วิวาห์(ไม่)ไร้รัก
Writer : Aile'N
ตอนที่ 13
ตั้งแต่แยกกันที่ร้านอาหารเมื่อวานรินลดาก็ไม่ได้เจอกับวรธันย์อีกเลยจนถึงตอนนี้ เขาไม่ได้กลับมานอนบ้านและเธอก็ได้ลุงพรเป็นสารถีขับรถรับส่งในวันนี้ เธอไม่คิดถามใครและก็ไม่มีใครบอกว่าเขาไปไหน ติดธุระอะไร ได้แต่เก็บความสงสัยและไม่พอใจลึกๆ เอาไว้ในใจ...
"พี่ธันย์เขามีประชุมตั้งแต่เช้าตลอดทั้งวัน แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะจ๊ะ พี่เขากลับมาทันแน่นอน" คล้ายว่าแม่สามีจะรู้อะไรแม้กระทั่งความคิดตน จู่ๆ ท่านก็พูดขึ้นมาในตอนที่กำลังนั่งเฉิดฉายให้ช่างแต่งหน้าส่วนตัวสะบัดแปรงไปมาทั่วใบหน้า คนฟังเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายผ่านกระจกบานใหญ่ ไม่ได้ตอบอะไร เพียงยิ้มบางและพยักหน้ารับรู้เท่านั้น
ใช้เวลาร่วมชั่วโมงคุณหญิงก็แต่งหน้าทำผมเสร็จ ลุคสวยเปรี้ยวไม่เกรงใจอายุทำร่างบางจ้องมองอย่างตื่นเต้น ดูท่างานที่ไปจะไม่ธรรมดาจริงๆ เธอถึงมีโอกาสได้เห็นแม่สามีในลุคที่ฉีกจากเดิมออกไปไกลเสียขนาดนี้
"จินนี่...เอาให้สวยที่สุดในงาน! " คำสั่งเฉียบขาดที่ถ่ายทอดไปยังช่างประจำตัวทำรินลดารู้สึกเสียวสันหลังพิกล...
"ไม่มีปัญหาค่ะคุณแม่ จินนี่เอาประสบการณ์กว่ายี่สิบปีเป็นประกัน! น้องหญิงจะต้องสวยที่สุด สวยจนโลกตะลึง สวยจนคนมองตาไม่กะพริบ สวยจน..."
"พอๆ เสียเวลา แต่งได้แล้วเดี๋ยวไม่ทัน" ช่างแต่งหน้าชายใจสาวรับคำอย่างมาดมั่น แต่ไม่ทันได้สาธยายจนครบคนฟังก็รีบยกมือเบรก ซึ่งถ้าเป็นรถวิ่งมาด้วยความเร็วก็คงพลิกคว่ำในทันที
คนที่กำลังจะถูกแปลงโฉมได้แต่หัวเราะขำแห้งๆ ตามคนทั้งคู่ เธอถูกจับให้นั่งลงแทนที่คุณหญิงก่อนที่พี่จินนี่กับผู้ช่วยจะเริ่มลงมือกับเธออย่างบ้าคลั่ง...ในความคิดของคนที่ไม่เคยให้คนอื่นแต่งหน้าให้อย่างเธอเป็นแบบนั้น แต่ความจริงแล้วทุกขั้นตอนดำเนินไปอย่างละเอียดอ่อน นิ้วมือเรียวยาวที่จับแปรงแต่งหน้ามายาวนานกว่ายี่สิบปีตามที่เจ้าตัวคุยไว้บรรจงแต่งแต้มเครื่องสำอางหลากสีหลายชนิดลงบนใบหน้าขาวผ่อง แต่งไปก็เอ่ยชมไม่ขาดปากว่าสวยอย่างนั้น ผิวขาวผิวดีอย่างนี้จนคนฟังไม่มีโอกาสได้นั่งเหม่อเหมือนตอนที่นั่งรอแม่สามีอีกเลย
"คุณสามีนี่ก็เหลือเกินนะคะ เลือกชุดให้ภรรยาแบบนี้ได้ยังไง ไม่หึงหวงกันบ้างเลย... คอยดูเถอะ ไปถึงงานนะ พอเห็นผู้ชายคนอื่นมองเมียตัวเอง กลัวจะรีบพากลับบ้านแทบไม่ทัน" คุณพี่จินนี่จีบปากจีบคอพูดถึงชุดที่ร่างสูงเลือกให้เธอใส่ สิ้นคำก็หันไปหัวเราะคิกคักกับคุณผู้ช่วยอย่างถูกใจ ถามว่าพวกเขารู้ได้ยังไงก็ไม่พ้นคุณหญิงอีกนั่นแหละ ที่พอเห็นเธอเปลี่ยนชุดมาก็รีบถามอย่างลนลานว่าทำไมเลือกชุดแบบนี้ ซึ่งเธอก็ได้แต่ตอบเสียงอ่อยๆ ไปว่าคุณผู้ชายเป็นคนเลือกให้ ตอนแรกนั้นคล้ายว่าที่แม่สามีจะไม่ค่อยชอบใจนักเพราะชุดมันวาบหวิวจนเกินไป แต่พอรู้ว่าลูกชายเป็นคนเลือกให้กลับอารมณ์เปลี่ยนไปอีกทาง ไม่ดีก็กลายเป็นดีขึ้นมาอย่างผิดหูผิดตา...
ใช้เวลาพอสมควรคุณพี่ทั้งสองก็ผละออกจากคนตัวเล็ก ยืนชื่นชมผลงานของพวกตนอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะรีบไปตามเจ้าของบ้านที่แว้บออกไปหาอะไรมาให้รองท้องก่อนไปงานให้เข้ามาชื่นชมด้วยกัน...ว่าที่แม่สามีถึงกับเกือบทำจานผลไม้หลุดเมื่อได้เห็นผลงานของช่างประจำตัวแบบเต็มๆ ตา
คุณหญิงนาฏยายังจำภาพลักษณ์ประจำตัวของว่าที่ลูกสะใภ้ได้ติดตา แต่ตอนนี้ภาพเหล่านั้นถูกลบหายไปจนหมด จากเด็กสาวหน้าตาน่ารักสมวัยกลายมาเป็นสาวเปรี้ยวสุดเซ็กซี่ ดูโตขึ้นอีกเท่าตัว แม้ตอนแรกจะไม่เห็นด้วยที่อีกฝ่ายใส่ชุดโชว์เนื้อหนังขนาดนี้ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้อะไรก็ดีงามเข้ากันไปหมด ทั้งรูปร่างหน้าตาเสื้อผ้าทรงผม สวยจนอยากให้ลูกชายมาเห็นเร็วๆ
"หนู...ขอผ้าคลุมไหล่หรือใส่เสื้อคลุมสักหน่อยได้มั้ยคะ มัน...หวิวๆ " ร่างบางขออนุญาตเสียงอ่อย ยืนบิดน้อยๆ พยายามใช้มือปกปิดเนื้อหนังส่วนเว้าโค้งที่ถูกเปิดโชว์ด้วยความเขินอาย เธออึ้งในวินาทีแรกที่เห็นตัวเองในกระจกไปแล้ว ตอนนี้เลยหันมากังวลเรื่องอื่นแทน
"ไม่ได้จ้ะ สิ่งนั้นหนูต้องขอพี่ธันย์เอาเอง เอ๊ะ แต่ไม่ต้องขอก็ได้ เดี๋ยวพี่ธันย์ก็คลุมให้หนูเองนั่นแหละ หึหึ" คุณหญิงยกมือทำปางห้ามขอ (?) ก่อนพูดจากำกวมชวนเข้าใจยากแล้วหันไปหัวเราะคิกคักกับช่างประจำตัวอย่างรู้กัน ทิ้งว่าที่ลูกสะใภ้ไว้กับความมึนงงสงสัยว่าทำไมต้องให้เธอไปขอเขา ในเมื่อตอนนี้เราอยู่บ้าน เราสามารถเตรียมไปเองได้เลยไม่ใช่หรอ?
