บทที่ 4
สญามนกลับเข้าห้องไปสักพัก เธอจึงออกมาด้วยชุดใหม่ และมายืนตรงหน้าชายหนุ่ม "เป็นไง" "อืม ฉันใส่ได้พอดีเลย ขอบคุณนะ" "ไปนั่งสิ" "ไม่เป็นไร ฉันช่วย" ทั้งสองช่วยกันทำอาหารเย็นด้วยกัน และเริ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่าง ๆ มีหลาย ๆ สิ่งที่เธอไม่รู้มากมาย และหลายสิ่งที่ชายหนุ่มก็ได้ความรู้ใหม่จากเธอไม่น้อย "พรุ่งนี้ฉันมีเรียนแค่ช่วงเช้า เดี๋ยวบ่าย ๆ พาไปหาบ้านเธอกัน " "อืม ไปสิ" ทั้งคู่นั่งคุยกันระหว่างกินข้าว สญามนมองที่ใบหน้าชายหนุ่เขาช่างเป็นคนดีจริง ๆ แม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่เขาก็ยินดีที่จะช่วยเหลือทุกอย่าง ช่วงบ่ายของอีกวันหลังจากที่พายุกลับถึงคอนโด พายุก็พาหญิงสาวขับรถมุ่งหน้ามายังสมุทรสาคร สถานที่ ที่เจอเธอเมื่อหลายวันก่อน สญามนยืนอยู่หน้าตลาด ที่เธอบอกกับพายุว่าเป็นบ้านของเธอ แต่ตอนนี้มันกับไม่ใช้อย่างนั้น ที่แห่งนี้เปลี่ยนไป ไม่ใช่บ้านที่คนอาศัยอยู่ มีแต่ตลาดร้านค้า ผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ เธอยืนอย่างทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรก่อน จนชายหนุ่มที่มองดูเธออยู่ เดินเข้ามาใกล้ ๆ "ลองถามร้านค้าแถวนี้ไหม" พายุเอ่ยถาม แต่พอเธอหันหน้ากลับมา มองที่ชายหนุ่ม เขากับเห็นดวงตาเธอแดงระเรื่อ น้ำตาคลอหน่วยอยู่ในลูกตา "สญามน งั่นเดี๋ยวฉันถามให้ อืม…ร้านนี้แล้วกันดูแล้วหน้าจะอยู่มานาน" พายุมองไปที่ร้านหนึ่งที่ มีคนชายชราอายุราว ๆ หกสิบถึงเจ็ดสิบปีนั้งอยู่บริเวณหน้าร้าน ชายหนุ่มจึงจูงมือหญิงสาวเดินเข้าไปหา "คุณตาครับ บ้านที่อยู่แถว ๆ นี้เมื่อหลายสิบปีก่อนหายไปไหนหมดล่ะครับ" ชายชราคนนั้นค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองทั้งสอง "อืม บ้านแถวนี้นะหรือ เขาย้ายออกกันไปนานมากแล้วล่ะไอ้หนุ่ม น่าจะตั้งแต่ตาเด็ก ๆ เเล้วตอนนั้นซอยกลางนี้มีบ้านคนอาศัยอยู่เยอะ เพราะเจ้าของที่เขาจะสร้างตลาดไงเลยเรียกคืนจึงได้ย้ายออกกันหมด แล้วมันก็เจริญขึ้นถึงปัจจุบันนี้ล่ะ" "อ๋อ ครับ แล้วคุณตาเคยเห็นผู้หญิงหน้าตาแบบนี้ไหมครับ" พายุกล่าวพร้อมกับจูงสญามนมายืนต่อหน้าชายชรา หญิงสาวจึงยกมือขึ้นไหว้ตามมารยาท