บทที่ 2
ความรู้สึกเย็นเยียบจากเครื่องปรับอากาศของรถยนต์ แขนเรียวของสญามนขยับขึ้นมากอดตัวไว้ เปลือกตาสวยค่อย ๆ ลืมขึ้นมา พร้อมกระพริบตาถี่เริ่มเพ่งมองไปรอบ ๆ ตัว "นี้ที่ไหน" จู่ ๆ หญิงสาวที่สลบอยู่หน้ารถเมื่อครู่นี้ ก็เอ่ยขึ้นมา พายุจึงรีบจอดรถเข้าข้างทาง "นายเป็นใคร จะพาฉันไปไหน นายลักพาตัวฉันมาเหรอ " สญามนกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก เมื่อตื่นมาก็เจอชายแปลกหน้า และยังอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ "เดี๋ยว เธอเข้าใจผิดแล้ว ฉันขับรถของดี ๆ อยู่ ๆ คุณก็มายืนเป็นลมขวางหน้ารถ" "อะไรนะ" หญิงสาวพยายามนึก "ดีนะที่ฉันขับไม่เร็วไม่งั้นเหยียบเละไปแล้ว" "ฉันเป็นลมอยู่หน้ารถนาย" "ใช่ เรียกเท่าไรก็ไม่ตื่น เลยจะพาไปโรงพยาบาลนี้ไง แล้วเธอบาดเจ็บตรงไหนไหม" สญามนยังคงงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอเริ่มสำรวจร่างกายตนเอง ก็พบว่าไม่มีตรงไหนที่รู้สึกเจ็บ "ฉันไม่เป็นไร" เธอตอบเขาออกไปเริ่มมองสำรวจรถคันนี้แต่ เพราะมันมืดมากแล้วธอจึงมองไม่เห็นไม่ชัดเท่าไรนัก "ถ้าไม่เป็นไรแล้วจะให้ฉันไปไปส่งที่ไหน" "ที่วัดป่าก็ได้ค่ะ พอดีฉันมางานประจำปีที่วัดกับเพื่อน" "งานประจำปี ? " "ใช่ค่ะคืนนี้มีรำวง" "ห่ะ?? รำวง" "ผมก็พึงออกมาจากวัด วันนี้ไม่มีงานอะไรนะ" "มีนะ คนออกจะเยอะแยะ นายไม่เห็นหรือไง" "......" จากคำพูดที่หญิงสาวบอกเขามันแปลกมาก เพราะเขาก็พึงออกมาจากวัดได้ไม่ไกล และที่วัดก็ไม่ได้มีงานอะไรด้วย "ได้เดี๋ยวเลี้ยวรถกลับไป" พายุตัดสินใจเลี้ยวหัวรถกลับมาที่วัดอีกครั้ง ตลอดสองข้างทางที่รถขับผ่าน สญามนรู้สึกได้ว่าสถานที่นี้มันแตกต่างไปจากเดิมาก ทั้งบ้านเรือน และพื้นถนน แถมยังดวงไฟตลอดสองข้างทาง ใช้เวลาไม่นานรถยนต์คันหรูก็มาถึงหน้าซุมประตูวัด ที่มองเข้าไปก็เห็นถึงความเงียบสงัดและวังเวง แสงไฟจากหน้ารถสาดเข้าไปจนมองเห็นซุมประตู "นี้ถึงแล้ว" พายุเอ่ยบอกเธอ สญามนมองผ่านหน้ากระจากรถยนต์ออกไปอ่านชื่อวัด "วัดป่า" "ใช่ ไหนล่ะงานประจำปี ไหนรำวง" พายุเอ่ยถามขึ้น "แต่… เมื่อเย็นฉัน…" สญามนอึ้งจนพูดไม่ออก เมื่อช่วงเย็นเธอยังมาที่นี่กับเพื่อน ๆ อยู่เลย "ไม่ใช่สิ ตอนที่ฉันมามีงานประจำปีจริง ๆ แต่เดี๋ยวนะ ทำไมซุ้มประตูวัดถึงเปลี่ยนไปล่ะ เมื่อเย็นซุ้มไม่ใช่แบบนี้ และกำแพงก็เป็นอิฐมอญ ไม่ได้ดูใหม่แบบนี้" "ซุ้มประตูวัด