สุดท้ายคำขอก็ไม่เป็นผล แถมพอแต่งตัวเรียบร้อยคุณหญิงก็ดึงเธอขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว บนรถตู้คันใหญ่มีเพียงคุณสุรศักดิ์ คุณนาฏยา และรินลดาเพียงเท่านั้น หายไปหนึ่ง...มารู้ทีหลังว่าวรธันย์ไปรอที่หน้างานแล้ว เนื่องจากไม่อยากฝ่ารถติดกลับบ้านเพื่อออกมาพร้อมทุกคนอีก มันเสียเวลา
งานวันเกิดของ 'คุณหญิงมาลี จิตตานนท์' นั้นถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในห้องบอลรูมชั้นบนสุดของโรงแรมแกรนด์ไดมอนด์ โรงแรมชื่อดังอันดับต้นๆ ของประเทศ แขกที่ถูกเชิญมานอกจากครอบครัวพี่น้องพ้องเพื่อนแล้วก็มีนักธุรกิจและไฮโซระดับแถวหน้ามาร่วมงานกันอย่างเนืองแน่น แน่นอนว่าบุคคลที่จะจัดงานแบบนี้ได้ย่อมต้องมีโปรไฟล์ไม่ธรรมดา และเจ้าของงานก็ไม่ธรรมดาจริงๆ เพราะแค่เอ่ยนามสกุลไปทุกคนในแวดวงไฮโซจะต้องรู้จัก และแม้จะครองตัวโสดไร้คู่ไร้ทายาทมาจนห้าสิบปี แต่ร้านเพชรกว่าสามสิบสาขาทั่วประเทศกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งบ้าน ที่ดิน คอนโดมิเนียม รีสอร์ต โรงแรม และอีกมากมายล้วนอยู่ภายใต้การดูแลของคุณหญิงมาลีเพียงคนเดียวแทบทั้งสิ้น!
"ธันย์ลูก! " ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทเต็มยศเนื่องจากเพิ่งเลิกงานหันมาตามเสียงเรียก ก็เห็นบิดามารดามาถึงพร้อมกับ....ว่าที่ภรรยาที่ดูแปลกตาไปกว่าทุกวัน
"ดูแลน้องดีๆ ด้วยล่ะ แม่อาจจะไม่ค่อยได้อยู่ด้วย" คุณหญิงสั่งกำชับก่อนเข้างาน เพราะเพื่อนสนิทเป็นเจ้าของงานแถมยังมีเพื่อนเก่าเพื่อนแก่มาร่วมงานนี้มากมาย เธอคงถูกลากไปทางนู้นทางนี้ไม่หยุด เลยอาจจะไม่มีเวลาอยู่กับสามี ลูกชายและสะใภ้มากนัก
วรธันย์เพียงพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเดินมายืนเคียงข้างว่าที่ภรรยา ให้ผู้เป็นพ่อแม่เดินนำเข้างานไปก่อน รินลดาอดเหลือบตามองอีกฝ่ายไม่ได้ เขาไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่หายไปตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ ไม่พอ...เห็นเธอแต่งตัวแต่งหน้าจัดเต็มขนาดนี้แล้วยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรอย่างที่คุณหญิงพูดกรอกหูก่อนมาอีกว่าเมื่อเห็นเธอเขาจะต้องตะลึงในความสวย ก็ไม่ได้เชื่อคำพูดนั้นทั้งหมดหรอกเพราะรู้ตัวดีว่าถูกแม่สามีอวยหนักมาก แค่คิดว่าเขาน่าจะพูดอะไรสักหน่อย...
นี่เธอกำลังคาดหวังอะไรอยู่เนี่ย ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
"คุณลี! " คุณหญิงนาฏยาส่งเสียงดังไปก่อนตัวเมื่อเห็นเจ้าของงานกำลังยืนรับของขวัญจากแขกที่มามือเป็นประวิง ทว่าพอเห็นเพื่อนรักมาถึงคุณหญิงมาลีก็พร้อมจะปล่อยวางทุกอย่างแล้วปรี่เข้ามาหาด้วยความคิดถึง
"คุณนาฏ! " สองสาว (?) วัยเดียวกันโผเข้ากอดกันจนกลมดิก เรียกเสียงชัตเตอร์จากผู้คนรอบข้างได้ค่อนข้างมาก เพราะในที่นี้ไม่มีใครไม่รู้จักคนทั้งคู่ รวมทั้งหนุ่มหล่อต่างวัยอีกสองคนที่มาด้วยกัน ส่วนหญิงสาวหน้าตาละอ่อนที่มาด้วยนั้น มีแค่บางคนเท่านั้นที่รู้จัก
"คิดถึงงงง~ นี่ของขวัญจากคุณนาฏและครอบครัว ขอให้คุณลีมีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรงนะจ๊ะ" ของขวัญกล่องใหญ่ที่ผู้เป็นสามีถือมาตั้งแต่แรกถูกเปลี่ยนมือไปให้เจ้าของวันเกิด คนรับยิ้มแก้มปริกล่าวขอบคุณเพื่อนสนิทก่อนส่งต่อให้ผู้ช่วยนำไปเก็บไว้อย่างดี เลิกงานถึงจะเปิดด้วยตัวเอง ส่วนตอนนี้กำลังโผเข้ากอดเพื่อนรักด้วยความคิดถึงอีกครั้ง
"โอ้ยๆ พอแล้วคุณลี คุณนาฏรู้ว่าคุณลีคิดถึง แต่คุณนาฏมีคนจะแนะนำให้รู้จัก" คุณหญิงปรามเพื่อนที่เอาแต่กอดเธอจนไม่สนใจอะไร พอเป็นอิสระมือขาวก็รีบดึงลูกชายกับว่าที่สะใภ้มายืนตรงหน้าเจ้าของงานทันที
"นี่หนูหญิง ว่าที่ลูกสะใภ้ของคุณนาฏเอง น้องหญิงลูก นี่คุณหญิงมาลี เพื่อนรักของแม่จ้ะ" คนกลางแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกันตามความตั้งใจ
"สวัสดีค่ะ สุขสันต์วันเกิดนะคะ" ร่างบางยกมือไหว้ผู้ใหญ่อย่างนอบน้อม ไม่เพียงแต่คุณหญิงมาลีที่เอาแต่มองเด็กสาวตาไม่กะพริบ คนรอบข้างก็ฮือฮาเช่นกัน
"สวัสดีค่ะลูกสาว ขอบใจนะจ๊ะ แล้วนี่จะแต่งกันเมื่อไหร่ล่ะหื้ม คุณลีจะได้ตัดชุดรอ" คุณมาลีมองว่าที่ลูกสะใภ้ของเพื่อนรักด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ที่จริงคุณนาฏยาก็เคยเล่าถึงรินลดาให้ฟังบ่อย แถมอวยเต็มที่จนเธอชักอยากจะเห็นหน้าค่าตา เพียงแต่ยังไม่มีเวลาว่างไปหา ในที่สุดวันนี้ก็ได้เจอกันสักที เห็นแล้วก็อดนึกถึงตัวเองสมัยสาวๆ ไม่ได้ ไม่อยากจะคุยว่าสวยเหมือนกันอย่างกับแกะ...
"ไม่นานเกินรอหรอกคุณลี ตัดชุดรอได้เลย! " คนตอบคือคุณหญิงนาฏยาที่เก็บอาการไว้ไม่อยู่ยามได้ยินเพื่อนรักถามถึงงานแต่งงานของลูกชาย แม้วรธันย์จะบอกว่าขอศึกษาดูใจกันก่อน แต่ตนก็มั่นใจมากว่าจะต้องได้รินลดาเป็นสะใภ้อย่างแน่นอน!
