“เอ่อ...” หล่อนลังเลอยู่สักพักก็จำต้องก้าวขึ้นไปนั่งบนรถคันงามของอเล็กซิสอย่างไม่มีทางเลือก “ขะ... ขอบคุณมากนะคะที่มีน้ำใจกับเตย”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ก็บอกว่าผ่านทางนั้นพอดีไง”
เขาระบายยิ้ม ก่อนจะหักพวงมาลัยพารถคันงามขึ้นไปวิ่งบนถนนอีกครั้ง
อเล็กซิสลอบมองเตยหอม ก็พบว่าหล่อนนั่งตัวลีบแทบจะชิดประตูรถจนน่าสงสาร หล่อนคงจะประหม่า
“อยู่ปีไหนแล้วล่ะเธอน่ะ”
“เอ่อ ปีสองแล้วค่ะ”
“แล้วเธอเรียนคณะอะไรหรือ”
“เอ่อ... เตยเรียนการโรงแรมค่ะ” หล่อนตอบโดยที่ตัวเองยังคงก้มหน้างุดอยู่ตลอดเวลา
“เฮ้ย จริงอ่ะ บ้านฉันก็ทำธุรกิจโรงแรม ถ้าเรียนจบแล้วก็มาฝึกงานได้นะ ฉันยินดีรับ”
“ขะ... ขอบคุณค่ะ”
“เธอนี่ขอบคุณบ่อยจัง มันติดปากมากหรือไงไอ้คำนี่นะ”
หล่อนเผลอเงยหน้าและหันไปมองเขา ก็พบว่าเขาหันมามองพอดี ดวงตาสีฟ้ากระจ่างที่ทอดมองมาทำให้หัวใจสาวเต้นแรงมาก จนแทบจะกระดอนออกมาจากทรวงอก
“เอ่อ...”
อเล็กซิสหัวเราะขบขัน ส่ายหน้าไปมา เขาคงจะเอือมระอาในความน่าเบื่อหน่ายของหล่อนนั่นแหละ
“ทำไมไม่ไปเรียนพร้อมกับเจนจิราล่ะ อยู่มอเดียวกันไม่ใช่หรือ”
“เอ่อ...” หล่อนคงต้องโกหกออกไป เพราะหากพูดความจริงเจนจิราจะต้องดูแย่ในสายตาของอเล็กซิส “คุณเจนไปแต่เช้าแล้วค่ะ เตยตื่นไม่ทัน”
หล่อนเห็นเขาเหลือบตามองนาฬิกาที่หน้าปัดบนรถยนต์ก่อนจะพูดขึ้น
“นี่ก็ยังเช้าอยู่เลยนะ แสดงว่าเจ้านายของเธอไปมอตั้งแต่หกโมงเช้าเลย”
หล่อนไม่ชอบที่จะต้องโกหกเลย รู้สึกว่ามันไม่ดี แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นใด
“ก็... ประมาณนั้นแหละค่ะ”
“แล้วนี่กินข้าวเช้ามาหรือยังล่ะ”
จู่ๆ เขาก็ถามขึ้น และก็ทำให้หล่อนต้องเหลือบตาไปมอง
“ทานมาแล้วค่ะ”
“แต่ฉันยังไม่ได้กินเลยเนี่ย และก็เริ่มหิวขึ้นมาแล้วด้วย” มือใหญ่ยกขึ้นลูบหน้าท้องไปมา จากนั้นก็หันมามองหล่อน
เตยหอมอึกอักเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้น
“งั้นคุณอเล็กซิส...”
“อเล็ก” เขาย้ำให้หล่อนเรียกแค่ชื่อเล่น
“เอ่อ... คุณอเล็กจอดตรงนี้เถอะค่ะ เดี๋ยวเตยขึ้นรถเมล์ไปเรียนเองค่ะ” หล่อนเกรงใจเขา เพราะเขาคงหิวมากจริงๆ
“ทำไมล่ะ รังเกียจที่ฉันจะไปส่งมากหรือนี่”
“ปะ เปล่านะคะ แต่เตยเห็นคุณอเล็กหิว ก็เลยคิดว่าคุณอเล็กน่าจะจอดรถแล้วหาอะไรทานสักหน่อยก่อน...”