ชายชราจึงมองไปที่เธอแบบเพ่งพินิจ "คือเธออยากตามหาญาติครับ ญาติเธอเมื่อก่อนเคยอยู่แถวนี้" ชายชราพยักหน้าและมองเธอ ทั้งสองจึงรู้สึกตื่นเต้นคิดว่าชายแก่คงนึกออก "คุ้น ๆ ไหมคะ" หญิงสาวเอ่อถาม คุณตาคนนั้นมองหน้าทั้งคู่สลับไปมา และยิ้ม ทั้งสองจึงยิ่งดีใจ "เมียแก่นี้สวยดีนะไอ้หนุ่ม" "เอ่อ ไม่ใช่ค่ะ" "ไม่ใช่ครับ" พายุและสญามนพูดออกมาพร้อมกัน "ไม่ใช่ค่ะ หนูไม่ได้เป็นเมียเขาค่ะ เอางี้ คุณตาพอรู้จักคนที่นามสกุล กลิ่นขจรบ้างไหมค่ะ" "อืม…..ไม่เคยได้ยินนะ" ชายแก่คุ้นคิดและตอบออกมา สญามนหันหน้ากลับไปหันพายุ ทำสีหน้าเศร้าสร้อย "ไม่เป็นไรครับ พวกเราไม่รบกวนแล้วขอตัวก่อนนะครับคุณตา" ทั้งสองจึงไหว้ขอบคุณคุณตาแล้วเดินจากมา "เดี๋ยวเราไปโรงพักแถวนี้ดู" พายุเอ่ยบอก สญามนจึงได้แต่ทำตามเขาไป เพราะตอนนี้เธอก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ ได้แต่พึงพาชายหนุ่มเท่านั้น โรงพัก สองหนุ่มสาวยืนอยู่หน้าโรงพัก หญิงสาวเธอมองไปที่ชายหนุ่มที่ยังยืนนิ่งเหมือนคิดอะไรอยู่ "พายุ นายคิดอะไรอยู่ ทำไมเราไม่เข้าไปล่ะ" "ฉันกำลังคิดว่าจะบอกตำรวจยังดี ถ้าตำรวจถาม ว่าเจอคุณได้ยัง ถ้าบอกว่าคุณมาจากปี 2502 คงได้หาว่าผมบ้าแน่ ๆ" "ก็ฉันมาจากปี 2502 จริง ๆ " "ไม่มีใครเชื่อหรอก" "แล้วนายจะทำยังไง" พายุทำถ้าคุ้นคิดอยู่พักหนึ่ง "เอางี้ บอกว่าเธออยากตามหาตุณยายแล้วกัน" พูดจบชายหนุ่มก็ดึงมือเธอเดินขึ้นโรงพักไป "ห่ะ ดะ เดี๋ยว คุณยายเลยหรอก" "ชื่ออะไรนะครับ" เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนเอ่ยถามทั้งคู่ แต่สญามนยังคงเงียบ พายุจึงใช้ข้อศอกสะกิดเบา ๆ "ชะ ชื่อ สญามน กลิ่นขจร ค่ะ " "หายไปเมื่อไรครับ" "เมื่อปี 2502 ค่ะ" "โอ้ 64 ปีผ่านแล้วนะครับ" "ค่ะ ใช่ค่ะ ฉันอยากรู้ว่ามีคนมาแจ้งความคนหายบ้างไหมคะ" ตำรวจวัยกลางคนใช้สายตาลอดแว่น มองทั้งคู่ "เออ พอจะมีข้อมูลบ้างไหมครับเกี่ยวผู้หญิงที่ชื่อ สญามน กลิ่นขจร น่ะครับ" เจ้าหน้าที่ตำรวจก้มหน้าลง กดบางอย่างได้คอมพิวเตอร์ สักพักจึงเงยหน้าขึ้นมาบอกว่า "ไม่มีชื่อนี้ในฐานข้อมูลคนหายเลยครับ หรือช่วงเวลานั้นเทคโนโลยีต่าง ๆ ยังเข้าไม่ถึง หรืออาจไม่มีคนมาแจ้งความไว้ครับ" "อ๋อ ครับ" "ค่ะ" "ยังไงทิ้งเบอร์ติดต่อไว้นะครับ ถ้าเจอข้อมูลหรือเบาะแสอะไรผมจะโทรติดต่อไป" "ได้ครับ" พายุจดเบอร์โทรศัพท์ส่งให้เจ้าหน้าที่แล้วทั้งคู่จึงเดินออกมา "ถ้าหาไม่เจอจะทำยังไงดี แต่ถ้าฉันเจอทุกคนไม่แก่กันไปหมดแล้วหรอ" สญามนพึมพำขณะเดินออกมา "ฉันจะทำยังไงดี" เธอเอ่ยถามชายหนุ่ม "เอาหน้าไม่ต่องกังวล ถ้ายังไม่เจอเธอก็อยู่ที่คอนโดไปก่อน รอตำรวจติดต่อมา" "ฉันอยู่กับนายได้หรอ" "ก็ได้นะ ถ้าไม่รังเกียจ หรือกลัวฉัน" "ฉันจะรังเกียจหรือกลัวนายได้ยังไง นายช่วยฉันขนาดนี้ ฉันกลัวว่านายจะรังเกียจฉันมากกว่า" "ฉันไม่รังเกียจ.. และเต็มใจช่วย" ดวงตากลมตาของหญิงสาวจ้องมองไปที่ดวงตาชายหนุ่ม ๆ ทั้งคู่ต่างจ้องมองกัน เริ่มมีความรู้สึกประหลาดเกิดขึ้นในหัวใจ ชายหนุ่มรู้สึกถึงหัวใจที่กำลังเต้นเเรง แต่เขาก็ยังไม่อยากละสายตาไปจากดวงตากลมโตนั้น จนใบหน้าสวยเริ่มมีสีแดงระเรื่อที่แก้ม ก่อนเธอจะหุบสายตาและหันหน้าไปทางอื่น " ฉันคิดว่าฉันจะหาทางกลับไปปี 2502 " "ยังไง" พายุเอ่ยถามเธอ "ที่เดิม" "ที่ไหนล่ะ" "ที่วัดป่านั้นไง ถนนเส้นนั้น ที่เรียงรายไปดอกต้นลั่นทม" "แล้วเธอจะไปปี 2502 ยังไง นั่งไทม์แมชชีนไปหรอ" "ห่ะ ไทม์ ไทม์อะไรนะ " "ไทม์แมชชีน ของโดเรม่อนน่ะ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเดินทางข้ามเวลาไง" "มีแบบนี้ด้วยหรอ! งั้นนายไปยืมให้หน่อย เออใครนะ โด โดเรม่อน เหรอ" พายุได้ฟังคำที่หญิงสาวพูดก็ขำพืดออกมาอย่างสุดกลั้น สร้างความงงงวยให้กับเธอยิ่งนัก "นายจะหัวเราะอะไร มีอะไรน่าหัวเราะ" "ผม ผมขอโทษ ลืมไปว่าการ์ตูนโดเรม่อนพึงฉายในไทยปี 2525 " "การ์ตูนเหรอ" "ใช่" "ฉันเคยอ่านแค่ในหนังสือ หนังสือการ์ตูนขายหัวเราะ นายรู้จักไหม" "รู้ ตอนนี้ก็น่าจะยังมีอยู่นะ ผมเคยได้ยิน" "แต่ อย่าพึงเปลี่ยนเรื่อง ฉันคิดว่าฉันข้ามเวลามาปีนี้ได้เพราะอาจจะมีมิติเวลาอยู่แถว ๆ นั้น ตอนที่ฉันก้มลงไปเก็บดอกลั่นทม จู่ ๆ ก็มีลมพัดแรงมาก" "ทำให้เธอถูกมิติเวลาดูดมาปี 2566 นี้ใช่ไหม" "ฉันคิดว่าคงจะเป็นแบบนั้น" "ก็ได้ผมจะพาไปที่วัดป่าอีกครั้ง" ชายหนุ่มจึงขับรถพาเธอมายังวัดป่าอีกครั้ง เมื่อถึงถนนเส้นเดิมที่เจอกัน