“พี่หนุ่มรออยู่ในรถนะคะ เดี๋ยวเตยเข้าไปพาคุณเจนออกมาเองค่ะ” หล่อนพูดขึ้นเมื่อคนขับรถขับมาจอดที่หน้าบาร์หรูหราแห่งหนึ่งกลางใจเมือง
“ให้พี่ไปด้วยดีกว่ามั้งน้องเตย”
“อย่าเลยค่ะพี่หนุ่ม เดี๋ยวมานะคะ”
“แล้วถ้าคุณเจนเกิดเมาเละล่ะ น้องเตยจะหิ้วปีกมายังไง ให้พี่ไปช่วยดีกว่า”
เตยหอมลังเลเล็กน้อย ก่อนจะยอมให้กรรชัยหรือว่าหนุ่มซึ่งเป็นลูกชายของคนขับรถลงมาด้วย
หล่อนกลั้นใจเดินเข้าไปภายในสถานบันเทิงที่บรรยากาศค่อนข้างมืดสลัว โดยมีกรรชัยเดินตามหลังมาไม่ห่าง
“มืดแบบนี้ จะหาคุณเจนได้ที่ไหนกันล่ะน้องเตย”
กรรชัยบ่นขึ้น ในขณะที่หล่อนพยายามสอดส่ายสายตามองหาเจนจิราไปรอบๆ บาร์หรู แต่เพราะค่อนข้างมืดจึงมองหาลำบากมาก ดังนั้นหล่อนจึงตัดสินใจใหม่
“พี่หนุ่มไปทางนู้นนะ เดี๋ยวเตยไปทางนี้”
“จะดีเหรอน้องเตย”
“เราจะได้หาคุณเจนเจอเร็วๆ ไงคะ”
กรรชัยได้ยินเหตุผลของเตยหอมก็ตอบรับด้วยการผงกศีรษะ “งั้นพี่ไปทางนี้นะ ถ้าใครเจอคุณเจนก่อนก็ให้ไปรอที่รถ”
“ค่ะพี่หนุ่ม”
เตยหอมเดินมุ่งหน้ามาทางซ้าย ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านนัก ตลอดทางสายตาของนักท่องราตรีกลัดมันจ้องมองมาที่หล่อน แต่หล่อนไม่ได้สนใจ เพราะกำลังมองหาเจนจิราอยู่นั่นเอง
“คุณเจนอยู่ไหนนะ...”
หล่อนพยายามที่จะก้าวให้ไว และใช้สายตาให้ดีในการค้นหา แต่แล้วก็ต้องชะงักกึก เมื่อแขนเรียวถูกมือของนักท่องราตรีคนหนึ่งคว้าเอาไว้
“หาใครหรือครับน้องสาว”
“เอ่อ... ปล่อยค่ะ”
หล่อนพยายามบิดมือออก แต่ผู้ชายเจ้าของมือไม่ยอมปล่อย แถมตัวก็ยังใหญ่ ทำให้หล่อนสู้แรงไม่ได้ ถูกรั้งเข้าไปยืนใกล้ๆ
“ดื่มกับพี่แก้วหนึ่งก่อนสิครับ แล้วพี่จะปล่อยให้น้องไป”
“เอ่อ... ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันรีบจริงๆ ต้องตามหาเพื่อนน่ะค่ะ”
ผู้ชายทั้งโต๊ะหัวเราะร่วน ราวกับคำพูดที่หล่อนพูดออกไปนั้นน่าขบขัน หล่อนเริ่มใจคอไม่ดี เพราะสายตาของผู้ชายพวกนี้ดูหื่นกามน่ากลัว
“เอ่อ... ปล่อยเถอะค่ะ ฉันรีบจริงๆ ว้ายยย”
หล่อนพยายามจะบิดมือหนี แต่สุดท้ายแล้วมันกลับกระชากแรงๆ จนหล่อนร่วงลงนั่งบนตักของมัน หล่อนดิ้นรนสุดฤทธิ์ แต่มันเอาแขนกอดรัดเอาไว้
“ปล่อยนะ อย่าทำแบบนี้ ปล่อยสิ!”
“ไม่เอาน่าคนสวย อยากได้เท่าไหร่พี่สู้ไม่อั้น ห้าพัน หรือว่าหกพันล่ะ สำหรับหนึ่งน้ำน่ะ”
หล่อนหน้าตาซีดเผือด เพราะไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
“พี่คะ ปล่อยหนูไปเถอะค่ะ หนูไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่พวกพี่เข้าใจ ปล่อยค่ะ...”
“อย่าเล่นตัวนักเลย เอ้า หนึ่งหมื่นบาท แต่พี่ขอสองน้ำ แถมแตกในปากหนึ่งครั้ง”
หล่อนแทบช็อกกับสิ่งที่ได้ยิน นี่หล่อนกำลังเจอะเจออยู่กับอะไรกันเนี่ย
หล่อนกลัวจับหัวใจ...!
“ปล่อย... หนูเถอะค่ะ กรี๊ดดดดด...”
หล่อนถูกมันหอมแก้ม แถมมือไม้ก็พยายามที่จะจับหน้าอกให้ได้ หล่อนดิ้นรนสุดแรงเกิด ร้องให้คนอื่นช่วย แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสนใจเลย ทำเหมือนกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับหล่อนในตอนนี้คือเรื่องปกติในบาร์แห่งนี้
“ปล่อย... ช่วยด้วยยยย!”
“โอ๊ยยยย!”
หล่อนก้มลงกัดแขนของมันจมเขี้ยว และก็ได้ผลเพราะมันปล่อยหล่อนทันที
“อีเหี้ยนี่!”
หล่อนจะวิ่งหนี แต่ถูกมันคว้าเอาไว้ พร้อมกับเงื้อมือขึ้นจะฟาดหน้า หล่อนหลับตาเตรียมตัวรับแรงปะทะจากฝ่ามือใหญ่นั้น เพราะไม่มีทางหนีรอดอีกแล้ว แต่...
“ปล่อยเธอซะ”
เสียงกระด้างคุ้นหูดังขึ้นข้างตัว หล่อนลืมตาขึ้นมอง ก่อนจะร้องไห้โฮออกมา
“คุณอเล็ก...”
เขาไม่ได้มองหล่อน แต่จ้องหน้าผู้ชายคนที่กำลังขยุ้มเส้นผมของหล่อนด้วยสายตาดุดัน
“มึงเกี่ยวอะไรด้วย กูกำลังจะจัดการกับอีตัวที่กูซื้อมา”
“ไม่ใช่นะคะ คุณอเล็ก... เตยไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูด...”
