วิวาห์(ไม่)ไร้รัก
Writer : Aile'N
ตอนที่ 12
"นี่มันหมายความว่ายังไงคะธันย์ ไหนบอกจะช่วยกันกำจัดนังนั่นไงคะ คุณไปทำดีกับมันทำไม! ? " ความสัมพันธ์ของวรธันย์และรินลดาเริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น และคนที่คอยจับตามองความเคลื่อนไหวของคนทั้งคู่มีหรือที่จะไม่รู้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้าง วันนี้ถึงได้บุกมาหาเขาที่บริษัทตั้งแต่เช้า และใช่...เลขาเขาหยุดพายุลูกนี้ไม่ได้อีกครั้ง
"ผมมีวิธีของผม การรวมหัวกันรุมรังแกอีกฝ่ายแบบนั้นไม่ใช่เรื่องดี" ปากกายี่ห้อดังยังคงถูกมือแกร่งจับตวัดไปมาบนเอกสารสำคัญ เช่นเดียวกับดวงตาคมกริบที่ยังคงเพ่งสมาธิไปที่มันมากกว่าคู่สนทนา นั่นยิ่งทำให้เกวลินเดือดดาลกว่าที่เป็น
"วิธีอะไรของคุณ เกวไม่เห็นว่าคุณจะทำอะไรตรงไหน ตรงข้าม! คุณพามันไปกินข้าวซื้อแหวน ไม่ใช่ว่าหลงมารยามันแล้วหรือไงคะ! ? " เกวลินนับเป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญน้อยเมื่อเทียบกับคนอื่นที่เขาเคยมีสัมพันธ์มา แต่วันนี้หล่อนทำให้เขารู้แล้วว่าหล่อนไม่ได้ต่างไปจากคนอื่นเลยสักนิด
"เกวลิน...คุณมีสิทธิ์ก้าวก่ายเรื่องของผมมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถ้ายังพูดไม่รู้เรื่องอยู่แบบนี้ก็เชิญที่ประตู ผมจะทำงาน" ด้วยเป็นคนใจร้อน ขี้รำคาญและความอดทนต่ำถึงขั้นสุด คุยไม่กี่คำร่างสูงก็หมดความอดทน เขามีงานสำคัญรออยู่มากมาย ไม่มีเวลามาคุยเรื่องส่วนตัวกับใคร แล้วยิ่งมาเต้นเร่าหวีดร้องเสียงแหลมแสบแก้วหูแบบนี้ด้วยแล้วก็ยิ่งหมดความอดทน
"ธันย์! " เสียงบดกรามบวกน้ำเสียงลอดไรฟัน ทำคนฟังผงะตกใจ เพราะตั้งแต่ที่รู้จักกันมาร่างสูงไม่เคยแสดงอารมณ์แบบนี้ใส่เธอมาก่อน
แม้จะถูกเลื่อนสถานะจากคู่ขามาเป็นแฟน แต่เกวลินก็ไม่แน่ใจนักว่านิยามคำว่า 'แฟน' สำหรับอีกฝ่ายมันคืออะไร เพราะเธอรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเรามันไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลยสักนิด มันเหมือนมีเส้นบางๆ ที่มองไม่เห็นขีดกั้นเราอยู่ตลอด เธอไม่มีสิทธิ์หึงหวงหรือก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขา เช่นกับที่เขาไม่เคยสนใจเธอมากไปกว่าเรื่องบนเตียง
"...เกวเป็นแฟนคุณนะคะ เกวไม่มีสิทธิ์หึงหวงคุณเลยใช่มั้ย" กว่าร่างเพรียวจะหาเสียงเจอก็กินเวลาไปหลายวินาที เธอยืนตัวสั่นกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อด้วยพยายามข่มความโกรธและน้อยใจ
"คุณรู้คำตอบดีอยู่แล้วเกว...กลับไปก่อน ผมต้องการสมาธิทำงาน" ร่างสูงตัดบทอย่างไม่ใส่ใจ ไม่สนใจจะมองด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายตัดพ้อเขาด้วยน้ำเสียงและสายตายังไง เส้นบางๆ ที่กั้นเราไว้เขานั่นแหละที่เป็นคนขีดมัน เพราะรู้ว่าเมื่อไรที่ปล่อยให้อีกฝ่ายล้ำเส้นก็จะต้องพบเจอกับความน่ารำคาญใจเช่นนี้
เกวลินพยายามข่มความโกรธและน้อยใจไว้ให้ลึกที่สุด เพราะแสดงออกแล้วอย่างไร เขาไม่เคยสนใจกันอยู่ดี เธอสูดลมหายใจลึกพลางกลอกตาเก็บหยาดน้ำใสๆ กลับเข้าไป ก่อนเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง สองเท้าเรียวบนส้นสูงปลายแหลมก้าวเดินไปที่ประตูอย่างช่วยไม่ได้
.
.
"ไอ้หญิง! เลิกคลาสแล้ว ไม่กลับบ้านหรือไงยะ" เสียงฝ่ามือกระทบลงบนโต๊ะตรงหน้าทำคนเหม่อสะดุ้งหลุดจากภวังค์ความคิด เธอมองสามสาวที่กำลังเก็บของเตรียมกลับบ้านอย่างงงๆ เมื่อมองไปรอบตัวก็พบว่าคนอื่นๆ ได้ทยอยออกจากห้องไปจนเกือบจะหมดแล้ว
"เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย วันนี้แกดูเหม่อๆ นะ เอาแต่มองมือ...เฮ้ยยย นี่มันแหวนเพชรใช่ป้ะ! " ฟิล์มทักอย่างไม่ค่อยจะใส่ใจนัก แค่พูดไปตามที่เห็น แต่พอมองไปที่มือเพื่อนตามคำพูดแล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นประกายวิบวับจากแหวนเพชรเม็ดเล็กๆ ที่ก่อนหน้าไม่เคยเห็นบนนิ้วเพื่อนมาก่อน และพอคนหนึ่งเห็นอีกสองคนก็รุมเข้ามาดูด้วยอย่างตื่นเต้น
"ใครซื้อให้ คุณธันย์ใช่ป้ะ" สาวๆ รุมถามรุมจับมือเธอไปลูบด้วยความตื่นเต้นระคนอิจฉา ซึ่งรินลดาก็ได้แต่พยักหน้ารับและฉีกยิ้มแห้งๆ ส่งให้เท่านั้น
"หู้ยยย อิจฉาอ่ะ! " คนฟังพากันวี้ดว้ายดีใจราวกับเป็นคนได้รับมันเสียเอง จากนั้นพวกหล่อนก็รุมเค้นเอาคำตอบจากร่างบางในสิ่งที่อยากรู้อีกหลายประโยค กว่าจะยอมปล่อยเธอกลับได้ก็เล่นเอาเหนื่อย
"อ้าว หญิง เลิกเรียนแล้วหรอ" เพื่อนชายตัวสูงที่บังเอิญเจอกันตรงบันไดเอ่ยทักด้วยรอยยิ้มสดใส
"อ้อ ใช่...ภีมล่ะ" รินลดายิ้มบาง ถามไถ่กลับพอเป็นมารยาท
"เลิกแล้ว กำลังจะไปกินข้าวกับเพื่อนร้านหลังมอ ไปด้วยกันมั้ย" อีกฝ่ายชวนอย่างกระตือรือร้นแม้จะรู้ดีว่าเธอต้องกลับไปช่วยพ่อแม่ขายของ ไม่มีเวลาว่างจะไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆ นัก
"ตามสบายเลย เราต้องรีบกลับน่ะ" เสียงหวานปฏิเสธอย่างนุ่มนวล พอดีกับที่เดินลงบันไดมาถึงชั้นล่าง
"ไม่เป็นไร แล้วนี่กลับยังไงหรอ" ภีมยังคงชวนคุย แอบคิดในใจว่าถ้าไม่มีนัดก็อยากจะอาสาไปส่งคนตัวเล็กที่บ้านสักครั้ง อยากเร่งทำคะแนน...
"มีคนมารับน่ะ งั้นเราไปก่อนนะ" รินลดายิ้มบาง โบกมือลาเมื่อเดินมาถึงหน้าตึกคณะฯ
ภีมทั้งนึกสงสัยและเสียดาย เขายังคงยืนอยู่ที่เดิม มองตาแผ่นหลังบางไปจนกระทั่งเธอเดินไปหยุดอยู่ที่รถยนต์สุดหรูคันหนึ่ง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างร้อนใจ สงสัยว่าผู้ชายหน้าหล่อแต่งตัวภูมิฐานคนที่ออกจากรถมารับเธอคือใครมาจากไหน จังหวะนั้นอีกฝ่ายก็มองมาราวกับล่วงรู้ว่ามีคนมองอยู่...
