วิวาห์(ไม่)ไร้รัก
Writer : Aile'N
ตอนที่ 11
"พวกแก~ คุณธันนนนนย์!! "
เสียงวีดว้ายของนักศึกษาหญิงกลุ่มที่เดินอยู่ข้างหน้าซึ่งก็ได้แก่สามสาว ฟิล์ม บีและต้นอ้อดังขึ้นเรียกความสนใจของนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจโดยเฉพาะสาขาการบัญชีที่เพิ่งได้เวลาเลิกเรียนพอดี ร่างบางที่เดินตามหลังมาหูผึ่งเล็กน้อยตอนได้ยินชื่อใครสักคนที่เหมือนกับว่าที่สามี ก่อนจะสะดุ้งเล็กๆ เมื่อสามสาวหันกลับมาจ้องหน้าด้วยแววตาอิจฉาระคนหมั่นไส้
สาเหตุเป็นเพราะร่างสูงโปร่งของใครบางคนที่กำลังยืนทำเท่...สองมือล้วงกระเป๋ากางเกง เอนกายพิงสปอร์ตคาร์สุดหรูรออยู่หน้าตึกคณะฯ ดวงหน้าคมเข้มแม้เรียบนิ่งแต่หล่อเหลาจนคนเดินผ่านเหลียวหลังกลับมามองตามคอแทบเคล็ด ไม่ต้องเดาก็มองออกว่าคงมารอใครสักคน แต่ใครกันล่ะที่เป็นผู้โชคดีคนนั้น...
"ไอ้หญิง! รีบๆ เดินเข้าสิ คุณเขามารอนานแล้วนะ! " สามสาวแหวกทางให้รินลดาเดินผ่านและพร้อมใจกันดันแผ่นหลังบางไปข้างหน้าอย่างเร่งเร้า อยากถามเหมือนกันว่ารู้ได้ยังไงว่าเขามารอนานแล้ว เขาอาจจะเพิ่งมาถึงก็ได้ไหม...แต่ก็ได้แค่คิด ไม่ได้พูดออกไปให้ถูกมองแรงใส่แต่อย่างใด...
พอถูกสามสาวผลักดันให้เดินเข้าไปหาร่างสูงอย่างออกนอกหน้า ผู้คนรอบข้างที่ไม่รู้เรื่องราวเพราะไม่ได้ติดตามข่าวสารในแวดวงไฮโซก็พอจะมองออกว่าเขาคนนั้นมารอใคร ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่เห็นคงไม่มีใครเมินเฉยกับภาพตรงหน้าที่คล้ายว่าเห็นนายแบบหนุ่มสุดหล่อหลุดออกจากนิตยสารมายืนอยู่ตรงหน้าได้ แค่สปอร์ตคาร์สัญชาติอังกฤษคันละครึ่งร้อยล้านที่ผลิตออกมาแค่ 375 คันทั่วโลกอย่าง McLaren P1 ก็ทำเอาตาพร่า รู้สึกอิจฉาคนที่ได้นั่งมันจนตาร้อนผ่าว
พอผู้คนเริ่มให้ความสนใจมากๆ รินลดาก็เกิดอาการประหม่า เพราะแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่วรธันย์มารับส่ง แต่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาออกมายืนรอนอกรถคล้ายกับต้องการเปิดตัวต่อสาธารณะ ทุกทีเป็นเธอที่ต้องนั่งรอเขามารับ มาถึงพอเธอขึ้นรถได้ก็รีบออกทันที แทบจะไม่เคยได้ดับเครื่องยนต์เลยสักครั้ง ไม่รู้วันนี้คิดอะไรอยู่ถึงได้มาถึงก่อนและออกจากรถมารอกันแบบนี้
ร่างบางเดินเก้ๆ กังๆ เข้าไปหาอีกฝ่ายที่ยืดตัวยืนตรงตั้งแต่ที่เห็นเธอเดินมาแต่ไกล เราสบตากันในทุกขณะที่ระยะห่างเริ่มลดน้อยลงก่อนที่รินลดาจะเป็นฝ่ายหลบตาก่อนด้วยสู้สายตาอีกคนไม่ไหว แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมามองหน้าเขาอีกครั้งเมื่อเห็นรองเท้าหนังมันปลาบก้าวเข้ามาหาและหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้า
"หิวไหม? " เสียงทุ้มเอ่ยถาม เอียงคอมองกันเล็กน้อยก่อนเลื่อนสายตาสูงขึ้น มองเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนที่แลดูยุ่งเหยิงขัดตา ก่อนจะยื่นมือไปจัดทรงให้ เรียกเสียงหวีดร้องด้วยความอิจฉาริษยาจากสาวๆ แถวนั้นได้เป็นอย่างดี
คนไม่เคยถูกอีกฝ่ายปฏิบัติดีต่อกันถึงกับหน้าร้อน ยืนเลิกลั่กใจเต้นอย่างไม่เป็นตัวเอง ยิ่งได้ยินเสียงคนอื่นร้องแซวก็ยิ่งเขินอาย รีบเดินก้มหน้าไปเปิดประตูรถยัดตัวเองเข้าไปนั่งเพื่อหลบหนีสายตาผู้คนอย่างรวดเร็ว ซึ่งถ้ารั้งรอช้ากว่านี้อีกสักนิดก็คงจะได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของใครบางคน...
