ภาคินคิดไม่นานก็ตอบคำถามของเลขาสาวออกไป
“ผู้หญิงทำงานเก่งฉลาดและไม่งี่เง่า คุณก็รู้นี่ว่าผมทำงานหนักมากและงานต้องมาก่อน จะให้ผมทำตัวติดกับเธอตลอดคงไปเป็นไปได้ยาก ผู้หญิงที่จะเข้ามาเธอก็ต้องเข้าใจข้อนี้ด้วย”
“แต่มันหายากนะคะผู้หญิงที่จะเข้าใจ ใครๆ ก็ต้องอยากอยู่ใกล้คนที่ตัวเองรักทั้งนั้นแหละค่ะ”
“คุณชอบให้แฟนอยู่ด้วยตลอดเหรอมัดหมี่”
“ค่ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลานะคะ เพราะมัดหมี่ก็มีเรื่องที่ต้องรับผิดชอบเยอะเหมือนกันค่ะ คนที่จะเข้ามาต้องยอมรับได้ด้วยว่าสิ่งที่สำคัญสำหรับมัดหมี่ในตอนนี้ไม่ใช่แค่ความรักเพียงอย่างเดียว เขาคนนั้นต้องรับได้ด้วยว่ามัดหมี่มีหนี้สินที่ต้องจ่าย แต่มัดหมี่ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องมาช่วยใช้หนี้หรอกนะคะ ขอแค่เขาไม่รังเกียจและให้กำลังใจอยู่ข้างๆ แค่นี้พอแล้ว” พลอยลลินณ์พูดทุกอย่างออกมาจากความรู้สึกของตัวเองอย่างไม่มีปิดบัง
“คุณพูดตรงดีนะ แล้วจะบอกคนที่เข้ามาตั้งแต่เริ่มจีบเลยไหมล่ะ”
“ค่ะ บอกไว้ก่อนเลยจะได้ไม่เสียเวลาด้วยกันทั้งสองฝ่าย ถ้าเขารับได้ก็คุยต่อแต่ถ้ารับไม่ได้ก็ต่างคนต่างไป”
“ผมชอบทัศนคติของคุณนะ แล้วตอนนี้คุณกับแฟนคุณเป็นยังไงล่ะ ได้กลับมาคุยกันอีกไหม”
“ไม่หรอกค่ะมัดหมี่ไม่มีเวลาคิดเรื่องแฟน ตอนนี้เรื่องเงินต้องมาก่อนค่ะ มัดหมี่ไม่รู้ว่าวันไหนพ่อจะสร้างหนี้ขึ้นมาอีก”
“คุณอายุยังน้อยแต่ความรับผิดชอบสูงมากจนผมทึ่งเลยนะมัดหมี่” ภาคินเอ่ยชมจากใจจริง ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยบ่นและน้อยใจในโชคชะตาเลยแต่เธอหันหน้าเข้าหาปัญหาและพยายามแก้ไขทุกอย่างทั้งที่ปัญหานั้นตนไม่ได้ก่อด้วยซ้ำ
ทั้งสองคุยกันจนภาคินขับรถมาร้านอาหารไทยที่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน
“คุณไปรอข้างในก่อนนะผมจะไปเข้าห้องน้ำก่อน”
“ค่ะ บอสทานเหมือนเดิมใช่ไหมคะ”
“ครับ คุณจัดการสั่งอาหารเลยนะ”
“ได้ค่ะ”
เจ้านายหนุ่มเดินไปเข้าห้องน้ำแล้วพลอยลลินณ์ก็เดินตามพนักงานไปนั่งด้านริมสุดติดกับหน้าต่างซึ่งมองออกไปเห็นสวนหย่อมเล็กๆ ที่ทางร้านจัดแต่งไว้อย่างสวยงาม
หญิงสาวจัดการสั่งอาหารเมนูโปรดของเจ้านายซึ่งเธอเองก็ชอบทานเหมือนกับเขาด้วย ทำให้ทุกครั้งที่ออกมาทานอาหารด้วยกันเธอและเจ้านายจะทานด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย
พลอยลลินณ์ไม่ลืมที่จะสั่งน้ำมะพร้าวปั่นเย็นๆ มาให้บอสหนุ่ม ส่วนของตนเองนั้นเลือกเป็นน้ำแตงโมปั่นเพื่อดับกระหาย
ภาคินเดินเข้ามาในร้านแล้วตรงไปยังโต๊ะที่เลขานั่งอยู่ก่อนจะยกน้ำมะพร้าวปั่นขึ้นมาดูดแล้วยิ้มกว้าง
“ขอบใจนะมัดหมี่” ทุกครั้งที่ออกมาทานข้าวกับเลขาเขาไม่เคยต้องเสียเวลาสั่งอาหารหรือคิดเมนูเลยมันเป็นความสบายที่รู้สึกเคยชิน ในใจเผลอแอบคิดว่าถ้าผู้หญิงตรงหน้าเป็นคนรักของเขาชีวิตก็คงจะง่ายขึ้นมาก
“บอสคะร้านนี้มีข้าวแช่ด้วยนะคะ มัดหมี่สั่งให้แล้วค่ะ”
“ดีเหมือนกันนะผมไม่ได้กินนานแล้ว”
เมื่ออาหารมาเสิร์ฟคนหิวทั้งสองคนก็พากันรับประทานโดยไม่มีใครพูดจาอะไร พอทานอาหารคาวเสร็จแล้วข้าวแช่สำหรับชายหนุ่มก็มาเสิร์ฟต่อ ส่วนของหญิงสาวนั้นเป็นเค้กเผือกของโปรด
“อาหารร้านนี้อร่อยนะคะ ราคาก็ไม่แพงเลยเสียดายว่ามันอยู่นอกเมืองไปนิด” เพราะไม่มีรถส่วนตัวใช้ถึงแม้อาหารจะอร่อยมากแค่ไหนแต่พลอยลลินณ์ก็คงไม่นั่งรถเมล์มาทานแน่ๆ
“ผมก็ว่าอร่อยนะอาหารรสชาติแบบนี้หายาก คุณชอบไหมล่ะ”
“ชอบค่ะ”
“ถ้าชอบวันหลังเราก็มากินกันอีกสิถึงจะอยู่นอกเมืองแต่ขับรถแป๊บเดียวก็น่าจะถึง”
“มัดหมี่ไม่รบกวนบอสหรอกค่ะ ของอร่อยแบบนี้นานๆ กินทีก็ได้” หญิงสาวพูออย่างเกรงใจ
“คุณกินเยอะแบบนี้ไม่กลัวอ้วนเหรอ”
