เสิ่นว่านจือรู้สึกใจหายเลย "แล้วควรทำอย่างไรดีเล่า จะปล่อยให้เขาทำร้ายลูกสาวของเขาต่อไปหรือ? เพื่ออนาคตของตนเอง จะให้ทุกคนต้องเสียสละเช่นนี้ ทำลูกสาวเหมือนสิ่งของแล้วมอบให้ทั้งอย่างนั้น ทำไมเขาต้องให้ว่านฉินฆ่าตัวตาย ตามความคิดเจ้าเล่ห์ของเขา ไม่ใช่ว่าควรจะให้ว่านฉินทำต่อไป... ถุ๊ย ข้าพูดไม่ออกเลย"เซี่ยหลูโม่หยิบตะเกียบขึ้นมา กินไปสองคำแล้ววางมันลง เขาไม่อยากอาหารจริงๆ "เพราะไม่รู้ว่าคนๆ นั้นคืนใคร และเรื่องก็ถูกแพร่กระจายออกไปแล้ว เขาเลยกลัวว่าจะเกิดปัญหาทีหลัง เลยให้ว่านฉินไปตาย และไม่ยอมรับว่าตนเองมีลูกสาวคนนี้ จะได้ไม่ถูกคนอื่นมาจับผิด คาดว่าจะตัดชื่อของนางออกจากรายชื่อครอบครัว"ดวงตาของเสิ่นว่านจือเหมือนจะกำลังลุกเป็นไฟ "ทำอะไรไม่ได้แล้วหรือ ปล่อยให้เขาทำร้ายลูกสาวของตนเองเช่นนนี้ เกิดเรื่องน่าเหลือเชื่อเช่นนี้ในแวดวงขุนนาง ฝ่าบาทก็ ไม่สนใจหรือ และเสนาบดีมู่ก็ไม่สนหรือ?""มันตรวจสอบได้ ทางหอต้าหลี่ก็ตรวจสอบเขาได้" เซี่ยหลูโม่เหลือบมองที่ซ่งซีซี "แต่ถ้าไม่ต้องการที่จะดึงว่านฉินเข้าไปเกี่ยวข้อง งั้นก็ต้องลงมือจากก้านอื่นของเขา เป็นแค่หัวหน้างานเล็กๆ จากกรมพิธีการ ตำแหน่งเล็ก เขา
ซ่งซีซีไปที่ร้านจินจิงเพื่อตามหาเถ้าแก่น้อยจินด้วยตนเองเถ้าแก่น้อยจินคนนี้ทั้งฉลาดและบริสุทธิ์ แม้ว่าเขาจะไม่เอาจริงเอาจังกับเงินทุกเบี้ย แต่ก็พยายามหาเงินอย่างเต็มที่ แต่เขาก็เป็นคนรักชาติด้วย เขาเรียนหนังสือไม่เก่ง ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ไม่เป็น แต่หากเกิดสงครามขึ้นมา เขาก็ยอมบริจาคเงินก้อนใหญ่เขาชื่นชมซ่งซีซีมากและอยากเป็นเพื่อนกับซ่งซีซี แต่ไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นซ่งซีซี ในฐานะพ่อค้า มันยิ่งไม่เหมาะที่ไปเยี่ยมถึงที่ บัดนี้ซ่งซีซีมาหาเอง แน่นอนว่าเขาจะต้อนรับอย่างกระตือรือร้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ่อน้ำร้อน เขาพอจะได้ยินมาบ้าง แต่มันเกี่ยวข้องกับความลับของขุนนางมากมาย เขาไม่อาจไปตรวจสอบให้ แค่รู้ว่ามีแม่นางโดนเอาเปรียบตอนนี้ซ่งซีซีบอกว่านางต้องการตรวจสอบเรื่องนี้ เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงก็บอกว่ายินยอมร่วมมือพลางตบหน้าอก "วางใจได้เลย ใต้เท้าซ่งกลับไปรอข่าวดีของข้าได้เลย"ภายในครึ่งวัน เถ้าแก่น้อยจินก็ไปที่สำนักกองกำลังเมืองหลวงเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยบอกว่าลูกค้าผู้มีเกียรติคนหนึ่งได้ทำจี้หยกของครอบครัวหายในบ่อน้ำร้อนอวี้ซานเมื่อหลายวันก่อน และต้องการให้ค่ายลาดตระเวนช่วยค้นหามันให้คน
