วิวาห์(ไม่)ไร้รัก
Writer : Aile'N
ตอนที่ 13
ตั้งแต่แยกกันที่ร้านอาหารเมื่อวานรินลดาก็ไม่ได้เจอกับวรธันย์อีกเลยจนถึงตอนนี้ เขาไม่ได้กลับมานอนบ้านและเธอก็ได้ลุงพรเป็นสารถีขับรถรับส่งในวันนี้ เธอไม่คิดถามใครและก็ไม่มีใครบอกว่าเขาไปไหน ติดธุระอะไร ได้แต่เก็บความสงสัยและไม่พอใจลึกๆ เอาไว้ในใจ...
"พี่ธันย์เขามีประชุมตั้งแต่เช้าตลอดทั้งวัน แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะจ๊ะ พี่เขากลับมาทันแน่นอน" คล้ายว่าแม่สามีจะรู้อะไรแม้กระทั่งความคิดตน จู่ๆ ท่านก็พูดขึ้นมาในตอนที่กำลังนั่งเฉิดฉายให้ช่างแต่งหน้าส่วนตัวสะบัดแปรงไปมาทั่วใบหน้า คนฟังเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายผ่านกระจกบานใหญ่ ไม่ได้ตอบอะไร เพียงยิ้มบางและพยักหน้ารับรู้เท่านั้น
ใช้เวลาร่วมชั่วโมงคุณหญิงก็แต่งหน้าทำผมเสร็จ ลุคสวยเปรี้ยวไม่เกรงใจอายุทำร่างบางจ้องมองอย่างตื่นเต้น ดูท่างานที่ไปจะไม่ธรรมดาจริงๆ เธอถึงมีโอกาสได้เห็นแม่สามีในลุคที่ฉีกจากเดิมออกไปไกลเสียขนาดนี้
"จินนี่...เอาให้สวยที่สุดในงาน! " คำสั่งเฉียบขาดที่ถ่ายทอดไปยังช่างประจำตัวทำรินลดารู้สึกเสียวสันหลังพิกล...
"ไม่มีปัญหาค่ะคุณแม่ จินนี่เอาประสบการณ์กว่ายี่สิบปีเป็นประกัน! น้องหญิงจะต้องสวยที่สุด สวยจนโลกตะลึง สวยจนคนมองตาไม่กะพริบ สวยจน..."
"พอๆ เสียเวลา แต่งได้แล้วเดี๋ยวไม่ทัน" ช่างแต่งหน้าชายใจสาวรับคำอย่างมาดมั่น แต่ไม่ทันได้สาธยายจนครบคนฟังก็รีบยกมือเบรก ซึ่งถ้าเป็นรถวิ่งมาด้วยความเร็วก็คงพลิกคว่ำในทันที
คนที่กำลังจะถูกแปลงโฉมได้แต่หัวเราะขำแห้งๆ ตามคนทั้งคู่ เธอถูกจับให้นั่งลงแทนที่คุณหญิงก่อนที่พี่จินนี่กับผู้ช่วยจะเริ่มลงมือกับเธออย่างบ้าคลั่ง...ในความคิดของคนที่ไม่เคยให้คนอื่นแต่งหน้าให้อย่างเธอเป็นแบบนั้น แต่ความจริงแล้วทุกขั้นตอนดำเนินไปอย่างละเอียดอ่อน นิ้วมือเรียวยาวที่จับแปรงแต่งหน้ามายาวนานกว่ายี่สิบปีตามที่เจ้าตัวคุยไว้บรรจงแต่งแต้มเครื่องสำอางหลากสีหลายชนิดลงบนใบหน้าขาวผ่อง แต่งไปก็เอ่ยชมไม่ขาดปากว่าสวยอย่างนั้น ผิวขาวผิวดีอย่างนี้จนคนฟังไม่มีโอกาสได้นั่งเหม่อเหมือนตอนที่นั่งรอแม่สามีอีกเลย
"คุณสามีนี่ก็เหลือเกินนะคะ เลือกชุดให้ภรรยาแบบนี้ได้ยังไง ไม่หึงหวงกันบ้างเลย... คอยดูเถอะ ไปถึงงานนะ พอเห็นผู้ชายคนอื่นมองเมียตัวเอง กลัวจะรีบพากลับบ้านแทบไม่ทัน" คุณพี่จินนี่จีบปากจีบคอพูดถึงชุดที่ร่างสูงเลือกให้เธอใส่ สิ้นคำก็หันไปหัวเราะคิกคักกับคุณผู้ช่วยอย่างถูกใจ ถามว่าพวกเขารู้ได้ยังไงก็ไม่พ้นคุณหญิงอีกนั่นแหละ ที่พอเห็นเธอเปลี่ยนชุดมาก็รีบถามอย่างลนลานว่าทำไมเลือกชุดแบบนี้ ซึ่งเธอก็ได้แต่ตอบเสียงอ่อยๆ ไปว่าคุณผู้ชายเป็นคนเลือกให้ ตอนแรกนั้นคล้ายว่าที่แม่สามีจะไม่ค่อยชอบใจนักเพราะชุดมันวาบหวิวจนเกินไป แต่พอรู้ว่าลูกชายเป็นคนเลือกให้กลับอารมณ์เปลี่ยนไปอีกทาง ไม่ดีก็กลายเป็นดีขึ้นมาอย่างผิดหูผิดตา...
ใช้เวลาพอสมควรคุณพี่ทั้งสองก็ผละออกจากคนตัวเล็ก ยืนชื่นชมผลงานของพวกตนอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะรีบไปตามเจ้าของบ้านที่แว้บออกไปหาอะไรมาให้รองท้องก่อนไปงานให้เข้ามาชื่นชมด้วยกัน...ว่าที่แม่สามีถึงกับเกือบทำจานผลไม้หลุดเมื่อได้เห็นผลงานของช่างประจำตัวแบบเต็มๆ ตา
คุณหญิงนาฏยายังจำภาพลักษณ์ประจำตัวของว่าที่ลูกสะใภ้ได้ติดตา แต่ตอนนี้ภาพเหล่านั้นถูกลบหายไปจนหมด จากเด็กสาวหน้าตาน่ารักสมวัยกลายมาเป็นสาวเปรี้ยวสุดเซ็กซี่ ดูโตขึ้นอีกเท่าตัว แม้ตอนแรกจะไม่เห็นด้วยที่อีกฝ่ายใส่ชุดโชว์เนื้อหนังขนาดนี้ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้อะไรก็ดีงามเข้ากันไปหมด ทั้งรูปร่างหน้าตาเสื้อผ้าทรงผม สวยจนอยากให้ลูกชายมาเห็นเร็วๆ
"หนู...ขอผ้าคลุมไหล่หรือใส่เสื้อคลุมสักหน่อยได้มั้ยคะ มัน...หวิวๆ " ร่างบางขออนุญาตเสียงอ่อย ยืนบิดน้อยๆ พยายามใช้มือปกปิดเนื้อหนังส่วนเว้าโค้งที่ถูกเปิดโชว์ด้วยความเขินอาย เธออึ้งในวินาทีแรกที่เห็นตัวเองในกระจกไปแล้ว ตอนนี้เลยหันมากังวลเรื่องอื่นแทน
"ไม่ได้จ้ะ สิ่งนั้นหนูต้องขอพี่ธันย์เอาเอง เอ๊ะ แต่ไม่ต้องขอก็ได้ เดี๋ยวพี่ธันย์ก็คลุมให้หนูเองนั่นแหละ หึหึ" คุณหญิงยกมือทำปางห้ามขอ (?) ก่อนพูดจากำกวมชวนเข้าใจยากแล้วหันไปหัวเราะคิกคักกับช่างประจำตัวอย่างรู้กัน ทิ้งว่าที่ลูกสะใภ้ไว้กับความมึนงงสงสัยว่าทำไมต้องให้เธอไปขอเขา ในเมื่อตอนนี้เราอยู่บ้าน เราสามารถเตรียมไปเองได้เลยไม่ใช่หรอ?