“ไม่ค่ะปกติมัดหมี่ก็จะออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้วค่ะ”
“ผู้หญิงตัวเล็กๆ แบบคุณก็อึดเหมือนกันนะขนาดผมเป็นผู้ชายบางครั้งยังขี้เกียจลุกมาออกกำลังกายเลย"
“ไม่ได้หรอกค่ะถ้าเราร่างกายไม่แข็งแรงมันก็จะทำให้เราทำงานได้อย่างไม่เต็มที่”
“ผมคิดว่าผมบ้างานแล้วแต่พอได้คุยกับคุณผมก็คิดว่าเราสองคนก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่”
“ต่างสิคะบอส”
“ยังไงล่ะ”
“บอสทำงานหนักเพราะมีลูกน้องอีกเยอะที่ต้องรับผิดชอบ แต่มัดหมี่ทำงานหนักเพื่อปากและท้องของตัวเองค่ะ” เธอพูดอย่างไม่อายเพราะมันเป็นเรื่องจริง
“แล้วเหนื่อยไหม”
“เหนื่อยสิคะ แต่นอนพักก็หายค่ะ”
ยิ่งได้คุยกับเธอนานมากขึ้นภาคินก็ยิ่งรู้สึกประทับใจ แต่ก่อนเขากับพลอยลลินณ์ไม่ได้คุยเรื่องส่วนตัวกันเท่าไหร่เพราะเขารู้ว่าเธอมีคนรักอยู่แล้วการจะสนิทสนมกันก็เกรงใจ แต่พอเธอโสดเขาก็รู้สึกอยากจะคุยกับเธอมากขึ้น
หลังจากทานอาหารอิ่มแล้วเขาก็ขับรถมาส่งเธออย่างเคย
“อยากได้ของฝากอะไรจากญี่ปุ่นไหมล่ะมัดหมี่” เขาถามอีกครั้งขณะที่จอดรถหน้าคอนโดมีเนียมของหญิงสาว
“ไม่ต้องหรอกค่ะมัดหมี่ว่าบอสเที่ยวกับคุณว่านให้สนุกดีกว่ากลับมาจะได้ลุยงานอย่างเต็มที่”
“แล้วคุณไม่อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นมั่งเหรอมัดหมี่”
“อยากไปสิคะถ้าไม่อยากไปมัดหมี่จะมีข้อมูลประเทศนี้เยอะแยะทำไม”
“คุณเคยไปจริงๆ สักครั้งหรือยังล่ะ”
“เคยวางแผนไว้ว่าจะไปเที่ยวกับพี่ต้นค่ะเรากำลังเก็บเงินกันอยู่แต่พอเกิดเรื่องพ่อขึ้นมามัดหมี่ก็เลยเลิกคิด”
“โบนัสปลายปีนี้ผมให้ตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวญี่ปุ่นดีไหมล่ะ”
“ดีค่ะ แต่ขอเพื่อนด้วยไหมไปคนเดียวเหงาแย่”
“ได้สิ ถ้าถึงตอนนั้นก็เตือนผมด้วยนะ”
“ขอบคุณล่วงหน้านะคะบอส บอสของมัดหมี่ทั้งหล่อทั้งใจดีแบบนี้มัดหมี่จะทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่เลยค่ะ” พลอยลลินณ์พูดไปยิ้มไปเมื่อคิดไปถึงคราวที่ตัวเองจะได้ไปเที่ยวประเทศที่ชอบ
“ผมไปล่ะนะ ถ้าเปลี่ยนใจอยากได้อะไรก็โทรไปบอกละกัน”
“ได้ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะบอส” พลอยลลินณ์โบกมือให้กับเจ้านายก่อนจะเดินขึ้นมาบนห้อง
วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่เหนื่อยมากแต่ทุกอย่างก็ผ่านมาได้ด้วยดี หญิงสาวอาบน้ำและเตรียมตัวเข้านอนเพราะเหนื่อยเกินกว่าจะทำคลิปรีวิวสินค้าเพราะเธอยังมีเวลาเหลือถึงสี่วันที่จะทำงานที่รับมาให้เสร็จ
คนอื่นอาจจะดีใจที่ได้หยุดและออกไปเที่ยวแต่สำหรับคนที่มีภาระอย่างเธอวันหยุดก็คือวันที่เปลี่ยนสถานที่ทำงานจากบริษัทมาเป็นคอนโดมิเนียมเล็กๆ ที่ผ่อนไปยังไม่ถึงครึ่ง
“เฮ้อ” พลอยลลินณ์ถอนหายใจก่อนละล้มตัวลงนอน แม้ร่างกายจะเหนื่อยแค่ไหนแต่ตอนนี้สมองกลับตื่นตัวและคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน
ที่ผ่านมาเธอกับเจ้านายหนุ่มก็ออกไปทำงานด้วยกันอยู่บ่อยครั้งแต่พลอยลลินณ์รู้สึกว่าวันนี้บรรยากาศมันแปลกออกไป ไม่รู้ว่าคิดมากไปเองหรือเปล่าแต่วันนี้บอสของเธอพูดกับเธอมากขึ้น ยิ้มให้เธอบ่อยขึ้นและยังใจดีจะให้โบนัสไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกด้วย
‘ห้ามคิดอะไรกับเขานะ เขาเป็นเจ้านายของเธอ’ เสียงในหัวของหญิงสาวเตือนสติ
คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้วที่ภาคินจะค้างที่ญี่ปุ่น สองวันที่ผ่านมาเขาและวาริสาเที่ยวกันอย่างเต็มที่พอกลับมาถึงโรงแรมต่างก็เหนื่อยและหลับยาวจนถึงเช้า ชายหนุ่มอดแปลกใจตัวเองมาได้ที่เขานอนเตียงเดียวกับผู้หญิงที่เร่าร้อนอย่างวาริสาแต่กลับไม่มีความต้องการเรื่องบนเตียงเลย“ว่านยังไม่อยากกลับเลยค่ะ เราอยู่ต่ออีกนิดไม่เหรอคะ” หญิงสาวพิงศีรษะบนไหลกว้างสองมือกอดเอวอย่างประจบ “ผมต้องกลับไปทำงานนะว่าน เอาไว้หยุดครั้งหน้าเราค่อยมาเที่ยวกันอีกดีไหม” “สัญญานะคะว่าจะพาว่านมาอีก ว่านชอบที่นี่มากเลยค่ะ” “ถ้าคุณเด็กดีแบบนี้ผมก็จะมาบ่อยๆ” “ว่านจะเป็นเด็กดีของคุณคินค่ะ สองวันมานี้ว่านมีความสุขมาก ขอบคุณนะคะที่พาว่านมาเที่ยว” “ผมก็มีความสุขนะ” “ว่านรู้นะคะว่าว่านเอาแต่ใจคุณทำงานเหนื่อยแล้วยังต้องพาว่านมาเที่ยวอีก แต่ว่านก็อยากให้เราได้อยู่ด้วยกันบ้าง เหนื่อยไหมคะ” “ไม่หรอก ผมว่าได้เที่ยวแบบนี้ก็สนุกดี” “คุณคินต้องกลับไปทำงานต่อให้ว่านนวดให้ไหมคะจะได้ผ่อนคลาย” “นวดเป็นเหรอ” เขาถามอยากแปลกใจ“มันก็ไม่ได้ยากอะไรใช่ไหมคะ หันหลังมาสิคะว่านจะนวดให้” มือเล็กเริ่มนวดไปบนไหล่กว้างอย่างไม่แรงนักก่อนขยับกายเ
ภาคินลุกจากเตียงจากนั้นก็ห่มผ้าให้วาริสาก่อนที่ตัวเองจะปิดไฟบนหัวเตียงและเดินเข้าห้องน้ำก่อนจะกลับออกมานั่งข้างเตียง แสงไฟที่ออกมาจากห้องน้ำตัวกระทบกับอะไรบางอย่างและมันสะท้อนมาที่ตาของเขาพอดีชายหนุ่มเดินไปตามแสงนั้นก่อนจะเอาของที่กองทับอยู่ออกแล้วเขาก็เห็นว่ามีกล้องขนาดเล็กวางอยู่เขาจับขึ้นมาแล้วหาปุ่มปิดการทำงาน ก่อนจะดึงการ์ดความจำของเครื่องออกจากนั้นก็เดินออกมาจากห้องนอน ภาคินหยิบกล้องของตัวเองขึ้นมาดึงการ์ดความจำออกแล้วเอาตัวใหม่ที่ได้มาจากกล้องตัวเล็กที่ซ่อนอยู่ใส่เข้าไปแทนคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน เมื่อคิดว่าเธอกำลังเล่นไม่ซื่อ เพราะภาพที่เธอบันทึกไว้มันคือภาพที่เธอกับเขาร่วมรักกันอย่างดุเดือดบนเตียงนอน ความรู้สึกผิดเมื่อครู่หายไปจนหมดสิ้นเหลือเพียงแค่ความเกลียดชังและความโกรธกับการกระทำของเธอภาคินอยากจะปลุกวาริสาขึ้นมาคุยให้รู้เรื่องแต่ก็ไม่อยากจะดูเป็นคนใจร้ายจนเกินไปเพราะเมื่อครู่เธอก็ใช้แรงไปค่อนข้างมาก ชายหนุ่มจึงเก็บของใช้ของตัวเองลงกระเป๋าเดินทางก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟาและรอเวลาให้หญิงสาวตื่น“ที่รักขาทำไมมานอนตรงนี้ล่ะคะ ว่านตกใจหมดเลยที่ตื่นมาแล้วไม่เจอคุณ”“เช้าแล้วเหรอว
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเป็นครั้งที่สามแล้วแต่พลอยลลินณ์ก็ยังไม่ยอมลุกจากที่นอน เพราะหยุดยาวที่ผ่านมาหญิงสาวตื่นสายติดๆ กันมาตลอด พอวันนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปทำงานก็เลยขี้เกียจมากกว่าทุกวัน จากที่เคยต้องลงไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสชั้นล่างของคอนโดวันละครึ่งชั่วโมงหญิงสาวก็เลือกที่จะนอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่มนาฬิกาปลุกดังอีกครั้งในเวลาเจ็ดโมงครึ่งพลอยลลินณ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นอาบน้ำและเตรียมตัวไปทำงาน หลายๆ คนอาจจะชอบที่มีวันหยุด แต่สำหรับเธอแล้วมันทำให้ความขี้เกียจเข้ามาแทนที่หญิงสาวนั่งรถไฟฟ้าเพียงสองสถานีก็ถึงบริษัทใหญ่ เธอกดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้น 28 ซึ่งเป็นชั้นของบริษัทที่เธอทำงานอยู่ วันนี้ก็เหมือนกับทุกวันที่เธอมาทำงานก่อนทุกคน หญิงสาวจัดของบนโต๊ะให้เรียบร้อยจากนั้นก็เดินไปหากาแฟที่มุมพักเบรก เพราะวันนี้พลอยลลินณ์รีบมากจึงไม่ได้ดื่มมาจากคอนโดหลังจากดื่มกาแฟและทานครัวซองต์ที่ซื้อมาจนอิ่มเธอก็กลับมาที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง หญิงสาวค่อนข้างแปลกใจเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องทำงานของเจ้านายแล้วพบว่าไฟในห้องทำงานของเขาเปิดอยู่ แต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นแม่บ้านมาทำความสะอาดแล้วคงจะลืมปิดเธอเปิดคอมพิวเตอ
