อเล็กซิสจำต้องเก็บอาการเบื่อหน่ายเอาไว้ตามที่มารดาขอร้องมา เมื่อต้องแวะมาหาเจนจิราที่บ้าน และพาหญิงสาวออกไปลองชุดแต่งงาน
เขาจอดรถ นั่งนิ่งอยู่ในนั้น รู้สึกเบื่อหน่ายจนไม่มีกะจิตกะใจแม้แต่จะเคลื่อนไหวร่างกาย จนกระทั่งหางตารับภาพของผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินไปยังสวนข้างตัวตึก
มือใหญ่รีบควานหาที่เปิดประตูรถ และก้าวลงไปอย่างรวดเร็ว ย่ำเท้าตามร่างอรชรนั้นไปติดๆ
เขาเห็นหล่อนเดินไปหยุดในสวน ก่อนจะคว้าไม้กวาดทางมะพร้าวที่พาดอยู่กับโคนต้นไม้มาไว้ในมือ และเริ่มต้นจัดการกวาดใบไม้ที่ร่วงตกอยู่บนพื้น
ดวงตาของเขาไม่อาจจะละจากร่างเล็กของเตยหอมได้เลย เจ้าหล่อนอยู่ในชุดอยู่บ้านเรียบร้อย ไม่มีส่วนใดเลยที่จะเปิดเปลือยให้เห็นผิวในร่มผ้า แต่หล่อนกลับดึงดูดสายของเขาได้อย่างมหัศจรรย์
มีเสน่ห์มาก...
ใช่...
อเล็กซิสยืนกอดอกมองเตยหอมกวาดใบไม้ด้วยความเพลิดเพลิน ร่างกายที่ดูเล็กกะทัดรัดของเจ้าหล่อนพลิ้วไหวราวกับใบไม้ต้องสายลม มันดูเป็นธรรมชาติ ไร้จริตมารยา และก็ดึงดูดสายตาดีเหลือเกิน
นี่เขาเผลอตัวยิ้มออกมาตั้งแต่เมื่อไรกันนะ...
ชายหนุ่มรู้สึกตัวว่าเผลอตัวยิ้มออกมา ก็ตอนที่เตยหอมหันมาเห็น และมองมาด้วยสายตาแปลกใจระคนตื่นตระหนกนั่นล่ะ
พวงแก้มของหล่อนขาวเนียน เขาจำได้ว่าครั้งที่อยู่ใกล้ๆ เขามองเห็นเลือดฝาดบนผิวสวยของหล่อนได้อย่างชัดเจน แถมกลิ่นของแก้มสาวก็ยังหอมอีกต่างหาก
บ้าจริง ทำไมเขาหยุดยิ้มไม่ได้เลยนะ...
“คุณอเล็ก...”
เสียงสั่นเทาของเตยหอมทำให้สติกลับคืนมาสู่ร่างกายอีกครั้ง อเล็กซิสยืดตัวตรง ทิ้งมือลงข้างกาย และก้าวเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กกว่ามาก
“สวัสดีเตยหอม...”
เขาสูงกว่าหล่อนมาก ทำให้เวลาเผชิญหน้ากัน เขาต้องก้มหน้าลงพอสมควรเลยทีเดียว
“เอ่อ... สะ... หวัดดีค่ะ”
เตยหอมทักทายตอบเสียงสั่น และรีบก้าวถอยหลังหนีเขาเมื่อสามารถทำได้
“เตย... ขอตัวก่อนนะคะ”
หล่อนจะต้องรีบไปจากตรงนี้ เพราะหล่อนรู้สึกหวาดหวั่นจนคล้ายกับกำลังจะเป็นลม แต่แค่หมุนตัวจะเดินจากไป แขนเล็กก็ถูกอุ้งมือใหญ่อบอุ่นคว้าเอาไว้ พร้อมกับรั้งให้กลับเข้าไปหา
หล่อนพยายามขืนตัวเอาไว้ แต่ก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายกายสาวก็แทบจะแนบชิดกับเรือนกายทรงพลังของอเล็กซิส ผู้ชายที่จะได้ครอบครองพรหมจรรย์ของหล่อนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
เขาไม่รู้... จะไม่มีวันรู้ว่าเจ้าของพรหมจรรย์คือหล่อน เพราะปิยนุชวางแผนมาเป็นอย่างดี เพื่อให้อเล็กซิสเข้าใจว่า เจ้าของความสาวแสนบริสุทธิ์คือเจนจิรา
มันคือความอัปยศอดสู ที่หล่อนไม่อาจจะหลีกเลี่ยงพ้นได้ หล่อนทำได้แค่เสียใจเท่านั้น
“ปล่อยแขนเตยเถอะค่ะ”
“เธอทำเหมือนฉันเป็นผีอย่างนั้นแหละ เจอหน้าก็เอาแต่จะหนี”
“เอ่อ...”
หล่อนเสหลบสายตาคมกริบที่จ้องมองมาอย่างค้นคว้าของอเล็กซิสด้วยการก้มลงมองพื้นดิน
“ถามจริงๆ เถอะ ทำไมต้องทำเหมือนรังเกียจฉันด้วย เตยหอม”
“เตย... เปล่ารังเกียจคุณอเล็กค่ะ”
“ปากเธอบอกไม่ได้รังเกียจฉัน แต่การกระทำของเธอมันแสดงให้เห็นเป็นอย่างดีว่าเธอยิ่งกว่ารังเกียจฉันเสียอีก ฉันทำอะไรให้เธอไม่พอใจหรือไง ถึงได้ไม่อยากเจอหน้าฉันน่ะ”
หล่อนช้อนตาขึ้นมองเขา น้ำใสๆ ในดวงตาแทบจะเอ่อล้นออกมา
นี่เขาต้องการให้หล่อนบอกออกไปจริงๆ เหรอว่าทำไมหล่อนถึงต้องคอยหนีหน้าแบบนี้
“คุณอเล็ก... ไม่ได้ทำอะไรให้เตยไม่พอใจหรอกค่ะ”
“แล้วทำไมต้องคอยหนีหน้าด้วยล่ะ”
“เตย... ไม่รู้จะเจอหน้าคุณอเล็กไปทำไมนี่คะ และอีกอย่าง คุณเจนคงไม่พอใจหากเห็นคุณอเล็กคุยกับผู้หญิงคนอื่น”
อเล็กซิสกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ เมื่อได้ยินชื่อเจนจิรา “เธอเลิกพูดถึงเจนจิราได้ไหม ฉันไม่อยากฟัง”
“คุณอเล็กกำลังจะแต่งงานกับคุณเจนนะคะ ดังนั้นคุณอเล็กควรจะเอาอกเอาใจคุณเจน” แล้วหล่อนก็บิดแขนของตัวเองออกจากอุ้งมือใหญ่ได้สำเร็จ
“เตยขอตัวนะคะ”
อเล็กซิสตามคว้าร่างเล็กเอาไว้ได้อีกครั้ง และครั้งนี้เจ้าหล่อนเสียหลักเซถลาเข้ามาในอ้อมแขนเลยทีเดียว
“อ๊ะ... คุณอเล็ก...”