พอละสายตาจากว่าที่ภรรยาวรธันย์ก็เพิ่งจะรู้ตัวว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่สนใจพวกเรา เขาเพียงตีหน้าขรึมมองผ่านเพื่อนสาวสามคนของคนตัวเล็กที่พยายามโบกมือลาหยอยๆ ให้ ก่อนเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ ทิ้งสาวๆ มองตามหลังตาละห้อย
การจราจรในช่วงหัวค่ำไม่มีพื้นที่สำหรับคนรีบเร่ง วัดได้จากแสงไฟสีแดงท้ายรถที่ติดยาวเป็นขบวนอยู่ตรงหน้า โชคดีที่บรรยากาศในรถไม่ได้เร่งร้อน เพราะแม้รถจะขยับได้ทีละนิดก็ไม่ได้ทำให้คนขับเกิดอาการหัวเสียแต่อย่างใด แอร์เย็นฉ่ำบวกเสียงเพลงที่ถูกเปิดคลอเบาๆ มาตลอดทางทำคนนั่งข้างรู้สึกผ่อนคลายจนเคลิ้มจะหลับ แต่ก็ยังพยายามฝืนตัวเองไว้ด้วยไม่อยากเสียมารยาทกับเจ้าของรถ
"อยากกินอะไร" ดวงตาปรือปรอยเหลือบมองไปยังคนข้างกายที่ลงทุนย้ายมาขับเองแทนการเรียกใช้คนขับรถอย่างที่เคยทำ
"อะไรก็ได้ค่ะ" เสียงหวานตอบเอื่อยๆ ด้วยคำถามก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงจะพาแวะทานข้าว น่าตกใจดีนะ...ทั้งที่เมื่อก่อนเขาไม่เคยอยู่ใช้อากาศหายใจร่วมกันนานๆ ตอนรถติดก็ใช่ว่ามันจำเป็น แต่ตอนรถไม่ติดไม่เคยเลยที่เขาจะขับเอื่อยเฉื่อยแบบนี้ เหยียบมิดไมล์ได้ก็คงเหยียบ พอได้ยินคำถามเลยแอบสงสัยนิดหน่อยว่าแค่เขาบอกจะลองเปิดใจมันก็ทำให้เขาเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ?
