โชคชะตาก็จะนำคนทั้งสองมาพบกันเสมอ จะไม่มีสิ่งใดมาขวางกันโชคชะตานี้ได้ แม้กระทั้งเวลา
View Moreวันที่ 6 กันยายน 2566
วัดป่า เอี๊ยด !! "เฮ้ย อะไรว่ะ" เสียงเบรครถอย่างกระทันหันพร้อมร้องอุทานออกมา เมื่อจู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่ง ปรากฎตัวอยู่หน้ารถของพายุ ชายหนุ่มที่กำลังจะเดินทางออกจากวัดป่าแห่งนี้ ดีที่ที่นี่เป็นบริเวณวัด เขาจึงไม่ได้ขับรถเร็วมากนัก จึงเบรคได้ทัน ชายหนุ่มจึงเปิดประตูรถลงมาขายาว ๆ ของเขารีบก้าวมายังหน้ารถยนต์คันหรู ภาพเบื้องหน้าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งนอนสลบอยู่ติดกับหน้ารถเขาพอดี ถ้าใครมาเห็นก็คงคิดว่าเขาต้องเป็นคนขับรถชนเธอแน่ ๆ เเต่เขาก็มั่นใจว่าตนเองนั้นไม่ได้ชนโดนตัวเธอสักนิด ชายหนุ่มจึงรีบไปประคองตัวเธอคนนั้นขึ้นมา "เธอ เธอ นี้ เธอ " พายุเอ่ยเรียกหญิงสาวซ้ำ ๆ แต่เธอก็ไม่ตอบสนองใด ๆ เขามองสำรวจร่างกายเธอรายละเอียด ไม่พบบาดแผลสักนิด รอยฟกช้ำก็ไม่มี พายุมองไปรอบ ถนนลาดยางเส้นเล็ก ๆ บริเวณหลังวัดนี้ สองข้างทางเรียงรายไปด้วยต้นลั่นทมดอกสีขาว ๆ ร่วงโรยส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของมันอบอวลฟุ้งอยู่ในบรรยากาศ ที่บัดนี้เริ่มมืดสลัด ชายหนุ่มหันกลับมาที่หญิงสาว พยายามเรียกเธออีกหลายครั้งแต่ก็ยังนิ่งเหมือนเดิม "หรือหัวกระแทก เลือดก็ไม่มี" พายุพึมพำออกมาและจับศีรษะเธอดู "ยังไงก็ต้องพาเธอไปหาหมอก่อนแล้วกัน" คิดได้ดังนั้นพายุจึงอุ้มหญิงสาวขึ้นพาเธอเข้ามาในรถ และมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลทันที วันที่ 6 กันยายน 2502 วัดป่า งานประจำปีของวัดป่า ปีนี้ยังคงคึกคักเช่นเดิม ต่างมีหนุ่มสาวและผู้คนมาร่วมงานกันมากมาย หนึ่งในนั้นก็มี สญามนหญิงสาววัยยี่สิบสี่ปี เธอมาที่เที่ยวงานประจำปีที่วัดแห่งนี้กับเพื่อน ๆ เพราะค่ำคืนนี้จะมีวงดนตรีรำวงชื่อดังมาแสดง เธอมาถึงที่วัดแห่งนี้ก็เป็นช่วงเย็นซึ่งผู้คนยังไม่มากนัก ระหว่างรอเวลาเธอจึงเลือกที่จะมาเดินเล่นกินบรรยากาศรอบ ๆ นี้ก่อน เธอเดินมาเรื่อย ๆ จนถึงถนนเส้นเล็กหลังวัดป่า หญิงสาวมองตรงไปเห็นต้นลั่นทมใบเขียวขจี ตัดกับดอกสีขาวดูแล้วสวยสบายตาไม่น้อย ซึ่งมันเป็นดอกไม้ที่เธอชื่นชมเป็นพิเศษอยู่แล้วด้วย เธอจึงเดินมาเล่นมาตามทางถนนนั้น ที่ตามพื้นเต็มไปด้วยดอกลั่นทมเรื่อย ๆ และมาอยู่ยืนอยู่ใต้ต้นหนึ่ง หญิงย่อลงนั่ง มือเรียวเอื้อมไปหยิบดอกลั่นทมดอกหนึ่งที่ตกอยู่ จู่ ๆ มีลมเเรงพัดปะทะร่างกายและใบหน้า สญามนยกมืออีกข้างขึ้นมาบังลมไว้ เศษดอกไม้และใบไม้รอบตัวเธอเริ่มปลิวหมุนวนอยู่รอบ ๆ กาย กิ่งไม้บริเวณใกล้ต่างสั่นไหวไปมาเพราะเเรงลม