การแนะนำว่าที่ลูกสะใภ้ให้เพื่อนรู้จักแทนที่ร่างบางจะได้พูดเป็นส่วนใหญ่กลับกลายเป็นว่าทั้งคู่ต่างถามตอบกันไปมาในเรื่องของเธออย่างออกรส กว่าจะผละออกจากกันได้ก็ตอนที่คุณผู้ช่วยเจ้าของงานกระซิบเตือนว่ายังมีอีกหลายคนที่ต้องการเข้ามามอบของขวัญและคำอวยพร คุณหญิงมาลีจึงปล่อยให้ครอบครัวอินทรเกษมกุลแยกตัวไปยังโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมไว้ให้ แต่กว่าจะเดินถึงโต๊ะทั้งคุณสุรศักดิ์และคุณนาฏยาต่างก็ถูกคนรู้จักแวะเวียนเข้ามาทักทายไม่หยุดหย่อน ไม่ต่างจากเจ้าของงานวันเกิดเลยสักนิด
แต่ขนาดว่ายุ่งๆ คุณหญิงก็ยังไม่ลืมที่จะแนะนำว่าที่ลูกสะใภ้ให้ทุกคนรู้จัก แน่ล่ะ...ที่พารินลดามาด้วยก็เพราะต้องการเปิดตัวให้คนอื่นรู้จักนี่แหละ จะลืมได้ยังไงเล่า
ในขณะที่แม่สามีเอาแต่แวะเวียนทักทายคนนู้นคนนี้อย่างอัธยาศัยดี ร่างบางกลับกระสับกระส่าย อึดอัดกับชุดที่ใส่และสายตาของผู้คนในงานโดยเฉพาะพวกผู้ชายที่แววตาไม่ได้มีความบริสุทธิ์ใจเลยแม้แต่น้อย แม้ไม่ได้มีแค่เธอคนเดียวที่แต่งตัวเซ็กซี่ แต่เธอคงจะเป็นคนเดียวที่ไม่เต็มใจแต่งมา ไม่เคยแต่งตัวแบบนี้ออกงานแล้วยิ่งมีผู้คนมากมายและต่างให้ความสนใจแบบนี้ก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก
วรธันย์รับรู้อาการเหล่านั้น เขาคิดตื้นไปนิด เพียงคิดว่าเพื่อไม่ให้รินลดาถูกมองด้วยสายตาแปลกประหลาดกับชุดแม่ชีที่เธอเลือก ก็เลยเลือกชุดนี้มาให้ ไม่ได้คิดเลยว่าแต่งชุดนี้แล้วจะยิ่งทำให้คนมองมากกว่าเดิม โดยเฉพาะพวกผู้ชายที่นิยมชมชอบของสวยๆ งามๆ ตระการตา...แบบนี้
พรึ่บ
"ใส่ไว้..." สูทตัวนอกถูกถอดออกมาคลุมให้คนข้างกายจนมิดศีรษะคล้ายไม่ใส่ใจที่จะให้ คนใต้เสื้อสูทสะดุ้งตกใจน้อยๆ เพราะอีกฝ่ายไม่ให้สุ่มให้เสียงกันก่อน พอเข้าใจสถานการณ์ปากบางน้อยๆ ก็เบะออกด้วยความหมั่นไส้ คลุมให้ดีๆ หน่อยก็ไม่ได้...
ร่างบางลดเสื้อสูทเนื้อดีลงคลุมเพียงไหล่ ฉับพลันคำพูดของคุณหญิงนาฏยาตอนอยู่ที่บ้านก็ดังขึ้นในความคิด...
"ไม่ได้จ้ะ สิ่งนั้นหนูต้องขอพี่ธันย์เอาเอง เอ๊ะ แต่ไม่ต้องขอก็ได้ เดี๋ยวพี่ธันย์ก็คลุมให้หนูเองนั่นแหละ หึหึ"
อ่า...แบบนี้เองสินะ เข้าใจแล้วว่าคุณหญิงหมายถึงอะไร แต่ว่าคุณหญิงรู้ได้ยังไงกันนะว่าเขาจะทำแบบนี้? เก่งจริงๆ
ไม่รู้ว่าเจ้าของเสื้อตัวใหญ่หรือเธอตัวเล็ก พอได้สวมใส่แล้วถึงไม่สามารถมองเห็นมือตัวเองเลย แถมยังยาวจนปิดชุดด้านในของเธอจนมิด กลิ่นหอมอีกต่างหาก...
น้ำหอมกลิ่นสปอร์ตเย็นสบายที่ติดมากับเสื้อแปลกใหม่สำหรับคนเดียงสาจนต้องแอบยกแขนเสื้อขึ้นมาดมหลายต่อหลายครั้งอย่างติดใจ การกระทำนั้นหาได้รอดพ้นสายตาเจ้าของเสื้อ ตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าอีกคนเป็นอะไร แต่พอมองนานๆ ไปก็เข้าใจ เขาไม่ได้ทักท้วงคนที่ทำตัวลับๆ ล่อๆ ดมเสื้อคนอื่นเหมือนพวกโรคจิตแต่อย่างใด เพียงกระตุกยิ้มมุมปากอย่างระอากึ่งเอ็นดู...?
"ไม่นึกว่าจะเจอเจ้าหญิงของพี่ที่นี่..."
คนที่อาสามาตักอาหารจากโต๊ะส่วนกลางกลับไปให้พ่อแม่สามีเป็นต้องมึนงงกับเสียงทักทายของผู้มาใหม่เพราะไม่คิดว่าในงานหรูหราแห่งนี้จะมีคนรู้จักเธอด้วย แต่พอหันไปมองแล้วก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจระคนตื่นเต้น เธอลืมไปว่า... 'ไตรภพ' เพื่อนสนิทของพี่รหัสที่จบออกไปปีที่แล้วนั้นนามสกุลดังไม่ใช่น้อย ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมถึงเห็นเขาที่นี่
"พี่ไตรย์! " รินลดาอุทานเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความตกใจ
"ครับ" ไตรภพตอบรับยิ้มๆ อดมองสำรวจน้องรหัสเพื่อนไม่ได้เพราะวันนี้แปลกตาไปกว่าทุกครั้งที่เคยเห็น หญิงสาวเป็นเด็กใสๆ น่ารักน่าเอ็นดู ทำให้เวลาเจอกันเขามักจะคอยแกล้งคอยแหย่อีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู แต่ดูวันนี้สิ...ไม่เจอกันเกือบปีเด็กน้อยในวันวานโตขึ้นขนาดนี้เสียแล้ว
"สวัสดีค่ะ พี่ไตรย์สบายดีนะคะ" คนอายุน้อยกว่ายังมารยาทงามเหมือนเดิม การกระทำอย่างไม่เคอะเขินนั้นยิ่งทำให้คนถูกไหว้เอ็นดูอย่างหนัก แม้บางทีจะรู้สึกว่าตนดูแก่ไปมากก็เถอะ แต่ทุกครั้งที่ไหว้ใครร่างบางมักจะส่งยิ้มหวานมาด้วยเสมอ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาชอบให้อีกฝ่ายไหว้เหมือนคนแก่ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักมาจนถึงทุกวันนี้ ในขณะที่คนเป็นพี่รหัสอย่างเพื่อนเขาไม่ยอมให้น้องไหว้ตั้งนานแล้ว...
"สบายดีครับ พี่มาเจอเราที่นี่ได้ยังไงกันเนี่ย หรือเราจะเป็นสะใภ้คนดังที่กำลังเป็นที่สนใจคนนั้นกัน..." ร่างสูงถามอย่างสนใจ ก่อนทำหน้าทะเล้นในประโยคหลัง ซึ่งเขาก็ช่างเดาได้แม่นยำจนคนฟังพูดไม่ออก ได้แต่ยิ้มแห้งเป็นคำตอบ
"พี่ไตรย์ก็เว่อร์ไป คนดังอะไรกันคะ" รินลดาทำหน้างอง้ำอย่างไม่ชอบใจ เธอเลือกได้ที่ไหน ถ้าเลือกได้ก็อยากอยู่เงียบๆ ไม่อยากเป็นที่สนใจของใครเลยด้วยซ้ำ
"ไม่ดังได้ไง เจ้าหญิงของพี่โตเป็นสาวแล้วสวยซะขนาดนี้" ไตรภพหยอกเย้าคนงามด้วยรอยยิ้มเอ็นดูอย่างที่ชอบทำ มือใหญ่ยกขึ้นวางแหมะบนศีรษะเล็กก่อนขยี้ไปมาจนผมที่ถูกจัดทรงมาอย่างดีฟูฟ่องไม่เป็นทรง
"แล้วนี่...พี่ไตรย์ได้เจอพี่อิฐบ้างหรือเปล่าคะ พี่เขาสบายดีหรือเปล่า" คนตัวเล็กไม่ได้เอี้ยวตัวหลบ ไม่ได้แก้ต่างคำพูดของอีกฝ่าย เพราะรู้ดีว่าสู้คารมแพรวพราวของเพื่อนพี่รหัสไม่เคยได้ เลยเปลี่ยนเรื่องถามถึงพี่รหัสแทน ตั้งแต่จบไปก็หายเงียบ ไม่ได้ข่าวคราวใดๆ
"โอ้ย ไอ้อิฐน่ะหรอ สบายจะตายห่า เรียนจบไปจะปีแล้วยังนอนตีพุงอยู่บ้าน ไม่เข้าไปช่วยงานพ่อที่บริษัทสักที" พูดถึงเพื่อนรักไตรภพก็ได้แต่ขายเพื่อนให้น้องฟังพลางส่ายหน้าระอาในความขี้เกียจของมัน เรียกเสียงหัวเราะเล็กๆ ได้จากคนฟังจนอดหัวเราะตามไม่ได้ ใครๆ ก็รู้ว่าอิทธิพัทธ์พี่รหัสของเธอน่ะขี้เกียจเป็นที่หนึ่ง ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ไม่แปลกใจเลยกับคำบอกกล่าวของไตรภพ
"พรุ่งนี้จะได้กินมั้ย" เสียงกัมปนาทจากขุมนรก (?) หยุดเสียงหัวเราะแห่งความสุขของคนทั้งคู่ดังมาจากอีกฝากหนึ่งของโต๊ะวางอาหาร ทำคนตัวเล็กเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าหลงลืมใครคนนั้นไป เธอไม่ได้เดินมาตักอาหารคนเดียว แต่มากับว่าที่สามีเพียงแต่แยกกันตักเท่านั้น
"เอ่อ งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ ถ้าเจอพี่อิฐก็ฝากบอกด้วยว่าขี้เกียจมากระวังจะอดตาย! หึหึ ไปแล้วนะคะ สวัสดีค่ะ" รินลดาละล่ำละลักเอ่ยลารุ่นพี่ ไม่วายฝากข้อความขำๆ ไปแซวพี่รหัสด้วย สิ้นคำร่ำลาก็ปลีกตัวออกมาอย่างนึกเสียดาย เพราะกับคนทั้งงานก็มีเพียงไตรภพนี่แหละที่ทำให้เธอผ่อนคลายจนได้เป็นตัวของตัวเองชั่วขณะหนึ่ง แม้จะแค่เวลาสั้นๆ แต่ก็ดีใจที่ได้เจอกัน
ไตรภพได้แต่มองตามร่างบางไปอย่างเสียดาย อดไม่ได้ต้องหันไปสบตากับผู้ชายคนนั้น คนที่มาขัดจังหวะ...
