“นี่แกรู้หรือยังว่าฉันกำลังจะแต่งงานกับพี่อเล็กในเร็วๆ นี้” ระหว่างที่นั่งรถไปมหาวิทยาลัยด้วยกัน เจนจิราก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงของผู้กำชัยชนะ
“เอ่อ... ยังไม่ทราบค่ะ แต่ยังไงเตยยินดีด้วยนะคะ” เตยหอมข่มความรู้สึกเบาโหวงในอกเอาไว้อย่างสุดกำลัง และก็ยินดีกับเจนจิราอย่างจริงใจ
เจนจิรายิ้มเยาะ ละสายตาจากถนนมามองด้านข้างของเตยหอมด้วยความดูแคลน
“แน่ใจนะว่าแกยินดีกับฉันจริงๆ น่ะนังเตย”
“เอ่อ... เตยยินดีกับคุณเจนจริงๆ ค่ะ”
“แต่ฉันคิดว่าแกกำลังเสียใจอยู่ หึ... อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าแกแอบชอบพี่อเล็กของฉันน่ะ”
“เตยไม่...”
“แต่ดอกหญ้าอย่างแกก็ทำได้แค่แอบมองแอบชอบเท่านั้นแหละจริงไหม ในเมื่อสุดท้ายพี่อเล็กเขาก็รู้ว่าดอกฟ้าอย่างฉันมันน่าชื่นชมมากกว่าดอกหญ้าไร้ค่าอย่างแก”
เตยหอมน้ำตาซึม ก้มหน้ามองมือของตัวเองที่ประสานกันเอาไว้บนตัก
“ฉันเคยบอกแล้วไงว่าผู้ชายที่คู่ควรกับแกน่ะไม่พ้นลูกคนสวนลูกคนขับรถหรอก ได้แค่นั้นก็ถือว่าเป็นบุญของแกแล้วล่ะ จริงไหม”
เตยหอมนั่งนิ่ง จมอยู่กับความอดสู จนกระทั่งรถคันงามเลี้ยวเข้าจอดข้างทาง
“ลงไป”
“เอ่อ...”
หล่อนอดแปลกใจไม่ได้ที่ถูกเจนจิราขับไล่ลงกลางทางอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ตอนขึ้นรถ เจนจิราเป็นคนคะยั้นคะยอบอกให้ติดรถไปมหาวิทยาลัยด้วยกัน
“บอกให้ลงไปไงล่ะ ยังจะมานั่งบื้ออีก ไปสิยะ”
“ค่ะ...”
มือเล็กสีขาวสะอาดคว้าหาที่เปิดประตู ก่อนจะลนลานก้าวลงไปจากรถ
เจนจิราขับรถจากไปด้วยความเร็ว ในขณะที่หล่อนยืนยิ้มเศร้าๆ ก่อนจะก้าวตรงไปยังป้ายรถเมล์ที่น่าจะอยู่ห่างออกไปไกลพอสมควร
หล่อนชินเสียแล้วล่ะ...
ปิ้นนนน
เสียงแตรรถทำให้คนที่เดินเหม่อลอยอยู่สะดุ้ง และต้องเอี้ยวตัวหันไปมอง
รถของอเล็กซิส...?
หล่อนจำได้ และเมื่อรู้ว่าเป็นรถของใครก็รีบย่ำเท้าเดินหนี แต่เขาก้าวลงมาจากรถ พร้อมกับวิ่งมาขวางหน้าเอาไว้เสียก่อน
“รีบเดินหนีฉันเชียวนะเตยหอม”
“เอ่อ... เปล่าค่ะ”
หล่อนก้มหน้าลงมองพื้นแทนการสบประสานสายตากับดวงตาสีฟ้ากระจ่างของอเล็กซิส
เขากำลังจะแต่งงานกับเจนจิรา หล่อนไม่ควรแม้แต่จะอยู่ใกล้กับเขาอีก
“ก็เห็นๆ อยู่ว่าเดินหนี”
“คุณอเล็ก...”
ข้อมือเล็กถูกอุ้งมือใหญ่อบอุ่นคว้าเอาไว้ หล่อนตกใจพยายามบิดหนี แต่ไม่หลุด เพราะมือของเขาใหญ่โตและแข็งแรงเหลือเกิน
“เดี๋ยวไปส่งที่มอ”
“มะ... ไม่เป็นไรค่ะ เตยไปเองได้ค่ะ”
“เป็นเด็กเป็นเล็ก หัดปฏิเสธความหวังดีของผู้ใหญ่เหรอ”
“เตย... แค่ไม่อยากรบกวนคุณอเล็กน่ะค่ะ”
หัวใจของหล่อนเต้นแรงมาก เมื่อเขารั้งหล่อนเข้าไปหา ยิ่งใกล้ก็ยิ่งได้กลิ่นอายอันตรายจากผู้ชายคนนี้
ผู้ชายของเจนจิรา...
“ไม่ได้รบกวนหรอก ฉันเต็มใจ”
หญิงสาวขืนตัวออกห่างอย่างไม่สบายใจ พร้อมกับช้อนตาขึ้นมองเขา
“คุณอเล็กกำลังจะแต่งงานกับคุณเจนอยู่แล้ว เตยไม่อยากทำให้คุณเจนไม่สบายใจน่ะค่ะ เตยขอบคุณมากสำหรับความเมตตาของคุณอเล็ก แต่ให้เตยไปเรียนเองเถอะค่ะ”
ทำไมเขาจะต้องเอาหน้ามาใกล้แบบนี้ด้วย และเขาก็กระทำโดยไม่แคร์สายตาของใครเลย
“ก็เพราะฉันกำลังจะแต่งงานกับน้องเจนไงล่ะ ฉันถึงต้องแสดงน้ำใจกับคนของน้องเจน”
นี่เขาหมายความตามที่พูดจริงๆ อย่างนั้นเหรอ
บ้าจัง... ทำไมหล่อนจะต้องเจ็บไปทั้งใจแบบนี้ด้วย เตยหอมพยายามที่จะข่มความปวดร้าวเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
“เตยขอบคุณค่ะ แต่เตย... รู้จักคุณเจนดีค่ะ เธอคงไม่พอใจ ถ้าเห็นเจ้าบ่าวของเธอมาใกล้ชิดกับเตยหรือว่าผู้หญิงคนอื่นค่ะ คุณอเล็กโปรดเข้าใจเตยด้วยนะคะ”
“ฉันไม่เข้าใจ”
ใช่ เขาไม่เข้าใจสิ่งที่หล่อนพยายามอธิบายออกไปจริงๆ เพราะเขาลากแขนหล่อนให้มาหยุดที่รถคันงาม
“ขึ้นรถเถอะ”
“ไม่ค่ะ” หล่อนส่ายหน้าปฏิเสธ ยืนยันคำเดิม
“ฉันสัญญาว่าจะส่งเธอก่อนถึงมอ โอเคไหม” อเล็กซิสยอมถอยให้แค่ครึ่งก้าว
เตยหอมช้อนตาขึ้นมองเจ้าของดวงตาสีฟ้าสดสวย อยากรู้ใจของเขานัก ว่าเขาทำแบบนี้ทำไมกัน
“แต่...”