ในที่สุดคดีนี้ก็สืบไปถึงตระกูลฉีเจ้ากรมฉีไม่รู้เรื่องนี้ในตอนแรก หลังจากได้ยินซ่งซีซีเล่าที่ไปที่มาของเรื่องทั้งหมดให้เขาตามลำพัง เขาก็โกรธมากจนตัวสั่นไปหมดเขาทำผิดพลาดในด้านนี้มาก่อน การมีลูกสาวนอกสมรสก็ถือว่าจุดบกพร่องของเขาแล้ว หากเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไป งั้นเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำ แต่คนอื่นก็คงคิดว่าเขาทำไปแล้วด้วยความโกรธ เจ้ากรมฉีจึงจับองครักษ์คนนั้นไว้องครักษ์คนนั้นชื่อเฉินสาม เขาเป็นบุตรชายของคนใช้ในตระกูลฉี หลังจากเรียนรู้ทักษะการต่อสู้แล้วก็ให้เป็นองครักษ์ในจวน เนื่องจากแม่ของเขาคือหัวหน้าแม่นมในนจวน และรู้เรื่องตระกูลว่านมาสอบถามเรื่องที่เจ้ากรมฉีไปบ่อน้ำร้อนกับผู้ดูแลประตู จากนั้นก็ตามคู่สามีภรรยาเจ้ากรมฉีไปวัด เมื่อเห็นเจ้ากรมฉีไม่ได้ไปบ่อน้ำร้อน เขาจึงคิดจากฉวยโอกาสนี้เอาเปรียบอีกฝ่ายใช่เขา เขาทำให้ว่านฉินเสียตัวมีอยู่ชั่วขณะหนึ่ง เจ้ากรมฉีมีความคิดอยากจะฆ่าเขาจริงๆโดยเฉพาะคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาคือซ่งซีซี ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้ค้นพบเรื่องบ้านเล็กของเขา แล้วนำลูกสาวไปให้ฮูหยิน เขาเป็นถึงพ่อตาแห่งชาติ เป็นถึงเจ้ากรมขุนนางระดับชั้นสอง อนาคตของขุ
ซ่งซีซีโน้มตัวไปข้างหน้าและถามด้วยน้ำเสียงเอาความว่า "ไม่รู้ว่าเจ้ากรมฉีทนต่อการร้องเรียนได้หรือไม่"สีหน้าของเจ้ากรมฉีเปลี่ยนไปทันที ตอนนี้เขาแค่อยากจะให้ตนเองอยู่เงียบๆ ไม่อยากดึงดูดความสนใจจากทุกฝ่าย เพราะลูกสาวตัวน้อยของเขาถูกนำกลับมาและเลี้ยงดูอยู่ข้างกายอนุเฉินยิ่งไปกว่านั้น เมื่อรัชทายาทยังไม่ได้รับการแต่งตั้ง หากญาติมาเกิดเรื่องเข้า งั้นทำให้ขายหน้า แล้วจะไม่เป็นผลดีกับองค์ชายใหญ่จะว่าไป เฉินสามก็แค่คนใช้ในจวน ให้สำคัญเขาเกินไป เขาก็แค่องครักษ์เองหลังจากชั่งน้ำหนักแล้ว เจ้ากรมฉีก็ตัดสินใจในทันทีความดุร้ายในดวงตาของเขาทำให้เฉินสามตัวสั่นไปหมด เขาก้มศีรษะและร้องขอความเมตตาตลอด"เจ้าสารเลว กล้าดียังไงมาร้องขอความเมตตา เจ้าทำร้ายผู้หญิงที่บริสุทธิ์ ต่อให้เจ้าตายไปก็ไม่น่าเสียดาย"เฉินสามร้องไห้ว่า "คุณท่าน นางจะถือว่าบริสุทธิ์ได้ยังไง? ตระกูลว่านส่งนางมา เดิมทีพวกเขาอยากจะถวายให้คุณท่าน แต่คุณท่านไม่ถูกใจนาง ข้าน้อยเลยทำผิดพลาดไป แต่นางไม่ได้บริสุทธิ์นะ นางได้กินยากระตุ้นอารมณ์ ข้าน้อยก็แค่ช่วยนาง...ไม่ว่ายังไงมันก็ไม่ได้ร้ายแรงให้ข้าน้อยถึงขึ้นตายนะ"เจ้ากรมฉีเกลียดว่า