'วรธันย์ อินทรเกษมกุล' ลูกชายเพียงคนเดียวของคุณชายสุรศักดิ์และคุณหญิงนาฏยา เพื่อนสนิทคุณหญิงมาลีเจ้าของงาน ซึ่งพ่อกับแม่ของเขาก็เป็นเพื่อนกับทั้งคู่ แม้ไม่สนิทเท่าแต่ก็เรียนมาด้วยกัน ส่วนตอนนี้น้องรหัสเพื่อนที่เขานึกเอ็นดูก็กลายไปเป็นสะใภ้บ้านนั้น โลกช่างกลมดีเสียจริง...
"แฟนเก่าหรือไง ไม่ยักจะรู้ว่าเธอรู้จักคนระดับนี้ด้วย" ร่างสูงพูดกระทบคนที่เดินมายืนข้างๆ เสียงเรียบต่ำคล้ายไม่พอใจอะไรบางอย่าง ไม่พอยังรู้สึกยุบยิบข้างใน สาเหตุไม่แน่ชัดว่าเกิดจากอะไร
"ปะ เปล่าค่ะ เขาเป็นเพื่อนของพี่รหัส บังเอิญเจอเลยทักทายกันเฉยๆ " เสียงหวานตะกุกตะกักอย่างห้ามไม่ได้ ใครใช้ให้คุณเขาแผ่รังสีอำมหิตเหมือนอยากจะฆ่าใครตายออกมากันล่ะ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลย ไม่รู้ไปโกรธอะไรใครมา...
"รู้สถานะตัวเองหน่อย เธอมีสามีแล้ว จะเข้าใกล้ผู้ชายคนอื่นควรให้มีขอบเขต อย่าให้มีเรื่องเสื่อมเสียมาถึงพ่อแม่ฉัน" ร่างสูงตำหนิอย่างไม่ถนอมใจคนฟังที่เอาแต่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ เธอรู้ว่าอยู่ในสถานะไหนและก็ไม่ได้ทำอะไรเสื่อมเสียอย่างที่เขาว่าด้วย ก็แค่ทักทายกันตามประสาคนรู้จักเท่านั้น อีกอย่างเขาก็ยังเป็นแค่ว่าที่สามี ยังไม่ได้แต่งงานกันจริงๆ เสียหน่อย ถ้าคุยแค่นี้เขามองว่าเสื่อมเสียเธอคงไม่ต้องพูดกับผู้ชายทั้งโลกแล้วล่ะ!
"คุณ...ไม่มีเหตุผลเลยค่ะ! เราก็แค่คุยกัน ไม่ได้ทำอะไรเสื่อมเสียสักหน่อย" รินลดาเถียงกลับอย่างเหลืออด ความไม่ยุติธรรมจากเขาทำให้เธอเริ่มไม่พอใจ เธอแค่คุย แต่เขา...ในขณะที่ออกงานกับเธอในฐานะคู่หมั้นเขายังไม่เลิกกับแฟนเขาเลยด้วยซ้ำ! แบบนั้นไม่เสื่อมเสียกว่าหรอ? ไหนล่ะความยุติธรรม?
"แล้วคุณล่ะคะ...คุณกับเขายังไม่เลิกกันด้วยซ้ำ คุณจะพาเขาไปไหนทำอะไร ฉันก็ไม่เคยว่าอะไรคุณเลยสักคำ ฉันแค่คุยกับคนรู้จัก คุณกลับว่ากระทบต่างๆ นานา...ไม่ลำเอียงไปหน่อยหรอคะ! " ร่างบางเริ่มควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ เพียงแค่รู้สึกว่าถูกตัดสินโดยไม่เป็นธรรม ทั้งๆ ที่เริ่มจะมีความรู้สึกดีๆ ต่อกันแล้วแท้ๆ เขากลับดึงเธอลงไปยังจุดเดิม เขากลัวเธอทำครอบครัวเขาเสื่อมเสีย? เขาคิดแบบนี้ได้ยังไงในเมื่อตอนที่เขาอยู่กับคนรักของเขา ไม่เห็นเขาจะแคร์สายตาใคร!
"หญิง..." เสียงทุ้มหลุดแผ่วออกมาพร้อมกับแรงดึงรั้งที่ข้อมือเมื่อว่าที่ภรรยากำลังจะเดินหนีไป วรธันย์สูดหายใจลึก พยายามข่มอารมณ์ เพราะได้สติและรู้ตัวแล้วว่าเป็นฝ่ายผิดที่ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลจนเผลอพูดจาแย่ๆ ใส่รินลดาเหมือนเมื่อก่อน
เขาไม่ได้ตั้งใจ...คราวนี้เขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดจาไม่ได้ใส่ร่างบางจริงๆ นิสัยเสียอันดับหนึ่งของเขาคือเป็นคนใจร้อน ยามไม่พอใจอะไรก็มักจะปากไว พูดไม่คิด จนบางทีคำพูดของเขาก็มักจะทำร้ายคนฟังอย่างหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา รวมครั้งนี้ด้วย
"....." คนถูกรั้งไว้ไม่ตอบ ไม่หันมอง เพียงยืนนิ่งปล่อยให้อีกฝ่ายจับมือถือแขนอยู่อย่างนั้น เธอเองก็พยายามจะข่มอารมณ์เพราะเริ่มได้สติ รู้ตัวว่าเผลอขึ้นเสียงใส่เขาอย่างที่ไม่ควรเช่นกัน
"พี่ขอโทษ..." อารมณ์ขุ่นมัวในใจถูกทดแทนด้วยเสียงตักตึกจากจังหวะการเต้นแรงของหัวใจ สิ้นคำขอโทษคล้ายว่าคนฟังได้รับกระแสความอุ่นไหลผ่านข้อมือที่ถูกจับทะลักเข้าสู่หัวใจ จนตะกอนขุ่นๆ ที่ครอบครองพื้นที่อยู่ก่อนสลายหายไปเหมือนไม่เคยมี...
..
..
..
..