"อะไรก็ได้ไม่มี" วรธันย์ตอบกลับอย่างไม่ชอบใจนัก อยากรู้เหมือนกันว่าใครมันเป็นเจ้าของประโยคนี้ เขาจะทุ่มซื้อและส่งมันออกนอกโลกไปซะ จะได้ไม่มีใครพูดมันอีก
"ก็...แล้วแต่คุณไงคะ" ร่างบางตอบเสียงอ่อย ทำคนฟังนึกได้อีกประโยคที่อยากส่งออกไปนอกโลกพร้อมกัน นั่นก็คือ 'แล้วแต่'
"แค่ถามว่าอยากกินอะไร มันตอบยากขนาดนั้นเลยหรอ? " เสียงทุ้มต่ำเริ่มขรึมเคร่ง ไม่สบอารมณ์เข้าไปใหญ่เมื่อคู่สนทนาแลดูจะพูดยากกว่าที่คิด
"ชาบูก็ได้ค่ะ" คนถูกดุหน้ามุ่ยเหมือนเด็กๆ พยายามคิดเมนูอย่างด่วนจี๋ ใจจริงนึกอยากจะทานส้มตำหรือไม่ก็ก๋วยเตี๋ยวร้านข้างทางอร่อยๆ แต่เห็นการแต่งตัวบวกสปอร์ตคาร์คันละหลายสิบล้านแล้วเลือกเมนูดีๆ หน่อยก็แล้วกัน
"ก็แค่นั้น" ร่างสูงปรายตามองอย่างเอือมระอา ก่อนเปลี่ยนเส้นทางมุ่งตรงไปยังร้านชาบูขึ้นชื่อที่พอจะรู้จักอยู่บ้างแม้จะไม่ค่อยได้กินเมนูลวกจิ้มหรือปิ้งย่างสักเท่าไร
จากสภาพการจราจรบวกกับที่วรธันย์ชวนไปหาอะไรทานด้วยแล้ววันนี้รินลดาคงจะกลับไปช่วยพ่อแม่ขายของไม่ทัน เลยจัดการโทรบอกพวกท่านเสียตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งพวกท่านก็เข้าใจ มีแต่บอกให้เธอตั้งใจเรียน ตั้งใจดูแลว่าที่สามีและพ่อแม่เขาอยู่บ้านใหญ่ ไม่ต้องลำบากไปช่วยเลยด้วยซ้ำ แต่เป็นเธอเองที่ยังดื้อรั้นจะทำด้วยความเต็มใจ เธออยากแบ่งเบาภาระของพวกท่านให้มากเท่าที่จะทำได้ ถึงจะกลายเป็นว่าที่สะใภ้ตระกูลเศรษฐีแล้วอย่างไร เธอก็ยังเป็นเธอ ฐานะยังเหมือนเดิม ไม่ได้จะไปเกาะเขากินสบายไปวันๆ แล้วทิ้งพ่อแม่เผชิญความลำบากอยู่ที่เดิมเสียเมื่อไร
"ให้ฉันส่งคนไปช่วยพ่อแม่เธอมั้ย เธอจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเพิ่ม" ร่างสูงที่นั่งฟังแม่ลูกสนทนากันหยิบยื่นความช่วยเหลือไปให้หลังจากที่เธอวางสายไป คนฟังหันมามองตาใสด้วยความงุนงงเล็กน้อย ก่อนส่ายหน้าดิกเมื่อจับใจความได้
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันอยากทำเองมากกว่า ขอบคุณนะคะ" คนพูดยิ้มบาง เอ่ยขอบคุณร่างสูงอย่างไม่รู้สึกติดขัด กลับกลายเป็นเขาเสียเองที่กระดากอายกับคำพูดและการกระทำที่ทำไม่ดีกับอีกฝ่ายไว้
ใช้เวลาสักพักก็มาถึงที่หมาย ร้านชาบูปิ้งย่างขึ้นชื่อขนาดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยกระจกใสตั้งอยู่ในย่านการค้าแหล่งสำคัญ แม้ไม่ได้อยู่ในห้างสรรพสินค้าแต่รสชาติและการบริการไม่เป็นรองใคร วัดได้จากผู้คนที่แน่นขนัดทุกวันตั้งแต่ร้านเปิดยันร้านปิด ถามว่าเขารู้ได้อย่างไรก็เคยเห็นรีวิวจากเพจต่างๆ มาบ้าง รวมทั้งตอนขับรถผ่านไปมากี่ครั้งคนก็แน่นร้านทุกครั้ง
