“สวัสดีตอนเช้าครับคุณพ่อ”
ฟาเบียนเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอแท็บเล็ตที่กำลังอ่านข่าวเศรษฐกิจอยู่ มองลูกชายที่เปิดประตูห้องทำงานเข้ามาทักทาย
“สวัสดีไอ้ลูกรัก ว่าแต่ทำไมวันนี้หน้าตาแช่มชื่นนักล่ะ”
ผู้เป็นลูกชายเดินผิวปากเข้ามาหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาตัวยาวริมหน้าต่างกระจก
“คงเพราะผมได้กินอาหารเช้าตรงเวลามั้งครับ”
ฟาเบียนหัวเราะชอบใจ “นี่แกไปเอามุกตลกฝืดๆ แบบนี้มาจากที่ไหนวะ”
“มันไม่ใช่มุกนะครับคุณพ่อ แต่มันคือเรื่องจริง เมื่อตอนเจ็ดโมงผมจอดรถข้างทาง และรับประทานอาหารเช้าครับ”
“ผีเข้าแกหรือไงวะ ปกติเห็นดื่มแต่กาแฟดำ”
ผู้เป็นลูกชายไหวไหล่น้อยๆ ใบหน้ามีรอยยิ้มละไม “ก็มันอยากขึ้นมากะทันหันนี่ครับ”
คนเป็นพ่อหัวเราะร่วนอยู่สักพักก็เอ่ยถาม “เมื่อเช้าแม่แกคุยอะไรด้วยหรือเปล่า”
“เปล่านี่ครับ มีอะไรหรือครับพ่อ”
“ก็เรื่องแต่งงานกับหนูเจนจิราไง”
สีหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มของอเล็กซิสจางหายไป และก็มีความเบื่อหน่ายเข้ามาแทนที่
“ไหนว่ารอยายนั่นเรียนจบก่อนไงครับ”
“ก็รอตามนั้นนั่นแหละ แต่เรื่องที่แม่จะคุยกับแกน่ะ น่าจะเป็นเรื่องสินสอดมากกว่า”
“อย่ามาปรึกษาผมเรื่องนี้เลยครับ ผมไม่มีความเห็น สำหรับผม แค่แต่งงานตามหน้าที่ลูกที่ดีของพ่อกับแม่พอครับ”
อเล็กซิสผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ก่อนจะเอ่ยกับบิดา
“ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ”
“ตามสบายเถอะ แล้วเย็นนี้อย่าลืมว่าแกมีนัดรับประทานอาหารค่ำกับครอบครัวหนูเจนล่ะ”
“ครับ”
ฟาเบียนมองตามร่างสูงใหญ่ของลูกชายเพียงคนเดียวไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเห็นใจ แต่เขาก็ไม่สามารถช่วยอะไรอเล็กซิสได้ เมื่อเมียรักดันไปให้คำสัญญากับเพื่อนซี้ของตนเองเอาไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อน
“นังเจน... ทางนี้”
เจนจิราที่เพิ่งก้าวลงจากรถสปอร์ตสีแดงเพลิง หันไปตามเสียงเรียกก็เห็นปัทมายืนกวักมือเรียกอยู่
“นี่แกไม่เข้าเรียนหรือไงนังยุ้ย”
“แหม ก็เหมือนแกนั่นแหละยะ ที่โดดเรียนไปครึ่งค่อนวันน่ะ ว่าแต่ถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดไปกี่ยกล่ะ” ปัทมาถามอย่างรู้ทัน
เจนจิรายิ้มรับหน้าตาเบิกบาน “เท่าที่นับนะ สามหรือสี่รอบนี่แหละ จะบอกอะไรให้นะแก พี่อ๊อดใหญ่มาก แถมเอวดุฉิบหาย ฉันนี่ร่อนตามแทบไม่ทันเลย แต่ฟินว่ะ”
“แกก็มัวแต่ร่อนรับจ็อบพิเศษอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวจ็อบหลักก็ถูกขโมยไปจนได้หรอก”
“แกหมายถึงอะไรวะนังยุ้ย”
“ก็พ่อคู่หมั้นสุดหล่อของแกไงล่ะ”
คำพูดของปัทมาทำให้เจนจิราสนใจขึ้นมาทันที “แกหมายถึงพี่อเล็กเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ นี่แกรู้ไหมว่าเมื่อเช้าฉันเจอพี่อเล็กของแกด้วยล่ะ”
“เจอที่ไหนวะ”
“ที่ร้านอาหารตอนเช้า กับที่มอนี่”
คิ้วโก่งที่ผ่านการเขียนทับมาอย่างดีของเจนจิราเลิกสูงด้วยความประหลาดใจ
“พี่อเล็กมาทำอะไรแถวนี้วะ”
“ก็มาส่งขี้ข้าของแกไงนังเจน”
เจนจิรายังไม่ค่อยเข้าใจนัก “แกหมายความว่ายังไงวะนังยุ้ย พูดให้เคลียร์ๆ สิวะ”
“เมื่อเช้าฉันเห็นพี่อเล็กของแกพานังเตยไปกินข้าวเช้า แถมยังขับมาส่งมันที่นี่อีก”
“ฮะ?!”
“ไม่ฮะหรอก มันเรื่องจริง ฉันเห็นกับตาเลยล่ะ” ปัทมาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังมาก
เจนจิรากำมือแน่น กัดฟันจนแทบจะหักคาปาก
“อีเตยยยย...”
“นั่นแกจะไปไหนวะ นังเจน” ปัทมารีบเดินตามเจนจิรามาติดๆ เมื่ออีกฝ่ายก้าวเดินเร็วๆ
“ฉันก็จะไปชำระความกับน้องเตยไงล่ะ”
ปัทมาหัวเราะสะใจ และรีบสนับสนุน “ดีเลย ตบมันให้ตายคามือเลยนะ เห็นเงียบๆ เรียบร้อยแบบนั้น แม่งแรดฉิบหาย”
“แกไม่ต้องกังวลหรอกนังยุ้ย เพราะถ้าวันนี้เลือดนังเตยมันไม่กบปาก อย่ามาเรียกฉันว่าเจนจิราเลย”
เพล้งงงง!
จานอาหารที่เตยหอมกำลังกินอยู่ถูกกระชากเหวี่ยงทิ้งลงไปกับพื้น
“คุณเจน...!”
“อีแมวขโมย!”
เส้นผมของเตยหอมถูกกระชากด้วยอุ้งมือของเจนจิราเต็มแรง หล่อนเจ็บระบมคล้ายกับหนังศีรษะแทบจะฉีกขาด ก่อนที่ใบหน้าจะถูกฟาดไม่ยั้ง
เพียะๆๆๆ
ใบหน้าของเตยหอมถูกกระแทกด้วยฝ่ามือของเจนจิราจนสะบัดหลายครั้ง เลือดสีแดงสดไหลออกมาซึมที่มุมปาก รัชนกพยายามเข้าห้ามปราม แต่เจนจิราไม่สนใจ จับศีรษะของเตยหอมขยี้กับจานอาหารของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ จนเปื้อนเปรอะ
“หยุดนะ อย่าทำอะไรเตยนะ...”