หู้ยยยยย ก็หึงเขาแหละ ดูออก ><
#อย่าให้น้องของขึ้น
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 14"หื้ม? เป็นอะไรหรือเปล่าลูก ไม่สบายหรอคะ หน้าแดงๆ " คุณหญิงนาฏยาเอ่ยถามว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงอาทรห่วงใย นึกสงสัยว่าก่อนหน้านี้ยังเห็นอีกฝ่ายดีๆ อยู่เลย แต่หลังกลับจากไปตักอาหารกับเจ้าลูกชายไหงนั่งเงียบแก้มแดงปลั่งขนาดนี้ไปเสียได้"อะ เอ่อ หนู...ร้อนน่ะค่ะ" พอถูกทักกะทันหัน ใครคนนั้นก็ลนลานเลิกลั่ก กอปรกับยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไม่มีอยู่จริงอย่างมีพิรุธคนฟังหรี่ตาจับผิดตามสัญชาตญาณแต่ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ เพียงเหลือบตามองลูกชายที่ดูจะมีบรรยากาศรอบๆ ตัวเปลี่ยนไปเล็กน้อย ริมฝีปากหยักคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มแปลกๆ หรือว่า...ระหว่างที่หายไปด้วยกันจะมีอะไรเกิดขึ้น?"แม่ว่าแอร์ก็เย็นอยู่นะ เอ...หรือว่าเป็นอาการคนเขิน พี่ธันย์ทำหรือพูดอะไรให้เขินหรือเปล่าจ๊ะเนี่ย" คำถามลอยๆ เหมือนคนรู้ทันทำคนฟังลมหายใจสะดุด คล้ายคนทำผิดกำลังจะถูกจับได้ เพียงแต่เธอไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเสียหน่อย ก็แค่รู้สึกหน้าร้อนแปลกๆ ตอนได้ยินร่างสูงแทนตัวเองว่า 'พี่' ก็เท่านั้น...คนถูกไล่ต้อนมัวแต่อ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบอะไร กระทั่งมีคนรู้จักมาชวนว่าที่แม่สามีไปทักทายเพื่อนๆ กลุ่มใหม่แล้ว
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 15ในตอนนี้...รินลดากำลังยืนเคว้งอยู่กลางห้องชุดสุดหรูของว่าที่สามีอย่างคนไม่รู้จะทำยังไงต่อไป คอนโดของท่านประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ดูเบาไม่ได้เลยจริงๆ นอกจากความกว้างขวางหรูหราแล้วยังแบ่งแยกสัดส่วนได้เหมือนกับยกบ้านทั้งหลังมาไว้ที่นี่ ความอลังการนี้ทำให้ทั้งชั้นมีเพียงสองห้องเท่านั้น อีกห้องหนึ่งเป็นของอดีตท่านประธานซึ่งก็คือคุณสุรศักดิ์ที่ทุ่มเงินซื้อเอาไว้ตั้งแต่สำนักงานขายยังไม่ทันเปิดให้จอง นานๆ ทีท่านจะมาพักบ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอยู่ ชั้นนี้จึงมีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวสูงมากๆ"เดี๋ยวพาไปดูห้องนอน" คนเหม่อได้สติในตอนที่เจ้าของห้องเดินมาบอก ก่อนที่เขาจะเดินนำไปที่ห้องนอนสองห้องที่อยู่ติดกันและเดินไปหยุดอยู่ที่ประตูห้องฝั่งซ้ายมือ"เธอพักห้องนี้ ส่วนข้างๆ นั่นห้องฉัน ขาดเหลืออะไรก็บอก ไม่ต้องเกรงใจ" วรธันย์ทำตัวเป็นเจ้าของบ้านที่ดี แม้จะมีผู้มาอาศัยร่วมกันทั้งที่ไม่เคยมีมาก่อนเขาก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด"ไปอาบน้ำเถอะ แล้วออกมาทานข้าว" ร่างบางพยักหน้ารับคำ ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันเข้าห้อง ระหว่างนั้นเจ้าบ้านก็โทรสั่งอาหารไว
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 16ตากลมเหล่มองผู้ร่วมโดยสารลิฟต์หลายต่อหลายครั้งอย่างไม่เข้าใจ อีกฝ่ายเอาแต่ยืนนิ่งทำหน้าทะมึนเหมือนจะไปฆ่าใครตาย ไอเย็นที่แผ่ออกมาสร้างความกดดันในพื้นที่คับแคบอย่างห้องโดยสารลิฟต์อย่างมหาศาลจนร่างบางแทบจะหายใจไม่ออก เขากำลังโกรธอันนี้เธอแน่ใจ แต่โกรธเรื่องอะไร?...เรื่องที่เธอไปเพ่นพ่านชั้นอื่น? เธอไปเพราะเรื่องงานนะ ไม่ได้หนีเที่ยวเล่นสักหน่อยหรือจะโกรธเรื่องอื่น?แล้ว...มันเรื่องอะไรกันเล่า"คุณ...โกรธฉันหรอคะ" จนแล้วจนเล่ารินลดาก็นึกไม่ออกว่าจริงๆ แล้ววรธันย์โกรธเธอเรื่องอะไรกันแน่ เมื่อคิดไม่ออกก็เลยตัดสินใจถามออกไปเสียเลย"ฉันไปเพราะเรื่องงานนะคะ ไม่ได้หนีเที่ยว" เสียงหวานพยายามแก้ต่างเมื่อร่างสูงไม่ยอมตอบคำถามก่อนหน้า ทำเพียงปรายตามองด้วยสายตาเรียบนิ่ง ให้ตาย...เธอเคยเจอแต่ตอนที่เขาโกรธแล้วโวยวาย ไม่เคยเจอโกรธแล้วเงียบแบบนี้มาก่อน"เอ่อ...ขอโทษด้วยนะคะ ถ้าเกิดว่าทำให้คุณไม่พอใจ" พออีกฝ่ายเอาแต่นิ่งเงียบ เธอก็จนปัญญาที่จะเซ้าซี้เอาคำตอบ สุดท้ายก็เลือกที่จะเอ่ยขอโทษทั้งที่ไม่รู้ว่าผิดอะไรออกไปแทน"พี่! " "คะ? " คำแรกที่ร่างสูงกระแทกเสีย
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nบทนำ"เมื่อไหร่แกจะแต่งงานฮะเจ้าธันย์ จะให้ฉันต้องถามไปจนถึงเมื่อไหร่" ทันทีที่เห็นลูกชายเพียงคนเดียวเดินเข้าบ้านมาเสียงผู้นำครอบครัวก็ขัดจังหวะการก้าวเดินของร่างสูงนั้นให้หยุดชะงัก"แล้วเมื่อไหร่พ่อจะเลิกบังคับผมเรื่องแต่งงานสักทีครับ อยากแต่งเมื่อไหร่เดี๋ยวผมก็แต่งเองนั่นแหละ" ร่างแกร่งหยุดเผชิญหน้ากับบิดาอย่างจำใจ ใบหน้าคมที่เคยมีร่องรอยของอารมณ์สุนทรีย์เลือนหายไปตั้งแต่ได้ยินเสียงทัก เหลือไว้แต่เพียงความยุ่งเหยิง เพราะคนเป็นพ่อเอาแต่พูดเรื่องเดิมซ้ำๆ แทบจะทุกครั้งที่เห็นหน้าเขา"แล้วมันเมื่อไหร่? แม่แกจะตายวันตายพรุ่งเคยโผล่หัวไปดูบ้างมั้ย ฉันอุตส่าห์ปล่อยให้แกเลือกเมียได้ตามใจแล้วนะ อย่าให้ต้องบังคับ! ""ขู่ตลอดอ่ะ ก็ให้เวลาผมหน่อยดิ เมียดีๆ ใช่จะหาได้ง่ายๆ เสียเมื่อไหร่" วรธันย์ถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่ายเมื่อได้ยินคำขู่นับครั้งไม่ถ้วน เริ่มตั้งแต่เขาอายุย่างเข้าเลขสามจนตอนนี้สามสิบห้าปีเข้าไปแล้ว ก็นับว่าได้ยินมาตลอดห้าปี ตอนนี้เลยเบื่อที่จะฟังเต็มที"แกไม่หาเองมากกว่ามั้ง ฉันให้เวลาแกมามากพอแล้ว ภายในเดือนนี้ถ้ายังเอ้อระเหยอยู่แบบนี้ ฉันนี