กับกำแพงหลวงตาฉันเคยเล่าให้ฟังว่าทางวัดปรับปรุงใหม่มาเกือบสามสิบปีแล้วตั้งแต่ฉันยังไม่เกิดด้วยซ้ำ" "ไม่ใช่นะ นายลองขับรถเข้าไปดูหน่อยสิ" "แต่นี้มันมืดมากแล้วนะ จะรบกวนพระหรือเปล่า" พายุชั่งใจเล็กน้อย สญามนเริ่มเป็นกังวล และหวาดกลัวเธอจึงขอร้องให้ชายหนุ่มขับเข้าไป พายุจึงจำใจขับรถเข้ามา "ที่นี่ดูเปลี่ยนไปเยอะมาก แต่ทุกอย่างยังอยู่ตำแหน่งเดิม มันเป็นไปได้ยังไง" สญามนบ่นพึมพำออกมา พายุขับรถเข้ามาเรือย ๆ จนถึงถนนหลังวัด ที่เจอกับสญามนเมื่อเย็น แสงไฟหน้ารถสาดส่องไปตามถนน ที่เรียงรายไปด้วยต้นลั่นทม "จอดรถหน่อย" ชายหนุ่มจอดรถ ทั้งสองจึงเดินลงมา "เมื่อเย็นฉันเดินมาที่นี่" "ผมก็ขับรถผ่านเส้นนี้" สญามนเริ่มมองผ่านความมืดไปรอบ ๆ "ถนนเส้นนี้ยังเหมือนเมื่อเย็น มีแต่สภาพบริเวณวัดที่ดูเปลี่ยนไป" สญามนเอ่ยบอกชายหนุ่ม "ผมก็เห็นมันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เกิด" พายุพูดพร้อมหัวเราะออกมา "ตั้งแต่เกิดเหรอ นายก็ดูรุ่นเดียวกับฉัน นายอายุเท่าไร" "ผมยี่สิบสี่ เรียนวิศวะอยู่ปีสี่ ใกล้จะจบแล้ว" "ฉันก็ยี่สิบสี่ แต่มันไมใช่แบบนี้" แสงไฟจากหน้ารถทำให้ทั้งสองมองเห็นกันและกันมากขึ้น สญามนมองไปที่ชายหนุ่และคิดในใจ (ผู้ชายคนนี้แต่งตัวแปลกจัง รองเท้าแบบนี้ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย) พายุก็มองเธอเหมือนกัน (สมัยนี้ยังมีคนแต่งตัวแบบนี้อีกเหรอ) "เธออายุยี่สิบสี่จริงหรอ ทำไมแต่งตัวเหมือนพวกคุณยายสมัยสาว ๆ " ชายหนุ่มเห็นการแต่งตัวของเธอ ทำให้เขานึกถึงรูปถ่ายของคุณยายที่สมัยสาว ๆ ก็ใส่ชุดคล้าย ๆ แบบนี้ "ชุดแบบนี้ทำไม สาว ๆ ก็นิยมแต่งแบบนี้กันทั้งนั้น" "อะไรนะ นิยม คำพูดเธอก็คุณยายมาก ๆ เลย" "ฉันอายุยี่สิบสี่ ไม่เชื่อดูบัตรประชาชนฉันได้เลย "หญิงสาวมองค้อนพายุมือเรียวล้วงเข้าไปหยิบกระเป๋าสตางค์ ใบเล็กข้างเอวแล้วหยิบบัตรประชาชนส่งให้ชายหนุ่มดู พายุรับมาและเพ่งมอง เขามองที่บัตรรูปถ่ายสีขาวดำเหมือนของสมัยก่อน สลับกับมองใบหน้าเธอ "นางสาวสญามน กลิ่นขจร เกิดวันที่ 11 พฤศจิกายน 2478 " พายุอ่านออกเสียง "ใช่ไง อีกไมกี่เดือนฉันก็ยี่สิบสี่เต็มแล้ว" "......" พายุนิ่งเงียบมองเธอ ชายหนุ่มล้วงกระเป๋าสตางค์และหยิบบัตรประชาชนของตนเองส่งให้เธอดูบ้าง หญิงสาวรับมา "นายพายุ โชคอำนวยไพศาล เกิดวันที่ 18 มิถุนายน 2542 " "....." สญามนงุนงงพลิกประชาชนชายหนุ่มไปมา "ของปลอมหรือเปล่าฉันไม่เคยเห็นบัตรแบบนี้เลย" "ของเธอนั้นแหละปลอมมาหรือเปล่าเหมือนของสมัยคุณตาคุณยายผมเลย" "สมัยนี้มันก็บัตรแบบนี้" หญิงสาวกล่าวออกมา "เหรอ" พายุกล่าวน้ำเสียงแบบไม่ค่อยเชื่อเท่าไรนัก "แต่นี้มันที่ 2566 " "เพราะนี้มันปี 2502" ทั้งสองพูดออกมาพร้อมกัน "นายว่าปีอะไรนะ" "ปี พ.ศ. 2566" พายุกล่าวออกมา "ไม่จริงวันนี้ 6 ก.ย 2502" "วันนี้ 6 ก.ย. 2566 หรอกครับ" พายุถอนลมหายใจยาว หยิบมือถือขึ้นมากดหน้าจอจนไฟสว่างและส่งให้เธอ ดวงตากลมโตจ้องมองไปที่จอนั้นด้วยอาการตกตะลึง "มันคืออะไร โทรทัศน์เหรอทำไมมันเล็กมากเลย" "เธอไม่รู้จักมือถือหรือไง" "....." "สมาร์ทโฟนอ่ะ ที่คนสมัยนี้เขาใช่ติดต่อสือสารกันไง" "......." "เธอไม่รู้จักจริง ๆ หรอ" สญามนพยักหน้ารับ และเริ่มกังวลถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "ฉันไม่รู้จักจริง ๆ ฉะ ฉันกลัวไปหมดแล้วนี้มันเกิดอะไรขึ้น" หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งย่องกอดเข่าทั้งสองไว้ เธอทั้งสบสนมึนงงและเริ่มหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สญามนซุกหน้าไปที่เข่า พายุจึงย่อตัวลงมาใช้เข่ายันพื้นไว้หนึ่งข้าง "แล้วบ้านเธออยู่ไหน เดี๋ยวไปส่ง" สญามนเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม ทั้งสองสบตากัน ดวงตากลมโตของเธอคลอไปด้วยน้ำตาใสใกล้จะไหลออก พายุเห็นดังนั้นเขาก็สงสารเธอ แต่ก็ยังสงสัยอยู่ว่าเธอนั้นยังไงกันแน่ "ไปเถอะเดี๋ยวดึกไปกันใหญ่" สญามนพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นเดินมาขึ้นรถ เธอก็ต้องประหลาดใจอีกครั้ง เมื่อเห็นรถคันหรูแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน "นี้รถยนต์เหรอ ฉันไม่เคยเห็นแบบนี้เลย ถึงว่าตอนนั่งมามันเงียบมากเครื่องปรับอากาศก็เย็นเสียจริง" สญามนเดินสำรวจดูรอบ ๆ อย่างตื่นเต้น เธอไม่เคยเห็นรถยนต์แบบนี้มาก่อนเลย พายุมองดูท่าทางเธอที่ตื่นเต้นเหมือนพึงเคยเห็นรถยนต์ครั้งแรก ก็หลุดยิ้มออกกับท่าทีประหลาดของหญิงสาว "แปลกคนจัง มีด้วยเหรอคนที่ไม่เคยเห็นรถยนต์นอกจากเด็กพึงเกิด" "นี้เธอขึ้นรถได้แล้ว" เสียงชายหนุ่มบอก สญามนจึงเดินมาหยุดอยู่ข้างประตูรถ ก้ม ๆ เงย ๆ มอง จับนู่นจับนี้ไปมาก็เปิดประตูได้แล้วขึ้นมานั่ง พายุเคลื่อนตัวรถออกมาตามถนน