ชั่ววินาทีที่ได้สบตากันเหมือนมีกระแสไฟที่มองไม่เห็นลั่นเปรี๊ยะระหว่างเขาทั้งคู่ เท่านี้ก็เหมือนหัวใจถูกควักออกจากอก แน่ใจโดยไม่ต้องมีใครบอกว่าร่างบางกับผู้ชายคนนั้นมีความสัมพันธ์กันแบบไหน...
.
.
"ขอบคุณนะคะที่มาส่ง" สปอร์ตคาร์คันหรูจอดสนิทลงหน้าตลาดนัดที่มีผู้คนพลุกพล่านจอแจในช่วงเย็น พอวรธันย์ลดทิฐิต่อกัน บรรยากาศเป็นกันเองมากขึ้นคนอายุน้อยกว่าก็ยกมือไหว้ว่าที่สามีอย่างลืมตัว
"ไม่ต้องไหว้...ฉันเป็นสามีไม่ใช่พ่อ" คนถูกไหว้ถึงกับหน้าตึง ยกมือทำปางห้ามไหว้ด้วยใบหน้าเรียบสนิท เอ่ยขัดเสียงดุอย่างอดไม่ได้
"อ้อ แหะๆ ค่ะ" รินลดาชะงักก่อนยิ้มแห้งเอาใจ บอกลากันอีกสองสามคำก็ลงจากรถไป
วันนี้ตลาดยังคงคึกคักคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่มาจับจ่ายซื้อของ ร่างบางเมินสายตาสอดรู้สอดเห็นของผู้คนบริเวณนั้นเดินลัดเลาะไปที่แผงขายกับข้าวของพ่อแม่ วันนี้เธอมีเวลาช่วยพวกท่านราวสามชั่วโมงหรือกว่ากับข้าวจะขายหมด ถามว่าเหนื่อยไหมก็เหนื่อยแต่พอคิดว่าพ่อกับแม่เหนื่อยกว่าก็ทำให้ความเหน็ดเหนื่อยของเธอเบาขึ้นกว่าเดิมเยอะ
เจ้าดำยังคงมานอนเฝ้าพวกเธออย่างทุกวัน มันนอนนิ่งไม่ดื้อซนให้ใครเดือดร้อน แสนรู้เสียจนลุงๆ ป้าๆ แผงข้างเคียงเอ็นดูเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำมันจนท้องป่อง เธอทักทายมันเล็กน้อยก่อนผละไปล้างไม้ล้างมือ สวมผ้ากันเปื้อนมาช่วยแม่ขายของ ทว่า...แหวนเพชรบนนิ้วทำเอาชะงักมือเสียก่อน เธอมองมันอย่างชั่งใจก่อนตัดสินใจถอดเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์กันหล่นหายหรือเปรอะเปื้อน
กว่าจะช่วยพ่อแม่ขายของเสร็จก็กินเวลาไปจนถึงสามทุ่ม วันนี้ลุงพรเป็นคนมารับกลับบ้านเพราะวรธันย์มีนัดดินเนอร์กับลูกค้า เธอกลับมาถึงบ้านพร้อมกับเขาที่เพิ่งจะเลี้ยวรถเข้ามาจอดพอดี
"กินอะไรมาหรือยัง" เป็นเขาที่เอ่ยทักก่อน เธอเพียงพยักหน้ารับเหนื่อยๆ ไม่ได้ถามกลับเพราะรู้ว่าเขาทานมาแล้ว
"ดูเหนื่อยๆ หักโหมเกินไปหรือเปล่า เรียนหนักแล้วยังต้องกลับมาช่วยพ่อแม่อีก...เลิกซะ ฉันจะจ้างคนไปทำแทน" คุณเขาถามไถ่เหมือนใส่ใจก่อนจะบ่นต่อเสียยาวเหยียดจนคนฟังตั้งตัวไม่ทัน พอจะอ้าปากแย้งอีกฝ่ายก็เปลี่ยนเรื่องไปเสียก่อน
"แล้วนั่น...แหวนหายไปไหน! " น้ำเสียงทุ้มต่ำเพิ่มความดุดันจนบรรยากาศเปลี่ยน ร่างบางเลยต้องรีบงัดหลักฐานออกจากกระเป๋ามาให้เขาดู เดี๋ยวเขาจะคิดว่าเธอทำหายหรือเอาไปขาย เมื่อก่อนเขายิ่งอคติกับเธออยู่ด้วย
"ตอนขายของฉันกลัวทำหายน่ะค่ะ เลยถอดเก็บไว้ในกระเป๋า" รินลดาเอาแหวนกลับมาสวมนิ้วตามเดิม ทำสีหน้าคนมองเริ่มดูดีขึ้นมาหน่อย...
ไม่อยากคิดก็ห้ามไม่ได้ เพราะแวบแรกที่ไม่เห็นอีกคนสวมแหวนวรธันย์ก็ดันคิดไปว่าเธอเอามันไปขายแล้วจริงๆ ที่เขาลงทุนซื้อให้ก็เพราะหนึ่ง...รินลดาสมควรจะได้ใส่มันไว้ สอง...ลึกๆ แล้วก็ยังอยากจะลองใจเธออยู่ ถ้าเกิดอีกฝ่ายเอามันไปขายจริงๆ เขาจะไม่เสียดายเลยกับการเสียเงินเพียงเล็กน้อยแลกกับการได้กระชากหน้ากากคนดีจอมปลอมของเธอออก
"ไม่จำเป็นอย่าถอด" คนคิดไปไกลกระแอมไอแก้เก้อ ก่อนสั่งกำชับทิ้งท้ายแล้วเดินนำขึ้นชั้นบนไปอย่างรีบเร่ง ราวกับกำลังหลบหนีอะไรบางอย่าง ร่างบางได้แต่ยืนมองตามตาปริบๆ ชั่วครู่ก็ตามอีกฝ่ายขึ้นไป เข้าห้องใครห้องมันเพื่อพักผ่อน...
เช้าวันต่อมารินลดาถูกรบเร้าให้เลิกไปช่วยพ่อแม่ขายของโดยคุณหญิงนาฏยาและคุณสุรศักดิ์ พวกท่านให้เหตุผลว่าเป็นห่วงสุขภาพร่างกายของเธอที่ทั้งเรียนหนักและไหนจะต้องมาช่วยพ่อแม่หลังเลิกเรียน แถมอีกหน่อยก็จะต้องฝึกงานเวลาที่มีก็ยิ่งลดน้อยไปกันใหญ่... ก่อนตบท้ายด้วยการเสนอว่าจะจ้างคนไปทำแทน ทั้งที่ความจริงแล้วอยากให้พ่อแม่เธอหยุดขายแล้วย้ายมาพักอยู่ด้วยกันเลยด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อทางนั้นคงไม่ยอมเลยเลือกที่จะคอยช่วยเหลือแทน ร่างบางลำบากใจที่จะปฏิเสธคำขอร้องของผู้ใหญ่จนอดหันไปค้อนคนข้างกายไม่ได้ เธอเชื่อว่าที่คุณหญิงลุกขึ้นมาพูดเรื่องนี้แต่เช้าเพราะวรธันย์เป็นคนบอกแน่ๆ
ครั้นจะเลี่ยงด้วยการบอกว่าขอกลับไปปรึกษาพ่อแม่ก่อนก็ไม่ได้ เมื่อคุณหญิงดักทางว่าจะเป็นคนไปคุยกับพวกท่านเอง แล้วพ่อแม่เธอที่คอยผลักไสไม่อยากให้เหนื่อยมาช่วยอยู่แล้วจะปฏิเสธหรือก็เป็นไปไม่ได้ มีแต่จะเห็นดีเห็นงามอยากให้เธอเอาเวลาไปอ่านหนังสือตั้งใจเรียนมากกว่า
ผลสุดท้าย...ก็กลายเป็นว่าพ่อแม่เธอยินดีที่จะให้เธอพัก แต่ไม่ขอรับน้ำใจที่คุณท่านจะส่งคนมาช่วยเพราะพวกท่านให้เหตุผลว่ายังทำกันไหว ไม่ได้หนักหนาอะไร แล้วเธอจะทำอะไรได้ นอกเสียจากต้องยอม...