"สวัสดีค่ะ มาสองท่านนะคะ" พอหาโต๊ะนั่งที่พึงพอใจได้พนักงานก็เข้ามารับออเดอร์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"ไม่ทราบว่าคุณพี่ทั้งสองเป็นคู่รักกันหรือเปล่าคะ พอดีทางร้านเรากำลังมีโปรโมชั่นตอนรับเดือนแห่งความรัก เพียงสั่งชาบูชุดเติมรัก รับของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากเราไปเลยทันทีสำหรับเก้าสิบเก้าคู่แรกที่สั่งค่ะ สั่งเลยมั้ยคะ" เสียงเจื้อยแจ้วของพนักงานสาวกล่าวแนะนำโปรโมชั่นของทางร้านอย่างชำนาญ เนื่องจากพูดมาแล้วไม่ต่ำกว่ายี่สิบครั้งในวันนี้ คนฟังได้แต่นั่งนิ่งฟัง เมื่อจบต่างฝ่ายต่างก็เงยหน้าขึ้นมองคนที่มาด้วยพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
"เอ่อ...ก็...ค่ะ แล้วของขวัญที่จะได้คืออะไรหรอคะ" รินลดาตอบรับพนักงานอย่างเหวอๆ เมื่อว่าที่สามีพยักหน้าเชิงอนุญาตทั้งที่เธอแค่มองหน้าเขาเฉยๆ ไม่ได้จะขอสั่งเสียหน่อย ชาบูชุดอื่นก็มีให้เลือกตั้งเยอะ อิ่มเหมือนกันนั่นแหละ...แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว อยากรู้เหมือนกันว่าของขวัญที่ว่าจะเป็นอะไร
"มีด้วยกันหลายอย่างเลยค่ะ ทั้งแหวนคู่ กำไลคู่ เสื้อคู่ ตุ๊กตาคู่ แก้วน้ำคู่ ช็อกโกแลต ช่อดอกไม้และอีกมากมายค่ะ ส่วนลูกค้าจะได้อะไรนั้นทางเราจะสุ่มเลือกของขวัญให้เองค่ะ" ลิสต์ของขวัญแต่ละอย่างทำคนฟังได้แต่นั่งกลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคอ มีแต่ของที่ใส่เป็นคู่ คู่รักคู่อื่นที่ได้ไปคงจะดีใจ...แต่กับคู่เราที่ไม่ได้มีความรักต่อกันนั้น ได้ไปก็คงไม่มีประโยชน์ สละสิทธิ์ให้คนอื่นไม่ดีกว่าหรอ?
"งั้นสั่งชุดนี้ชุดหนึ่ง" คนฝั่งตรงข้ามปิดเมนูในมือลงอย่างไม่สนใจใยดี ทั้งที่เพิ่งจะเปิดดูได้แค่หน้าเดียวเท่านั้น เขาตัดบทสั่งชุดโปรโมชั่นของทางร้านอย่างหน้ามึนๆ ในขณะที่เธอกำลังจะเปลี่ยนใจด้วยไม่อยากได้ของขวัญแล้ว เหลือไว้ให้คู่รักคู่อื่นน่าจะมีประโยชน์กว่า
พนักงานแย้มยิ้มเต็มแก้ม ดีใจแทนคู่รักที่จะได้ของขวัญจำนวนจำกัดจากทางร้านไปเชยชม ถามไถ่ชนิดน้ำซุปและเครื่องดื่มอีกเล็กน้อยก็ขอตัวออกไป ทิ้งคนตัวเล็กไว้กับบรรยากาศแปลกๆ ที่ไม่รู้ที่มาที่ไป รู้แต่ว่าไม่ค่อยกล้าสบตาเพื่อนร่วมโต๊ะสักเท่าไร สั่งชุดโปรโมชั่นเพราะอยากได้ของขวัญ? ก็สั่งไปสิ ทำไมต้องมองหน้าราวกับว่าเธอเป็นคนอยากได้เสียเองแบบนั้น ไม่ได้อยากได้สักหน่อย!
รอไม่นานอาหารก็ทยอยมาเสิร์ฟ พร้อมกับเฉลยว่าของขวัญที่ได้คือแหวนคู่...เป็นแหวนเงินสองวงเรียบๆ สลักลวดลายเป็นหัวใจเล็กๆ สองดวงคล้องกัน ร่างบางเพียงยิ้มรับแห้งๆ เมื่อเห็นพนักงานภูมิใจนำเสนอของขวัญจากทางร้านที่ถือมาให้ แต่คนรับไม่ใช่เธอหากเป็นคนหน้านิ่งฝั่งตรงข้ามที่ดูท่าจะสนอกสนใจมันเป็นพิเศษ ทั้งที่มันก็เป็นเพียงแหวนเกรดธรรมดาไม่ได้หรูหราอะไร เมื่อเทียบกับคนระดับเขาที่จะซื้อแหวนเพชรดีๆ แพงๆ กว่านี้อีกกี่ร้อยกี่พันวงก็ได้ สบายๆ
มือแกร่งเปิดหยิบแหวนวงใหญ่ในกล่องกำมะหยี่เล็กๆ นั้นขึ้นมาพิจารณา ก่อนสวมลงนิ้วนางข้างซ้ายของตนได้อย่างพอดิบพอดี เขากระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นใครบางคนที่แอบมองเขามาตั้งแต่ต้น ทว่าพอเขามองตอบกลับรีบหลบตาทำเป็นมองนู่นมองนี่ไปเรื่อยอย่าง (ไม่) แนบเนียน...