หล่อนส่ายหน้าน้ำตาไหลพราก ปฏิเสธสิ่งที่ถูกไอ้สารเลวยัดเยียดให้พัลวัน
“เธอเป็นผู้หญิงของฉัน”
“อ้าว นี่มึงเคยซื้อบริการอีนี่มาก่อนอย่างนั้นเหรอ” แล้วไอ้ผู้ชายน่ารังเกียจก็หัวเราะเยาะลั่น ก่อนจะพูดออกมาอีก “แต่คืนนี้กูขอก่อนวะ มึงรอคิวต่อจากเพื่อนๆ กูนู้น”
ผลัวะ!!!
“โอ๊ยยยย!”
กำปั้นหนาหนักของอเล็กซิสซัดเข้าใส่กึ่งกลางระหว่างปากและจมูกของไอ้คนเลวเต็มแรง จนมันหงายทั้งหน้าทั้งตัวร่วงลงไปกระแทกกับพื้นดังสนั่น
เพื่อนๆ ของพวกมันตั้งท่าจะกรูเข้ามาทำร้ายอเล็กซิส ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่มีทีท่าจะหวาดกลัวแต่อย่างใด พวกมันสี่คนรุมต่อยตีกับอเล็กซิสจนกระทั่งมีการ์ดของบาร์มาห้าม ทุกคนจึงแยกย้าย
“คุณอเล็ก... เป็นยังไงบ้างคะ...”
“ฉันสบายดี”
หล่อนถูกเขาลากออกมาจากบาร์ ตรงมายังลานจอดรถ แสงสว่างจากเสาไฟฟ้าทำให้หล่อนเห็นมุมปากของอเล็กซิสมีหยดเลือดเกาะติดอยู่
นี่เขาบาดเจ็บเหรอ...
เพราะหล่อน...
“คุณถูกต่อยปาก เลือดออกค่ะ” น้ำตาของหล่อนไหลออกมาอาบแก้ม “เจ็บมากไหมคะ”
หัวใจของหล่อนเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดบาป มือเล็กยกขึ้นสัมผัสกับมุมปากข้างที่มีหยาดเลือดแผ่วเบา
คนตัวโตจ้องหน้าหล่อน ก่อนจะเอาสองแขนยันเอาไว้กับตัวถังรถ ขังหล่อนเอาไว้ในนั้นอย่างแน่นหนา
หัวใจสาวเต้นแรงระรัว โลหิตในกายค่อยๆ รุ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ ราวกับถูกสุมไฟ
“เป็นห่วงฉันหรือ...”
“เอ่อ...” หล่อนเสหลบสายตาของเขา เพราะหากมองจ้องนานกว่านี้ หล่อนอาจจะเปิดเปลือยความลับของหัวใจต่อเขาก็เป็นได้ ซึ่งมันไม่ควรเป็นแบบนั้น
“บอกฉันหน่อยได้ไหม มาที่นี่ทำไม หรือว่าเธอหัดเที่ยวกลางคืน”
“เอ่อ... เตยมา...”
“มาทำไม”
เขาถามย้ำอีกครั้ง จนหล่อนจำต้องบอกความจริงออกไป
“เตยมาตามคุณเจนกลับบ้านค่ะ”
หล่อนช้อนตาขึ้นสบประสานอย่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะตอบออกไป และก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นเขาระบายยิ้มคล้ายโล่งอก
“ฉันดีใจนะที่เธอยังเป็นเด็กดี”
“เอ่อ...”
ทำไมเขาจะต้องมองด้วยสายตาแบบนี้ และเอาหน้าเข้ามาใกล้มากแบบนี้ด้วย นี่เขาจะรู้ไหมนะว่าตัวเองกำลังจะทำให้หล่อนละลาย
“ฉันเจ็บปากมากเลย ไปทำแผลให้หน่อยได้ไหม”
“ทะ... ทำแผลเหรอคะ” หล่อนเบิกตากว้างจนดวงตาที่กลมโตอยู่แล้วโตยิ่งขึ้น
“ใช่... หรือว่าเธอจะไม่รับผิดชอบล่ะ ฉันได้แผลนี้มาเพราะช่วยเธอนะ”
ทำไมเขาจะต้องมาทวงบุญคุณแบบนี้ด้วยเนี่ย
“เตย... ยังไม่ได้จะปฏิเสธสักหน่อยค่ะ”
เขายิ้มกว้างมาก คล้ายกลับลืมไปว่าปากที่ถูกชกมาจนแตกไม่ได้เจ็บแล้วอย่างนั้นแหละ
“งั้นขึ้นรถเถอะ”
“เอ่อ... แถวนี้น่าจะมีเซเว่นอยู่ใกล้ๆ นะคะ”
“ทำไมเหรอ”
“ก็เตยคิดว่าในเซเว่นน่าจะพอมียาน่ะค่ะ งั้นเดี๋ยวเตยมานะคะ”
หล่อนพยายามจะมุดออกไปจากวงแขนของเขา แต่เขาไม่ยอมง่ายๆ แถมยังส่ายหน้าหล่อๆ ไปมา
“เธอคิดจะเอายาราคาถูกๆ ในร้านสะดวกซื้อมาทาหน้าฉันอย่างนั้นหรือ”
“เอ่อ... ยามันก็เหมือนๆ กันไม่ใช่เหรอคะ”
“ไม่เหมือนหรอก”
“เอ่อ...”
“ฉันไม่ยอมเอาหน้าหล่อๆ ของฉันมาเสี่ยงกับยาราคาถูกแบบนี้หรอก ขึ้นรถเดี๋ยวนี้เลย”
“ตะ แต่ว่า...”
