเขาล่ะใบหน้าที่หล่อเหลานั้นก็ขมวดคิ้ว และเขาก็รีบวางแผนในใจ เยี่ยม โอกาสในการชนะเป็นศูนย์ แต่ไม่ช่วยไม่ได้เสิ่นว่านจือถูกลากเข้าไปในที่พัก ดูเหมือนว่านางจะถูกควบคุมหรือวางยา สติที่หลงเหลืออยู่ตอนนี้กลายเป็นคำสาปเมื่อกี้ จากนั้นก็ไม่มีเสียงอีกเลยตอนนี้ถูกลากเข้าไป ร่างกายของนางก็ไม่มีแรงคนเหล่านั้นหลีกออกจากที่พัก และอ๋องเยี่ยนเดินเข้าไปแล้ว หวังเยว่จางรู้สึกว่าเลือดทั้งหมดในร่างกายของเขากำลังพุ่งไปที่ศีรษะทันทีเมื่อกี้เขาเพิ่งสรุปได้ว่าไม่มีโอกาสที่จะชนะได้ ดังนั้นเขาจึงต้องการหยุดหงเซียวไม่ให้ลงมือ แต่ตอนนี้เขาบินออกไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงแม้ว่าไม่มีโอกาสที่จะชนะได้ แต่เขาทนไม่ได้ที่ดูเสิ่นร่ำรวยโดนเอาเปรียบ เสิ่นร
หวังเยว่จางกล้าดีอย่างไรถึงทิ้งศิษย์น้องหญิงไว้ แม้เขาจะอุ้มเสิ่นว่านจื่อไว้ก็ยังสู้ได้นี่ ทว่าทันทีที่เหลียวกลับมาก็เห็นแส้ของซ่งซีซีรัดคอของอ๋องเยี่ยนไว้แล้ว นางกระชากตัวเขามาข้างหน้าก่อนจะตบหน้าเขาไปมา ดี จับโจรเอาหัวโจก จับเจ้าหมอนี่ไว้อย่างน้อยก็หนีไปได้ เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง อุ้มเสิ่นว่านจื่อจากไปทันที ดูจากพฤติกรรมและใบหน้าที่แดงระเรื่อของเสิ่นว่านจื่อแล้ว นางคงตกหลุมพราง เขาต้องหาทางฝังเข็มระบายเลือดให้นาง ถึงจะรักษานางได้ ซ่งซีซีจับอ๋องเยี่ยนไว้ แต่หงเซียวและเฟิยอวิ๋นก็ตกอยู่ในมือขององครักษ์เช่นกัน ซ้ำร้ายทั้งสองถูกดาบจ่อที่คอ คมดาบแทบจะจมเข้าไปในเนื้อแล้ว ในที่สุดอ๋องเยี่ยนก็เลิกเสแสร้ง เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เก่งจริงก็ฆ่าข้าและท่านลุงสิ ข้าจะดูว่าเซี่ยหลูโม่จะอธิบายต่อคนใต้หล้าอย่างไร”ซ่งซีซีออกแรงดึงแส้ นัยน์ตาลุกโชนเป็นไฟ “เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้ารึ”อ๋องเยี่ยนถูกรัดจนตาเหลือก อาการขาดอากาศหายใจทำให้เขารู้สึกเวียนศีรษะ เขาเงยหน้าขึ้นและพยายามหายใจอย่างยากลำบาก ทว่าคอของเขาถูกรัดแน่นมากจนทำให้เขาไม่สามารถหายใจได้ชายารองจินเดินสาวเท้าเข้ามา กล่าวด้วยน้ำเสียง