“ไม่มีแต่... ขึ้นรถได้แล้ว เดี๋ยวไปเรียนสายนะ”
เขาดันเบาๆ ให้หล่อนก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ ก่อนจะปิดประตูรถให้ และรีบเดินอ้อมตัวรถกลับขึ้นมานั่งหลังพวงมาลัย จากนั้นก็หันมามองหล่อน
“อย่าทำหน้าเครียดสิ ไม่มีอะไรสักหน่อย”
นี่เขามองไม่เห็นรอยช้ำจางๆ ที่แก้มของหล่อนเลยหรือไง
เมื่อเตยหอมไม่ได้ตอบอะไรกลับมา อเล็กซิสจึงบังคับรถให้กลับขึ้นมาแล่นบนถนนอีกครั้ง
“ฉันหิวอีกแล้วน่ะ”
ขับรถมาได้สักพักคนตัวโตที่นั่งฮัมเพลงมาตลอดทางก็เอ่ยในสิ่งที่ทำให้หล่อนยิ่งรู้สึกลำบากใจยิ่งขึ้น
“กินมื้อเช้ากับฉันก่อนนะ”
“เตย... ทานมาแล้วค่ะ”
“งั้นก็ไปนั่งเป็นเพื่อนฉันก็ได้ ฉันหิวมาก ขับรถต่อไม่ไหวแล้วเนี่ย”
“คุณอเล็กก็ไปทานที่ทำงานสิคะ”
“ฉันเบื่ออาหารที่นั่นน่ะ อยากกินข้างทางกับเธอ เหมือนเมื่อวานไงล่ะ”
“แต่เตย...”
เขาจอดรถที่หน้าร้านอาหารเช้าร้านเดิมโดยไม่สนใจท่าทางลำบากใจของหล่อนเลย
“ลงมาสิ”
เขาเปิดประตูรถให้ หล่อนจำต้องก้าวลงมา
“เตย... ขอโทษนะคะ”
หล่อนพูดแค่นั้นก็รีบวิ่งหนีจากมา และก็โชคดีมากที่มีรถแท็กซี่ผ่านมาพอดี
“บ้าจริง คนอุตส่าห์แกล้งทำเป็นหิว”
อเล็กซิสมองตามร่างเล็กกะทัดรัดของเตยหอมที่หายขึ้นไปบนรถแท็กซี่ด้วยความขุ่นเคือง
“กลัวอะไรเรานักหนาเนี่ย”
มือใหญ่ยกขึ้นลูบหน้าของตัวเอง เน้นตรงสองมุมปาก ก่อนจะบ่นออกมาอีก
“เขี้ยวก็ไม่มีสักหน่อย”
เขาถอนใจออกมาแรงๆ ก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถสปอร์ตราคาแพงของตนเอง และขับออกไปทันที
กว่าจะทำธุระเสร็จก็เกือบสิบโมงเช้า อเล็กซิสเลยเข้าโรงแรมสายกว่าทุกวัน
“คุณอเล็กคะ คุณท่านเชิญให้ไปพบค่ะ” เลขาฯ หน้าห้องรีบเดินตามมาหยุดข้างหลังและแจ้งข่าว
เขาหยุดเดิน หันมามองหน้าเลขาฯ “คุณพ่อบอกไหมว่ามีเรื่องอะไร”
“ท่านไม่ได้บอกค่ะ แค่สั่งว่าถ้าคุณอเล็กเข้ามาทำงาน ให้ไปพบท่านหน่อยค่ะ”
เขาผงกศีรษะตอบรับน้อยๆ ก่อนจะเปลี่ยนทิศทางการเดินมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของบิดา
ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา”
เมื่อบิดาอนุญาต เขาจึงดันประตูเปิด และแทรกตัวเข้าไปภายในห้องทำงานกว้าง
“เห็นเคทบอกว่าคุณพ่อต้องการพบผมหรือครับ”
เขาหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาริมหน้าต่างด้วยท่าทางผ่อนคลาย ท่อนขาทรงพลังข้างซ้ายตวัดทับขาข้างขวาเอาไว้
ฟาเบียนมองหน้าลูกชาย ก่อนจะพูดในสิ่งที่มั่นใจว่าลูกชายจะต้องขัดเคืองออกมา
“แม่ของลูกได้ฤกษ์แต่งงานมาแล้วนะ”
เขาเดาไม่ผิด อเล็กซิสถอนใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย “อีกกี่เดือนครับคุณพ่อ”
ฟาเบียนเดินออกมาหยุดตรงหน้าของลูกชาย ก่อนที่จะขยับปากพูด
“อาทิตย์หน้า”
“ฮะ?!” หน้าตาของอเล็กซิสไม่ต่างจากถูกผีตายทั้งกลมหลอก “นี่ผมฟังผิดไปใช่ไหมครับเนี่ย”
“อาทิตย์หน้าจริงๆ”
“พระเจ้า” เมื่อบิดายืนยันคำเดิม เขาถึงกับต้องยกมือขึ้นลูบหน้าแรงๆ และสบถหยาบคายเลยทีเดียว
“มันเร็วเกินไปครับ ผมเตรียมตัวไม่ทันหรอก”
“แม่ของลูกบอกว่า ลูกไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเลย แค่พาตัวเองเข้าพิธีพอ”
เขาช็อก “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันครับเนี่ย เลื่อนจากอีกสองสามปี มาเป็นแค่อาทิตย์เดียว มันบ้ามากๆ”
“พ่อรู้ แต่พ่อแย้งแม่ไปแล้ว แต่แม่ของลูกไม่ฟังเลย” ฟาเบียนอดสงสารลูกชายไม่ได้ “พ่อว่า งั้นลูกลองไปคุยกับแม่ดู เผื่อว่าแม่อาจจะยอมฟัง”
อเล็กซิสอยากจะหัวเราะออกมาเป็นน้ำตานัก เขารู้จักนิสัยของมารดาดีกว่าใคร ท่านดื้อ ท่านรั้น และอะไรที่ตัดสินใจไปแล้ว ท่านจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง เขาโง่เองที่ยอมตกลงทำตามใจของท่านมาตั้งแต่ต้น
“คุณพ่อก็รู้ว่าใครก็เปลี่ยนใจคุณแม่ไม่ได้”
“แต่ลูกยังไม่พร้อมนี่”
“ไม่พร้อมก็ต้องพร้อมนั่นแหละครับ” อเล็กซิสครางออกมาอย่างอับจนหนทาง
ฟาเบียนเดินไปนั่งใกล้ๆ และยกมือขึ้นตบบ่าให้กำลังใจลูกชาย “พ่อว่าหนูเจนก็สวยมากๆ อยู่นะ บางทีลูกอาจจะตกหลุมรักเธอหลังจากแต่งงานกันไปก็ได้ ใครจะไปรู้”
