วิวาห์(ไม่)ไร้รัก
Writer : Aile'N
ตอนที่ 12
"นี่มันหมายความว่ายังไงคะธันย์ ไหนบอกจะช่วยกันกำจัดนังนั่นไงคะ คุณไปทำดีกับมันทำไม! ? " ความสัมพันธ์ของวรธันย์และรินลดาเริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น และคนที่คอยจับตามองความเคลื่อนไหวของคนทั้งคู่มีหรือที่จะไม่รู้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้าง วันนี้ถึงได้บุกมาหาเขาที่บริษัทตั้งแต่เช้า และใช่...เลขาเขาหยุดพายุลูกนี้ไม่ได้อีกครั้ง
"ผมมีวิธีของผม การรวมหัวกันรุมรังแกอีกฝ่ายแบบนั้นไม่ใช่เรื่องดี" ปากกายี่ห้อดังยังคงถูกมือแกร่งจับตวัดไปมาบนเอกสารสำคัญ เช่นเดียวกับดวงตาคมกริบที่ยังคงเพ่งสมาธิไปที่มันมากกว่าคู่สนทนา นั่นยิ่งทำให้เกวลินเดือดดาลกว่าที่เป็น
"วิธีอะไรของคุณ เกวไม่เห็นว่าคุณจะทำอะไรตรงไหน ตรงข้าม! คุณพามันไปกินข้าวซื้อแหวน ไม่ใช่ว่าหลงมารยามันแล้วหรือไงคะ! ? " เกวลินนับเป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญน้อยเมื่อเทียบกับคนอื่นที่เขาเคยมีสัมพันธ์มา แต่วันนี้หล่อนทำให้เขารู้แล้วว่าหล่อนไม่ได้ต่างไปจากคนอื่นเลยสักนิด
"เกวลิน...คุณมีสิทธิ์ก้าวก่ายเรื่องของผมมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถ้ายังพูดไม่รู้เรื่องอยู่แบบนี้ก็เชิญที่ประตู ผมจะทำงาน" ด้วยเป็นคนใจร้อน ขี้รำคาญและความอดทนต่ำถึงขั้นสุด คุยไม่กี่คำร่างสูงก็หมดความอดทน เขามีงานสำคัญรออยู่มากมาย ไม่มีเวลามาคุยเรื่องส่วนตัวกับใคร แล้วยิ่งมาเต้นเร่าหวีดร้องเสียงแหลมแสบแก้วหูแบบนี้ด้วยแล้วก็ยิ่งหมดความอดทน
"ธันย์! " เสียงบดกรามบวกน้ำเสียงลอดไรฟัน ทำคนฟังผงะตกใจ เพราะตั้งแต่ที่รู้จักกันมาร่างสูงไม่เคยแสดงอารมณ์แบบนี้ใส่เธอมาก่อน
แม้จะถูกเลื่อนสถานะจากคู่ขามาเป็นแฟน แต่เกวลินก็ไม่แน่ใจนักว่านิยามคำว่า 'แฟน' สำหรับอีกฝ่ายมันคืออะไร เพราะเธอรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเรามันไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลยสักนิด มันเหมือนมีเส้นบางๆ ที่มองไม่เห็นขีดกั้นเราอยู่ตลอด เธอไม่มีสิทธิ์หึงหวงหรือก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขา เช่นกับที่เขาไม่เคยสนใจเธอมากไปกว่าเรื่องบนเตียง
"...เกวเป็นแฟนคุณนะคะ เกวไม่มีสิทธิ์หึงหวงคุณเลยใช่มั้ย" กว่าร่างเพรียวจะหาเสียงเจอก็กินเวลาไปหลายวินาที เธอยืนตัวสั่นกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อด้วยพยายามข่มความโกรธและน้อยใจ
"คุณรู้คำตอบดีอยู่แล้วเกว...กลับไปก่อน ผมต้องการสมาธิทำงาน" ร่างสูงตัดบทอย่างไม่ใส่ใจ ไม่สนใจจะมองด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายตัดพ้อเขาด้วยน้ำเสียงและสายตายังไง เส้นบางๆ ที่กั้นเราไว้เขานั่นแหละที่เป็นคนขีดมัน เพราะรู้ว่าเมื่อไรที่ปล่อยให้อีกฝ่ายล้ำเส้นก็จะต้องพบเจอกับความน่ารำคาญใจเช่นนี้
เกวลินพยายามข่มความโกรธและน้อยใจไว้ให้ลึกที่สุด เพราะแสดงออกแล้วอย่างไร เขาไม่เคยสนใจกันอยู่ดี เธอสูดลมหายใจลึกพลางกลอกตาเก็บหยาดน้ำใสๆ กลับเข้าไป ก่อนเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง สองเท้าเรียวบนส้นสูงปลายแหลมก้าวเดินไปที่ประตูอย่างช่วยไม่ได้
.
.
"ไอ้หญิง! เลิกคลาสแล้ว ไม่กลับบ้านหรือไงยะ" เสียงฝ่ามือกระทบลงบนโต๊ะตรงหน้าทำคนเหม่อสะดุ้งหลุดจากภวังค์ความคิด เธอมองสามสาวที่กำลังเก็บของเตรียมกลับบ้านอย่างงงๆ เมื่อมองไปรอบตัวก็พบว่าคนอื่นๆ ได้ทยอยออกจากห้องไปจนเกือบจะหมดแล้ว
"เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย วันนี้แกดูเหม่อๆ นะ เอาแต่มองมือ...เฮ้ยยย นี่มันแหวนเพชรใช่ป้ะ! " ฟิล์มทักอย่างไม่ค่อยจะใส่ใจนัก แค่พูดไปตามที่เห็น แต่พอมองไปที่มือเพื่อนตามคำพูดแล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นประกายวิบวับจากแหวนเพชรเม็ดเล็กๆ ที่ก่อนหน้าไม่เคยเห็นบนนิ้วเพื่อนมาก่อน และพอคนหนึ่งเห็นอีกสองคนก็รุมเข้ามาดูด้วยอย่างตื่นเต้น
"ใครซื้อให้ คุณธันย์ใช่ป้ะ" สาวๆ รุมถามรุมจับมือเธอไปลูบด้วยความตื่นเต้นระคนอิจฉา ซึ่งรินลดาก็ได้แต่พยักหน้ารับและฉีกยิ้มแห้งๆ ส่งให้เท่านั้น
"หู้ยยย อิจฉาอ่ะ! " คนฟังพากันวี้ดว้ายดีใจราวกับเป็นคนได้รับมันเสียเอง จากนั้นพวกหล่อนก็รุมเค้นเอาคำตอบจากร่างบางในสิ่งที่อยากรู้อีกหลายประโยค กว่าจะยอมปล่อยเธอกลับได้ก็เล่นเอาเหนื่อย
"อ้าว หญิง เลิกเรียนแล้วหรอ" เพื่อนชายตัวสูงที่บังเอิญเจอกันตรงบันไดเอ่ยทักด้วยรอยยิ้มสดใส
"อ้อ ใช่...ภีมล่ะ" รินลดายิ้มบาง ถามไถ่กลับพอเป็นมารยาท
"เลิกแล้ว กำลังจะไปกินข้าวกับเพื่อนร้านหลังมอ ไปด้วยกันมั้ย" อีกฝ่ายชวนอย่างกระตือรือร้นแม้จะรู้ดีว่าเธอต้องกลับไปช่วยพ่อแม่ขายของ ไม่มีเวลาว่างจะไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆ นัก
"ตามสบายเลย เราต้องรีบกลับน่ะ" เสียงหวานปฏิเสธอย่างนุ่มนวล พอดีกับที่เดินลงบันไดมาถึงชั้นล่าง
"ไม่เป็นไร แล้วนี่กลับยังไงหรอ" ภีมยังคงชวนคุย แอบคิดในใจว่าถ้าไม่มีนัดก็อยากจะอาสาไปส่งคนตัวเล็กที่บ้านสักครั้ง อยากเร่งทำคะแนน...
"มีคนมารับน่ะ งั้นเราไปก่อนนะ" รินลดายิ้มบาง โบกมือลาเมื่อเดินมาถึงหน้าตึกคณะฯ
ภีมทั้งนึกสงสัยและเสียดาย เขายังคงยืนอยู่ที่เดิม มองตาแผ่นหลังบางไปจนกระทั่งเธอเดินไปหยุดอยู่ที่รถยนต์สุดหรูคันหนึ่ง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างร้อนใจ สงสัยว่าผู้ชายหน้าหล่อแต่งตัวภูมิฐานคนที่ออกจากรถมารับเธอคือใครมาจากไหน จังหวะนั้นอีกฝ่ายก็มองมาราวกับล่วงรู้ว่ามีคนมองอยู่...