อู๋เซียงรู้สึกปวดศีรษะ อดไม่ได้ที่จะตำหนิตัณหาของท่านอ๋อง เดิมเขาคิดว่าเรื่องนี้จบไปแล้ว แต่เขาไม่รู้ว่าท่านอ๋องเตรียมการไว้ตั้งแต่ก่อนออกจากเมืองหลวง ท่านยังส่งทหารไร้ชีพส่วนหนึ่งไปทำเรื่องนี้ ตามแผนการเดิม ทหารไร้ชีพต้องอยู่ในเมืองหลวง บัดนี้แผนการต้องหยุดชะงัก เนื่องจากเสิ่นว่านจื่อเพียงผู้เดียว ร่องรอยของความโมโหแวบผ่านดวงตาของเขา เดิมทีหากคืนนี้ซ่งซีซีถูกฆ่าและถูกฝังไปจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ แต่กลับมีสองคนหนีไปได้ และซ่งซีซีก็จับท่านอ๋องเป็นตัวประกัน นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับมือโชคดีที่เขาคิดถึงความเป็นไปได้ทุกทางไว้ตั้งแต่แรกแล้ว และเตรียมมาตรการป้องกันไว้แล้ว เดิมจะอธิบายให้ตระกูลเสิ่นฟังหลังจากภารกิจสำเร็จ ทว่าตอนนี้... ไม่ว่าเรื่องนี้จะสร้างปัญหามากเพียงใด มันก็จะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรอีก แต่จากนี้ไปก็คงต้องแตกหักกับตระกูลเสิ่นซ่งซีซีรู้สึกเศร้าโศกและขุ่นเคืองใจอย่างยิ่ง นางมองไปที่เสี้ยนจู่สองคนที่ซ่อนตัวอยู่ในรถม้า ตาแก่สองคนนี้ไม่สนใจแม้แต่บุตรสาวของตนเอง คิดจะปล่อยเลยตามเลยให้ข้าวสารหุงเป็นข้าวสุกเสิ่นว่านหงก็เลวไม่แพ้กัน ยิ่งมิต้องพูดถึงชายารองจิน เศษสวะทั้งน
ทันทีที่นางพูดเช่นนี้ อู๋เซียงและชายารองจินก็หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ราวกับคิดไม่ถึงว่าซ่งซีซีจะปฏิเสธว่าคนนั้นคือเสิ่นว่านจื่อ ซ่งซีซีมองไปที่ชายารองจินและเปลี่ยนเรื่องพูดว่า “แต่คำพูดเมื่อครู่นี้ของชายารองจินแปลกๆ เหตุใดข้าต้องขอบคุณพวกเจ้า สตรีนางนั้นเป็นอะไรกับข้าหรือ”ชายารองจินอ้ำอึ้งเล็กน้อย “นี่... เช่นนั้นพระชายายิ่งไม่มีเหตุผลต้องจับท่านอ๋องเป็นตัวประกัน เราเป็นครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น คงดูไม่ดีทั้งสองฝ่ายที่ต้องมาทะเลาะกันแบบนี้”“เช่นนี้ก็ขออภัยจริงๆ ที่แท้เป็นความเข้าใจผิดทั้งนั้น” แม้ใบหน้าซ่งซีซีจะยิ้มแย้ม แต่กลับยังคงไม่ปล่อยอ๋องเยี่ยน เพียงแค่มองชายารองจิน “แต่ว่า เหตุใดชายชุดดำเหล่านี้จึงอาศัยในหมู่บ้านซีซานโข่ว พวกเขาเป็นคนของจวนเยี่ยนอ๋องหรือ”ชายารองจินตอบ “ใช่แล้ว พวกเขาล้วนเป็นองครักษ์ที่ส่งท่านอ๋องเข้าเมืองหลวง เพียงแต่ว่าจวนเยี่ยนอ๋องไม่สามารถรองรับคนจำนวนมากเช่นนี้ได้ จึงจัดแจงให้พวกเขาอยู่นอกเมือง”อู๋เซียงทำท่าจะพูดอะไร แต่กลับถูกซ่งซีซีชิงพูดว่า “อาศัยอยู่นอกเมืองมาตลอด แล้วพวกเขาเคยเจอเสิ่นว่านจื่อได้อย่างไร อีกทั้งดูแล้วพวกเขามีฝีมือไม่ธรรมดา คงไม่ใช่