ทั้งสองจึงลงจากรถเดินมายังจุดนั้น หญิงสาวมองไปรอบ ๆ ก็พบแต่ความเงียบสงบ สายลมพัดเอื่อย ๆ ดอกลั่นทนส่งกลิ่มหอมอ่อนไม่ขาดสาย "จุดนี้ล่ะ ที่ฉันก้มเก็บดอกไม้" ชายหนุ่มมองเธอนิ่งช่างใจครุ่นคิดเรื่องของเธอ ที่เธอบอกว่าเธอข้ามมิติเวลามามันจะเป็นเรื่องจริงไหมนะ "งั้นเราอยู่ตรงนี้อีกสักพัก เพื่อมิติเวลาจะเปิด" พายุกล่าวบอกเธอ "......" หญิงสาวพยักหน้ารับ ทั้งคู่ยืนอยู่บริเวณนั้นจนเวลาผ่านเลยไปจนท้องฟ้าใกล้จะมืด ชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูมันบอกเวลาหกนาฬิกาสามสิบนาทีกว่าแล้ว สญามนเห็นท่าทีของพายุ คิดว่าเขาคงจะรอจนเบื่อจึงได้พยายามหาเรื่องคุยกับเขา "วันนั้นนายมาทำอะไรที่วัดนี้ล่ะ" "ผมมาเอาของหลวงตา หลวงตาผมบวชอยู่วัดนี้" "อ่าว แล้วนี้นายไม่เข้าไปกราบท่านล่ะ มาถึงวัดแล้ว" "ตอนนี้หลวงตาไปเยี่ยมบ้าน ท่านแก่มากแล้วโรคประจำตัวเยอะ อยู่ที่วัดไม่มีคนดูแล" "อ๋อ" "แล้วครอบครัวนายล่ะทำงานอะไรกันเหรอ" "อืม ครอบครัวพ่อเปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้างน่ะ พอเรียนจบผมก็จะกับไปรับช่วงกิจการต่อจากพ่อ "บ้านนาย คงรวยมาก ๆ ใช่ไหม" "อืมก็พอได้อยู่นะ" "ไอ้พอได้อยู่นะ นี้มันคืออะไร" "ก็… รวยไง ถือว่าว่ารวยแล้วกัน" "ดีจัง" "ทำไมเหรอ" พายุถามเธอกลับ ฟิ้วววว.. เสียงลมพัดผ่าน กิ่งไม้เริ่มเสียดสีกันไป ใบไม้ดอกไม้ที่หล่นอยู่ตามพื้นเริ่มปลิวไปตามลมที่เริ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองต่างมองหน้ากัน "ลมแบบนี้แหละ เหมือนวันนั้นเลย" สญามนพูดพร้อมเดินออกไปกลางถนนเส้นนี้ เธอปล่อยให้ลมพัดผ่านหมุนวนร่างบางไป "เดี๋ยว สญามน" พายุเอ่ยเรียกเธอฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นมาบังฝุ่่นผงไม้ให้เข้าดวงตา เพราะลมที่พัดแรงขึ้น "ขอบคุณนะพายุ ที่ค่อยช่วยเหลือฉันหลาย ๆ วันที่ผ่านมานี้" สญามนเอ่ยเสียงดังฝ่าเสียงลมและเศษใบไม้ที่ปลิวว่อน "ฉันจะไม่ลืมนายเลยนะ" "สญามน นี้มันเรื่องจริงเหรอเนียเธอจะข้ามผ่านมิติเวลาจริง ๆ เหรอ" พายุเริ่มมองไม่เห็นร่างบางของเธอ…..