เหตุการณ์ชุลมุนที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้ภาคินโกรธอย่างหนักเขามองหน้าวาริสานัยน์ตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง“คินคะคุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”“ก็ตั้งแต่คุณเอาน้ำส้มราดลงบนหัวมัดหมี่”“ว่านไม่ได้ตั้งใจนะคะ มันเป็นอุบัติเหตุ” วาริสารีบเข้าไปกอดแขนภาคินอย่างประจบ“ผมเชื่อในสิ่งที่ผมเห็นนะ ขอโทษมัดหมี่แล้วกลับไปซะ”“แต่ว่านอยากคุยกับคุณ ขอเวลาว่านหน่อยนะคะ” หญิงสาวไม่สนใจจะขอโทษนพลอยลลินณ์เลยสักนิดเธอสนใจแค่ภาคินเท่านั้น“ผมว่าผมบอกคุณไปแล้วนะ ว่าระหว่างเรามันจบแล้ว” เขาพูดกับวาริสาอย่างไร้เยื่อใย“คุณจะไม่ทบทวนอีกครั้งเหรอคะ ขอโอกาสว่านสักนิด”“ผมว่าคุณรีบกลับไปดีกว่านะว่านก่อนที่ผมจะเรียกรปภ. มาจับคุณออกไป ส่วนคุณอย่าเพิ่งออกไปไหนนะมัดหมี่” เขาหันมาทางพลอยลลินณ์ที่กำลังจะเดินออกไป“มัดหมี่ว่าบอสกับคุณว่านค่อยๆ คุยกันดีกว่านะคะ มัดมี่เป็นคนนอกขอออกไปก่อนดีกว่า”“มัดหมี่” เขาหันมามองและเรียกชื่อเธอด้วยเสียงที่ดังขึ้นทำให้พลอยลลินณ์เดินกลับมานั่งที่ชุดโซฟารับแขกเพราะไม่อยากเห็นเจ้านายโมโหมากไปกว่านี้“ว่านเห็นด้วยกับมัดหมี่นะคะ ให้เธอออกไปก่อนเราสองคนจะได้คุยกัน”“ผมว่าผมชัดเจนแล้วนะว่าน คุณกลับ
“มัดหมี่ไม่เชื่อเลยค่ะว่าคุณว่านเธอจะทำแบบนั้น ถ้าคลิปหลุดออกไปคนที่เสียหายก็ไม่น่าจะใช่บอสคนเดียว”“ผมว่าเธอคิดน้อยไปหน่อย”“แต่ก็น่าสงสารนะคะที่เธอทำไม่ใช่เพราะเธอเป็นคนคิดเองพี่เอ้อะไรนั่นเป็นคนบอกให้เธอ”“ทำผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าเธอทำเองหรือทำเพราะมีคนยุแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเธอโตแล้วนะ น่าจะคิดเองได้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ”“แล้วทีนี้บอสจะเอายังไงต่อคะจะเลิกกับเธอจริงๆ เหรอคะ”“ถ้าเป็นคุณล่ะมัดหมี่จะเลิกไหม”“ถ้าเจอขนาดนี้มัดหมี่ก็คงเลิก และไม่อยากมองหน้าเลยค่ะ แต่บอสแน่ใจนะคะว่าที่ผ่านมาคุณว่านไม่เคยถ่ายคลิปมาก่อน”คำพูดของพลอยลลินณ์ทำให้ภาคินมีสีหน้าเครียดที่ผ่านมาเขาไม่รู้ว่าวริสาแอบทำเหมือนที่พลอยนรินทร์พูดหรือเปล่า“บอสคะมัดหมี่ขอโทษนะคะ”“จะขอโทษทำไม”“ก็ขอโทษที่ทำให้บอสคิดหนัก มันคงไม่ใช่แบบที่มัดหมี่คิดหรอกค่ะ”“ผมก้หวังว่าเธอไม่ทำลายอนาคตตัวเองแบบนั้นนนะ ผมเป็นผู้ชายคงไม่เสียหายเท่าผู้หญิงหรอก”“แต่บอสเป็นคนมีชื่อเสียง”“ผมถามว่านแล้วเธอบอกว่าไม่มีนะ แต่ก็ไม่รู้ว่าเธอพูดจริงหรือเปล่า” เขาถอนหายใจเพราะไม่คิดมาก่อนว่าวาริสาจะพาเรื่องปวดหัวมาให้ตนเองแบบนี้“อย่าเครียดไป
“ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมก็คือคนในคลิป เราสองคนคบกันได้สักพักนึงแล้วและมีแพลนจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้”“บอส...” พลอยลลินณ์ไม่คิดว่าเขาจะตอบนักข่าวไปแบบนี้ เธอมองเขาด้วยสีหน้าที่ผิดหวังมากเพราะตอนนี้สายตาทุกคู่กำลังองมาที่เธอ“ผมขอโทษนะมัดหมี่ แต่คุณช่วยยมรับไปก่อนได้ไหม เดี๋ยวเราค่อยหาทางแก้ปัญหากัน”“แต่....”“เอาน่าเชื่อใจผม ตามน้ำไปก่อนถ้าไม่ตอบเรากลับออกไปจากตรงนี้ไม่ได้แน่ๆ ส่วนเรื่องที่คุณเสียหานเด่ยว” ภาคินกระซิบ“แล้วใครเป็นคนปล่อยคลิปครับใช่คุณผู้หญิงหรือเปล่าครับแล้วคุณทำแบบนี้ทำไม” นักข่าวถามพลอยลลินณ์ที่ยืนหน้าซีดอยู่“ผมว่าคนที่ทำไม่ใช่เธอหรอกครับเพราะตลอดเวลาที่คบกับเธอเป็นคนบอกเองว่าไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราคบกัน” ภาคินตอบแทนหญิงสาวที่ยังคงงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น“แล้วคุณคิดว่าเป็นฝีมือใครล่ะครับ”“คุณรู้ว่าใครเป็นคนปล่อยคลิปใช่ไหม บอกพวกเราหน่อยสิคะ”“จากมุมกล้องที่เห็นน่าจะเป็นการแอบถ่าย บางทีคลิปอาจจะหลุดมาจากโรงแรมที่เราไปพักก็ได้นะครับ” ภาคินพยายามตอบให้ไกลตัวเองมากที่สุด“แล้วแบบนี้คุณจะเอาเรื่องคนปล่อยคลิปไหมครับ”“ก็คงต้องให้ทนายของเราเป็นนคนจัดการครับ วันนี้ผมคงต้องข