ชั่ววินาทีที่ได้สบตากันเหมือนมีกระแสไฟที่มองไม่เห็นลั่นเปรี๊ยะระหว่างเขาทั้งคู่ เท่านี้ก็เหมือนหัวใจถูกควักออกจากอก แน่ใจโดยไม่ต้องมีใครบอกว่าร่างบางกับผู้ชายคนนั้นมีความสัมพันธ์กันแบบไหน...
.
.
"ขอบคุณนะคะที่มาส่ง" สปอร์ตคาร์คันหรูจอดสนิทลงหน้าตลาดนัดที่มีผู้คนพลุกพล่านจอแจในช่วงเย็น พอวรธันย์ลดทิฐิต่อกัน บรรยากาศเป็นกันเองมากขึ้นคนอายุน้อยกว่าก็ยกมือไหว้ว่าที่สามีอย่างลืมตัว
"ไม่ต้องไหว้...ฉันเป็นสามีไม่ใช่พ่อ" คนถูกไหว้ถึงกับหน้าตึง ยกมือทำปางห้ามไหว้ด้วยใบหน้าเรียบสนิท เอ่ยขัดเสียงดุอย่างอดไม่ได้
"อ้อ แหะๆ ค่ะ" รินลดาชะงักก่อนยิ้มแห้งเอาใจ บอกลากันอีกสองสามคำก็ลงจากรถไป
วันนี้ตลาดยังคงคึกคักคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่มาจับจ่ายซื้อของ ร่างบางเมินสายตาสอดรู้สอดเห็นของผู้คนบริเวณนั้นเดินลัดเลาะไปที่แผงขายกับข้าวของพ่อแม่ วันนี้เธอมีเวลาช่วยพวกท่านราวสามชั่วโมงหรือกว่ากับข้าวจะขายหมด ถามว่าเหนื่อยไหมก็เหนื่อยแต่พอคิดว่าพ่อกับแม่เหนื่อยกว่าก็ทำให้ความเหน็ดเหนื่อยของเธอเบาขึ้นกว่าเดิมเยอะ
เจ้าดำยังคงมานอนเฝ้าพวกเธออย่างทุกวัน มันนอนนิ่งไม่ดื้อซนให้ใครเดือดร้อน แสนรู้เสียจนลุงๆ ป้าๆ แผงข้างเคียงเอ็นดูเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำมันจนท้องป่อง เธอทักทายมันเล็กน้อยก่อนผละไปล้างไม้ล้างมือ สวมผ้ากันเปื้อนมาช่วยแม่ขายของ ทว่า...แหวนเพชรบนนิ้วทำเอาชะงักมือเสียก่อน เธอมองมันอย่างชั่งใจก่อนตัดสินใจถอดเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์กันหล่นหายหรือเปรอะเปื้อน
กว่าจะช่วยพ่อแม่ขายของเสร็จก็กินเวลาไปจนถึงสามทุ่ม วันนี้ลุงพรเป็นคนมารับกลับบ้านเพราะวรธันย์มีนัดดินเนอร์กับลูกค้า เธอกลับมาถึงบ้านพร้อมกับเขาที่เพิ่งจะเลี้ยวรถเข้ามาจอดพอดี
"กินอะไรมาหรือยัง" เป็นเขาที่เอ่ยทักก่อน เธอเพียงพยักหน้ารับเหนื่อยๆ ไม่ได้ถามกลับเพราะรู้ว่าเขาทานมาแล้ว
"ดูเหนื่อยๆ หักโหมเกินไปหรือเปล่า เรียนหนักแล้วยังต้องกลับมาช่วยพ่อแม่อีก...เลิกซะ ฉันจะจ้างคนไปทำแทน" คุณเขาถามไถ่เหมือนใส่ใจก่อนจะบ่นต่อเสียยาวเหยียดจนคนฟังตั้งตัวไม่ทัน พอจะอ้าปากแย้งอีกฝ่ายก็เปลี่ยนเรื่องไปเสียก่อน
"แล้วนั่น...แหวนหายไปไหน! " น้ำเสียงทุ้มต่ำเพิ่มความดุดันจนบรรยากาศเปลี่ยน ร่างบางเลยต้องรีบงัดหลักฐานออกจากกระเป๋ามาให้เขาดู เดี๋ยวเขาจะคิดว่าเธอทำหายหรือเอาไปขาย เมื่อก่อนเขายิ่งอคติกับเธออยู่ด้วย
"ตอนขายของฉันกลัวทำหายน่ะค่ะ เลยถอดเก็บไว้ในกระเป๋า" รินลดาเอาแหวนกลับมาสวมนิ้วตามเดิม ทำสีหน้าคนมองเริ่มดูดีขึ้นมาหน่อย...
ไม่อยากคิดก็ห้ามไม่ได้ เพราะแวบแรกที่ไม่เห็นอีกคนสวมแหวนวรธันย์ก็ดันคิดไปว่าเธอเอามันไปขายแล้วจริงๆ ที่เขาลงทุนซื้อให้ก็เพราะหนึ่ง...รินลดาสมควรจะได้ใส่มันไว้ สอง...ลึกๆ แล้วก็ยังอยากจะลองใจเธออยู่ ถ้าเกิดอีกฝ่ายเอามันไปขายจริงๆ เขาจะไม่เสียดายเลยกับการเสียเงินเพียงเล็กน้อยแลกกับการได้กระชากหน้ากากคนดีจอมปลอมของเธอออก
"ไม่จำเป็นอย่าถอด" คนคิดไปไกลกระแอมไอแก้เก้อ ก่อนสั่งกำชับทิ้งท้ายแล้วเดินนำขึ้นชั้นบนไปอย่างรีบเร่ง ราวกับกำลังหลบหนีอะไรบางอย่าง ร่างบางได้แต่ยืนมองตามตาปริบๆ ชั่วครู่ก็ตามอีกฝ่ายขึ้นไป เข้าห้องใครห้องมันเพื่อพักผ่อน...
เช้าวันต่อมารินลดาถูกรบเร้าให้เลิกไปช่วยพ่อแม่ขายของโดยคุณหญิงนาฏยาและคุณสุรศักดิ์ พวกท่านให้เหตุผลว่าเป็นห่วงสุขภาพร่างกายของเธอที่ทั้งเรียนหนักและไหนจะต้องมาช่วยพ่อแม่หลังเลิกเรียน แถมอีกหน่อยก็จะต้องฝึกงานเวลาที่มีก็ยิ่งลดน้อยไปกันใหญ่... ก่อนตบท้ายด้วยการเสนอว่าจะจ้างคนไปทำแทน ทั้งที่ความจริงแล้วอยากให้พ่อแม่เธอหยุดขายแล้วย้ายมาพักอยู่ด้วยกันเลยด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อทางนั้นคงไม่ยอมเลยเลือกที่จะคอยช่วยเหลือแทน ร่างบางลำบากใจที่จะปฏิเสธคำขอร้องของผู้ใหญ่จนอดหันไปค้อนคนข้างกายไม่ได้ เธอเชื่อว่าที่คุณหญิงลุกขึ้นมาพูดเรื่องนี้แต่เช้าเพราะวรธันย์เป็นคนบอกแน่ๆ
ครั้นจะเลี่ยงด้วยการบอกว่าขอกลับไปปรึกษาพ่อแม่ก่อนก็ไม่ได้ เมื่อคุณหญิงดักทางว่าจะเป็นคนไปคุยกับพวกท่านเอง แล้วพ่อแม่เธอที่คอยผลักไสไม่อยากให้เหนื่อยมาช่วยอยู่แล้วจะปฏิเสธหรือก็เป็นไปไม่ได้ มีแต่จะเห็นดีเห็นงามอยากให้เธอเอาเวลาไปอ่านหนังสือตั้งใจเรียนมากกว่า
ผลสุดท้าย...ก็กลายเป็นว่าพ่อแม่เธอยินดีที่จะให้เธอพัก แต่ไม่ขอรับน้ำใจที่คุณท่านจะส่งคนมาช่วยเพราะพวกท่านให้เหตุผลว่ายังทำกันไหว ไม่ได้หนักหนาอะไร แล้วเธอจะทำอะไรได้ นอกเสียจากต้องยอม...