เจ้าหล่อนเบิกตากว้างด้วยความตื่นตกใจ และแน่นอนว่าเขาฉวยโอกาสกอดรัดร่างอรชรเอาไว้ทันที
“ปะ... ปล่อยเตยเถอะค่ะ”
อเล็กซิสอมยิ้ม ค่อยๆ โน้มศีรษะต่ำลงมาหาเรื่อยๆ เตยหอมหน้าตาตื่น ทั้งตกใจ ทั้งวาบหวามไปทั้งอก
“คุณ... อเล็ก...”
“แก้มเธอใสจนเห็นเส้นเลือดเลยนะ เตยหอม...”
“เอ่อ... ปล่อยเตยก่อนค่ะ เตยหายใจไม่ออก...” เตยหอมดิ้นรนด้วยความหวาดวิตก กลัวว่าจะมีใครผ่านมาเห็นเข้า และนำไปฟ้องปิยนุชและเจนจิรา
“ได้โปรด... ปล่อยเตยนะคะ” และเมื่อเขาไม่ยอมปล่อย น้ำตาแห่งความอัดอั้นตันใจก็ทะลักไหลออกมาอาบสองแก้ม
อเล็กซิสมองด้วยความตกใจไม่น้อย “เธอร้องไห้ทำไม เตยหอม... ฉันกอดเธอแน่นไปหรือ”
หล่อนสะอื้นไห้ ดวงตามีแต่หยาดน้ำเอ่อล้น กลีบปากอวบอิ่มสั่นเทา
“คุณอเล็ก... ปล่อยเตยเถอะนะคะ ได้โปรดเถอะ...”
“ทำไม” เขาถามเสียงอ่อนลง “หรือว่าเธอรังเกียจอ้อมแขนของฉัน”
“คุณกำลังจะแต่งงานกับคุณเจนนะคะ ดังนั้นอย่าทำให้คุณเจนเสียความรู้สึกเลยค่ะ”
“ฉันไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกของเจนจิรา ไม่สนด้วยว่าจะคิดยังไง เพราะฉันไม่ได้อยากแต่งงานเลยสักนิด” อเล็กซิสไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตนเองจะต้องมาอธิบายเรื่องส่วนตัวให้กับผู้หญิงตรงหน้าฟัง “ที่ต้องแต่งก็เพราะขัดใจคุณแม่ไม่ได้ก็เท่านั้น...”
อเล็กซิสพูดออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ท่าทางของเขาบอกให้รู้ว่าการแต่งงานในครั้งนี้ไม่ได้มีความพิเศษแม้แต่น้อย
“แต่คุณเจนรักคุณอเล็กนะคะ เตยอยากให้คุณอเล็ก... จริงใจกับเธอ...”
“ทำไมต้องวิงวอนแทนคนอื่นด้วยล่ะ เตยหอม...”
“เตย...”
ปลายจมูกโด่งเป็นสันฉวยโอกาสจรดลงบนแก้มนวล ไออุ่นของมันทำให้เจ้าของพวงแก้มหน้าแดงระเรื่อสลับกับซีดขาว เตยหอมตกใจมาก ยกมือขึ้นลูบแก้มเอาไว้ และดิ้นขลุกขลัก
“คุณอเล็ก... ทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ... ปล่อย... ปล่อยเตยเถอะค่ะ เตยจะไปกวาดใบไม้แล้ว”
เขาไม่สนใจท่าทางตื่นตกใจของหล่อนเลยแม้แต่น้อย แถมยังมีหน้ามาหัวเราะร่วนอีกต่างหาก
“แก้มเธอหอมจัง ใช้แป้งยี่ห้ออะไรหรือ”
“คุณอเล็ก...”
“ดูสิ ยิ่งอายก็ยิ่งหน้าแดง” เขาจ้องมองไม่วางตา และกำลังจะแผดเผาให้หล่อนตายทั้งเป็นด้วยแรงเสน่หาบ้าคลั่ง “ฉันชอบมองเวลาผู้หญิงแก้มแดงแบบนี้จัง...”
“คุณอเล็ก... ปล่อยเตยนะคะ... อย่าแกล้งเตยอีกเลย”
“ฉันไม่ได้แกล้งสักหน่อย ฮึ...” เขาทำท่าจะเอาปลายจมูกมาชนแก้มนวลอีก แต่หล่อนเอียงหน้าหลบได้ทัน
“ปล่อยเตยนะคะ ได้โปรดเถอะ...”
เมื่อเห็นสาวน้อยตาแดงๆ จะร้องไห้ออกมาอีกรอบ อเล็กซิสจึงกัดฟันปล่อยร่างนุ่มนิ่มออกไปจากแขนด้วยความไม่เต็มใจนัก เนื้อตัวของเตยหอมนุ่มนิ่มเวลากอดแล้วอบอุ่นเหลือเกิน
“ก็ได้ เอ้า... ปล่อยแล้วไงนี่ เลิกตาแดงๆ ได้หรือยัง”
เมื่อเป็นอิสระ เตยหอมก็รีบถอยหลังหนีสามสี่ก้าว มองตัดพ้อเขาผ่านสายตา ก่อนจะหมุนตัววิ่งหนีไป
อเล็กซิสเอียงคอมองตามร่างเล็กหลอกตาของเตยหอมไปด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ
“ถ้าคนที่ฉันต้องแต่งงานด้วยเป็นเธอ ฉันคงไม่รู้สึกเบื่อหน่ายแบบนี้”
ชายหนุ่มถอนใจออกมาแรงๆ ก่อนจะเดินคอตกกลับไปที่รถ และก็เจอเจนจิราเดินออกมารอพอดี
“สวัสดีค่ะพี่อเล็ก...”