"พรุ่งนี้วันเกิดคุณหญิงมาลี อย่าลืมซะล่ะเจ้าธันย์" ผู้เป็นแม่เอ่ยเตือนลูกชายในระหว่างทานอาหารเช้าร่วมกัน คุณหญิงมาลีนั้นเป็นเพื่อนสนิทของคุณหญิงนาฏยาที่คบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ที่เตือนก็เพราะลูกชายจะต้องเคลียร์คิวไปร่วมงานวันเกิดในคืนพรุ่งนี้กับเธอด้วย
"หญิงไปกับแม่นะ วันนี้เลิกเรียนพี่ธันย์จะพาไปลองชุด" เมื่อลูกชายรับทราบ คนก็หันมาพูดกับลูกสะใภ้เพราะตั้งใจจะพาไปเปิดตัวในงานนี้ด้วย
"คะ? " คนฟังเงยหน้าขึ้นมองอย่างงงๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องไปด้วย
"คุณหญิงมาลีเป็นเพื่อนสนิทของแม่เอง พรุ่งนี้เธอจะจัดงานวันเกิด เพื่อนๆ แม่ไปกันเยอะ แม่จะแนะนำให้รู้จัก" รอยยิ้มอ่อนโยนถูกส่งมาให้ แต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกไม่ค่อยไว้ใจรอยยิ้มของว่าที่แม่สามีนัก ยิ่งเห็นแววระยิบระยับในดวงตาก็ยิ่งไม่ไว้ใจ...
"เอ่อ ค่ะ" แม้จะไม่อยากไป แต่ร่างบางก็รู้ตัวดีว่าปฏิเสธไม่ได้ ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้านอินทรเกษมกุลมีหลายสิ่งที่เธอทำได้แค่ยอมรับและปรับตัวเท่านั้น.
.
.
หลังเลิกเรียนตามนัด คนมารับพาเธอไปต่อที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เขาเดินเข้าร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังอย่างคล่องแคล่ว ผิดกับเธอที่ประหม่าจนก้าวติดขัดหลายครั้ง ไม่ใช่ไม่เคยเข้าห้างฯ เพียงไม่เคยเข้าร้านเสื้อผ้าหรูๆ แบบนี้มาก่อน แค่การตกแต่งร้านก็บ่งบอกชั้นชน ราคาของที่ขายอยู่ข้างในได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ๋ว อย่าว่าแต่เข้ามาเลย เดินเฉียดเธอยังไม่กล้า...
"ชอบชุดไหน..." ร่างสูงพาว่าที่ภรรยามายังโซนเสื้อผ้าผู้หญิงอันประกอบไปด้วยชุดเดรสกรุยกรายมากมายหลากหลายแบบ เขาปล่อยให้เธอเลือก ส่วนตัวเขาเพียงยืนมองอยู่ใกล้ๆ
"งานใหญ่มั้ยคะ ไม่รู้ว่าต้องใส่ประมาณไหนถึงจะเหมาะสม" ร่างบางถามกลับอย่างคนไม่รู้จะเอายังไง ถ้าเป็นวันเกิดชนชั้นชาวบ้านทั่วไปอย่างเธอเสื้อยืดกางเกงยืนก็ไม่น่าเกลียด แต่นี่อีกฝ่ายเป็นเพื่อนคุณหญิง คงจะอยู่ในชนชั้นแถวหน้าของคนมีเงินแน่ๆ
"ก็...จัดที่โรงแรม" คนตอบอย่างไม่ใส่ใจ แต่คนฟังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ
"โรงแรมเลยหรอคะ! ? " แค่งานวันเกิดถึงกับจัดที่โรงแรม! เธอเข้าใจว่าจัดที่บ้านเสียอีก อย่างนั้นคงไม่ใช่งานเล็กๆ เสียแล้วสิ
พออีกฝ่ายพยักหน้ายืนยันหนักแน่น รินลดาจึงเปลี่ยนความคิดที่ว่าจะเลือกชุดธรรมดาราคาแพงน้อยที่สุดเพราะกลัวไปถึงงานแล้วจะแต่งตัวเว่อร์อยู่คนเดียว หันมาเลือกชุดที่เหมาะกับตัวเองสักชุด เอาแบบไม่เด่นและไม่เรียบจนเกินไป อย่างน้อยๆ ขอไม่ทำให้ใครขายหน้าก็พอ...
เลือกอยู่นานก็ได้ชุดเดรสลูกไม้สีฟ้าอ่อนยาวถึงเข่ามาหนึ่งชุด เมื่อเห็นเลือกได้วรธันย์ก็ให้พนักงานพาเธอไปลองที่ห้องลองชุด พอออกมาแทนที่จะเห็นคนรอทำหน้าอึ้งเหมือนในละครที่เคยดูบ่อยๆ เขากลับทำหน้านิ่วคิ้วขมวด สั่งให้เธอหมุนตัวอยู่สองสามรอบ แต่ก็ยังไม่พอใจ สุดท้ายก็เห็นเขาเดินกลับไปที่ราวแขวนชุด แหวกไปแหวกมาไม่กี่ทีก็เดินกลับมาพร้อมชุดเดรสเปิดไหล่สีครีม แหวกอก รัดรูป ยาวเลยเข่าขึ้นมาเล็กน้อย เขาสั่งให้เธอไปเปลี่ยนแทนชุดเดิมที่แสนจะเรียบร้อยและจืดชืด คุณหญิงมาลีนั้นเป็นคุณป้าสายแฟชั่น นอกจากป้าแกแล้วแขกที่ไปร่วมงานก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากัน ชุดนั้นรังแต่จะทำให้ร่างบางกลายเป็นแกะดำในฝูงเสือดาว ชุดใหม่ที่เขาเลือกให้แม้จะไม่จัดจ้านเท่าคนอื่นแต่รับรองว่าเธอจะไม่ถูกคนในงานมองด้วยสายตาแปลกประหลาดแน่นอน
รินลดาออกจากห้องลองชุดอีกครั้ง ชุดโชว์เนื้อหนังเกินความจำเป็นทำเธอไม่คุ้นชิน แต่สายตาคนมองกลับเป็นที่น่าพึงพอใจมากกว่าชุดก่อน สุดท้ายเธอก็ได้ชุดนี้ไปแบบมึนๆ เมื่อออกจากร้านเสื้อผ้าคนก็พาเธอไปทานข้าวต่อ ช่วงนี้ภาพของเธอกับเขายามไปไหนด้วยกันตามลำพังมักจะถูกแปะอยู่ในหน้าข่าวซุบซิบวันละสองสามรูปแล้วแต่โอกาส โดยที่เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแค่ไฮโซคนหนึ่งจะคบหากับใครทำไมผู้คนถึงให้ความสนใจกันยาวนานถึงขนาดนี้
"ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยคะ" น้ำเสียงคุ้นหูดังขึ้นข้างโต๊ะในตอนที่ทั้งคู่กำลังทานข้าว ไม่รอคำตอบจากใครร่างเพรียวนั้นก็หย่อนก้นลงนั่งข้างคนตัวสูง เบียดร่างนุ่มๆ เข้าหาอีกฝ่ายอย่างจงใจ
รินลดาพยายามถอนสายตาจากเนินอกขาวอวบที่โผล่พ้นชุดเกาะอกของอีกฝ่ายอย่างเนียนๆ เธอไม่ได้ลามกแต่ชุดที่หล่อนใส่ตรงนั้นมันเด่นกว่าอะไรทั้งหมด...เธอยังคงนั่งทานต่อ ไม่ได้ทักทายอะไรผู้มาใหม่เพราะคิดว่าคำทักทายหล่อนคงอยากได้จากร่างสูงมากกว่า