อเล็กซิสแทบสำลักน้ำลายตาย “ถ้าเป็นเตยหอมลูกสาวอีกคนของคุณเกรียงไกรก็อาจจะเป็นไปได้ครับ แต่สำหรับเจนจิรา แค่เห็นจริตจะก้านเว่อร์ของนาง ผมก็จะอาเจียนอยู่แล้วครับ”
“อย่าบอกนะว่าลูกสนใจเด็กที่ชื่อเตยหอม”
“ก็ไม่ได้สนใจเสียทีเดียวหรอกครับ แต่ผมคิดว่ามันจะดีกว่ามาก หากเจ้าสาวของผมคือเตยหอม”
อเล็กซิสก็ทำได้แค่พูดเท่านั้น เพราะรู้ดีว่าไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้ว
“พ่อขอให้ลูกมองหนูเจนผิดไป ให้ความจริงแล้วหนูเจนเป็นเด็กดีและเข้ากับลูกของพ่อได้อย่างยอดเยี่ยม”
“ให้ช้างออกลูกเป็นปลาวาฬยังง่ายกว่าเลยครับ” อเล็กซิสพูดเยาะหยัน “คอยดูนะ ผมจะต้องหาทางหย่าขาดจากเจนจิราให้เร็วที่สุด”
“แม่คงไม่ยอมหรอกมั้งอเล็ก”
“คุณแม่บังคับให้ผมแต่งงานกับคนที่คุณแม่เลือกได้ แต่คุณแม่จะบังคับให้ผมทนอยู่กับเจนจิรานานแค่ไหนตามที่คุณแม่ต้องการไม่ได้ ผมจะต้องหย่า ไม่ช้าก็เร็วครับ”
ฟาเบียนอดสงสารลูกชายไม่ได้ แต่ก็ไม่รู้จะยื่นมือเข้ามาช่วยยังไงดี ในเมื่อผู้เป็นภรรยาดันไปสัญญาเอาไว้กับครอบครัวนั้นเมื่อครั้งในอดีต
“ทำใจให้สบายนะลูก อย่าคิดมาก”
อเล็กซิสหัวเราะเยาะตัวเอง ขณะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ผมไม่ฆ่าตัวตายก็ดีเท่าไหร่แล้วครับคุณพ่อ”
“ไม่เอาอย่าพูดแบบนี้สิอเล็ก” ฟาเบียนใจคอไม่ดี
“คุณพ่อสบายใจเถอะครับ ผมไม่ทำเรื่องโง่ๆ แบบนั้นหรอก ผมจะยอมรับการจองจำชั่วคราวเท่านั้น” รอยยิ้มบางๆ แต้มใบหน้าของอเล็กซิส “คุณพ่อมีอะไรกับผมอีกไหมครับ”
“ก็มีเรื่องนี้เรื่องเดียวนั่นแหละ”
“งั้นผมขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะครับ”
“อืม ตามสบาย แล้วอย่าลืมประชุมตอนบ่ายโมงล่ะ”
“ครับ”
อเล็กซิสดันบานประตูห้องทำงานของบิดาให้ปิดลงเบาๆ มุ่งหน้าเดินกลับไปยังห้องทำงานของตนเอง ระหว่างทางในหัวก็เต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย
“ถ้าเป็นเธอคงดีกว่านี้นะเตยหอม”
“เอ่อ... เตยมาแล้วค่ะ”เตยหอมคลานเข่าเข้ามาหยุดตรงหน้าของปิยนุชที่นั่งอยู่บนโซฟาหรูภายในห้องรับแขก“ไหนลองลุกขึ้นยืนให้ฉันดูหน่อยสิ”หล่อนแปลกใจกับคำสั่งของปิยนุช แต่ก็ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากถามออกไป นอกจากทำตามคำสั่ง“หมุนตัวด้วย เร็วสิ”หล่อนทำตามอย่างว่านอนสอนง่าย หมุนให้ปิยนุชดูเรือนร่างของตนเองจนพอใจ จึงถูกสั่งให้นั่งลงกับพื้นเหมือนเดิม“ถ้าไม่รวมหน้าอกเทอะทะ กับสะโพกบานๆ ของแก ตัวแกพอๆ กับน้องเจนเลยนะ”หล่อนไม่ได้ตอบ ก้มหน้ามองพื้น นึกไม่ออกว่าปิยนุชกำลังคิดจะทำอะไรอยู่“ฉันมีงานสำคัญจะให้แกทำ”“เอ่อ...” หล่อนช้อนตาขึ้นมองปิยนุช “คุณผู้หญิงบอกมาได้เลยค่ะ เตยยินดีทำค่ะ”ปิยนุชยิ้มหยัน กวาดตามองเสี้ยนหนามตำหัวใจของตัวเองอย่างเตยหอมด้วยความเกลียดชังที่ซ่อนไม่มิด“แกยังซิงอยู่หรือเปล่า”“คะ?”หล่อนตกใจกับคำถาม หน้าซีดสลับแดงก่ำ มือเล็กที่ประสานกันไว้บนตักชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ“ทำหน้าตกใจทำไม ฉันถามก็ตอบมาสิ แกเคยนอนกับผู้ชายหรือยัง”“เอ่อ... มะ... ไม่เคยค่ะ”“งั้นก็แสดงว่าแกยังซิงอยู่จริงๆ สินะ”หล่อนไม่เข้าใจเลยว่าทำไมปิยนุชจะต้องยินดีกับคำตอบของหล่อนแบบนี้ด้วยหล่อนสงสัยมาก แต่ก็ไม่
“ปะ... เปล่าค่ะ แต่เตย... เตย...”หล่อนจะทำยังไงดี จะปฏิเสธก็ไม่ได้ แต่จะให้ทำเรื่องน่าอัปยศแบบนั้น มันก็ทรมานเหลือเกิน“แกไม่ต้องเป็นกังวลหรอก เพราะหลังจากแกสังเวยความสาวในคราบของน้องเจนให้กับคุณอเล็กแล้ว ฉันจะส่งแกไปอยู่ที่อื่น แกจะได้ไม่ต้องตะขิดตะขวงใจเวลาเห็นน้องเจนกับคุณอเล็กสวีทกัน ดีไหมล่ะ”“ตะ... แต่เตยยังเรียนไม่จบเลยนะคะ เตย...”“ฉันคิดเรื่องนี้เอาไว้สักพักแล้วล่ะ”สายตาของปิยนุชที่ทอดมองมานั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังเหลือเกินเตยหอมร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บช้ำ นี่หล่อนจะต้องตอบแทนบุญคุณของคนพวกนี้ด้วยความสาวเชียวเหรอ แถมผู้ชายคนนั้นก็ยังคืออเล็กซิส... ผู้ชายที่หล่อนแอบรักมาตลอดอีกหล่อนทรมานเหลือเกิน...