เขาไม่สนใจท่าทางขัดขืนของหล่อน เพราะไม่ช้าก็ยัดร่างของหล่อนเข้าไปในรถจนได้ โดยที่หล่อนยากจะขัดขืน จากนั้นเขาก็ก้าวขึ้นมานั่งหลังพวงมาลัยรถ และเอียงหน้ามามองหล่อน
“เธอต้องรับผิดชอบ แผลที่ปากของฉันโอเคไหม”
“ค่ะ...” หล่อนตอบรับอย่างไม่มีทางเลือก ลืมเรื่องตามหาเจนจิราไปชั่วขณะ
หล่อนเห็นเขาอมยิ้ม ก่อนจะขับรถออกไปจากลานจอดรถของบาร์หรูทันที
“คุณอเล็ก... จะไปคลินิกแถวไหนเหรอคะ”
“ใครว่าฉันจะไปคลินิก”
“อ๋อ... งั้นคุณอเล็กคงจะไปโรงพยาบาลเลยใช่ไหมคะ”
เขาส่ายหน้าอีกแล้ว เตยหอมเต็มไปด้วยความมึนงง
“เอ่อ ถ้าไม่ใช่คลินิก ไม่ใช่โรงพยาบาล แล้วคุณอเล็กจะไปทำแผลที่ไหนละคะ” หรือว่าคนร่ำรวยเขามีที่ทำแผลเอ็กซ์คลูซีฟกว่าโรงพยาบาลกันนะ
“โรงแรม”
“คะ?” หล่อนช็อกกับสิ่งที่ได้ยิน สมองค่อยๆ ประมวลผลคำที่เขาพูดออกมาจนเข้าใจ “ไป... ไปทำไมคะโรงแรม”
“ฉันก็จะไปนอนบนเตียง แล้วให้เธอทำแผลให้เพลินๆ ยังไงล่ะ”
“มะ... ไม่ได้นะคะคุณอเล็ก ไม่ได้ค่ะ...”
“ทำไมจะไม่ได้ ก็นี่ไงถึงโรงแรมแล้ว”
“คะ?”
หล่อนมองออกไปนอกรถที่เพิ่งจอด และก็พบว่าตรงหน้าเป็นโรงแรมใหญ่จริงๆ อย่างที่เขาบอก
นี่มันอะไรกันเนี่ย!
“ลงมาเถอะน่า ทำแผลให้ฉันเสร็จแล้วเธอจะได้รีบกลับไง หรือว่าจะนอนค้างด้วยก็ได้ฉันไม่ว่า”
“คุณอเล็ก”
เขาชอบมองใบหน้าของเตยหอมยามที่หล่อนหน้าซีดๆ ตื่นๆ แบบนี้นัก ดูน่าเอ็นดูสุดๆ
“ลงมาสิ หรือว่าต้องให้คนปากเจ็บอย่างฉันอุ้ม”
“มะ... ไม่ต้องค่ะ” หล่อนแทบจะพุ่งหลาวลงไปเสียให้ได้
เขาหัวเราะร่วน ก่อนจะคว้ามือเล็กเอาไว้ และลากเข้าไปภายในตึกสูงระฟ้า
“เป็นอะไร ตัวสั่นเชียว”เขายังจะมีหน้ามาถามแบบนี้อีกเหรอ ในเมื่อเขากำลังยั่วยุให้หล่อนคลุ้มคลั่งด้วยการ...เตยหอมอยากจะละสายตายจากเรือนร่างกำยำที่นอนราบอยู่บนเตียงกว้างเหลือเกิน แต่ทำไม่ได้ เพราะสิ่งที่เห็นตรงหน้ามันช่างงดงามยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกอเล็กซิสเปลือยท่อนบน และมีเพียงผ้าขนหนูสีขาวพันเอาไว้รอบสะโพกเพรียวเท่านั้น แถมยังพันเอาไว้หลวมๆ จนหล่อนกลัวว่ามันจะเลื่อนหลุดในไม่ช้า แถมผิวสีแทนเงาวับนั้นก็ยังตัดกับสีขาวสะอาดของผ้าปูเตียงจนยิ่งโดดเด่นพระเจ้า... ลมหายใจของหล่อนกำลังจะกระชั้น หัวใจเต้นเร็วมาก และหล่อนกำลังจะช็อกตาย เพราะความงดงามสมบูรณ์แบบของผู้ชายตรงหน้านี่หล่อนมาทำอะไรที่นี่เนี่ย...?หญิงสาวถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา แต่ยังไม่ทันได้คำตอบ เสียงนุ่มทุ้มของพ่อสุดหล่อก็ดังขึ้นอีกครั้ง“อ้าว ถามก็ไม่ยอมตอบ นี่สรุปตัวสั่นเพราะแอร์แรงไปใช่ไหมเตยหอม”“เอ่อ... ค่ะ...”หล่อนรีบรับสมอ้างทันควัน ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้ว หล่อนสั่นเทาขนาดนี้เพราะเสน่ห์ของเขาต่างหาก“มาๆ รีบมาทำแผลให้ฉันสิ เธอจะได้กลับบ้านไง”เขากวักมือเรียกอยู่บนเตียง ในขณะที่หล่อนยืนขาตายอยู่กลางห้องกว้าง“เอ่อ... เตย...”“ไหนว่า
“เอ่อ... พอดีมีสายจากคุณอเล็กซิสถึงคุณเตยหอมน่ะค่ะ”แล้วพนักงานตรงหน้าก็ยื่นโทรศัพท์ไร้สายมาให้ ตอนแรกหล่อนจะเดินหนี ไม่ยอมรับสาย แต่พอพนักงานย้ำออกมาอีกคำ หล่อนจึงไม่มีทางเลือก“เห็นคุณอเล็กซิสบอกว่าคุณเตยหอมลืมอะไรเอาไว้บนห้องน่ะค่ะ”หล่อนจำใจต้องยื่นมือออกไปรับโทรศัพท์ไร้สายขึ้นมาแนบกับใบหู พร้อมกับกรอกเสียงลงไป“เตย... ลืมอะไรเอาไว้เหรอคะคุณอเล็ก”“เธอทำต่างหูตกเอาไว้น่ะ”คำตอบของอเล็กซิส ทำให้หล่อนต้องรีบยกมือขึ้นจับติ่งหูของตัวเอง และก็พบว่าข้างหนึ่งไม่มีต่างหูอยู่ ดวงหน้างามซีดเผือด“จริงด้วยค่ะ มันหายไปข้างหนึ่ง”“งั้นรอฉันตรงล็อบบี้นะ ฉันจะเอาไปให้”หล่อนไม่อยากเจอเขาเลย เพราะเห็นหน้าเขาก็อดที่จะนึกถึงท่อนชายของเขาไม่ได้ แต่ก็ไม่มีทางเลือก เพราะต่างหูอันนั้นมันสำคัญกับหล่อนมากเหลือเกินมันคือของขวัญจากแม่...“ค่ะ”หล่อนตัดสาย และยื่นโทรศัพท์ไร้สายคืนให้กับพนักงานสาว จากนั้นก็เดินไปทรุดตัวนั่งบนโซฟานุ่มที่อยู่ภายในล็อบบี้ และเวลาผ่านไปเพียงห้านาที ผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพเจ้าประทานมาให้ก็เดินมาหยุดตรงหน้าหล่อนรีบลุกขึ้นยืน และเอ่ยถามหาต่างหูของตัวเอง “เอ่อ... ไหนต่าง