หญิงสาวก็ยังไม่หยุดมองสำรวจภายในรถยนต์ "ฉันไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อนเลย มันดูทันสมัยมาก ๆ เลย" "ทันสมัยเหรอ" พายุทวนคำพูดเธอ "อืม" "แล้วบ้านเธอไปทางไหน" สญามนหยุดนิ่งเลิกมองสำรวจแต่เปลี่ยนไปมองตาข้างทางแทน "บ้านฉันอยู่ในตัวอำเภอ" "ได้งั่นเดี๋ยวขับไปตัวอำเภอก่อนเธอค่อยบอกทางอีกที" ตลอดสองข้างทางที่ขับรถผ่านมา สญามนมองผ่านด้วยสายตาที่สับสนมึนงง ทั้งบ้านที่แปลกตาและยังตึกที่ต่าง ๆ มากมายเรียงรายเต็มไปหมด "ไม่ ไม่ใช่ นี้มันที่ไหนกัน " เธอพึมพัมออกมา "ข้างหน้าถึงตัวอำเภอแล้ว ไปทางไหนต่อ" พายุเอ่ยขึ้น "ฉะ ฉัน" สญามนสับสนจนพูดไม่ออก "ค่อย ๆ นึกก่อนนะ ว่ามีจุดที่สำคัญ ๆ เช่น โรงเรียน สถานที่ราชการ หรือตลาดอะไรพวกนี้" พายุสังเกตว่าหญิงสาวมีท่าทีหวาดกลัวและสับสน "บ้านฉันอยู่ซอยกลาง ใกล้ตลาดเช้าของที่นี้" เธอพูดจบพายุก็เลี้ยวรถเข้าซอยกลางเพราะมันอยู่ข้างหน้าพอดี แต่พอเลี้ยวเข้าไปสถานทีแห่งนี้กลับเป็นตลาดทั้งหมดไม่มีซอยกลางอย่างที่เธอพูดแล้ว สญามนตื่นตระหนก ความหวาดกลัวเริ่มกัดกินหัวใจ "บ้านฉันอยู่ซอยนี้จริง ๆ นะ ทะ ทำไมมันถึงกลายเป็นตลาดไปทั้งหมดแบบนี้" น้ำเสียงเธอเริ่มสั่นเครือ "ก็นี้มันปี 2566 ครับตรงนี้เป็นตลาดมานานกว่าห้าสิบปีแล้ว ตาผมเคยเล่าให้ฟัง" "ฮึก ฮึก ปี 2566 เหรอ " สญามนหวาดกลัวกับสิ่งประหลาดที่มันเกิดขึ้น "ใช่" "แต่เมื่อเย็นที่ฉันไปงานปนะจำปีกับเพื่อน ๆ ยังปี 2502 อยู่เลย ฮึก!" "เธอคงข้ามเวลามามั่ง" "ห่ะ!!" สญามนตระลึงจนอึ้งตาค้าง "ผมพูดเล่นนะ เห็นในละครบ่อย ๆ " หญิงสาวเบือนหน้าหนีและร้องไห้ออกมาสะอึกสระอื้น พายุมองดูไหลบางสั่นไหว เธอกำลังร้องไห้อยู่ ชายหนุ่มถอนลมหายใจยาวเหยียด "พรุ่งนี้ฉันมีเรียนแต่เช้าด้วยนะ ทำยังไงดี" ชายหนุ่มครุนคิดไปมา (ดึกมากเเล้วพาเธอกับไปคอนโดก่อนแล้วกัน แล้วค่อยพาไปหาตำรวจ คนหายไปต้องมีคนมาแจ้งความบ้างแหละ) พายุคิดในใจ "เธอ ดึกมากแล้วฉันต้องกลับแล้ว "พายุเอ่ยบอก "นายจะทิ้งฉันไว้ที่นี้ใช่ไหม" หญิงสาวพยายามกลั้นเสียงร้องไห้และเอ่ยออกมา "ถ้าเธอไว้ใจฉัน กลับไปกับฉันก่อนก็ได้ แล้วจะพาเธอไปหาตำรวจ เธอหายตัวไปครอบครัวเธอต้องแจ้งความหรือตามหาบ้างแหละ" พายุบอกเธอ "......" สญามนมองใบหน้าชายหนุ่มผ่านความมืดสลัวมีเพียงแสงไฟจากข้างทางเท่านั้น เธอคิดตามที่พายุพูด (เขาก็ดูไม่หน้าจะใช่โจรผู้ร้าย