“มึงหุบปากไปเลยอีนก ก่อนที่จะถูกตบอีกคน”
ปัทมาชี้หน้าด่ารัชนก และกันไม่ให้เข้าไปช่วยเตยหอมที่กำลังถูกเจนจิรายำ
เวลาผ่านไปหลายนาที เตยหอมก็ยับเยินอยู่แทบเท้าของเจนจิราทั้งน้ำตา ท่ามกลางสายตาตื่นตกใจของผู้คน แต่กลับไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่จะยื่นมือเข้ามาช่วย
“จำเอาไว้นะมึงอีเตย มึงเป็นขี้ข้ากู ดังนั้นอย่าสะเออะมายุ่งกับผู้ชายของกู!”
เจนจิรากระทำย่ำยีทั้งจิตใจและร่างกายของเตยหอมจนพอใจแล้วก็พากันเดินออกไปพร้อมกับปัทมา
“เตย... เป็นยังไงบ้าง... มาฉันช่วย...”
รัชนกช่วยพยุงเตยหอมที่สภาพสะบักสะบอมขึ้นจากพื้น และรีบพาไปล้างเนื้อล้างตัวในห้องน้ำ
“ทำไมเธอยอมให้มันตบแบบนั้นล่ะ สู้มันสิ ให้ตายกันไปข้างหนึ่งเลย” รัชนกพูดอย่างแค้นแทน
“ฉัน... เป็นคนใช้ของคุณเจน... หน้าที่คือรับใช้คุณเจน ห้ามขัดใจเด็ดขาด”
“แต่เธอก็เป็นคนเหมือนกันนะเตย”
“ความเป็นคนของฉัน มันหมดสิ้นไปตั้งแต่ตอนที่แม่พาฉันมาฝากเอาไว้ที่บ้านหลังนั้นแล้วล่ะ”
“โธ่ เตย...” รัชนกมองเพื่อนรักอย่างแสนจะเวทนา
ตกเย็นเจนจิราก็เดินหน้ายุ่งกลับเข้ามาในบ้าน ก่อนจะถูกเกรียงไกรเรียกเข้าไปพบ
“นังเตยมันมาฟ้องพ่ออีกใช่ไหมคะ”
“เด็กเตยไม่ได้ฟ้องอะไรพ่อหรอก พ่อถามยังไม่ยอมบอกเลยว่าหน้าตาไปโดนอะไรมา”
“แล้วพ่อเรียกเจนเข้ามาหาทำไมคะ”
“ถึงเด็กเตยไม่ได้ฟ้อง แต่น้องเจนคิดว่าพ่อจะไม่รู้เลยเหรอว่าเด็กเตยไปถูกใครตบมา”
เจนจิราจ้องหน้าบิดาอย่างไม่พอใจ “นี่พ่อคิดจะปกป้องมันเหรอคะ”
“พ่อไม่ได้จะปกป้องใคร พ่อแค่ไม่อยากให้น้องเจนเอาแต่ใจมากเกินไปนัก เพราะถ้าน้องเจนยังเป็นแบบนี้ไม่เลิก แต่งงานแต่งการไปก็คงอยู่กันไม่ยืด”
“นี่พ่อแช่งเจนเหรอคะ!”
“น้องเจน... พ่อหวังดีกับลูกนะ”
เจนจิราจ้องหน้าเกรียงไกรอย่างไม่เคารพ เพราะปิยนุชกรอกหูกรอกหัวมาตั้งแต่เด็กว่าเกรียงไกรแอบมีเมียน้อย และก็อาจจะรักลูกเมียน้อยมากกว่าหล่อน
“ถ้าพ่อรักเจนจริงๆ นังเตยก็คงไม่ได้เกิดมาบนโลกนี้หรอกค่ะ”
“น้องเจน...”
เจนจิราลุกขึ้นยืน “แล้วพ่อก็ไม่ต้องมาเป็นห่วงอะไรเจนหรอกนะคะ เพราะเจนน่ะมีเสน่ห์พอที่จะทำให้พี่อเล็กหลงหัวปักหัวปำ ขอตัวค่ะ เจนจะไปหาแม่”
เกรียงไกรมองลูกสาวสุดที่รักที่เพิ่งเดินกระแทกเท้าออกไปด้วยความเสียใจ
“นี่มันคงเป็นเวรเป็นกรรมของฉันสินะ”
แล้วภาพน้ำตานองหน้าของสุดาก็ผุดขึ้นมาในสมอง ตอกย้ำให้ชายสูงวัยยิ่งเจ็บปวดทรมาน
“น้องเจน... กลับมาแล้วเหรอลูก” ปิยนุชที่นั่งเช็ดถูเครื่องประดับอยู่ในห้องรับแขกเอ่ยทักทายลูกสาว
เจนจิราเดินเข้ามาหามารดา ก่อนจะฟ้อง “พ่อเรียกเจนเข้าไปตำหนิค่ะ เรื่องที่ทำร้ายนังเตยที่มอ”
ปิยนุชละมือจากการทำความสะอาดเพชรเม็ดงาม ขึ้นมองหน้าลูกสาว ก่อนจะให้ท้าย
“อย่าไปสนใจพ่อเขาเลย น้องเจนอยากทำอะไรก็ทำเลยนะลูก แม่อยู่ข้างลูกเสมอ”
“ก็มีแต่คุณแม่คนเดียวนี่แหละค่ะที่รักเจนจริงๆ”
“ถูกต้องแล้วล่ะน้องเจน มีแม่คนเดียวเท่านั้นแหละที่รักและหวังดีกับน้องเจน”
“เจนทราบค่ะ”
“น้องเจนขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าเถอะ แล้วก็แต่งตัวสวยๆ ด้วยล่ะ วันนี้พี่อเล็กจะมากินมื้อค่ำที่นี่”
“จริงเหรอคะคุณแม่”
เจนจิรายิ้มกว้างอย่างดีใจ เนื้อสาวเต้นระริกด้วยความแรดร่าน เพราะอเล็กซิสน่ากินเหลือเกิน
“จริงสิ แม่จะไปโกหกน้องเจนทำไมล่ะ ไปอาบน้ำเถอะ”
เจนจิรากำลังจะเดินออกไป แต่ก็คิดอะไรขึ้นมาได้ จึงหันกลับมาหามารดาอีกครั้ง
“คุณแม่ เจนมีเรื่องจะฟ้อง”
“มีอะไรเหรอน้องเจน”
“ก็เมื่อเช้าน่ะค่ะ นังเตยมันแรดนั่งรถไปกับพี่อเล็กค่ะ เพื่อนๆ ของเจนเห็นกันตั้งหลายคน”
“อ้าว ก็แม่เห็นมันออกไปกับน้องเจนตอนเช้าไม่ใช่หรอกเหรอ”
“ก็พอดีเจนไล่มันลงข้างทางน่ะค่ะ แต่มันก็ดันขึ้นรถมากับพี่อเล็กได้ยังไงก็ไม่รู้”
“พ่ออเล็กคงขับผ่านมาพอดีหรือเปล่า ก็เลยมีน้ำใจพามันมาด้วยน่ะ”
“ก็อาจจะเป็นอย่างที่คุณแม่พูดนั่นแหละค่ะ แต่ยังไงซะ เจนก็ไม่ไว้ใจนังเตย เจนเห็นมันมองพี่อเล็กตาเป็นมัน”