“ทำไมวันนี้หน้าเศร้าๆ ล่ะเตย เป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงแม่บ้านเอ่ยถามขึ้น หลังจากที่เห็นหล่อนยืนเหม่อมองไปยังร่างของอเล็กซิสกับเจนจิรา“เอ่อ... ปะ... เปล่าค่ะ เตยไม่ได้เป็นอะไรค่ะ”“แต่หน้าทั้งเศร้าทั้งซีดเลยนะ หรือว่าเหนื่อยล่ะ” แม่บ้านยังคงแสดงความเป็นห่วงหล่อน “แต่ป้าว่าเตยคงจะเหนื่อยมากนั่นแหละ เห็นยังไม่ได้นอนเลยใช่ไหมเนี่ย ตั้งแต่เมื่อคืนน่ะ”ป้าแม่บ้านพูดถูกต้องทุกอย่าง หล่อนทั้งเพลีย ทั้งเหนื่อย เพราะช่วยเตรียมงานแต่งตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ แต่อีกความรู้สึกหนึ่งที่มีมากกว่าความเหนื่อยความเพลียก็คือความเศร้าใช่... หล่อนห้ามหัวใจไม่ได้ หล่อนกำลังเศร้าเหลือเกิน หัวใจปวดร้าวทรมาน เมื่อความจริงมันเต้นระริกอยู่ภายในอก ผู้ชายที่ขโมยจูบแรกของหล่อนไปกำลังจะมีเจ้าของแม้จะรู้ตัวดีว่าไม่ควรคิดอะไรแบบนี้ แต่หล่อนก็ห้ามสมองไม่ได้เสียที“น่าจะ... ใช่ค่ะป้า...”“งั้นนั่งพักก่อนเถอะ เดี๋ยวทางนี้ให้คนอื่นทำต่อ”“ไม่เป็นไรค่ะป้า เตยไหวค่ะ”“ไม่เอาน่า เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งกันไปจะยุ่ง นี่ก็เหลืองานอีกไม่เยอะแล้ว”เมื่อคู่สนทนายืนกรานเช่นนั้น หล่อนที่แทบจะไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงเดินจึงตอบรับ“ขอบคุณ
“ทำหน้าให้มันสเบยหน่อยสิวะเพื่อน คืนนี้งานแต่งนายนะโว้ย” เคลวินอดแซวเพื่อนไม่ได้เมื่อเห็นใบหน้าของอเล็กซิสมีแต่ความเบื่อหน่าย“นั่นสิ เดี๋ยวเจ้าสาวก็น้อยใจแย่หรอก” แม็กซิมัสเสริมขึ้น แต่อเล็กซิสกลับไม่ได้มีทีท่าไยดีอะไรเลย เจ้าบ่าวสุดหล่อไหวไหล่กว้างเล็กน้อย“ก็ฉันไม่ได้ยินดีกับงานแต่งนี้สักหน่อย ถูกบังคับพวกนายก็รู้ไม่ใช่หรือ”“แต่นายก็เลือกที่จะแต่งงานแล้วนี่ ดังนั้นนายก็ควรรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองให้ดี” แม็กซิมัสเตือนเพื่อนรัก แต่อเล็กซิสก็ยังทำหน้าเบื่อหน่ายเหมือนเดิม“พวกนายดื่มกันไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันขอตัวไปห้องน้ำก่อน”“ให้ฉันไปส่งไหม นายดื่มไปหลายแก้วแล้วด้วย” เคลวินอดเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้“นั่นสิให้ไอ้เคนมันพาไปดีกว่า เดี๋ยวล้มพับลงไปจะยุ่ง” แม็กซิมัสก็เป็นห่วงเพื่อนเช่นกัน“ไม่เป็นไร ฉันไม่ใช่คนคออ่อนสักหน่อย เหล้าแค่ไม่กี่แก้วทำให้เมาไม่ได้หรอก” อเล็กซิสปฏิเสธเสียงจริงจัง “เดี๋ยวมาว่ะ” จากนั้นก็เดินมุ่งหน้าตรงไปยังห้องน้ำ ซึ่งเจนจิราก็พาบรรดาเพื่อนๆ ของตัวเองเข้ามาขวางหน้าเอาไว้พอดี“พี่อเล็กกำลังจะไปไหนเหรอคะ”อเล็กซิสฝืนยิ้มให้กับเจนจิรา “พี่กำลังจะไปห้องน้ำน่ะ ขอตัวสักครู่น
“คุณแม่คะ... พี่อเล็กไม่ค่อยจะสนใจเจนเลยค่ะ”เจนจิราในชุดเจ้าสาวแสนสวยหน้าหงิกงอ หลังจากอเล็กซิสเจ้าบ่าวของตนเองเอาแต่คุยอยู่กับเพื่อนพ้อง และดื่มแต่เหล้า ไม่สนใจไยดีหล่อนอย่างที่ควรจะเป็นเลย“อย่าคิดมากเลยน้องเจน เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่อเล็กก็จะสนใจน้องเจนเองนั่นแหละ เชื่อแม่สิ”ปิยนุชปลอบลูกสาว ในขณะที่เจนจิราจ้องมองอเล็กซิสที่อยู่ในกลุ่มของเพื่อนๆ ของเขาด้วยสายตาไม่พอใจตลอดเวลา“แต่พี่อเล็กทำเหมือนไม่อยากแต่งงานกับเจนเลยนะคะคุณแม่”“ก็คุณป้าเจสบอกแล้วไงว่าพี่อเล็กน่ะ เขาหวงความโสดมาก และก็ไม่ได้เต็มใจจะแต่งงานสักเท่าไหร่ ดังนั้นน้องเจนของแม่จะต้องใช้เสน่ห์หญิงมัดใจพี่เขาให้อยู่รู้ไหมลูก”“เรื่องนั่นเจนไม่พลาดหรอกค่ะ เจนเก่งทุกท่าอยู่แล้ว”ปิยนุชฟังคำพูดโอ้อวดของลูกสาวแล้วก็ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดี“ส่วนเรื่องคืนนี้ น้องเจนจะต้องรอสัญญาณจากแม่ให้ดีๆ นะลูก เพราะพอนังเตยมันออกมาจากห้อง น้องเจนก็สวมรอยเข้าไปนอนแทนที่เลย แล้วอย่าทำตัวให้มีพิรุธล่ะรู้ไหม”“เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ ว่าแต่เจนจะต้องรอนังเตยนานแค่ไหนคะ แล้วรอตรงไหน”“แม่ว่าน่าจะไม่เกินชั่วโมงหรอกมั้ง”“เป็นชั่วโมงเลยเหรอคะ