“บอสคะ ทำไมคุณบอกแม่ของคุณไปแบบนั้นเดี๋ยวท่านก็เข้าใจผิดกันไปใหญ่หรอก” พลอยลลินณ์กลัวว่าเริ่งทุกอย่างจะบานปลายจนหาทางแก้ไขไม่ได้“ผมพูดเรื่องจริง” ภาคินตอบอย่างหน้าตาเฉย“บอสคงไม่คิดจะแต่งงานกับมัดหมี่จริงๆ หรอกนะคะ”“ถ้าผมคิดล่ะ”“เราสองคนเป็นแค่เลขากับเจ้านายเท่านั้นนะคะบอส”“แลวถ้าเกิดว่าถ้าผมจะให้คุณแต่งงานกับผมจริงๆ ล่ะมัดหมี่”“บอสทำแบบนี้เพื่ออะไรคะ เราสองคนไม่รักกันและไม่เคยคบกันมาก่อนจู่ๆ จะมาแต่งงานกันได้ยังไง”“ที่ผมทำแบบนี้ก็มีหลายเหตุผลนะมัดหมี่” ภาคินรู้ว่าการทำแบบนี้จะทำให้พลอยลลินณ์เสียหายและเขาก็พร้อมรับผิดชอบ“ลองบอกมาสิคะว่ามีเหตุผลอะไรบ้าง มัดหมี่หวังว่ามันคงเป็นเหตุผลที่ดีนะคะ”“ข้อแลกเลยก็คือพอผมพูดเรื่องแต่งงานทุกคนก็เลิกสนใจเรื่องคลิปนั่นทันที”“แต่เขาก็หันมาสนใจเรื่องที่บอสจะแต่งงาน มัดหมี่ว่ามันเหมือนวัวพันหลักนะคะ”“ฟังข้อสองก่อนสิ”“ค่ะ”“ข้อสองคือ พอแม่ผมรู้ท่านก็จะเลิกหาผู้หญิงมาแต่งงานกับผม”“เท่าที่ฟังมาสองข้อมีแต่เหตุผลมันดีกับบอสทุกข้อเลยนะคะ แล้วมัดหมี่จะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ยังไง บอสลืมคิดหรือเปล่าว่าเราจะมองหน้าคนในบริษัทยังไง”“เราก็บอกทุกคนไปสิ
ภาคินขับรถออกจากศูนย์การค้าแล้วตรงมายังบ้านของตนเองโดยมีพลอยลลินณ์มาพร้อมกับเขาด้วย“บอสเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะคะ เราสารภาพความจริงกับแม่บอสกันดีกว่าค่ะ” “ถ้าสารภาพแล้วแม่ให้ผมแต่งงานกับคนอื่นล่ะผมก็แย่น่ะสิ” “แต่แบบนี้มัดหมี่ก็แย่เหมือนกันนะคะ มัดหมี่มาคิดดูดีๆ แล้วเรื่องนี้มัดหมี่เสียหายมากค่ะ คนในคลิปก็ไม่ใช่มัดหมี่” “ผมว่าตอนนี้คลิปนั่นคงถูกลบไปหมดแล้ว อีกอย่างคนที่เสียหายก็คงจะเป็นผมมากกว่านะมัดหมี่” “บอสอย่ามองหน้ามัดหมี่เหมือนมัดหมี่เป็นคนผิดแบบนี้สิคะ บอสไม่ระวังตัวเอง” “ผมรู้ว่าผมพลาดไปแล้ว แต่คุณก็ไม่น่ามาซ้ำเติม” “ใครซ้ำเติมกันล่ะ ถ้าอยากจะซ้ำเติมจริงๆ มัดหมี่ก็ปฏิเสธต่อหน้านักข่าวไปแล้ว” “ไหนๆ คุณก็ช่วยผมให้รอดตอนอยู่ต่อหน้านักข่าว ตอนนี้ก็ช่วยให้รอดต่อหน้าพ่อกับแม่อีกสักครั้งได้ไหมล่ะ” “บอสคิดว่าแม่บอสจะเชื่อเหรอคะ” “ผมก็ไม่รู้ว่าแม่จะเชื่อไหมเราต้องลองคุยกับท่านก่อน” “แล้วท่านจับได้ล่ะคะว่าเราสองคนโกหกท่าน” “ถึงแม่ผมจะจับได้ว่าเราโกหกแต่ ผมก็บอกนักข่าวไปแล้ว” “บอสไม่กลัวว่าคุณว่านบอกคนอื่นเหรอคะว่าคนในคลิปไม่ใช่มัดหมี่แต่เป็นตัวเธอเอง” “ผมว่าเขาไม่เอาอาชีพขอ
“ว่านขอโทษนะคะคิน คุณบอกนักข่าวใหม่ได้ไหมคะว่าผู้หญิงคนนั้นคือว่าน”“ถ้าผมบอกแล้วผมจะได้อะไร”“เราจะได้กลับมาคบกันอีกว่านจะยอมรับว่าตัวเองคือผู้หญิงในคลิป”“ผมว่ามันสายเกินไปที่คุณจะพูดคำว่าขอโทษ ระหว่างเรามันจบตั้งแต่ที่ญี่ปุ่นแล้วล่ะ” ภาคินพูดกับวาริสาอย่างไร้เยื่อใย“ว่านจะบอกทุคนว่าว่านคือผู้หญิงในคลิป”“ตามสบายเลยครับ ถ้าคุณไม่กลัวเสียชื่อเสียงและเสียหน้าถ้าผมจะบอกทุกคนว่าที่ญี่ปุ่นคุณทำอะไรบ้าง แล้วที่ผมกับคุณเลิกคุยกันเพราะอะไร ใครก็ได้ช่วยตามรปภ.พอมาพาผู้หญิงคนนี้ออกไปจากบริษัทหน่อยและจากนี้ผมขอสั่งเลยว่าห้ามเธอเข้ามาในบริษัทอีกเด็ดขาด”“อย่าทำแบบนี้กับว่านนะ ว่านไม่ยอมจริงด้วยๆ” หญิงสาวตะโกนลั่นเมื่อรปภ.เดินเข้ามาแล้วเชิญเธอออกไปจากบริษัท“เอาละทุกคนคงอยากรู้มากใช่ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ภาคินถามลูกน้องที่ตอนนี้กำลังทำตัวเป็นไทยมุง“เรื่องที่คุณว่านพูดมันเป็นความจริงใช่ไหม ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คุณมัดหมี่ใช่ไหม”“พวกคุณคงได้ดูคลิปกันหมดแล้วสินะ แล้วคิดว่าใช่ไหมล่ะ”“พวกเราไม่เชื่อหรอกค่ะ ดูยังไงก็ไม่ใช่คุณมัดหมี่เลย”“มันก็เป็นอย่างที่เธอพูดนั่นแหละมัดหมี่ไม่ใช่ผู้หญิงใ
