ภาคินมายังร้านอาหารที่พลอยลลินณ์จองไว้ให้ เขามองหาผู้หญิงตามที่เห็นในรูปก่อนจะยิ้มเมื่อพบว่าเธอมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“สวัสดีครับคุณแก้วใช่ไหมครับ ผมภาคินครับ” เขาทักทายพร้อมทั้งส่งดอกไม้ที่เตรียมมาให้กับหญิงสาว
“สวัสดีค่ะคุณภาคิน ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวลุกขึ้นและยกมือไหว้ทักทายอย่างสวยงามก่อนจะรับดอกไม้มาถือไว้
“นั่งเถอะครับ คุณแก้วมาถึงนานหรือครับ”
“แก้วมาถึงก่อนหน้านี้ 10 นาทีเองค่ะ”
“หิวไหมครับ ผมขอโทษที่มาช้าพอมีดีงานเร่งนิดหน่อยครับ”
“ยังไม่หิวเลยค่ะ ท่าทางงานคุณภาคินคงจะยุ่งนะคะ”
“ก็ยุ่งนิดหน่อยครับมีโปรเจกต์ใหญ่ที่ต้องดูแลอยู่หลายโปรเจกต์”
“คุณป้าบอกว่าช่วงนี้คุณภาคินทำงานหนักมาก”
“มันก็แล้วแต่ช่วงครับ ถ้าโครงการเริ่มเปิดก็จะเหนื่อยหน่อยแต่สักพักก็จะเข้าที่”
ภาคินหยุดคุยเมื่อเห็นว่าพนักงานกำลังเดินมารับออเดอร์
“คุณแก้วอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมครับ”
“ไม่ค่ะแก้วทานอะไรก็ได้”
“ที่นี่มีอาหารอะไรขึ้นชื่อบ้างครับ” เขาหันไปถามพนักงานเพราะปกติเวลามาทานกับพลอยลลินณ์หญิงสาวจะเป็นคนจัดการทุกอย่างให้โดยเขาไม่ต้องสั่ง
“ที่ลูกค้านิยมสั่งกันก็มีแกงเผ็ดเป็ดย่าง ยำถั่วพู ต้มยำกุ้งแม่น้ำค่ะ ถ้าเป็นอาหารที่ไม่เผ็ดก็จะเป็นไข่เจียวปู ต้มจืดปลาหมึกยัดไส้แล้วก็กะหล่ำปลีทอดน้ำปลาค่ะ”
“คุณแก้วทานเผ็ดได้ไหมครับ"
“ได้ค่ะ แต่ขอแบบไม่เผ็ดมากนะคะ”
“ผมเอาทุกอย่างที่พูดมาเลยครับ แต่ขอแบบเผ็ดไม่มาก” ภาคินบอกกับพนักงาน
“ได้ค่ะ คุณลูกค้ารออาหารประมาณ 15 นาทีนะคะ”
“ได้ครับ”
ระหว่างนั่งรออาหารภาคินก็ชวนอัจจิมาคุยเพราะอยากจะทำความรู้จักกับผู้หญิงคนนี้ให้มากขึ้น
“คุณแก้วกลับมาเมืองไทยนานหรือยังครับ”
“กลับมาได้เดือนหนึ่งแล้วค่ะ ตอนนี้กำลังจะเริ่มหางานทำค่ะ"
“ผมทราบมาว่าที่บ้านก็มีธุรกิจนี่ครับ ทำไมไม่ทำกับที่บ้าน”
“ใช่ค่ะที่บ้านแก้วมีธุรกิจ พี่ๆ ของแก้วก็เข้าไปทำที่นั่นกันทุกคน แต่แก้วอยากลองหาประสบการณ์จากที่อื่นบ้าง ไม่ทราบว่าที่บริษัทของคุณพอจะมีงานให้แก้วทำบ้างไหม”
“ผมไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับเดี๋ยวจะถามฝ่ายบุคคลให้”
“คุณเป็นถึงผู้บริหารและรับผิดชอบโปรเจกต์ใหญ่ๆ จะรับคนเข้าทำงานยังต้องถามฝ่ายบุคคลอีกเหรอคะ”
“เพราะผมเป็นผู้บริหารไงครับ จะทำอะไรก็ต้องโปร่งใสเดี๋ยวคนอื่นรู้จะว่าเอาได้”
“แก้วชอบความคิดของคุณจังค่ะ แล้วแบบนี้แก้วจะได้ไปทำงานกับคุณไหม คุณป้าบอกว่าคุณยังขาดผู้ช่วย แก้วอยากไปเป็นผู้ช่วยของคุณค่ะ”
อัจจิมาคุยเรื่องนี้กับมารดาของชายหนุ่มแล้ว ท่านอยากให้เธอมาทำงานเป็นผู้ช่วยของลูกชาย
“ผมมีผู้ช่วยอยู่แล้วนะครับ”
“คุณป้าบอกแล้วล่ะค่ะ ว่าคุณภาคินมีเลขาอยู่แล้ว แต่แก้วไม่ได้จะไปทำหน้าที่เลขานี่คะ แก้วจะไปทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของคุณคอยแบ่งเบาภาระของคุณ"
“ผมจะลองคิดดูนะครับ” ภาคินไม่เคยคิดถึงตำแหน่งนี้เพราะพลอยลลินณ์ก็ทำหน้าที่ตามที่อัจจิมาพูดได้ดีจนเขานึกไม่ออกว่าจะต้องให้เธอมาทำงานด้วยทำไม
“แก้วหวังว่าจะได้ยินคำตอบเร็วๆ นี้นะคะ” เธอยิ้มให้เขาอย่างมีความหวัง
อัจจิมาไม่ได้อยากทำงานเท่าไหร่ แต่เธอก็ขัดคำสั่งของมารดาไม่ได้ตอนนี้ธุรกิจส่งออกของที่บ้านกำลังมีปัญหาและที่บ้านของเธอก็อยากได้เม็ดเงินจากครอบครัวของภาคินเพื่อช่วยพยุงให้ธุรกิจได้ไปต่อ แต่ส่วนตัวเธอนั้นไม่ได้คิดอะไรกับชายหนุ่มเพราะตนเองมีคนรักอยู่แล้ว แต่ครอบครัวก็บอกให้ปิดเรื่องนี้เป็นความลับไปก่อน
“อาหารมาแล้วผมว่าเรารีบทานกันดีกว่านะครับ”