"ไม่ยักจะรู้ว่าเดี๋ยวนี้คุณมีเวลาให้คนอื่นมากกว่าแฟนตัวเองอีกนะคะ" ดวงตาสวยคมจ้องหน้าคนที่เรียกว่า 'คนอื่น' ด้วยสายตาดูแคลน เน้นย้ำสถานะของตนกับอีกฝ่ายชัดๆ ให้คนฟังจำขึ้นใจ จะได้ไม่หลงระเริงจนลืมตัว
รู้...ว่าอีกฝ่ายพูดกระทบแต่รินลดาก็ยังคงนิ่งด้วยทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ อาหารรสเลิศดูจะฝืดคอขึ้นเรื่อยๆ จนนึกเสียดายจึงพยายามกินต่อให้ได้มากที่สุด ร่างสูงรับรู้ถึงการมาของคนข้างๆ เพียงแต่ไม่คิดจะพูดอะไรนอกจากนั่งทานต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผู้มาใหม่เลยดูเหมือนเป็นส่วนเกินไปโดยปริยาย
แม้จะไม่พอใจแต่เกวลินก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรียกพนักงานมาสั่งอาหารในส่วนของตนโดยไม่สนว่าจะมีใครชวนร่วมโต๊ะหรือไม่ แค่เห็นปฏิกิริยาของคนรักที่เริ่มจะเปลี่ยนไป ใจมันก็ร้อนรุ่ม ไม่สามารถทนอยู่เฉยได้
"ธันย์ ทานนี่สิคะ...แกงเผ็ดเนื้อตุ๋น ของโปรดคุณ เกวสั่งมาให้คุณโดยเฉพาะเลยนะคะ" เสียงหวานเอ่ยอย่างเอาใจหลังตักอาหารจานโปรดไปใส่จานของร่างสูง ตบท้ายด้วยการยกยิ้มเชิดคออย่างคนเหนือกว่าใส่คนฝั่งตรงข้าม ถึงแม้รินลดาจะทำเป็นไม่สนใจแต่หล่อนรู้ว่าเธอต้องได้ยิน
วรธันย์มองสิ่งที่เกวลินตักมาให้นิ่งๆ เขาชอบกินแกงเผ็ดน่ะใช่ แต่ต้องไม่ใส่กะทิอย่างที่หล่อนตักมาให้...ทว่าเพื่อไม่ให้เป็นการหักหาญน้ำใจอีกฝ่ายเขาก็จำต้องฝืนทาน เพียงคำเดียวก็ไม่แตะต้องแกงชามนั้นอีก โชคดีที่อีกฝ่ายไม่เซ้าซี้ แต่ก็ชวนคุยจนอดที่จะรำคาญนิดๆ ไม่ได้
"เดี๋ยวทานเสร็จธันย์พาเกวไปซื้อของหน่อยนะคะ เกวอยากได้กระเป๋าใหม่ น้ำหอมที่ธันย์ซื้อให้ก็หมดแล้วด้วย" เกวลินกอดแขนอ้อนเสียงอ่อนเสียงหวาน ฟังแล้วก็อดมองคนที่มาด้วยกันไม่ได้ แต่รายนั้นก็เอาแต่นั่งเงียบ ไม่มีปากเสียงอะไร ทั้งที่ถ้าเขาไปเธอก็ต้องติดสอยห้อยตามไปด้วยหรือไม่ก็ต้องกลับบ้านเอง
"วันนี้ไม่สะดวก..." ถ้อยคำปฏิเสธอย่างสิ้นไร้เยื่อใยทำร่างบางฝั่งตรงข้ามเริ่มมีท่าทีสนใจขึ้นมานิดๆ เพราะไม่คิดว่าเขาจะปฏิเสธแฟนเขาต่อหน้าเธอ
"ทำไมคะ! หรือเพราะคู่หมั้นคุณ? ก็ให้เธอกลับไปก่อนสิ ไม่เห็นยาก" ใครคนนั้นหันมากดดันรินลดาทางสายตา หล่อนจ้องเธอตาแทบถลนราวกับอยากให้เธอพูดอะไรบางอย่าง เช่น "เชิญพวกคุณตามสบาย ฉันกลับเองได้" อะไรประมาณนั้น ซึ่งคล้ายว่าจะเดาถูกแต่คนตัวเล็กกลับเลือกที่จะนิ่งเฉย ไม่พูดอะไร...
"เกว...ผมมากับเขา" วรธันย์ปรามเสียงดุ เตือนสติคนเอาแต่ใจให้ตระหนักว่าอะไรควรอะไรไม่ควรในสถานการณ์ตอนนี้ การที่เขามากับคนหนึ่งแล้วจะให้ทิ้งไปกับอีกคนมันเป็นเรื่องที่ไม่สมควร
"แต่เกวเป็นแฟนคุณนะคะ! " พอถูกหักหน้าต่อผู้หญิงอีกคนที่ไม่ชอบเกวลินก็ขาดสติ ตวาดเสียงแหลมด้วยโกรธระคนน้อยใจ แน่ใจแล้วจริงๆ ว่าคนรักเปลี่ยนไป ต้นเหตุมาจากผู้หญิงหน้าด้านไร้ยางอายคนนี้นี่ไง!
"เกวลิน..." วรธันย์กดเสียงต่ำเย็นเฉียบจนคนฟังได้สติ แต่ยังไงความน้อยใจก็มีมากกว่า หล่อนไม่สนใจแล้วว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนหรือจะมีใครมองมาบ้าง และก็จะไม่ยอมเป็นฝ่ายไปด้วย!
"เกวไม่ไปค่ะ เกวเป็นแฟนคุณ คุณจะทำแบบนี้กับเกวไม่ได้นะคะ" เกวลินยังคงดึงดันไม่ยอมแพ้ แต่เบาเสียงลงพร้อมบีบน้ำตาเรียกคะแนนความสงสารแทน
"คุณไปเถอะค่ะ ฉันกลับเองได้" รินลดาที่ตอนแรกว่าจะไม่พูดอะไรเริ่มมองเห็นเค้าลางความยุ่งยากเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมรามือง่ายๆ เธออยากกลับไปพักผ่อนเร็วๆ และไม่อยากอยู่ในสถานการณ์ชวนน่ารำคาญใจแบบนี้เลยตัดปัญหาเป็นฝ่ายไปเสียเอง
"รออยู่ตรงนี้ ให้ลุงพรมารับ" ร่างสูงเองก็เห็นตรงกันว่าสถานการณ์ตอนนี้มันยุ่งยากน่ารำคาญ แต่เพื่อตัดปัญหาที่จะมีมากกว่าเดิมจึงยอมให้ร่างบางเป็นฝ่ายไป โดยเรียกคนขับรถมารับแทน
แม้จะรู้สึกไม่ชอบใจที่วรธันย์ยังคงมีเยื่อใยให้กับรินลดา แต่การที่เกวลินไม่ได้เป็นฝ่ายไปทำให้พอจะลบล้างกันได้ หล่อนเหยียดยิ้มอย่างผู้กำชัยชนะ ก่อนหันมาออเซาะร่างสูงอย่างไม่สนอินทร์พรหมหน้าไหน ร่างบางได้แต่ถอนหายใจ ทั้งอ่อนใจและก็อยากขำ...เธอนึกว่าคนแบบนี้จะมีแต่ในละครเสียอีก
นั่งดูคนพยายามจะสวีตกันสักพักลุงพรก็มาถึงพร้อมสีหน้าลำบากใจเมื่อเห็นว่าเพราะอะไรร่างสูงถึงโทรให้มารับคนตัวเล็ก ให้เดาว่าอีกไม่นานคุณหญิงจะต้องรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน
แต่แบบนี้ก็ได้หรอ...?
เขาบอกว่าจะลองศึกษาดูใจกับเธอ แต่กลับไม่ยอมเลิกกับอีกคน ไม่รู้จะเอายังไงกันแน่ หรือตั้งใจจะจับปลาสองมือคบเผื่อเลือก ส่วนคนที่ไม่ถูกเลือกก็ถูกทิ้งไปตามระเบียบ...
ได้หรอ?
..
..
..
..