“พ่ออเล็กไม่มีทางตาต่ำไปเอามันหรอก เชื่อแม่สิน้องเจน”
“ว่าได้เหรอคะ ขนาดคุณพ่อยังตาต่ำไปคว้าแม่นังเตยมาทำเมียได้เลย เจนไม่มีทางยอมให้อดีตมันซ้ำรอยหรอกค่ะ”
เมื่อถูกลูกสาวย้อนแย้งด้วยความจริงที่ชวนเจ็บปวด ปิยนุชก็ยิ่งคั่งแค้น
“เดี๋ยวแม่จะเรียกนังเตยมาเฆี่ยนให้หลังขาดเลย ให้สาสมกับที่มันบังอาจมายุ่งกับคู่หมั้นของน้องเจน”
“ทำมันไปก็ตายเปล่าค่ะคุณแม่” เจนจิรายิ้มเยาะ ดวงตาเป็นประกายร้ายกาจ
“แล้วน้องเจนจะให้แม่ทำยังไง”
“เจนต้องการเลื่อนการแต่งงานระหว่างเจนกับพี่อเล็กให้เข้ามาเร็วที่สุดค่ะ”
“แต่น้องเจนยังเรียนไม่จบเลยนะลูก แม่ว่ารอให้เรียนจบก่อนไม่ดีเหรอ”
เจนจิราส่ายหน้าดิก สายตามุ่งมั่น “ไม่รอค่ะ เจนอยากมีผัวแล้ว”
ปิยนุชฟังคำพูดของลูกสาวแล้วก็รู้สึกสะท้อนใจยิ่งนัก นี่หล่อนเลี้ยงลูกมาแบบผิดๆ ใช่ไหมเนี่ย
“น้องเจนก็มีอยู่ตลอดไม่ขาดมือไม่ใช่เหรอลูก เรื่องพี่อเล็กเอาไว้ก่อนดีกว่า”
“เจนต้องการแต่งงานกับพี่อเล็กเร็วๆ ค่ะ และคุณแม่ก็ต้องช่วยเจนด้วย ไม่อย่างนั้นเจนจะไม่ไปเรียนหนังสือแล้ว” เจนจิรายื่นคำขาดอย่างเด็กเอาแต่ใจ
“น้องเจน...”
“คุณแม่รับปากเจนสิคะว่าจะไปเร่งคุณป้าเจสให้เจน รับปากเจนสิคะ”
ปิยนุชถอนใจออกมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจกับความเอาแต่ใจของลูกสาวบังเกิดเกล้า
“แม่รับปากก็ได้ แม่จะพูดให้ แต่ถ้าคุณป้าเจสไม่ยอม แม่ก็ไม่รู้จะทำยังไงนะน้องเจน”
“ถ้าคุณแม่ออกปาก ยังไงป้าเจสก็ต้องยอมค่ะ” เจนจิราเต็มไปด้วยความหวัง ก่อนจะรีบก้มลงหอมแก้มมารดาอย่างประจบประแจง “เจนขอตัวไปอาบน้ำให้ตัวหอมๆ ก่อนนะคะ”
“ไปเถอะลูก”
ปิยนุชมองตามร่างของลูกสาวไปด้วยความไม่สบายใจเลย นับวันเจนจิราก็ยิ่งเอาแต่ใจ
หลังจากอึดอัดจนแทบอาเจียนกับท่วงท่าทอดสะพานเสริมใยเหล็กของเจนจิรากลางโต๊ะอาหารค่ำอยู่นานจนแทบอาเจียน อเล็กซิสก็ปลีกตัวออกมายืนสูบบุหรี่อยู่นอกตึกใหญ่ควันบุหรี่สีตะกั่วลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ ดวงตาคมกริบจับจ้องมองแผ่นฟ้ากว้าง กระทั่งหางตารับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของใครบางคนจึงหันไปมองเขาขยี้ก้นบุหรี่กับถ้วยแก้ว ก่อนจะก้าวยาวๆ ตรงไปยังเงาตะคุ่มที่พบเห็น“ทำอะไรน่ะ”“อ๊ะ...”เขาคว้าแขนเจ้าของเงาตะคุ่มเอาไว้ และก็พบว่ามันเรียวเล็กเกินกว่าจะเป็นเรียวแขนของบุรุษ“เตยหอม...”แม้จะมองไม่ชัดนัก แต่แววตาตื่นตระหนกแบบนี้ เป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าหล่อน“เอ่อ... ปล่อยเตยก่อนค่ะ”เขายอมปล่อยแขนเรียวออกจากอุ้งมือ แต่ก็ยังไม่ยอมขยับออกห่าง“มาทำอะไรมืดๆ ตรงนี้ เดี๋ยวงูเงี้ยวก็ฉกเอาหรอก”“เอ่อ... เตยทำต่างหูหล่นน่ะค่ะ พยายามหาแต่ก็ยังหาไม่เจอเลยค่ะ”ดวงตาของอเล็กซิสละจากดวงหน้าของเตยหอม มามองที่ติ่งหูเล็กเพื่อจะมองต่างหู แต่เส้นผมสีดำขลับบดบังเอาไว้ทำให้เขาต้องยื่นมือไปเกลี่ยเส้นผมนุ่มนั้นจนพ้นทาง และจ้องมองต่างหูที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวแม้จะมีแสงไฟสีเหลืองนวลจากโคมไฟของตัวตึกสาดส่องกระทบลงมา แต่เขาก็
“ไม่เอาน่าลูกรัก อย่าขัดใจแม่แบบนี้สิ แต่งตอนนี้ หรือว่าแต่งตอนไหนมันก็ต้องแต่งเหมือนกันนั่นแหละลูก เชื่อแม่เถอะ แต่งๆ ไปซะ แม่จะได้สบายใจ”“คุณแม่สบายใจ แต่ผมทุกข์ใจนะครับ”“ไม่เห็นมีอะไรจะต้องทุกข์ใจเลยนี่พ่ออเล็ก หนูเจนทั้งสวย ทั้งน่ารัก ลูกน่ะเป็นผู้ชายที่โชคดีมากเลยรู้ไหม”“แต่ผมไม่ได้รักเธอครับ”“อยู่ๆ กันไปก็รักกันเองนั่นแหละน่า เชื่อแม่เถอะนะ”อเล็กซิสกระแทกลมออกจากปากแรงๆ อย่างหงุดหงิด มือใหญ่ยกขึ้นเสยเส้นผมที่ตกลงมาปรกหน้าผากหลายครั้ง“โอเค ผมแต่งเลยก็ได้ครับ แต่ถ้าคนดีของคุณแม่ไม่ได้ซิงเหมือนราคาคุย ผมจะหย่าทันที”เจสสิก้าหัวเราะร่วน “แหม เอาเรื่องนี้มาต่อรองกับแม่เชียวนะพ่ออเล็ก ไหนว่าไม่สนใจพรหมจรรย์ของผู้หญิงไงล่ะลูก”“ผมไม่ได้ไยดีเยื่อนรกพวกนั้นหรอกครับ แต่คุณแม่คุยเองไม่ใช่เหรอครับว่าน้องเจนเรียบร้อยอย่างนั้นเรียบร้อยอย่างนี้ แถมยังอ่อนต่อโลกอีก ก็คอยดูกันสิว่าจะซิงอย่างที่คุณแม่โม้เอาไว้หรือเปล่า”“ลูกไม่มีวันได้หย่าจากหนูเจนหรอกจ้ะลูกรัก เพราะหนูเจนของแม่บริสุทธิ์ผุดผ่องยิ่งกว่าน้ำค้างกลางหาวเสียอีก”เจสสิก้าหัวเราะชอบใจ ส่วนอเล็กซิสนั่งหน้าหงิกด้วยความหงุดหงิด แต่อี