พลอยลลินณ์รู้สึกเป็นกังวลเพราะวันนี้เธอจะต้องเผชิญหน้ากับเพื่อนร่วมงานนับสิบซึ่งเธอไม่รู้เลยว่ามีใครได้เห็นคลิปของภาคินแล้วบ้างเมื่อวานหลังจากคุยกับบิดามารดาของภาคินแล้วเธอกับเขาก็ได้มีโอกาสคุยกันตามลำพังอีกครั้งบทสนทนานั้นยังก้องอยู่ในหู“ผมจริงจังนะมัดหมี่ ผมคิดว่าระหว่างเรามันอาจจะเป็นได้มากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง” เขาพูดด้วยท่าทางจริงจัง“บอสอยากให้มัดหมี่สบายใจใช่ไหมล่ะถึงพูดแบบนี้”“เปล่าเลย ผมอยากให้เราสองคนลองเปิดใจเริ่มคบกันใหม่เริ่มนับหนึ่งไปด้วยกัน”“หมายความว่ายังไงคะ” พลอยลลินณ์พอจะเดาออกว่าสิ่งที่เขากำลังพูดนั้นหมายถึงอะไรแต่ที่ถามเพราะอยากจะฟังจากปากของเขาอีกครั้ง“ก็หมายความว่าเราสองคนจะลองหันหน้าคุยกันและคบกันแบบจริงจัง เรามาเริ่มกันใหม่นะ”“แต่มันยากนะคะบอส เราสองคนทำงานด้วยกันมาสามปีแล้วนะคะ จะให้เริ่มใหม่ได้ยังไง”“มันยากแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราสองคนจะทำไม่ได้นะมัดหมี่ ตอนอยู่ที่บริษัทเราก็ยังเป็นเจ้านายกับลูกน้องแต่พอเลิกงานคุณก็คือผู้หญิงคนหนึ่งผมก็คือผู้ชายคนหนึ่ง เราต่างคนต่างโสดทั้งคู่ทำไมคุณไม่ลองเปิดใจดูล่ะ”“บอกตามตรงนะคะบอสมัดหมี่กลัวค่ะ”“กลัวอะไร”“กลัวห
“เรื่องแต่งงานผมว่ายังไงก็ต้องจัดครับ แต่ภาคินเป็นคนมีเชื่อเสียงจะจัดเล็กๆ ก็คงไม่ได้ เราอาจต้องใช้เวลา แต่ผมยืนยันว่าลูกชายของผมจะรับผิดชอบและแต่งงานกับลูกสาวของคุณอย่างแน่นอนไม่ต้องเป็นห่วง”“ได้ยินแบบนี้ค่อยโล่งใจหน่อย แล้วสินสอดล่ะคุณจะให้เท่าไหร่”“พ่อค่ะ พูดแบบนั้นได้ยังไงน่าเกลียด”“น่าเกลียดตรงไหน เขาได้แกไปแล้วเขาก็ต้องสินสอดพ่อสิ”“เท่าที่ผมรู้มาคือคุณแต่งงานไปมีครอบครัวใหม่แล้วนะครับคุณสุพจน์” ภาคิมองหน้าว่าที่พ่อตาที่ดูเหมือนอยากจะได้เงินจากเขามาก“พูดแบบนี้คือจะไม่ให้สินสอดกันเหรอ ก็ลองดูสิถ้าไม่ให้ผมจะประจานให้คนอื่นรู้กันไปเลยว่านักธุรกิจใหญ่อย่างพวกคุณมันใจดำมากแค่ไหน”“ผมยังไม่พูดเลยว่าผมจะไม่ให้”“แล้วจะให้เท่าไหร่”“เรื่องจำนวนเงินผมอยากจะคุยกับมัดหมี่เอง”“บอสค่ะ มัดหมี่ไม่เอาค่ะ”“นังมัดหมี่เงียบไปเลยนะ พ่อจะเรียกสินสอดเขาเท่าไหร่แกไม่ต้องมายุ่ง”“พ่อคะ คุณภาคินเขายกหนี้ที่เราติดเขาให้แล้ว มัดหมี่ว่าแค่นั้นก็พอ” เพราะพลอยลลินณ์รู้ดีว่าการแต่งงานครั้งนี้มันเป็นแค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้น“เรื่องสินสอดพวกเราจะให้ตามสมควรครับ คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” บิดาของภาคินพูดไปตามค
ภาคินขับรถออกจากศูนย์การค้าแล้วตรงมายังบ้านของตนเองโดยมีพลอยลลินณ์มาพร้อมกับเขาด้วย“บอสเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะคะ เราสารภาพความจริงกับแม่บอสกันดีกว่าค่ะ” “ถ้าสารภาพแล้วแม่ให้ผมแต่งงานกับคนอื่นล่ะผมก็แย่น่ะสิ” “แต่แบบนี้มัดหมี่ก็แย่เหมือนกันนะคะ มัดหมี่มาคิดดูดีๆ แล้วเรื่องนี้มัดหมี่เสียหายมากค่ะ คนในคลิปก็ไม่ใช่มัดหมี่” “ผมว่าตอนนี้คลิปนั่นคงถูกลบไปหมดแล้ว อีกอย่างคนที่เสียหายก็คงจะเป็นผมมากกว่านะมัดหมี่” “บอสอย่ามองหน้ามัดหมี่เหมือนมัดหมี่เป็นคนผิดแบบนี้สิคะ บอสไม่ระวังตัวเอง” “ผมรู้ว่าผมพลาดไปแล้ว