ได้หรอหื้มมมมม?? 555555
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 13ตั้งแต่แยกกันที่ร้านอาหารเมื่อวานรินลดาก็ไม่ได้เจอกับวรธันย์อีกเลยจนถึงตอนนี้ เขาไม่ได้กลับมานอนบ้านและเธอก็ได้ลุงพรเป็นสารถีขับรถรับส่งในวันนี้ เธอไม่คิดถามใครและก็ไม่มีใครบอกว่าเขาไปไหน ติดธุระอะไร ได้แต่เก็บความสงสัยและไม่พอใจลึกๆ เอาไว้ในใจ..."พี่ธันย์เขามีประชุมตั้งแต่เช้าตลอดทั้งวัน แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะจ๊ะ พี่เขากลับมาทันแน่นอน" คล้ายว่าแม่สามีจะรู้อะไรแม้กระทั่งความคิดตน จู่ๆ ท่านก็พูดขึ้นมาในตอนที่กำลังนั่งเฉิดฉายให้ช่างแต่งหน้าส่วนตัวสะบัดแปรงไปมาทั่วใบหน้า คนฟังเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายผ่านกระจกบานใหญ่ ไม่ได้ตอบอะไร เพียงยิ้มบางและพยักหน้ารับรู้เท่านั้นใช้เวลาร่วมชั่วโมงคุณหญิงก็แต่งหน้าทำผมเสร็จ ลุคสวยเปรี้ยวไม่เกรงใจอายุทำร่างบางจ้องมองอย่างตื่นเต้น ดูท่างานที่ไปจะไม่ธรรมดาจริงๆ เธอถึงมีโอกาสได้เห็นแม่สามีในลุคที่ฉีกจากเดิมออกไปไกลเสียขนาดนี้"จินนี่...เอาให้สวยที่สุดในงาน! " คำสั่งเฉียบขาดที่ถ่ายทอดไปยังช่างประจำตัวทำรินลดารู้สึกเสียวสันหลังพิกล..."ไม่มีปัญหาค่ะคุณแม่ จินนี่เอาประสบการณ์กว่ายี่สิบปีเป็นประกัน! น้องหญิงจะต้องสว
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 14"หื้ม? เป็นอะไรหรือเปล่าลูก ไม่สบายหรอคะ หน้าแดงๆ " คุณหญิงนาฏยาเอ่ยถามว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงอาทรห่วงใย นึกสงสัยว่าก่อนหน้านี้ยังเห็นอีกฝ่ายดีๆ อยู่เลย แต่หลังกลับจากไปตักอาหารกับเจ้าลูกชายไหงนั่งเงียบแก้มแดงปลั่งขนาดนี้ไปเสียได้"อะ เอ่อ หนู...ร้อนน่ะค่ะ" พอถูกทักกะทันหัน ใครคนนั้นก็ลนลานเลิกลั่ก กอปรกับยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไม่มีอยู่จริงอย่างมีพิรุธคนฟังหรี่ตาจับผิดตามสัญชาตญาณแต่ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ เพียงเหลือบตามองลูกชายที่ดูจะมีบรรยากาศรอบๆ ตัวเปลี่ยนไปเล็กน้อย ริมฝีปากหยักคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มแปลกๆ หรือว่า...ระหว่างที่หายไปด้วยกันจะมีอะไรเกิดขึ้น?"แม่ว่าแอร์ก็เย็นอยู่นะ เอ...หรือว่าเป็นอาการคนเขิน พี่ธันย์ทำหรือพูดอะไรให้เขินหรือเปล่าจ๊ะเนี่ย" คำถามลอยๆ เหมือนคนรู้ทันทำคนฟังลมหายใจสะดุด คล้ายคนทำผิดกำลังจะถูกจับได้ เพียงแต่เธอไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเสียหน่อย ก็แค่รู้สึกหน้าร้อนแปลกๆ ตอนได้ยินร่างสูงแทนตัวเองว่า 'พี่' ก็เท่านั้น...คนถูกไล่ต้อนมัวแต่อ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบอะไร กระทั่งมีคนรู้จักมาชวนว่าที่แม่สามีไปทักทายเพื่อนๆ กลุ่มใหม่แล้ว
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 15ในตอนนี้...รินลดากำลังยืนเคว้งอยู่กลางห้องชุดสุดหรูของว่าที่สามีอย่างคนไม่รู้จะทำยังไงต่อไป คอนโดของท่านประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ดูเบาไม่ได้เลยจริงๆ นอกจากความกว้างขวางหรูหราแล้วยังแบ่งแยกสัดส่วนได้เหมือนกับยกบ้านทั้งหลังมาไว้ที่นี่ ความอลังการนี้ทำให้ทั้งชั้นมีเพียงสองห้องเท่านั้น อีกห้องหนึ่งเป็นของอดีตท่านประธานซึ่งก็คือคุณสุรศักดิ์ที่ทุ่มเงินซื้อเอาไว้ตั้งแต่สำนักงานขายยังไม่ทันเปิดให้จอง นานๆ ทีท่านจะมาพักบ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอยู่ ชั้นนี้จึงมีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวสูงมากๆ"เดี๋ยวพาไปดูห้องนอน" คนเหม่อได้สติในตอนที่เจ้าของห้องเดินมาบอก ก่อนที่เขาจะเดินนำไปที่ห้องนอนสองห้องที่อยู่ติดกันและเดินไปหยุดอยู่ที่ประตูห้องฝั่งซ้ายมือ"เธอพักห้องนี้ ส่วนข้างๆ นั่นห้องฉัน ขาดเหลืออะไรก็บอก ไม่ต้องเกรงใจ" วรธันย์ทำตัวเป็นเจ้าของบ้านที่ดี แม้จะมีผู้มาอาศัยร่วมกันทั้งที่ไม่เคยมีมาก่อนเขาก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด"ไปอาบน้ำเถอะ แล้วออกมาทานข้าว" ร่างบางพยักหน้ารับคำ ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันเข้าห้อง ระหว่างนั้นเจ้าบ้านก็โทรสั่งอาหารไว
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 16ตากลมเหล่มองผู้ร่วมโดยสารลิฟต์หลายต่อหลายครั้งอย่างไม่เข้าใจ อีกฝ่ายเอาแต่ยืนนิ่งทำหน้าทะมึนเหมือนจะไปฆ่าใครตาย ไอเย็นที่แผ่ออกมาสร้างความกดดันในพื้นที่คับแคบอย่างห้องโดยสารลิฟต์อย่างมหาศาลจนร่างบางแทบจะหายใจไม่ออก เขากำลังโกรธอันนี้เธอแน่ใจ แต่โกรธเรื่องอะไร?...เรื่องที่เธอไปเพ่นพ่านชั้นอื่น? เธอไปเพราะเรื่องงานนะ ไม่ได้หนีเที่ยวเล่นสักหน่อยหรือจะโกรธเรื่องอื่น?แล้ว...มันเรื่องอะไรกันเล่า"คุณ...โกรธฉันหรอคะ" จนแล้วจนเล่ารินลดาก็นึกไม่ออกว่าจริงๆ แล้ววรธันย์โกรธเธอเรื่องอะไรกันแน่ เมื่อคิดไม่ออกก็เลยตัดสินใจถามออกไปเสียเลย"ฉันไปเพราะเรื่องงานนะคะ ไม่ได้หนีเที่ยว" เสียงหวานพยายามแก้ต่างเมื่อร่างสูงไม่ยอมตอบคำถามก่อนหน้า ทำเพียงปรายตามองด้วยสายตาเรียบนิ่ง ให้ตาย...เธอเคยเจอแต่ตอนที่เขาโกรธแล้วโวยวาย ไม่เคยเจอโกรธแล้วเงียบแบบนี้มาก่อน"เอ่อ...ขอโทษด้วยนะคะ ถ้าเกิดว่าทำให้คุณไม่พอใจ" พออีกฝ่ายเอาแต่นิ่งเงียบ เธอก็จนปัญญาที่จะเซ้าซี้เอาคำตอบ สุดท้ายก็เลือกที่จะเอ่ยขอโทษทั้งที่ไม่รู้ว่าผิดอะไรออกไปแทน"พี่! " "คะ? " คำแรกที่ร่างสูงกระแทกเสีย