เพราะมีโอกาสและที่เปลี่ยวตลอดทางเขาก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดี ลองเชื่อเขาดูก่อนแล้วกันเพราะตอนนี้ฉันก็ไม่รู้จักที่นี้เลยฉันเหมือนคนหลงทางจริง ๆ) เธอคิดใจใน "จะมองหน้าฉันอีกนานไหมครับ ดึกแล้วพรุ่งนี้มีเรียน กว่าจะขับรถเข้ากรุงเทพอีก" ดวงตากลมโตกระพริบตาถี่ ๆ ยกหลังมือขึ้นมาปาดน้ำตาตนเองที่แก้ม หญิงสาวพยักหน้ารับ รถยนต์คันหรูจึงเคลือนตัวออกอีกครั้งมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ คอนโดหรูใจกลางเมือง….บทที่ 3"นายชื่อพายุใช่ไหม" "อืม""ฉัน สญามน นะ""รู้แล้ว เธอเป็นคนให้ดูบัตร""......."พายุขับรถมาได้ร่วมชั่วโมงเริ่มเข้าใกล้กลางเมืองมากขึ้น แต่เพราะดึกมากเเล้วทำให้รถไม่ติดเท่าไรนัก "ถ้าง่วงก็หลับได้นะ ถึงแล้วเดี๋ยวฉันเรียก"" โอโห นั้นอะไรน่ะ" จู่ ๆ สญามนก็เอ่ยออกมาเสียงดัง"อะไร ….""นู่น ๆ เหมือนรถไฟแต่มันอยู่บนนั่นน่ะ""ไม่รู้จริงอ่ะ" "ฉันพึงเคยเห็นครั้งแรก" เธอกล่าวอย่างตื่นเต้น "รถไฟฟ้านะ ใต้ดินก็มีนะ" "จริงเหรอ ใต้ดินนี้นะ " "ใช่" พายุตอบกลับและแอบขำกับอาการตื่นเต้นของเธอ "หูย… นี้มันเมืองสวรรค์หรอ นายดูไฟพวกนั้นสิ นั้นตึกใช่ไหมทำไมถึงสูงอย่างนั้นล่ะ" ตลอดทางสมญามนยังไม่เลิกตื่นตากับสิ่งที่เห็นตามทางที่ผ่านมา เหมือนเธอจะลืมอาการเศร้าและหวาดกลัวไปชั่วขณะหนึ่ง ไม่นานนักก็ถึงคอนโดที่ พายุอาศัยอยู่ เขาขับรถเข้ามาจอดยังที่จอดรถ และพาหญิงสาวขึ้นลิฟท์มายังชั้นที่สามสิบแปด หญิงสาวก้าวเข้ามาในลิฟท์ เธอมองสำรวจไปทั่ว เมื่อลิฟท์เคลื่อนตัวขึ้น ร่างบางจึงเซถลาพายุยืนอยู่กลางลิฟท์สองมือลวงกระเป๋ากางเกง อยู่หญิงสาวก็เซมาเกาะแขนเขาอยู่ เขาเหล่ตาลงมองเธอที่เกาะแขนเขาไว้จนแน่น"อย่
บทที่ 4 สญามนกลับเข้าห้องไปสักพัก เธอจึงออกมาด้วยชุดใหม่ และมายืนตรงหน้าชายหนุ่ม"เป็นไง" "อืม ฉันใส่ได้พอดีเลย ขอบคุณนะ""ไปนั่งสิ" "ไม่เป็นไร ฉันช่วย" ทั้งสองช่วยกันทำอาหารเย็นด้วยกัน และเริ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่าง ๆ มีหลาย ๆ สิ่งที่เธอไม่รู้มากมาย และหลายสิ่งที่ชายหนุ่มก็ได้ความรู้ใหม่จากเธอไม่น้อย "พรุ่งนี้ฉันมีเรียนแค่ช่วงเช้า เดี๋ยวบ่าย ๆ พาไปหาบ้านเธอกัน ""อืม ไปสิ" ทั้งคู่นั่งคุยกันระหว่างกินข้าวสญามนมองที่ใบหน้าชายหนุ่เขาช่างเป็นคนดีจริง ๆ แม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่เขาก็ยินดีที่จะช่วยเหลือทุกอย่าง