เพียงครู่เดียวก็สงบลง ร่างบางลุกขึ้นยืน กลับมีแสงไฟหน้ารถยนต์สาดส่องกระทบตัวในระยะกระชั้นชิด "กรี๊ด!!!!" เอี๊ยด!!! เสียงสุดท้ายที่สญามนได้ยิน ก่อนที่อยู่อย่างจะมืดดับไปบทที่ 4 สญามนกลับเข้าห้องไปสักพัก เธอจึงออกมาด้วยชุดใหม่ และมายืนตรงหน้าชายหนุ่ม"เป็นไง" "อืม ฉันใส่ได้พอดีเลย ขอบคุณนะ""ไปนั่งสิ" "ไม่เป็นไร ฉันช่วย" ทั้งสองช่วยกันทำอาหารเย็นด้วยกัน และเริ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่าง ๆ มีหลาย ๆ สิ่งที่เธอไม่รู้มากมาย และหลายสิ่งที่ชายหนุ่มก็ได้ความรู้ใหม่จากเธอไม่น้อย "พรุ่งนี้ฉันมีเรียนแค่ช่วงเช้า เดี๋ยวบ่าย ๆ พาไปหาบ้านเธอกัน ""อืม ไปสิ" ทั้งคู่นั่งคุยกันระหว่างกินข้าวสญามนมองที่ใบหน้าชายหนุ่เขาช่างเป็นคนดีจริง ๆ แม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่เขาก็ยินดีที่จะช่วยเหลือทุกอย่าง ช่วงบ่ายของอีกวันหลังจากที่พายุกลับถึงคอนโด พายุก็พาหญิงสาวขับรถมุ่งหน้ามายังสมุทรสาคร สถานที่ ที่เจอเธอเมื่อหลายวันก่อน สญามนยืนอยู่หน้าตลาด ที่เธอบอกกับพายุว่าเป็นบ้านของเธอ แต่ตอนนี้มันกับไม่ใช้อย่างนั้น ที่แห่งนี้เปลี่ยนไป ไม่ใช่บ้านที่คนอาศัยอยู่ มีแต่ตลาดร้านค้า ผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ เธอยืนอย่างทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรก่อน จนชายหนุ่มที่มองดูเธออยู่ เดินเข้ามาใกล้ ๆ "ลองถามร้านค้าแถวนี้ไหม" พายุเอ่ยถาม แต่พอเธอหันหน้ากลับมา มองที่ชายหนุ่ม เขากับเห็น
บทที่ 3"นายชื่อพายุใช่ไหม" "อืม""ฉัน สญามน นะ""รู้แล้ว เธอเป็นคนให้ดูบัตร""......."พายุขับรถมาได้ร่วมชั่วโมงเริ่มเข้าใกล้กลางเมืองมากขึ้น แต่เพราะดึกมากเเล้วทำให้รถไม่ติดเท่าไรนัก "ถ้าง่วงก็หลับได้นะ ถึงแล้วเดี๋ยวฉันเรียก"" โอโห นั้นอะไรน่ะ" จู่ ๆ สญามนก็เอ่ยออกมาเสียงดัง"อะไร ….""นู่น ๆ เหมือนรถไฟแต่มันอยู่บนนั่นน่ะ""ไม่รู้จริงอ่ะ" "ฉันพึงเคยเห็นครั้งแรก" เธอกล่าวอย่างตื่นเต้น "รถไฟฟ้านะ ใต้ดินก็มีนะ" "จริงเหรอ ใต้ดินนี้นะ " "ใช่" พายุตอบกลับและแอบขำกับอาการตื่นเต้นของเธอ "หูย… นี้มันเมืองสวรรค์หรอ นายดูไฟพวกนั้นสิ นั้นตึกใช่ไหมทำไมถึงสูงอย่างนั้นล่ะ" ตลอดทางสมญามนยังไม่เลิกตื่นตากับสิ่งที่เห็นตามทางที่ผ่านมา เหมือนเธอจะลืมอาการเศร้าและหวาดกลัวไปชั่วขณะหนึ่ง ไม่นานนักก็ถึงคอนโดที่ พายุอาศัยอยู่ เขาขับรถเข้ามาจอดยังที่จอดรถ และพาหญิงสาวขึ้นลิฟท์มายังชั้นที่สามสิบแปด หญิงสาวก้าวเข้ามาในลิฟท์ เธอมองสำรวจไปทั่ว เมื่อลิฟท์เคลื่อนตัวขึ้น ร่างบางจึงเซถลาพายุยืนอยู่กลางลิฟท์สองมือลวงกระเป๋ากางเกง อยู่หญิงสาวก็เซมาเกาะแขนเขาอยู่ เขาเหล่ตาลงมองเธอที่เกาะแขนเขาไว้จนแน่น"อย่