กล่องใส่แหวนคู่ถูกมือใหญ่ปิดลงก่อนเลื่อนมันไปอีกฝั่ง ตรงหน้าว่าที่ภรรยาในอนาคต เธอหลุบตามองเล็กน้อยก่อนเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่ตอนนี้เริ่มหยิบจับวัตถุดิบลงหม้อ ทำเป็นไม่สนใจว่าเธอจะหยิบมันไปสวมใส่นิ้วนางอย่างที่เขาทำหรือไม่ ถ้าไม่มันก็จะยังคงวางอยู่แบบนั้น แล้วเธอจะทำยังไงได้ล่ะ...นอกจากหยิบมาใส่แล้วก้มหน้าก้มตากิน ทำเป็นไม่สนใจเขาคืนบ้าง...
กริ๊ง!
"อุ้ย! ? " เสียงหวานหลุดอุทานอย่างตกใจเมื่อนั่งทานอยู่ดีๆ แหวนเจ้ากรรมที่หลวมโพรกด้วยขนาดไม่พอดีกับนิ้วได้หลุดหล่นกลิ้งลงไปนอนแหมะอยู่บนพื้นข้างโต๊ะ จุดที่เป็นทางเดินและคนที่กำลังเดินผ่านมาก็ได้เหยียบมันลงไปเต็มๆ ทีน...
รินลดามองภาพนั้นอย่างอึ้งๆ ก่อนหันมายิ้มแห้งให้คนตัวใหญ่แล้วลุกเดินไปเก็บแหวนวงนั้นกลับมาสวมเข้านิ้วตามเดิม จากนั้นก็นั่งกินต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งเห็นฝ่ามือใหญ่แบมาตรงหน้า
"มือ" เขาตอบคำถามจากสายตางุนงงของเธอสั้นๆ ขอมือ? ทำไมเริ่มมองเห็นภาพเจ้าตัวสี่ขาหน้ามีขนนั่งยื่นมือให้เจ้าของซ้อนทับกับสถานการณ์ตรงหน้าก็ไม่รู้...
มือบางยื่นไปวางทับลงบนฝ่ามือใหญ่อย่างไม่อิดอด แค่เห็นขนาดที่แตกต่างกันก็ทำเอาตกใจระคนตื่นเต้น ฝ่ามือเพียงข้างเดียวของเขาคล้ายจะปิดใบหน้าของเธอได้จนมิด นี่มือคนหรืออะไรกันเนี่ย แต่อุ่นชะมัดเลย...
"หลวมขนาดนี้ก็ถอดออกเถอะ ค่อยซื้อใหม่" วรธันย์ไม่ได้ขอมือเธอเพื่อจะชมว่าแสนรู้แต่อย่างใด เขาเพียงพิจารณาวงกลมสีเงินที่สวมอยู่บนนิ้วนางเรียวเล็ก ก็เห็นว่าขนาดของมันหลวมจนสามารถหลุดหายได้ง่ายๆ
คนฟังพยักหน้ารับหงึกหงัก เมื่อมือเป็นอิสระก็เลือกที่จะถอดแหวนเก็บไว้ในกระเป๋าอย่างนึกเสียดาย แม้จะใส่ไม่ได้ก็ไม่ได้คิดจะทิ้งมันแต่อย่างใด
ทว่า...ใครจะไปคิดล่ะว่าราวหนึ่งชั่วโมงถัดมาคนที่เคยพูดไว้ว่า 'ค่อยซื้อใหม่' จะพาเธอมาโผล่ที่ร้านจิวเวอรี่ในทันที!