“ผมไม่ยอม อย่ามายุ่งกับเตยหอม”“คุณก็เลือกเอาก็แล้วกันระหว่างนังเตยหอม กับความสุขของน้องเจน” ปิยนุชจ้องหน้าสามีไม่หลบตา ก่อนจะแสยะยิ้มหยัน “ฉันไม่ได้จะฆ่าจะแกงอะไรนังเตยมันสักหน่อย”“แล้วคุณจะทำอะไร คุณคิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นมาอีก บอกผมมาเดี๋ยวนี้นะคุณนุช!”“ฉันก็แค่... จะให้นังเตยมันเข้าหอแทนน้องเจน”“ไม่ได้นะคุณนุช!”“ทำไมจะไม่ได้คะ เพราะถึงแม้มันจะมีเลือดของคุณอยู่ในตัวครึ่งหนึ่ง แต่ในสายตาของฉันมันก็เป็นแค่ขี้ข้าที่ต้องรองรับคำสั่งเป็นสั่งตายของฉัน หรือคุณจะเถียงล่ะ...”เกรียงไกรกำมือแน่น เขาพยายามจะช่วยเตยหอม แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล“คุณนุช คุณทำแบบนี้ไม่ได้หรอก คุณอเล็กไม่ใช่คนโง่ เขาไม่มีทางไม่รู้ว่าคนที่เข้าหอด้วยเป็นใคร ทางที่ดี ผมว่าคุณก็ปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นไปตามโชคชะตาเถอะ”“ไม่มีทาง ฉันไม่มีวันยอมให้น้องเจนเสียใจแน่ ยังไงซะ ก็ต้องมีผู้หญิงบริสุทธิ์คนหนึ่งเสียสละ และฉันก็เลือกแล้วว่ามันต้องเป็นนังเตยหอม”“ได้โปรดเถอะคุณนุช...” เกรียงไกรคุกเข่าลงตรงหน้าของภรรยา สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ผมจะไปหาผู้หญิงบริสุทธิ์คนอื่นมาให้ ปล่อยเตยหอมไปเถอะ แค่นี้ชีวิตของเธอก็ทุกข์มาก
“นี่แกรู้หรือยังว่าฉันกำลังจะแต่งงานกับพี่อเล็กในเร็วๆ นี้” ระหว่างที่นั่งรถไปมหาวิทยาลัยด้วยกัน เจนจิราก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงของผู้กำชัยชนะ“เอ่อ... ยังไม่ทราบค่ะ แต่ยังไงเตยยินดีด้วยนะคะ” เตยหอมข่มความรู้สึกเบาโหวงในอกเอาไว้อย่างสุดกำลัง และก็ยินดีกับเจนจิราอย่างจริงใจเจนจิรายิ้มเยาะ ละสายตาจากถนนมามองด้านข้างของเตยหอมด้วยความดูแคลน“แน่ใจนะว่าแกยินดีกับฉันจริงๆ น่ะนังเตย”“เอ่อ... เตยยินดีกับคุณเจนจริงๆ ค่ะ”“แต่ฉันคิดว่าแกกำลังเสียใจอยู่ หึ... อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าแกแอบชอบพี่อเล็กของฉันน่ะ”“เตยไม่...”“แต่ดอกหญ้าอย่างแกก็ทำได้แค่แอบมองแอบชอบเท่านั้นแหละจริงไหม ในเมื่อสุดท้ายพี่อเล็กเขาก็รู้ว่าดอกฟ้าอย่างฉันมันน่าชื่นชมมากกว่าดอกหญ้าไร้ค่าอย่างแก”เตยหอมน้ำตาซึม ก้มหน้ามองมือของตัวเองที่ประสานกันเอาไว้บนตัก“ฉันเคยบอกแล้วไงว่าผู้ชายที่คู่ควรกับแกน่ะไม่พ้นลูกคนสวนลูกคนขับรถหรอก ได้แค่นั้นก็ถือว่าเป็นบุญของแกแล้วล่ะ จริงไหม”เตยหอมนั่งนิ่ง จมอยู่กับความอดสู จนกระทั่งรถคันงามเลี้ยวเข้าจอดข้างทาง“ลงไป”“เอ่อ...”หล่อนอดแปลกใจไม่ได้ที่ถูกเจนจิราขับไล่ลงกลางทางอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ตอนข
“เอ่อ... เตยมาแล้วค่ะ”เตยหอมคลานเข่าเข้ามาหยุดตรงหน้าของปิยนุชที่นั่งอยู่บนโซฟาหรูภายในห้องรับแขก“ไหนลองลุกขึ้นยืนให้ฉันดูหน่อยสิ”หล่อนแปลกใจกับคำสั่งของปิยนุช แต่ก็ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากถามออกไป นอกจากทำตามคำสั่ง“หมุนตัวด้วย เร็วสิ”หล่อนทำตามอย่างว่านอนสอนง่าย หมุนให้ปิยนุชดูเรือนร่างของตนเองจนพอใจ จึงถูกสั่งให้นั่งลงกับพื้นเหมือนเดิม“ถ้าไม่รวมหน้าอกเทอะทะ กับสะโพกบานๆ ของแก ตัวแกพอๆ กับน้องเจนเลยนะ”หล่อนไม่ได้ตอบ ก้มหน้ามองพื้น นึกไม่ออกว่าปิยนุชกำลังคิดจะทำอะไรอยู่“ฉันมีงานสำคัญจะให้แกทำ”“เอ่อ...” หล่อนช้อนตาขึ้นมองปิยนุช “คุณผู้หญิงบอกมาได้เลยค่ะ เตยยินดีทำค่ะ”ปิยนุชยิ้มหยัน กวาดตามองเสี้ยนหนามตำหัวใจของตัวเองอย่างเตยหอมด้วยความเกลียดชังที่ซ่อนไม่มิด“แกยังซิงอยู่หรือเปล่า”“คะ?”หล่อนตกใจกับคำถาม หน้าซีดสลับแดงก่ำ มือเล็กที่ประสานกันไว้บนตักชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ“ทำหน้าตกใจทำไม ฉันถามก็ตอบมาสิ แกเคยนอนกับผู้ชายหรือยัง”“เอ่อ... มะ... ไม่เคยค่ะ”“งั้นก็แสดงว่าแกยังซิงอยู่จริงๆ สินะ”หล่อนไม่เข้าใจเลยว่าทำไมปิยนุชจะต้องยินดีกับคำตอบของหล่อนแบบนี้ด้วยหล่อนสงสัยมาก แต่ก็ไม่