ภาคินนั่งทานอาหารและคุยเรื่องทั่วไปกับอัจจิมา แต่เขารู้สึกว่าเธอคนนี้จะจู่โจมเขามากจนเกินไป เขาเป็นนักล่าจึงไม่ค่อยชอบผู้หญิงลักษณะนี้เท่าไหร่แต่ก็ไม่อยากด่วนตัดสินใจจนเกินไปชายหนุ่มอยากให้โอกาสเธออีกสักนิด
เขานั่งทานอาหารกับอัจจิมาเสร็จแล้วก็พาเธอไปส่งที่บ้าน จากนั้นก็ขับรถกลับไปยังบ้านของตัวเอง ภาคินรู้ว่าถ้าหากคืนนี้ไม่กลับบ้านมารดาก็จะต้องโทรตามอย่างแน่นอน
“แม่นึกว่าเราจะกลับดึกเสียอีก พาหนูแก้วไปกินข้าวแล้วไม่ได้พาไปไหนต่อเลยเหรอ”
“แม่หมายถึงไปต่อที่ไหน”
“ก็พาไปฟังเพลงหรือดูหนังอะไรทำนองนั้น คินว่าหนูแก้วเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดีครับแม่”
“อธิบายความหมายของคำว่าดีให้แม่ฟังหน่อยสิลูก หนูแก้วน่ารักไหมนิสัยเป็นยังไงบ้าง เข้ากับลูกของแม่ได้ดีใช่ไหม”
“เราเพิ่งเจอกันไม่ถึงสองชั่วโมงนะครับแม่ ผมมองไม่ออกหรอกครับ”
“แต่แม่ว่าเธอเหมาะสมกับลูกดีนะ หน้าตาสวย เรียนจบถึงปริญญาโท ครอบครัวเขาก็เป็นผู้ดีและทำธุรกิจมานาน”
“ดูท่าแม่จะชอบเธอมากนะครับ”
“ผู้หญิงที่มีคุณสมบัติดีๆ แบบนี้หายากนะ ถ้าคินมัวช้าแม่กลัวว่าคนอื่นจะมาคว้าเอาไปเสียก่อน”
“เราเพิ่งเริ่มคุยกันผมยังไม่มองไกลขนาดนั้นหรอกครับแม่ ผมยังไม่รู้เลยว่านิสัยจะเข้ากันได้หรือเปล่า”
“ถ้าคินยังไม่รู้นิสัยหนูแก้วว่าจะเข้ากับคินได้ไหม คินก็นัดน้องมาทานข้าวด้วยบ่อยๆ สิ ส่วนเรื่องนางแบบอะไรนั่นแม่ว่าเลิกได้ก็เลิกนะ เธอกับลูกไม่เหมาะสมกันหรอก”
“ทำไมล่ะครับแม่ผมว่านก็สวยดีออก”
“เธอมีรูปสมบัติที่ดีแต่คุณสมบัติที่จะมาเป็นสะใภ้แม่มันไม่มีเลย” เพราะไม่ชอบวาริสาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วพอได้โอกาสคุณสายชลเลยยุให้ลูกชายเลิกกับเธอ
“สะใภ้แม่ต้องเป็นยังไงเหรอครับ” ภาคินไม่เคยถามมารดาอย่างจริงจังแบบนี้มาก่อน แต่ในเมื่อมารดาเปิดประเด็นมาแบบนี้เขาก็อยากจะรู้ขึ้นมาบ้าง
“สะใภ้แม่ก็ต้องเป็นคนน่ารัก เรียนจบสูงๆ ครอบครัวมีพื้นฐานที่ดี อยู่ในสังคมระดับเดียวกับเรา น่ารักอ่อนหวานไม่เปรี้ยวจี๊ดจ๊าดเหมือนแม่นางแบบนั่น”
“ผู้หญิงแบบที่แม่พูดหายากนะครับ”
“หายากที่ไหนล่ะก็หนูแก้วนั่นไง เธอตรงใจแม่ทุกอย่าง”
“แม่จะไม่รอให้ผมศึกษานิสัยใจคอกับเธอหน่อยเหรอครับบางทีเราอาจจะเข้ากันไม่ได้”
“แม่ก็ไม่ได้จะบังคับให้คินแต่งงานกับหนูแก้วตอนนี้สักหน่อย ก็แค่อยากให้ลองเปิดใจและคบหากันดู น้องน่ารักขนาดนั้นแม่เชื่อว่าไม่นานคินจะต้องรักน้องได้ง่ายๆ”
“ผมจะลองดูครับ”
“หยุดยาวตั้งสี่วันไม่ว่าคินพาหนูแก้วไปเที่ยวดีกว่าไหม จะได้เรียนรู้กันได้เร็วขึ้น”
“ผมไม่ว่างครับแม่ เรื่องไปเที่ยวเอาไว้คราวหน้านะครับ”
“อย่าให้หนูแก้วต้องรอนานนะลูก ผู้หญิงสวยๆ การศึกษาดีชาติตระกูลดีแบบนั้นเดี๋ยวคนอื่นจะคว้าไปเสียก่อน” เธอย้ำกับลูกชายอีกครั้ง
“ครับแม่” ชายหนุ่มรับคำ ก่อนจะเดินขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเอง เขาไม่รู้ว่าตนเองจะเรียนรู้อัจจิมาได้นานแค่ไหน เพราะเท่าที่ได้คุยมาสองชั่วโมงเขาก็ยังไม่รู้สึกอะไรกับเลยสักนิด
เมื่อได้อาบน้ำแล้วภาคินก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง เขานั่งทำงานต่ออีกนิดเพราะอยากจะเคลียร์ทุกอย่างให้เสร็จก่อนหยุดยาวแต่ทำงานได้ไม่ถึง 10 นาทีเสียงโทรศัพท์ก็ดึงสมาธิเขาออกจากงานตรงหน้า“สวัสดีค่ะคุณภาคิน แก้วโทรมารบกวนหรือเปล่าคะ”“ไม่เลยครับคุณแก้วมีอะไรหรือเปล่า”“คือแค่จะโทรมาถามว่าคุณภาคินถึงบ้านปลอดภัยดีแล้วใช่ไหมคะ”“ผมถึงบ้านเรียบร้อยแล้วครับ”“คุณภาคินทำอะไรอยู่คะมีเวลาพอจะคุยกับแก้วได้ไหม”“แก้วเรียกผมว่าคินเฉยๆ ก็ได้นะครับ”“ถ้างั้นคุณภาคินก็ต้องเรียกแก้วว่าแกเฉยๆ เหมือนกันค่ะ จะได้ฟังดูสนิทสนมกันหน่อย”“ก็ได้ครับ ตกลงแล้วแก้วมีอะไรจะคุยกับผม”“คือแก้วลองมาคิดดูดีๆ แล้วแก้วว่าเรื่องไปทำงานกับคุณแก้วขอพักไว้ก่อนดีกว่าค่ะ”“ทำไมล่ะครับ” เขาดีใจที่ได้ยินแต่ก็ถามตามมารยาท“พอดีเพื่อนแก้วชวนให้แก้วเปิดคาเฟ่ด้วยกันค่ะ แก้วก็เลยว่าอยากจะลองทำกับเพื่อนดูก่อนค่ะ”“ฟังดูน่าสนใจนะดีครับ”“ค่ะ แก้วอยากลองทำในสิ่งที่ชอบก่อน แก้วชอบทำขนมมากค่ะ ตอนที่เรียนอยู่ฝรั่งเศสแก้วก็ไปเรียนอยู่หลายคอร์ส พอเพื่อนชวนก็เลยอยากจะลองดูค่ะ เพื่อนแก้วเก่งเรื่องเครื่องดื่มส่วนแก้วถนัดทำขนม เราสองคนน่าจะช่ว
พลอยลลินณ์ตื่นนอนเช้ากว่าปกติเพราะวันนี้นัดกับภาคินว่าจะออกไปดูโครงการบ้านจัดสรรด้วยกัน จริงๆ แล้วเรื่องนี้ชายหนุ่มไม่จำเป็นต้องลงไปดูเองก็ได้ แต่เพราะรู้สึกแปลกที่คนโทรศัพท์มาบอกไม่ใช่หัวหน้าวิศวกรที่รับผิดชอบเรื่องนี้หญิงสาวรีบลงมายังร้านหน้าคอนโดมิเนียมสั่งกาแฟร้อนให้กับภาคินหนึ่งแก้วส่วนของตัวเองดื่มมาจากบนห้องเรียบร้อยแล้วเมื่อรถของภาคินมาจอดเธอก็รีบเปิดประตูข้างคนขับขึ้นไปนั่งทันที“สวัสดีค่ะบอส กาแฟค่ะ”“ขอบใจนะมัดหมี่คุณนี่รู้ใจผมจริงๆ เลย” เขารับกาแฟไปดื่มพร้อมกับเอ่ยชม“บอสคะ ก่อนไปที่โครงการมัดหมี่ว่าเราไปที่บริษัทจำหน่ายวัสดุก่อสร้างก่อนดีไหมคะ”“ทำไมล่ะ”“มัดหมี่เห็นว่าข้อมูลของโครงการนี้กับโครงการที่เสร็จแล้วมันต่างกันมากจนน่าสงสัยค่ะ”“ก่อสร้างคนละปีมันก็ต้องต่างกันสิ ราคาวัสดุก็แพงขึ้นทุกปีนะ”“มัดหมี่ไม่ได้หมายถึงราคาวัสดุค่ะ แต่หมายถึงจำนวนวัสดุที่ใช้ต่างหากล่ะคะ บอสดูนี่นะคะ” หญิงสาวยื่นแทปแล็ตที่เธอทำข้อมูลเปรียบเทียบสองโครงการให้กับภาคินดู“ต่างกันจริงๆ ด้วย ที่คุณอยากไปที่บริษัทซัพพลายเออร์เพราะอยากรู้จำนวนที่แท้จริงใช่ไหม”“ใช่ค่ะ เราต้องรู้จำนวนของท
“ผมขอโทษนะมัดหมี่ คุณเจ็บมากไหม” ภาคินตกใจเพราะไม่ทันได้สังเกตว่าปลายอีกข้างหนึ่งของกระเบื้องมันแหลมมาก เขาจับมือหญิงสาวขึ้นมาแล้วล้วงไปยังกระเป๋ากางกางเอาผ้าเช็ดหน้ากดปลายนิ้วไว้“นิดเดียวเองบอสไม่น่าเอาผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลยนะคะ” เธอรู้สึกแปลกๆ อีกทั้งหัวใจก็เต้นแรงจนกลัวว่าเขาจะได้ยิน เมื่อเขายังจับมือไว้ไม่ยอมปล่อย ทั้งที่เคยใกล้ชิดกันมานานเกือบสามปีแต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นวันนี้มันต่างออกไป“ไม่เป็นไรหรอก ผมผิดด้วยที่ไม่ดูดี” เขาพูดพลางมองหน้าเลขาที่เหมือนเธอกำลังอายจึงได้แต่ก้มหน้ามองพื้นภาคินไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าที่ผ่านมาตัวเองมัวทำอะไรอยู่ถึงไม่เคยมองในมุมนี้มาก่อน เขามองแค่เธอเป็นเลขาที่ทำงานหนักข้างกันมาตลอดจนลืมคิดไปว่าเธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ทั้งสาว สวยและยังทำงานเก่งแบบนี้น่าจะเข้าเกณฑ์ที่มารดาตั้งไว้“เลือดน่าจะหยุดแล้วค่ะบอส”“ไหนดูสิ” เขาดึงผ้าเช็ดหน้าออกช้าๆ แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือพอเห็นว่าปลายนิ้วเลือดหยุดไหลแล้วก็โล่งใจ“หยุดแล้วจริงๆ ค่ะบอส"“ผมว่าเปิดน้ำล้างแผลหน่อยดีไหม เดี๋ยวค่อยไปทำแผลที่โรงพยาบาล”“บอสคะ แผลแค่นี้จะไปโรงพยาบาลทำไมคะ ให้หมอกับพยาบาลเขาดูแลคนที่เจ