“ฉันจะให้แกหยุดเรียน”“คุณผู้หญิง...!”“ก็ในเมื่อน้องเจนจะไม่เรียนต่อ แกก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียนเหมือนกัน เพราะขี้ข้าอย่างแก ห้ามมีอะไรดีเกินหน้าเกินตาลูกสาวของฉัน จำเอาไว้”“แต่เตย... อยากเรียน คุณผู้หญิงคะ... เตยขอร้องล่ะค่ะ ให้เตยเรียนนะคะ” หล่อนยกมือไหว้วิงวอนปิยนุช ในขณะที่ผู้หญิงตรงหน้าหัวเราะสะใจ “ก็ได้ แต่แกต้องทำสิ่งที่ฉันสั่งให้สำเร็จนะ ไม่อย่างนั้น อนาคตของแกมืดมนแน
อเล็กซิสจำต้องเก็บอาการเบื่อหน่ายเอาไว้ตามที่มารดาขอร้องมา เมื่อต้องแวะมาหาเจนจิราที่บ้าน และพาหญิงสาวออกไปลองชุดแต่งงานเขาจอดรถ นั่งนิ่งอยู่ในนั้น รู้สึกเบื่อหน่ายจนไม่มีกะจิตกะใจแม้แต่จะเคลื่อนไหวร่างกาย จนกระทั่งหางตารับภาพของผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินไปยังสวนข้างตัวตึกมือใหญ่รีบควานหาที่เปิดประตูรถ และก้าวลงไปอย่างรวดเร็ว ย่ำเท้าตามร่างอรชรนั้นไปติดๆเขาเห็นหล่อนเดินไปหยุดในสวน ก่อนจะคว้าไม้กวาดทางมะพร้าวที่พาดอยู่กับโคนต้นไม้มาไว้ในมือ และเริ่มต้นจัดการกวาดใบไม้ที่ร่วงตกอยู่บนพื้นดวงตาของเขาไม่อาจจะละจากร่างเล็กของเตยหอมได้เลย เจ้าหล่อนอยู่ในชุดอยู่บ้านเรียบร้อย ไม่มีส่วนใดเลยที่จะเปิดเปลือยให้เห็นผิวในร่มผ้า แต่หล่อนกลับดึงดูดสายของเขาได้อย่างมหัศจรรย์มีเสน่ห์มาก...ใช่...อเล็กซิสยืนกอดอกมองเตยหอมกวาดใบไม้ด้วยความเพลิดเพลิน ร่างกายที่ดูเล็กกะทัดรัดของเจ้าหล่อนพลิ้วไหวราวกับใบไม้ต้องสายลม มันดูเป็นธรรมชาติ ไร้จริตมารยา และก็ดึงดูดสายตาดีเหลือเกินนี่เขาเผลอตัวยิ้มออกมาตั้งแต่เมื่อไรกันนะ...ชายหนุ่มรู้สึกตัวว่าเผลอตัวยิ้มออกมา ก็ตอนที่เตยหอมหันมาเห็น และมองมาด้วยสายตาแปลกใจระคน
“เป็นยังไงบ้างพ่ออเล็ก ชุดแต่งงานเรียบร้อยดีไหม”อเล็กซิสชะงักเท้า เมื่อก้าวเข้ามาภายในบ้าน และมารดาเอ่ยถามออกมาจากห้องรับแขก“ก็ดีครับ”“ก็ดี ทำไมหน้าไม่ตื่นเต้นเลยล่ะลูก ไหนมานั่งคุยกับแม่หน่อยสิ”ผู้เป็นลูกชายจำต้องเดินเข้าไปในห้องรับแขก และหย่อนกายลงนั่งข้างมารดา“ผมเหนื่อยๆ น่ะครับ”“เหนื่อย หรือว่าไม่อยากแต่งงานกันแน่พ่ออเล็ก”“คุณแม่ก็รู้อยู่แล้วนี่ครับว่าผมไม่ได้รักน้องเจน ผมแต่งเพราะตามใจคุณแม่”เจสสิก้ายกมือขึ้นแตะต้นแขนล่ำสันของลูกชาย “เชื่อแม่สิ ว่าหนูเจนจะต้องเป็นเมียที่ดีสำหรับลูกชายของแม่”เขาอยากจะร้องคัดค้านออกไป แต่ก็รู้ดีว่าทำยังไงก็เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตไม่ได้อีกแล้ว“ครับ”มารดาของเขาฉีกยิ้มกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความสุขเบิกบาน ตรงกันข้ามกับเขาที่แสนจะเบื่อหน่ายโลก“งั้นผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ”“จะนอนแล้วเหรอลูก นี่ยังไม่ถึงเวลามื้อค่ำเลยนะ”“ผมจะออกไปนั่งดื่มข้างนอกสักหน่อยน่ะครับ”ความจริงเจสสิก้าจะเอ่ยปากคัดค้าน แต่เพราะเห็นว่าลูกชายตามใจตัวเองมามากแล้วจึงยั้งปากเอาไว้ได้ทัน“จ้ะ ตามสบายเถอะ แล้วอย่ากลับดึกนักล่ะ”“ครับ” อเล็กซิสฝืนยิ้มให้กับมารดา ก่อนจะลุกขึ้น
“พี่หนุ่มรออยู่ในรถนะคะ เดี๋ยวเตยเข้าไปพาคุณเจนออกมาเองค่ะ” หล่อนพูดขึ้นเมื่อคนขับรถขับมาจอดที่หน้าบาร์หรูหราแห่งหนึ่งกลางใจเมือง“ให้พี่ไปด้วยดีกว่ามั้งน้องเตย”“อย่าเลยค่ะพี่หนุ่ม เดี๋ยวมานะคะ”“แล้วถ้าคุณเจนเกิดเมาเละล่ะ น้องเตยจะหิ้วปีกมายังไง ให้พี่ไปช่วยดีกว่า”เตยหอมลังเลเล็กน้อย ก่อนจะยอมให้กรรชัยหรือว่าหนุ่มซึ่งเป็นลูกชายของคนขับรถลงมาด้วยหล่อนกลั้นใจเดินเข้าไปภายในสถานบันเทิงที่บรรยากาศค่อนข้างมืดสลัว โดยมีกรรชัยเดินตามหลังมาไม่ห่าง“มืดแบบนี้ จะหาคุณเจนได้ที่ไหนกันล่ะน้องเตย”กรรชัยบ่นขึ้น ในขณะที่หล่อนพยายามสอดส่ายสายตามองหาเจนจิราไปรอบๆ บาร์หรู แต่เพราะค่อนข้างมืดจึงมองหาลำบากมาก ดังนั้นหล่อนจึงตัดสินใจใหม่“พี่หนุ่มไปทางนู้นนะ เดี๋ยวเตยไปทางนี้”“จะดีเหรอน้องเตย”“เราจะได้หาคุณเจนเจอเร็วๆ ไงคะ”กรรชัยได้ยินเหตุผลของเตยหอมก็ตอบรับด้วยการผงกศีรษะ “งั้นพี่ไปทางนี้นะ ถ้าใครเจอคุณเจนก่อนก็ให้ไปรอที่รถ”“ค่ะพี่หนุ่ม”เตยหอมเดินมุ่งหน้ามาทางซ้าย ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านนัก ตลอดทางสายตาของนักท่องราตรีกลัดมันจ้องมองมาที่หล่อน แต่หล่อนไม่ได้สนใจ เพราะกำลังมองหาเจนจิราอ