“ปะ... เปล่าค่ะ แต่เตย... เตย...”หล่อนจะทำยังไงดี จะปฏิเสธก็ไม่ได้ แต่จะให้ทำเรื่องน่าอัปยศแบบนั้น มันก็ทรมานเหลือเกิน“แกไม่ต้องเป็นกังวลหรอก เพราะหลังจากแกสังเวยความสาวในคราบของน้องเจนให้กับคุณอเล็กแล้ว ฉันจะส่งแกไปอยู่ที่อื่น แกจะได้ไม่ต้องตะขิดตะขวงใจเวลาเห็นน้องเจนกับคุณอเล็กสวีทกัน ดีไหมล่ะ”“ตะ... แต่เตยยังเรียนไม่จบเลยนะคะ เตย...”“ฉันคิดเรื่องนี้เอาไว้สักพักแล้วล่ะ”สายตาของปิยนุชที่ทอดมองมานั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังเหลือเกินเตยหอมร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บช้ำ นี่หล่อนจะต้องตอบแทนบุญคุณของคนพวกนี้ด้วยความสาวเชียวเหรอ แถมผู้ชายคนนั้นก็ยังคืออเล็กซิส... ผู้ชายที่หล่อนแอบรักมาตลอดอีกหล่อนทรมานเหลือเกิน...“ฉันจะให้แกหยุดเรียน”“คุณผู้หญิง...!”“ก็ในเมื่อน้องเจนจะไม่เรียนต่อ แกก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียนเหมือนกัน เพราะขี้ข้าอย่างแก ห้ามมีอะไรดีเกินหน้าเกินตาลูกสาวของฉัน จำเอาไว้”“แต่เตย... อยากเรียน คุณผู้หญิงคะ... เตยขอร้องล่ะค่ะ ให้เตยเรียนนะคะ” หล่อนยกมือไหว้วิงวอนปิยนุช ในขณะที่ผู้หญิงตรงหน้าหัวเราะสะใจ “ก็ได้ แต่แกต้องทำสิ่งที่ฉันสั่งให้สำเร็จนะ ไม่อย่างนั้น อนาคตของแกมืดมนแน
อเล็กซิสจำต้องเก็บอาการเบื่อหน่ายเอาไว้ตามที่มารดาขอร้องมา เมื่อต้องแวะมาหาเจนจิราที่บ้าน และพาหญิงสาวออกไปลองชุดแต่งงานเขาจอดรถ นั่งนิ่งอยู่ในนั้น รู้สึกเบื่อหน่ายจนไม่มีกะจิตกะใจแม้แต่จะเคลื่อนไหวร่างกาย จนกระทั่งหางตารับภาพของผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินไปยังสวนข้างตัวตึกมือใหญ่รีบควานหาที่เปิดประตูรถ และก้าวลงไปอย่างรวดเร็ว ย่ำเท้าตามร่างอรชรนั้นไปติดๆเขาเห็นหล่อนเดินไปหยุดในสวน ก่อนจะคว้าไม้กวาดทางมะพร้าวที่พาดอยู่กับโคนต้นไม้มาไว้ในมือ และเริ่มต้นจัดการกวาดใบไม้ที่ร่วงตกอยู่บนพื้นดวงตาของเขาไม่อาจจะละจากร่างเล็กของเตยหอมได้เลย เจ้าหล่อนอยู่ในชุดอยู่บ้านเรียบร้อย ไม่มีส่วนใดเลยที่จะเปิดเปลือยให้เห็นผิวในร่มผ้า แต่หล่อนกลับดึงดูดสายของเขาได้อย่างมหัศจรรย์มีเสน่ห์มาก...ใช่...อเล็กซิสยืนกอดอกมองเตยหอมกวาดใบไม้ด้วยความเพลิดเพลิน ร่างกายที่ดูเล็กกะทัดรัดของเจ้าหล่อนพลิ้วไหวราวกับใบไม้ต้องสายลม มันดูเป็นธรรมชาติ ไร้จริตมารยา และก็ดึงดูดสายตาดีเหลือเกินนี่เขาเผลอตัวยิ้มออกมาตั้งแต่เมื่อไรกันนะ...ชายหนุ่มรู้สึกตัวว่าเผลอตัวยิ้มออกมา ก็ตอนที่เตยหอมหันมาเห็น และมองมาด้วยสายตาแปลกใจระคน
“เป็นยังไงบ้างพ่ออเล็ก ชุดแต่งงานเรียบร้อยดีไหม”อเล็กซิสชะงักเท้า เมื่อก้าวเข้ามาภายในบ้าน และมารดาเอ่ยถามออกมาจากห้องรับแขก“ก็ดีครับ”“ก็ดี ทำไมหน้าไม่ตื่นเต้นเลยล่ะลูก ไหนมานั่งคุยกับแม่หน่อยสิ”ผู้เป็นลูกชายจำต้องเดินเข้าไปในห้องรับแขก และหย่อนกายลงนั่งข้างมารดา“ผมเหนื่อยๆ น่ะครับ”“เหนื่อย หรือว่าไม่อยากแต่งงานกันแน่พ่ออเล็ก”“คุณแม่ก็รู้อยู่แล้วนี่ครับว่าผมไม่ได้รักน้องเจน ผมแต่งเพราะตามใจคุณแม่”เจสสิก้ายกมือขึ้นแตะต้นแขนล่ำสันของลูกชาย “เชื่อแม่สิ ว่าหนูเจนจะต้องเป็นเมียที่ดีสำหรับลูกชายของแม่”เขาอยากจะร้องคัดค้านออกไป แต่ก็รู้ดีว่าทำยังไงก็เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตไม่ได้อีกแล้ว“ครับ”มารดาของเขาฉีกยิ้มกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความสุขเบิกบาน ตรงกันข้ามกับเขาที่แสนจะเบื่อหน่ายโลก“งั้นผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ”“จะนอนแล้วเหรอลูก นี่ยังไม่ถึงเวลามื้อค่ำเลยนะ”“ผมจะออกไปนั่งดื่มข้างนอกสักหน่อยน่ะครับ”ความจริงเจสสิก้าจะเอ่ยปากคัดค้าน แต่เพราะเห็นว่าลูกชายตามใจตัวเองมามากแล้วจึงยั้งปากเอาไว้ได้ทัน“จ้ะ ตามสบายเถอะ แล้วอย่ากลับดึกนักล่ะ”“ครับ” อเล็กซิสฝืนยิ้มให้กับมารดา ก่อนจะลุกขึ้น