“สวัสดีครับน้องเจน”
เจนจิรารีบวิ่งเข้ามากอดแขน พร้อมกับเอาหน้าอกเสียดสีเชิญชวน เขาลอบเป่าลมออกจากปาก และก็รีบดึงแขนออกจากการเกาะกุมด้วยความสุภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้
“พี่อเล็กไปเดินเล่นที่สวนมาเหรอคะ เจนรอตั้งนานแน่ะ”
“ครับ”
“คราวหน้ารอเจนด้วยนะคะ เจนจะได้ไปเดินเป็นเพื่อนค่ะ”
“ครับ” อเล็กซิสพยายามที่จะซ่อนความเบื่อหน่ายเอาไว้ให้ได้มากที่สุด
“เชิญครับ” เขาเปิดประตูรถให้ตามหน้าที่
“ขอบคุณค่ะพี่อเล็ก” เจนจิรายิ้มหวาน และก็ก้าวขึ้นไปนั่งบนรถทันที
อเล็กซิสกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ อีกครั้ง ก่อนจะเดินอ้อมไปขึ้นรถ และก็พาเจนจิราตรงไปยังร้านเวดดิ้งตามที่รับปากมารดาเอาไว้
“เป็นยังไงบ้างพ่ออเล็ก ชุดแต่งงานเรียบร้อยดีไหม”อเล็กซิสชะงักเท้า เมื่อก้าวเข้ามาภายในบ้าน และมารดาเอ่ยถามออกมาจากห้องรับแขก“ก็ดีครับ”“ก็ดี ทำไมหน้าไม่ตื่นเต้นเลยล่ะลูก ไหนมานั่งคุยกับแม่หน่อยสิ”ผู้เป็นลูกชายจำต้องเดินเข้าไปในห้องรับแขก และหย่อนกายลงนั่งข้างมารดา“ผมเหนื่อยๆ น่ะครับ”“เหนื่อย หรือว่าไม่อยากแต่งงานกันแน่พ่ออเล็ก”“คุณแม่ก็รู้อยู่แล้วนี่ครับว่าผมไม่ได้รักน้องเจน ผมแต่งเพราะตามใจคุณแม่”เจสสิก้ายกมือขึ้นแตะต้นแขนล่ำสันของลูกชาย “เชื่อแม่สิ ว่าหนูเจนจะต้องเป็นเมียที่ดีสำหรับลูกชายของแม่”เขาอยากจะร้องคัดค้านออกไป แต่ก็รู้ดีว่าทำยังไงก็เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตไม่ได้อีกแล้ว“ครับ”มารดาของเขาฉีกยิ้มกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความสุขเบิกบาน ตรงกันข้ามกับเขาที่แสนจะเบื่อหน่ายโลก“งั้นผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ”“จะนอนแล้วเหรอลูก นี่ยังไม่ถึงเวลามื้อค่ำเลยนะ”“ผมจะออกไปนั่งดื่มข้างนอกสักหน่อยน่ะครับ”ความจริงเจสสิก้าจะเอ่ยปากคัดค้าน แต่เพราะเห็นว่าลูกชายตามใจตัวเองมามากแล้วจึงยั้งปากเอาไว้ได้ทัน“จ้ะ ตามสบายเถอะ แล้วอย่ากลับดึกนักล่ะ”“ครับ” อเล็กซิสฝืนยิ้มให้กับมารดา ก่อนจะลุกขึ้น
“พี่หนุ่มรออยู่ในรถนะคะ เดี๋ยวเตยเข้าไปพาคุณเจนออกมาเองค่ะ” หล่อนพูดขึ้นเมื่อคนขับรถขับมาจอดที่หน้าบาร์หรูหราแห่งหนึ่งกลางใจเมือง“ให้พี่ไปด้วยดีกว่ามั้งน้องเตย”“อย่าเลยค่ะพี่หนุ่ม เดี๋ยวมานะคะ”“แล้วถ้าคุณเจนเกิดเมาเละล่ะ น้องเตยจะหิ้วปีกมายังไง ให้พี่ไปช่วยดีกว่า”เตยหอมลังเลเล็กน้อย ก่อนจะยอมให้กรรชัยหรือว่าหนุ่มซึ่งเป็นลูกชายของคนขับรถลงมาด้วยหล่อนกลั้นใจเดินเข้าไปภายในสถานบันเทิงที่บรรยากาศค่อนข้างมืดสลัว โดยมีกรรชัยเดินตามหลังมาไม่ห่าง“มืดแบบนี้ จะหาคุณเจนได้ที่ไหนกันล่ะน้องเตย”กรรชัยบ่นขึ้น ในขณะที่หล่อนพยายามสอดส่ายสายตามองหาเจนจิราไปรอบๆ บาร์หรู แต่เพราะค่อนข้างมืดจึงมองหาลำบากมาก ดังนั้นหล่อนจึงตัดสินใจใหม่“พี่หนุ่มไปทางนู้นนะ เดี๋ยวเตยไปทางนี้”“จะดีเหรอน้องเตย”“เราจะได้หาคุณเจนเจอเร็วๆ ไงคะ”กรรชัยได้ยินเหตุผลของเตยหอมก็ตอบรับด้วยการผงกศีรษะ “งั้นพี่ไปทางนี้นะ ถ้าใครเจอคุณเจนก่อนก็ให้ไปรอที่รถ”“ค่ะพี่หนุ่ม”เตยหอมเดินมุ่งหน้ามาทางซ้าย ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านนัก ตลอดทางสายตาของนักท่องราตรีกลัดมันจ้องมองมาที่หล่อน แต่หล่อนไม่ได้สนใจ เพราะกำลังมองหาเจนจิราอ