บทที่ 2 ความรู้สึกเย็นเยียบจากเครื่องปรับอากาศของรถยนต์ แขนเรียวของสญามนขยับขึ้นมากอดตัวไว้ เปลือกตาสวยค่อย ๆ ลืมขึ้นมา พร้อมกระพริบตาถี่เริ่มเพ่งมองไปรอบ ๆ ตัว "นี้ที่ไหน" จู่ ๆ หญิงสาวที่สลบอยู่หน้ารถเมื่อครู่นี้ ก็เอ่ยขึ้นมา พายุจึงรีบจอดรถเข้าข้างทาง "นายเป็นใคร จะพาฉันไปไหน นายลักพาตัวฉันมาเหรอ " สญามนกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก เมื่อตื่นมาก็เจอชายแปลกหน้า และยังอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ "เดี๋ยว เธอเข้าใจผิดแล้ว ฉันขับรถของดี ๆ อยู่ ๆ คุณก็มายืนเป็นลมขวางหน้ารถ" "อะไรนะ" หญิงสาวพยายามนึก "ดีนะที่ฉันขับไม่เร็วไม่งั้นเหยียบเละไปแล้ว" "ฉันเป็นลมอยู่หน้ารถนาย" "ใช่ เรียกเท่าไรก็ไม่ตื่น เลยจะพาไปโรงพยาบาลนี้ไง แล้วเธอบาดเจ็บตรงไหนไหม" สญามนยังคงงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอเริ่มสำรวจร่างกายตนเอง ก็พบว่าไม่มีตรงไหนที่รู้สึกเจ็บ "ฉันไม่เป็นไร" เธอตอบเขาออกไปเริ่มมองสำรวจรถคันนี้แต่ เพราะมันมืดมากแล้วธอจึงมองไม่เห็นไม่ชัดเท่าไรนัก "ถ้าไม่เป็นไรแล้วจะให้ฉันไปไปส่งที่ไหน" "ที่วัดป่าก็ได้ค่ะ พอดีฉันมางานประจำปีที่วัดกับเพื่อน" "งานประจำปี ? " "ใช่ค่ะคืนนี้มีรำวง" "ห่ะ?? รำวง"
วันที่ 6 กันยายน 2566วัดป่าเอี๊ยด !! "เฮ้ย อะไรว่ะ" เสียงเบรครถอย่างกระทันหันพร้อมร้องอุทานออกมา เมื่อจู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่ง ปรากฎตัวอยู่หน้ารถของพายุ ชายหนุ่มที่กำลังจะเดินทางออกจากวัดป่าแห่งนี้ ดีที่ที่นี่เป็นบริเวณวัด เขาจึงไม่ได้ขับรถเร็วมากนัก จึงเบรคได้ทัน ชายหนุ่มจึงเปิดประตูรถลงมาขายาว ๆ ของเขารีบก้าวมายังหน้ารถยนต์คันหรูภาพเบื้องหน้าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งนอนสลบอยู่ติดกับหน้ารถเขาพอดี ถ้าใครมาเห็นก็คงคิดว่าเขาต้องเป็นคนขับรถชนเธอแน่ ๆ เเต่เขาก็มั่นใจว่าตนเองนั้นไม่ได้ชนโดนตัวเธอสักนิด ชายหนุ่มจึงรีบไปประคองตัวเธอคนนั้นขึ้นมา"เธอ เธอ นี้ เธอ " พายุเอ่ยเรียกหญิงสาวซ้ำ ๆ แต่เธอก็ไม่ตอบสนองใด ๆ เขามองสำรวจร่างกายเธอรายละเอียด ไม่พบบาดแผลสักนิด รอยฟกช้ำก็ไม่มี พายุมองไปรอบ ถนนลาดยางเส้นเล็ก ๆ บริเวณหลังวัดนี้ สองข้างทางเรียงรายไปด้วยต้นลั่นทมดอกสีขาว ๆ ร่วงโรยส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของมันอบอวลฟุ้งอยู่ในบรรยากาศ ที่บัดนี้เริ่มมืดสลัด ชายหนุ่มหันกลับมาที่หญิงสาว พยายามเรียกเธออีกหลายครั้งแต่ก็ยังนิ่งเหมือนเดิม"หรือหัวกระแทก เลือดก็ไม่มี" พายุพึมพำออกมาและจับศีรษะเธอดู"ยังไงก็ต้อง
Comments