“แล้วทำไมเธอต้องไปโหนรถเมล์ล่ะ”
“ก็เตยไปเอง คุณอเล็กจะได้ทานอาหารเช้าโดยไม่ต้องพะวงเกี่ยวกับเตยไงคะ”
เขาหันหน้ามามองหล่อนด้วยสายตาที่อ่านความรู้สึกไม่ออก “ฉันต้องการคนนั่งเป็นเพื่อน”
“คะ?”
“ฉันกินไม่นานหรอกนะ รับรองว่าเธอไม่เข้าคลาสสายแน่นอน”
“เอ่อ... คุณอเล็กคะ เตยว่า...”
เขาไม่สนใจท่าทางลำบากใจของหล่อนแม้แต่น้อย รถคันงามถูกหักเลี้ยวจอดหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“อาหารร้านนี้น่าจะอร่อย” เขาพึมพำด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเอียงหน้ามามองหล่อน “รีบลงมาสิครับ เดี๋ยวไปเรียนสายแล้วจะหาว่าไม่เตือนนะ”
“ค่ะ”
หล่อนไม่มีทางเลือก จำต้องก้าวลงไปจากรถสปอร์ต และเดินตามหลังอเล็กซิสเข้าไปในร้านที่ตกแต่งเอาไว้สวยงามอย่างไม่มีทางเลือก
หล่อนไม่ได้รังเกียจเขา แต่หล่อนกลัวต่างหาก กลัวหัวใจของตัวเองมากเหลือเกิน...
“นั่งสิ” เขาเลื่อนเก้าอี้ให้
“ขอบ... คุณค่ะ”
อเล็กซิสระบายยิ้ม ก่อนจะทรุดกายใหญ่โตนั่งบนเก้าอี้ตัวตรงกันข้ามกับหล่อน
หัวใจของหล่อนเต้นแรงไม่หยุด มือเล็กที่ประสานกันเอาไว้บนตักเล็กก็มีแต่เม็ดเหงื่อ
“เธอว่าที่นี่อะไรอร่อย”
“เอ่อ... เตยไม่ทราบหรอกค่ะ”
“แล้วถ้าเธอเป็นคนหิว เธออยากจะสั่งอะไรมากิน” แล้วเขาก็ยื่นเมนูที่กางออกแล้วมาให้
“คือเตย...”
“จิ้มมาสั่งเมนูหนึ่งสิ เร็วเข้า”
หล่อนประหม่า ขัดเขินเหลือเกิน ยิ่งสายตาสีฟ้าสวยจ้องมองมาแบบนี้ หล่อนก็ยิ่งแทบเป็นบ้า
“อันนี้ค่ะ”
เขามองเมนูที่หล่อนจิ้ม และอมยิ้ม จากนั้นก็ดึงเมนูออกไปจากมือของหล่อน พร้อมกับกวักมือเรียกพนักงาน
“เอาแบบนี้สองที่ครับ”
“รอสักสิบนาทีนะคะ” พนักงานสาวรับเมนูและเดินจากไป
“คุณอเล็กจะทานสองชุดเลยเหรอคะ”
“ใครว่าล่ะ ฉันสั่งมาเผื่อเธอหนึ่งที่ต่างหาก”
เขายิ้มทรงเสน่ห์อีกแล้ว และมันก็ยิ่งทำให้ใบหน้าหล่อเหลาน่ามองมากยิ่งขึ้น หล่อนตกลงไปในหลุมเสน่ห์ของอเล็กซิสล้ำลึกจนยากจะถอนใจเสียแล้ว
“ตะ แต่... เตย... ทานมาแล้วนะคะ”
“กินแล้วก็กินอีกได้นี่”
“แต่เตยยังอิ่มอยู่เลยค่ะ”
“งั้นถ้าเธอไม่กิน ฉันก็ต้องกินคนเดียว แล้วเธอคิดว่าฉันจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะกินหมดทั้งสองชุดล่ะ” เขาเอียงคอมองมา รอยยิ้มละไมเต็มดวงหน้า
หล่อนแก้มแดงระเรื่อ หลบสายตาคมกริบของอเล็กซิสลงมองมือตัวเองอีกครั้ง
“ถึงฉันจะร่ำรวยแค่ไหน แต่ฉันก็ไม่ใช่คนที่จะกินอาหารทิ้งๆ ขว้างๆ แถมราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ ด้วย”