"พรุ่งนี้วันเกิดคุณหญิงมาลี อย่าลืมซะล่ะเจ้าธันย์" ผู้เป็นแม่เอ่ยเตือนลูกชายในระหว่างทานอาหารเช้าร่วมกัน คุณหญิงมาลีนั้นเป็นเพื่อนสนิทของคุณหญิงนาฏยาที่คบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ที่เตือนก็เพราะลูกชายจะต้องเคลียร์คิวไปร่วมงานวันเกิดในคืนพรุ่งนี้กับเธอด้วย
"หญิงไปกับแม่นะ วันนี้เลิกเรียนพี่ธันย์จะพาไปลองชุด" เมื่อลูกชายรับทราบ คนก็หันมาพูดกับลูกสะใภ้เพราะตั้งใจจะพาไปเปิดตัวในงานนี้ด้วย
"คะ? " คนฟังเงยหน้าขึ้นมองอย่างงงๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องไปด้วย
"คุณหญิงมาลีเป็นเพื่อนสนิทของแม่เอง พรุ่งนี้เธอจะจัดงานวันเกิด เพื่อนๆ แม่ไปกันเยอะ แม่จะแนะนำให้รู้จัก" รอยยิ้มอ่อนโยนถูกส่งมาให้ แต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกไม่ค่อยไว้ใจรอยยิ้มของว่าที่แม่สามีนัก ยิ่งเห็นแววระยิบระยับในดวงตาก็ยิ่งไม่ไว้ใจ...
"เอ่อ ค่ะ" แม้จะไม่อยากไป แต่ร่างบางก็รู้ตัวดีว่าปฏิเสธไม่ได้ ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้านอินทรเกษมกุลมีหลายสิ่งที่เธอทำได้แค่ยอมรับและปรับตัวเท่านั้น.
.
.
หลังเลิกเรียนตามนัด คนมารับพาเธอไปต่อที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เขาเดินเข้าร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังอย่างคล่องแคล่ว ผิดกับเธอที่ประหม่าจนก้าวติดขัดหลายครั้ง ไม่ใช่ไม่เคยเข้าห้างฯ เพียงไม่เคยเข้าร้านเสื้อผ้าหรูๆ แบบนี้มาก่อน แค่การตกแต่งร้านก็บ่งบอกชั้นชน ราคาของที่ขายอยู่ข้างในได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ๋ว อย่าว่าแต่เข้ามาเลย เดินเฉียดเธอยังไม่กล้า...
"ชอบชุดไหน..." ร่างสูงพาว่าที่ภรรยามายังโซนเสื้อผ้าผู้หญิงอันประกอบไปด้วยชุดเดรสกรุยกรายมากมายหลากหลายแบบ เขาปล่อยให้เธอเลือก ส่วนตัวเขาเพียงยืนมองอยู่ใกล้ๆ
"งานใหญ่มั้ยคะ ไม่รู้ว่าต้องใส่ประมาณไหนถึงจะเหมาะสม" ร่างบางถามกลับอย่างคนไม่รู้จะเอายังไง ถ้าเป็นวันเกิดชนชั้นชาวบ้านทั่วไปอย่างเธอเสื้อยืดกางเกงยืนก็ไม่น่าเกลียด แต่นี่อีกฝ่ายเป็นเพื่อนคุณหญิง คงจะอยู่ในชนชั้นแถวหน้าของคนมีเงินแน่ๆ
"ก็...จัดที่โรงแรม" คนตอบอย่างไม่ใส่ใจ แต่คนฟังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ
"โรงแรมเลยหรอคะ! ? " แค่งานวันเกิดถึงกับจัดที่โรงแรม! เธอเข้าใจว่าจัดที่บ้านเสียอีก อย่างนั้นคงไม่ใช่งานเล็กๆ เสียแล้วสิ
พออีกฝ่ายพยักหน้ายืนยันหนักแน่น รินลดาจึงเปลี่ยนความคิดที่ว่าจะเลือกชุดธรรมดาราคาแพงน้อยที่สุดเพราะกลัวไปถึงงานแล้วจะแต่งตัวเว่อร์อยู่คนเดียว หันมาเลือกชุดที่เหมาะกับตัวเองสักชุด เอาแบบไม่เด่นและไม่เรียบจนเกินไป อย่างน้อยๆ ขอไม่ทำให้ใครขายหน้าก็พอ...
เลือกอยู่นานก็ได้ชุดเดรสลูกไม้สีฟ้าอ่อนยาวถึงเข่ามาหนึ่งชุด เมื่อเห็นเลือกได้วรธันย์ก็ให้พนักงานพาเธอไปลองที่ห้องลองชุด พอออกมาแทนที่จะเห็นคนรอทำหน้าอึ้งเหมือนในละครที่เคยดูบ่อยๆ เขากลับทำหน้านิ่วคิ้วขมวด สั่งให้เธอหมุนตัวอยู่สองสามรอบ แต่ก็ยังไม่พอใจ สุดท้ายก็เห็นเขาเดินกลับไปที่ราวแขวนชุด แหวกไปแหวกมาไม่กี่ทีก็เดินกลับมาพร้อมชุดเดรสเปิดไหล่สีครีม แหวกอก รัดรูป ยาวเลยเข่าขึ้นมาเล็กน้อย เขาสั่งให้เธอไปเปลี่ยนแทนชุดเดิมที่แสนจะเรียบร้อยและจืดชืด คุณหญิงมาลีนั้นเป็นคุณป้าสายแฟชั่น นอกจากป้าแกแล้วแขกที่ไปร่วมงานก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากัน ชุดนั้นรังแต่จะทำให้ร่างบางกลายเป็นแกะดำในฝูงเสือดาว ชุดใหม่ที่เขาเลือกให้แม้จะไม่จัดจ้านเท่าคนอื่นแต่รับรองว่าเธอจะไม่ถูกคนในงานมองด้วยสายตาแปลกประหลาดแน่นอน
รินลดาออกจากห้องลองชุดอีกครั้ง ชุดโชว์เนื้อหนังเกินความจำเป็นทำเธอไม่คุ้นชิน แต่สายตาคนมองกลับเป็นที่น่าพึงพอใจมากกว่าชุดก่อน สุดท้ายเธอก็ได้ชุดนี้ไปแบบมึนๆ เมื่อออกจากร้านเสื้อผ้าคนก็พาเธอไปทานข้าวต่อ ช่วงนี้ภาพของเธอกับเขายามไปไหนด้วยกันตามลำพังมักจะถูกแปะอยู่ในหน้าข่าวซุบซิบวันละสองสามรูปแล้วแต่โอกาส โดยที่เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแค่ไฮโซคนหนึ่งจะคบหากับใครทำไมผู้คนถึงให้ความสนใจกันยาวนานถึงขนาดนี้
"ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยคะ" น้ำเสียงคุ้นหูดังขึ้นข้างโต๊ะในตอนที่ทั้งคู่กำลังทานข้าว ไม่รอคำตอบจากใครร่างเพรียวนั้นก็หย่อนก้นลงนั่งข้างคนตัวสูง เบียดร่างนุ่มๆ เข้าหาอีกฝ่ายอย่างจงใจ
รินลดาพยายามถอนสายตาจากเนินอกขาวอวบที่โผล่พ้นชุดเกาะอกของอีกฝ่ายอย่างเนียนๆ เธอไม่ได้ลามกแต่ชุดที่หล่อนใส่ตรงนั้นมันเด่นกว่าอะไรทั้งหมด...เธอยังคงนั่งทานต่อ ไม่ได้ทักทายอะไรผู้มาใหม่เพราะคิดว่าคำทักทายหล่อนคงอยากได้จากร่างสูงมากกว่า