แต่คุณก็ไม่น่ามาซ้ำเติม” “ใครซ้ำเติมกันล่ะ ถ้าอยากจะซ้ำเติมจริงๆ มัดหมี่ก็ปฏิเสธต่อหน้านักข่าวไปแล้ว” “ไหนๆ คุณก็ช่วยผมให้รอดตอนอยู่ต่อหน้านักข่าว ตอนนี้ก็ช่วยให้รอดต่อหน้าพ่อกับแม่อีกสักครั้งได้ไหมล่ะ” “บอสคิดว่าแม่บอสจะเชื่อเหรอคะ” “ผมก็ไม่รู้ว่าแม่จะเชื่อไหมเราต้องลองคุยกับท่านก่อน” “แล้วท่านจับได้ล่ะคะว่าเราสองคนโกหกท่าน” “ถึงแม่ผมจะจับได้ว่าเราโกหกแต่ ผมก็บอกนักข่าวไปแล้ว” “บอสไม่กลัวว่าคุณว่านบอกคนอื่นเหรอคะว่าคนในคลิปไม่ใช่มัดหมี่แต่เป็นตัวเธอเอง” “ผมว่าเขาไม่เอาอาชีพขอ
“บอสคะ ทำไมคุณบอกแม่ของคุณไปแบบนั้นเดี๋ยวท่านก็เข้าใจผิดกันไปใหญ่หรอก” พลอยลลินณ์กลัวว่าเริ่งทุกอย่างจะบานปลายจนหาทางแก้ไขไม่ได้“ผมพูดเรื่องจริง” ภาคินตอบอย่างหน้าตาเฉย“บอสคงไม่คิดจะแต่งงานกับมัดหมี่จริงๆ หรอกนะคะ”“ถ้าผมคิดล่ะ”“เราสองคนเป็นแค่เลขากับเจ้านายเท่านั้นนะคะบอส”“แลวถ้าเกิดว่าถ้าผมจะให้คุณแต่งงานกับผมจริงๆ ล่ะมัดหมี่”“บอสทำแบบนี้เพื่ออะไรคะ เราสองคนไม่รักกันและไม่เคยคบกันมาก่อนจู่ๆ จะมาแต่งงานกันได้ยังไง”“ที่ผมทำแบบนี้ก็มีหลายเหตุผลนะมัดหมี่” ภาคินรู้ว่าการทำแบบนี้จะทำให้พลอยลลินณ์เสียหายและเขาก็พร้อมรับผิดชอบ“ลองบอกมาสิคะว่ามีเหตุผลอะไรบ้าง มัดหมี่หวังว่ามันคงเป็นเหตุผลที่ดีนะคะ”“ข้อแลกเลยก็คือพอผมพูดเรื่องแต่งงานทุกคนก็เลิกสนใจเรื่องคลิปนั่นทันที”“แต่เขาก็หันมาสนใจเรื่องที่บอสจะแต่งงาน มัดหมี่ว่ามันเหมือนวัวพันหลักนะคะ”“ฟังข้อสองก่อนสิ”“ค่ะ”“ข้อสองคือ พอแม่ผมรู้ท่านก็จะเลิกหาผู้หญิงมาแต่งงานกับผม”“เท่าที่ฟังมาสองข้อมีแต่เหตุผลมันดีกับบอสทุกข้อเลยนะคะ แล้วมัดหมี่จะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ยังไง บอสลืมคิดหรือเปล่าว่าเราจะมองหน้าคนในบริษัทยังไง”“เราก็บอกทุกคนไปสิ
“ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมก็คือคนในคลิป เราสองคนคบกันได้สักพักนึงแล้วและมีแพลนจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้”“บอส...” พลอยลลินณ์ไม่คิดว่าเขาจะตอบนักข่าวไปแบบนี้ เธอมองเขาด้วยสีหน้าที่ผิดหวังมากเพราะตอนนี้สายตาทุกคู่กำลังองมาที่เธอ“ผมขอโทษนะมัดหมี่ แต่คุณช่วยยมรับไปก่อนได้ไหม เดี๋ยวเราค่อยหาทางแก้ปัญหากัน”“แต่....”“เอาน่าเชื่อใจผม ตามน้ำไปก่อนถ้าไม่ตอบเรากลับออกไปจากตรงนี้ไม่ได้แน่ๆ ส่วนเรื่องที่คุณเสียหานเด่ยว” ภาคินกระซิบ“แล้วใครเป็นคนปล่อยคลิปครับใช่คุณผู้หญิงหรือเปล่าครับแล้วคุณทำแบบนี้ทำไม” นักข่าวถามพลอยลลินณ์ที่ยืนหน้าซีดอยู่“ผมว่าคนที่ทำไม่ใช่เธอหรอกครับเพราะตลอดเวลาที่คบกับเธอเป็นคนบอกเองว่าไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราคบกัน” ภาคินตอบแทนหญิงสาวที่ยังคงงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น“แล้วคุณคิดว่าเป็นฝีมือใครล่ะครับ”“คุณรู้ว่าใครเป็นคนปล่อยคลิปใช่ไหม บอกพวกเราหน่อยสิคะ”“จากมุมกล้องที่เห็นน่าจะเป็นการแอบถ่าย บางทีคลิปอาจจะหลุดมาจากโรงแรมที่เราไปพักก็ได้นะครับ” ภาคินพยายามตอบให้ไกลตัวเองมากที่สุด“แล้วแบบนี้คุณจะเอาเรื่องคนปล่อยคลิปไหมครับ”“ก็คงต้องให้ทนายของเราเป็นนคนจัดการครับ วันนี้ผมคงต้องข