สุ้มเสียงที่เต็มไปด้วยความสุขของผู้คนหลายคนด้านนอกดังเล็ดลอดมาเข้าหูคนที่แอบซุกตัวอยู่ในห้องน้ำเช่นหล่อนเตยหอมรอคอยด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ตอนแรกหล่อนตกใจมาก ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว แต่พอได้ยินเสียงของเจนจิรา จึงรู้ว่านี่คือสัญญาณที่บอกให้รู้ว่างานน่าอดสูกำลังจะเริ่มต้นขึ้น“เปิดสินังเตย...”เตยหอมรีบปลดล็อกประตูห้องน้ำ และเจนจิราก็ก้าวเข้ามาข้างในด้วยกัน“เดี๋ยวฉันจะแอบออกไป ส่วนแกก็ทำหน้าที่ให้เสร็จ และก็ลงไปเปลี่ยนตัวกับฉันที่ข้างล่าง เข้าใจไหม”“เอ่อ... ค่ะ...”“แล้วอย่าให้ฉันรู้นะว่าแกทำเกินกว่าหน้าที่ นังเตย” เจนจิราเอานิ้วจิ้มหน้าผากของเตยหอมแรงๆเตยหอมก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเองทั้งน้ำตา“ฉันจะรอแกอยู่ตรงพุ่มไม้ข้างบ้าน รีบลงมาล่ะ”“ค่ะ”“แล้วนี่แกเอาชุดมาเปลี่ยนหรือเปล่า เพราะแกคงไม่คิดจะใส่ชุดนอนของฉันออกไปจากที่นี่หรอกนะ”“เอ่อ... เตยเตรียมมาแล้วค่ะ”“ดีมาก แล้วอย่าให้พลาดล่ะ”“ค่ะ”เจนจิรากำลังจะดันบานประตูห้องน้ำให้เปิดออก แต่เตยหอมถามเสียงสั่นเทาเสียก่อน“คุณ... อเล็กเมาไม่รู้เรื่องใช่ไหมคะ”“ใช่ เมาแอ๋เลย แต่ยังไงซะแกก็ต้องทำให้พ
สติสัมปชัญญะที่ถูกปากถูกลิ้นถูกฝ่ามือเชี่ยวชาญของคนเมาปัดเป่าหายไปจนแทบหมด ตอนนี้ยิ่งสลายหายยิ่งขึ้น เมื่อคนตัวโตพรมจูบมายังบ่าเปลือย พร้อมกับเอามือกอบกุมเต้านมอวบใหญ่เอาไว้เสียงคำรามของคนเมาดังกระหึ่มมาเข้าหู แต่มันกลับไม่สามารถฉุดรั้งให้หล่อนคลายความตื่นตกใจได้ กายสาวขยับหนีเล็กน้อย เมื่อถูกบีบเคล้นก้อนเนื้อนุ่ม แต่เขาไม่ยอมปล่อยมือจากเต้านม แถมยังปลุกเร้าต่อด้วยการเอานิ้วยาวมาเสียดสียอดถัน“อ๊ะ... อื้อ...อ๊า...”ยอดถันของหล่อนชูชันขึ้นทันตา มันเคร่งครัด แข็งเป็นไตคล้ายกับกำลังรอคอยอะไรบางอย่างความรู้สึกเสียวซ่านยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เมื่อยอดถันถูกจู่โจมจากปลายนิ้วยาวทั้งสองข้าง ในขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาของอเล็กซิสก็ก้มลงซุกไซ้กับร่องอกอวบหล่อนกำลังจะตาย... ใช่... ต้องตายแน่ๆ หากเขายังคงซุกไซ้และบี้คลึงยอดทรวงแบบนี้“อ๊า... อา... อ๊า...”หล่อนเกลียดตัวเองที่ครางแบบนั้น เกลียดร่างกายที่ดิ้นเร่าๆ คล้ายกับกำลังถูกใจกับสัมผัสของอเล็กซิส“อ๊า... อา... อา...”แต่สาวอ่อนเดียงสาเช่นหล่อนจะไปต่อสู้อะไรกับคนเมาผู้ช่ำชองได้ เพราะทันทีที่เขาแลบลิ้นสีแดงสดออกมาจากปาก และไล้ไปมากับยอดถันข้
ความร้อนฉ่าที่เต้นระริกอยู่ในโพรงสาวค่อยๆ จางหายไป เมื่อความหวาดหวั่นเข้ามาแทนที่เขาใหญ่โต และเขาก็เมามาก ถ้าเขาทำแรง... หล่อนคงต้องขาดวิ่นแน่ๆ“อ๊ะ...”เขากระโจนขึ้นมาบนเตียง และกระชากร่างเปลือยขาวเนียนให้ไปอยู่ใต้ร่างอีกครั้ง ใบหน้าหล่อจัดคลุกเคล้าลงมาหา เต้านมถูกบีบขยำ ยอดถันถูกโลมเลีย และที่ร่องสาวก็ถูกนิ้วยาวค่อยๆ สอดใส่เข้ามาทีละนิดจนกระทั่งเข้ามาได้สำเร็จ“อ๊ะ...”“ฟิตจัง”เขาครางเสียงแหบพร่า ชักนิ้วเข้าออกถี่ระรัว ในขณะที่อุ้งปากชายก็ยังดูดเลียยอดถันไม่ว่างเว้นหล่อนดิ้นเร่าๆ ร่างกายตื่นเร้าด้วยแรงปรารถนาอีกครั้ง และครั้งนี้ก็ไม่อาจจะรั้งรอได้อีกต่อไป“ได้โปรด... อ๊า... ได้โปรดเถอะค่ะ คุณอเล็ก... อ๊า...”คำวิงวอนของหล่อนหยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่างของอเล็กซิสได้ทั้งหมด เขาเงยหน้าขึ้นจากเต้านม และดึงนิ้วยาวออกมาจากกลีบสาวในเวลาเดียวกันดวงตาสีฟ้ากระจ่างที่จับจ้องมองมานั้นเต็มไปด้วยความหื่นกระหายน่ากลัวหล่อนตัวสั่น หวาดกลัวต่อประสบการณ์แปลกใหม่ แต่กระนั้นก็ยินยอมที่จะตกเป็นของเขา“ได้โปรด... เถอะนะคะ... อา...”และก็เป็นหล่อนที่เบียดกระแซะกายสาวขึ้นหาวิงวอน จนกระทั่งเขาหมดความอดทน