ภาคินคิดไม่นานก็ตอบคำถามของเลขาสาวออกไป“ผู้หญิงทำงานเก่งฉลาดและไม่งี่เง่า คุณก็รู้นี่ว่าผมทำงานหนักมากและงานต้องมาก่อน จะให้ผมทำตัวติดกับเธอตลอดคงไปเป็นไปได้ยาก ผู้หญิงที่จะเข้ามาเธอก็ต้องเข้าใจข้อนี้ด้วย”“แต่มันหายากนะคะผู้หญิงที่จะเข้าใจ ใครๆ ก็ต้องอยากอยู่ใกล้คนที่ตัวเองรักทั้งนั้นแหละค่ะ”“คุณชอบให้แฟนอยู่ด้วยตลอดเหรอมัดหมี่”“ค่ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลานะคะ เพราะมัดหมี่ก็มีเรื่องที่ต้องรับผิดชอบเยอะเหมือนกันค่ะ คนที่จะเข้ามาต้องยอมรับได้ด้วยว่าสิ่งที่สำคัญสำหรับมัดหมี่ในตอนนี้ไม่ใช่แค่ความรักเพียงอย่างเดียว เขาคนนั้นต้องรับได้ด้วยว่ามัดหมี่มีหนี้สินที่ต้องจ่าย แต่มัดหมี่ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องมาช่วยใช้หนี้หรอกนะคะ ขอแค่เขาไม่รังเกียจและให้กำลังใจอยู่ข้างๆ แค่นี้พอแล้ว” พลอยลลินณ์พูดทุกอย่างออกมาจากความรู้สึกของตัวเองอย่างไม่มีปิดบัง“คุณพูดตรงดีนะ แล้วจะบอกคนที่เข้ามาตั้งแต่เริ่มจีบเลยไหมล่ะ”“ค่ะ บอกไว้ก่อนเลยจะได้ไม่เสียเวลาด้วยกันทั้งสองฝ่าย ถ้าเขารับได้ก็คุยต่อแต่ถ้ารับไม่ได้ก็ต่างคนต่างไป”“ผมชอบทัศนคติของคุณนะ แล้วตอนนี้คุณกับแฟนคุณเป็นยังไงล่ะ ได้กลับมาคุย
คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้วที่ภาคินจะค้างที่ญี่ปุ่น สองวันที่ผ่านมาเขาและวาริสาเที่ยวกันอย่างเต็มที่พอกลับมาถึงโรงแรมต่างก็เหนื่อยและหลับยาวจนถึงเช้า ชายหนุ่มอดแปลกใจตัวเองมาได้ที่เขานอนเตียงเดียวกับผู้หญิงที่เร่าร้อนอย่างวาริสาแต่กลับไม่มีความต้องการเรื่องบนเตียงเลย“ว่านยังไม่อยากกลับเลยค่ะ เราอยู่ต่ออีกนิดไม่เหรอคะ” หญิงสาวพิงศีรษะบนไหลกว้างสองมือกอดเอวอย่างประจบ “ผมต้องกลับไปทำงานนะว่าน เอาไว้หยุดครั้งหน้าเราค่อยมาเที่ยวกันอีกดีไหม” “สัญญานะคะว่าจะพาว่านมาอีก ว่านชอบที่นี่มากเลยค่ะ” “ถ้าคุณเด็กดีแบบนี้ผมก็จะมาบ่อยๆ” “ว่านจะเป็นเด็กดีของคุณคินค่ะ สองวันมานี้ว่านมีความสุขมาก ขอบคุณนะคะที่พาว่านมาเที่ยว” “ผมก็มีความสุขนะ” “ว่านรู้นะคะว่าว่านเอาแต่ใจคุณทำงานเหนื่อยแล้วยังต้องพาว่านมาเที่ยวอีก แต่ว่านก็อยากให้เราได้อยู่ด้วยกันบ้าง เหนื่อยไหมคะ” “ไม่หรอก ผมว่าได้เที่ยวแบบนี้ก็สนุกดี” “คุณคินต้องกลับไปทำงานต่อให้ว่านนวดให้ไหมคะจะได้ผ่อนคลาย” “นวดเป็นเหรอ” เขาถามอยากแปลกใจ“มันก็ไม่ได้ยากอะไรใช่ไหมคะ หันหลังมาสิคะว่านจะนวดให้” มือเล็กเริ่มนวดไปบนไหล่กว้างอย่างไม่แรงนักก่อนขยับกายเ
ภาคินลุกจากเตียงจากนั้นก็ห่มผ้าให้วาริสาก่อนที่ตัวเองจะปิดไฟบนหัวเตียงและเดินเข้าห้องน้ำก่อนจะกลับออกมานั่งข้างเตียง แสงไฟที่ออกมาจากห้องน้ำตัวกระทบกับอะไรบางอย่างและมันสะท้อนมาที่ตาของเขาพอดีชายหนุ่มเดินไปตามแสงนั้นก่อนจะเอาของที่กองทับอยู่ออกแล้วเขาก็เห็นว่ามีกล้องขนาดเล็กวางอยู่เขาจับขึ้นมาแล้วหาปุ่มปิดการทำงาน ก่อนจะดึงการ์ดความจำของเครื่องออกจากนั้นก็เดินออกมาจากห้องนอน ภาคินหยิบกล้องของตัวเองขึ้นมาดึงการ์ดความจำออกแล้วเอาตัวใหม่ที่ได้มาจากกล้องตัวเล็กที่ซ่อนอยู่ใส่เข้าไปแทนคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน เมื่อคิดว่าเธอกำลังเล่นไม่ซื่อ เพราะภาพที่เธอบันทึกไว้มันคือภาพที่เธอกับเขาร่วมรักกันอย่างดุเดือดบนเตียงนอน ความรู้สึกผิดเมื่อครู่หายไปจนหมดสิ้นเหลือเพียงแค่ความเกลียดชังและความโกรธกับการกระทำของเธอภาคินอยากจะปลุกวาริสาขึ้นมาคุยให้รู้เรื่องแต่ก็ไม่อยากจะดูเป็นคนใจร้ายจนเกินไปเพราะเมื่อครู่เธอก็ใช้แรงไปค่อนข้างมาก ชายหนุ่มจึงเก็บของใช้ของตัวเองลงกระเป๋าเดินทางก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟาและรอเวลาให้หญิงสาวตื่น“ที่รักขาทำไมมานอนตรงนี้ล่ะคะ ว่านตกใจหมดเลยที่ตื่นมาแล้วไม่เจอคุณ”“เช้าแล้วเหรอว