“เป็นอะไร ตัวสั่นเชียว”เขายังจะมีหน้ามาถามแบบนี้อีกเหรอ ในเมื่อเขากำลังยั่วยุให้หล่อนคลุ้มคลั่งด้วยการ...เตยหอมอยากจะละสายตายจากเรือนร่างกำยำที่นอนราบอยู่บนเตียงกว้างเหลือเกิน แต่ทำไม่ได้ เพราะสิ่งที่เห็นตรงหน้ามันช่างงดงามยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกอเล็กซิสเปลือยท่อนบน และมีเพียงผ้าขนหนูสีขาวพันเอาไว้รอบสะโพกเพรียวเท่านั้น แถมยังพันเอาไว้หลวมๆ จนหล่อนกลัวว่ามันจะเลื่อนหลุดในไม่ช้า แถมผิวสีแทนเงาวับนั้นก็ยังตัดกับสีขาวสะอาดของผ้าปูเตียงจนยิ่งโดดเด่นพระเจ้า... ลมหายใจของหล่อนกำลังจะกระชั้น หัวใจเต้นเร็วมาก และหล่อนกำลังจะช็อกตาย เพราะความงดงามสมบูรณ์แบบของผู้ชายตรงหน้านี่หล่อนมาทำอะไรที่นี่เนี่ย...?หญิงสาวถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา แต่ยังไม่ทันได้คำตอบ เสียงนุ่มทุ้มของพ่อสุดหล่อก็ดังขึ้นอีกครั้ง“อ้าว ถามก็ไม่ยอมตอบ นี่สรุปตัวสั่นเพราะแอร์แรงไปใช่ไหมเตยหอม”“เอ่อ... ค่ะ...”หล่อนรีบรับสมอ้างทันควัน ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้ว หล่อนสั่นเทาขนาดนี้เพราะเสน่ห์ของเขาต่างหาก“มาๆ รีบมาทำแผลให้ฉันสิ เธอจะได้กลับบ้านไง”เขากวักมือเรียกอยู่บนเตียง ในขณะที่หล่อนยืนขาตายอยู่กลางห้องกว้าง“เอ่อ... เตย...”“ไหนว่า
“เอ่อ... พอดีมีสายจากคุณอเล็กซิสถึงคุณเตยหอมน่ะค่ะ”แล้วพนักงานตรงหน้าก็ยื่นโทรศัพท์ไร้สายมาให้ ตอนแรกหล่อนจะเดินหนี ไม่ยอมรับสาย แต่พอพนักงานย้ำออกมาอีกคำ หล่อนจึงไม่มีทางเลือก“เห็นคุณอเล็กซิสบอกว่าคุณเตยหอมลืมอะไรเอาไว้บนห้องน่ะค่ะ”หล่อนจำใจต้องยื่นมือออกไปรับโทรศัพท์ไร้สายขึ้นมาแนบกับใบหู พร้อมกับกรอกเสียงลงไป“เตย... ลืมอะไรเอาไว้เหรอคะคุณอเล็ก”“เธอทำต่างหูตกเอาไว้น่ะ”คำตอบของอเล็กซิส ทำให้หล่อนต้องรีบยกมือขึ้นจับติ่งหูของตัวเอง และก็พบว่าข้างหนึ่งไม่มีต่างหูอยู่ ดวงหน้างามซีดเผือด“จริงด้วยค่ะ มันหายไปข้างหนึ่ง”“งั้นรอฉันตรงล็อบบี้นะ ฉันจะเอาไปให้”หล่อนไม่อยากเจอเขาเลย เพราะเห็นหน้าเขาก็อดที่จะนึกถึงท่อนชายของเขาไม่ได้ แต่ก็ไม่มีทางเลือก เพราะต่างหูอันนั้นมันสำคัญกับหล่อนมากเหลือเกินมันคือของขวัญจากแม่...“ค่ะ”หล่อนตัดสาย และยื่นโทรศัพท์ไร้สายคืนให้กับพนักงานสาว จากนั้นก็เดินไปทรุดตัวนั่งบนโซฟานุ่มที่อยู่ภายในล็อบบี้ และเวลาผ่านไปเพียงห้านาที ผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพเจ้าประทานมาให้ก็เดินมาหยุดตรงหน้าหล่อนรีบลุกขึ้นยืน และเอ่ยถามหาต่างหูของตัวเอง “เอ่อ... ไหนต่าง
“ทำไมวันนี้หน้าเศร้าๆ ล่ะเตย เป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงแม่บ้านเอ่ยถามขึ้น หลังจากที่เห็นหล่อนยืนเหม่อมองไปยังร่างของอเล็กซิสกับเจนจิรา“เอ่อ... ปะ... เปล่าค่ะ เตยไม่ได้เป็นอะไรค่ะ”“แต่หน้าทั้งเศร้าทั้งซีดเลยนะ หรือว่าเหนื่อยล่ะ” แม่บ้านยังคงแสดงความเป็นห่วงหล่อน “แต่ป้าว่าเตยคงจะเหนื่อยมากนั่นแหละ เห็นยังไม่ได้นอนเลยใช่ไหมเนี่ย ตั้งแต่เมื่อคืนน่ะ”ป้าแม่บ้านพูดถูกต้องทุกอย่าง หล่อนทั้งเพลีย ทั้งเหนื่อย เพราะช่วยเตรียมงานแต่งตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ แต่อีกความรู้สึกหนึ่งที่มีมากกว่าความเหนื่อยความเพลียก็คือความเศร้าใช่... หล่อนห้ามหัวใจไม่ได้ หล่อนกำลังเศร้าเหลือเกิน หัวใจปวดร้าวทรมาน เมื่อความจริงมันเต้นระริกอยู่ภายในอก ผู้ชายที่ขโมยจูบแรกของหล่อนไปกำลังจะมีเจ้าของแม้จะรู้ตัวดีว่าไม่ควรคิดอะไรแบบนี้ แต่หล่อนก็ห้ามสมองไม่ได้เสียที“น่าจะ... ใช่ค่ะป้า...”“งั้นนั่งพักก่อนเถอะ เดี๋ยวทางนี้ให้คนอื่นทำต่อ”“ไม่เป็นไรค่ะป้า เตยไหวค่ะ”“ไม่เอาน่า เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งกันไปจะยุ่ง นี่ก็เหลืองานอีกไม่เยอะแล้ว”เมื่อคู่สนทนายืนกรานเช่นนั้น หล่อนที่แทบจะไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงเดินจึงตอบรับ“ขอบคุณ