สุดท้ายคำขอก็ไม่เป็นผล แถมพอแต่งตัวเรียบร้อยคุณหญิงก็ดึงเธอขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว บนรถตู้คันใหญ่มีเพียงคุณสุรศักดิ์ คุณนาฏยา และรินลดาเพียงเท่านั้น หายไปหนึ่ง...มารู้ทีหลังว่าวรธันย์ไปรอที่หน้างานแล้ว เนื่องจากไม่อยากฝ่ารถติดกลับบ้านเพื่อออกมาพร้อมทุกคนอีก มันเสียเวลา
งานวันเกิดของ 'คุณหญิงมาลี จิตตานนท์' นั้นถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในห้องบอลรูมชั้นบนสุดของโรงแรมแกรนด์ไดมอนด์ โรงแรมชื่อดังอันดับต้นๆ ของประเทศ แขกที่ถูกเชิญมานอกจากครอบครัวพี่น้องพ้องเพื่อนแล้วก็มีนักธุรกิจและไฮโซระดับแถวหน้ามาร่วมงานกันอย่างเนืองแน่น แน่นอนว่าบุคคลที่จะจัดงานแบบนี้ได้ย่อมต้องมีโปรไฟล์ไม่ธรรมดา และเจ้าของงานก็ไม่ธรรมดาจริงๆ เพราะแค่เอ่ยนามสกุลไปทุกคนในแวดวงไฮโซจะต้องรู้จัก และแม้จะครองตัวโสดไร้คู่ไร้ทายาทมาจนห้าสิบปี แต่ร้านเพชรกว่าสามสิบสาขาทั่วประเทศกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งบ้าน ที่ดิน คอนโดมิเนียม รีสอร์ต โรงแรม และอีกมากมายล้วนอยู่ภายใต้การดูแลของคุณหญิงมาลีเพียงคนเดียวแทบทั้งสิ้น!
"ธันย์ลูก! " ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทเต็มยศเนื่องจากเพิ่งเลิกงานหันมาตามเสียงเรียก ก็เห็นบิดามารดามาถึงพร้อมกับ....ว่าที่ภรรยาที่ดูแปลกตาไปกว่าทุกวัน
"ดูแลน้องดีๆ ด้วยล่ะ แม่อาจจะไม่ค่อยได้อยู่ด้วย" คุณหญิงสั่งกำชับก่อนเข้างาน เพราะเพื่อนสนิทเป็นเจ้าของงานแถมยังมีเพื่อนเก่าเพื่อนแก่มาร่วมงานนี้มากมาย เธอคงถูกลากไปทางนู้นทางนี้ไม่หยุด เลยอาจจะไม่มีเวลาอยู่กับสามี ลูกชายและสะใภ้มากนัก
วรธันย์เพียงพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเดินมายืนเคียงข้างว่าที่ภรรยา ให้ผู้เป็นพ่อแม่เดินนำเข้างานไปก่อน รินลดาอดเหลือบตามองอีกฝ่ายไม่ได้ เขาไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่หายไปตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ ไม่พอ...เห็นเธอแต่งตัวแต่งหน้าจัดเต็มขนาดนี้แล้วยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรอย่างที่คุณหญิงพูดกรอกหูก่อนมาอีกว่าเมื่อเห็นเธอเขาจะต้องตะลึงในความสวย ก็ไม่ได้เชื่อคำพูดนั้นทั้งหมดหรอกเพราะรู้ตัวดีว่าถูกแม่สามีอวยหนักมาก แค่คิดว่าเขาน่าจะพูดอะไรสักหน่อย...
นี่เธอกำลังคาดหวังอะไรอยู่เนี่ย ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
"คุณลี! " คุณหญิงนาฏยาส่งเสียงดังไปก่อนตัวเมื่อเห็นเจ้าของงานกำลังยืนรับของขวัญจากแขกที่มามือเป็นประวิง ทว่าพอเห็นเพื่อนรักมาถึงคุณหญิงมาลีก็พร้อมจะปล่อยวางทุกอย่างแล้วปรี่เข้ามาหาด้วยความคิดถึง
"คุณนาฏ! " สองสาว (?) วัยเดียวกันโผเข้ากอดกันจนกลมดิก เรียกเสียงชัตเตอร์จากผู้คนรอบข้างได้ค่อนข้างมาก เพราะในที่นี้ไม่มีใครไม่รู้จักคนทั้งคู่ รวมทั้งหนุ่มหล่อต่างวัยอีกสองคนที่มาด้วยกัน ส่วนหญิงสาวหน้าตาละอ่อนที่มาด้วยนั้น มีแค่บางคนเท่านั้นที่รู้จัก
"คิดถึงงงง~ นี่ของขวัญจากคุณนาฏและครอบครัว ขอให้คุณลีมีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรงนะจ๊ะ" ของขวัญกล่องใหญ่ที่ผู้เป็นสามีถือมาตั้งแต่แรกถูกเปลี่ยนมือไปให้เจ้าของวันเกิด คนรับยิ้มแก้มปริกล่าวขอบคุณเพื่อนสนิทก่อนส่งต่อให้ผู้ช่วยนำไปเก็บไว้อย่างดี เลิกงานถึงจะเปิดด้วยตัวเอง ส่วนตอนนี้กำลังโผเข้ากอดเพื่อนรักด้วยความคิดถึงอีกครั้ง
"โอ้ยๆ พอแล้วคุณลี คุณนาฏรู้ว่าคุณลีคิดถึง แต่คุณนาฏมีคนจะแนะนำให้รู้จัก" คุณหญิงปรามเพื่อนที่เอาแต่กอดเธอจนไม่สนใจอะไร พอเป็นอิสระมือขาวก็รีบดึงลูกชายกับว่าที่สะใภ้มายืนตรงหน้าเจ้าของงานทันที
"นี่หนูหญิง ว่าที่ลูกสะใภ้ของคุณนาฏเอง น้องหญิงลูก นี่คุณหญิงมาลี เพื่อนรักของแม่จ้ะ" คนกลางแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกันตามความตั้งใจ
"สวัสดีค่ะ สุขสันต์วันเกิดนะคะ" ร่างบางยกมือไหว้ผู้ใหญ่อย่างนอบน้อม ไม่เพียงแต่คุณหญิงมาลีที่เอาแต่มองเด็กสาวตาไม่กะพริบ คนรอบข้างก็ฮือฮาเช่นกัน
"สวัสดีค่ะลูกสาว ขอบใจนะจ๊ะ แล้วนี่จะแต่งกันเมื่อไหร่ล่ะหื้ม คุณลีจะได้ตัดชุดรอ" คุณมาลีมองว่าที่ลูกสะใภ้ของเพื่อนรักด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ที่จริงคุณนาฏยาก็เคยเล่าถึงรินลดาให้ฟังบ่อย แถมอวยเต็มที่จนเธอชักอยากจะเห็นหน้าค่าตา เพียงแต่ยังไม่มีเวลาว่างไปหา ในที่สุดวันนี้ก็ได้เจอกันสักที เห็นแล้วก็อดนึกถึงตัวเองสมัยสาวๆ ไม่ได้ ไม่อยากจะคุยว่าสวยเหมือนกันอย่างกับแกะ...
"ไม่นานเกินรอหรอกคุณลี ตัดชุดรอได้เลย! " คนตอบคือคุณหญิงนาฏยาที่เก็บอาการไว้ไม่อยู่ยามได้ยินเพื่อนรักถามถึงงานแต่งงานของลูกชาย แม้วรธันย์จะบอกว่าขอศึกษาดูใจกันก่อน แต่ตนก็มั่นใจมากว่าจะต้องได้รินลดาเป็นสะใภ้อย่างแน่นอน!