“เป็นอะไร ตัวสั่นเชียว”เขายังจะมีหน้ามาถามแบบนี้อีกเหรอ ในเมื่อเขากำลังยั่วยุให้หล่อนคลุ้มคลั่งด้วยการ...เตยหอมอยากจะละสายตายจากเรือนร่างกำยำที่นอนราบอยู่บนเตียงกว้างเหลือเกิน แต่ทำไม่ได้ เพราะสิ่งที่เห็นตรงหน้ามันช่างงดงามยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกอเล็กซิสเปลือยท่อนบน และมีเพียงผ้าขนหนูสีขาวพันเอาไว้รอบสะโพกเพรียวเท่านั้น แถมยังพันเอาไว้หลวมๆ จนหล่อนกลัวว่ามันจะเลื่อนหลุดในไม่ช้า แถมผิวสีแทนเงาวับนั้นก็ยังตัดกับสีขาวสะอาดของผ้าปูเตียงจนยิ่งโดดเด่นพระเจ้า... ลมหายใจของหล่อนกำลังจะกระชั้น หัวใจเต้นเร็วมาก และหล่อนกำลังจะช็อกตาย เพราะความงดงามสมบูรณ์แบบของผู้ชายตรงหน้านี่หล่อนมาทำอะไรที่นี่เนี่ย...?หญิงสาวถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา แต่ยังไม่ทันได้คำตอบ เสียงนุ่มทุ้มของพ่อสุดหล่อก็ดังขึ้นอีกครั้ง“อ้าว ถามก็ไม่ยอมตอบ นี่สรุปตัวสั่นเพราะแอร์แรงไปใช่ไหมเตยหอม”“เอ่อ... ค่ะ...”หล่อนรีบรับสมอ้างทันควัน ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้ว หล่อนสั่นเทาขนาดนี้เพราะเสน่ห์ของเขาต่างหาก“มาๆ รีบมาทำแผลให้ฉันสิ เธอจะได้กลับบ้านไง”เขากวักมือเรียกอยู่บนเตียง ในขณะที่หล่อนยืนขาตายอยู่กลางห้องกว้าง“เอ่อ... เตย...”“ไหนว่า
“เอ่อ... พอดีมีสายจากคุณอเล็กซิสถึงคุณเตยหอมน่ะค่ะ”แล้วพนักงานตรงหน้าก็ยื่นโทรศัพท์ไร้สายมาให้ ตอนแรกหล่อนจะเดินหนี ไม่ยอมรับสาย แต่พอพนักงานย้ำออกมาอีกคำ หล่อนจึงไม่มีทางเลือก“เห็นคุณอเล็กซิสบอกว่าคุณเตยหอมลืมอะไรเอาไว้บนห้องน่ะค่ะ”หล่อนจำใจต้องยื่นมือออกไปรับโทรศัพท์ไร้สายขึ้นมาแนบกับใบหู พร้อมกับกรอกเสียงลงไป“เตย... ลืมอะไรเอาไว้เหรอคะคุณอเล็ก”“เธอทำต่างหูตกเอาไว้น่ะ”คำตอบของอเล็กซิส ทำให้หล่อนต้องรีบยกมือขึ้นจับติ่งหูของตัวเอง และก็พบว่าข้างหนึ่งไม่มีต่างหูอยู่ ดวงหน้างามซีดเผือด“จริงด้วยค่ะ มันหายไปข้างหนึ่ง”“งั้นรอฉันตรงล็อบบี้นะ ฉันจะเอาไปให้”หล่อนไม่อยากเจอเขาเลย เพราะเห็นหน้าเขาก็อดที่จะนึกถึงท่อนชายของเขาไม่ได้ แต่ก็ไม่มีทางเลือก เพราะต่างหูอันนั้นมันสำคัญกับหล่อนมากเหลือเกินมันคือของขวัญจากแม่...“ค่ะ”หล่อนตัดสาย และยื่นโทรศัพท์ไร้สายคืนให้กับพนักงานสาว จากนั้นก็เดินไปทรุดตัวนั่งบนโซฟานุ่มที่อยู่ภายในล็อบบี้ และเวลาผ่านไปเพียงห้านาที ผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพเจ้าประทานมาให้ก็เดินมาหยุดตรงหน้าหล่อนรีบลุกขึ้นยืน และเอ่ยถามหาต่างหูของตัวเอง “เอ่อ... ไหนต่าง
“ทำไมวันนี้หน้าเศร้าๆ ล่ะเตย เป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงแม่บ้านเอ่ยถามขึ้น หลังจากที่เห็นหล่อนยืนเหม่อมองไปยังร่างของอเล็กซิสกับเจนจิรา“เอ่อ... ปะ... เปล่าค่ะ เตยไม่ได้เป็นอะไรค่ะ”“แต่หน้าทั้งเศร้าทั้งซีดเลยนะ หรือว่าเหนื่อยล่ะ” แม่บ้านยังคงแสดงความเป็นห่วงหล่อน “แต่ป้าว่าเตยคงจะเหนื่อยมากนั่นแหละ เห็นยังไม่ได้นอนเลยใช่ไหมเนี่ย ตั้งแต่เมื่อคืนน่ะ”ป้าแม่บ้านพูดถูกต้องทุกอย่าง หล่อนทั้งเพลีย ทั้งเหนื่อย เพราะช่วยเตรียมงานแต่งตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ แต่อีกความรู้สึกหนึ่งที่มีมากกว่าความเหนื่อยความเพลียก็คือความเศร้าใช่... หล่อนห้ามหัวใจไม่ได้ หล่อนกำลังเศร้าเหลือเกิน หัวใจปวดร้าวทรมาน เมื่อความจริงมันเต้นระริกอยู่ภายในอก ผู้ชายที่ขโมยจูบแรกของหล่อนไปกำลังจะมีเจ้าของแม้จะรู้ตัวดีว่าไม่ควรคิดอะไรแบบนี้ แต่หล่อนก็ห้ามสมองไม่ได้เสียที“น่าจะ... ใช่ค่ะป้า...”“งั้นนั่งพักก่อนเถอะ เดี๋ยวทางนี้ให้คนอื่นทำต่อ”“ไม่เป็นไรค่ะป้า เตยไหวค่ะ”“ไม่เอาน่า เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งกันไปจะยุ่ง นี่ก็เหลืองานอีกไม่เยอะแล้ว”เมื่อคู่สนทนายืนกรานเช่นนั้น หล่อนที่แทบจะไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงเดินจึงตอบรับ“ขอบคุณ