“ทำหน้าให้มันสเบยหน่อยสิวะเพื่อน คืนนี้งานแต่งนายนะโว้ย” เคลวินอดแซวเพื่อนไม่ได้เมื่อเห็นใบหน้าของอเล็กซิสมีแต่ความเบื่อหน่าย“นั่นสิ เดี๋ยวเจ้าสาวก็น้อยใจแย่หรอก” แม็กซิมัสเสริมขึ้น แต่อเล็กซิสกลับไม่ได้มีทีท่าไยดีอะไรเลย เจ้าบ่าวสุดหล่อไหวไหล่กว้างเล็กน้อย“ก็ฉันไม่ได้ยินดีกับงานแต่งนี้สักหน่อย ถูกบังคับพวกนายก็รู้ไม่ใช่หรือ”“แต่นายก็เลือกที่จะแต่งงานแล้วนี่ ดังนั้นนายก็ควรรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองให้ดี” แม็กซิมัสเตือนเพื่อนรัก แต่อเล็กซิสก็ยังทำหน้าเบื่อหน่ายเหมือนเดิม“พวกนายดื่มกันไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันขอตัวไปห้องน้ำก่อน”“ให้ฉันไปส่งไหม นายดื่มไปหลายแก้วแล้วด้วย” เคลวินอดเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้“นั่นสิให้ไอ้เคนมันพาไปดีกว่า เดี๋ยวล้มพับลงไปจะยุ่ง” แม็กซิมัสก็เป็นห่วงเพื่อนเช่นกัน“ไม่เป็นไร ฉันไม่ใช่คนคออ่อนสักหน่อย เหล้าแค่ไม่กี่แก้วทำให้เมาไม่ได้หรอก” อเล็กซิสปฏิเสธเสียงจริงจัง “เดี๋ยวมาว่ะ” จากนั้นก็เดินมุ่งหน้าตรงไปยังห้องน้ำ ซึ่งเจนจิราก็พาบรรดาเพื่อนๆ ของตัวเองเข้ามาขวางหน้าเอาไว้พอดี“พี่อเล็กกำลังจะไปไหนเหรอคะ”อเล็กซิสฝืนยิ้มให้กับเจนจิรา “พี่กำลังจะไปห้องน้ำน่ะ ขอตัวสักครู่น
“คุณแม่คะ... พี่อเล็กไม่ค่อยจะสนใจเจนเลยค่ะ”เจนจิราในชุดเจ้าสาวแสนสวยหน้าหงิกงอ หลังจากอเล็กซิสเจ้าบ่าวของตนเองเอาแต่คุยอยู่กับเพื่อนพ้อง และดื่มแต่เหล้า ไม่สนใจไยดีหล่อนอย่างที่ควรจะเป็นเลย“อย่าคิดมากเลยน้องเจน เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่อเล็กก็จะสนใจน้องเจนเองนั่นแหละ เชื่อแม่สิ”ปิยนุชปลอบลูกสาว ในขณะที่เจนจิราจ้องมองอเล็กซิสที่อยู่ในกลุ่มของเพื่อนๆ ของเขาด้วยสายตาไม่พอใจตลอดเวลา“แต่พี่อเล็กทำเหมือนไม่อยากแต่งงานกับเจนเลยนะคะคุณแม่”“ก็คุณป้าเจสบอกแล้วไงว่าพี่อเล็กน่ะ เขาหวงความโสดมาก และก็ไม่ได้เต็มใจจะแต่งงานสักเท่าไหร่ ดังนั้นน้องเจนของแม่จะต้องใช้เสน่ห์หญิงมัดใจพี่เขาให้อยู่รู้ไหมลูก”“เรื่องนั่นเจนไม่พลาดหรอกค่ะ เจนเก่งทุกท่าอยู่แล้ว”ปิยนุชฟังคำพูดโอ้อวดของลูกสาวแล้วก็ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดี“ส่วนเรื่องคืนนี้ น้องเจนจะต้องรอสัญญาณจากแม่ให้ดีๆ นะลูก เพราะพอนังเตยมันออกมาจากห้อง น้องเจนก็สวมรอยเข้าไปนอนแทนที่เลย แล้วอย่าทำตัวให้มีพิรุธล่ะรู้ไหม”“เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ ว่าแต่เจนจะต้องรอนังเตยนานแค่ไหนคะ แล้วรอตรงไหน”“แม่ว่าน่าจะไม่เกินชั่วโมงหรอกมั้ง”“เป็นชั่วโมงเลยเหรอคะ
สุ้มเสียงที่เต็มไปด้วยความสุขของผู้คนหลายคนด้านนอกดังเล็ดลอดมาเข้าหูคนที่แอบซุกตัวอยู่ในห้องน้ำเช่นหล่อนเตยหอมรอคอยด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ตอนแรกหล่อนตกใจมาก ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว แต่พอได้ยินเสียงของเจนจิรา จึงรู้ว่านี่คือสัญญาณที่บอกให้รู้ว่างานน่าอดสูกำลังจะเริ่มต้นขึ้น“เปิดสินังเตย...”เตยหอมรีบปลดล็อกประตูห้องน้ำ และเจนจิราก็ก้าวเข้ามาข้างในด้วยกัน“เดี๋ยวฉันจะแอบออกไป ส่วนแกก็ทำหน้าที่ให้เสร็จ และก็ลงไปเปลี่ยนตัวกับฉันที่ข้างล่าง เข้าใจไหม”“เอ่อ... ค่ะ...”“แล้วอย่าให้ฉันรู้นะว่าแกทำเกินกว่าหน้าที่ นังเตย” เจนจิราเอานิ้วจิ้มหน้าผากของเตยหอมแรงๆเตยหอมก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเองทั้งน้ำตา“ฉันจะรอแกอยู่ตรงพุ่มไม้ข้างบ้าน รีบลงมาล่ะ”“ค่ะ”“แล้วนี่แกเอาชุดมาเปลี่ยนหรือเปล่า เพราะแกคงไม่คิดจะใส่ชุดนอนของฉันออกไปจากที่นี่หรอกนะ”“เอ่อ... เตยเตรียมมาแล้วค่ะ”“ดีมาก แล้วอย่าให้พลาดล่ะ”“ค่ะ”เจนจิรากำลังจะดันบานประตูห้องน้ำให้เปิดออก แต่เตยหอมถามเสียงสั่นเทาเสียก่อน“คุณ... อเล็กเมาไม่รู้เรื่องใช่ไหมคะ”“ใช่ เมาแอ๋เลย แต่ยังไงซะแกก็ต้องทำให้พ