ช่วงบ่ายของอีกวันหลังจากที่พายุกลับถึงคอนโด พายุก็พาหญิงสาวขับรถมุ่งหน้ามายังสมุทรสาคร สถานที่ ที่เจอเธอเมื่อหลายวันก่อน สญามนยืนอยู่หน้าตลาด ที่เธอบอกกับพายุว่าเป็นบ้านของเธอ แต่ตอนนี้มันกับไม่ใช้อย่างนั้น ที่แห่งนี้เปลี่ยนไป ไม่ใช่บ้านที่คนอาศัยอยู่ มีแต่ตลาดร้านค้า ผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ เธอยืนอย่างทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรก่อน จนชายหนุ่มที่มองดูเธออยู่ เดินเข้ามาใกล้ ๆ "ลองถามร้านค้าแถวนี้ไหม" พายุเอ่ยถาม แต่พอเธอหันหน้ากลับมา มองที่ชายหนุ่ม เขากับเห็น
วันที่ 6 กันยายน 2566วัดป่าเอี๊ยด !! "เฮ้ย อะไรว่ะ" เสียงเบรครถอย่างกระทันหันพร้อมร้องอุทานออกมา เมื่อจู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่ง ปรากฎตัวอยู่หน้ารถของพายุ ชายหนุ่มที่กำลังจะเดินทางออกจากวัดป่าแห่งนี้ ดีที่ที่นี่เป็นบริเวณวัด เขาจึงไม่ได้ขับรถเร็วมากนัก จึงเบรคได้ทัน ชายหนุ่มจึงเปิดประตูรถลงมาขายาว ๆ ของเขารีบก้าวมายังหน้ารถยนต์คันหรูภาพเบื้องหน้าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งนอนสลบอยู่ติดกับหน้ารถเขาพอดี ถ้าใครมาเห็นก็คงคิดว่าเขาต้องเป็นคนขับรถชนเธอแน่ ๆ เเต่เขาก็มั่นใจว่าตนเองนั้นไม่ได้ชนโดนตัวเธอสักนิด ชายหนุ่มจึงรีบไปประคองตัวเธอคนนั้นขึ้นมา"เธอ เธอ นี้ เธอ " พายุเอ่ยเรียกหญิงสาวซ้ำ ๆ แต่เธอก็ไม่ตอบสนองใด ๆ เขามองสำรวจร่างกายเธอรายละเอียด ไม่พบบาดแผลสักนิด รอยฟกช้ำก็ไม่มี พายุมองไปรอบ ถนนลาดยางเส้นเล็ก ๆ บริเวณหลังวัดนี้ สองข้างทางเรียงรายไปด้วยต้นลั่นทมดอกสีขาว ๆ ร่วงโรยส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของมันอบอวลฟุ้งอยู่ในบรรยากาศ ที่บัดนี้เริ่มมืดสลัด ชายหนุ่มหันกลับมาที่หญิงสาว พยายามเรียกเธออีกหลายครั้งแต่ก็ยังนิ่งเหมือนเดิม"หรือหัวกระแทก เลือดก็ไม่มี" พายุพึมพำออกมาและจับศีรษะเธอดู"ยังไงก็ต้อง
บทที่ 4 สญามนกลับเข้าห้องไปสักพัก เธอจึงออกมาด้วยชุดใหม่ และมายืนตรงหน้าชายหนุ่ม"เป็นไง" "อืม ฉันใส่ได้พอดีเลย ขอบคุณนะ""ไปนั่งสิ" "ไม่เป็นไร ฉันช่วย" ทั้งสองช่วยกันทำอาหารเย็นด้วยกัน และเริ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่าง ๆ มีหลาย ๆ สิ่งที่เธอไม่รู้มากมาย และหลายสิ่งที่ชายหนุ่มก็ได้ความรู้ใหม่จากเธอไม่น้อย "พรุ่งนี้ฉันมีเรียนแค่ช่วงเช้า เดี๋ยวบ่าย ๆ พาไปหาบ้านเธอกัน ""อืม ไปสิ" ทั้งคู่นั่งคุยกันระหว่างกินข้าวสญามนมองที่ใบหน้าชายหนุ่เขาช่างเป็นคนดีจริง ๆ แม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่เขาก็ยินดีที่จะช่วยเหลือทุกอย่าง ช่วงบ่ายของอีกวันหลังจากที่พายุกลับถึงคอนโด พายุก็พาหญิงสาวขับรถมุ่งหน้ามายังสมุทรสาคร สถานที่ ที่เจอเธอเมื่อหลายวันก่อน สญามนยืนอยู่หน้าตลาด ที่เธอบอกกับพายุว่าเป็นบ้านของเธอ แต่ตอนนี้มันกับไม่ใช้อย่างนั้น ที่แห่งนี้เปลี่ยนไป ไม่ใช่บ้านที่คนอาศัยอยู่ มีแต่ตลาดร้านค้า ผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ เธอยืนอย่างทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรก่อน จนชายหนุ่มที่มองดูเธออยู่ เดินเข้ามาใกล้ ๆ "ลองถามร้านค้าแถวนี้ไหม" พายุเอ่ยถาม แต่พอเธอหันหน้ากลับมา มองที่ชายหนุ่ม เขากับเห็น
บทที่ 3"นายชื่อพายุใช่ไหม" "อืม""ฉัน สญามน นะ""รู้แล้ว เธอเป็นคนให้ดูบัตร""......."พายุขับรถมาได้ร่วมชั่วโมงเริ่มเข้าใกล้กลางเมืองมากขึ้น แต่เพราะดึกมากเเล้วทำให้รถไม่ติดเท่าไรนัก "ถ้าง่วงก็หลับได้นะ ถึงแล้วเดี๋ยวฉันเรียก"" โอโห นั้นอะไรน่ะ" จู่ ๆ สญามนก็เอ่ยออกมาเสียงดัง"อะไร ….""นู่น ๆ เหมือนรถไฟแต่มันอยู่บนนั่นน่ะ""ไม่รู้จริงอ่ะ" "ฉันพึงเคยเห็นครั้งแรก" เธอกล่าวอย่างตื่นเต้น "รถไฟฟ้านะ ใต้ดินก็มีนะ" "จริงเหรอ ใต้ดินนี้นะ " "ใช่" พายุตอบกลับและแอบขำกับอาการตื่นเต้นของเธอ "หูย… นี้มันเมืองสวรรค์หรอ นายดูไฟพวกนั้นสิ นั้นตึกใช่ไหมทำไมถึงสูงอย่างนั้นล่ะ" ตลอดทางสมญามนยังไม่เลิกตื่นตากับสิ่งที่เห็นตามทางที่ผ่านมา เหมือนเธอจะลืมอาการเศร้าและหวาดกลัวไปชั่วขณะหนึ่ง ไม่นานนักก็ถึงคอนโดที่ พายุอาศัยอยู่ เขาขับรถเข้ามาจอดยังที่จอดรถ และพาหญิงสาวขึ้นลิฟท์มายังชั้นที่สามสิบแปด หญิงสาวก้าวเข้ามาในลิฟท์ เธอมองสำรวจไปทั่ว เมื่อลิฟท์เคลื่อนตัวขึ้น ร่างบางจึงเซถลาพายุยืนอยู่กลางลิฟท์สองมือลวงกระเป๋ากางเกง อยู่หญิงสาวก็เซมาเกาะแขนเขาอยู่ เขาเหล่ตาลงมองเธอที่เกาะแขนเขาไว้จนแน่น"อย่