วันที่ 6 กันยายน 2566วัดป่าเอี๊ยด !! "เฮ้ย อะไรว่ะ" เสียงเบรครถอย่างกระทันหันพร้อมร้องอุทานออกมา เมื่อจู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่ง ปรากฎตัวอยู่หน้ารถของพายุ ชายหนุ่มที่กำลังจะเดินทางออกจากวัดป่าแห่งนี้ ดีที่ที่นี่เป็นบริเวณวัด เขาจึงไม่ได้ขับรถเร็วมากนัก จึงเบรคได้ทัน ชายหนุ่มจึงเปิดประตูรถลงมาขายาว ๆ ของเขารีบก้าวมายังหน้ารถยนต์คันหรูภาพเบื้องหน้าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งนอนสลบอยู่ติดกับหน้ารถเขาพอดี ถ้าใครมาเห็นก็คงคิดว่าเขาต้องเป็นคนขับรถชนเธอแน่ ๆ เเต่เขาก็มั่นใจว่าตนเองนั้นไม่ได้ชนโดนตัวเธอสักนิด ชายหนุ่มจึงรีบไปประคองตัวเธอคนนั้นขึ้นมา"เธอ เธอ นี้ เธอ " พายุเอ่ยเรียกหญิงสาวซ้ำ ๆ แต่เธอก็ไม่ตอบสนองใด ๆ เขามองสำรวจร่างกายเธอรายละเอียด ไม่พบบาดแผลสักนิด รอยฟกช้ำก็ไม่มี พายุมองไปรอบ ถนนลาดยางเส้นเล็ก ๆ บริเวณหลังวัดนี้ สองข้างทางเรียงรายไปด้วยต้นลั่นทมดอกสีขาว ๆ ร่วงโรยส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของมันอบอวลฟุ้งอยู่ในบรรยากาศ ที่บัดนี้เริ่มมืดสลัด ชายหนุ่มหันกลับมาที่หญิงสาว พยายามเรียกเธออีกหลายครั้งแต่ก็ยังนิ่งเหมือนเดิม"หรือหัวกระแทก เลือดก็ไม่มี" พายุพึมพำออกมาและจับศีรษะเธอดู"ยังไงก็ต้อง
บทที่ 2 ความรู้สึกเย็นเยียบจากเครื่องปรับอากาศของรถยนต์ แขนเรียวของสญามนขยับขึ้นมากอดตัวไว้ เปลือกตาสวยค่อย ๆ ลืมขึ้นมา พร้อมกระพริบตาถี่เริ่มเพ่งมองไปรอบ ๆ ตัว "นี้ที่ไหน" จู่ ๆ หญิงสาวที่สลบอยู่หน้ารถเมื่อครู่นี้ ก็เอ่ยขึ้นมา พายุจึงรีบจอดรถเข้าข้างทาง "นายเป็นใคร จะพาฉันไปไหน นายลักพาตัวฉันมาเหรอ " สญามนกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก เมื่อตื่นมาก็เจอชายแปลกหน้า และยังอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ "เดี๋ยว เธอเข้าใจผิดแล้ว ฉันขับรถของดี ๆ อยู่ ๆ คุณก็มายืนเป็นลมขวางหน้ารถ" "อะไรนะ" หญิงสาวพยายามนึก "ดีนะที่ฉันขับไม่เร็วไม่งั้นเหยียบเละไปแล้ว" "ฉันเป็นลมอยู่หน้ารถนาย" "ใช่ เรียกเท่าไรก็ไม่ตื่น เลยจะพาไปโรงพยาบาลนี้ไง แล้วเธอบาดเจ็บตรงไหนไหม" สญามนยังคงงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอเริ่มสำรวจร่างกายตนเอง ก็พบว่าไม่มีตรงไหนที่รู้สึกเจ็บ "ฉันไม่เป็นไร" เธอตอบเขาออกไปเริ่มมองสำรวจรถคันนี้แต่ เพราะมันมืดมากแล้วธอจึงมองไม่เห็นไม่ชัดเท่าไรนัก "ถ้าไม่เป็นไรแล้วจะให้ฉันไปไปส่งที่ไหน" "ที่วัดป่าก็ได้ค่ะ พอดีฉันมางานประจำปีที่วัดกับเพื่อน" "งานประจำปี ? " "ใช่ค่ะคืนนี้มีรำวง" "ห่ะ?? รำวง"