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 17"วันนี้กลับก่อนเลยนะ ฉันมีงานต้องเคลียร์ต่ออีกนิดหน่อย เดี๋ยวให้เมฆไปส่ง" ท่านประธานที่กลับเข้าห้องไปทำงานต่อตั้งแต่บ่ายเดินออกมาอีกครั้งในตอนสี่โมงเย็นพร้อมกับยื่นคีย์การ์ดสำรองให้คนที่อยู่ในสถานะนักศึกษาฝึกงาน"แล้ว...คุณศรัณไปไหนหรอคะ ไม่เห็นนานแล้ว" ร่างบางพยักหน้ารับ ก่อนทำท่าฉุกคิดเล็กน้อยแล้วถามออกมา คนชื่อเมฆเธอไม่เคยเห็นหน้าแต่ก็คงจะเป็นคนของเขา ส่วนคนที่เคยเห็นอยู่ช่วงแรกๆ ที่เข้ามาอยู่ในบ้านอีกฝ่ายก็ดันหายหน้าไป"ศรัณไปดูงานแทนฉันที่ระยอง" เขาตอบคำถาม แม้ฟังแล้วจะสงสัยว่าศรัณทำหน้าที่อะไรกันแน่ถึงได้ไปดูงานแทนเจ้านายได้ แต่เธอก็ไม่ได้ถามเซ้าซี้อะไร ท่าทางของศรัณก็ดูภูมิฐาน อาจไม่ได้เป็นแค่คนขับรถอย่างที่เข้าใจ"อยากกินแกงเลียงกุ้งสด..." เสร็จธุระแล้วร่างสูงก็ยังไม่หนีไปไหน เอาแต่ยืนจ้องหน้าก่อนจะเปรยออกมาเสียงเรียบ"คะ? อ้อ ค่ะ" รินลดาทำหน้างงเล็กน้อย กว่าที่สมองจะประมวลผลจนเข้าใจก็ตอบรับออกไป แต่เขาก็ยังอยู่ที่เดิม"อยากทานอะไรอีกมั้ยคะ จะได้ทำไว้รอ" เธอเป็นฝ่ายถามบ้าง เผื่อว่าเขาจะอยากทานอะไรเพิ่ม"อะไรก็ได้แล้วแต่ถนัด" วรธันย์ต
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 18"ฮัลโหล ว่าไงลูก" น้ำเสียงกังวานใสกรอกเข้าไปในสายหลังกดรับ นึกสงสัยไม่น้อยว่าทำไมลูกชายถึงโทรมาหาตอนใกล้จะเที่ยงแบบนี้[คุณหญิง...คุณหญิงต้องช่วยพี่นะ] คุณหญิงนาฏยาขมวดคิ้วฉับ มึนงงหนักไปอีกเมื่อได้ยินเสียงลูกชายพูดอ้อนเหมือนที่เคยทำตอนเด็กๆ ด้วยการแทนตัวเองว่า 'พี่' กับตน"หืม? เกิดอะไรขึ้นกับพี่ธันย์ของแม่ครับ" คนฟังถามกลับเสียงหวาน ดีใจจนเนื้อเต้นเหมือนกำลังจะได้ยินเรื่องสนุก[ก็ลูกสะใภ้คุณหญิงน่ะสิ งอนตุ้บป่องแล้ว] ไม่อยากเลยจริงๆ ไม่อยากเอาเรื่องน่าขายหน้ามาเล่าให้มารดาฟังเลยสักนิด แต่นอกจากบรรยากาศตอนเช้าจะอึมครึมแล้ว ตอนสายเขาตัดสินใจโทรสั่งดอกไม้มาง้อคนงอนแล้วก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า มืดแปดด้าน...สุดท้ายก็เลือกจะโทรขอความช่วยเหลือกจากผู้เป็นแม่"อ่าว แล้วไปทำอะไรให้น้องงอนล่ะหืม? แกล้งอะไรน้อง! " มารดาเค้นถามเสียงเข้ม แสดงความห่วงใยว่าที่ลูกสะใภ้มากกว่าลูกชายเห็นๆ[พี่เปล่า~ แค่...] วรธันย์ตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้แม่ฟัง ไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อยว่าตนกำลังรู้สึกอะไรๆ กับรินลดาบ้างแล้ว กลัวอีกฝ่ายจะไม่ยอมช่วย"สมควรแล้ว! " น้ำเสียงคนฟังที่ตอบ
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 19เผลอแป๊บเดียวก็ถึงวันพฤหัสฯ พรุ่งนี้เป็นวันที่ต้องออกเดินทางไปทะเลกันแล้ว หลังเลิกงานวันนี้วรธันย์กับรินลดาจึงมาซื้อของกันที่ห้างสรรพสินค้า เธอปล่อยให้เขาเลือกซื้อเสื้อผ้าและของใช้ตามสบาย ส่วนตัวไม่คิดจะซื้ออะไรเพราะเสื้อผ้าที่คุณหญิงนาฏยาซื้อให้เมื่อตอนเข้ามาอยู่บ้านเขาใหม่ๆ ก็เยอะจนจะใส่ไม่ครบอยู่แล้วใช่...เธอไม่เดือดร้อน แต่ร่างสูงกลับเดือดร้อนแทนเธอซะงั้น ไม่ว่าเขาจะซื้ออะไรก็เป็นอันต้องบังคับให้เธอซื้อตามทุกอย่าง ไม่ซื้อเขาก็ซื้อแทนให้ เอาแต่ใจสุดๆ! แต่ที่ทำเอาทั้งขำทั้งอายเห็นทีจะเป็นเสื้อฮาวายคู่กันนี่แหละ ไม่คิดเลยว่าคุณเขาจะอยากใส่เสื้อคู่ ยังไม่ใช่แฟนกันนะ เผื่อลืม..."เอานี่ไปด้วย" เดินมาถึงโซนบำรุงผิว ครีมกันแดดหลอดใหญ่ก็ถูกหยิบใส่รถเข็น ทำเอาคนมองตามทำหน้าแปลกใจสุดขีด"กลัวดำเหมือนคนอื่นเขาด้วยหรอคะ" ร่างบางแซวอย่างอึ้งๆ ปนขำ ไม่คิดว่าเขาจะห่วงผิวเหมือนพวกผู้หญิงด้วย"ซื้อให้หนูนั่นแหละ" วรธันย์ตอบอย่างไม่คิดอะไร แต่คนแซวเขาถึงกับแก้มร้อนไปต่อไม่เป็น"เหลือรองเท้าแตะ" เสียงทุ้มพึมพำ ก่อนเข็นรถนำคนข้างกายไปช้อปกันต่อที่โซนขายรอง
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 20"เป็นอะไร? ถ้าไม่พอใจพี่นอนโซฟาก็ได้"ร่างสูงที่ยืนกอดอกพิงขอบประตูระเบียงเสนอขึ้นเมื่อเห็นคนที่มาด้วยยืนทำหน้าหนักใจ หลังได้รู้ว่าต้องพักในบ้านหลังนี้แค่สองคน และเตียงก็มีแค่หนึ่ง...เธอก็แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ถึงไม่มีห้องนอนสักสองหรือสามให้สมส่วนกับพื้นที่กว้างๆ แต่สิ่งที่มีคือห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่น สระว่ายน้ำ ระเบียงกว้างและสวนดอกไม้ให้เดินเล่น...แต่กลับไม่มีห้องนอน! มีแค่เตียงหลังใหญ่เพียงหลังเดียวอยู่ตรงกลางห้อง แล้วไม่คิดว่าแขกที่มาพักจะมากันหลายคนบ้างเลยหรือไง ถ้ามาหลายคนจะให้นอนไหนกัน ตอนแรกที่เห็นไม่ทันได้สำรวจดีๆ ก็ว่าสวยมากอยู่หรอก แต่ตอนนี้บอกเลยว่าแย่มากๆ!"เปล่าค่ะ...ใครจะกล้าไล่พี่ไปนอนโซฟากันล่ะ" รินลดาบอกเสียงเบาอย่างปลงตก แม้จะไว้ใจวรธันย์ในระดับหนึ่งว่าเขาคงจะให้เกียรติเธอ แต่ความคิดด้านลบมันก็แย้งมาว่ายังไงเขาก็เป็นผู้ชายและเราก็ยังไม่ได้แต่งงานกันให้ถูกต้องตามประเพณี เราจะข้ามขั้นมานอนร่วมเตียงกันไม่ได้ มันไม่ถูกต้อง...ถึงจะแค่นอนเฉยๆ ก็เถอะ! และถ้าจะให้เขาผู้เป็นคนจ่ายเงินทุกอย่างในทริปนี้ไปนอนที่
วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 34 (ตอนจบ) วันเวลาผ่านพ้นไปกิจวัตรประจำวันของรินลดาก็ยังคงวนเวียนแบบเดิมซ้ำๆจนอายุครรภ์ล่วงเลยมาจนถึงแปดเกือบเก้าเดือนและมีวันกำหนดคลอดในอีกไม่กี่วันข้างหน้าแต่เธอรู้ว่าอาจจะอยู่ได้ไม่ถึงวันนั้นเนื่องจากช่วงนี้มีอาการเจ็บท้องเตือนบ่อยขึ้นบางทีก็เจ็บจนร้องไห้ผู้เป็นสามีจึงต้องลางานมาอยู่เป็นเพื่อนในช่วงใกล้คลอด"ไหวไหม"ร่างสูงเอ่ยถามภรรยาท้องแก่ที่นั่งเอนหลังดมยาดมพลางหอบหายใจแรงกว่าปกติเนื่องจากเจ็บท้องเตือนขึ้นมาอีกแล้วและดูเหมือนวันนี้จะเจ็บมากกว่าปกติเขาจึงให้คนเตรียมรถเตรียมของใช้สำหรับคลอดไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน"อึก...ไม่ไหว...แฮ่ก"แรงปวดไม่มีท่าทีว่าจะเบาลงเลยแม้แต่น้อยมือเล็กที่บีบมือใหญ่ไว้ส่งผ่านความรู้สึกมาถึงร่างสูงแม้ไม่ทั้งหมดแต่ก็ทำให้เขาได้รับรู้ว่าเธอกำลังจะทนไม่ไหวไม่ต้องรอให้พูดอะไรซ้ำวรธันย์ก็เรียกเด็กในบ้านให้รีบเตรียมของขึ้นรถส่วนเขาก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีช้อนตัวภรรยาขึ้นอุ้มและตรงไปที่รถอย่างรวดเร็วเรียกได้ว่าสถานการณ์เริ่มวุ่นวายแต่ก็ไม่ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเพราะทุกคนเตรียมการนี้ไว้สักพักใหญ่แล้วเพียงตื่นเต้นยิน
วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 33ตกเย็นวรธันย์ก็พาภรรยามาที่บ้านใหญ่พร้อมด้วยกล่องของขวัญหนึ่งใบที่ทำเอาทุกคนต่างมองด้วยความสนใจครั้นถามว่าเอามาให้ใครและข้างในมีอะไรเจ้าตัวก็บ่ายเบี่ยงบอกแค่ว่าจะเฉลยในตอนที่ทานข้าวเสร็จเล่นเอาคุณหญิงนาฏยาคันไม้คันมือยิกๆอยากแย่งมาเปิดดูให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ทำได้แค่เก็บอาการและอดใจรออย่างใจเย็น"เอ้อแม่มีอะไรจะบอก"คุณหญิงพูดขึ้นท่ามกลางมื้ออาหารที่เริ่มดำเนินมาสักพักหนุ่มสาวเลยพร้อมใจกันวางช้อนส้อมเพื่อรอฟังในสิ่งที่มารดากำลังจะบอก"แม่คุยพ่อและคุยกับพ่อแม่หนูแล้วว่าจะให้ทั้งสองคนย้ายเข้ามาอยู่กับพวกเราที่นี่เนี่ยน้ากว่าจะเกลี้ยกล่อมได้เหนื่อยแทบตายแน่ะ"คุณหญิงบอกอย่างอารมณ์ดีได้ยินแบบนั้นรินลดาก็จ้องหน้าแม่สามีอย่างไม่อยากจะเชื่อหูก่อนจะหันไปมองพ่อกับแม่ที่ทำหน้าเกรงอกเกรงใจอยู่ไม่คลาย"ก็จะให้มาอยู่เฉยๆไม่ให้ทำอะไรเลยมันไม่ได้จริงๆค่ะเกรงใจ"อรนภาเอ่ยแทรกขึ้นมาความจริงคุณหญิงชวนเธอกับสามีมาอยู่ด้วยกันหลายครั้งแล้วแต่เธอปฏิเสธเพราะเกรงใจอีกอย่างก็ไม่คุ้นชินกับบ้านหลังใหญ่หรูหราแบบนี้เท่าไรคราวนี้ที่ยอมก็เพราะยื่นข้อเสนอไปว่าถ้าให้อยู่ก็ข
วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 32สองอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกงเข็มนาฬิกา ว่าที่เจ้าสาวถูกปลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผมตั้งแต่ไก่ยังไม่ขันด้วยทีมช่างที่คุณหญิงนาฏยาจัดหามาให้ ได้คุณหญิงและผู้เป็นแม่คอยช่วยดูแลอีกที กำหนดการในช่วงเช้าวันนี้คือการเข้าพิธีแต่งงานแบบไทย เรียบง่าย ลดขั้นตอนพิธีบางอย่างออกไป คงเหลือไว้แต่พิธีหลักๆ ที่สำคัญ สถานที่จัดงานคือบ้านหลังใหญ่ของฝ่ายว่าที่สามีที่ยังคงนอนหลับอยู่อีกห้องหนึ่ง เพราะขั้นตอนการแต่งตัวน้อยกว่าฝ่ายเจ้าสาวจึงยังไม่ถูกปลุกขึ้นมาพร้อมกันใช้เวลาร่วมสามชั่วโมงในการแต่งหน้าทำผมให้เจ้าสาวและบรรดาแม่ๆ กระทั่งแล้วเสร็จในช่วงเช้าพอดี ฝ่ายเจ้าบ่าวเองก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วทว่ายังถูกขัดขวางไม่ให้ได้เจอเจ้าสาวจนกว่าจะเริ่มพิธีไม่เพียงแค่เจ้าของงานที่ต้องเตรียมตัวแต่เช้า ฝ่ายจัดสถานที่และฝ่ายแม่ครัวเองก็วิ่งวุ่นไม่ต่างกันเพราะต้องเตรียมอาหารเลี้ยงพระและ แขกคนสำคัญที่แม้จะเชิญมาแค่ไม่กี่คนก็ต้องดูแลให้ดีสมฐานะเจ้าบ้าน พยายามให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"ใจเย็นๆ อย่าตื่นเต้นมากนัก เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อน" อรนภาลูบหลังลูกสาวเ
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 31ด้วยไม่ได้นอนทั้งคืนและอ่อนเพลียจากพิษไข้ คืนแรกที่ต้องนอนแยกห้องกันตามข้อตกลงเลยทำให้รินลดาหลับสนิท ต่างจากวรธันย์ที่นอนมองเพดานว่างเปล่ามานานหลายชั่วโมงแล้ว เขายังไม่มีทีท่าว่าจะง่วงเลยแม้แต่น้อย เขาคิดถึงร่างนุ่มนิ่มของคนรักที่เคยได้นอนกอด มากไปกว่านั้นคือเป็นห่วงกลัวว่าคนป่วยจะไข้ขึ้นสูงกลางดึกแล้วไม่มีคนดูแลสุดท้ายร่างสูงก็ยอมแพ้ต่อความห่วงใย เขาทนไม่ไหวจึงหอบเอาผ้าห่มกับหมอนเดินไปที่ห้องนอนเล็ก มือหมุนเปิดลูกบิดอย่างแผ่วเบา ก่อนเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง ลงมือปูผ้าห่มลงบนพื้น ไม่ลืมตรวจเช็คอุณหภูมิของคนหลับด้วยว่าน่าเป็นห่วงหรือไม่ เมื่อพบว่ายังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงวรธันย์ก็ล้มตัวลงนอนข้างเตียง แต่ตั้งใจไว้ว่าจะต้องตื่นก่อนและรีบออกไปจากห้อง บทลงโทษของคนที่ทำอะไรไม่คิดคือแยกห้องนอนและห้ามวอแวอีกฝ่ายจนกว่าจะถึงวันแต่งงานในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า นี่แค่วันเดียวก็แทบจะทนไม่ได้แล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะอดทนได้จนถึงวันแต่งงานหรือเปล่ารินลดาหลับยาวจนถึงเช้า เธอลืมตามองไปรอบๆ อย่างสำรวจ เพราะเมื่อคืนเหมือนจะมีบางช่วงที่กึ่งหลับกึ่งตื่นและรู้สึก
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 30"เฮ้อ...""อะไร ถอนหายใจแต่เช้า ไหวไหมเนี่ย ท่าทางเราดูเพลียๆ นะ ไม่ได้หลับได้นอนหรือไงหื้ม" เลขาท่านประธานถามขึ้นอย่างห่วงใยเมื่อเห็นเด็กฝึกงานในความปกครองนั่งถอนหายใจก่อนฟุบหน้าลงกับโต๊ะด้วยท่าทางอ่อนล้าในเช้าวันหนึ่ง จะว่าถูกเธอใช้งานหนักก็ไม่ใช่ ถึงจะเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงานแต่พ่วงตำแหน่งคู่หมั้นของเจ้านาย ยังไงก็เปรียบเสมือนเจ้านายเธออีกคน ใครจะไปกล้าใช้งานหนักกัน"ประมาณนั้นแหละค่ะ เจ้าที่แรงมาก ไม่ยอมให้หลับให้นอนเลย" เสียงหวานอ่อนระโหยโรยแรงบ่นพึมพำออกมาคล้ายคุยกันตัวเองมากกว่า คำว่า 'เจ้าที่แรง' ทำคนฟังได้แต่ทำหน้าสงสัย พลันนึกไปถึงคอนโดหรูที่เจ้านายพัก ก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเจ้าที่แรง...ขณะที่รุ่นพี่คิดไปไกล...เจ้าที่ในความหมายของคนอายุน้อยกว่าตอนนี้กำลังนั่งจามอยู่ในห้องทำงานอย่างไม่ทราบสาเหตุ ใช่...เจ้าที่ที่ก่อกวนเวลานอนของเธอก็คือเจ้านายพี่นั่นแหละ!หลังจากวันสารภาพบาป (?) นี่ก็ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว และตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมารินลดาต้องรับมือกับ 'ผีทะเลกินดุ' แทบจะทุกคืน! พอได้มีคืนแรกด้วยกัน คืนต่อๆ ไปก็มาไวและถี่เสียจนตั้งรับไม