บทที่ 2 ความรู้สึกเย็นเยียบจากเครื่องปรับอากาศของรถยนต์ แขนเรียวของสญามนขยับขึ้นมากอดตัวไว้ เปลือกตาสวยค่อย ๆ ลืมขึ้นมา พร้อมกระพริบตาถี่เริ่มเพ่งมองไปรอบ ๆ ตัว "นี้ที่ไหน" จู่ ๆ หญิงสาวที่สลบอยู่หน้ารถเมื่อครู่นี้ ก็เอ่ยขึ้นมา พายุจึงรีบจอดรถเข้าข้างทาง "นายเป็นใคร จะพาฉันไปไหน นายลักพาตัวฉันมาเหรอ " สญามนกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก เมื่อตื่นมาก็เจอชายแปลกหน้า และยังอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ "เดี๋ยว เธอเข้าใจผิดแล้ว ฉันขับรถของดี ๆ อยู่ ๆ คุณก็มายืนเป็นลมขวางหน้ารถ" "อะไรนะ" หญิงสาวพยายามนึก "ดีนะที่ฉันขับไม่เร็วไม่งั้นเหยียบเละไปแล้ว" "ฉันเป็นลมอยู่หน้ารถนาย" "ใช่ เรียกเท่าไรก็ไม่ตื่น เลยจะพาไปโรงพยาบาลนี้ไง แล้วเธอบาดเจ็บตรงไหนไหม" สญามนยังคงงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอเริ่มสำรวจร่างกายตนเอง ก็พบว่าไม่มีตรงไหนที่รู้สึกเจ็บ "ฉันไม่เป็นไร" เธอตอบเขาออกไปเริ่มมองสำรวจรถคันนี้แต่ เพราะมันมืดมากแล้วธอจึงมองไม่เห็นไม่ชัดเท่าไรนัก "ถ้าไม่เป็นไรแล้วจะให้ฉันไปไปส่งที่ไหน" "ที่วัดป่าก็ได้ค่ะ พอดีฉันมางานประจำปีที่วัดกับเพื่อน" "งานประจำปี ? " "ใช่ค่ะคืนนี้มีรำวง" "ห่ะ?? รำวง"
วันที่ 6 กันยายน 2566วัดป่าเอี๊ยด !! "เฮ้ย อะไรว่ะ" เสียงเบรครถอย่างกระทันหันพร้อมร้องอุทานออกมา เมื่อจู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่ง ปรากฎตัวอยู่หน้ารถของพายุ ชายหนุ่มที่กำลังจะเดินทางออกจากวัดป่าแห่งนี้ ดีที่ที่นี่เป็นบริเวณวัด เขาจึงไม่ได้ขับรถเร็วมากนัก จึงเบรคได้ทัน ชายหนุ่มจึงเปิดประตูรถลงมาขายาว ๆ ของเขารีบก้าวมายังหน้ารถยนต์คันหรูภาพเบื้องหน้าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งนอนสลบอยู่ติดกับหน้ารถเขาพอดี ถ้าใครมาเห็นก็คงคิดว่าเขาต้องเป็นคนขับรถชนเธอแน่ ๆ เเต่เขาก็มั่นใจว่าตนเองนั้นไม่ได้ชนโดนตัวเธอสักนิด ชายหนุ่มจึงรีบไปประคองตัวเธอคนนั้นขึ้นมา"เธอ เธอ นี้ เธอ " พายุเอ่ยเรียกหญิงสาวซ้ำ ๆ แต่เธอก็ไม่ตอบสนองใด ๆ เขามองสำรวจร่างกายเธอรายละเอียด ไม่พบบาดแผลสักนิด รอยฟกช้ำก็ไม่มี พายุมองไปรอบ ถนนลาดยางเส้นเล็ก ๆ บริเวณหลังวัดนี้ สองข้างทางเรียงรายไปด้วยต้นลั่นทมดอกสีขาว ๆ ร่วงโรยส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของมันอบอวลฟุ้งอยู่ในบรรยากาศ ที่บัดนี้เริ่มมืดสลัด ชายหนุ่มหันกลับมาที่หญิงสาว พยายามเรียกเธออีกหลายครั้งแต่ก็ยังนิ่งเหมือนเดิม"หรือหัวกระแทก เลือดก็ไม่มี" พายุพึมพำออกมาและจับศีรษะเธอดู"ยังไงก็ต้อง