เขาต้อนหล่อนจนไม่เหลือทางปฏิเสธอีก จึงต้องตอบรับออกไป “เอ่อ... ก็ได้ค่ะ”
“เยี่ยมมาก”
ทำไมเขาจะต้องยิ้มน่ามองแบบนี้ด้วยนะ รู้ไหมว่าหัวใจของหล่อนเต้นไม่หยุดแล้ว
“เตย ใครมาส่งแกวะ โคตรหล่อเลยว่ะ” เพื่อนของหล่อนเห็นเข้าพอดีตอนที่อเล็กซิสเดินตามลงมาหา เพราะหล่อนเผอเรอทำกระเป๋าเงินตกเอาไว้บนรถสปอร์ต
“เอ่อ... คนที่รู้จักน่ะ”
“จริงอ่ะ”
“จริงสิ ไม่มีอะไรหรอก”
หล่อนอธิบาย และก้าวเดินเพื่อจะตรงไปยังคณะของตนเอง แต่เพื่อนสนิทก็ยังเดินตามมาเซ้าซี้ต่ออีก
“ไม่อยากเชื่ออ่ะ แกจะต้องมีซัมติงอะไรกับพ่อสุดหล่อนั่นแน่เลย ไม่อย่างนั้นพ่อสุดหล่อนั่นไม่มองแกตาเยิ้มแบบนั้นหรอก”
“ไม่มีอะไรจริงๆ นก”
“ไม่เชื่อ”
“เชื่อฉันเถอะ มันไม่มีอะไรจริงๆ เขาก็แค่ผ่านมาพอดี เลยรับฉันติดรถมาด้วย”
รัชนกยังคงส่ายหน้าดิก และพยายามจะแซวต่อ แต่ก็มีเพื่อนของเจนจิราเดินเข้ามาหาเสียก่อน
“อย่ามาโกหกหน่อยเลยเตยหอม”
“ฉันไม่ได้โกหกนะยุ้ย”
“แล้วที่ร้านอาหารเช้าล่ะ คืออะไร... หึ... เตรียมหาคำแก้ตัวกับยายเจนให้ดีๆ เถอะ”
“อ้าว แล้วยายเจนตัวร้ายมาเกี่ยวอะไรด้วยนังยุ้ย” รัชนกเค้นเสียงถามอย่างไม่พอใจ
“ก็เพราะผู้ชายคนนี้คือคู่หมั้นคู่หมายของยายเจนไงล่ะ”
“จริงอ่ะเตย” รัชนกหันมาถามเตยหอม ซึ่งเตยหอมก็พยักหน้าตอบรับ
“หึ... มีคู่หมั้นหล่อลากดินขนาดนี้แล้ว แต่นังเจนเพื่อนรักของแกยังแรดไล่กินผู้ชายทั้งมอได้อีกนะ แม่ง... น่ายกย่องว่ะ” รัชนกพูดอย่างทึ่งจัด
“ปากดีไปนะนังนก เดี๋ยวยายเจนมาเมื่อไหร่ แกสองคนเละเป็นโจ๊กแน่”
“มาเลย ไม่กลัวหรอก” รัชนกท้าทาย
“มึงไม่กลัว แต่นังเตยมันต้องกลัว เพราะมันเป็นขี้ข้ารองตีนของยายเจน จึงไหมล่ะนังเตย” ปัทมายิ้มเยาะ มองมาที่เตยหอมอย่างดูแคลน
“ไปให้พ้นเลยนะ อียุ้ยบ้า” รัชนกปกป้องเตยหอม
“ไปก็ได้ หึหึ”
ปัทมาเดินจากไปแล้ว รัชนกจึงหันมาปลอบเตยหอม
“อย่าคิดมากนะเตย อียุ้ยแม่งก็ปากดีไปอย่างนั้นแหละ ว่าแต่ผู้ชายคนนั้นเป็นคู่หมั้นนังเจนมันจริงๆ เหรอ”
“อืม”
“โธ่ เสียดายของชะมัด นี่ถ้าเขาเป็นของแก ฉันจะไม่อิจฉาแบบนี้เลย” รัชนกบ่นอุบ ก่อนจะจูงมือของเตยหอมเดินไปยังคณะที่พวกตนเล่าเรียน