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 29"หนูกลัว..." น้ำเสียงเบาหวิวเอ่ยขึ้นในตอนที่ได้กลับมาเหยียบบ้านอินทรเกษมกุลอีกครั้ง แววตากลมใสสั่นระริก ดวงหน้าปรากฏความกังวลอย่างเห็นได้ชัด แม้จะคุยกันมาดีแล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ เธอก็ยังมีความพร้อมไม่มากพออยู่ดี"พี่อยู่ทั้งคน" ฝ่ามือใหญ่กุมทับมือเล็กที่เย็นเฉียบสร้างความอบอุ่นแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ ทว่าก็ทำคนฟังใจชื้นขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะความวิตกกังวลมันมีมากกว่า เธอกลัวว่าพ่อกับแม่จะผิดหวังในตัวเธอมากกว่าว่าใครจะมองยังไง แต่ถ้าไม่พูดก็ไม่สบายใจอีกเหมือนกัน"ไปเถอะ เชื่อใจพี่...ไม่มีอะไรต้องกลัว" ร่างสูงให้กำลังใจ กระชับมือเล็กแน่นขึ้น ก่อนพาเดินเข้าบ้านไป ในเวลานี้ทุกคนต่างมานั่งรวมตัวกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นตามที่วรธันย์ได้โทรมาขอไว้ ทั้งพ่อแม่ของเขาและพ่อแม่ของรินลดา"อ้าว มากันแล้ว สวัสดีจ้ะ นั่งๆ" คุณหญิงนาฏยาทักทายทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม มือรับไหว้ว่าที่ลูกสะใภ้ก่อนเชิญทั้งสองมานั่งคุยกันระหว่างรอทานมื้อค่ำ"น้องหญิง ไม่สบายหายดีหรือยังคะ พี่ธันดูแลน้องดีหรือเปล่าเนี่ย" ประโยคแรกเอ่ยกับร่างบางด้วยรอยยิ้มสดใส ประโยคหลังหันมามองแรงใส่ล
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 28"คุณพิมพ์ วันนี้ผมไม่เข้าบริษัทนะ เลื่อนงานออกไปทั้งหมด บอกศรัณซื้อยาลดไข้กับข้าวต้มมาให้ผมที่คอนโดด้วย ขอบคุณ" มือเรียวกดวางสายทันทีหลังจากพูดธุระกับผู้เป็นเลขาจบ โทรศัพท์เครื่องหรูถูกวางทิ้งไว้อย่างไม่ใยดีหลังจากหมดประโยชน์ เนื่องจากเจ้าของเครื่องมีสิ่งสำคัญมากกว่าให้สนใจร่างบอบบางภายใต้เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขากำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอทว่าร่างกายแผ่ไอร้อนออกมาจนรู้สึกได้ คนเป็นไข้ต้องเช็ดตัว...คิดได้แบบนั้นวรธันย์จึงผละออกไปหาผ้าสะอาดกับชามใบเล็กๆ รองน้ำเกือบเต็ม ก่อนจะเดินกลับเข้ามาหาคนหลับอีกครั้งมือเรียวคว้ารีโมทมากดปิดแอร์เพราะกลัวคนป่วยจะหนาวระหว่างที่เช็ดตัวให้ ก่อนทำการขุดร่างคนป่วยขึ้นมาจากผ้าห่มผืนใหญ่ เปลื้องผ้าเธอจนหมด แล้วนำผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดไปตามลำตัวขาวผ่องซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยสีแดงเรื่อที่เขาฝากไว้เมื่อคืนอย่างระมัดระวังวรธันย์ข่มใจเช็ดตัวให้คนรักจนเสร็จก็ใส่เสื้อผ้ากลับคืนให้ ดึงผ้าห่มคลุมถึงลำคอก่อนกดเปิดแอร์และเพิ่มอุณหภูมิให้อุ่นขึ้น ก่อนเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำบ้าง ออกมาทันตอนได้ยินเสียงก
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 27รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังบอบบางก็แตะลงบนที่นอนนุ่ม ริมฝีปากอุ่นร้อนที่ตักตวงเอาความหอมหวานจนพอใจถูกถอนออกไปก่อนจูบซับเข้าที่ข้างขมับ พวงแก้ม ปลายคางและเลื่อนต่ำลงไปที่ซอกคอขาว ขณะที่ฝ่ามือลากไล้ไปตามส่วนเว้าโค้งของคนรัก กลิ่นกายหอมกรุ่นราวกับดอกไม้แรกแย้มทำสติสัมปชัญญะกระจัดกระเจิงยากที่จะควบคุมวรธันย์ห่างหายจากเรื่องบนเตียงไปนานมากๆ ตลอดมาเขาไม่เคยต้องอดทนกับใคร และก็คิดว่ายังทนต่อไปได้อีกนาน กระทั่งได้ยินคำว่า 'รัก' จากปากอิ่มเล็กๆ นั่น เขาถึงได้รู้ความจริงว่าความอดทนของเขามันหมดไปตั้งแต่วินาทีนั้น เขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว!ด้านรินลดาเองก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปถ้าขืนเธอยังคงนิ่งเงียบ ปล่อยให้สถานการณ์มันไหลต่อเนื่องไปแบบนี้ เธอกำลังสับสนกับความต้องการจริงๆ ของตัวเองเพราะความคิดด้านดีกับด้านลบกำลังขัดแย้งกันมั่วไปหมด...'ห้ามชิงสุกก่อนห่าม' คือประโยคที่ไม่ว่าหญิงหรือชายก็มักจะเคยได้ยินพวกผู้ใหญ่พร่ำสอนกันมาตั้งแต่เล็กจนโตในสังคมไทย ทว่าเธอไม่เคยมีคนรักเลยไม่รู้ว่าคนอื่นๆ ที่เขามี เขาทำตามคำสอนนั้นได้จริงๆ หรือเปล่า เพราะอีกด้านหนึ่งเราก็
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 26การอยู่เฉยๆ ในห้องชุดอันแสนกว้างใหญ่มันไร้ประโยชน์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อยากทำอะไรก็ขยับไม่ได้ดั่งใจ แต่จะให้อยู่เฉยๆ ทั้งวันรินลดาก็ทำไม่ได้ เมื่อทำงานบ้านทุกอย่างเสร็จสิ้นเธอก็ตั้งใจว่าจะลงไปเดินเล่นที่ซุปเปอร์มาเก็ตข้างล่างคอนโด เพราะตอนดูทีวีบังเอิญเปิดไปเจอรายการทำอาหารและขนม เลยนึกอยากทำขนมอร่อยๆ ไว้รอเจ้าของห้องกลับจากที่ทำงานร่างบางพาตัวเองค่อยๆ เดินไปที่ลิฟต์อย่างไม่รีบร้อน โชคดีที่คอนโดหรูแห่งนี้เงียบสงบ ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเลยไม่จำเป็นต้องรีบร้อนหรือกลัวว่าจะไปยืนเก้ๆ กังๆ ขวางทางใครเข้า"หญิง! " ใครสักคนที่กำลังจะเดินสวนเข้ามาในคอนโดเรียกชื่อเธอเสียงดัง ครั้นหันไปมองก็เห็นอีกฝ่ายยืนยิ้มแฉ่งก่อนจะปรี่เข้ามาลูบหัวลูบหาง (?) เธอด้วยความดีใจ"พี่อิฐ! " คราแรกที่ถูกเรียกเสียงดังยอมรับว่าค่อนข้างตกใจ แต่พอรู้ว่าเป็นใครรินลดาก็ออกอาการดีใจไม่ต่างกัน บุรุษเพศนั้นผ่านเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเธอแค่ไม่กี่คน หนึ่งในนั้นก็คือพี่รหัสคนนี้นี่เอง"โหย ไม่เจอกันนาน คิดถึงนะเนี่ย" อิทธิพัทธ์เขย่าไหล่เล็กเบาๆ ด้วยความตื่นเต้น ก่อนที่สุดท้ายจะอดใ