หลายปีต่อมา... สี่หนุ่มเพื่อนซี้ก็สามารถหาเวลาว่างตรงกันและนัดมาสังสรรค์กันได้ในที่สุดอเล็กซิสยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ ขณะทอดสายตามองไปยังทุ่งกว้างที่บรรดาเด็กน้อยวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน โดยมีสาวๆ ซึ่งเป็นภรรยาของพวกเขาทั้งสี่คนปูเสื่อนั่งคุยกันอยู่ไม่ห่างจากจุดที่เด็กๆ วิ่งเล่นอยู่เขาไม่เคยมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย การมีครอบครัวคือสิ่งที่เขาไม่เคยปรารถนามาก่อน แต่หลังจากที่เตยหอมเข้ามาในชีวิต เขาก็ได้รู้จักกับความสุขที่แท้จริง...ความสุขที่เงินมากเท่าไรก็ซื้อหาไม่ได้...“ในท้องเมียนายกี่คนวะ เห็นท้องใหญ่ๆ” แม็กซิมัสเอ่ยถามอเล็กซิส ซึ่งเป็นหนุ่มหล่อคนสุดท้ายที่เพิ่งได้แต่งเมีย“แฝดสามว่ะ” อเล็กซิสยืดอกตอบอย่างภาคภูมิใจ “น้ำยาฉันมันแรง เห็นไหมล่ะ”เสียงหัวเราะของอีกสามหนุ่มดังกระหึ่ม ก่อนจะรีบเกทับกันยกใหญ่“แค่แฝดสามทำมาคุยไอ้อเล็ก ฉันนี่ลูกหกคนแล้วโว้ย ยังไม่เห็นคุยเลย ถึงจะไม่ใช่แฝดก็ตาม” เคลวินยืดอกบ้างด้วยความภูมิใจในเชื้อพันธุ์ของตนเองไม่ต่างกัน“ให้มันน้อยๆ หน่อยน่ะพวกแก” ชาร์ลีแย้งขึ้นพร้อมกับจิบเหล้า แต่ก็ทำให้เพื่อนอีกสามคนหันมาทับถมกันใหญ่โต“นายน่ะอ่อนสุดเลยรู้ไหมไอ้ชาร์ล พวกเร
Mackenzie, New Zealandสถานที่ตรงหน้ามันสวยเหลือเกิน สวยงามน่าอัศจรรย์จนหล่อนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เลย รู้แต่ว่ามันคือแดนสวรรค์ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริงบนโลกรอยยิ้มละไมเปื้อนดวงหน้างามตลอดเวลา เมื่อนึกถึงภาพของทะเลสาบสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ที่อยู่ท่ามกลางเทือกเขาสูงใหญ่ และรอบๆ ก็มีดอกไม้สีสันสดใสประดับประดาอย่างลงตัวคล้ายกับดินแดนในเทพนิยายที่เคยหยิบยืมของเจนจิรามาอ่านตอนเด็กไม่มีผิด“ชอบไหมทูนหัว...”คนที่นอนหลับตาอยู่ก่อนหน้าขยับเปลือกตาลืมขึ้น และมองหน้าหล่อน ดวงตาของเขาระยิบระยับสวยแข่งกับดวงดาวบนท้องฟ้ากว้างเหลือเกินมือเล็กยกลูบแก้มสากที่มีตอหนวดขึ้นประปรายแผ่วเบา “ชอบมากค่ะ มันสวยเหลือเกิน...”คนตัวโตยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวสะอาดสะท้อนกับแสงของดวงดารานับหมื่นบนท้องฟ้า“ผมดีใจนะที่คุณชอบ...”“ขอบคุณมากนะคะที่พาเตยมาที่นี่ มันสวยมาก สวยเหมือนสวรรค์เลยค่ะ”คนที่นอนพักอยู่ลุกขึ้นนั่ง ยกมือใหญ่ขึ้นโอบประคองแก้มนวลของภรรยาเอาไว้ ก่อนจะจุมพิตกลีบปากอวบอิ่มนุ่มนวล จากนั้นก็กระซิบแผ่วเบา“แล้วที่นี่คุณชอบอะไรที่สุดล่ะ ทะเลสาบ ดอกลูพิน หรือว่าดวงดาวบนฟ้าในตอนนี้”หล่อนฉีกยิ้มกว้าง
และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความสุขคือสิ่งที่เตยหอมพบเจอเป็นประจำจนเคยชิน หล่อนไม่เคยพบประสบกับความทุกข์ใจใดๆ อีกเลย เมื่อมีอุ้งมือของอเล็กซิสคอยโอบประคอง จนหล่อนอดคิดไม่ได้ว่าตนเองคือผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก“อุ้ยยย...” หล่อนสะดุ้งตกใจเมื่อถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง แต่สัมผัสและกลิ่นหอมที่คุ้นเคยทำให้อมยิ้มกว้างในเวลาต่อมา อ้อมแขนที่แสนอบอุ่นนี้จะเป็นของใครไปได้ล่ะ นอกจาก...อเล็กซิส โอคอนเนอร์ สามีดีเด่นของหล่อนนั่นเอง...หล่อนหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับสามีสุดหล่อที่ตัวสูงใหญ่ มองจ้องตาสีฟ้าสวยของเขาด้วยความรักหมดหัวใจ“น้องปิ่นหลับแล้วเหรอคะ”“หลับแล้วครับทูนหัว...” คุณพ่อคนเก่งก้มลงจูบแก้มภรรยาอย่างแสนรัก จากนั้นก็เลยมาอ้อยอิ่งที่กลีบปากหวานราวกับหยาดน้ำผึ้งป่าของภรรยา “กว่าจะหลับได้ ผมหมดนิทานในสต็อกไปเกือบห้าเรื่องแน่ะ” เขาพูดและก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ดวงตากวาดมองหน้าหวานของเตยหอมตลอดเวลา“ตอนเด็ก คุณจ้อเก่งแบบน้องปิ่นหรือเปล่าเนี่ย”หล่อนหัวเราะร่วน “เปล่านะคะ ตอนเล็กๆ เตยไม่ค่อยจะพูดด้วยซ้ำไปค่ะ”“อ้าว งั้นก็คงเหมือนผมน่ะสิ” เขาหัวเราะก๊าก ซึ่งหล่อนเองก็อดที่จะหัวเราะออกมาอีกครั้
“ที่แท้ก็อยากมีลูกเพิ่มใช่ไหมคะเนี่ย”เขาผงกศีรษะตอบรับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์น้อยๆ “ก็ฉันกลัวน้องปิ่นจะเหงา ก็เลยอยากมีน้องๆ ให้มาเป็นเพื่อนวิ่งเล่น ว่าแต่ตกลงไหมทูนหัว”เตยหอมยิ้มเอียงอาย ก่อนจะซบหน้าลงกับแผ่นอกกว้างอย่างแสนรัก“ค่ะ”“น่ารักจังทูนหัว”เสียงหัวเราะพึงพอใจของอเล็กซิสดังกระหึ่มขึ้น ก่อนที่มือใหญ่จะเริ่มต้นซุกซน“อุ้ยยย... จะทำอะไรเหรอคะ”“ก็เร่งมือทำน้องให้น้องปิ่นไงจ๊ะทูนหัว”“ตะ... ตอนนี้เลยเหรอคะ” มือของเขาซุกซนมาก สัมผัสลูบไล้ไปทั้งบั้นท้ายทำเอาหล่อนสยิวเสียวซ่าน“ไม่ทำตอนนี้จะทำตอนไหนล่ะทูนหัว...”“ก็... ตอนค่ำไงคะ” หล่อนอ้อมแอ้มตอบด้วยความขัดเขิน“รอไม่ไหวจ๊ะที่รัก... ได้โปรดขอตอนนี้เลย... นะ...”น้ำเสียงของอเล็กซิสทั้งกระเส่าทั้งแปร่งพร่า ทำเอาหล่อนไม่กล้าที่จะขัดใจเลย“ก็... ได้ค่ะ”กายสาวร้อนผะผ่าว เลือดในกายก็เดือดพล่าน ยิ่งอเล็กซิสมือไม่อยู่สุขแบบนี้ หล่อนก็ยิ่งร้อนฉ่าราวกับจับไข้สูง“ทูนหัว... อวบใหญ่ไปทั้งตัวเลย... อืมมม”มือใหญ่ทั้งขยำทั้งบีบเต้านมอย่างเมามัน ก่อนจะฉีกทึ้งเสื้อผ้าที่หล่อนสวมอยู่จนกระเด็นหวือลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นห้อง ส่วนกายสาวก็ล่อนจ้อน
ในที่สุดช่วงเวลาที่น่าหวาดหวั่นก็เดินทางมาถึงจนได้ อเล็กซิสพาหล่อนกับปิ่นงามกลับมายังบ้านของเขา เพื่อที่จะได้พบเจอกับเจสสิก้ามารดาของเขานั่นเองเขาบอกกับหล่อนว่าได้เล่าเรื่องทุกอย่างให้มารดาและบิดาฟังหมดแล้ว ซึ่งตอนนี้มารดาของเขาก็ต้องการที่จะพบหล่อนกับปิ่นงาม“มือเย็นเชียว ไม่มีอะไรหรอก เชื่อฉันสิ” คนตัวโตเอื้อมมือมากุมมือเล็กเอาไว้ และก็บีบให้กำลังใจ“ค่ะ... เตย... เชื่อคุณอเล็กค่ะ”อเล็กซิสระบายยิ้มหวาน เขาย่อตัวลงวางปิ่นงามให้ลงยืนกับพื้นห้อง เมื่อพาหล่อนกับลูกสาวเข้ามาในห้องรับแขกหรูแล้ว หล่อนเห็นเจสสิก้านั่งอยู่บนโซฟาตัวยาว จับจ้องมองมาที่หล่อนและปิ่นงามไม่วางตาสมัยตอนที่หล่อนอยู่ที่บ้านของปิยนุช ก็มีโอกาสได้เจอะเจอกับเจสสิก้าหลายครั้ง แต่ไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดมาก่อน“สวัสดีค่ะคุณเจสสิก้า”หล่อนยกมือไหว้สตรีสูงวัยที่ยังสวยไม่สร่างตรงหน้าด้วยความนอบน้อม ก่อนจะหันไปบอกลูกสาวให้ยกมือไหว้เช่นกัน ซึ่งปิ่นงามก็ทำตามอย่างว่านอนสอนง่าย เรียกรอยยิ้มเอ็นดูของเจสสิก้าได้อย่างมากมายเลยทีเดียว“หลานย่า... มาให้ย่ากอดหน่อยลูก”ปิ่นงามมองหน้าหล่อนเล็กน้อยราวกับขอความเห็น และเมื่อหล่อนพยักหน้าอน
หลังจากที่หล่อนบอกความจริงกับยายฟองจันทร์และตาคำสาย ทั้งสองตายายก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นตกใจ ก่อนที่ยายฟองจันทร์จะพูดออกมา“ยายว่าแล้วเชียวว่ามันต้องมีอะไรในกอไผ่”“ทำไมแกพูดอย่างนั้นล่ะยายฟองจันทร์ หรือว่าแกเดาออกว่าคุณอเล็กกับหนูเตยเป็น...” ตาคำสายเอ่ยถามภรรยายังไม่ทันจบก็ถูกแทรกขึ้นเสียก่อน “ก็แกไม่เห็นสายตาที่คุณอเล็กมองหนูเตยในงานศพคุณเจนหรือไงล่ะ มองตาเชื่อมจนมดกัดแบบนั้น แล้วยังที่บุกมาถามวันเดือนปีเกิดของน้องปิ่นอีก”ตาคำสายผงกศีรษะรับหงึกๆ ก่อนจะหันไปถามอเล็กซิสที่ยืนอุ้มปิ่นงามเอาไว้ในอ้อมแขน“นี่ถ้าผมเป็นคุณอเล็กนะ ผมคงไม่ยอมปล่อยให้เมียหนีไปนานถึงสี่ปีหรอกครับ แค่สี่วันผมก็อกจะแตกตายอยู่แล้ว”อเล็กซิสอมยิ้ม ทอดสายตามองเตยหอมที่ยืนหน้าแดงระเรื่ออยู่ข้างกาย“ใครว่าผมยอมปล่อยกันล่ะครับ หนูเตยของคุณตาคุณยายหนีไปต่างหาก ผมตามหาแทบพลิกแผ่นดินก็ไม่เจอ จนเกือบถอดใจอยู่แล้วล่ะครับ”“ที่เตยหนีไปก็เพราะเตยจำเป็น คุณอเล็กก็รู้นี่คะ ยังมาว่าเตยอีก” สาวน้อยอ้อมแอ้มตัดพ้อสามีเสียงอ่อยอเล็กซิสมองภรรยาด้วยความเอ็นดูก่อนจะก้มหน้าลงมาจูบแก้มแดงๆ โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย สองตายายเห็นเข้าก็อมยิ้มฟิ