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเป็นครั้งที่สามแล้วแต่พลอยลลินณ์ก็ยังไม่ยอมลุกจากที่นอน เพราะหยุดยาวที่ผ่านมาหญิงสาวตื่นสายติดๆ กันมาตลอด พอวันนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปทำงานก็เลยขี้เกียจมากกว่าทุกวัน จากที่เคยต้องลงไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสชั้นล่างของคอนโดวันละครึ่งชั่วโมงหญิงสาวก็เลือกที่จะนอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่มนาฬิกาปลุกดังอีกครั้งในเวลาเจ็ดโมงครึ่งพลอยลลินณ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นอาบน้ำและเตรียมตัวไปทำงาน หลายๆ คนอาจจะชอบที่มีวันหยุด แต่สำหรับเธอแล้วมันทำให้ความขี้เกียจเข้ามาแทนที่หญิงสาวนั่งรถไฟฟ้าเพียงสองสถานีก็ถึงบริษัทใหญ่ เธอกดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้น 28 ซึ่งเป็นชั้นของบริษัทที่เธอทำงานอยู่ วันนี้ก็เหมือนกับทุกวันที่เธอมาทำงานก่อนทุกคน หญิงสาวจัดของบนโต๊ะให้เรียบร้อยจากนั้นก็เดินไปหากาแฟที่มุมพักเบรก เพราะวันนี้พลอยลลินณ์รีบมากจึงไม่ได้ดื่มมาจากคอนโดหลังจากดื่มกาแฟและทานครัวซองต์ที่ซื้อมาจนอิ่มเธอก็กลับมาที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง หญิงสาวค่อนข้างแปลกใจเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องทำงานของเจ้านายแล้วพบว่าไฟในห้องทำงานของเขาเปิดอยู่ แต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นแม่บ้านมาทำความสะอาดแล้วคงจะลืมปิดเธอเปิดคอมพิวเตอ
เหตุการณ์ชุลมุนที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้ภาคินโกรธอย่างหนักเขามองหน้าวาริสานัยน์ตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง“คินคะคุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”“ก็ตั้งแต่คุณเอาน้ำส้มราดลงบนหัวมัดหมี่”“ว่านไม่ได้ตั้งใจนะคะ มันเป็นอุบัติเหตุ” วาริสารีบเข้าไปกอดแขนภาคินอย่างประจบ“ผมเชื่อในสิ่งที่ผมเห็นนะ ขอโทษมัดหมี่แล้วกลับไปซะ”“แต่ว่านอยากคุยกับคุณ ขอเวลาว่านหน่อยนะคะ” หญิงสาวไม่สนใจจะขอโทษนพลอยลลินณ์เลยสักนิดเธอสนใจแค่ภาคินเท่านั้น“ผมว่าผมบอกคุณไปแล้วนะ ว่าระหว่างเรามันจบแล้ว” เขาพูดกับวาริสาอย่างไร้เยื่อใย“คุณจะไม่ทบทวนอีกครั้งเหรอคะ ขอโอกาสว่านสักนิด”“ผมว่าคุณรีบกลับไปดีกว่านะว่านก่อนที่ผมจะเรียกรปภ. มาจับคุณออกไป ส่วนคุณอย่าเพิ่งออกไปไหนนะมัดหมี่” เขาหันมาทางพลอยลลินณ์ที่กำลังจะเดินออกไป“มัดหมี่ว่าบอสกับคุณว่านค่อยๆ คุยกันดีกว่านะคะ มัดมี่เป็นคนนอกขอออกไปก่อนดีกว่า”“มัดหมี่” เขาหันมามองและเรียกชื่อเธอด้วยเสียงที่ดังขึ้นทำให้พลอยลลินณ์เดินกลับมานั่งที่ชุดโซฟารับแขกเพราะไม่อยากเห็นเจ้านายโมโหมากไปกว่านี้“ว่านเห็นด้วยกับมัดหมี่นะคะ ให้เธอออกไปก่อนเราสองคนจะได้คุยกัน”“ผมว่าผมชัดเจนแล้วนะว่าน คุณกลับ
“ว่านขอโทษนะคะคิน คุณบอกนักข่าวใหม่ได้ไหมคะว่าผู้หญิงคนนั้นคือว่าน”“ถ้าผมบอกแล้วผมจะได้อะไร”“เราจะได้กลับมาคบกันอีกว่านจะยอมรับว่าตัวเองคือผู้หญิงในคลิป”“ผมว่ามันสายเกินไปที่คุณจะพูดคำว่าขอโทษ ระหว่างเรามันจบตั้งแต่ที่ญี่ปุ่นแล้วล่ะ” ภาคินพูดกับวาริสาอย่างไร้เยื่อใย“ว่านจะบอกทุคนว่าว่านคือผู้หญิงในคลิป”“ตามสบายเลยครับ ถ้าคุณไม่กลัวเสียชื่อเสียงและเสียหน้าถ้าผมจะบอกทุกคนว่าที่ญี่ปุ่นคุณทำอะไรบ้าง แล้วที่ผมกับคุณเลิกคุยกันเพราะอะไร ใครก็ได้ช่วยตามรปภ.พอมาพาผู้หญิงคนนี้ออกไปจากบริษัทหน่อยและจากนี้ผมขอสั่งเลยว่าห้ามเธอเข้ามาในบริษัทอีกเด็ดขาด”“อย่าทำแบบนี้กับว่านนะ ว่านไม่ยอมจริงด้วยๆ” หญิงสาวตะโกนลั่นเมื่อรปภ.เดินเข้ามาแล้วเชิญเธอออกไปจากบริษัท“เอาละทุกคนคงอยากรู้มากใช่ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ภาคินถามลูกน้องที่ตอนนี้กำลังทำตัวเป็นไทยมุง“เรื่องที่คุณว่านพูดมันเป็นความจริงใช่ไหม ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คุณมัดหมี่ใช่ไหม”“พวกคุณคงได้ดูคลิปกันหมดแล้วสินะ แล้วคิดว่าใช่ไหมล่ะ”“พวกเราไม่เชื่อหรอกค่ะ ดูยังไงก็ไม่ใช่คุณมัดหมี่เลย”“มันก็เป็นอย่างที่เธอพูดนั่นแหละมัดหมี่ไม่ใช่ผู้หญิงใ