หลายปีต่อมา... สี่หนุ่มเพื่อนซี้ก็สามารถหาเวลาว่างตรงกันและนัดมาสังสรรค์กันได้ในที่สุดอเล็กซิสยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ ขณะทอดสายตามองไปยังทุ่งกว้างที่บรรดาเด็กน้อยวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน โดยมีสาวๆ ซึ่งเป็นภรรยาของพวกเขาทั้งสี่คนปูเสื่อนั่งคุยกันอยู่ไม่ห่างจากจุดที่เด็กๆ วิ่งเล่นอยู่เขาไม่เคยมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย การมีครอบครัวคือสิ่งที่เขาไม่เคยปรารถนามาก่อน แต่หลังจากที่เตยหอมเข้ามาในชีวิต เขาก็ได้รู้จักกับความสุขที่แท้จริง...ความสุขที่เงินมากเท่าไรก็ซื้อหาไม่ได้...“ในท้องเมียนายกี่คนวะ เห็นท้องใหญ่ๆ” แม็กซิมัสเอ่ยถามอเล็กซิส ซึ่งเป็นหนุ่มหล่อคนสุดท้ายที่เพิ่งได้แต่งเมีย“แฝดสามว่ะ” อเล็กซิสยืดอกตอบอย่างภาคภูมิใจ “น้ำยาฉันมันแรง เห็นไหมล่ะ”เสียงหัวเราะของอีกสามหนุ่มดังกระหึ่ม ก่อนจะรีบเกทับกันยกใหญ่“แค่แฝดสามทำมาคุยไอ้อเล็ก ฉันนี่ลูกหกคนแล้วโว้ย ยังไม่เห็นคุยเลย ถึงจะไม่ใช่แฝดก็ตาม” เคลวินยืดอกบ้างด้วยความภูมิใจในเชื้อพันธุ์ของตนเองไม่ต่างกัน“ให้มันน้อยๆ หน่อยน่ะพวกแก” ชาร์ลีแย้งขึ้นพร้อมกับจิบเหล้า แต่ก็ทำให้เพื่อนอีกสามคนหันมาทับถมกันใหญ่โต“นายน่ะอ่อนสุดเลยรู้ไหมไอ้ชาร์ล พวกเร
Mackenzie, New Zealandสถานที่ตรงหน้ามันสวยเหลือเกิน สวยงามน่าอัศจรรย์จนหล่อนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เลย รู้แต่ว่ามันคือแดนสวรรค์ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริงบนโลกรอยยิ้มละไมเปื้อนดวงหน้างามตลอดเวลา เมื่อนึกถึงภาพของทะเลสาบสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ที่อยู่ท่ามกลางเทือกเขาสูงใหญ่ และรอบๆ ก็มีดอกไม้สีสันสดใสประดับประดาอย่างลงตัวคล้ายกับดินแดนในเทพนิยายที่เคยหยิบยืมของเจนจิรามาอ่านตอนเด็กไม่มีผิด“ชอบไหมทูนหัว...”คนที่นอนหลับตาอยู่ก่อนหน้าขยับเปลือกตาลืมขึ้น และมองหน้าหล่อน ดวงตาของเขาระยิบระยับสวยแข่งกับดวงดาวบนท้องฟ้ากว้างเหลือเกินมือเล็กยกลูบแก้มสากที่มีตอหนวดขึ้นประปรายแผ่วเบา “ชอบมากค่ะ มันสวยเหลือเกิน...”คนตัวโตยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวสะอาดสะท้อนกับแสงของดวงดารานับหมื่นบนท้องฟ้า“ผมดีใจนะที่คุณชอบ...”“ขอบคุณมากนะคะที่พาเตยมาที่นี่ มันสวยมาก สวยเหมือนสวรรค์เลยค่ะ”คนที่นอนพักอยู่ลุกขึ้นนั่ง ยกมือใหญ่ขึ้นโอบประคองแก้มนวลของภรรยาเอาไว้ ก่อนจะจุมพิตกลีบปากอวบอิ่มนุ่มนวล จากนั้นก็กระซิบแผ่วเบา“แล้วที่นี่คุณชอบอะไรที่สุดล่ะ ทะเลสาบ ดอกลูพิน หรือว่าดวงดาวบนฟ้าในตอนนี้”หล่อนฉีกยิ้มกว้าง
และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความสุขคือสิ่งที่เตยหอมพบเจอเป็นประจำจนเคยชิน หล่อนไม่เคยพบประสบกับความทุกข์ใจใดๆ อีกเลย เมื่อมีอุ้งมือของอเล็กซิสคอยโอบประคอง จนหล่อนอดคิดไม่ได้ว่าตนเองคือผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก“อุ้ยยย...” หล่อนสะดุ้งตกใจเมื่อถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง แต่สัมผัสและกลิ่นหอมที่คุ้นเคยทำให้อมยิ้มกว้างในเวลาต่อมา อ้อมแขนที่แสนอบอุ่นนี้จะเป็นของใครไปได้ล่ะ นอกจาก...อเล็กซิส โอคอนเนอร์ สามีดีเด่นของหล่อนนั่นเอง...หล่อนหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับสามีสุดหล่อที่ตัวสูงใหญ่ มองจ้องตาสีฟ้าสวยของเขาด้วยความรักหมดหัวใจ“น้องปิ่นหลับแล้วเหรอคะ”“หลับแล้วครับทูนหัว...” คุณพ่อคนเก่งก้มลงจูบแก้มภรรยาอย่างแสนรัก จากนั้นก็เลยมาอ้อยอิ่งที่กลีบปากหวานราวกับหยาดน้ำผึ้งป่าของภรรยา “กว่าจะหลับได้ ผมหมดนิทานในสต็อกไปเกือบห้าเรื่องแน่ะ” เขาพูดและก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ดวงตากวาดมองหน้าหวานของเตยหอมตลอดเวลา“ตอนเด็ก คุณจ้อเก่งแบบน้องปิ่นหรือเปล่าเนี่ย”หล่อนหัวเราะร่วน “เปล่านะคะ ตอนเล็กๆ เตยไม่ค่อยจะพูดด้วยซ้ำไปค่ะ”“อ้าว งั้นก็คงเหมือนผมน่ะสิ” เขาหัวเราะก๊าก ซึ่งหล่อนเองก็อดที่จะหัวเราะออกมาอีกครั้