การแนะนำว่าที่ลูกสะใภ้ให้เพื่อนรู้จักแทนที่ร่างบางจะได้พูดเป็นส่วนใหญ่กลับกลายเป็นว่าทั้งคู่ต่างถามตอบกันไปมาในเรื่องของเธออย่างออกรส กว่าจะผละออกจากกันได้ก็ตอนที่คุณผู้ช่วยเจ้าของงานกระซิบเตือนว่ายังมีอีกหลายคนที่ต้องการเข้ามามอบของขวัญและคำอวยพร คุณหญิงมาลีจึงปล่อยให้ครอบครัวอินทรเกษมกุลแยกตัวไปยังโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมไว้ให้ แต่กว่าจะเดินถึงโต๊ะทั้งคุณสุรศักดิ์และคุณนาฏยาต่างก็ถูกคนรู้จักแวะเวียนเข้ามาทักทายไม่หยุดหย่อน ไม่ต่างจากเจ้าของงานวันเกิดเลยสักนิด
แต่ขนาดว่ายุ่งๆ คุณหญิงก็ยังไม่ลืมที่จะแนะนำว่าที่ลูกสะใภ้ให้ทุกคนรู้จัก แน่ล่ะ...ที่พารินลดามาด้วยก็เพราะต้องการเปิดตัวให้คนอื่นรู้จักนี่แหละ จะลืมได้ยังไงเล่า
ในขณะที่แม่สามีเอาแต่แวะเวียนทักทายคนนู้นคนนี้อย่างอัธยาศัยดี ร่างบางกลับกระสับกระส่าย อึดอัดกับชุดที่ใส่และสายตาของผู้คนในงานโดยเฉพาะพวกผู้ชายที่แววตาไม่ได้มีความบริสุทธิ์ใจเลยแม้แต่น้อย แม้ไม่ได้มีแค่เธอคนเดียวที่แต่งตัวเซ็กซี่ แต่เธอคงจะเป็นคนเดียวที่ไม่เต็มใจแต่งมา ไม่เคยแต่งตัวแบบนี้ออกงานแล้วยิ่งมีผู้คนมากมายและต่างให้ความสนใจแบบนี้ก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก
วรธันย์รับรู้อาการเหล่านั้น เขาคิดตื้นไปนิด เพียงคิดว่าเพื่อไม่ให้รินลดาถูกมองด้วยสายตาแปลกประหลาดกับชุดแม่ชีที่เธอเลือก ก็เลยเลือกชุดนี้มาให้ ไม่ได้คิดเลยว่าแต่งชุดนี้แล้วจะยิ่งทำให้คนมองมากกว่าเดิม โดยเฉพาะพวกผู้ชายที่นิยมชมชอบของสวยๆ งามๆ ตระการตา...แบบนี้
พรึ่บ
"ใส่ไว้..." สูทตัวนอกถูกถอดออกมาคลุมให้คนข้างกายจนมิดศีรษะคล้ายไม่ใส่ใจที่จะให้ คนใต้เสื้อสูทสะดุ้งตกใจน้อยๆ เพราะอีกฝ่ายไม่ให้สุ่มให้เสียงกันก่อน พอเข้าใจสถานการณ์ปากบางน้อยๆ ก็เบะออกด้วยความหมั่นไส้ คลุมให้ดีๆ หน่อยก็ไม่ได้...
ร่างบางลดเสื้อสูทเนื้อดีลงคลุมเพียงไหล่ ฉับพลันคำพูดของคุณหญิงนาฏยาตอนอยู่ที่บ้านก็ดังขึ้นในความคิด...
"ไม่ได้จ้ะ สิ่งนั้นหนูต้องขอพี่ธันย์เอาเอง เอ๊ะ แต่ไม่ต้องขอก็ได้ เดี๋ยวพี่ธันย์ก็คลุมให้หนูเองนั่นแหละ หึหึ"
อ่า...แบบนี้เองสินะ เข้าใจแล้วว่าคุณหญิงหมายถึงอะไร แต่ว่าคุณหญิงรู้ได้ยังไงกันนะว่าเขาจะทำแบบนี้? เก่งจริงๆ
ไม่รู้ว่าเจ้าของเสื้อตัวใหญ่หรือเธอตัวเล็ก พอได้สวมใส่แล้วถึงไม่สามารถมองเห็นมือตัวเองเลย แถมยังยาวจนปิดชุดด้านในของเธอจนมิด กลิ่นหอมอีกต่างหาก...
น้ำหอมกลิ่นสปอร์ตเย็นสบายที่ติดมากับเสื้อแปลกใหม่สำหรับคนเดียงสาจนต้องแอบยกแขนเสื้อขึ้นมาดมหลายต่อหลายครั้งอย่างติดใจ การกระทำนั้นหาได้รอดพ้นสายตาเจ้าของเสื้อ ตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าอีกคนเป็นอะไร แต่พอมองนานๆ ไปก็เข้าใจ เขาไม่ได้ทักท้วงคนที่ทำตัวลับๆ ล่อๆ ดมเสื้อคนอื่นเหมือนพวกโรคจิตแต่อย่างใด เพียงกระตุกยิ้มมุมปากอย่างระอากึ่งเอ็นดู...?
"ไม่นึกว่าจะเจอเจ้าหญิงของพี่ที่นี่..."
คนที่อาสามาตักอาหารจากโต๊ะส่วนกลางกลับไปให้พ่อแม่สามีเป็นต้องมึนงงกับเสียงทักทายของผู้มาใหม่เพราะไม่คิดว่าในงานหรูหราแห่งนี้จะมีคนรู้จักเธอด้วย แต่พอหันไปมองแล้วก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจระคนตื่นเต้น เธอลืมไปว่า... 'ไตรภพ' เพื่อนสนิทของพี่รหัสที่จบออกไปปีที่แล้วนั้นนามสกุลดังไม่ใช่น้อย ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมถึงเห็นเขาที่นี่
"พี่ไตรย์! " รินลดาอุทานเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความตกใจ
"ครับ" ไตรภพตอบรับยิ้มๆ อดมองสำรวจน้องรหัสเพื่อนไม่ได้เพราะวันนี้แปลกตาไปกว่าทุกครั้งที่เคยเห็น หญิงสาวเป็นเด็กใสๆ น่ารักน่าเอ็นดู ทำให้เวลาเจอกันเขามักจะคอยแกล้งคอยแหย่อีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู แต่ดูวันนี้สิ...ไม่เจอกันเกือบปีเด็กน้อยในวันวานโตขึ้นขนาดนี้เสียแล้ว
"สวัสดีค่ะ พี่ไตรย์สบายดีนะคะ" คนอายุน้อยกว่ายังมารยาทงามเหมือนเดิม การกระทำอย่างไม่เคอะเขินนั้นยิ่งทำให้คนถูกไหว้เอ็นดูอย่างหนัก แม้บางทีจะรู้สึกว่าตนดูแก่ไปมากก็เถอะ แต่ทุกครั้งที่ไหว้ใครร่างบางมักจะส่งยิ้มหวานมาด้วยเสมอ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาชอบให้อีกฝ่ายไหว้เหมือนคนแก่ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักมาจนถึงทุกวันนี้ ในขณะที่คนเป็นพี่รหัสอย่างเพื่อนเขาไม่ยอมให้น้องไหว้ตั้งนานแล้ว...
"สบายดีครับ พี่มาเจอเราที่นี่ได้ยังไงกันเนี่ย หรือเราจะเป็นสะใภ้คนดังที่กำลังเป็นที่สนใจคนนั้นกัน..." ร่างสูงถามอย่างสนใจ ก่อนทำหน้าทะเล้นในประโยคหลัง ซึ่งเขาก็ช่างเดาได้แม่นยำจนคนฟังพูดไม่ออก ได้แต่ยิ้มแห้งเป็นคำตอบ
"พี่ไตรย์ก็เว่อร์ไป คนดังอะไรกันคะ" รินลดาทำหน้างอง้ำอย่างไม่ชอบใจ เธอเลือกได้ที่ไหน ถ้าเลือกได้ก็อยากอยู่เงียบๆ ไม่อยากเป็นที่สนใจของใครเลยด้วยซ้ำ
"ไม่ดังได้ไง เจ้าหญิงของพี่โตเป็นสาวแล้วสวยซะขนาดนี้" ไตรภพหยอกเย้าคนงามด้วยรอยยิ้มเอ็นดูอย่างที่ชอบทำ มือใหญ่ยกขึ้นวางแหมะบนศีรษะเล็กก่อนขยี้ไปมาจนผมที่ถูกจัดทรงมาอย่างดีฟูฟ่องไม่เป็นทรง
"แล้วนี่...พี่ไตรย์ได้เจอพี่อิฐบ้างหรือเปล่าคะ พี่เขาสบายดีหรือเปล่า" คนตัวเล็กไม่ได้เอี้ยวตัวหลบ ไม่ได้แก้ต่างคำพูดของอีกฝ่าย เพราะรู้ดีว่าสู้คารมแพรวพราวของเพื่อนพี่รหัสไม่เคยได้ เลยเปลี่ยนเรื่องถามถึงพี่รหัสแทน ตั้งแต่จบไปก็หายเงียบ ไม่ได้ข่าวคราวใดๆ
"โอ้ย ไอ้อิฐน่ะหรอ สบายจะตายห่า เรียนจบไปจะปีแล้วยังนอนตีพุงอยู่บ้าน ไม่เข้าไปช่วยงานพ่อที่บริษัทสักที" พูดถึงเพื่อนรักไตรภพก็ได้แต่ขายเพื่อนให้น้องฟังพลางส่ายหน้าระอาในความขี้เกียจของมัน เรียกเสียงหัวเราะเล็กๆ ได้จากคนฟังจนอดหัวเราะตามไม่ได้ ใครๆ ก็รู้ว่าอิทธิพัทธ์พี่รหัสของเธอน่ะขี้เกียจเป็นที่หนึ่ง ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ไม่แปลกใจเลยกับคำบอกกล่าวของไตรภพ
"พรุ่งนี้จะได้กินมั้ย" เสียงกัมปนาทจากขุมนรก (?) หยุดเสียงหัวเราะแห่งความสุขของคนทั้งคู่ดังมาจากอีกฝากหนึ่งของโต๊ะวางอาหาร ทำคนตัวเล็กเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าหลงลืมใครคนนั้นไป เธอไม่ได้เดินมาตักอาหารคนเดียว แต่มากับว่าที่สามีเพียงแต่แยกกันตักเท่านั้น
"เอ่อ งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ ถ้าเจอพี่อิฐก็ฝากบอกด้วยว่าขี้เกียจมากระวังจะอดตาย! หึหึ ไปแล้วนะคะ สวัสดีค่ะ" รินลดาละล่ำละลักเอ่ยลารุ่นพี่ ไม่วายฝากข้อความขำๆ ไปแซวพี่รหัสด้วย สิ้นคำร่ำลาก็ปลีกตัวออกมาอย่างนึกเสียดาย เพราะกับคนทั้งงานก็มีเพียงไตรภพนี่แหละที่ทำให้เธอผ่อนคลายจนได้เป็นตัวของตัวเองชั่วขณะหนึ่ง แม้จะแค่เวลาสั้นๆ แต่ก็ดีใจที่ได้เจอกัน
ไตรภพได้แต่มองตามร่างบางไปอย่างเสียดาย อดไม่ได้ต้องหันไปสบตากับผู้ชายคนนั้น คนที่มาขัดจังหวะ...