พลอยลลินณ์รู้สึกเป็นกังวลเพราะวันนี้เธอจะต้องเผชิญหน้ากับเพื่อนร่วมงานนับสิบซึ่งเธอไม่รู้เลยว่ามีใครได้เห็นคลิปของภาคินแล้วบ้างเมื่อวานหลังจากคุยกับบิดามารดาของภาคินแล้วเธอกับเขาก็ได้มีโอกาสคุยกันตามลำพังอีกครั้งบทสนทนานั้นยังก้องอยู่ในหู“ผมจริงจังนะมัดหมี่ ผมคิดว่าระหว่างเรามันอาจจะเป็นได้มากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง” เขาพูดด้วยท่าทางจริงจัง“บอสอยากให้มัดหมี่สบายใจใช่ไหมล่ะถึงพูดแบบนี้”“เปล่าเลย ผมอยากให้เราสองคนลองเปิดใจเริ่มคบกันใหม่เริ่มนับหนึ่งไปด้วยกัน”“หมายความว่ายังไงคะ” พลอยลลินณ์พอจะเดาออกว่าสิ่งที่เขากำลังพูดนั้นหมายถึงอะไรแต่ที่ถามเพราะอยากจะฟังจากปากของเขาอีกครั้ง“ก็หมายความว่าเราสองคนจะลองหันหน้าคุยกันและคบกันแบบจริงจัง เรามาเริ่มกันใหม่นะ”“แต่มันยากนะคะบอส เราสองคนทำงานด้วยกันมาสามปีแล้วนะคะ จะให้เริ่มใหม่ได้ยังไง”“มันยากแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราสองคนจะทำไม่ได้นะมัดหมี่ ตอนอยู่ที่บริษัทเราก็ยังเป็นเจ้านายกับลูกน้องแต่พอเลิกงานคุณก็คือผู้หญิงคนหนึ่งผมก็คือผู้ชายคนหนึ่ง เราต่างคนต่างโสดทั้งคู่ทำไมคุณไม่ลองเปิดใจดูล่ะ”“บอกตามตรงนะคะบอสมัดหมี่กลัวค่ะ”“กลัวอะไร”“กลัวห
“เรื่องแต่งงานผมว่ายังไงก็ต้องจัดครับ แต่ภาคินเป็นคนมีเชื่อเสียงจะจัดเล็กๆ ก็คงไม่ได้ เราอาจต้องใช้เวลา แต่ผมยืนยันว่าลูกชายของผมจะรับผิดชอบและแต่งงานกับลูกสาวของคุณอย่างแน่นอนไม่ต้องเป็นห่วง”“ได้ยินแบบนี้ค่อยโล่งใจหน่อย แล้วสินสอดล่ะคุณจะให้เท่าไหร่”“พ่อค่ะ พูดแบบนั้นได้ยังไงน่าเกลียด”“น่าเกลียดตรงไหน เขาได้แกไปแล้วเขาก็ต้องสินสอดพ่อสิ”“เท่าที่ผมรู้มาคือคุณแต่งงานไปมีครอบครัวใหม่แล้วนะครับคุณสุพจน์” ภาคิมองหน้าว่าที่พ่อตาที่ดูเหมือนอยากจะได้เงินจากเขามาก“พูดแบบนี้คือจะไม่ให้สินสอดกันเหรอ ก็ลองดูสิถ้าไม่ให้ผมจะประจานให้คนอื่นรู้กันไปเลยว่านักธุรกิจใหญ่อย่างพวกคุณมันใจดำมากแค่ไหน”“ผมยังไม่พูดเลยว่าผมจะไม่ให้”“แล้วจะให้เท่าไหร่”“เรื่องจำนวนเงินผมอยากจะคุยกับมัดหมี่เอง”“บอสค่ะ มัดหมี่ไม่เอาค่ะ”“นังมัดหมี่เงียบไปเลยนะ พ่อจะเรียกสินสอดเขาเท่าไหร่แกไม่ต้องมายุ่ง”“พ่อคะ คุณภาคินเขายกหนี้ที่เราติดเขาให้แล้ว มัดหมี่ว่าแค่นั้นก็พอ” เพราะพลอยลลินณ์รู้ดีว่าการแต่งงานครั้งนี้มันเป็นแค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้น“เรื่องสินสอดพวกเราจะให้ตามสมควรครับ คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” บิดาของภาคินพูดไปตามค
ภาคินขับรถออกจากศูนย์การค้าแล้วตรงมายังบ้านของตนเองโดยมีพลอยลลินณ์มาพร้อมกับเขาด้วย“บอสเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะคะ เราสารภาพความจริงกับแม่บอสกันดีกว่าค่ะ” “ถ้าสารภาพแล้วแม่ให้ผมแต่งงานกับคนอื่นล่ะผมก็แย่น่ะสิ” “แต่แบบนี้มัดหมี่ก็แย่เหมือนกันนะคะ มัดหมี่มาคิดดูดีๆ แล้วเรื่องนี้มัดหมี่เสียหายมากค่ะ คนในคลิปก็ไม่ใช่มัดหมี่” “ผมว่าตอนนี้คลิปนั่นคงถูกลบไปหมดแล้ว อีกอย่างคนที่เสียหายก็คงจะเป็นผมมากกว่านะมัดหมี่” “บอสอย่ามองหน้ามัดหมี่เหมือนมัดหมี่เป็นคนผิดแบบนี้สิคะ บอสไม่ระวังตัวเอง” “ผมรู้ว่าผมพลาดไปแล้ว แต่คุณก็ไม่น่ามาซ้ำเติม” “ใครซ้ำเติมกันล่ะ ถ้าอยากจะซ้ำเติมจริงๆ มัดหมี่ก็ปฏิเสธต่อหน้านักข่าวไปแล้ว” “ไหนๆ คุณก็ช่วยผมให้รอดตอนอยู่ต่อหน้านักข่าว ตอนนี้ก็ช่วยให้รอดต่อหน้าพ่อกับแม่อีกสักครั้งได้ไหมล่ะ” “บอสคิดว่าแม่บอสจะเชื่อเหรอคะ” “ผมก็ไม่รู้ว่าแม่จะเชื่อไหมเราต้องลองคุยกับท่านก่อน” “แล้วท่านจับได้ล่ะคะว่าเราสองคนโกหกท่าน” “ถึงแม่ผมจะจับได้ว่าเราโกหกแต่ ผมก็บอกนักข่าวไปแล้ว” “บอสไม่กลัวว่าคุณว่านบอกคนอื่นเหรอคะว่าคนในคลิปไม่ใช่มัดหมี่แต่เป็นตัวเธอเอง” “ผมว่าเขาไม่เอาอาชีพขอ