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 1"คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ แต่หมอต้องขอดูอาการอย่างใกล้ชิดอีกสักวันสองวัน ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อนก็ย้ายไปห้องพักฟื้นปกติได้" เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง.. ในที่สุดคนรอก็ได้รับข่าวดีอย่างที่ใจหวัง ทำเอาเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่รีบเข้าไปยกมือไหว้คนที่ช่วยชีวิตบุคคลอันเป็นที่รักของพวกเธอเสียยกใหญ่"ขอบคุณค่ะคุณหมอ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ""คนที่พวกคุณควรขอบคุณไม่ใช่หมอหรอกครับ ขอตัวก่อนนะครับ" คุณหมอบอกก่อนยกยิ้มบางๆ ขณะมองไปที่ชายอีกคนที่ยังไม่หนีไปไหน อยู่ติดตามอาการคนป่วยจนการผ่าตัดสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีเมื่อหมดหน้าที่บุรุษชุดกาวน์ก็ขอตัวออกไป สองแม่ลูกจึงตั้งสติและพากันเดินมาหาผู้มีพระคุณด้วยความตื้นตันใจ ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกัน ค่าผ่าตัดก็ไม่ใช่ถูกๆ แต่ใครคนนั้นก็ยังยอมช่วยเหลือทุกสิ่งอย่างจนไม่รู้จะตอบแทนยังไงหมดในชาตินี้"คุณคะ.. ฉันกับลูกขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ช่วยพวกเราไว้ ทั้งที่ไม่รู้จักกันเลยแท้ๆ แต่คุณช่วยพวกเราถึงขนาดนี้ ฉันกับลูกซาบซึ้งมากจนไม่รู้จะตอบแทนยังไง มีอะไรที่พวกเราจะตอบแทนได้บ้างมั้ยคะ พวกเรายินดี" อรนภาพูดขณะยกมือไหว้ร่างสูงนั้นทั้งน้ำตานองหน้
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 2ก่อนจะถึงหกโมงเย็นตามนัดที่เจ้าของบ้านบอกไว้รินลดาก็อาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดใหม่ที่ถูกซื้อมาแขวนไว้ให้ในตู้เสื้อผ้า ตอนแรกเธอไม่ได้คิดจะหยิบออกมาใส่เลยเพราะมองแค่เผินๆ ก็พอจะเดาราคาได้ว่าต้องแพงมากแน่ๆ เลยกะจะใส่เสื้อผ้าชุดเดิมของตนที่ขนมาจากบ้าน แต่ทว่าเสื้อผ้าของเธอมีแต่ชุดธรรมดาราคาถูก อย่าว่าแต่จะใส่ไปพบหน้าว่าที่สามีเลย ให้ใส่อยู่ในส่วนไหนของบ้านหลังนี้มันก็ดูไม่ได้ทั้งนั้นสุดท้ายรินลดาก็เลยต้องจำใจหยิบชุดใหม่ที่คุณนาฏยาซื้อให้มาใส่ และเฝ้ารอใครสักคนมาเรียกด้วยความตื่นเต้นชนิดที่ว่านั่งก้นไม่ติดพื้น เทียวลุกเดินไปส่องกระจกบานใหญ่ตรงห้องแต่งตัวซ้ำแล้วซ้ำแล้ว แต่ถึงภาพที่ปรากฏอยู่ในกระจกจะเป็นที่น่าพึงพอใจแค่ไหนเธอก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ทำให้เป็นกังวลที่สุดก็คือว่าที่สามี.. ไม่รู้ว่าวรธันย์จะเป็นคนแบบไหน และเขาจะรับได้ไหมถ้ารู้ว่าเธอเป็นแค่ลูกสาวพ่อค้าแม่ค้าธรรมดาๆ เท่านั้นก๊อกๆ "คุณหญิงคะ คุณผู้หญิงให้มาตามค่ะ" เวลาหกโมงเย็นนิดๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก่อนที่น้ำเสียงสุภาพอ่อนหวานของใครสักคนจะดังตามหลังมา คน
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 3"เฮ้ยๆ ใจเย็นไอ้เสือ มึงจะเมาตั้งแต่สองทุ่มไม่ได้นะเว้ย"'ภาค' หนุ่มตำรวจจากกรมสืบสวนคดีพิเศษหรือที่เรียกสั้นๆ ว่าดีเอสไอทักขึ้นเสียงหลง เมื่อเห็นเพื่อนสนิทที่กอดคอถือหาง (?) กันมาตั้งแต่สมัยเรียน ม.ต้น ยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นดื่มเอาๆ ราวกับอดอยากปากแห้งมานมนานทั้งที่คนอย่าง 'วรธันย์ อินทรเกษมกุล' ทายาทจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง 'อินทรเกษมกุล กรุ๊ป' ผู้ผลิตและพัฒนาซอฟแวร์อันดับหนึ่งของประเทศไม่น่าจะห่างหายจากเรื่องพวกนี้ได้"เออ เป็นไรวะ มาถึงก็ดื่มเอาๆ หน้าบูดเหมือนตูดไอ้อ้วนเลยเนี่ย"'อาทิตย์' คู่หูรวมอาชีพของภาคผสมโรงมองงงใส่ร่างสูงอีกคน ต่างกันตรงที่เขาถูกเจ้าตัวตวัดตามองเคืองใส่หลังพูดจบเพราะดันไปเปรียบเทียบหน้าคนกับก้นหมาที่บ้านใส่กัน แต่เขาก็ได้ใส่ใจสายตาเชือดเฉือนคู่นั้น แถมยิ้มเย้ยกลับไปอีกต่างหาก"มึงก็พูดไป กูว่าตูดไอ้อ้วนยังดูดีกว่าหน้าไอ้ธันย์ตอนนี้เลยว่ะ ฮ่าๆ " ภาคแย้งขึ้น อดไม่ได้ต้องระเบิดหัวเราะร่าไปทีเพราะชอบอกชอบใจกับคำเปรียบเปรยของตนเอง ไม่ต่างจากอาทิตย์ที่รีบยกมือขึ้นแท็คทีมกันอย่างออกนอกหน้า แล้วก็พากันขำเอิ้กอ้ากต่อไป ฝ่ายจำเ
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 4เมื่อทานอาหารเช้าร่วมกับคุณสุรศักดิ์และคุณนาฏยาแล้ว รินลดาก็กลับขึ้นห้องเพื่อแต่งตัวใหม่เป็นชุดนักศึกษาเนื่องจากมีเรียนตอนสิบโมง เมื่อเรียบร้อยก็กลับลงมาไหว้ลาคนทั้งสอง เธอเผื่อเวลาเดินทางไว้มากโขเพราะเมื่อวานได้สังเกตลู่ทางไว้แล้วพบว่าป้ายรอรถประจำทางอยู่ตรงหน้าปากซอย ต้องเดินเท้าออกไปค่อนข้างไกล เธอเตรียมตัวพร้อมทุกอย่างทั้งร่มแบบพกพาไว้กางกันแดดและสวมรองเท้าผ้าใบเพื่อที่จะได้เดินสบายเท้า แต่พอคุณสุรศักดิ์และคุณหญิงรู้เข้าก็พร้อมใจกันรีบเบรกความตั้งใจของเธอ และสั่งให้คนขับรถถอยรถยนต์คันหรูมารับถึงหน้าประตูบ้านร่างบางได้แต่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก ครั้นจะแย้งว่าเธอเดินทางไปเรียนเองได้ก็ถูกมือบางของว่าที่แม่สามีดันหลังให้ขึ้นไปนั่งแหมะอยู่บนรถและลุงคนขับรถก็รีบออกตัวอย่างว่องไวราวกับแท็กทีมกันมัดมือชกให้เธอต้องจำยอม..การเดินทางมามหาวิทยาลัยของรินลดาในวันนี้ดูจะกลายเป็นที่สนใจของผู้คนที่พบเห็นไม่ใช่น้อย เธอไม่ใช่คนดังแต่เพราะรถยนต์สัญชาติอังกฤษราคาแพงที่น้อยคนนักจะกล้าซื้อมาขับกำลังทำให้เธอกลายเป็นจุดเด่น ซ้ำ 'ลุงพร' คนขับรถของคุณท่านทั้งสองยังไม
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 16ตากลมเหล่มองผู้ร่วมโดยสารลิฟต์หลายต่อหลายครั้งอย่างไม่เข้าใจ อีกฝ่ายเอาแต่ยืนนิ่งทำหน้าทะมึนเหมือนจะไปฆ่าใครตาย ไอเย็นที่แผ่ออกมาสร้างความกดดันในพื้นที่คับแคบอย่างห้องโดยสารลิฟต์อย่างมหาศาลจนร่างบางแทบจะหายใจไม่ออก เขากำลังโกรธอันนี้เธอแน่ใจ แต่โกรธเรื่องอะไร?...เรื่องที่เธอไปเพ่นพ่านชั้นอื่น? เธอไปเพราะเรื่องงานนะ ไม่ได้หนีเที่ยวเล่นสักหน่อยหรือจะโกรธเรื่องอื่น?แล้ว...มันเรื่องอะไรกันเล่า"คุณ...โกรธฉันหรอคะ" จนแล้วจนเล่ารินลดาก็นึกไม่ออกว่าจริงๆ แล้ววรธันย์โกรธเธอเรื่องอะไรกันแน่ เมื่อคิดไม่ออกก็เลยตัดสินใจถามออกไปเสียเลย"ฉันไปเพราะเรื่องงานนะคะ ไม่ได้หนีเที่ยว" เสียงหวานพยายามแก้ต่างเมื่อร่างสูงไม่ยอมตอบคำถามก่อนหน้า ทำเพียงปรายตามองด้วยสายตาเรียบนิ่ง ให้ตาย...เธอเคยเจอแต่ตอนที่เขาโกรธแล้วโวยวาย ไม่เคยเจอโกรธแล้วเงียบแบบนี้มาก่อน"เอ่อ...ขอโทษด้วยนะคะ ถ้าเกิดว่าทำให้คุณไม่พอใจ" พออีกฝ่ายเอาแต่นิ่งเงียบ เธอก็จนปัญญาที่จะเซ้าซี้เอาคำตอบ สุดท้ายก็เลือกที่จะเอ่ยขอโทษทั้งที่ไม่รู้ว่าผิดอะไรออกไปแทน"พี่! " "คะ? " คำแรกที่ร่างสูงกระแทกเสีย