'วรธันย์ อินทรเกษมกุล' ลูกชายเพียงคนเดียวของคุณชายสุรศักดิ์และคุณหญิงนาฏยา เพื่อนสนิทคุณหญิงมาลีเจ้าของงาน ซึ่งพ่อกับแม่ของเขาก็เป็นเพื่อนกับทั้งคู่ แม้ไม่สนิทเท่าแต่ก็เรียนมาด้วยกัน ส่วนตอนนี้น้องรหัสเพื่อนที่เขานึกเอ็นดูก็กลายไปเป็นสะใภ้บ้านนั้น โลกช่างกลมดีเสียจริง...
"แฟนเก่าหรือไง ไม่ยักจะรู้ว่าเธอรู้จักคนระดับนี้ด้วย" ร่างสูงพูดกระทบคนที่เดินมายืนข้างๆ เสียงเรียบต่ำคล้ายไม่พอใจอะไรบางอย่าง ไม่พอยังรู้สึกยุบยิบข้างใน สาเหตุไม่แน่ชัดว่าเกิดจากอะไร
"ปะ เปล่าค่ะ เขาเป็นเพื่อนของพี่รหัส บังเอิญเจอเลยทักทายกันเฉยๆ " เสียงหวานตะกุกตะกักอย่างห้ามไม่ได้ ใครใช้ให้คุณเขาแผ่รังสีอำมหิตเหมือนอยากจะฆ่าใครตายออกมากันล่ะ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลย ไม่รู้ไปโกรธอะไรใครมา...
"รู้สถานะตัวเองหน่อย เธอมีสามีแล้ว จะเข้าใกล้ผู้ชายคนอื่นควรให้มีขอบเขต อย่าให้มีเรื่องเสื่อมเสียมาถึงพ่อแม่ฉัน" ร่างสูงตำหนิอย่างไม่ถนอมใจคนฟังที่เอาแต่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ เธอรู้ว่าอยู่ในสถานะไหนและก็ไม่ได้ทำอะไรเสื่อมเสียอย่างที่เขาว่าด้วย ก็แค่ทักทายกันตามประสาคนรู้จักเท่านั้น อีกอย่างเขาก็ยังเป็นแค่ว่าที่สามี ยังไม่ได้แต่งงานกันจริงๆ เสียหน่อย ถ้าคุยแค่นี้เขามองว่าเสื่อมเสียเธอคงไม่ต้องพูดกับผู้ชายทั้งโลกแล้วล่ะ!
"คุณ...ไม่มีเหตุผลเลยค่ะ! เราก็แค่คุยกัน ไม่ได้ทำอะไรเสื่อมเสียสักหน่อย" รินลดาเถียงกลับอย่างเหลืออด ความไม่ยุติธรรมจากเขาทำให้เธอเริ่มไม่พอใจ เธอแค่คุย แต่เขา...ในขณะที่ออกงานกับเธอในฐานะคู่หมั้นเขายังไม่เลิกกับแฟนเขาเลยด้วยซ้ำ! แบบนั้นไม่เสื่อมเสียกว่าหรอ? ไหนล่ะความยุติธรรม?
"แล้วคุณล่ะคะ...คุณกับเขายังไม่เลิกกันด้วยซ้ำ คุณจะพาเขาไปไหนทำอะไร ฉันก็ไม่เคยว่าอะไรคุณเลยสักคำ ฉันแค่คุยกับคนรู้จัก คุณกลับว่ากระทบต่างๆ นานา...ไม่ลำเอียงไปหน่อยหรอคะ! " ร่างบางเริ่มควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ เพียงแค่รู้สึกว่าถูกตัดสินโดยไม่เป็นธรรม ทั้งๆ ที่เริ่มจะมีความรู้สึกดีๆ ต่อกันแล้วแท้ๆ เขากลับดึงเธอลงไปยังจุดเดิม เขากลัวเธอทำครอบครัวเขาเสื่อมเสีย? เขาคิดแบบนี้ได้ยังไงในเมื่อตอนที่เขาอยู่กับคนรักของเขา ไม่เห็นเขาจะแคร์สายตาใคร!
"หญิง..." เสียงทุ้มหลุดแผ่วออกมาพร้อมกับแรงดึงรั้งที่ข้อมือเมื่อว่าที่ภรรยากำลังจะเดินหนีไป วรธันย์สูดหายใจลึก พยายามข่มอารมณ์ เพราะได้สติและรู้ตัวแล้วว่าเป็นฝ่ายผิดที่ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลจนเผลอพูดจาแย่ๆ ใส่รินลดาเหมือนเมื่อก่อน
เขาไม่ได้ตั้งใจ...คราวนี้เขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดจาไม่ได้ใส่ร่างบางจริงๆ นิสัยเสียอันดับหนึ่งของเขาคือเป็นคนใจร้อน ยามไม่พอใจอะไรก็มักจะปากไว พูดไม่คิด จนบางทีคำพูดของเขาก็มักจะทำร้ายคนฟังอย่างหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา รวมครั้งนี้ด้วย
"....." คนถูกรั้งไว้ไม่ตอบ ไม่หันมอง เพียงยืนนิ่งปล่อยให้อีกฝ่ายจับมือถือแขนอยู่อย่างนั้น เธอเองก็พยายามจะข่มอารมณ์เพราะเริ่มได้สติ รู้ตัวว่าเผลอขึ้นเสียงใส่เขาอย่างที่ไม่ควรเช่นกัน
"พี่ขอโทษ..." อารมณ์ขุ่นมัวในใจถูกทดแทนด้วยเสียงตักตึกจากจังหวะการเต้นแรงของหัวใจ สิ้นคำขอโทษคล้ายว่าคนฟังได้รับกระแสความอุ่นไหลผ่านข้อมือที่ถูกจับทะลักเข้าสู่หัวใจ จนตะกอนขุ่นๆ ที่ครอบครองพื้นที่อยู่ก่อนสลายหายไปเหมือนไม่เคยมี...
..
..
..
..