"ไม่ยักจะรู้ว่าเดี๋ยวนี้คุณมีเวลาให้คนอื่นมากกว่าแฟนตัวเองอีกนะคะ" ดวงตาสวยคมจ้องหน้าคนที่เรียกว่า 'คนอื่น' ด้วยสายตาดูแคลน เน้นย้ำสถานะของตนกับอีกฝ่ายชัดๆ ให้คนฟังจำขึ้นใจ จะได้ไม่หลงระเริงจนลืมตัว
รู้...ว่าอีกฝ่ายพูดกระทบแต่รินลดาก็ยังคงนิ่งด้วยทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ อาหารรสเลิศดูจะฝืดคอขึ้นเรื่อยๆ จนนึกเสียดายจึงพยายามกินต่อให้ได้มากที่สุด ร่างสูงรับรู้ถึงการมาของคนข้างๆ เพียงแต่ไม่คิดจะพูดอะไรนอกจากนั่งทานต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผู้มาใหม่เลยดูเหมือนเป็นส่วนเกินไปโดยปริยาย
แม้จะไม่พอใจแต่เกวลินก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรียกพนักงานมาสั่งอาหารในส่วนของตนโดยไม่สนว่าจะมีใครชวนร่วมโต๊ะหรือไม่ แค่เห็นปฏิกิริยาของคนรักที่เริ่มจะเปลี่ยนไป ใจมันก็ร้อนรุ่ม ไม่สามารถทนอยู่เฉยได้
"ธันย์ ทานนี่สิคะ...แกงเผ็ดเนื้อตุ๋น ของโปรดคุณ เกวสั่งมาให้คุณโดยเฉพาะเลยนะคะ" เสียงหวานเอ่ยอย่างเอาใจหลังตักอาหารจานโปรดไปใส่จานของร่างสูง ตบท้ายด้วยการยกยิ้มเชิดคออย่างคนเหนือกว่าใส่คนฝั่งตรงข้าม ถึงแม้รินลดาจะทำเป็นไม่สนใจแต่หล่อนรู้ว่าเธอต้องได้ยิน
วรธันย์มองสิ่งที่เกวลินตักมาให้นิ่งๆ เขาชอบกินแกงเผ็ดน่ะใช่ แต่ต้องไม่ใส่กะทิอย่างที่หล่อนตักมาให้...ทว่าเพื่อไม่ให้เป็นการหักหาญน้ำใจอีกฝ่ายเขาก็จำต้องฝืนทาน เพียงคำเดียวก็ไม่แตะต้องแกงชามนั้นอีก โชคดีที่อีกฝ่ายไม่เซ้าซี้ แต่ก็ชวนคุยจนอดที่จะรำคาญนิดๆ ไม่ได้
"เดี๋ยวทานเสร็จธันย์พาเกวไปซื้อของหน่อยนะคะ เกวอยากได้กระเป๋าใหม่ น้ำหอมที่ธันย์ซื้อให้ก็หมดแล้วด้วย" เกวลินกอดแขนอ้อนเสียงอ่อนเสียงหวาน ฟังแล้วก็อดมองคนที่มาด้วยกันไม่ได้ แต่รายนั้นก็เอาแต่นั่งเงียบ ไม่มีปากเสียงอะไร ทั้งที่ถ้าเขาไปเธอก็ต้องติดสอยห้อยตามไปด้วยหรือไม่ก็ต้องกลับบ้านเอง
"วันนี้ไม่สะดวก..." ถ้อยคำปฏิเสธอย่างสิ้นไร้เยื่อใยทำร่างบางฝั่งตรงข้ามเริ่มมีท่าทีสนใจขึ้นมานิดๆ เพราะไม่คิดว่าเขาจะปฏิเสธแฟนเขาต่อหน้าเธอ
"ทำไมคะ! หรือเพราะคู่หมั้นคุณ? ก็ให้เธอกลับไปก่อนสิ ไม่เห็นยาก" ใครคนนั้นหันมากดดันรินลดาทางสายตา หล่อนจ้องเธอตาแทบถลนราวกับอยากให้เธอพูดอะไรบางอย่าง เช่น "เชิญพวกคุณตามสบาย ฉันกลับเองได้" อะไรประมาณนั้น ซึ่งคล้ายว่าจะเดาถูกแต่คนตัวเล็กกลับเลือกที่จะนิ่งเฉย ไม่พูดอะไร...
"เกว...ผมมากับเขา" วรธันย์ปรามเสียงดุ เตือนสติคนเอาแต่ใจให้ตระหนักว่าอะไรควรอะไรไม่ควรในสถานการณ์ตอนนี้ การที่เขามากับคนหนึ่งแล้วจะให้ทิ้งไปกับอีกคนมันเป็นเรื่องที่ไม่สมควร
"แต่เกวเป็นแฟนคุณนะคะ! " พอถูกหักหน้าต่อผู้หญิงอีกคนที่ไม่ชอบเกวลินก็ขาดสติ ตวาดเสียงแหลมด้วยโกรธระคนน้อยใจ แน่ใจแล้วจริงๆ ว่าคนรักเปลี่ยนไป ต้นเหตุมาจากผู้หญิงหน้าด้านไร้ยางอายคนนี้นี่ไง!
"เกวลิน..." วรธันย์กดเสียงต่ำเย็นเฉียบจนคนฟังได้สติ แต่ยังไงความน้อยใจก็มีมากกว่า หล่อนไม่สนใจแล้วว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนหรือจะมีใครมองมาบ้าง และก็จะไม่ยอมเป็นฝ่ายไปด้วย!
"เกวไม่ไปค่ะ เกวเป็นแฟนคุณ คุณจะทำแบบนี้กับเกวไม่ได้นะคะ" เกวลินยังคงดึงดันไม่ยอมแพ้ แต่เบาเสียงลงพร้อมบีบน้ำตาเรียกคะแนนความสงสารแทน
"คุณไปเถอะค่ะ ฉันกลับเองได้" รินลดาที่ตอนแรกว่าจะไม่พูดอะไรเริ่มมองเห็นเค้าลางความยุ่งยากเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมรามือง่ายๆ เธออยากกลับไปพักผ่อนเร็วๆ และไม่อยากอยู่ในสถานการณ์ชวนน่ารำคาญใจแบบนี้เลยตัดปัญหาเป็นฝ่ายไปเสียเอง
"รออยู่ตรงนี้ ให้ลุงพรมารับ" ร่างสูงเองก็เห็นตรงกันว่าสถานการณ์ตอนนี้มันยุ่งยากน่ารำคาญ แต่เพื่อตัดปัญหาที่จะมีมากกว่าเดิมจึงยอมให้ร่างบางเป็นฝ่ายไป โดยเรียกคนขับรถมารับแทน
แม้จะรู้สึกไม่ชอบใจที่วรธันย์ยังคงมีเยื่อใยให้กับรินลดา แต่การที่เกวลินไม่ได้เป็นฝ่ายไปทำให้พอจะลบล้างกันได้ หล่อนเหยียดยิ้มอย่างผู้กำชัยชนะ ก่อนหันมาออเซาะร่างสูงอย่างไม่สนอินทร์พรหมหน้าไหน ร่างบางได้แต่ถอนหายใจ ทั้งอ่อนใจและก็อยากขำ...เธอนึกว่าคนแบบนี้จะมีแต่ในละครเสียอีก
นั่งดูคนพยายามจะสวีตกันสักพักลุงพรก็มาถึงพร้อมสีหน้าลำบากใจเมื่อเห็นว่าเพราะอะไรร่างสูงถึงโทรให้มารับคนตัวเล็ก ให้เดาว่าอีกไม่นานคุณหญิงจะต้องรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน
แต่แบบนี้ก็ได้หรอ...?
เขาบอกว่าจะลองศึกษาดูใจกับเธอ แต่กลับไม่ยอมเลิกกับอีกคน ไม่รู้จะเอายังไงกันแน่ หรือตั้งใจจะจับปลาสองมือคบเผื่อเลือก ส่วนคนที่ไม่ถูกเลือกก็ถูกทิ้งไปตามระเบียบ...
ได้หรอ?
..
..
..
..