“ใครว่าล่ะ เธอทั้งสวยทั้งหวานต่างหาก”“เตย...”“ฉันก็บอกเธอตลอดนี่ว่าเธอน่ะหอมหวานแค่ไหน ตอนที่เรา...”อเล็กซิสอมยิ้มและเว้นวรรคเอาไว้ แต่หล่อนก็เข้าใจความหมายได้เป็นอย่างดีหล่อนเสหลบสายตาด้วยความเอียงอาย โดยมีคนตัวโตพรมจูบไปทั่วทั้งใบหน้า“ความจริง ฉันไม่ได้คิดจะบอกความในใจกับเธอตรงนี้หรอกนะ”“คะ?”“ฉันเตรียมสถานที่เอาไว้แล้ว แต่ก็พลาด บอกเธอออกมาเสียก่อน”มือเล็กไต่ไปมาอยู่บนหน้าอกกว้าง หัวใจของหล่อนพองฟูจนคับทรวงอก“เอาไว้บอกอีกครั้งก็ได้ค่ะ เตย... ชอบฟัง...”“ขี้โกงนี่นา”“ทำไมว่าเตยขี้โกงล่ะคะ” หล่อนช้อนตามองอเล็กซิส และก็อมยิ้มหวานฉ่ำ“ก็เธอให้ฉันบอกความในใจอยู่เดียว ส่วนเธอไม่พูดอะไรออกมาเลย”“เตย...”“ถึงแม้ว่าฉันจะรู้อยู่แล้วว่ายังไงซะ เธอก็ต้องรักฉัน แต่ฉันก็อยากฟังเป็นคำพูดเหมือนกันนะ”หล่อนหัวเราะออกมา สองแก้มนวลร้อนผ่าวด้วยความขัดเขินเอียงอาย“ใครว่าเตยรักคุณอเล็กกันล่ะคะ” หล่อนแสร้งดิ้นขลุกขลัก จะหนีออกจากอ้อมแขนกำยำ แต่อเล็กซิสไม่ยอมปล่อย“ก็ฉันหล่อขนาดนี้ เธอไม่รักก็บ้าไปแล้วล่ะ”“แหวะ คนหลงตัวเอง อุ๊ยยย...” หล่อนย่นจมูกใส่เขา และก็ถูกจูบปากเป็นการลงโทษทันควัน“แล้วสร
บ้าจริง เมื่อคืนหล่อนยอมให้อเล็กซิสทำแบบนั้นที่ผนังห้องได้ยังไงกันนะ!เตยหอมเต็มไปด้วยความรู้สึกอับอาย เมื่อมองไปยังผนังห้องพักที่เมื่อคืนตนเองกับอเล็กซิสใช้เป็นที่ระเบิดความใคร่ใส่กัน พวงแก้มนวลแดงระเรื่อ กายสาวก็ร้อนวูบวาบจนน่าอับอายหญิงสาวรูดซิปกระเป๋าเดินทางจนสุด เมื่อเก็บเสื้อผ้าของตัวเองกับลูกสาวเข้าไปภายในนั้นครบทั้งหมดแล้วช่างมันเถอะ อย่างน้อยๆ หล่อนก็จะได้จดจำความสุขยามที่ได้อยู่ในอ้อมแขนของอเล็กซิสเอาไว้หล่อเลี้ยงหัวใจ หล่อนคงมีความสุขมาก เวลาคิดถึงสัมผัสของเขาแม้จะพยายามฝืนยิ้มออกมา แต่หัวใจก็ยังคงเจ็บปวดทรมานจนเลือดทะลักเตยหอมกัดฟันลุกขึ้นจากพื้น มองร่างของลูกสาวที่ยังคงนอนหลับปุ๋ยบนเตียงด้วยความรัก ก่อนจะเดินตรงไปยังประตูห้อง แต่ยังไม่ทันถึงเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน หล่อนคิดว่าเป็นยายฟองจันทร์ หรือไม่ก็ตาคำสาย จึงรีบเปิดออกโดยไม่ทันได้เอ่ยถาม“คุณ... อเล็ก...”แต่พอเปิดประตูออกแล้วก็ต้องตกใจระคนแปลกใจ เมื่อเห็นอเล็กซิสผู้ชายเจ้าของบั้นเอวคลั่งยืนกอดอกอยู่ตรงหน้า พวงแก้มนวลแดงก่ำ เลือดสาวร้อนฉ่า เมื่อสบตากับดวงตาสีฟ้าสดสวย"เอ่อ... คุณมีธุระอะไรกับเตยเหรอคะ”“ฉัน
ความอึดอัดจนน่าคลุ้มคลั่งบนรถสปอร์ตหรูจบสิ้นลงเมื่ออเล็กซิสวางร่างหลับปุ๋ยของปิ่นงามลงบนเตียง ทุกกิริยาของเขาที่ปฏิบัติกับปิ่นงามช่างอ่อนโยนจนหล่อนแทบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่“ขะ... ขอบคุณมากค่ะที่อุตส่าห์สละเวลามาส่งเราสองแม่ลูก”หล่อนพูดขึ้น เมื่อเขาเดินมาหยุดตรงหน้าของหล่อนที่ยืนขาสั่นอยู่กลางห้องพักใบหน้าของอเล็กซิสหล่อเหลา และก็มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ หล่อนก้มหน้างุดลงมองพื้น พร้อมกับภาวนาให้ตัวเองสามารถข่มความโหยหาเอาไว้ได้จวบจนกระทั่งเขาจากไป“ด้วยความยินดี”“เอ่อ... เตย... ออกไปส่งที่รถค่ะ อ๊ะ...”หล่อนกำลังจะหมุนตัวเดินไปที่ประตูห้อง แต่เอวคอดถูกมือใหญ่คว้าเอาไว้ พร้อมกับรั้งร่างอวบอัดเข้าไปปะทะแผ่นอกกว้าง“ปะ... ปล่อยเตยค่ะ”“ชูว์... อย่าส่งเสียงดังเชียวนะ เพราะจะรบกวนเวลานอนของลูก เข้าใจไหม”หล่อนหน้าซีดเผือดสลับแดงก่ำ เลื่อนสายตาไปมองลูกสาวที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงแล้ว ก็จำต้องกัดปากแน่นเพื่อไม่ให้เสียงใดเล็ดลอดออกมา“เก่งมากเด็กดี...”“อื้อ... อย่าค่ะ”มือใหญ่ยกขึ้นลูบใบหน้านวล หล่อนพยายามเอียงหน้าหนีแต่เขาก็ยอมให้ทำได้ สุดท้ายมือของอเล็กซิสก็สอดรองเอาไว้ใต้ท้ายทอย นิ้วแกร่ง