หู้ยยยยย ก็หึงเขาแหละ ดูออก ><
#อย่าให้น้องของขึ้น
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 14"หื้ม? เป็นอะไรหรือเปล่าลูก ไม่สบายหรอคะ หน้าแดงๆ " คุณหญิงนาฏยาเอ่ยถามว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงอาทรห่วงใย นึกสงสัยว่าก่อนหน้านี้ยังเห็นอีกฝ่ายดีๆ อยู่เลย แต่หลังกลับจากไปตักอาหารกับเจ้าลูกชายไหงนั่งเงียบแก้มแดงปลั่งขนาดนี้ไปเสียได้"อะ เอ่อ หนู...ร้อนน่ะค่ะ" พอถูกทักกะทันหัน ใครคนนั้นก็ลนลานเลิกลั่ก กอปรกับยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไม่มีอยู่จริงอย่างมีพิรุธคนฟังหรี่ตาจับผิดตามสัญชาตญาณแต่ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ เพียงเหลือบตามองลูกชายที่ดูจะมีบรรยากาศรอบๆ ตัวเปลี่ยนไปเล็กน้อย ริมฝีปากหยักคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มแปลกๆ หรือว่า...ระหว่างที่หายไปด้วยกันจะมีอะไรเกิดขึ้น?"แม่ว่าแอร์ก็เย็นอยู่นะ เอ...หรือว่าเป็นอาการคนเขิน พี่ธันย์ทำหรือพูดอะไรให้เขินหรือเปล่าจ๊ะเนี่ย" คำถามลอยๆ เหมือนคนรู้ทันทำคนฟังลมหายใจสะดุด คล้ายคนทำผิดกำลังจะถูกจับได้ เพียงแต่เธอไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเสียหน่อย ก็แค่รู้สึกหน้าร้อนแปลกๆ ตอนได้ยินร่างสูงแทนตัวเองว่า 'พี่' ก็เท่านั้น...คนถูกไล่ต้อนมัวแต่อ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบอะไร กระทั่งมีคนรู้จักมาชวนว่าที่แม่สามีไปทักทายเพื่อนๆ กลุ่มใหม่แล้ว
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 15ในตอนนี้...รินลดากำลังยืนเคว้งอยู่กลางห้องชุดสุดหรูของว่าที่สามีอย่างคนไม่รู้จะทำยังไงต่อไป คอนโดของท่านประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ดูเบาไม่ได้เลยจริงๆ นอกจากความกว้างขวางหรูหราแล้วยังแบ่งแยกสัดส่วนได้เหมือนกับยกบ้านทั้งหลังมาไว้ที่นี่ ความอลังการนี้ทำให้ทั้งชั้นมีเพียงสองห้องเท่านั้น อีกห้องหนึ่งเป็นของอดีตท่านประธานซึ่งก็คือคุณสุรศักดิ์ที่ทุ่มเงินซื้อเอาไว้ตั้งแต่สำนักงานขายยังไม่ทันเปิดให้จอง นานๆ ทีท่านจะมาพักบ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอยู่ ชั้นนี้จึงมีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวสูงมากๆ"เดี๋ยวพาไปดูห้องนอน" คนเหม่อได้สติในตอนที่เจ้าของห้องเดินมาบอก ก่อนที่เขาจะเดินนำไปที่ห้องนอนสองห้องที่อยู่ติดกันและเดินไปหยุดอยู่ที่ประตูห้องฝั่งซ้ายมือ"เธอพักห้องนี้ ส่วนข้างๆ นั่นห้องฉัน ขาดเหลืออะไรก็บอก ไม่ต้องเกรงใจ" วรธันย์ทำตัวเป็นเจ้าของบ้านที่ดี แม้จะมีผู้มาอาศัยร่วมกันทั้งที่ไม่เคยมีมาก่อนเขาก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด"ไปอาบน้ำเถอะ แล้วออกมาทานข้าว" ร่างบางพยักหน้ารับคำ ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันเข้าห้อง ระหว่างนั้นเจ้าบ้านก็โทรสั่งอาหารไว
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 16ตากลมเหล่มองผู้ร่วมโดยสารลิฟต์หลายต่อหลายครั้งอย่างไม่เข้าใจ อีกฝ่ายเอาแต่ยืนนิ่งทำหน้าทะมึนเหมือนจะไปฆ่าใครตาย ไอเย็นที่แผ่ออกมาสร้างความกดดันในพื้นที่คับแคบอย่างห้องโดยสารลิฟต์อย่างมหาศาลจนร่างบางแทบจะหายใจไม่ออก เขากำลังโกรธอันนี้เธอแน่ใจ แต่โกรธเรื่องอะไร?...เรื่องที่เธอไปเพ่นพ่านชั้นอื่น? เธอไปเพราะเรื่องงานนะ ไม่ได้หนีเที่ยวเล่นสักหน่อยหรือจะโกรธเรื่องอื่น?แล้ว...มันเรื่องอะไรกันเล่า"คุณ...โกรธฉันหรอคะ" จนแล้วจนเล่ารินลดาก็นึกไม่ออกว่าจริงๆ แล้ววรธันย์โกรธเธอเรื่องอะไรกันแน่ เมื่อคิดไม่ออกก็เลยตัดสินใจถามออกไปเสียเลย"ฉันไปเพราะเรื่องงานนะคะ ไม่ได้หนีเที่ยว" เสียงหวานพยายามแก้ต่างเมื่อร่างสูงไม่ยอมตอบคำถามก่อนหน้า ทำเพียงปรายตามองด้วยสายตาเรียบนิ่ง ให้ตาย...เธอเคยเจอแต่ตอนที่เขาโกรธแล้วโวยวาย ไม่เคยเจอโกรธแล้วเงียบแบบนี้มาก่อน"เอ่อ...ขอโทษด้วยนะคะ ถ้าเกิดว่าทำให้คุณไม่พอใจ" พออีกฝ่ายเอาแต่นิ่งเงียบ เธอก็จนปัญญาที่จะเซ้าซี้เอาคำตอบ สุดท้ายก็เลือกที่จะเอ่ยขอโทษทั้งที่ไม่รู้ว่าผิดอะไรออกไปแทน"พี่! " "คะ? " คำแรกที่ร่างสูงกระแทกเสีย
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 17"วันนี้กลับก่อนเลยนะ ฉันมีงานต้องเคลียร์ต่ออีกนิดหน่อย เดี๋ยวให้เมฆไปส่ง" ท่านประธานที่กลับเข้าห้องไปทำงานต่อตั้งแต่บ่ายเดินออกมาอีกครั้งในตอนสี่โมงเย็นพร้อมกับยื่นคีย์การ์ดสำรองให้คนที่อยู่ในสถานะนักศึกษาฝึกงาน"แล้ว...คุณศรัณไปไหนหรอคะ ไม่เห็นนานแล้ว" ร่างบางพยักหน้ารับ ก่อนทำท่าฉุกคิดเล็กน้อยแล้วถามออกมา คนชื่อเมฆเธอไม่เคยเห็นหน้าแต่ก็คงจะเป็นคนของเขา ส่วนคนที่เคยเห็นอยู่ช่วงแรกๆ ที่เข้ามาอยู่ในบ้านอีกฝ่ายก็ดันหายหน้าไป"ศรัณไปดูงานแทนฉันที่ระยอง" เขาตอบคำถาม แม้ฟังแล้วจะสงสัยว่าศรัณทำหน้าที่อะไรกันแน่ถึงได้ไปดูงานแทนเจ้านายได้ แต่เธอก็ไม่ได้ถามเซ้าซี้อะไร ท่าทางของศรัณก็ดูภูมิฐาน อาจไม่ได้เป็นแค่คนขับรถอย่างที่เข้าใจ"อยากกินแกงเลียงกุ้งสด..." เสร็จธุระแล้วร่างสูงก็ยังไม่หนีไปไหน เอาแต่ยืนจ้องหน้าก่อนจะเปรยออกมาเสียงเรียบ"คะ? อ้อ ค่ะ" รินลดาทำหน้างงเล็กน้อย กว่าที่สมองจะประมวลผลจนเข้าใจก็ตอบรับออกไป แต่เขาก็ยังอยู่ที่เดิม"อยากทานอะไรอีกมั้ยคะ จะได้ทำไว้รอ" เธอเป็นฝ่ายถามบ้าง เผื่อว่าเขาจะอยากทานอะไรเพิ่ม"อะไรก็ได้แล้วแต่ถนัด" วรธันย์ต