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 15ในตอนนี้...รินลดากำลังยืนเคว้งอยู่กลางห้องชุดสุดหรูของว่าที่สามีอย่างคนไม่รู้จะทำยังไงต่อไป คอนโดของท่านประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ดูเบาไม่ได้เลยจริงๆ นอกจากความกว้างขวางหรูหราแล้วยังแบ่งแยกสัดส่วนได้เหมือนกับยกบ้านทั้งหลังมาไว้ที่นี่ ความอลังการนี้ทำให้ทั้งชั้นมีเพียงสองห้องเท่านั้น อีกห้องหนึ่งเป็นของอดีตท่านประธานซึ่งก็คือคุณสุรศักดิ์ที่ทุ่มเงินซื้อเอาไว้ตั้งแต่สำนักงานขายยังไม่ทันเปิดให้จอง นานๆ ทีท่านจะมาพักบ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอยู่ ชั้นนี้จึงมีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวสูงมากๆ"เดี๋ยวพาไปดูห้องนอน" คนเหม่อได้สติในตอนที่เจ้าของห้องเดินมาบอก ก่อนที่เขาจะเดินนำไปที่ห้องนอนสองห้องที่อยู่ติดกันและเดินไปหยุดอยู่ที่ประตูห้องฝั่งซ้ายมือ"เธอพักห้องนี้ ส่วนข้างๆ นั่นห้องฉัน ขาดเหลืออะไรก็บอก ไม่ต้องเกรงใจ" วรธันย์ทำตัวเป็นเจ้าของบ้านที่ดี แม้จะมีผู้มาอาศัยร่วมกันทั้งที่ไม่เคยมีมาก่อนเขาก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด"ไปอาบน้ำเถอะ แล้วออกมาทานข้าว" ร่างบางพยักหน้ารับคำ ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันเข้าห้อง ระหว่างนั้นเจ้าบ้านก็โทรสั่งอาหารไว
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 14"หื้ม? เป็นอะไรหรือเปล่าลูก ไม่สบายหรอคะ หน้าแดงๆ " คุณหญิงนาฏยาเอ่ยถามว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงอาทรห่วงใย นึกสงสัยว่าก่อนหน้านี้ยังเห็นอีกฝ่ายดีๆ อยู่เลย แต่หลังกลับจากไปตักอาหารกับเจ้าลูกชายไหงนั่งเงียบแก้มแดงปลั่งขนาดนี้ไปเสียได้"อะ เอ่อ หนู...ร้อนน่ะค่ะ" พอถูกทักกะทันหัน ใครคนนั้นก็ลนลานเลิกลั่ก กอปรกับยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไม่มีอยู่จริงอย่างมีพิรุธคนฟังหรี่ตาจับผิดตามสัญชาตญาณแต่ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ เพียงเหลือบตามองลูกชายที่ดูจะมีบรรยากาศรอบๆ ตัวเปลี่ยนไปเล็กน้อย ริมฝีปากหยักคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มแปลกๆ หรือว่า...ระหว่างที่หายไปด้วยกันจะมีอะไรเกิดขึ้น?"แม่ว่าแอร์ก็เย็นอยู่นะ เอ...หรือว่าเป็นอาการคนเขิน พี่ธันย์ทำหรือพูดอะไรให้เขินหรือเปล่าจ๊ะเนี่ย" คำถามลอยๆ เหมือนคนรู้ทันทำคนฟังลมหายใจสะดุด คล้ายคนทำผิดกำลังจะถูกจับได้ เพียงแต่เธอไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเสียหน่อย ก็แค่รู้สึกหน้าร้อนแปลกๆ ตอนได้ยินร่างสูงแทนตัวเองว่า 'พี่' ก็เท่านั้น...คนถูกไล่ต้อนมัวแต่อ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบอะไร กระทั่งมีคนรู้จักมาชวนว่าที่แม่สามีไปทักทายเพื่อนๆ กลุ่มใหม่แล้ว
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 13ตั้งแต่แยกกันที่ร้านอาหารเมื่อวานรินลดาก็ไม่ได้เจอกับวรธันย์อีกเลยจนถึงตอนนี้ เขาไม่ได้กลับมานอนบ้านและเธอก็ได้ลุงพรเป็นสารถีขับรถรับส่งในวันนี้ เธอไม่คิดถามใครและก็ไม่มีใครบอกว่าเขาไปไหน ติดธุระอะไร ได้แต่เก็บความสงสัยและไม่พอใจลึกๆ เอาไว้ในใจ..."พี่ธันย์เขามีประชุมตั้งแต่เช้าตลอดทั้งวัน แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะจ๊ะ พี่เขากลับมาทันแน่นอน" คล้ายว่าแม่สามีจะรู้อะไรแม้กระทั่งความคิดตน จู่ๆ ท่านก็พูดขึ้นมาในตอนที่กำลังนั่งเฉิดฉายให้ช่างแต่งหน้าส่วนตัวสะบัดแปรงไปมาทั่วใบหน้า คนฟังเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายผ่านกระจกบานใหญ่ ไม่ได้ตอบอะไร เพียงยิ้มบางและพยักหน้ารับรู้เท่านั้นใช้เวลาร่วมชั่วโมงคุณหญิงก็แต่งหน้าทำผมเสร็จ ลุคสวยเปรี้ยวไม่เกรงใจอายุทำร่างบางจ้องมองอย่างตื่นเต้น ดูท่างานที่ไปจะไม่ธรรมดาจริงๆ เธอถึงมีโอกาสได้เห็นแม่สามีในลุคที่ฉีกจากเดิมออกไปไกลเสียขนาดนี้"จินนี่...เอาให้สวยที่สุดในงาน! " คำสั่งเฉียบขาดที่ถ่ายทอดไปยังช่างประจำตัวทำรินลดารู้สึกเสียวสันหลังพิกล..."ไม่มีปัญหาค่ะคุณแม่ จินนี่เอาประสบการณ์กว่ายี่สิบปีเป็นประกัน! น้องหญิงจะต้องสว
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 12"นี่มันหมายความว่ายังไงคะธันย์ ไหนบอกจะช่วยกันกำจัดนังนั่นไงคะ คุณไปทำดีกับมันทำไม! ? " ความสัมพันธ์ของวรธันย์และรินลดาเริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น และคนที่คอยจับตามองความเคลื่อนไหวของคนทั้งคู่มีหรือที่จะไม่รู้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้าง วันนี้ถึงได้บุกมาหาเขาที่บริษัทตั้งแต่เช้า และใช่...เลขาเขาหยุดพายุลูกนี้ไม่ได้อีกครั้ง"ผมมีวิธีของผม การรวมหัวกันรุมรังแกอีกฝ่ายแบบนั้นไม่ใช่เรื่องดี" ปากกายี่ห้อดังยังคงถูกมือแกร่งจับตวัดไปมาบนเอกสารสำคัญ เช่นเดียวกับดวงตาคมกริบที่ยังคงเพ่งสมาธิไปที่มันมากกว่าคู่สนทนา นั่นยิ่งทำให้เกวลินเดือดดาลกว่าที่เป็น"วิธีอะไรของคุณ เกวไม่เห็นว่าคุณจะทำอะไรตรงไหน ตรงข้าม! คุณพามันไปกินข้าวซื้อแหวน ไม่ใช่ว่าหลงมารยามันแล้วหรือไงคะ! ? " เกวลินนับเป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญน้อยเมื่อเทียบกับคนอื่นที่เขาเคยมีสัมพันธ์มา แต่วันนี้หล่อนทำให้เขารู้แล้วว่าหล่อนไม่ได้ต่างไปจากคนอื่นเลยสักนิด"เกวลิน...คุณมีสิทธิ์ก้าวก่ายเรื่องของผมมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถ้ายังพูดไม่รู้เรื่องอยู่แบบนี้ก็เชิญที่ประตู ผมจะทำงาน" ด้วยเป็นคนใจร้อน