ได้หรอหื้มมมมม?? 555555
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 13ตั้งแต่แยกกันที่ร้านอาหารเมื่อวานรินลดาก็ไม่ได้เจอกับวรธันย์อีกเลยจนถึงตอนนี้ เขาไม่ได้กลับมานอนบ้านและเธอก็ได้ลุงพรเป็นสารถีขับรถรับส่งในวันนี้ เธอไม่คิดถามใครและก็ไม่มีใครบอกว่าเขาไปไหน ติดธุระอะไร ได้แต่เก็บความสงสัยและไม่พอใจลึกๆ เอาไว้ในใจ..."พี่ธันย์เขามีประชุมตั้งแต่เช้าตลอดทั้งวัน แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะจ๊ะ พี่เขากลับมาทันแน่นอน" คล้ายว่าแม่สามีจะรู้อะไรแม้กระทั่งความคิดตน จู่ๆ ท่านก็พูดขึ้นมาในตอนที่กำลังนั่งเฉิดฉายให้ช่างแต่งหน้าส่วนตัวสะบัดแปรงไปมาทั่วใบหน้า คนฟังเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายผ่านกระจกบานใหญ่ ไม่ได้ตอบอะไร เพียงยิ้มบางและพยักหน้ารับรู้เท่านั้นใช้เวลาร่วมชั่วโมงคุณหญิงก็แต่งหน้าทำผมเสร็จ ลุคสวยเปรี้ยวไม่เกรงใจอายุทำร่างบางจ้องมองอย่างตื่นเต้น ดูท่างานที่ไปจะไม่ธรรมดาจริงๆ เธอถึงมีโอกาสได้เห็นแม่สามีในลุคที่ฉีกจากเดิมออกไปไกลเสียขนาดนี้"จินนี่...เอาให้สวยที่สุดในงาน! " คำสั่งเฉียบขาดที่ถ่ายทอดไปยังช่างประจำตัวทำรินลดารู้สึกเสียวสันหลังพิกล..."ไม่มีปัญหาค่ะคุณแม่ จินนี่เอาประสบการณ์กว่ายี่สิบปีเป็นประกัน! น้องหญิงจะต้องสว
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 14"หื้ม? เป็นอะไรหรือเปล่าลูก ไม่สบายหรอคะ หน้าแดงๆ " คุณหญิงนาฏยาเอ่ยถามว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงอาทรห่วงใย นึกสงสัยว่าก่อนหน้านี้ยังเห็นอีกฝ่ายดีๆ อยู่เลย แต่หลังกลับจากไปตักอาหารกับเจ้าลูกชายไหงนั่งเงียบแก้มแดงปลั่งขนาดนี้ไปเสียได้"อะ เอ่อ หนู...ร้อนน่ะค่ะ" พอถูกทักกะทันหัน ใครคนนั้นก็ลนลานเลิกลั่ก กอปรกับยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไม่มีอยู่จริงอย่างมีพิรุธคนฟังหรี่ตาจับผิดตามสัญชาตญาณแต่ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ เพียงเหลือบตามองลูกชายที่ดูจะมีบรรยากาศรอบๆ ตัวเปลี่ยนไปเล็กน้อย ริมฝีปากหยักคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มแปลกๆ หรือว่า...ระหว่างที่หายไปด้วยกันจะมีอะไรเกิดขึ้น?"แม่ว่าแอร์ก็เย็นอยู่นะ เอ...หรือว่าเป็นอาการคนเขิน พี่ธันย์ทำหรือพูดอะไรให้เขินหรือเปล่าจ๊ะเนี่ย" คำถามลอยๆ เหมือนคนรู้ทันทำคนฟังลมหายใจสะดุด คล้ายคนทำผิดกำลังจะถูกจับได้ เพียงแต่เธอไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเสียหน่อย ก็แค่รู้สึกหน้าร้อนแปลกๆ ตอนได้ยินร่างสูงแทนตัวเองว่า 'พี่' ก็เท่านั้น...คนถูกไล่ต้อนมัวแต่อ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบอะไร กระทั่งมีคนรู้จักมาชวนว่าที่แม่สามีไปทักทายเพื่อนๆ กลุ่มใหม่แล้ว
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 15ในตอนนี้...รินลดากำลังยืนเคว้งอยู่กลางห้องชุดสุดหรูของว่าที่สามีอย่างคนไม่รู้จะทำยังไงต่อไป คอนโดของท่านประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ดูเบาไม่ได้เลยจริงๆ นอกจากความกว้างขวางหรูหราแล้วยังแบ่งแยกสัดส่วนได้เหมือนกับยกบ้านทั้งหลังมาไว้ที่นี่ ความอลังการนี้ทำให้ทั้งชั้นมีเพียงสองห้องเท่านั้น อีกห้องหนึ่งเป็นของอดีตท่านประธานซึ่งก็คือคุณสุรศักดิ์ที่ทุ่มเงินซื้อเอาไว้ตั้งแต่สำนักงานขายยังไม่ทันเปิดให้จอง นานๆ ทีท่านจะมาพักบ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอยู่ ชั้นนี้จึงมีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวสูงมากๆ"เดี๋ยวพาไปดูห้องนอน" คนเหม่อได้สติในตอนที่เจ้าของห้องเดินมาบอก ก่อนที่เขาจะเดินนำไปที่ห้องนอนสองห้องที่อยู่ติดกันและเดินไปหยุดอยู่ที่ประตูห้องฝั่งซ้ายมือ"เธอพักห้องนี้ ส่วนข้างๆ นั่นห้องฉัน ขาดเหลืออะไรก็บอก ไม่ต้องเกรงใจ" วรธันย์ทำตัวเป็นเจ้าของบ้านที่ดี แม้จะมีผู้มาอาศัยร่วมกันทั้งที่ไม่เคยมีมาก่อนเขาก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด"ไปอาบน้ำเถอะ แล้วออกมาทานข้าว" ร่างบางพยักหน้ารับคำ ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันเข้าห้อง ระหว่างนั้นเจ้าบ้านก็โทรสั่งอาหารไว
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 16ตากลมเหล่มองผู้ร่วมโดยสารลิฟต์หลายต่อหลายครั้งอย่างไม่เข้าใจ อีกฝ่ายเอาแต่ยืนนิ่งทำหน้าทะมึนเหมือนจะไปฆ่าใครตาย ไอเย็นที่แผ่ออกมาสร้างความกดดันในพื้นที่คับแคบอย่างห้องโดยสารลิฟต์อย่างมหาศาลจนร่างบางแทบจะหายใจไม่ออก เขากำลังโกรธอันนี้เธอแน่ใจ แต่โกรธเรื่องอะไร?...เรื่องที่เธอไปเพ่นพ่านชั้นอื่น? เธอไปเพราะเรื่องงานนะ ไม่ได้หนีเที่ยวเล่นสักหน่อยหรือจะโกรธเรื่องอื่น?แล้ว...มันเรื่องอะไรกันเล่า"คุณ...โกรธฉันหรอคะ" จนแล้วจนเล่ารินลดาก็นึกไม่ออกว่าจริงๆ แล้ววรธันย์โกรธเธอเรื่องอะไรกันแน่ เมื่อคิดไม่ออกก็เลยตัดสินใจถามออกไปเสียเลย"ฉันไปเพราะเรื่องงานนะคะ ไม่ได้หนีเที่ยว" เสียงหวานพยายามแก้ต่างเมื่อร่างสูงไม่ยอมตอบคำถามก่อนหน้า ทำเพียงปรายตามองด้วยสายตาเรียบนิ่ง ให้ตาย...เธอเคยเจอแต่ตอนที่เขาโกรธแล้วโวยวาย ไม่เคยเจอโกรธแล้วเงียบแบบนี้มาก่อน"เอ่อ...ขอโทษด้วยนะคะ ถ้าเกิดว่าทำให้คุณไม่พอใจ" พออีกฝ่ายเอาแต่นิ่งเงียบ เธอก็จนปัญญาที่จะเซ้าซี้เอาคำตอบ สุดท้ายก็เลือกที่จะเอ่ยขอโทษทั้งที่ไม่รู้ว่าผิดอะไรออกไปแทน"พี่! " "คะ? " คำแรกที่ร่างสูงกระแทกเสีย