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 18"ฮัลโหล ว่าไงลูก" น้ำเสียงกังวานใสกรอกเข้าไปในสายหลังกดรับ นึกสงสัยไม่น้อยว่าทำไมลูกชายถึงโทรมาหาตอนใกล้จะเที่ยงแบบนี้[คุณหญิง...คุณหญิงต้องช่วยพี่นะ] คุณหญิงนาฏยาขมวดคิ้วฉับ มึนงงหนักไปอีกเมื่อได้ยินเสียงลูกชายพูดอ้อนเหมือนที่เคยทำตอนเด็กๆ ด้วยการแทนตัวเองว่า 'พี่' กับตน"หืม? เกิดอะไรขึ้นกับพี่ธันย์ของแม่ครับ" คนฟังถามกลับเสียงหวาน ดีใจจนเนื้อเต้นเหมือนกำลังจะได้ยินเรื่องสนุก[ก็ลูกสะใภ้คุณหญิงน่ะสิ งอนตุ้บป่องแล้ว] ไม่อยากเลยจริงๆ ไม่อยากเอาเรื่องน่าขายหน้ามาเล่าให้มารดาฟังเลยสักนิด แต่นอกจากบรรยากาศตอนเช้าจะอึมครึมแล้ว ตอนสายเขาตัดสินใจโทรสั่งดอกไม้มาง้อคนงอนแล้วก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า มืดแปดด้าน...สุดท้ายก็เลือกจะโทรขอความช่วยเหลือกจากผู้เป็นแม่"อ่าว แล้วไปทำอะไรให้น้องงอนล่ะหืม? แกล้งอะไรน้อง! " มารดาเค้นถามเสียงเข้ม แสดงความห่วงใยว่าที่ลูกสะใภ้มากกว่าลูกชายเห็นๆ[พี่เปล่า~ แค่...] วรธันย์ตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้แม่ฟัง ไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อยว่าตนกำลังรู้สึกอะไรๆ กับรินลดาบ้างแล้ว กลัวอีกฝ่ายจะไม่ยอมช่วย"สมควรแล้ว! " น้ำเสียงคนฟังที่ตอบ
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 19เผลอแป๊บเดียวก็ถึงวันพฤหัสฯ พรุ่งนี้เป็นวันที่ต้องออกเดินทางไปทะเลกันแล้ว หลังเลิกงานวันนี้วรธันย์กับรินลดาจึงมาซื้อของกันที่ห้างสรรพสินค้า เธอปล่อยให้เขาเลือกซื้อเสื้อผ้าและของใช้ตามสบาย ส่วนตัวไม่คิดจะซื้ออะไรเพราะเสื้อผ้าที่คุณหญิงนาฏยาซื้อให้เมื่อตอนเข้ามาอยู่บ้านเขาใหม่ๆ ก็เยอะจนจะใส่ไม่ครบอยู่แล้วใช่...เธอไม่เดือดร้อน แต่ร่างสูงกลับเดือดร้อนแทนเธอซะงั้น ไม่ว่าเขาจะซื้ออะไรก็เป็นอันต้องบังคับให้เธอซื้อตามทุกอย่าง ไม่ซื้อเขาก็ซื้อแทนให้ เอาแต่ใจสุดๆ! แต่ที่ทำเอาทั้งขำทั้งอายเห็นทีจะเป็นเสื้อฮาวายคู่กันนี่แหละ ไม่คิดเลยว่าคุณเขาจะอยากใส่เสื้อคู่ ยังไม่ใช่แฟนกันนะ เผื่อลืม..."เอานี่ไปด้วย" เดินมาถึงโซนบำรุงผิว ครีมกันแดดหลอดใหญ่ก็ถูกหยิบใส่รถเข็น ทำเอาคนมองตามทำหน้าแปลกใจสุดขีด"กลัวดำเหมือนคนอื่นเขาด้วยหรอคะ" ร่างบางแซวอย่างอึ้งๆ ปนขำ ไม่คิดว่าเขาจะห่วงผิวเหมือนพวกผู้หญิงด้วย"ซื้อให้หนูนั่นแหละ" วรธันย์ตอบอย่างไม่คิดอะไร แต่คนแซวเขาถึงกับแก้มร้อนไปต่อไม่เป็น"เหลือรองเท้าแตะ" เสียงทุ้มพึมพำ ก่อนเข็นรถนำคนข้างกายไปช้อปกันต่อที่โซนขายรอง
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 20"เป็นอะไร? ถ้าไม่พอใจพี่นอนโซฟาก็ได้"ร่างสูงที่ยืนกอดอกพิงขอบประตูระเบียงเสนอขึ้นเมื่อเห็นคนที่มาด้วยยืนทำหน้าหนักใจ หลังได้รู้ว่าต้องพักในบ้านหลังนี้แค่สองคน และเตียงก็มีแค่หนึ่ง...เธอก็แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ถึงไม่มีห้องนอนสักสองหรือสามให้สมส่วนกับพื้นที่กว้างๆ แต่สิ่งที่มีคือห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่น สระว่ายน้ำ ระเบียงกว้างและสวนดอกไม้ให้เดินเล่น...แต่กลับไม่มีห้องนอน! มีแค่เตียงหลังใหญ่เพียงหลังเดียวอยู่ตรงกลางห้อง แล้วไม่คิดว่าแขกที่มาพักจะมากันหลายคนบ้างเลยหรือไง ถ้ามาหลายคนจะให้นอนไหนกัน ตอนแรกที่เห็นไม่ทันได้สำรวจดีๆ ก็ว่าสวยมากอยู่หรอก แต่ตอนนี้บอกเลยว่าแย่มากๆ!"เปล่าค่ะ...ใครจะกล้าไล่พี่ไปนอนโซฟากันล่ะ" รินลดาบอกเสียงเบาอย่างปลงตก แม้จะไว้ใจวรธันย์ในระดับหนึ่งว่าเขาคงจะให้เกียรติเธอ แต่ความคิดด้านลบมันก็แย้งมาว่ายังไงเขาก็เป็นผู้ชายและเราก็ยังไม่ได้แต่งงานกันให้ถูกต้องตามประเพณี เราจะข้ามขั้นมานอนร่วมเตียงกันไม่ได้ มันไม่ถูกต้อง...ถึงจะแค่นอนเฉยๆ ก็เถอะ! และถ้าจะให้เขาผู้เป็นคนจ่ายเงินทุกอย่างในทริปนี้ไปนอนที่
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 21"อื้อ..." รินลดาตื่นขึ้นมาในช่วงสายของอีกวันในสภาพร่างกายหนักอึ้ง โดยเฉพาะศีรษะกอปรกับวิงเวียน พะอืดพะอม ลำคอแห้งผากราวกับคนขาดน้ำมาเป็นเวลานาน เธอลุกขึ้นมานั่งกุมขมับอยู่นานมาก กว่าจะได้สติและเริ่มมองหาใครอีกคน ทว่าไม่ได้ชะเง้อคอนานก็เห็นเขาเดินถือแก้วน้ำเข้ามาหาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง"ดื่มน้ำขิงสักหน่อย จะได้ดีขึ้น" แก้วน้ำขิงอุ่นๆ ถูกยื่นมาตรงหน้า เมื่อรับมาใครคนนั้นก็ยังคงยืนกอดอกมองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่ง รินดลามองสบตาคมด้วยความรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ สมองหนักอึ้งพยายามนึกถึงประสบการณ์ในคืนแรกที่ได้นอนร่วมเตียงกัน ทว่านึกยังไงก็นึกไม่ออก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากลับจากไปดูคอนเสิร์ตตั้งแต่ตอนไหน"เมื่อคืน...หนูกลับมาตอนไหนหรอคะ ทำไม..." น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยถามออกไปอย่างสับสน นั่นทำให้วรธันย์ได้คำตอบในสิ่งที่สงสัยเสียทีว่า...เธอจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้!"จำไม่ได้จริงๆ นะหรอ? " ร่างสูงหรี่ตามองอย่างจับผิด เขาหวังว่าเธอจะจำอะไรได้บ้าง ไม่ใช่ลืมหมดขนาดนี้ เพราะถ้าลืมแล้วใครจะรับผิดชอบความรู้สึกของเขากัน!"....." ใบหน้าเคร่งขรึมกว่ายามปกติทำคนฟังห
วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 34 (ตอนจบ) วันเวลาผ่านพ้นไปกิจวัตรประจำวันของรินลดาก็ยังคงวนเวียนแบบเดิมซ้ำๆจนอายุครรภ์ล่วงเลยมาจนถึงแปดเกือบเก้าเดือนและมีวันกำหนดคลอดในอีกไม่กี่วันข้างหน้าแต่เธอรู้ว่าอาจจะอยู่ได้ไม่ถึงวันนั้นเนื่องจากช่วงนี้มีอาการเจ็บท้องเตือนบ่อยขึ้นบางทีก็เจ็บจนร้องไห้ผู้เป็นสามีจึงต้องลางานมาอยู่เป็นเพื่อนในช่วงใกล้คลอด"ไหวไหม"ร่างสูงเอ่ยถามภรรยาท้องแก่ที่นั่งเอนหลังดมยาดมพลางหอบหายใจแรงกว่าปกติเนื่องจากเจ็บท้องเตือนขึ้นมาอีกแล้วและดูเหมือนวันนี้จะเจ็บมากกว่าปกติเขาจึงให้คนเตรียมรถเตรียมของใช้สำหรับคลอดไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน"อึก...ไม่ไหว...แฮ่ก"แรงปวดไม่มีท่าทีว่าจะเบาลงเลยแม้แต่น้อยมือเล็กที่บีบมือใหญ่ไว้ส่งผ่านความรู้สึกมาถึงร่างสูงแม้ไม่ทั้งหมดแต่ก็ทำให้เขาได้รับรู้ว่าเธอกำลังจะทนไม่ไหวไม่ต้องรอให้พูดอะไรซ้ำวรธันย์ก็เรียกเด็กในบ้านให้รีบเตรียมของขึ้นรถส่วนเขาก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีช้อนตัวภรรยาขึ้นอุ้มและตรงไปที่รถอย่างรวดเร็วเรียกได้ว่าสถานการณ์เริ่มวุ่นวายแต่ก็ไม่ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเพราะทุกคนเตรียมการนี้ไว้สักพักใหญ่แล้วเพียงตื่นเต้นยิน
วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 33ตกเย็นวรธันย์ก็พาภรรยามาที่บ้านใหญ่พร้อมด้วยกล่องของขวัญหนึ่งใบที่ทำเอาทุกคนต่างมองด้วยความสนใจครั้นถามว่าเอามาให้ใครและข้างในมีอะไรเจ้าตัวก็บ่ายเบี่ยงบอกแค่ว่าจะเฉลยในตอนที่ทานข้าวเสร็จเล่นเอาคุณหญิงนาฏยาคันไม้คันมือยิกๆอยากแย่งมาเปิดดูให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ทำได้แค่เก็บอาการและอดใจรออย่างใจเย็น"เอ้อแม่มีอะไรจะบอก"คุณหญิงพูดขึ้นท่ามกลางมื้ออาหารที่เริ่มดำเนินมาสักพักหนุ่มสาวเลยพร้อมใจกันวางช้อนส้อมเพื่อรอฟังในสิ่งที่มารดากำลังจะบอก"แม่คุยพ่อและคุยกับพ่อแม่หนูแล้วว่าจะให้ทั้งสองคนย้ายเข้ามาอยู่กับพวกเราที่นี่เนี่ยน้ากว่าจะเกลี้ยกล่อมได้เหนื่อยแทบตายแน่ะ"คุณหญิงบอกอย่างอารมณ์ดีได้ยินแบบนั้นรินลดาก็จ้องหน้าแม่สามีอย่างไม่อยากจะเชื่อหูก่อนจะหันไปมองพ่อกับแม่ที่ทำหน้าเกรงอกเกรงใจอยู่ไม่คลาย"ก็จะให้มาอยู่เฉยๆไม่ให้ทำอะไรเลยมันไม่ได้จริงๆค่ะเกรงใจ"อรนภาเอ่ยแทรกขึ้นมาความจริงคุณหญิงชวนเธอกับสามีมาอยู่ด้วยกันหลายครั้งแล้วแต่เธอปฏิเสธเพราะเกรงใจอีกอย่างก็ไม่คุ้นชินกับบ้านหลังใหญ่หรูหราแบบนี้เท่าไรคราวนี้ที่ยอมก็เพราะยื่นข้อเสนอไปว่าถ้าให้อยู่ก็ข
วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 32สองอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกงเข็มนาฬิกา ว่าที่เจ้าสาวถูกปลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผมตั้งแต่ไก่ยังไม่ขันด้วยทีมช่างที่คุณหญิงนาฏยาจัดหามาให้ ได้คุณหญิงและผู้เป็นแม่คอยช่วยดูแลอีกที กำหนดการในช่วงเช้าวันนี้คือการเข้าพิธีแต่งงานแบบไทย เรียบง่าย ลดขั้นตอนพิธีบางอย่างออกไป คงเหลือไว้แต่พิธีหลักๆ ที่สำคัญ สถานที่จัดงานคือบ้านหลังใหญ่ของฝ่ายว่าที่สามีที่ยังคงนอนหลับอยู่อีกห้องหนึ่ง เพราะขั้นตอนการแต่งตัวน้อยกว่าฝ่ายเจ้าสาวจึงยังไม่ถูกปลุกขึ้นมาพร้อมกันใช้เวลาร่วมสามชั่วโมงในการแต่งหน้าทำผมให้เจ้าสาวและบรรดาแม่ๆ กระทั่งแล้วเสร็จในช่วงเช้าพอดี ฝ่ายเจ้าบ่าวเองก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วทว่ายังถูกขัดขวางไม่ให้ได้เจอเจ้าสาวจนกว่าจะเริ่มพิธีไม่เพียงแค่เจ้าของงานที่ต้องเตรียมตัวแต่เช้า ฝ่ายจัดสถานที่และฝ่ายแม่ครัวเองก็วิ่งวุ่นไม่ต่างกันเพราะต้องเตรียมอาหารเลี้ยงพระและ แขกคนสำคัญที่แม้จะเชิญมาแค่ไม่กี่คนก็ต้องดูแลให้ดีสมฐานะเจ้าบ้าน พยายามให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"ใจเย็นๆ อย่าตื่นเต้นมากนัก เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อน" อรนภาลูบหลังลูกสาวเ
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 31ด้วยไม่ได้นอนทั้งคืนและอ่อนเพลียจากพิษไข้ คืนแรกที่ต้องนอนแยกห้องกันตามข้อตกลงเลยทำให้รินลดาหลับสนิท ต่างจากวรธันย์ที่นอนมองเพดานว่างเปล่ามานานหลายชั่วโมงแล้ว เขายังไม่มีทีท่าว่าจะง่วงเลยแม้แต่น้อย เขาคิดถึงร่างนุ่มนิ่มของคนรักที่เคยได้นอนกอด มากไปกว่านั้นคือเป็นห่วงกลัวว่าคนป่วยจะไข้ขึ้นสูงกลางดึกแล้วไม่มีคนดูแลสุดท้ายร่างสูงก็ยอมแพ้ต่อความห่วงใย เขาทนไม่ไหวจึงหอบเอาผ้าห่มกับหมอนเดินไปที่ห้องนอนเล็ก มือหมุนเปิดลูกบิดอย่างแผ่วเบา ก่อนเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง ลงมือปูผ้าห่มลงบนพื้น ไม่ลืมตรวจเช็คอุณหภูมิของคนหลับด้วยว่าน่าเป็นห่วงหรือไม่ เมื่อพบว่ายังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงวรธันย์ก็ล้มตัวลงนอนข้างเตียง แต่ตั้งใจไว้ว่าจะต้องตื่นก่อนและรีบออกไปจากห้อง บทลงโทษของคนที่ทำอะไรไม่คิดคือแยกห้องนอนและห้ามวอแวอีกฝ่ายจนกว่าจะถึงวันแต่งงานในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า นี่แค่วันเดียวก็แทบจะทนไม่ได้แล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะอดทนได้จนถึงวันแต่งงานหรือเปล่ารินลดาหลับยาวจนถึงเช้า เธอลืมตามองไปรอบๆ อย่างสำรวจ เพราะเมื่อคืนเหมือนจะมีบางช่วงที่กึ่งหลับกึ่งตื่นและรู้สึก
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 30"เฮ้อ...""อะไร ถอนหายใจแต่เช้า ไหวไหมเนี่ย ท่าทางเราดูเพลียๆ นะ ไม่ได้หลับได้นอนหรือไงหื้ม" เลขาท่านประธานถามขึ้นอย่างห่วงใยเมื่อเห็นเด็กฝึกงานในความปกครองนั่งถอนหายใจก่อนฟุบหน้าลงกับโต๊ะด้วยท่าทางอ่อนล้าในเช้าวันหนึ่ง จะว่าถูกเธอใช้งานหนักก็ไม่ใช่ ถึงจะเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงานแต่พ่วงตำแหน่งคู่หมั้นของเจ้านาย ยังไงก็เปรียบเสมือนเจ้านายเธออีกคน ใครจะไปกล้าใช้งานหนักกัน"ประมาณนั้นแหละค่ะ เจ้าที่แรงมาก ไม่ยอมให้หลับให้นอนเลย" เสียงหวานอ่อนระโหยโรยแรงบ่นพึมพำออกมาคล้ายคุยกันตัวเองมากกว่า คำว่า 'เจ้าที่แรง' ทำคนฟังได้แต่ทำหน้าสงสัย พลันนึกไปถึงคอนโดหรูที่เจ้านายพัก ก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเจ้าที่แรง...ขณะที่รุ่นพี่คิดไปไกล...เจ้าที่ในความหมายของคนอายุน้อยกว่าตอนนี้กำลังนั่งจามอยู่ในห้องทำงานอย่างไม่ทราบสาเหตุ ใช่...เจ้าที่ที่ก่อกวนเวลานอนของเธอก็คือเจ้านายพี่นั่นแหละ!หลังจากวันสารภาพบาป (?) นี่ก็ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว และตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมารินลดาต้องรับมือกับ 'ผีทะเลกินดุ' แทบจะทุกคืน! พอได้มีคืนแรกด้วยกัน คืนต่อๆ ไปก็มาไวและถี่เสียจนตั้งรับไม