“มัดหมี่ไม่เชื่อเลยค่ะว่าคุณว่านเธอจะทำแบบนั้น ถ้าคลิปหลุดออกไปคนที่เสียหายก็ไม่น่าจะใช่บอสคนเดียว”“ผมว่าเธอคิดน้อยไปหน่อย”“แต่ก็น่าสงสารนะคะที่เธอทำไม่ใช่เพราะเธอเป็นคนคิดเองพี่เอ้อะไรนั่นเป็นคนบอกให้เธอ”“ทำผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าเธอทำเองหรือทำเพราะมีคนยุแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเธอโตแล้วนะ น่าจะคิดเองได้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ”“แล้วทีนี้บอสจะเอายังไงต่อคะจะเลิกกับเธอจริงๆ เหรอคะ”“ถ้าเป็นคุณล่ะมัดหมี่จะเลิกไหม”“ถ้าเจอขนาดนี้มัดหมี่ก็คงเลิก และไม่อยากมองหน้าเลยค่ะ แต่บอสแน่ใจนะคะว่าที่ผ่านมาคุณว่านไม่เคยถ่ายคลิปมาก่อน”คำพูดของพลอยลลินณ์ทำให้ภาคินมีสีหน้าเครียดที่ผ่านมาเขาไม่รู้ว่าวริสาแอบทำเหมือนที่พลอยนรินทร์พูดหรือเปล่า“บอสคะมัดหมี่ขอโทษนะคะ”“จะขอโทษทำไม”“ก็ขอโทษที่ทำให้บอสคิดหนัก มันคงไม่ใช่แบบที่มัดหมี่คิดหรอกค่ะ”“ผมก้หวังว่าเธอไม่ทำลายอนาคตตัวเองแบบนั้นนนะ ผมเป็นผู้ชายคงไม่เสียหายเท่าผู้หญิงหรอก”“แต่บอสเป็นคนมีชื่อเสียง”“ผมถามว่านแล้วเธอบอกว่าไม่มีนะ แต่ก็ไม่รู้ว่าเธอพูดจริงหรือเปล่า” เขาถอนหายใจเพราะไม่คิดมาก่อนว่าวาริสาจะพาเรื่องปวดหัวมาให้ตนเองแบบนี้“อย่าเครียดไป
เหตุการณ์ชุลมุนที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้ภาคินโกรธอย่างหนักเขามองหน้าวาริสานัยน์ตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง“คินคะคุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”“ก็ตั้งแต่คุณเอาน้ำส้มราดลงบนหัวมัดหมี่”“ว่านไม่ได้ตั้งใจนะคะ มันเป็นอุบัติเหตุ” วาริสารีบเข้าไปกอดแขนภาคินอย่างประจบ“ผมเชื่อในสิ่งที่ผมเห็นนะ ขอโทษมัดหมี่แล้วกลับไปซะ”“แต่ว่านอยากคุยกับคุณ ขอเวลาว่านหน่อยนะคะ” หญิงสาวไม่สนใจจะขอโทษนพลอยลลินณ์เลยสักนิดเธอสนใจแค่ภาคินเท่านั้น“ผมว่าผมบอกคุณไปแล้วนะ ว่าระหว่างเรามันจบแล้ว” เขาพูดกับวาริสาอย่างไร้เยื่อใย“คุณจะไม่ทบทวนอีกครั้งเหรอคะ ขอโอกาสว่านสักนิด”“ผมว่าคุณรีบกลับไปดีกว่านะว่านก่อนที่ผมจะเรียกรปภ. มาจับคุณออกไป ส่วนคุณอย่าเพิ่งออกไปไหนนะมัดหมี่” เขาหันมาทางพลอยลลินณ์ที่กำลังจะเดินออกไป“มัดหมี่ว่าบอสกับคุณว่านค่อยๆ คุยกันดีกว่านะคะ มัดมี่เป็นคนนอกขอออกไปก่อนดีกว่า”“มัดหมี่” เขาหันมามองและเรียกชื่อเธอด้วยเสียงที่ดังขึ้นทำให้พลอยลลินณ์เดินกลับมานั่งที่ชุดโซฟารับแขกเพราะไม่อยากเห็นเจ้านายโมโหมากไปกว่านี้“ว่านเห็นด้วยกับมัดหมี่นะคะ ให้เธอออกไปก่อนเราสองคนจะได้คุยกัน”“ผมว่าผมชัดเจนแล้วนะว่าน คุณกลับ
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเป็นครั้งที่สามแล้วแต่พลอยลลินณ์ก็ยังไม่ยอมลุกจากที่นอน เพราะหยุดยาวที่ผ่านมาหญิงสาวตื่นสายติดๆ กันมาตลอด พอวันนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปทำงานก็เลยขี้เกียจมากกว่าทุกวัน จากที่เคยต้องลงไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสชั้นล่างของคอนโดวันละครึ่งชั่วโมงหญิงสาวก็เลือกที่จะนอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่มนาฬิกาปลุกดังอีกครั้งในเวลาเจ็ดโมงครึ่งพลอยลลินณ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นอาบน้ำและเตรียมตัวไปทำงาน หลายๆ คนอาจจะชอบที่มีวันหยุด แต่สำหรับเธอแล้วมันทำให้ความขี้เกียจเข้ามาแทนที่หญิงสาวนั่งรถไฟฟ้าเพียงสองสถานีก็ถึงบริษัทใหญ่ เธอกดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้น 28 ซึ่งเป็นชั้นของบริษัทที่เธอทำงานอยู่ วันนี้ก็เหมือนกับทุกวันที่เธอมาทำงานก่อนทุกคน หญิงสาวจัดของบนโต๊ะให้เรียบร้อยจากนั้นก็เดินไปหากาแฟที่มุมพักเบรก เพราะวันนี้พลอยลลินณ์รีบมากจึงไม่ได้ดื่มมาจากคอนโดหลังจากดื่มกาแฟและทานครัวซองต์ที่ซื้อมาจนอิ่มเธอก็กลับมาที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง หญิงสาวค่อนข้างแปลกใจเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องทำงานของเจ้านายแล้วพบว่าไฟในห้องทำงานของเขาเปิดอยู่ แต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นแม่บ้านมาทำความสะอาดแล้วคงจะลืมปิดเธอเปิดคอมพิวเตอ