หลายปีต่อมา... สี่หนุ่มเพื่อนซี้ก็สามารถหาเวลาว่างตรงกันและนัดมาสังสรรค์กันได้ในที่สุดอเล็กซิสยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ ขณะทอดสายตามองไปยังทุ่งกว้างที่บรรดาเด็กน้อยวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน โดยมีสาวๆ ซึ่งเป็นภรรยาของพวกเขาทั้งสี่คนปูเสื่อนั่งคุยกันอยู่ไม่ห่างจากจุดที่เด็กๆ วิ่งเล่นอยู่เขาไม่เคยมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย การมีครอบครัวคือสิ่งที่เขาไม่เคยปรารถนามาก่อน แต่หลังจากที่เตยหอมเข้ามาในชีวิต เขาก็ได้รู้จักกับความสุขที่แท้จริง...ความสุขที่เงินมากเท่าไรก็ซื้อหาไม่ได้...“ในท้องเมียนายกี่คนวะ เห็นท้องใหญ่ๆ” แม็กซิมัสเอ่ยถามอเล็กซิส ซึ่งเป็นหนุ่มหล่อคนสุดท้ายที่เพิ่งได้แต่งเมีย“แฝดสามว่ะ” อเล็กซิสยืดอกตอบอย่างภาคภูมิใจ “น้ำยาฉันมันแรง เห็นไหมล่ะ”เสียงหัวเราะของอีกสามหนุ่มดังกระหึ่ม ก่อนจะรีบเกทับกันยกใหญ่“แค่แฝดสามทำมาคุยไอ้อเล็ก ฉันนี่ลูกหกคนแล้วโว้ย ยังไม่เห็นคุยเลย ถึงจะไม่ใช่แฝดก็ตาม” เคลวินยืดอกบ้างด้วยความภูมิใจในเชื้อพันธุ์ของตนเองไม่ต่างกัน“ให้มันน้อยๆ หน่อยน่ะพวกแก” ชาร์ลีแย้งขึ้นพร้อมกับจิบเหล้า แต่ก็ทำให้เพื่อนอีกสามคนหันมาทับถมกันใหญ่โต“นายน่ะอ่อนสุดเลยรู้ไหมไอ้ชาร์ล พวกเร
Mackenzie, New Zealandสถานที่ตรงหน้ามันสวยเหลือเกิน สวยงามน่าอัศจรรย์จนหล่อนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เลย รู้แต่ว่ามันคือแดนสวรรค์ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริงบนโลกรอยยิ้มละไมเปื้อนดวงหน้างามตลอดเวลา เมื่อนึกถึงภาพของทะเลสาบสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ที่อยู่ท่ามกลางเทือกเขาสูงใหญ่ และรอบๆ ก็มีดอกไม้สีสันสดใสประดับประดาอย่างลงตัวคล้ายกับดินแดนในเทพนิยายที่เคยหยิบยืมของเจนจิรามาอ่านตอนเด็กไม่มีผิด“ชอบไหมทูนหัว...”คนที่นอนหลับตาอยู่ก่อนหน้าขยับเปลือกตาลืมขึ้น และมองหน้าหล่อน ดวงตาของเขาระยิบระยับสวยแข่งกับดวงดาวบนท้องฟ้ากว้างเหลือเกินมือเล็กยกลูบแก้มสากที่มีตอหนวดขึ้นประปรายแผ่วเบา “ชอบมากค่ะ มันสวยเหลือเกิน...”คนตัวโตยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวสะอาดสะท้อนกับแสงของดวงดารานับหมื่นบนท้องฟ้า“ผมดีใจนะที่คุณชอบ...”“ขอบคุณมากนะคะที่พาเตยมาที่นี่ มันสวยมาก สวยเหมือนสวรรค์เลยค่ะ”คนที่นอนพักอยู่ลุกขึ้นนั่ง ยกมือใหญ่ขึ้นโอบประคองแก้มนวลของภรรยาเอาไว้ ก่อนจะจุมพิตกลีบปากอวบอิ่มนุ่มนวล จากนั้นก็กระซิบแผ่วเบา“แล้วที่นี่คุณชอบอะไรที่สุดล่ะ ทะเลสาบ ดอกลูพิน หรือว่าดวงดาวบนฟ้าในตอนนี้”หล่อนฉีกยิ้มกว้าง
และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความสุขคือสิ่งที่เตยหอมพบเจอเป็นประจำจนเคยชิน หล่อนไม่เคยพบประสบกับความทุกข์ใจใดๆ อีกเลย เมื่อมีอุ้งมือของอเล็กซิสคอยโอบประคอง จนหล่อนอดคิดไม่ได้ว่าตนเองคือผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก“อุ้ยยย...” หล่อนสะดุ้งตกใจเมื่อถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง แต่สัมผัสและกลิ่นหอมที่คุ้นเคยทำให้อมยิ้มกว้างในเวลาต่อมา อ้อมแขนที่แสนอบอุ่นนี้จะเป็นของใครไปได้ล่ะ นอกจาก...อเล็กซิส โอคอนเนอร์ สามีดีเด่นของหล่อนนั่นเอง...หล่อนหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับสามีสุดหล่อที่ตัวสูงใหญ่ มองจ้องตาสีฟ้าสวยของเขาด้วยความรักหมดหัวใจ“น้องปิ่นหลับแล้วเหรอคะ”“หลับแล้วครับทูนหัว...” คุณพ่อคนเก่งก้มลงจูบแก้มภรรยาอย่างแสนรัก จากนั้นก็เลยมาอ้อยอิ่งที่กลีบปากหวานราวกับหยาดน้ำผึ้งป่าของภรรยา “กว่าจะหลับได้ ผมหมดนิทานในสต็อกไปเกือบห้าเรื่องแน่ะ” เขาพูดและก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ดวงตากวาดมองหน้าหวานของเตยหอมตลอดเวลา“ตอนเด็ก คุณจ้อเก่งแบบน้องปิ่นหรือเปล่าเนี่ย”หล่อนหัวเราะร่วน “เปล่านะคะ ตอนเล็กๆ เตยไม่ค่อยจะพูดด้วยซ้ำไปค่ะ”“อ้าว งั้นก็คงเหมือนผมน่ะสิ” เขาหัวเราะก๊าก ซึ่งหล่อนเองก็อดที่จะหัวเราะออกมาอีกครั้