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nบทนำ"เมื่อไหร่แกจะแต่งงานฮะเจ้าธันย์ จะให้ฉันต้องถามไปจนถึงเมื่อไหร่" ทันทีที่เห็นลูกชายเพียงคนเดียวเดินเข้าบ้านมาเสียงผู้นำครอบครัวก็ขัดจังหวะการก้าวเดินของร่างสูงนั้นให้หยุดชะงัก"แล้วเมื่อไหร่พ่อจะเลิกบังคับผมเรื่องแต่งงานสักทีครับ อยากแต่งเมื่อไหร่เดี๋ยวผมก็แต่งเองนั่นแหละ" ร่างแกร่งหยุดเผชิญหน้ากับบิดาอย่างจำใจ ใบหน้าคมที่เคยมีร่องรอยของอารมณ์สุนทรีย์เลือนหายไปตั้งแต่ได้ยินเสียงทัก เหลือไว้แต่เพียงความยุ่งเหยิง เพราะคนเป็นพ่อเอาแต่พูดเรื่องเดิมซ้ำๆ แทบจะทุกครั้งที่เห็นหน้าเขา"แล้วมันเมื่อไหร่? แม่แกจะตายวันตายพรุ่งเคยโผล่หัวไปดูบ้างมั้ย ฉันอุตส่าห์ปล่อยให้แกเลือกเมียได้ตามใจแล้วนะ อย่าให้ต้องบังคับ! ""ขู่ตลอดอ่ะ ก็ให้เวลาผมหน่อยดิ เมียดีๆ ใช่จะหาได้ง่ายๆ เสียเมื่อไหร่" วรธันย์ถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่ายเมื่อได้ยินคำขู่นับครั้งไม่ถ้วน เริ่มตั้งแต่เขาอายุย่างเข้าเลขสามจนตอนนี้สามสิบห้าปีเข้าไปแล้ว ก็นับว่าได้ยินมาตลอดห้าปี ตอนนี้เลยเบื่อที่จะฟังเต็มที"แกไม่หาเองมากกว่ามั้ง ฉันให้เวลาแกมามากพอแล้ว ภายในเดือนนี้ถ้ายังเอ้อระเหยอยู่แบบนี้ ฉันนี
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 1"คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ แต่หมอต้องขอดูอาการอย่างใกล้ชิดอีกสักวันสองวัน ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อนก็ย้ายไปห้องพักฟื้นปกติได้" เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง.. ในที่สุดคนรอก็ได้รับข่าวดีอย่างที่ใจหวัง ทำเอาเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่รีบเข้าไปยกมือไหว้คนที่ช่วยชีวิตบุคคลอันเป็นที่รักของพวกเธอเสียยกใหญ่"ขอบคุณค่ะคุณหมอ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ""คนที่พวกคุณควรขอบคุณไม่ใช่หมอหรอกครับ ขอตัวก่อนนะครับ" คุณหมอบอกก่อนยกยิ้มบางๆ ขณะมองไปที่ชายอีกคนที่ยังไม่หนีไปไหน อยู่ติดตามอาการคนป่วยจนการผ่าตัดสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีเมื่อหมดหน้าที่บุรุษชุดกาวน์ก็ขอตัวออกไป สองแม่ลูกจึงตั้งสติและพากันเดินมาหาผู้มีพระคุณด้วยความตื้นตันใจ ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกัน ค่าผ่าตัดก็ไม่ใช่ถูกๆ แต่ใครคนนั้นก็ยังยอมช่วยเหลือทุกสิ่งอย่างจนไม่รู้จะตอบแทนยังไงหมดในชาตินี้"คุณคะ.. ฉันกับลูกขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ช่วยพวกเราไว้ ทั้งที่ไม่รู้จักกันเลยแท้ๆ แต่คุณช่วยพวกเราถึงขนาดนี้ ฉันกับลูกซาบซึ้งมากจนไม่รู้จะตอบแทนยังไง มีอะไรที่พวกเราจะตอบแทนได้บ้างมั้ยคะ พวกเรายินดี" อรนภาพูดขณะยกมือไหว้ร่างสูงนั้นทั้งน้ำตานองหน้
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 2ก่อนจะถึงหกโมงเย็นตามนัดที่เจ้าของบ้านบอกไว้รินลดาก็อาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดใหม่ที่ถูกซื้อมาแขวนไว้ให้ในตู้เสื้อผ้า ตอนแรกเธอไม่ได้คิดจะหยิบออกมาใส่เลยเพราะมองแค่เผินๆ ก็พอจะเดาราคาได้ว่าต้องแพงมากแน่ๆ เลยกะจะใส่เสื้อผ้าชุดเดิมของตนที่ขนมาจากบ้าน แต่ทว่าเสื้อผ้าของเธอมีแต่ชุดธรรมดาราคาถูก อย่าว่าแต่จะใส่ไปพบหน้าว่าที่สามีเลย ให้ใส่อยู่ในส่วนไหนของบ้านหลังนี้มันก็ดูไม่ได้ทั้งนั้นสุดท้ายรินลดาก็เลยต้องจำใจหยิบชุดใหม่ที่คุณนาฏยาซื้อให้มาใส่ และเฝ้ารอใครสักคนมาเรียกด้วยความตื่นเต้นชนิดที่ว่านั่งก้นไม่ติดพื้น เทียวลุกเดินไปส่องกระจกบานใหญ่ตรงห้องแต่งตัวซ้ำแล้วซ้ำแล้ว แต่ถึงภาพที่ปรากฏอยู่ในกระจกจะเป็นที่น่าพึงพอใจแค่ไหนเธอก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ทำให้เป็นกังวลที่สุดก็คือว่าที่สามี.. ไม่รู้ว่าวรธันย์จะเป็นคนแบบไหน และเขาจะรับได้ไหมถ้ารู้ว่าเธอเป็นแค่ลูกสาวพ่อค้าแม่ค้าธรรมดาๆ เท่านั้นก๊อกๆ "คุณหญิงคะ คุณผู้หญิงให้มาตามค่ะ" เวลาหกโมงเย็นนิดๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก่อนที่น้ำเสียงสุภาพอ่อนหวานของใครสักคนจะดังตามหลังมา คน
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 3"เฮ้ยๆ ใจเย็นไอ้เสือ มึงจะเมาตั้งแต่สองทุ่มไม่ได้นะเว้ย"'ภาค' หนุ่มตำรวจจากกรมสืบสวนคดีพิเศษหรือที่เรียกสั้นๆ ว่าดีเอสไอทักขึ้นเสียงหลง เมื่อเห็นเพื่อนสนิทที่กอดคอถือหาง (?) กันมาตั้งแต่สมัยเรียน ม.ต้น ยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นดื่มเอาๆ ราวกับอดอยากปากแห้งมานมนานทั้งที่คนอย่าง 'วรธันย์ อินทรเกษมกุล' ทายาทจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง 'อินทรเกษมกุล กรุ๊ป' ผู้ผลิตและพัฒนาซอฟแวร์อันดับหนึ่งของประเทศไม่น่าจะห่างหายจากเรื่องพวกนี้ได้"เออ เป็นไรวะ มาถึงก็ดื่มเอาๆ หน้าบูดเหมือนตูดไอ้อ้วนเลยเนี่ย"'อาทิตย์' คู่หูรวมอาชีพของภาคผสมโรงมองงงใส่ร่างสูงอีกคน ต่างกันตรงที่เขาถูกเจ้าตัวตวัดตามองเคืองใส่หลังพูดจบเพราะดันไปเปรียบเทียบหน้าคนกับก้นหมาที่บ้านใส่กัน แต่เขาก็ได้ใส่ใจสายตาเชือดเฉือนคู่นั้น แถมยิ้มเย้ยกลับไปอีกต่างหาก"มึงก็พูดไป กูว่าตูดไอ้อ้วนยังดูดีกว่าหน้าไอ้ธันย์ตอนนี้เลยว่ะ ฮ่าๆ " ภาคแย้งขึ้น อดไม่ได้ต้องระเบิดหัวเราะร่าไปทีเพราะชอบอกชอบใจกับคำเปรียบเปรยของตนเอง ไม่ต่างจากอาทิตย์ที่รีบยกมือขึ้นแท็คทีมกันอย่างออกนอกหน้า แล้วก็พากันขำเอิ้กอ้ากต่อไป ฝ่ายจำเ
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 16ตากลมเหล่มองผู้ร่วมโดยสารลิฟต์หลายต่อหลายครั้งอย่างไม่เข้าใจ อีกฝ่ายเอาแต่ยืนนิ่งทำหน้าทะมึนเหมือนจะไปฆ่าใครตาย ไอเย็นที่แผ่ออกมาสร้างความกดดันในพื้นที่คับแคบอย่างห้องโดยสารลิฟต์อย่างมหาศาลจนร่างบางแทบจะหายใจไม่ออก เขากำลังโกรธอันนี้เธอแน่ใจ แต่โกรธเรื่องอะไร?...เรื่องที่เธอไปเพ่นพ่านชั้นอื่น? เธอไปเพราะเรื่องงานนะ ไม่ได้หนีเที่ยวเล่นสักหน่อยหรือจะโกรธเรื่องอื่น?แล้ว...มันเรื่องอะไรกันเล่า"คุณ...โกรธฉันหรอคะ" จนแล้วจนเล่ารินลดาก็นึกไม่ออกว่าจริงๆ แล้ววรธันย์โกรธเธอเรื่องอะไรกันแน่ เมื่อคิดไม่ออกก็เลยตัดสินใจถามออกไปเสียเลย"ฉันไปเพราะเรื่องงานนะคะ ไม่ได้หนีเที่ยว" เสียงหวานพยายามแก้ต่างเมื่อร่างสูงไม่ยอมตอบคำถามก่อนหน้า ทำเพียงปรายตามองด้วยสายตาเรียบนิ่ง ให้ตาย...เธอเคยเจอแต่ตอนที่เขาโกรธแล้วโวยวาย ไม่เคยเจอโกรธแล้วเงียบแบบนี้มาก่อน"เอ่อ...ขอโทษด้วยนะคะ ถ้าเกิดว่าทำให้คุณไม่พอใจ" พออีกฝ่ายเอาแต่นิ่งเงียบ เธอก็จนปัญญาที่จะเซ้าซี้เอาคำตอบ สุดท้ายก็เลือกที่จะเอ่ยขอโทษทั้งที่ไม่รู้ว่าผิดอะไรออกไปแทน"พี่! " "คะ? " คำแรกที่ร่างสูงกระแทกเสีย