ฉีฮูหยินใหญ่ยืนอยู่นอกลานบ้าน เมื่อเห็นซ่งซีซีออกมา นางก็คารวะอีกฝ่าย เมื่อสักครู่นี้นางได้ยินทุกอย่างจากภายนอก"แล้วแม่นางคนนั้นบัดนี้เป็นยังไงบ้าง" ฉีฮูหยินใหญ่ถามพลางนำทางไปส่ง"บัดนี้อาศัยอยู่ในโรงงาน นางยังไม่ได้สิ้นหวังจนฆ่าตัวตาย" ซ่งซีซีถอนหายใจเบาๆ"เป็นเวรเป็นกรรมจริงๆ!" ฉีฮูหยินใหญ่เงียบอยู่นานแล้วเดินไปส่งที่ประตู "พระชายา หากมีสิ่งใดที่ข้าสามารถช่วยแม่นางคนนั้นได้ โปรดบอกข้าได้เลย"ซ่งซีซีพยักหน้า "ได้ ขอบคุณฮูหยิน"ฉีฮูหยินใหญ่ได้คารวะ และมองนางขี่ม้าออกไปนางยืนอยู่ที่ประตูเป็นเวลานาน จนกระทั่งเฉินเซิ่งพาภรรยาของเขามาและคุกเข่าลงเพื่อขอร้องโดยขอให้ฮูหยินช่วยเฉินสาม จากนั้นนางลดสายตาลงแล้วพูดว่า "ไปขอร้องคุณท่านไป เรื่องนี้ข้าเข้าไปยุ่งไม่ได้"ภรรยาของเฉินเซิ่งจับชายกระโปรงของฉีฮูหยินใหญ่ แล้วร้องว่า "ฮูหยินโปรดเมตตาให้นะ ข้าน้อยมีบุตรชายเพียงคนเดียว และไม่สามารถไม่มีคนมาสืบทอดสกุลนะ"มีความโกรธซ่อนอยู่ในดวงตาของฉีฮูหยินใหญ่ "เขาก่อกรรมไว้ จะโทษใครได้อีก"หลังจากพูดอย่างนั้น ก็ยื่นมือออกเพื่อดึงชายกระโปรงกลับ จากนั้นหันหลังเดินจากไป ปล่อยให้อีกฝ่ายร้องไห้อย่างนั้
วันรุ่งขึ้น ทั้งค่ายลาดตระเวนและกองกำลังเมืองหลวงทราบเหตุการณ์นี้ โดยกล่าวว่ามีมือสังหารแอบเข้าไปในบ้านของหัวหน้าว่านจากกรมพิธีการ ทำร้ายเขาจนบาดเจ็บสาหัส อาเจียนเป็นเลือด และเกือบจะไม่รอดชีวิตหมอบอกว่าอาการบาดเจ็บแบบนี้ หากรักษาได้ก็มีอาการน้ำลายไหลไม่หยุด ต่อไปต้องนอนพักบนเตียง ใช้ชีวิตที่เหลือบนเตียงกองกำลังเมืองหลวงและค่ายลาดตระเวนจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะจับกุมมือสังหารอยู่แล้ว ภายใต้การดูแลขแงฝ่าบาทจะปล่อยให้คนชั่วมาทำร้ายขุนนางได้อย่างไรหลังจากซ่งซีซีได้สอบสวนอย่างรอบคอบ ก็พบพยานโดยบอกว่ามีนักรบกลุ่มหนึ่งมาเมืองหลวงและรู้เข้าว่าว่านกุ้ยได้บังคับให้น้องสาวต้องตาย ดังนั้นพวกเขาจึงแอบเข้าไปทุบตีเขาด้วยความโกรธหลังจากการสอบสวนเพิ่มเติม ก็พบว่าข่าวลือภายนอกที่เกี่ยวกับว่านฉินนั้นล้วนเป็นข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริง ว่านฉินยังคงบริสุทธิ์ เพียงแต่ว่านกุ้ยเชื่อข่าวลือเข้าไป คิดว่าลูกสาวสูญเสียความบริสุทธิ์เลยไล่นางออกจากบ้าน เด็กหญิงถูกพ่อไม่เชื่อใจ บวกกับโดนใส่ร้าย เลยคิดจะกระโดดน้ำเพื่อฆ่าตัวตาย บัดนี้คนก็ตายไปแล้ว ทางโรงงานช่วยจัดงานศพให้ทันทีที่ผลการสอบสวนออกมา ชาวบ้านต่างด่