“ที่แท้ก็อยากมีลูกเพิ่มใช่ไหมคะเนี่ย”เขาผงกศีรษะตอบรับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์น้อยๆ “ก็ฉันกลัวน้องปิ่นจะเหงา ก็เลยอยากมีน้องๆ ให้มาเป็นเพื่อนวิ่งเล่น ว่าแต่ตกลงไหมทูนหัว”เตยหอมยิ้มเอียงอาย ก่อนจะซบหน้าลงกับแผ่นอกกว้างอย่างแสนรัก“ค่ะ”“น่ารักจังทูนหัว”เสียงหัวเราะพึงพอใจของอเล็กซิสดังกระหึ่มขึ้น ก่อนที่มือใหญ่จะเริ่มต้นซุกซน“อุ้ยยย... จะทำอะไรเหรอคะ”“ก็เร่งมือทำน้องให้น้องปิ่นไงจ๊ะทูนหัว”“ตะ... ตอนนี้เลยเหรอคะ” มือของเขาซุกซนมาก สัมผัสลูบไล้ไปทั้งบั้นท้ายทำเอาหล่อนสยิวเสียวซ่าน“ไม่ทำตอนนี้จะทำตอนไหนล่ะทูนหัว...”“ก็... ตอนค่ำไงคะ” หล่อนอ้อมแอ้มตอบด้วยความขัดเขิน“รอไม่ไหวจ๊ะที่รัก... ได้โปรดขอตอนนี้เลย... นะ...”น้ำเสียงของอเล็กซิสทั้งกระเส่าทั้งแปร่งพร่า ทำเอาหล่อนไม่กล้าที่จะขัดใจเลย“ก็... ได้ค่ะ”กายสาวร้อนผะผ่าว เลือดในกายก็เดือดพล่าน ยิ่งอเล็กซิสมือไม่อยู่สุขแบบนี้ หล่อนก็ยิ่งร้อนฉ่าราวกับจับไข้สูง“ทูนหัว... อวบใหญ่ไปทั้งตัวเลย... อืมมม”มือใหญ่ทั้งขยำทั้งบีบเต้านมอย่างเมามัน ก่อนจะฉีกทึ้งเสื้อผ้าที่หล่อนสวมอยู่จนกระเด็นหวือลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นห้อง ส่วนกายสาวก็ล่อนจ้อน
ในที่สุดช่วงเวลาที่น่าหวาดหวั่นก็เดินทางมาถึงจนได้ อเล็กซิสพาหล่อนกับปิ่นงามกลับมายังบ้านของเขา เพื่อที่จะได้พบเจอกับเจสสิก้ามารดาของเขานั่นเองเขาบอกกับหล่อนว่าได้เล่าเรื่องทุกอย่างให้มารดาและบิดาฟังหมดแล้ว ซึ่งตอนนี้มารดาของเขาก็ต้องการที่จะพบหล่อนกับปิ่นงาม“มือเย็นเชียว ไม่มีอะไรหรอก เชื่อฉันสิ” คนตัวโตเอื้อมมือมากุมมือเล็กเอาไว้ และก็บีบให้กำลังใจ“ค่ะ... เตย... เชื่อคุณอเล็กค่ะ”อเล็กซิสระบายยิ้มหวาน เขาย่อตัวลงวางปิ่นงามให้ลงยืนกับพื้นห้อง เมื่อพาหล่อนกับลูกสาวเข้ามาในห้องรับแขกหรูแล้ว หล่อนเห็นเจสสิก้านั่งอยู่บนโซฟาตัวยาว จับจ้องมองมาที่หล่อนและปิ่นงามไม่วางตาสมัยตอนที่หล่อนอยู่ที่บ้านของปิยนุช ก็มีโอกาสได้เจอะเจอกับเจสสิก้าหลายครั้ง แต่ไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดมาก่อน“สวัสดีค่ะคุณเจสสิก้า”หล่อนยกมือไหว้สตรีสูงวัยที่ยังสวยไม่สร่างตรงหน้าด้วยความนอบน้อม ก่อนจะหันไปบอกลูกสาวให้ยกมือไหว้เช่นกัน ซึ่งปิ่นงามก็ทำตามอย่างว่านอนสอนง่าย เรียกรอยยิ้มเอ็นดูของเจสสิก้าได้อย่างมากมายเลยทีเดียว“หลานย่า... มาให้ย่ากอดหน่อยลูก”ปิ่นงามมองหน้าหล่อนเล็กน้อยราวกับขอความเห็น และเมื่อหล่อนพยักหน้าอน
หลังจากที่หล่อนบอกความจริงกับยายฟองจันทร์และตาคำสาย ทั้งสองตายายก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นตกใจ ก่อนที่ยายฟองจันทร์จะพูดออกมา“ยายว่าแล้วเชียวว่ามันต้องมีอะไรในกอไผ่”“ทำไมแกพูดอย่างนั้นล่ะยายฟองจันทร์ หรือว่าแกเดาออกว่าคุณอเล็กกับหนูเตยเป็น...” ตาคำสายเอ่ยถามภรรยายังไม่ทันจบก็ถูกแทรกขึ้นเสียก่อน “ก็แกไม่เห็นสายตาที่คุณอเล็กมองหนูเตยในงานศพคุณเจนหรือไงล่ะ มองตาเชื่อมจนมดกัดแบบนั้น แล้วยังที่บุกมาถามวันเดือนปีเกิดของน้องปิ่นอีก”ตาคำสายผงกศีรษะรับหงึกๆ ก่อนจะหันไปถามอเล็กซิสที่ยืนอุ้มปิ่นงามเอาไว้ในอ้อมแขน“นี่ถ้าผมเป็นคุณอเล็กนะ ผมคงไม่ยอมปล่อยให้เมียหนีไปนานถึงสี่ปีหรอกครับ แค่สี่วันผมก็อกจะแตกตายอยู่แล้ว”อเล็กซิสอมยิ้ม ทอดสายตามองเตยหอมที่ยืนหน้าแดงระเรื่ออยู่ข้างกาย“ใครว่าผมยอมปล่อยกันล่ะครับ หนูเตยของคุณตาคุณยายหนีไปต่างหาก ผมตามหาแทบพลิกแผ่นดินก็ไม่เจอ จนเกือบถอดใจอยู่แล้วล่ะครับ”“ที่เตยหนีไปก็เพราะเตยจำเป็น คุณอเล็กก็รู้นี่คะ ยังมาว่าเตยอีก” สาวน้อยอ้อมแอ้มตัดพ้อสามีเสียงอ่อยอเล็กซิสมองภรรยาด้วยความเอ็นดูก่อนจะก้มหน้าลงมาจูบแก้มแดงๆ โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย สองตายายเห็นเข้าก็อมยิ้มฟิ