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 15ในตอนนี้...รินลดากำลังยืนเคว้งอยู่กลางห้องชุดสุดหรูของว่าที่สามีอย่างคนไม่รู้จะทำยังไงต่อไป คอนโดของท่านประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ดูเบาไม่ได้เลยจริงๆ นอกจากความกว้างขวางหรูหราแล้วยังแบ่งแยกสัดส่วนได้เหมือนกับยกบ้านทั้งหลังมาไว้ที่นี่ ความอลังการนี้ทำให้ทั้งชั้นมีเพียงสองห้องเท่านั้น อีกห้องหนึ่งเป็นของอดีตท่านประธานซึ่งก็คือคุณสุรศักดิ์ที่ทุ่มเงินซื้อเอาไว้ตั้งแต่สำนักงานขายยังไม่ทันเปิดให้จอง นานๆ ทีท่านจะมาพักบ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอยู่ ชั้นนี้จึงมีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวสูงมากๆ"เดี๋ยวพาไปดูห้องนอน" คนเหม่อได้สติในตอนที่เจ้าของห้องเดินมาบอก ก่อนที่เขาจะเดินนำไปที่ห้องนอนสองห้องที่อยู่ติดกันและเดินไปหยุดอยู่ที่ประตูห้องฝั่งซ้ายมือ"เธอพักห้องนี้ ส่วนข้างๆ นั่นห้องฉัน ขาดเหลืออะไรก็บอก ไม่ต้องเกรงใจ" วรธันย์ทำตัวเป็นเจ้าของบ้านที่ดี แม้จะมีผู้มาอาศัยร่วมกันทั้งที่ไม่เคยมีมาก่อนเขาก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด"ไปอาบน้ำเถอะ แล้วออกมาทานข้าว" ร่างบางพยักหน้ารับคำ ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันเข้าห้อง ระหว่างนั้นเจ้าบ้านก็โทรสั่งอาหารไว
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 14"หื้ม? เป็นอะไรหรือเปล่าลูก ไม่สบายหรอคะ หน้าแดงๆ " คุณหญิงนาฏยาเอ่ยถามว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงอาทรห่วงใย นึกสงสัยว่าก่อนหน้านี้ยังเห็นอีกฝ่ายดีๆ อยู่เลย แต่หลังกลับจากไปตักอาหารกับเจ้าลูกชายไหงนั่งเงียบแก้มแดงปลั่งขนาดนี้ไปเสียได้"อะ เอ่อ หนู...ร้อนน่ะค่ะ" พอถูกทักกะทันหัน ใครคนนั้นก็ลนลานเลิกลั่ก กอปรกับยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไม่มีอยู่จริงอย่างมีพิรุธคนฟังหรี่ตาจับผิดตามสัญชาตญาณแต่ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ เพียงเหลือบตามองลูกชายที่ดูจะมีบรรยากาศรอบๆ ตัวเปลี่ยนไปเล็กน้อย ริมฝีปากหยักคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มแปลกๆ หรือว่า...ระหว่างที่หายไปด้วยกันจะมีอะไรเกิดขึ้น?"แม่ว่าแอร์ก็เย็นอยู่นะ เอ...หรือว่าเป็นอาการคนเขิน พี่ธันย์ทำหรือพูดอะไรให้เขินหรือเปล่าจ๊ะเนี่ย" คำถามลอยๆ เหมือนคนรู้ทันทำคนฟังลมหายใจสะดุด คล้ายคนทำผิดกำลังจะถูกจับได้ เพียงแต่เธอไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเสียหน่อย ก็แค่รู้สึกหน้าร้อนแปลกๆ ตอนได้ยินร่างสูงแทนตัวเองว่า 'พี่' ก็เท่านั้น...คนถูกไล่ต้อนมัวแต่อ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบอะไร กระทั่งมีคนรู้จักมาชวนว่าที่แม่สามีไปทักทายเพื่อนๆ กลุ่มใหม่แล้ว
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 13ตั้งแต่แยกกันที่ร้านอาหารเมื่อวานรินลดาก็ไม่ได้เจอกับวรธันย์อีกเลยจนถึงตอนนี้ เขาไม่ได้กลับมานอนบ้านและเธอก็ได้ลุงพรเป็นสารถีขับรถรับส่งในวันนี้ เธอไม่คิดถามใครและก็ไม่มีใครบอกว่าเขาไปไหน ติดธุระอะไร ได้แต่เก็บความสงสัยและไม่พอใจลึกๆ เอาไว้ในใจ..."พี่ธันย์เขามีประชุมตั้งแต่เช้าตลอดทั้งวัน แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะจ๊ะ พี่เขากลับมาทันแน่นอน" คล้ายว่าแม่สามีจะรู้อะไรแม้กระทั่งความคิดตน จู่ๆ ท่านก็พูดขึ้นมาในตอนที่กำลังนั่งเฉิดฉายให้ช่างแต่งหน้าส่วนตัวสะบัดแปรงไปมาทั่วใบหน้า คนฟังเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายผ่านกระจกบานใหญ่ ไม่ได้ตอบอะไร เพียงยิ้มบางและพยักหน้ารับรู้เท่านั้นใช้เวลาร่วมชั่วโมงคุณหญิงก็แต่งหน้าทำผมเสร็จ ลุคสวยเปรี้ยวไม่เกรงใจอายุทำร่างบางจ้องมองอย่างตื่นเต้น ดูท่างานที่ไปจะไม่ธรรมดาจริงๆ เธอถึงมีโอกาสได้เห็นแม่สามีในลุคที่ฉีกจากเดิมออกไปไกลเสียขนาดนี้"จินนี่...เอาให้สวยที่สุดในงาน! " คำสั่งเฉียบขาดที่ถ่ายทอดไปยังช่างประจำตัวทำรินลดารู้สึกเสียวสันหลังพิกล..."ไม่มีปัญหาค่ะคุณแม่ จินนี่เอาประสบการณ์กว่ายี่สิบปีเป็นประกัน! น้องหญิงจะต้องสว
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 12"นี่มันหมายความว่ายังไงคะธันย์ ไหนบอกจะช่วยกันกำจัดนังนั่นไงคะ คุณไปทำดีกับมันทำไม! ? " ความสัมพันธ์ของวรธันย์และรินลดาเริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น และคนที่คอยจับตามองความเคลื่อนไหวของคนทั้งคู่มีหรือที่จะไม่รู้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้าง วันนี้ถึงได้บุกมาหาเขาที่บริษัทตั้งแต่เช้า และใช่...เลขาเขาหยุดพายุลูกนี้ไม่ได้อีกครั้ง"ผมมีวิธีของผม การรวมหัวกันรุมรังแกอีกฝ่ายแบบนั้นไม่ใช่เรื่องดี" ปากกายี่ห้อดังยังคงถูกมือแกร่งจับตวัดไปมาบนเอกสารสำคัญ เช่นเดียวกับดวงตาคมกริบที่ยังคงเพ่งสมาธิไปที่มันมากกว่าคู่สนทนา นั่นยิ่งทำให้เกวลินเดือดดาลกว่าที่เป็น"วิธีอะไรของคุณ เกวไม่เห็นว่าคุณจะทำอะไรตรงไหน ตรงข้าม! คุณพามันไปกินข้าวซื้อแหวน ไม่ใช่ว่าหลงมารยามันแล้วหรือไงคะ! ? " เกวลินนับเป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญน้อยเมื่อเทียบกับคนอื่นที่เขาเคยมีสัมพันธ์มา แต่วันนี้หล่อนทำให้เขารู้แล้วว่าหล่อนไม่ได้ต่างไปจากคนอื่นเลยสักนิด"เกวลิน...คุณมีสิทธิ์ก้าวก่ายเรื่องของผมมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถ้ายังพูดไม่รู้เรื่องอยู่แบบนี้ก็เชิญที่ประตู ผมจะทำงาน" ด้วยเป็นคนใจร้อน