เสิ่นว่านจือครุ่นคิดพักหนึ่งและรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ไม่สามารถกลับไปอยู่กับพ่อ งั้นเขียนจดหมายไปขอเงินพ่อ ใช้จ่ายเงินขิงเขาก็ถือว่าได้ทำอะไรให้พ่อแล้ว "ก็ได้ งั้นพวกเจ้านั่งก่อน ข้าไปเขียนจดหมาย"อ๋องเยี่ยนยิ้มและพูดว่า "น้องไม่ต้องรีบร้อน พรุ่งนี้เขียนเสร็จค่อยส่งมาให้ก็ได้ เรายังมีหลายวันถึงออกเดินทาง เจ้าอยู่ที่นี่อยู่เป็นเพื่อนพี่สาวเจ้านะ"ดวงตาของซ่งซีซีฉายแววไม่พอใจ ยังไม่ยอมแพ้อีกเหรอ?เสิ่นว่านจือเอียงหัวของนางแล้วยิ้มอย่างชั่วร้ายโดยไม่รู้ตัว "ก็ได้"ซ่งซีซีกลอกตาใส่นาง เจ้าปัญหาเสิ่นนี่คิดจะเล่นอะไรอีกเสิ่นว่านจือหลบสายตาของซ่งซีซี เนื่องจากไม่ได้สบตา งั้นก็แสร้งทำเป็นไม่รู้คำเตือนจากซ่งซีซีเลยเซี่ยหลูโม่มองไปที่อ๋องเยี่ยนเอาแต่จับตาจ้องมองเสิ่นว่านจือ เขาก็รู้สึกน่ารำคาญขึ้นมา ดูท่าว่าไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา คิดจะใช้เสิ่นว่านจือเป็นเครื่องมือเพื่อหาผลประโยชน์จากตระกูลเสิ่นยิ่งกว่านั้น ดูเหมือนว่าเขายังมีความปรารถนาที่น่าเกลียดด้วย ชั่วจริงๆเซี่ยหลูโม่ดูถูกเขาจากก้นบึ้งของหัวใจเลย ดังนั้นจึงไม่ได้ให้พวกเขาอยู่ต่อเพื่อทานอาหาร กว่าจะได้หยุดงาน ยังต้องมองหน้าพวกเข
ความอดทนที่เสิ่นว่านจือมีต่อนางเสิ่นถึงขีดสุดแล้ว และนางก็ยกแส้ขึ้นมาเพื่อไล่อีกฝ่ายออก นางเสิ่นได้แต่วิ่งหนีกลับก่อนที่อ๋องเยี่ยนจะออกจากเมืองหลวง ซ่งซีซีก็ต้องคอยระวังเอาไว้ เพราะรู้ความคิดสกปรกของอ๋องเยี่ยน ดังนั้นนางจึงส่งหงเซียวไปจับตาดูจวนอ๋องเอาไว้ เพื่อดูว่าเสิ่นว่านจือได้เชื่อฟังคำสั่งของนางหรือไม่ และไปจวนอ๋องเยี่ยนลับหลังหรือไม่หลังจากการจับตาดูมาอย่างต่อเนื่องสองสามวัน เสิ่นว่านจือก็กลับไปที่โรงงานปักเย็บซู่เจินตามปกติ และไม่ได้ไปจวนอ๋องเยี่ยน ซ่งซีซีถึงรู้สึกโล่งใจทั้งโรงงานปักเย็บซู่เจินและสถาบันการศึกษาสตรีค่อยๆ ได้รับการยอมรับจากทุกคนแต่สถาบันการศึกษาสตรีก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิดมีคนจำนวนมากเข้ามาตีสนิท พวกนางไม่คิดจะเรียนหนังสือจริงๆ เอาแต่นำขนม งานปัก และของขวัญเพื่อแสดงความปรารถนาดีต่อผู้หญิงจากครอบครัวระดับสูงหญิงสาวจากตระกูลชั้นสูงบางคนก็ทำตัวหยิ่งและรับใช้หญิงสาวที่เป็นลูกสาวของขุนนางระดับเล็ก ไม่นานนักก็ค่อยๆ ก่อตั้งกลุ่มขึ้นบางคนที่อยากเรียนจริงๆ กลับถูกบีบออกยิ่งมีบางคนมาเพื่อเรียนรู้มารยาทจากคุณนายใหญ่เจิ้งกั๋ว หรือเรียนรู้ทักษะที่ดูแลบ้าน