บทที่ 3"นายชื่อพายุใช่ไหม" "อืม""ฉัน สญามน นะ""รู้แล้ว เธอเป็นคนให้ดูบัตร""......."พายุขับรถมาได้ร่วมชั่วโมงเริ่มเข้าใกล้กลางเมืองมากขึ้น แต่เพราะดึกมากเเล้วทำให้รถไม่ติดเท่าไรนัก "ถ้าง่วงก็หลับได้นะ ถึงแล้วเดี๋ยวฉันเรียก"" โอโห นั้นอะไรน่ะ" จู่ ๆ สญามนก็เอ่ยออกมาเสียงดัง"อะไร ….""นู่น ๆ เหมือนรถไฟแต่มันอยู่บนนั่นน่ะ""ไม่รู้จริงอ่ะ" "ฉันพึงเคยเห็นครั้งแรก" เธอกล่าวอย่างตื่นเต้น "รถไฟฟ้านะ ใต้ดินก็มีนะ" "จริงเหรอ ใต้ดินนี้นะ " "ใช่" พายุตอบกลับและแอบขำกับอาการตื่นเต้นของเธอ "หูย… นี้มันเมืองสวรรค์หรอ นายดูไฟพวกนั้นสิ นั้นตึกใช่ไหมทำไมถึงสูงอย่างนั้นล่ะ" ตลอดทางสมญามนยังไม่เลิกตื่นตากับสิ่งที่เห็นตามทางที่ผ่านมา เหมือนเธอจะลืมอาการเศร้าและหวาดกลัวไปชั่วขณะหนึ่ง ไม่นานนักก็ถึงคอนโดที่ พายุอาศัยอยู่ เขาขับรถเข้ามาจอดยังที่จอดรถ และพาหญิงสาวขึ้นลิฟท์มายังชั้นที่สามสิบแปด หญิงสาวก้าวเข้ามาในลิฟท์ เธอมองสำรวจไปทั่ว เมื่อลิฟท์เคลื่อนตัวขึ้น ร่างบางจึงเซถลาพายุยืนอยู่กลางลิฟท์สองมือลวงกระเป๋ากางเกง อยู่หญิงสาวก็เซมาเกาะแขนเขาอยู่ เขาเหล่ตาลงมองเธอที่เกาะแขนเขาไว้จนแน่น"อย่
บทที่ 4 สญามนกลับเข้าห้องไปสักพัก เธอจึงออกมาด้วยชุดใหม่ และมายืนตรงหน้าชายหนุ่ม"เป็นไง" "อืม ฉันใส่ได้พอดีเลย ขอบคุณนะ""ไปนั่งสิ" "ไม่เป็นไร ฉันช่วย" ทั้งสองช่วยกันทำอาหารเย็นด้วยกัน และเริ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่าง ๆ มีหลาย ๆ สิ่งที่เธอไม่รู้มากมาย และหลายสิ่งที่ชายหนุ่มก็ได้ความรู้ใหม่จากเธอไม่น้อย "พรุ่งนี้ฉันมีเรียนแค่ช่วงเช้า เดี๋ยวบ่าย ๆ พาไปหาบ้านเธอกัน ""อืม ไปสิ" ทั้งคู่นั่งคุยกันระหว่างกินข้าวสญามนมองที่ใบหน้าชายหนุ่เขาช่างเป็นคนดีจริง ๆ แม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่เขาก็ยินดีที่จะช่วยเหลือทุกอย่าง ช่วงบ่ายของอีกวันหลังจากที่พายุกลับถึงคอนโด