“บอสคะ ทำไมคุณบอกแม่ของคุณไปแบบนั้นเดี๋ยวท่านก็เข้าใจผิดกันไปใหญ่หรอก” พลอยลลินณ์กลัวว่าเริ่งทุกอย่างจะบานปลายจนหาทางแก้ไขไม่ได้“ผมพูดเรื่องจริง” ภาคินตอบอย่างหน้าตาเฉย“บอสคงไม่คิดจะแต่งงานกับมัดหมี่จริงๆ หรอกนะคะ”“ถ้าผมคิดล่ะ”“เราสองคนเป็นแค่เลขากับเจ้านายเท่านั้นนะคะบอส”“แลวถ้าเกิดว่าถ้าผมจะให้คุณแต่งงานกับผมจริงๆ ล่ะมัดหมี่”“บอสทำแบบนี้เพื่ออะไรคะ เราสองคนไม่รักกันและไม่เคยคบกันมาก่อนจู่ๆ จะมาแต่งงานกันได้ยังไง”“ที่ผมทำแบบนี้ก็มีหลายเหตุผลนะมัดหมี่” ภาคินรู้ว่าการทำแบบนี้จะทำให้พลอยลลินณ์เสียหายและเขาก็พร้อมรับผิดชอบ“ลองบอกมาสิคะว่ามีเหตุผลอะไรบ้าง มัดหมี่หวังว่ามันคงเป็นเหตุผลที่ดีนะคะ”“ข้อแลกเลยก็คือพอผมพูดเรื่องแต่งงานทุกคนก็เลิกสนใจเรื่องคลิปนั่นทันที”“แต่เขาก็หันมาสนใจเรื่องที่บอสจะแต่งงาน มัดหมี่ว่ามันเหมือนวัวพันหลักนะคะ”“ฟังข้อสองก่อนสิ”“ค่ะ”“ข้อสองคือ พอแม่ผมรู้ท่านก็จะเลิกหาผู้หญิงมาแต่งงานกับผม”“เท่าที่ฟังมาสองข้อมีแต่เหตุผลมันดีกับบอสทุกข้อเลยนะคะ แล้วมัดหมี่จะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ยังไง บอสลืมคิดหรือเปล่าว่าเราจะมองหน้าคนในบริษัทยังไง”“เราก็บอกทุกคนไปสิ
“ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมก็คือคนในคลิป เราสองคนคบกันได้สักพักนึงแล้วและมีแพลนจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้”“บอส...” พลอยลลินณ์ไม่คิดว่าเขาจะตอบนักข่าวไปแบบนี้ เธอมองเขาด้วยสีหน้าที่ผิดหวังมากเพราะตอนนี้สายตาทุกคู่กำลังองมาที่เธอ“ผมขอโทษนะมัดหมี่ แต่คุณช่วยยมรับไปก่อนได้ไหม เดี๋ยวเราค่อยหาทางแก้ปัญหากัน”“แต่....”“เอาน่าเชื่อใจผม ตามน้ำไปก่อนถ้าไม่ตอบเรากลับออกไปจากตรงนี้ไม่ได้แน่ๆ ส่วนเรื่องที่คุณเสียหานเด่ยว” ภาคินกระซิบ“แล้วใครเป็นคนปล่อยคลิปครับใช่คุณผู้หญิงหรือเปล่าครับแล้วคุณทำแบบนี้ทำไม” นักข่าวถามพลอยลลินณ์ที่ยืนหน้าซีดอยู่“ผมว่าคนที่ทำไม่ใช่เธอหรอกครับเพราะตลอดเวลาที่คบกับเธอเป็นคนบอกเองว่าไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราคบกัน” ภาคินตอบแทนหญิงสาวที่ยังคงงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น“แล้วคุณคิดว่าเป็นฝีมือใครล่ะครับ”“คุณรู้ว่าใครเป็นคนปล่อยคลิปใช่ไหม บอกพวกเราหน่อยสิคะ”“จากมุมกล้องที่เห็นน่าจะเป็นการแอบถ่าย บางทีคลิปอาจจะหลุดมาจากโรงแรมที่เราไปพักก็ได้นะครับ” ภาคินพยายามตอบให้ไกลตัวเองมากที่สุด“แล้วแบบนี้คุณจะเอาเรื่องคนปล่อยคลิปไหมครับ”“ก็คงต้องให้ทนายของเราเป็นนคนจัดการครับ วันนี้ผมคงต้องข
“มัดหมี่ไม่เชื่อเลยค่ะว่าคุณว่านเธอจะทำแบบนั้น ถ้าคลิปหลุดออกไปคนที่เสียหายก็ไม่น่าจะใช่บอสคนเดียว”“ผมว่าเธอคิดน้อยไปหน่อย”“แต่ก็น่าสงสารนะคะที่เธอทำไม่ใช่เพราะเธอเป็นคนคิดเองพี่เอ้อะไรนั่นเป็นคนบอกให้เธอ”“ทำผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าเธอทำเองหรือทำเพราะมีคนยุแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเธอโตแล้วนะ น่าจะคิดเองได้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ”“แล้วทีนี้บอสจะเอายังไงต่อคะจะเลิกกับเธอจริงๆ เหรอคะ”“ถ้าเป็นคุณล่ะมัดหมี่จะเลิกไหม”“ถ้าเจอขนาดนี้มัดหมี่ก็คงเลิก และไม่อยากมองหน้าเลยค่ะ แต่บอสแน่ใจนะคะว่าที่ผ่านมาคุณว่านไม่เคยถ่ายคลิปมาก่อน”คำพูดของพลอยลลินณ์ทำให้ภาคินมีสีหน้าเครียดที่ผ่านมาเขาไม่รู้ว่าวริสาแอบทำเหมือนที่พลอยนรินทร์พูดหรือเปล่า“บอสคะมัดหมี่ขอโทษนะคะ”“จะขอโทษทำไม”“ก็ขอโทษที่ทำให้บอสคิดหนัก มันคงไม่ใช่แบบที่มัดหมี่คิดหรอกค่ะ”“ผมก้หวังว่าเธอไม่ทำลายอนาคตตัวเองแบบนั้นนนะ ผมเป็นผู้ชายคงไม่เสียหายเท่าผู้หญิงหรอก”“แต่บอสเป็นคนมีชื่อเสียง”“ผมถามว่านแล้วเธอบอกว่าไม่มีนะ แต่ก็ไม่รู้ว่าเธอพูดจริงหรือเปล่า” เขาถอนหายใจเพราะไม่คิดมาก่อนว่าวาริสาจะพาเรื่องปวดหัวมาให้ตนเองแบบนี้“อย่าเครียดไป
เหตุการณ์ชุลมุนที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้ภาคินโกรธอย่างหนักเขามองหน้าวาริสานัยน์ตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง“คินคะคุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”“ก็ตั้งแต่คุณเอาน้ำส้มราดลงบนหัวมัดหมี่”“ว่านไม่ได้ตั้งใจนะคะ มันเป็นอุบัติเหตุ” วาริสารีบเข้าไปกอดแขนภาคินอย่างประจบ“ผมเชื่อในสิ่งที่ผมเห็นนะ ขอโทษมัดหมี่แล้วกลับไปซะ”“แต่ว่านอยากคุยกับคุณ ขอเวลาว่านหน่อยนะคะ” หญิงสาวไม่สนใจจะขอโทษนพลอยลลินณ์เลยสักนิดเธอสนใจแค่ภาคินเท่านั้น“ผมว่าผมบอกคุณไปแล้วนะ ว่าระหว่างเรามันจบแล้ว” เขาพูดกับวาริสาอย่างไร้เยื่อใย“คุณจะไม่ทบทวนอีกครั้งเหรอคะ ขอโอกาสว่านสักนิด”“ผมว่าคุณรีบกลับไปดีกว่านะว่านก่อนที่ผมจะเรียกรปภ. มาจับคุณออกไป ส่วนคุณอย่าเพิ่งออกไปไหนนะมัดหมี่” เขาหันมาทางพลอยลลินณ์ที่กำลังจะเดินออกไป“มัดหมี่ว่าบอสกับคุณว่านค่อยๆ คุยกันดีกว่านะคะ มัดมี่เป็นคนนอกขอออกไปก่อนดีกว่า”“มัดหมี่” เขาหันมามองและเรียกชื่อเธอด้วยเสียงที่ดังขึ้นทำให้พลอยลลินณ์เดินกลับมานั่งที่ชุดโซฟารับแขกเพราะไม่อยากเห็นเจ้านายโมโหมากไปกว่านี้“ว่านเห็นด้วยกับมัดหมี่นะคะ ให้เธอออกไปก่อนเราสองคนจะได้คุยกัน”“ผมว่าผมชัดเจนแล้วนะว่าน คุณกลับ
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเป็นครั้งที่สามแล้วแต่พลอยลลินณ์ก็ยังไม่ยอมลุกจากที่นอน เพราะหยุดยาวที่ผ่านมาหญิงสาวตื่นสายติดๆ กันมาตลอด พอวันนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปทำงานก็เลยขี้เกียจมากกว่าทุกวัน จากที่เคยต้องลงไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสชั้นล่างของคอนโดวันละครึ่งชั่วโมงหญิงสาวก็เลือกที่จะนอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่มนาฬิกาปลุกดังอีกครั้งในเวลาเจ็ดโมงครึ่งพลอยลลินณ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นอาบน้ำและเตรียมตัวไปทำงาน หลายๆ คนอาจจะชอบที่มีวันหยุด แต่สำหรับเธอแล้วมันทำให้ความขี้เกียจเข้ามาแทนที่หญิงสาวนั่งรถไฟฟ้าเพียงสองสถานีก็ถึงบริษัทใหญ่ เธอกดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้น 28 ซึ่งเป็นชั้นของบริษัทที่เธอทำงานอยู่ วันนี้ก็เหมือนกับทุกวันที่เธอมาทำงานก่อนทุกคน หญิงสาวจัดของบนโต๊ะให้เรียบร้อยจากนั้นก็เดินไปหากาแฟที่มุมพักเบรก เพราะวันนี้พลอยลลินณ์รีบมากจึงไม่ได้ดื่มมาจากคอนโดหลังจากดื่มกาแฟและทานครัวซองต์ที่ซื้อมาจนอิ่มเธอก็กลับมาที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง หญิงสาวค่อนข้างแปลกใจเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องทำงานของเจ้านายแล้วพบว่าไฟในห้องทำงานของเขาเปิดอยู่ แต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นแม่บ้านมาทำความสะอาดแล้วคงจะลืมปิดเธอเปิดคอมพิวเตอ