หลายปีต่อมา... สี่หนุ่มเพื่อนซี้ก็สามารถหาเวลาว่างตรงกันและนัดมาสังสรรค์กันได้ในที่สุดอเล็กซิสยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ ขณะทอดสายตามองไปยังทุ่งกว้างที่บรรดาเด็กน้อยวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน โดยมีสาวๆ ซึ่งเป็นภรรยาของพวกเขาทั้งสี่คนปูเสื่อนั่งคุยกันอยู่ไม่ห่างจากจุดที่เด็กๆ วิ่งเล่นอยู่เขาไม่เคยมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย การมีครอบครัวคือสิ่งที่เขาไม่เคยปรารถนามาก่อน แต่หลังจากที่เตยหอมเข้ามาในชีวิต เขาก็ได้รู้จักกับความสุขที่แท้จริง...ความสุขที่เงินมากเท่าไรก็ซื้อหาไม่ได้...“ในท้องเมียนายกี่คนวะ เห็นท้องใหญ่ๆ” แม็กซิมัสเอ่ยถามอเล็กซิส ซึ่งเป็นหนุ่มหล่อคนสุดท้ายที่เพิ่งได้แต่งเมีย“แฝดสามว่ะ” อเล็กซิสยืดอกตอบอย่างภาคภูมิใจ “น้ำยาฉันมันแรง เห็นไหมล่ะ”เสียงหัวเราะของอีกสามหนุ่มดังกระหึ่ม ก่อนจะรีบเกทับกันยกใหญ่“แค่แฝดสามทำมาคุยไอ้อเล็ก ฉันนี่ลูกหกคนแล้วโว้ย ยังไม่เห็นคุยเลย ถึงจะไม่ใช่แฝดก็ตาม” เคลวินยืดอกบ้างด้วยความภูมิใจในเชื้อพันธุ์ของตนเองไม่ต่างกัน“ให้มันน้อยๆ หน่อยน่ะพวกแก” ชาร์ลีแย้งขึ้นพร้อมกับจิบเหล้า แต่ก็ทำให้เพื่อนอีกสามคนหันมาทับถมกันใหญ่โต“นายน่ะอ่อนสุดเลยรู้ไหมไอ้ชาร์ล พวกเร
Mackenzie, New Zealandสถานที่ตรงหน้ามันสวยเหลือเกิน สวยงามน่าอัศจรรย์จนหล่อนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เลย รู้แต่ว่ามันคือแดนสวรรค์ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริงบนโลกรอยยิ้มละไมเปื้อนดวงหน้างามตลอดเวลา เมื่อนึกถึงภาพของทะเลสาบสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ที่อยู่ท่ามกลางเทือกเขาสูงใหญ่ และรอบๆ ก็มีดอกไม้สีสันสดใสประดับประดาอย่างลงตัวคล้ายกับดินแดนในเทพนิยายที่เคยหยิบยืมของเจนจิรามาอ่านตอนเด็กไม่มีผิด“ชอบไหมทูนหัว...”คนที่นอนหลับตาอยู่ก่อนหน้าขยับเปลือกตาลืมขึ้น และมองหน้าหล่อน ดวงตาของเขาระยิบระยับสวยแข่งกับดวงดาวบนท้องฟ้ากว้างเหลือเกินมือเล็กยกลูบแก้มสากที่มีตอหนวดขึ้นประปรายแผ่วเบา “ชอบมากค่ะ มันสวยเหลือเกิน...”คนตัวโตยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวสะอาดสะท้อนกับแสงของดวงดารานับหมื่นบนท้องฟ้า“ผมดีใจนะที่คุณชอบ...”“ขอบคุณมากนะคะที่พาเตยมาที่นี่ มันสวยมาก สวยเหมือนสวรรค์เลยค่ะ”คนที่นอนพักอยู่ลุกขึ้นนั่ง ยกมือใหญ่ขึ้นโอบประคองแก้มนวลของภรรยาเอาไว้ ก่อนจะจุมพิตกลีบปากอวบอิ่มนุ่มนวล จากนั้นก็กระซิบแผ่วเบา“แล้วที่นี่คุณชอบอะไรที่สุดล่ะ ทะเลสาบ ดอกลูพิน หรือว่าดวงดาวบนฟ้าในตอนนี้”หล่อนฉีกยิ้มกว้าง
และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความสุขคือสิ่งที่เตยหอมพบเจอเป็นประจำจนเคยชิน หล่อนไม่เคยพบประสบกับความทุกข์ใจใดๆ อีกเลย เมื่อมีอุ้งมือของอเล็กซิสคอยโอบประคอง จนหล่อนอดคิดไม่ได้ว่าตนเองคือผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก“อุ้ยยย...” หล่อนสะดุ้งตกใจเมื่อถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง แต่สัมผัสและกลิ่นหอมที่คุ้นเคยทำให้อมยิ้มกว้างในเวลาต่อมา อ้อมแขนที่แสนอบอุ่นนี้จะเป็นของใครไปได้ล่ะ นอกจาก...อเล็กซิส โอคอนเนอร์ สามีดีเด่นของหล่อนนั่นเอง...หล่อนหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับสามีสุดหล่อที่ตัวสูงใหญ่ มองจ้องตาสีฟ้าสวยของเขาด้วยความรักหมดหัวใจ“น้องปิ่นหลับแล้วเหรอคะ”“หลับแล้วครับทูนหัว...” คุณพ่อคนเก่งก้มลงจูบแก้มภรรยาอย่างแสนรัก จากนั้นก็เลยมาอ้อยอิ่งที่กลีบปากหวานราวกับหยาดน้ำผึ้งป่าของภรรยา “กว่าจะหลับได้ ผมหมดนิทานในสต็อกไปเกือบห้าเรื่องแน่ะ” เขาพูดและก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ดวงตากวาดมองหน้าหวานของเตยหอมตลอดเวลา“ตอนเด็ก คุณจ้อเก่งแบบน้องปิ่นหรือเปล่าเนี่ย”หล่อนหัวเราะร่วน “เปล่านะคะ ตอนเล็กๆ เตยไม่ค่อยจะพูดด้วยซ้ำไปค่ะ”“อ้าว งั้นก็คงเหมือนผมน่ะสิ” เขาหัวเราะก๊าก ซึ่งหล่อนเองก็อดที่จะหัวเราะออกมาอีกครั้