พายุก็พาหญิงสาวขับรถมุ่งหน้ามายังสมุทรสาคร สถานที่ ที่เจอเธอเมื่อหลายวันก่อน สญามนยืนอยู่หน้าตลาด ที่เธอบอกกับพายุว่าเป็นบ้านของเธอ แต่ตอนนี้มันกับไม่ใช้อย่างนั้น ที่แห่งนี้เปลี่ยนไป ไม่ใช่บ้านที่คนอาศัยอยู่ มีแต่ตลาดร้านค้า ผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ เธอยืนอย่างทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรก่อน จนชายหนุ่มที่มองดูเธออยู่ เดินเข้ามาใกล้ ๆ "ลองถามร้านค้าแถวนี้ไหม" พายุเอ่ยถาม แต่พอเธอหันหน้ากลับมา มองที่ชายหนุ่ม เขากับเห็น
บทที่ 3"นายชื่อพายุใช่ไหม" "อืม""ฉัน สญามน นะ""รู้แล้ว เธอเป็นคนให้ดูบัตร""......."พายุขับรถมาได้ร่วมชั่วโมงเริ่มเข้าใกล้กลางเมืองมากขึ้น แต่เพราะดึกมากเเล้วทำให้รถไม่ติดเท่าไรนัก "ถ้าง่วงก็หลับได้นะ ถึงแล้วเดี๋ยวฉันเรียก"" โอโห นั้นอะไรน่ะ" จู่ ๆ สญามนก็เอ่ยออกมาเสียงดัง"อะไร ….""นู่น ๆ เหมือนรถไฟแต่มันอยู่บนนั่นน่ะ""ไม่รู้จริงอ่ะ" "ฉันพึงเคยเห็นครั้งแรก" เธอกล่าวอย่างตื่นเต้น "รถไฟฟ้านะ ใต้ดินก็มีนะ" "จริงเหรอ ใต้ดินนี้นะ " "ใช่" พายุตอบกลับและแอบขำกับอาการตื่นเต้นของเธอ "หูย… นี้มันเมืองสวรรค์หรอ นายดูไฟพวกนั้นสิ นั้นตึกใช่ไหมทำไมถึงสูงอย่างนั้นล่ะ" ตลอดทางสมญามนยังไม่เลิกตื่นตากับสิ่งที่เห็นตามทางที่ผ่านมา เหมือนเธอจะลืมอาการเศร้าและหวาดกลัวไปชั่วขณะหนึ่ง ไม่นานนักก็ถึงคอนโดที่ พายุอาศัยอยู่ เขาขับรถเข้ามาจอดยังที่จอดรถ และพาหญิงสาวขึ้นลิฟท์มายังชั้นที่สามสิบแปด หญิงสาวก้าวเข้ามาในลิฟท์ เธอมองสำรวจไปทั่ว เมื่อลิฟท์เคลื่อนตัวขึ้น ร่างบางจึงเซถลาพายุยืนอยู่กลางลิฟท์สองมือลวงกระเป๋ากางเกง อยู่หญิงสาวก็เซมาเกาะแขนเขาอยู่ เขาเหล่ตาลงมองเธอที่เกาะแขนเขาไว้จนแน่น"อย่
บทที่ 2 ความรู้สึกเย็นเยียบจากเครื่องปรับอากาศของรถยนต์ แขนเรียวของสญามนขยับขึ้นมากอดตัวไว้ เปลือกตาสวยค่อย ๆ ลืมขึ้นมา พร้อมกระพริบตาถี่เริ่มเพ่งมองไปรอบ ๆ ตัว "นี้ที่ไหน" จู่ ๆ หญิงสาวที่สลบอยู่หน้ารถเมื่อครู่นี้ ก็เอ่ยขึ้นมา พายุจึงรีบจอดรถเข้าข้างทาง "นายเป็นใคร จะพาฉันไปไหน นายลักพาตัวฉันมาเหรอ " สญามนกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก เมื่อตื่นมาก็เจอชายแปลกหน้า และยังอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ "เดี๋ยว เธอเข้าใจผิดแล้ว ฉันขับรถของดี ๆ อยู่ ๆ คุณก็มายืนเป็นลมขวางหน้ารถ" "อะไรนะ" หญิงสาวพยายามนึก "ดีนะที่ฉันขับไม่เร็วไม่งั้นเหยียบเละไปแล้ว" "ฉันเป็นลมอยู่หน้ารถนาย" "ใช่ เรียกเท่าไรก็ไม่ตื่น เลยจะพาไปโรงพยาบาลนี้ไง แล้วเธอบาดเจ็บตรงไหนไหม" สญามนยังคงงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอเริ่มสำรวจร่างกายตนเอง ก็พบว่าไม่มีตรงไหนที่รู้สึกเจ็บ "ฉันไม่เป็นไร" เธอตอบเขาออกไปเริ่มมองสำรวจรถคันนี้แต่ เพราะมันมืดมากแล้วธอจึงมองไม่เห็นไม่ชัดเท่าไรนัก "ถ้าไม่เป็นไรแล้วจะให้ฉันไปไปส่งที่ไหน" "ที่วัดป่าก็ได้ค่ะ พอดีฉันมางานประจำปีที่วัดกับเพื่อน" "งานประจำปี ? " "ใช่ค่ะคืนนี้มีรำวง" "ห่ะ?? รำวง"
วันที่ 6 กันยายน 2566วัดป่าเอี๊ยด !! "เฮ้ย อะไรว่ะ" เสียงเบรครถอย่างกระทันหันพร้อมร้องอุทานออกมา เมื่อจู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่ง ปรากฎตัวอยู่หน้ารถของพายุ ชายหนุ่มที่กำลังจะเดินทางออกจากวัดป่าแห่งนี้ ดีที่ที่นี่เป็นบริเวณวัด เขาจึงไม่ได้ขับรถเร็วมากนัก จึงเบรคได้ทัน ชายหนุ่มจึงเปิดประตูรถลงมาขายาว ๆ ของเขารีบก้าวมายังหน้ารถยนต์คันหรูภาพเบื้องหน้าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งนอนสลบอยู่ติดกับหน้ารถเขาพอดี ถ้าใครมาเห็นก็คงคิดว่าเขาต้องเป็นคนขับรถชนเธอแน่ ๆ เเต่เขาก็มั่นใจว่าตนเองนั้นไม่ได้ชนโดนตัวเธอสักนิด ชายหนุ่มจึงรีบไปประคองตัวเธอคนนั้นขึ้นมา"เธอ เธอ นี้ เธอ " พายุเอ่ยเรียกหญิงสาวซ้ำ ๆ แต่เธอก็ไม่ตอบสนองใด ๆ เขามองสำรวจร่างกายเธอรายละเอียด ไม่พบบาดแผลสักนิด รอยฟกช้ำก็ไม่มี พายุมองไปรอบ ถนนลาดยางเส้นเล็ก ๆ บริเวณหลังวัดนี้ สองข้างทางเรียงรายไปด้วยต้นลั่นทมดอกสีขาว ๆ ร่วงโรยส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของมันอบอวลฟุ้งอยู่ในบรรยากาศ ที่บัดนี้เริ่มมืดสลัด ชายหนุ่มหันกลับมาที่หญิงสาว พยายามเรียกเธออีกหลายครั้งแต่ก็ยังนิ่งเหมือนเดิม"หรือหัวกระแทก เลือดก็ไม่มี" พายุพึมพำออกมาและจับศีรษะเธอดู"ยังไงก็ต้อง