“สวัสดีตอนเช้าครับคุณพ่อ”ฟาเบียนเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอแท็บเล็ตที่กำลังอ่านข่าวเศรษฐกิจอยู่ มองลูกชายที่เปิดประตูห้องทำงานเข้ามาทักทาย“สวัสดีไอ้ลูกรัก ว่าแต่ทำไมวันนี้หน้าตาแช่มชื่นนักล่ะ”ผู้เป็นลูกชายเดินผิวปากเข้ามาหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาตัวยาวริมหน้าต่างกระจก“คงเพราะผมได้กินอาหารเช้าตรงเวลามั้งครับ”ฟาเบียนหัวเราะชอบใจ “นี่แกไปเอามุกตลกฝืดๆ แบบนี้มาจากที่ไหนวะ”“มันไม่ใช่มุกนะครับคุณพ่อ แต่มันคือเรื่องจริง เมื่อตอนเจ็ดโมงผมจอดรถข้างทาง และรับประทานอาหารเช้าครับ” “ผีเข้าแกหรือไงวะ ปกติเห็นดื่มแต่กาแฟดำ” ผู้เป็นลูกชายไหวไหล่น้อยๆ ใบหน้ามีรอยยิ้มละไม “ก็มันอยากขึ้นมากะทันหันนี่ครับ” คนเป็นพ่อหัวเราะร่วนอยู่สักพักก็เอ่ยถาม “เมื่อเช้าแม่แกคุยอะไรด้วยหรือเปล่า” “เปล่านี่ครับ มีอะไรหรือครับพ่อ” “ก็เรื่องแต่งงานกับหนูเจนจิราไง” สีหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มของอเล็กซิสจางหายไป และก็มีความเบื่อหน่ายเข้ามาแทนที่ “ไหนว่ารอยายนั่นเรียนจบก่อนไงครับ” “ก็รอตามนั้นนั่นแหละ แต่เรื่องที่แม่จะคุยกับแกน่ะ น่าจะเป็นเรื่องสินสอดมากกว่า” “อย่ามาปรึกษาผมเรื่องนี้เลยครับ ผมไม่มีความเห็น สำ
หลังจากอึดอัดจนแทบอาเจียนกับท่วงท่าทอดสะพานเสริมใยเหล็กของเจนจิรากลางโต๊ะอาหารค่ำอยู่นานจนแทบอาเจียน อเล็กซิสก็ปลีกตัวออกมายืนสูบบุหรี่อยู่นอกตึกใหญ่ควันบุหรี่สีตะกั่วลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ ดวงตาคมกริบจับจ้องมองแผ่นฟ้ากว้าง กระทั่งหางตารับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของใครบางคนจึงหันไปมองเขาขยี้ก้นบุหรี่กับถ้วยแก้ว ก่อนจะก้าวยาวๆ ตรงไปยังเงาตะคุ่มที่พบเห็น“ทำอะไรน่ะ”“อ๊ะ...”เขาคว้าแขนเจ้าของเงาตะคุ่มเอาไว้ และก็พบว่ามันเรียวเล็กเกินกว่าจะเป็นเรียวแขนของบุรุษ“เตยหอม...”แม้จะมองไม่ชัดนัก แต่แววตาตื่นตระหนกแบบนี้ เป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าหล่อน“เอ่อ... ปล่อยเตยก่อนค่ะ”เขายอมปล่อยแขนเรียวออกจากอุ้งมือ แต่ก็ยังไม่ยอมขยับออกห่าง“มาทำอะไรมืดๆ ตรงนี้ เดี๋ยวงูเงี้ยวก็ฉกเอาหรอก”“เอ่อ... เตยทำต่างหูหล่นน่ะค่ะ พยายามหาแต่ก็ยังหาไม่เจอเลยค่ะ”ดวงตาของอเล็กซิสละจากดวงหน้าของเตยหอม มามองที่ติ่งหูเล็กเพื่อจะมองต่างหู แต่เส้นผมสีดำขลับบดบังเอาไว้ทำให้เขาต้องยื่นมือไปเกลี่ยเส้นผมนุ่มนั้นจนพ้นทาง และจ้องมองต่างหูที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวแม้จะมีแสงไฟสีเหลืองนวลจากโคมไฟของตัวตึกสาดส่องกระทบลงมา แต่เขาก็