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 29"หนูกลัว..." น้ำเสียงเบาหวิวเอ่ยขึ้นในตอนที่ได้กลับมาเหยียบบ้านอินทรเกษมกุลอีกครั้ง แววตากลมใสสั่นระริก ดวงหน้าปรากฏความกังวลอย่างเห็นได้ชัด แม้จะคุยกันมาดีแล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ เธอก็ยังมีความพร้อมไม่มากพออยู่ดี"พี่อยู่ทั้งคน" ฝ่ามือใหญ่กุมทับมือเล็กที่เย็นเฉียบสร้างความอบอุ่นแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ ทว่าก็ทำคนฟังใจชื้นขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะความวิตกกังวลมันมีมากกว่า เธอกลัวว่าพ่อกับแม่จะผิดหวังในตัวเธอมากกว่าว่าใครจะมองยังไง แต่ถ้าไม่พูดก็ไม่สบายใจอีกเหมือนกัน"ไปเถอะ เชื่อใจพี่...ไม่มีอะไรต้องกลัว" ร่างสูงให้กำลังใจ กระชับมือเล็กแน่นขึ้น ก่อนพาเดินเข้าบ้านไป ในเวลานี้ทุกคนต่างมานั่งรวมตัวกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นตามที่วรธันย์ได้โทรมาขอไว้ ทั้งพ่อแม่ของเขาและพ่อแม่ของรินลดา"อ้าว มากันแล้ว สวัสดีจ้ะ นั่งๆ" คุณหญิงนาฏยาทักทายทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม มือรับไหว้ว่าที่ลูกสะใภ้ก่อนเชิญทั้งสองมานั่งคุยกันระหว่างรอทานมื้อค่ำ"น้องหญิง ไม่สบายหายดีหรือยังคะ พี่ธันดูแลน้องดีหรือเปล่าเนี่ย" ประโยคแรกเอ่ยกับร่างบางด้วยรอยยิ้มสดใส ประโยคหลังหันมามองแรงใส่ล
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 28"คุณพิมพ์ วันนี้ผมไม่เข้าบริษัทนะ เลื่อนงานออกไปทั้งหมด บอกศรัณซื้อยาลดไข้กับข้าวต้มมาให้ผมที่คอนโดด้วย ขอบคุณ" มือเรียวกดวางสายทันทีหลังจากพูดธุระกับผู้เป็นเลขาจบ โทรศัพท์เครื่องหรูถูกวางทิ้งไว้อย่างไม่ใยดีหลังจากหมดประโยชน์ เนื่องจากเจ้าของเครื่องมีสิ่งสำคัญมากกว่าให้สนใจร่างบอบบางภายใต้เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขากำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอทว่าร่างกายแผ่ไอร้อนออกมาจนรู้สึกได้ คนเป็นไข้ต้องเช็ดตัว...คิดได้แบบนั้นวรธันย์จึงผละออกไปหาผ้าสะอาดกับชามใบเล็กๆ รองน้ำเกือบเต็ม ก่อนจะเดินกลับเข้ามาหาคนหลับอีกครั้งมือเรียวคว้ารีโมทมากดปิดแอร์เพราะกลัวคนป่วยจะหนาวระหว่างที่เช็ดตัวให้ ก่อนทำการขุดร่างคนป่วยขึ้นมาจากผ้าห่มผืนใหญ่ เปลื้องผ้าเธอจนหมด แล้วนำผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดไปตามลำตัวขาวผ่องซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยสีแดงเรื่อที่เขาฝากไว้เมื่อคืนอย่างระมัดระวังวรธันย์ข่มใจเช็ดตัวให้คนรักจนเสร็จก็ใส่เสื้อผ้ากลับคืนให้ ดึงผ้าห่มคลุมถึงลำคอก่อนกดเปิดแอร์และเพิ่มอุณหภูมิให้อุ่นขึ้น ก่อนเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำบ้าง ออกมาทันตอนได้ยินเสียงก
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 27รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังบอบบางก็แตะลงบนที่นอนนุ่ม ริมฝีปากอุ่นร้อนที่ตักตวงเอาความหอมหวานจนพอใจถูกถอนออกไปก่อนจูบซับเข้าที่ข้างขมับ พวงแก้ม ปลายคางและเลื่อนต่ำลงไปที่ซอกคอขาว ขณะที่ฝ่ามือลากไล้ไปตามส่วนเว้าโค้งของคนรัก กลิ่นกายหอมกรุ่นราวกับดอกไม้แรกแย้มทำสติสัมปชัญญะกระจัดกระเจิงยากที่จะควบคุมวรธันย์ห่างหายจากเรื่องบนเตียงไปนานมากๆ ตลอดมาเขาไม่เคยต้องอดทนกับใคร และก็คิดว่ายังทนต่อไปได้อีกนาน กระทั่งได้ยินคำว่า 'รัก' จากปากอิ่มเล็กๆ นั่น เขาถึงได้รู้ความจริงว่าความอดทนของเขามันหมดไปตั้งแต่วินาทีนั้น เขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว!ด้านรินลดาเองก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปถ้าขืนเธอยังคงนิ่งเงียบ ปล่อยให้สถานการณ์มันไหลต่อเนื่องไปแบบนี้ เธอกำลังสับสนกับความต้องการจริงๆ ของตัวเองเพราะความคิดด้านดีกับด้านลบกำลังขัดแย้งกันมั่วไปหมด...'ห้ามชิงสุกก่อนห่าม' คือประโยคที่ไม่ว่าหญิงหรือชายก็มักจะเคยได้ยินพวกผู้ใหญ่พร่ำสอนกันมาตั้งแต่เล็กจนโตในสังคมไทย ทว่าเธอไม่เคยมีคนรักเลยไม่รู้ว่าคนอื่นๆ ที่เขามี เขาทำตามคำสอนนั้นได้จริงๆ หรือเปล่า เพราะอีกด้านหนึ่งเราก็
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 26การอยู่เฉยๆ ในห้องชุดอันแสนกว้างใหญ่มันไร้ประโยชน์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อยากทำอะไรก็ขยับไม่ได้ดั่งใจ แต่จะให้อยู่เฉยๆ ทั้งวันรินลดาก็ทำไม่ได้ เมื่อทำงานบ้านทุกอย่างเสร็จสิ้นเธอก็ตั้งใจว่าจะลงไปเดินเล่นที่ซุปเปอร์มาเก็ตข้างล่างคอนโด เพราะตอนดูทีวีบังเอิญเปิดไปเจอรายการทำอาหารและขนม เลยนึกอยากทำขนมอร่อยๆ ไว้รอเจ้าของห้องกลับจากที่ทำงานร่างบางพาตัวเองค่อยๆ เดินไปที่ลิฟต์อย่างไม่รีบร้อน โชคดีที่คอนโดหรูแห่งนี้เงียบสงบ ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเลยไม่จำเป็นต้องรีบร้อนหรือกลัวว่าจะไปยืนเก้ๆ กังๆ ขวางทางใครเข้า"หญิง! " ใครสักคนที่กำลังจะเดินสวนเข้ามาในคอนโดเรียกชื่อเธอเสียงดัง ครั้นหันไปมองก็เห็นอีกฝ่ายยืนยิ้มแฉ่งก่อนจะปรี่เข้ามาลูบหัวลูบหาง (?) เธอด้วยความดีใจ"พี่อิฐ! " คราแรกที่ถูกเรียกเสียงดังยอมรับว่าค่อนข้างตกใจ แต่พอรู้ว่าเป็นใครรินลดาก็ออกอาการดีใจไม่ต่างกัน บุรุษเพศนั้นผ่านเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเธอแค่ไม่กี่คน หนึ่งในนั้นก็คือพี่รหัสคนนี้นี่เอง"โหย ไม่เจอกันนาน คิดถึงนะเนี่ย" อิทธิพัทธ์เขย่าไหล่เล็กเบาๆ ด้วยความตื่นเต้น ก่อนที่สุดท้ายจะอดใ