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 11"พวกแก~ คุณธันนนนนย์!! " เสียงวีดว้ายของนักศึกษาหญิงกลุ่มที่เดินอยู่ข้างหน้าซึ่งก็ได้แก่สามสาว ฟิล์ม บีและต้นอ้อดังขึ้นเรียกความสนใจของนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจโดยเฉพาะสาขาการบัญชีที่เพิ่งได้เวลาเลิกเรียนพอดี ร่างบางที่เดินตามหลังมาหูผึ่งเล็กน้อยตอนได้ยินชื่อใครสักคนที่เหมือนกับว่าที่สามี ก่อนจะสะดุ้งเล็กๆ เมื่อสามสาวหันกลับมาจ้องหน้าด้วยแววตาอิจฉาระคนหมั่นไส้สาเหตุเป็นเพราะร่างสูงโปร่งของใครบางคนที่กำลังยืนทำเท่...สองมือล้วงกระเป๋ากางเกง เอนกายพิงสปอร์ตคาร์สุดหรูรออยู่หน้าตึกคณะฯ ดวงหน้าคมเข้มแม้เรียบนิ่งแต่หล่อเหลาจนคนเดินผ่านเหลียวหลังกลับมามองตามคอแทบเคล็ด ไม่ต้องเดาก็มองออกว่าคงมารอใครสักคน แต่ใครกันล่ะที่เป็นผู้โชคดีคนนั้น..."ไอ้หญิง! รีบๆ เดินเข้าสิ คุณเขามารอนานแล้วนะ! " สามสาวแหวกทางให้รินลดาเดินผ่านและพร้อมใจกันดันแผ่นหลังบางไปข้างหน้าอย่างเร่งเร้า อยากถามเหมือนกันว่ารู้ได้ยังไงว่าเขามารอนานแล้ว เขาอาจจะเพิ่งมาถึงก็ได้ไหม...แต่ก็ได้แค่คิด ไม่ได้พูดออกไปให้ถูกมองแรงใส่แต่อย่างใด...พอถูกสามสาวผลักดันให้เดินเข้าไปหาร่างสูงอย่างออก
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 10วรธันย์กลับเข้าบ้านมาในตอนสี่ทุ่มครึ่ง ร่างกายหนักอึ้งมีอาการมึนเมาเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับไร้สติ เวลานี้ภายในบ้านเงียบสงัดเนื่องจากทุกคนคงจะเข้านอนกันหมดแล้ว มีเพียงเขาที่จิตใจยังคงกระสับกระส่ายร้อนรุ่มจนยากจะข่มตาหลับ เป็นเหตุให้ฝืนอาการมึนๆ ขับรถจากคอนโดกลับมาบ้าน ไม่รู้เหมือนกันว่ามาในเวลานี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อทุกคนต่างเข้านอนกันหมด รู้เพียงว่าทนอยู่ไม่ได้...ความรู้สึกผิดและเสียใจมันอัดแน่นอยู่เต็มอก ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างไม่มีทางที่เขาจะข่มตาหลับได้แน่ตั้งใจจะกลับมาขอโทษมารดาแต่ก็ดึกเกินกว่าจะกล้าเคาะประตูเรียกเลยเอาแต่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าประตูห้องนอนของอีกฝ่าย ถามว่าทำไมไม่รีบกลับมาตั้งแต่หัววัน ยืดอกสามศอกยอมรับตรงๆ เลยว่าไม่กล้า...ความผิดครั้งนี้ร้ายแรงจนเขาไม่อาจสู้หน้าบุพการี แม้จะระหองระแหงเรื่องแต่งงานกันมาตลอด แต่ไม่มีครั้งไหนที่เขากับพ่อแม่จะทะเลาะกันรุนแรงเท่าครั้งนี้มาก่อน เขาไม่เคยทำให้แม่ร้องไห้และไม่เคยทำให้พ่อโกรธถึงขั้นกล้าตัดความสัมพันธ์ ลูกชายเพียงคนเดียวที่เคยเป็นความหวังในทุกๆ เรื่องของพวกเขา มาวันนี้กลับถูกตั
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 9พอพ้นหน้าโรงแรมหรูออกมารินลดาก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา เมื่อพบว่ายังไม่ดึกเท่าไรก็คิดหาทางกลับบ้าน แท็กซี่นั้นเธอตัดทิ้งไปเป็นอย่างแรกเพราะมีประสบการณ์ไม่ค่อยจะดีด้วย แต่ชุดแบบนี้ให้ไปยืนโหนรถเมล์แบบแอร์ธรรมชาติร้อนๆ บวกควันรถก็ดูจะไม่เหมาะสักเท่าไร ถ้ารถเมล์แอร์เย็นๆ ก็คงพอได้อยู่ ถึงจะไม่ได้มีที่ให้นั่งในเวลารีบเร่งแบบนี้ก็ไม่เป็นไรคิดได้แบบนั้นดวงตาคู่กลมก็สอดส่องหาป้ายรถเมล์ แต่ก็ไม่พบในระยะสายตามองเห็นเลยตัดสินใจออกเดินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพบ ซึ่งก็กินเวลาไปหลายนาทีและอากาศก็ร้อนจนเหงื่อซึม ยืนรอสักพักรถเมล์ปรับอากาศสายที่ต้องการขึ้นก็ผ่านมา แม้ผู้คนจะเบียดเสียดเนื่องจากเยื้อแย่งกันกลับบ้าน แต่ไม่เป็นปัญหาเลยสำหรับร่างบางที่ใช้บริการขนส่งสาธารณะอยู่เป็นประจำใช้เวลาสักพักใหญ่ๆ เนื่องจากการจราจรติดขัด ในที่สุดรินลดาก็กลับมาถึงบ้านอินทรเกษมกุล ท่ามกลางความแปลกใจระคนตกใจของคุณหญิงนาฏยาที่ยังไม่เข้านอนเพราะรอติดตามสถานการณ์ของลูกชายกับว่าที่ลูกสะใภ้อยู่ทุกขณะ แต่นอกจากจะกลับไวและไม่ได้ยินเสียงรถยนต์ของเจ้าลูกชายแล้วยังเห็นแค่ลูกสะใภ้เดินเข้
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 8ตากลมมองตามแผ่นหลังของสามีในอนาคตอันใกล้ที่เดินไปสวมกอดผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่ไว้หน้า ทั้งคู่ยิ้มให้กันหวานชื่นก่อนที่ฝ่ายหญิงนั้นจะเหยียดสายตามองมาที่เธออย่างผู้กำชัยชนะ รินลดาพยายามข่มอารมณ์ทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สากับอะไรทั้งนั้นก่อนจะเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับคนทั้งสองวรธันย์แสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการขยับเก้าอี้ให้ผู้หญิงคนนั้นนั่งในขณะที่ร่างบางต้องช่วยเหลือตัวเอง พวกเขาแสดงออกชัดว่าเธอเป็นเพียงส่วนเกิน เธอเข้าใจและไม่ถือสาแม้จะเห็นรอยยิ้มและสายตาเยาะเย้ยของผู้หญิงคนนั้นส่งมาอย่างออกนอกหน้าก็ตาม"นี่เกวลินเป็นคนรักของฉัน" ร่างสูงแนะนำคนข้างกายอย่างไม่ทุกข์ร้อน ดูจะจงใจเน้นย้ำสถานะของอีกฝ่ายให้เธอฟังเสียยิ่งกว่าอะไร"สวัสดีค่ะ" เสียงหวานเอ่ยทักทายเรียบๆ ไม่ได้แนะนำตัวเองเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงจะรู้จักเธอแล้วไม่มากก็น้อย ไม่อย่างนั้นวรธันย์คงแนะนำเธอกลับไปบ้างแล้ว"สวัสดีค่ะ คงไม่ว่าอะไรนะคะถ้าฉันจะขอนั่งด้วย" อีกฝ่ายแย้มยิ้มหวานหยด แกล้งถามด้วยความเกรงอกเกรงใจ ที่มองออกไม่ใช่ว่ารินลดามองคนเป็นแต่หล่อนไม่ได้ปกปิดตัวตนของตัวเองมาตั้งแรกแล้วต่างหา