อู๋เซียงกลับรู้สึกว่าเป็นโอกาสดี เขาพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋องบาดเจ็บ หากไม่รีบห้ามเลือด เกรงว่าจะเป็นอันตรายแก่ชีวิต พระชายารีบปล่อยท่าน ให้หมอห้ามเลือดเถอะ”เขามองซ่งซีซีเขม็ง ขอเพียงซ่งซีซีปล่อยตัว เขาจะสั่งให้ทหารไร้ชีพล้อมโจมตีซ่งซีซีทันที นอกจากนี้ ต้องเร็ว ต้องฆ่าพวกนางทิ้งและรีบหนีไปก่อนที่กองหนุนของพวกนางจะมาทว่าซ่งซีซียังคงบีบคอของอ๋องเยี่ยนไว้ เพียงแต่ว่าคลายมือลงเล็กน้อย ให้เขาได้หายใจอย่างอิสระ “บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น ตราบใดที่ไม่ดึงมีดออกมาก็จะไม่เป็นอะไร”อ๋องเยี่ยนหายใจหอบ ความเจ็บปวดบริเวณท้องทำให้เขาสั่นไปทั้งตัว สตรีคนนี้ลงมือได้อย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ช่างโหดเหี้ยมจริงๆเขาเริ่มยืนไม่ไหวแล้ว ร่างกายของเขาโซเซไปมา ซ่งซีซีเตือน “ท่านอ๋องยืนนิ่งๆดีกว่า หากขยับตัว มีดสั้นจะแทงเข้าไปลึกกว่าเดิม ถึงครานั้นเสียชีวิตไปจะแย่เอา”อ๋องเยี่ยนโมโห “ทำร้ายชินอ๋อง เจ้าควรต้องโทษ”ซ่งซีซียิ้มหยัน “แปลกจัง มีดสั้นเล่มนี้เป็นของข้าหรือ”“เจ้าต้องการอะไรกันแน่” อ๋องเยี่ยนเจ็บปวดจนเส้นเลือดปูด เริ่มมีแนวโน้มจมมุมแล้ว แน่นอนว่าตอนนี้เขายังไม่นับว่าจมมุม แต่เขาแทบจะไม่สามารถค
เซี่ยหลูโม่ เสิ่นชิงเหอ และกุ้นเอ๋อร์ควบม้านำทหารประจำจวนของจวนเป่ยหมิงอ๋องทะยานไปบนทางหลวง ไม่นานก็มาถึงป่า คบเพลิงที่สว่างไสวทำให้ป่าสว่างราวกับกลางวัน แม้เซี่ยหลูโม่ไม่ได้สวมชุดเกราะ แต่เมื่ออยู่บนม้าที่สูงใหญ่ เขาก็เหมือนกับแม่ทัพที่เอาชนะหลายพันลี้ในสนามรบ เขากวาดตามอง ยังไม่ได้พูดสิ่งใดก็ได้ยินเสียงเสิ่นว่านจื่อวิ่งมาพร้อมกับคำรามอย่างโกรธกริ้วว่า “สารเลว ตายซะเถอะ!”นางไม่มีอาวุธ ความโมโหทำให้นางเหมือนกับเสือที่คลุ้มคลั่ง นางพุ่งชนเข้าไปที่แผ่นอกของอ๋องเยี่ยนอย่างแรง ซ่งซีซีหลบได้ทันกาล ไม่ได้รั้งนางไว้ ปล่อยให้นางระบายไฟโทสะ อ๋องเยี่ยนถูกชนจนกระเด็นไปสองจั้ง เขาล้มลงบนพื้นแล้วกระอักเลือดออกมา เสิ่นว่านจื่อกระโจนใส่ ตบหน้าเขาไม่หยุด นางเพิ่งถูกถอนพิษไปไม่นาน ไม่น่าจะมีเรี่ยวแรงมากมายนัก แต่ไฟโทสะทำให้นางเค้นศักยภาพออกมา ฝ่ามือที่ตบลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่านี้ ทำให้ไม่นานอ๋องเยี่ยนก็สลบไป “พวกเจ้าเป็นของตายหรือ ไม่รีบไปช่วยท่านอ๋องรึไง!” ชายารองจินตะคอก ครั้นทหารไร้ชีพและองครักษ์จะเดินเข้าไป เซี่ยหลูโม่ก็ขวางหน้าเสิ่นว่านจื่อไว้ กุ้นเอ๋อร์ถือกระบองขวางไว้ข้างหน้าอีกที “ดูซิ