“ที่แท้ก็อยากมีลูกเพิ่มใช่ไหมคะเนี่ย”เขาผงกศีรษะตอบรับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์น้อยๆ “ก็ฉันกลัวน้องปิ่นจะเหงา ก็เลยอยากมีน้องๆ ให้มาเป็นเพื่อนวิ่งเล่น ว่าแต่ตกลงไหมทูนหัว”เตยหอมยิ้มเอียงอาย ก่อนจะซบหน้าลงกับแผ่นอกกว้างอย่างแสนรัก“ค่ะ”“น่ารักจังทูนหัว”เสียงหัวเราะพึงพอใจของอเล็กซิสดังกระหึ่มขึ้น ก่อนที่มือใหญ่จะเริ่มต้นซุกซน“อุ้ยยย... จะทำอะไรเหรอคะ”“ก็เร่งมือทำน้องให้น้องปิ่นไงจ๊ะทูนหัว”“ตะ... ตอนนี้เลยเหรอคะ” มือของเขาซุกซนมาก สัมผัสลูบไล้ไปทั้งบั้นท้ายทำเอาหล่อนสยิวเสียวซ่าน“ไม่ทำตอนนี้จะทำตอนไหนล่ะทูนหัว...”“ก็... ตอนค่ำไงคะ” หล่อนอ้อมแอ้มตอบด้วยความขัดเขิน“รอไม่ไหวจ๊ะที่รัก... ได้โปรดขอตอนนี้เลย... นะ...”น้ำเสียงของอเล็กซิสทั้งกระเส่าทั้งแปร่งพร่า ทำเอาหล่อนไม่กล้าที่จะขัดใจเลย“ก็... ได้ค่ะ”กายสาวร้อนผะผ่าว เลือดในกายก็เดือดพล่าน ยิ่งอเล็กซิสมือไม่อยู่สุขแบบนี้ หล่อนก็ยิ่งร้อนฉ่าราวกับจับไข้สูง“ทูนหัว... อวบใหญ่ไปทั้งตัวเลย... อืมมม”มือใหญ่ทั้งขยำทั้งบีบเต้านมอย่างเมามัน ก่อนจะฉีกทึ้งเสื้อผ้าที่หล่อนสวมอยู่จนกระเด็นหวือลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นห้อง ส่วนกายสาวก็ล่อนจ้อน
ในที่สุดช่วงเวลาที่น่าหวาดหวั่นก็เดินทางมาถึงจนได้ อเล็กซิสพาหล่อนกับปิ่นงามกลับมายังบ้านของเขา เพื่อที่จะได้พบเจอกับเจสสิก้ามารดาของเขานั่นเองเขาบอกกับหล่อนว่าได้เล่าเรื่องทุกอย่างให้มารดาและบิดาฟังหมดแล้ว ซึ่งตอนนี้มารดาของเขาก็ต้องการที่จะพบหล่อนกับปิ่นงาม“มือเย็นเชียว ไม่มีอะไรหรอก เชื่อฉันสิ” คนตัวโตเอื้อมมือมากุมมือเล็กเอาไว้ และก็บีบให้กำลังใจ“ค่ะ... เตย... เชื่อคุณอเล็กค่ะ”อเล็กซิสระบายยิ้มหวาน เขาย่อตัวลงวางปิ่นงามให้ลงยืนกับพื้นห้อง เมื่อพาหล่อนกับลูกสาวเข้ามาในห้องรับแขกหรูแล้ว หล่อนเห็นเจสสิก้านั่งอยู่บนโซฟาตัวยาว จับจ้องมองมาที่หล่อนและปิ่นงามไม่วางตาสมัยตอนที่หล่อนอยู่ที่บ้านของปิยนุช ก็มีโอกาสได้เจอะเจอกับเจสสิก้าหลายครั้ง แต่ไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดมาก่อน“สวัสดีค่ะคุณเจสสิก้า”หล่อนยกมือไหว้สตรีสูงวัยที่ยังสวยไม่สร่างตรงหน้าด้วยความนอบน้อม ก่อนจะหันไปบอกลูกสาวให้ยกมือไหว้เช่นกัน ซึ่งปิ่นงามก็ทำตามอย่างว่านอนสอนง่าย เรียกรอยยิ้มเอ็นดูของเจสสิก้าได้อย่างมากมายเลยทีเดียว“หลานย่า... มาให้ย่ากอดหน่อยลูก”ปิ่นงามมองหน้าหล่อนเล็กน้อยราวกับขอความเห็น และเมื่อหล่อนพยักหน้าอน
หลังจากที่หล่อนบอกความจริงกับยายฟองจันทร์และตาคำสาย ทั้งสองตายายก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นตกใจ ก่อนที่ยายฟองจันทร์จะพูดออกมา“ยายว่าแล้วเชียวว่ามันต้องมีอะไรในกอไผ่”“ทำไมแกพูดอย่างนั้นล่ะยายฟองจันทร์ หรือว่าแกเดาออกว่าคุณอเล็กกับหนูเตยเป็น...” ตาคำสายเอ่ยถามภรรยายังไม่ทันจบก็ถูกแทรกขึ้นเสียก่อน “ก็แกไม่เห็นสายตาที่คุณอเล็กมองหนูเตยในงานศพคุณเจนหรือไงล่ะ มองตาเชื่อมจนมดกัดแบบนั้น แล้วยังที่บุกมาถามวันเดือนปีเกิดของน้องปิ่นอีก”ตาคำสายผงกศีรษะรับหงึกๆ ก่อนจะหันไปถามอเล็กซิสที่ยืนอุ้มปิ่นงามเอาไว้ในอ้อมแขน“นี่ถ้าผมเป็นคุณอเล็กนะ ผมคงไม่ยอมปล่อยให้เมียหนีไปนานถึงสี่ปีหรอกครับ แค่สี่วันผมก็อกจะแตกตายอยู่แล้ว”อเล็กซิสอมยิ้ม ทอดสายตามองเตยหอมที่ยืนหน้าแดงระเรื่ออยู่ข้างกาย“ใครว่าผมยอมปล่อยกันล่ะครับ หนูเตยของคุณตาคุณยายหนีไปต่างหาก ผมตามหาแทบพลิกแผ่นดินก็ไม่เจอ จนเกือบถอดใจอยู่แล้วล่ะครับ”“ที่เตยหนีไปก็เพราะเตยจำเป็น คุณอเล็กก็รู้นี่คะ ยังมาว่าเตยอีก” สาวน้อยอ้อมแอ้มตัดพ้อสามีเสียงอ่อยอเล็กซิสมองภรรยาด้วยความเอ็นดูก่อนจะก้มหน้าลงมาจูบแก้มแดงๆ โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย สองตายายเห็นเข้าก็อมยิ้มฟิ