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 11"พวกแก~ คุณธันนนนนย์!! " เสียงวีดว้ายของนักศึกษาหญิงกลุ่มที่เดินอยู่ข้างหน้าซึ่งก็ได้แก่สามสาว ฟิล์ม บีและต้นอ้อดังขึ้นเรียกความสนใจของนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจโดยเฉพาะสาขาการบัญชีที่เพิ่งได้เวลาเลิกเรียนพอดี ร่างบางที่เดินตามหลังมาหูผึ่งเล็กน้อยตอนได้ยินชื่อใครสักคนที่เหมือนกับว่าที่สามี ก่อนจะสะดุ้งเล็กๆ เมื่อสามสาวหันกลับมาจ้องหน้าด้วยแววตาอิจฉาระคนหมั่นไส้สาเหตุเป็นเพราะร่างสูงโปร่งของใครบางคนที่กำลังยืนทำเท่...สองมือล้วงกระเป๋ากางเกง เอนกายพิงสปอร์ตคาร์สุดหรูรออยู่หน้าตึกคณะฯ ดวงหน้าคมเข้มแม้เรียบนิ่งแต่หล่อเหลาจนคนเดินผ่านเหลียวหลังกลับมามองตามคอแทบเคล็ด ไม่ต้องเดาก็มองออกว่าคงมารอใครสักคน แต่ใครกันล่ะที่เป็นผู้โชคดีคนนั้น..."ไอ้หญิง! รีบๆ เดินเข้าสิ คุณเขามารอนานแล้วนะ! " สามสาวแหวกทางให้รินลดาเดินผ่านและพร้อมใจกันดันแผ่นหลังบางไปข้างหน้าอย่างเร่งเร้า อยากถามเหมือนกันว่ารู้ได้ยังไงว่าเขามารอนานแล้ว เขาอาจจะเพิ่งมาถึงก็ได้ไหม...แต่ก็ได้แค่คิด ไม่ได้พูดออกไปให้ถูกมองแรงใส่แต่อย่างใด...พอถูกสามสาวผลักดันให้เดินเข้าไปหาร่างสูงอย่างออก
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 10วรธันย์กลับเข้าบ้านมาในตอนสี่ทุ่มครึ่ง ร่างกายหนักอึ้งมีอาการมึนเมาเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับไร้สติ เวลานี้ภายในบ้านเงียบสงัดเนื่องจากทุกคนคงจะเข้านอนกันหมดแล้ว มีเพียงเขาที่จิตใจยังคงกระสับกระส่ายร้อนรุ่มจนยากจะข่มตาหลับ เป็นเหตุให้ฝืนอาการมึนๆ ขับรถจากคอนโดกลับมาบ้าน ไม่รู้เหมือนกันว่ามาในเวลานี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อทุกคนต่างเข้านอนกันหมด รู้เพียงว่าทนอยู่ไม่ได้...ความรู้สึกผิดและเสียใจมันอัดแน่นอยู่เต็มอก ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างไม่มีทางที่เขาจะข่มตาหลับได้แน่ตั้งใจจะกลับมาขอโทษมารดาแต่ก็ดึกเกินกว่าจะกล้าเคาะประตูเรียกเลยเอาแต่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าประตูห้องนอนของอีกฝ่าย ถามว่าทำไมไม่รีบกลับมาตั้งแต่หัววัน ยืดอกสามศอกยอมรับตรงๆ เลยว่าไม่กล้า...ความผิดครั้งนี้ร้ายแรงจนเขาไม่อาจสู้หน้าบุพการี แม้จะระหองระแหงเรื่องแต่งงานกันมาตลอด แต่ไม่มีครั้งไหนที่เขากับพ่อแม่จะทะเลาะกันรุนแรงเท่าครั้งนี้มาก่อน เขาไม่เคยทำให้แม่ร้องไห้และไม่เคยทำให้พ่อโกรธถึงขั้นกล้าตัดความสัมพันธ์ ลูกชายเพียงคนเดียวที่เคยเป็นความหวังในทุกๆ เรื่องของพวกเขา มาวันนี้กลับถูกตั
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 9พอพ้นหน้าโรงแรมหรูออกมารินลดาก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา เมื่อพบว่ายังไม่ดึกเท่าไรก็คิดหาทางกลับบ้าน แท็กซี่นั้นเธอตัดทิ้งไปเป็นอย่างแรกเพราะมีประสบการณ์ไม่ค่อยจะดีด้วย แต่ชุดแบบนี้ให้ไปยืนโหนรถเมล์แบบแอร์ธรรมชาติร้อนๆ บวกควันรถก็ดูจะไม่เหมาะสักเท่าไร ถ้ารถเมล์แอร์เย็นๆ ก็คงพอได้อยู่ ถึงจะไม่ได้มีที่ให้นั่งในเวลารีบเร่งแบบนี้ก็ไม่เป็นไรคิดได้แบบนั้นดวงตาคู่กลมก็สอดส่องหาป้ายรถเมล์ แต่ก็ไม่พบในระยะสายตามองเห็นเลยตัดสินใจออกเดินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพบ ซึ่งก็กินเวลาไปหลายนาทีและอากาศก็ร้อนจนเหงื่อซึม ยืนรอสักพักรถเมล์ปรับอากาศสายที่ต้องการขึ้นก็ผ่านมา แม้ผู้คนจะเบียดเสียดเนื่องจากเยื้อแย่งกันกลับบ้าน แต่ไม่เป็นปัญหาเลยสำหรับร่างบางที่ใช้บริการขนส่งสาธารณะอยู่เป็นประจำใช้เวลาสักพักใหญ่ๆ เนื่องจากการจราจรติดขัด ในที่สุดรินลดาก็กลับมาถึงบ้านอินทรเกษมกุล ท่ามกลางความแปลกใจระคนตกใจของคุณหญิงนาฏยาที่ยังไม่เข้านอนเพราะรอติดตามสถานการณ์ของลูกชายกับว่าที่ลูกสะใภ้อยู่ทุกขณะ แต่นอกจากจะกลับไวและไม่ได้ยินเสียงรถยนต์ของเจ้าลูกชายแล้วยังเห็นแค่ลูกสะใภ้เดินเข้
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 8ตากลมมองตามแผ่นหลังของสามีในอนาคตอันใกล้ที่เดินไปสวมกอดผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่ไว้หน้า ทั้งคู่ยิ้มให้กันหวานชื่นก่อนที่ฝ่ายหญิงนั้นจะเหยียดสายตามองมาที่เธออย่างผู้กำชัยชนะ รินลดาพยายามข่มอารมณ์ทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สากับอะไรทั้งนั้นก่อนจะเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับคนทั้งสองวรธันย์แสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการขยับเก้าอี้ให้ผู้หญิงคนนั้นนั่งในขณะที่ร่างบางต้องช่วยเหลือตัวเอง พวกเขาแสดงออกชัดว่าเธอเป็นเพียงส่วนเกิน เธอเข้าใจและไม่ถือสาแม้จะเห็นรอยยิ้มและสายตาเยาะเย้ยของผู้หญิงคนนั้นส่งมาอย่างออกนอกหน้าก็ตาม"นี่เกวลินเป็นคนรักของฉัน" ร่างสูงแนะนำคนข้างกายอย่างไม่ทุกข์ร้อน ดูจะจงใจเน้นย้ำสถานะของอีกฝ่ายให้เธอฟังเสียยิ่งกว่าอะไร"สวัสดีค่ะ" เสียงหวานเอ่ยทักทายเรียบๆ ไม่ได้แนะนำตัวเองเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงจะรู้จักเธอแล้วไม่มากก็น้อย ไม่อย่างนั้นวรธันย์คงแนะนำเธอกลับไปบ้างแล้ว"สวัสดีค่ะ คงไม่ว่าอะไรนะคะถ้าฉันจะขอนั่งด้วย" อีกฝ่ายแย้มยิ้มหวานหยด แกล้งถามด้วยความเกรงอกเกรงใจ ที่มองออกไม่ใช่ว่ารินลดามองคนเป็นแต่หล่อนไม่ได้ปกปิดตัวตนของตัวเองมาตั้งแรกแล้วต่างหา