“ใครว่าล่ะ เธอทั้งสวยทั้งหวานต่างหาก”“เตย...”“ฉันก็บอกเธอตลอดนี่ว่าเธอน่ะหอมหวานแค่ไหน ตอนที่เรา...”อเล็กซิสอมยิ้มและเว้นวรรคเอาไว้ แต่หล่อนก็เข้าใจความหมายได้เป็นอย่างดีหล่อนเสหลบสายตาด้วยความเอียงอาย โดยมีคนตัวโตพรมจูบไปทั่วทั้งใบหน้า“ความจริง ฉันไม่ได้คิดจะบอกความในใจกับเธอตรงนี้หรอกนะ”“คะ?”“ฉันเตรียมสถานที่เอาไว้แล้ว แต่ก็พลาด บอกเธอออกมาเสียก่อน”มือเล็กไต่ไปมาอยู่บนหน้าอกกว้าง หัวใจของหล่อนพองฟูจนคับทรวงอก“เอาไว้บอกอีกครั้งก็ได้ค่ะ เตย... ชอบฟัง...”“ขี้โกงนี่นา”“ทำไมว่าเตยขี้โกงล่ะคะ” หล่อนช้อนตามองอเล็กซิส และก็อมยิ้มหวานฉ่ำ“ก็เธอให้ฉันบอกความในใจอยู่เดียว ส่วนเธอไม่พูดอะไรออกมาเลย”“เตย...”“ถึงแม้ว่าฉันจะรู้อยู่แล้วว่ายังไงซะ เธอก็ต้องรักฉัน แต่ฉันก็อยากฟังเป็นคำพูดเหมือนกันนะ”หล่อนหัวเราะออกมา สองแก้มนวลร้อนผ่าวด้วยความขัดเขินเอียงอาย“ใครว่าเตยรักคุณอเล็กกันล่ะคะ” หล่อนแสร้งดิ้นขลุกขลัก จะหนีออกจากอ้อมแขนกำยำ แต่อเล็กซิสไม่ยอมปล่อย“ก็ฉันหล่อขนาดนี้ เธอไม่รักก็บ้าไปแล้วล่ะ”“แหวะ คนหลงตัวเอง อุ๊ยยย...” หล่อนย่นจมูกใส่เขา และก็ถูกจูบปากเป็นการลงโทษทันควัน“แล้วสร
บ้าจริง เมื่อคืนหล่อนยอมให้อเล็กซิสทำแบบนั้นที่ผนังห้องได้ยังไงกันนะ!เตยหอมเต็มไปด้วยความรู้สึกอับอาย เมื่อมองไปยังผนังห้องพักที่เมื่อคืนตนเองกับอเล็กซิสใช้เป็นที่ระเบิดความใคร่ใส่กัน พวงแก้มนวลแดงระเรื่อ กายสาวก็ร้อนวูบวาบจนน่าอับอายหญิงสาวรูดซิปกระเป๋าเดินทางจนสุด เมื่อเก็บเสื้อผ้าของตัวเองกับลูกสาวเข้าไปภายในนั้นครบทั้งหมดแล้วช่างมันเถอะ อย่างน้อยๆ หล่อนก็จะได้จดจำความสุขยามที่ได้อยู่ในอ้อมแขนของอเล็กซิสเอาไว้หล่อเลี้ยงหัวใจ หล่อนคงมีความสุขมาก เวลาคิดถึงสัมผัสของเขาแม้จะพยายามฝืนยิ้มออกมา แต่หัวใจก็ยังคงเจ็บปวดทรมานจนเลือดทะลักเตยหอมกัดฟันลุกขึ้นจากพื้น มองร่างของลูกสาวที่ยังคงนอนหลับปุ๋ยบนเตียงด้วยความรัก ก่อนจะเดินตรงไปยังประตูห้อง แต่ยังไม่ทันถึงเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน หล่อนคิดว่าเป็นยายฟองจันทร์ หรือไม่ก็ตาคำสาย จึงรีบเปิดออกโดยไม่ทันได้เอ่ยถาม“คุณ... อเล็ก...”แต่พอเปิดประตูออกแล้วก็ต้องตกใจระคนแปลกใจ เมื่อเห็นอเล็กซิสผู้ชายเจ้าของบั้นเอวคลั่งยืนกอดอกอยู่ตรงหน้า พวงแก้มนวลแดงก่ำ เลือดสาวร้อนฉ่า เมื่อสบตากับดวงตาสีฟ้าสดสวย"เอ่อ... คุณมีธุระอะไรกับเตยเหรอคะ”“ฉัน
ความอึดอัดจนน่าคลุ้มคลั่งบนรถสปอร์ตหรูจบสิ้นลงเมื่ออเล็กซิสวางร่างหลับปุ๋ยของปิ่นงามลงบนเตียง ทุกกิริยาของเขาที่ปฏิบัติกับปิ่นงามช่างอ่อนโยนจนหล่อนแทบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่“ขะ... ขอบคุณมากค่ะที่อุตส่าห์สละเวลามาส่งเราสองแม่ลูก”หล่อนพูดขึ้น เมื่อเขาเดินมาหยุดตรงหน้าของหล่อนที่ยืนขาสั่นอยู่กลางห้องพักใบหน้าของอเล็กซิสหล่อเหลา และก็มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ หล่อนก้มหน้างุดลงมองพื้น พร้อมกับภาวนาให้ตัวเองสามารถข่มความโหยหาเอาไว้ได้จวบจนกระทั่งเขาจากไป“ด้วยความยินดี”“เอ่อ... เตย... ออกไปส่งที่รถค่ะ อ๊ะ...”หล่อนกำลังจะหมุนตัวเดินไปที่ประตูห้อง แต่เอวคอดถูกมือใหญ่คว้าเอาไว้ พร้อมกับรั้งร่างอวบอัดเข้าไปปะทะแผ่นอกกว้าง“ปะ... ปล่อยเตยค่ะ”“ชูว์... อย่าส่งเสียงดังเชียวนะ เพราะจะรบกวนเวลานอนของลูก เข้าใจไหม”หล่อนหน้าซีดเผือดสลับแดงก่ำ เลื่อนสายตาไปมองลูกสาวที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงแล้ว ก็จำต้องกัดปากแน่นเพื่อไม่ให้เสียงใดเล็ดลอดออกมา“เก่งมากเด็กดี...”“อื้อ... อย่าค่ะ”มือใหญ่ยกขึ้นลูบใบหน้านวล หล่อนพยายามเอียงหน้าหนีแต่เขาก็ยอมให้ทำได้ สุดท้ายมือของอเล็กซิสก็สอดรองเอาไว้ใต้ท้ายทอย นิ้วแกร่ง