“ใครว่าล่ะ เธอทั้งสวยทั้งหวานต่างหาก”“เตย...”“ฉันก็บอกเธอตลอดนี่ว่าเธอน่ะหอมหวานแค่ไหน ตอนที่เรา...”อเล็กซิสอมยิ้มและเว้นวรรคเอาไว้ แต่หล่อนก็เข้าใจความหมายได้เป็นอย่างดีหล่อนเสหลบสายตาด้วยความเอียงอาย โดยมีคนตัวโตพรมจูบไปทั่วทั้งใบหน้า“ความจริง ฉันไม่ได้คิดจะบอกความในใจกับเธอตรงนี้หรอกนะ”“คะ?”“ฉันเตรียมสถานที่เอาไว้แล้ว แต่ก็พลาด บอกเธอออกมาเสียก่อน”มือเล็กไต่ไปมาอยู่บนหน้าอกกว้าง หัวใจของหล่อนพองฟูจนคับทรวงอก“เอาไว้บอกอีกครั้งก็ได้ค่ะ เตย... ชอบฟัง...”“ขี้โกงนี่นา”“ทำไมว่าเตยขี้โกงล่ะคะ” หล่อนช้อนตามองอเล็กซิส และก็อมยิ้มหวานฉ่ำ“ก็เธอให้ฉันบอกความในใจอยู่เดียว ส่วนเธอไม่พูดอะไรออกมาเลย”“เตย...”“ถึงแม้ว่าฉันจะรู้อยู่แล้วว่ายังไงซะ เธอก็ต้องรักฉัน แต่ฉันก็อยากฟังเป็นคำพูดเหมือนกันนะ”หล่อนหัวเราะออกมา สองแก้มนวลร้อนผ่าวด้วยความขัดเขินเอียงอาย“ใครว่าเตยรักคุณอเล็กกันล่ะคะ” หล่อนแสร้งดิ้นขลุกขลัก จะหนีออกจากอ้อมแขนกำยำ แต่อเล็กซิสไม่ยอมปล่อย“ก็ฉันหล่อขนาดนี้ เธอไม่รักก็บ้าไปแล้วล่ะ”“แหวะ คนหลงตัวเอง อุ๊ยยย...” หล่อนย่นจมูกใส่เขา และก็ถูกจูบปากเป็นการลงโทษทันควัน“แล้วสร
บ้าจริง เมื่อคืนหล่อนยอมให้อเล็กซิสทำแบบนั้นที่ผนังห้องได้ยังไงกันนะ!เตยหอมเต็มไปด้วยความรู้สึกอับอาย เมื่อมองไปยังผนังห้องพักที่เมื่อคืนตนเองกับอเล็กซิสใช้เป็นที่ระเบิดความใคร่ใส่กัน พวงแก้มนวลแดงระเรื่อ กายสาวก็ร้อนวูบวาบจนน่าอับอายหญิงสาวรูดซิปกระเป๋าเดินทางจนสุด เมื่อเก็บเสื้อผ้าของตัวเองกับลูกสาวเข้าไปภายในนั้นครบทั้งหมดแล้วช่างมันเถอะ อย่างน้อยๆ หล่อนก็จะได้จดจำความสุขยามที่ได้อยู่ในอ้อมแขนของอเล็กซิสเอาไว้หล่อเลี้ยงหัวใจ หล่อนคงมีความสุขมาก เวลาคิดถึงสัมผัสของเขาแม้จะพยายามฝืนยิ้มออกมา แต่หัวใจก็ยังคงเจ็บปวดทรมานจนเลือดทะลักเตยหอมกัดฟันลุกขึ้นจากพื้น มองร่างของลูกสาวที่ยังคงนอนหลับปุ๋ยบนเตียงด้วยความรัก ก่อนจะเดินตรงไปยังประตูห้อง แต่ยังไม่ทันถึงเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน หล่อนคิดว่าเป็นยายฟองจันทร์ หรือไม่ก็ตาคำสาย จึงรีบเปิดออกโดยไม่ทันได้เอ่ยถาม“คุณ... อเล็ก...”แต่พอเปิดประตูออกแล้วก็ต้องตกใจระคนแปลกใจ เมื่อเห็นอเล็กซิสผู้ชายเจ้าของบั้นเอวคลั่งยืนกอดอกอยู่ตรงหน้า พวงแก้มนวลแดงก่ำ เลือดสาวร้อนฉ่า เมื่อสบตากับดวงตาสีฟ้าสดสวย"เอ่อ... คุณมีธุระอะไรกับเตยเหรอคะ”“ฉัน
ความอึดอัดจนน่าคลุ้มคลั่งบนรถสปอร์ตหรูจบสิ้นลงเมื่ออเล็กซิสวางร่างหลับปุ๋ยของปิ่นงามลงบนเตียง ทุกกิริยาของเขาที่ปฏิบัติกับปิ่นงามช่างอ่อนโยนจนหล่อนแทบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่“ขะ... ขอบคุณมากค่ะที่อุตส่าห์สละเวลามาส่งเราสองแม่ลูก”หล่อนพูดขึ้น เมื่อเขาเดินมาหยุดตรงหน้าของหล่อนที่ยืนขาสั่นอยู่กลางห้องพักใบหน้าของอเล็กซิสหล่อเหลา และก็มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ หล่อนก้มหน้างุดลงมองพื้น พร้อมกับภาวนาให้ตัวเองสามารถข่มความโหยหาเอาไว้ได้จวบจนกระทั่งเขาจากไป“ด้วยความยินดี”“เอ่อ... เตย... ออกไปส่งที่รถค่ะ อ๊ะ...”หล่อนกำลังจะหมุนตัวเดินไปที่ประตูห้อง แต่เอวคอดถูกมือใหญ่คว้าเอาไว้ พร้อมกับรั้งร่างอวบอัดเข้าไปปะทะแผ่นอกกว้าง“ปะ... ปล่อยเตยค่ะ”“ชูว์... อย่าส่งเสียงดังเชียวนะ เพราะจะรบกวนเวลานอนของลูก เข้าใจไหม”หล่อนหน้าซีดเผือดสลับแดงก่ำ เลื่อนสายตาไปมองลูกสาวที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงแล้ว ก็จำต้องกัดปากแน่นเพื่อไม่ให้เสียงใดเล็ดลอดออกมา“เก่งมากเด็กดี...”“อื้อ... อย่าค่ะ”มือใหญ่ยกขึ้นลูบใบหน้านวล หล่อนพยายามเอียงหน้าหนีแต่เขาก็ยอมให้ทำได้ สุดท้ายมือของอเล็กซิสก็สอดรองเอาไว้ใต้ท้ายทอย นิ้วแกร่ง