“ที่แท้ก็อยากมีลูกเพิ่มใช่ไหมคะเนี่ย”เขาผงกศีรษะตอบรับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์น้อยๆ “ก็ฉันกลัวน้องปิ่นจะเหงา ก็เลยอยากมีน้องๆ ให้มาเป็นเพื่อนวิ่งเล่น ว่าแต่ตกลงไหมทูนหัว”เตยหอมยิ้มเอียงอาย ก่อนจะซบหน้าลงกับแผ่นอกกว้างอย่างแสนรัก“ค่ะ”“น่ารักจังทูนหัว”เสียงหัวเราะพึงพอใจของอเล็กซิสดังกระหึ่มขึ้น ก่อนที่มือใหญ่จะเริ่มต้นซุกซน“อุ้ยยย... จะทำอะไรเหรอคะ”“ก็เร่งมือทำน้องให้น้องปิ่นไงจ๊ะทูนหัว”“ตะ... ตอนนี้เลยเหรอคะ” มือของเขาซุกซนมาก สัมผัสลูบไล้ไปทั้งบั้นท้ายทำเอาหล่อนสยิวเสียวซ่าน“ไม่ทำตอนนี้จะทำตอนไหนล่ะทูนหัว...”“ก็... ตอนค่ำไงคะ” หล่อนอ้อมแอ้มตอบด้วยความขัดเขิน“รอไม่ไหวจ๊ะที่รัก... ได้โปรดขอตอนนี้เลย... นะ...”น้ำเสียงของอเล็กซิสทั้งกระเส่าทั้งแปร่งพร่า ทำเอาหล่อนไม่กล้าที่จะขัดใจเลย“ก็... ได้ค่ะ”กายสาวร้อนผะผ่าว เลือดในกายก็เดือดพล่าน ยิ่งอเล็กซิสมือไม่อยู่สุขแบบนี้ หล่อนก็ยิ่งร้อนฉ่าราวกับจับไข้สูง“ทูนหัว... อวบใหญ่ไปทั้งตัวเลย... อืมมม”มือใหญ่ทั้งขยำทั้งบีบเต้านมอย่างเมามัน ก่อนจะฉีกทึ้งเสื้อผ้าที่หล่อนสวมอยู่จนกระเด็นหวือลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นห้อง ส่วนกายสาวก็ล่อนจ้อน
ในที่สุดช่วงเวลาที่น่าหวาดหวั่นก็เดินทางมาถึงจนได้ อเล็กซิสพาหล่อนกับปิ่นงามกลับมายังบ้านของเขา เพื่อที่จะได้พบเจอกับเจสสิก้ามารดาของเขานั่นเองเขาบอกกับหล่อนว่าได้เล่าเรื่องทุกอย่างให้มารดาและบิดาฟังหมดแล้ว ซึ่งตอนนี้มารดาของเขาก็ต้องการที่จะพบหล่อนกับปิ่นงาม“มือเย็นเชียว ไม่มีอะไรหรอก เชื่อฉันสิ” คนตัวโตเอื้อมมือมากุมมือเล็กเอาไว้ และก็บีบให้กำลังใจ“ค่ะ... เตย... เชื่อคุณอเล็กค่ะ”อเล็กซิสระบายยิ้มหวาน เขาย่อตัวลงวางปิ่นงามให้ลงยืนกับพื้นห้อง เมื่อพาหล่อนกับลูกสาวเข้ามาในห้องรับแขกหรูแล้ว หล่อนเห็นเจสสิก้านั่งอยู่บนโซฟาตัวยาว จับจ้องมองมาที่หล่อนและปิ่นงามไม่วางตาสมัยตอนที่หล่อนอยู่ที่บ้านของปิยนุช ก็มีโอกาสได้เจอะเจอกับเจสสิก้าหลายครั้ง แต่ไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดมาก่อน“สวัสดีค่ะคุณเจสสิก้า”หล่อนยกมือไหว้สตรีสูงวัยที่ยังสวยไม่สร่างตรงหน้าด้วยความนอบน้อม ก่อนจะหันไปบอกลูกสาวให้ยกมือไหว้เช่นกัน ซึ่งปิ่นงามก็ทำตามอย่างว่านอนสอนง่าย เรียกรอยยิ้มเอ็นดูของเจสสิก้าได้อย่างมากมายเลยทีเดียว“หลานย่า... มาให้ย่ากอดหน่อยลูก”ปิ่นงามมองหน้าหล่อนเล็กน้อยราวกับขอความเห็น และเมื่อหล่อนพยักหน้าอน
หลังจากที่หล่อนบอกความจริงกับยายฟองจันทร์และตาคำสาย ทั้งสองตายายก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นตกใจ ก่อนที่ยายฟองจันทร์จะพูดออกมา“ยายว่าแล้วเชียวว่ามันต้องมีอะไรในกอไผ่”“ทำไมแกพูดอย่างนั้นล่ะยายฟองจันทร์ หรือว่าแกเดาออกว่าคุณอเล็กกับหนูเตยเป็น...” ตาคำสายเอ่ยถามภรรยายังไม่ทันจบก็ถูกแทรกขึ้นเสียก่อน “ก็แกไม่เห็นสายตาที่คุณอเล็กมองหนูเตยในงานศพคุณเจนหรือไงล่ะ มองตาเชื่อมจนมดกัดแบบนั้น แล้วยังที่บุกมาถามวันเดือนปีเกิดของน้องปิ่นอีก”ตาคำสายผงกศีรษะรับหงึกๆ ก่อนจะหันไปถามอเล็กซิสที่ยืนอุ้มปิ่นงามเอาไว้ในอ้อมแขน“นี่ถ้าผมเป็นคุณอเล็กนะ ผมคงไม่ยอมปล่อยให้เมียหนีไปนานถึงสี่ปีหรอกครับ แค่สี่วันผมก็อกจะแตกตายอยู่แล้ว”อเล็กซิสอมยิ้ม ทอดสายตามองเตยหอมที่ยืนหน้าแดงระเรื่ออยู่ข้างกาย“ใครว่าผมยอมปล่อยกันล่ะครับ หนูเตยของคุณตาคุณยายหนีไปต่างหาก ผมตามหาแทบพลิกแผ่นดินก็ไม่เจอ จนเกือบถอดใจอยู่แล้วล่ะครับ”“ที่เตยหนีไปก็เพราะเตยจำเป็น คุณอเล็กก็รู้นี่คะ ยังมาว่าเตยอีก” สาวน้อยอ้อมแอ้มตัดพ้อสามีเสียงอ่อยอเล็กซิสมองภรรยาด้วยความเอ็นดูก่อนจะก้มหน้าลงมาจูบแก้มแดงๆ โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย สองตายายเห็นเข้าก็อมยิ้มฟิ