“ไม่เอาน่าลูกรัก อย่าขัดใจแม่แบบนี้สิ แต่งตอนนี้ หรือว่าแต่งตอนไหนมันก็ต้องแต่งเหมือนกันนั่นแหละลูก เชื่อแม่เถอะ แต่งๆ ไปซะ แม่จะได้สบายใจ”“คุณแม่สบายใจ แต่ผมทุกข์ใจนะครับ”“ไม่เห็นมีอะไรจะต้องทุกข์ใจเลยนี่พ่ออเล็ก หนูเจนทั้งสวย ทั้งน่ารัก ลูกน่ะเป็นผู้ชายที่โชคดีมากเลยรู้ไหม”“แต่ผมไม่ได้รักเธอครับ”“อยู่ๆ กันไปก็รักกันเองนั่นแหละน่า เชื่อแม่เถอะนะ”อเล็กซิสกระแทกลมออกจากปากแรงๆ อย่างหงุดหงิด มือใหญ่ยกขึ้นเสยเส้นผมที่ตกลงมาปรกหน้าผากหลายครั้ง“โอเค ผมแต่งเลยก็ได้ครับ แต่ถ้าคนดีของคุณแม่ไม่ได้ซิงเหมือนราคาคุย ผมจะหย่าทันที”เจสสิก้าหัวเราะร่วน “แหม เอาเรื่องนี้มาต่อรองกับแม่เชียวนะพ่ออเล็ก ไหนว่าไม่สนใจพรหมจรรย์ของผู้หญิงไงล่ะลูก”“ผมไม่ได้ไยดีเยื่อนรกพวกนั้นหรอกครับ แต่คุณแม่คุยเองไม่ใช่เหรอครับว่าน้องเจนเรียบร้อยอย่างนั้นเรียบร้อยอย่างนี้ แถมยังอ่อนต่อโลกอีก ก็คอยดูกันสิว่าจะซิงอย่างที่คุณแม่โม้เอาไว้หรือเปล่า”“ลูกไม่มีวันได้หย่าจากหนูเจนหรอกจ้ะลูกรัก เพราะหนูเจนของแม่บริสุทธิ์ผุดผ่องยิ่งกว่าน้ำค้างกลางหาวเสียอีก”เจสสิก้าหัวเราะชอบใจ ส่วนอเล็กซิสนั่งหน้าหงิกด้วยความหงุดหงิด แต่อี
เจริญวัฒนากุล หนึ่งในตระกูลผู้ลากมากดีของเมืองไทย ประมุขประจำบ้านก็คือ นายเกรียงไกร เจริญวัฒนากุล นายห้างร้านทองชื่อดังที่มีสาขาอยู่เกือบแทบทุกจังหวัดของเมืองไทย ส่วนภรรยาของเขาก็คือ นางปิยนุช เจริญวัฒนากุล หรือที่คนในบ้านเรียกติดปากว่า ซ้อนุช ปิยนุชเป็นหญิงวัยสี่สิบแปดกะรัต รูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์เพราะชีวิตสุขสบายมีอันจะกินมาตั้งแต่เกิด ส่วนนิสัยใจคอนั้นเป็นคนตระหนี่ขี้เหนียว และไม่มีน้ำใจ แถมยังขี้หึงเป็นที่หนึ่ง ทำให้ปิยนุชกับเกรียงไกรมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันมาตลอด โดยเฉพาะเรื่องความเจ้าชู้ของเกรียงไกร...เมื่อสิบแปดปีก่อน ปิยนุชจับได้คาหนังคาเขาว่าเกรียงไกรแอบเข้าห้องของสาวใช้หน้าตาสะสวยคนหนึ่งที่มาจากต่างจังหวัดชื่อสุดา หล่อนขับไล่สุดาออกจากบ้านในคืนวันนั้นทันที ทั้งๆ ที่สุดาบอกความจริงกับหล่อนว่าแท้จริงแล้ว ตัวเองถูกเกรียงไกรข่มเหงไม่ได้สมยอม แต่ปิยนุชไม่ยอมฟัง เพราะหลงเชื่อสามีของตัวเอง ที่บอกว่าสุดาเป็นคนยั่วยวนเพราะใฝ่สูงและตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ปิยนุชก็ไม่เคยรับคนใช้หน้าตาดีอีกเลย อ้วน ดำ เตี้ย สูงวัย เท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ทำงานในคฤหาสน์เจริญวัฒนากุล ซึ่งก็ได้สร้างความขั