“ใครว่าล่ะ เธอทั้งสวยทั้งหวานต่างหาก”“เตย...”“ฉันก็บอกเธอตลอดนี่ว่าเธอน่ะหอมหวานแค่ไหน ตอนที่เรา...”อเล็กซิสอมยิ้มและเว้นวรรคเอาไว้ แต่หล่อนก็เข้าใจความหมายได้เป็นอย่างดีหล่อนเสหลบสายตาด้วยความเอียงอาย โดยมีคนตัวโตพรมจูบไปทั่วทั้งใบหน้า“ความจริง ฉันไม่ได้คิดจะบอกความในใจกับเธอตรงนี้หรอกนะ”“คะ?”“ฉันเตรียมสถานที่เอาไว้แล้ว แต่ก็พลาด บอกเธอออกมาเสียก่อน”มือเล็กไต่ไปมาอยู่บนหน้าอกกว้าง หัวใจของหล่อนพองฟูจนคับทรวงอก“เอาไว้บอกอีกครั้งก็ได้ค่ะ เตย... ชอบฟัง...”“ขี้โกงนี่นา”“ทำไมว่าเตยขี้โกงล่ะคะ” หล่อนช้อนตามองอเล็กซิส และก็อมยิ้มหวานฉ่ำ“ก็เธอให้ฉันบอกความในใจอยู่เดียว ส่วนเธอไม่พูดอะไรออกมาเลย”“เตย...”“ถึงแม้ว่าฉันจะรู้อยู่แล้วว่ายังไงซะ เธอก็ต้องรักฉัน แต่ฉันก็อยากฟังเป็นคำพูดเหมือนกันนะ”หล่อนหัวเราะออกมา สองแก้มนวลร้อนผ่าวด้วยความขัดเขินเอียงอาย“ใครว่าเตยรักคุณอเล็กกันล่ะคะ” หล่อนแสร้งดิ้นขลุกขลัก จะหนีออกจากอ้อมแขนกำยำ แต่อเล็กซิสไม่ยอมปล่อย“ก็ฉันหล่อขนาดนี้ เธอไม่รักก็บ้าไปแล้วล่ะ”“แหวะ คนหลงตัวเอง อุ๊ยยย...” หล่อนย่นจมูกใส่เขา และก็ถูกจูบปากเป็นการลงโทษทันควัน“แล้วสร
บ้าจริง เมื่อคืนหล่อนยอมให้อเล็กซิสทำแบบนั้นที่ผนังห้องได้ยังไงกันนะ!เตยหอมเต็มไปด้วยความรู้สึกอับอาย เมื่อมองไปยังผนังห้องพักที่เมื่อคืนตนเองกับอเล็กซิสใช้เป็นที่ระเบิดความใคร่ใส่กัน พวงแก้มนวลแดงระเรื่อ กายสาวก็ร้อนวูบวาบจนน่าอับอายหญิงสาวรูดซิปกระเป๋าเดินทางจนสุด เมื่อเก็บเสื้อผ้าของตัวเองกับลูกสาวเข้าไปภายในนั้นครบทั้งหมดแล้วช่างมันเถอะ อย่างน้อยๆ หล่อนก็จะได้จดจำความสุขยามที่ได้อยู่ในอ้อมแขนของอเล็กซิสเอาไว้หล่อเลี้ยงหัวใจ หล่อนคงมีความสุขมาก เวลาคิดถึงสัมผัสของเขาแม้จะพยายามฝืนยิ้มออกมา แต่หัวใจก็ยังคงเจ็บปวดทรมานจนเลือดทะลักเตยหอมกัดฟันลุกขึ้นจากพื้น มองร่างของลูกสาวที่ยังคงนอนหลับปุ๋ยบนเตียงด้วยความรัก ก่อนจะเดินตรงไปยังประตูห้อง แต่ยังไม่ทันถึงเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน หล่อนคิดว่าเป็นยายฟองจันทร์ หรือไม่ก็ตาคำสาย จึงรีบเปิดออกโดยไม่ทันได้เอ่ยถาม“คุณ... อเล็ก...”แต่พอเปิดประตูออกแล้วก็ต้องตกใจระคนแปลกใจ เมื่อเห็นอเล็กซิสผู้ชายเจ้าของบั้นเอวคลั่งยืนกอดอกอยู่ตรงหน้า พวงแก้มนวลแดงก่ำ เลือดสาวร้อนฉ่า เมื่อสบตากับดวงตาสีฟ้าสดสวย"เอ่อ... คุณมีธุระอะไรกับเตยเหรอคะ”“ฉัน
ความอึดอัดจนน่าคลุ้มคลั่งบนรถสปอร์ตหรูจบสิ้นลงเมื่ออเล็กซิสวางร่างหลับปุ๋ยของปิ่นงามลงบนเตียง ทุกกิริยาของเขาที่ปฏิบัติกับปิ่นงามช่างอ่อนโยนจนหล่อนแทบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่“ขะ... ขอบคุณมากค่ะที่อุตส่าห์สละเวลามาส่งเราสองแม่ลูก”หล่อนพูดขึ้น เมื่อเขาเดินมาหยุดตรงหน้าของหล่อนที่ยืนขาสั่นอยู่กลางห้องพักใบหน้าของอเล็กซิสหล่อเหลา และก็มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ หล่อนก้มหน้างุดลงมองพื้น พร้อมกับภาวนาให้ตัวเองสามารถข่มความโหยหาเอาไว้ได้จวบจนกระทั่งเขาจากไป“ด้วยความยินดี”“เอ่อ... เตย... ออกไปส่งที่รถค่ะ อ๊ะ...”หล่อนกำลังจะหมุนตัวเดินไปที่ประตูห้อง แต่เอวคอดถูกมือใหญ่คว้าเอาไว้ พร้อมกับรั้งร่างอวบอัดเข้าไปปะทะแผ่นอกกว้าง“ปะ... ปล่อยเตยค่ะ”“ชูว์... อย่าส่งเสียงดังเชียวนะ เพราะจะรบกวนเวลานอนของลูก เข้าใจไหม”หล่อนหน้าซีดเผือดสลับแดงก่ำ เลื่อนสายตาไปมองลูกสาวที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงแล้ว ก็จำต้องกัดปากแน่นเพื่อไม่ให้เสียงใดเล็ดลอดออกมา“เก่งมากเด็กดี...”“อื้อ... อย่าค่ะ”มือใหญ่ยกขึ้นลูบใบหน้านวล หล่อนพยายามเอียงหน้าหนีแต่เขาก็ยอมให้ทำได้ สุดท้ายมือของอเล็กซิสก็สอดรองเอาไว้ใต้ท้ายทอย นิ้วแกร่ง