"เลือกสิ...ชอบวงไหน" เมื่อบอกความต้องการกับพนักงาน เพียงครู่เดียวแหวนเพชรนับร้อยคู่ก็ถูกนำมาเรียงรายอยู่ตรงหน้าให้เลือกสรร รินลดาเพียงยืนอึ้งกับความระรานตาตรงหน้า ไม่กล้าหยิบจับสิ่งใดแม้กระทั่งหายใจแรงก็ยังไม่กล้า..
"เอ่อ เนื่องในโอกาสอะไรหรอคะ" ร่างบางเลิกลั่กถาม เลือกที่จะถามว่าซื้อเนื่องในโอกาสอะไรมากกว่าซื้อทำไม ที่จริงเขาไม่เห็นจะต้องจริงจังขนาดนี้เลยก็ได้ ก็แค่ของขวัญการตลาดจากร้านอาหารเท่านั้น
"แทนวงนั้น" ตอบอย่างไม่ใส่ใจเพราะสายตากำลังกวาดมองแหวนเพชรที่แข่งกับอวดโฉมระยิบระยับต้องแสงไฟอย่างระรานตา
"แต่นี่มัน...มากเกินไปนะคะ วงนั้นก็แค่แหวนธรรมดาที่ได้เพราะสั่งชาบูชุดโปรโมชั่นเท่านั้น" คนตัวเล็กพูดพลางเหลือบตามองพนักงานที่มายืนรอให้บริการอย่างเกรงใจ แต่แทนที่คนฟังจะสนใจฟังกันสักนิดกลับบอกพนักงานให้หยิบแหวนลวดลายที่หมายตาออกมาให้ลองใส่เสียอย่างนั้น
"มือ..." เขาขอมือเธออีกครั้งหลังลองสวมวงของตัวเองแล้วขนาดพอดีกับนิ้ว แน่นอนว่าต้องถอดวงเก่าออกก่อน...
"ไม่เอาค่ะ มันแพงเกินไป ถ้าทำหายขึ้นมาจะทำยังไง" รินลดายกมือตัวเองขึ้นมากอดไว้อย่างหวงแหน ดวงตากลมโตจ้องหน้าว่าที่สามีเขม็งอย่างไม่พอใจเมื่อเขาดึงดันจะเอามือเธอไปให้ได้
"แหวนหมั้น...สื่อประโคมข่าวโครมๆ ขนาดนั้นฉันจะปล่อยให้เธอนิ้วว่างได้ยังไง" วรธันย์ยอมบอกเหตุผล ดวงตาคมละจากแหวนวงเล็กขึ้นมาจ้องคนฟังตาดุ หลังพยายามไขว่คว้ายังไงก็ยึดมือบางๆ นั้นมาครองไม่ได้สักที หลบไวนักนะ!
"แต่...อ๊ะ คุ๊ณณณ!! ? " รินลดาร้องเสียงหลง เมื่อคนเจ้าเล่ห์อาศัยจังหวะที่เธอกำลังขบคิดลังเลจนเผลอลืมระวังตัว คว้ามือเธอไปครองได้สำเร็จ ก่อนที่แหวนเพชรเม็ดเล็กๆ จะถูกสวมเข้าที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธออย่างรวดเร็ว และขนาดของมันก็ดันพอดีจนไม่มีข้ออ้างให้ถอดออกได้ง่ายๆ เสียด้วย!
..
..
..
..
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 12"นี่มันหมายความว่ายังไงคะธันย์ ไหนบอกจะช่วยกันกำจัดนังนั่นไงคะ คุณไปทำดีกับมันทำไม! ? " ความสัมพันธ์ของวรธันย์และรินลดาเริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น และคนที่คอยจับตามองความเคลื่อนไหวของคนทั้งคู่มีหรือที่จะไม่รู้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้าง วันนี้ถึงได้บุกมาหาเขาที่บริษัทตั้งแต่เช้า และใช่...เลขาเขาหยุดพายุลูกนี้ไม่ได้อีกครั้ง"ผมมีวิธีของผม การรวมหัวกันรุมรังแกอีกฝ่ายแบบนั้นไม่ใช่เรื่องดี" ปากกายี่ห้อดังยังคงถูกมือแกร่งจับตวัดไปมาบนเอกสารสำคัญ เช่นเดียวกับดวงตาคมกริบที่ยังคงเพ่งสมาธิไปที่มันมากกว่าคู่สนทนา นั่นยิ่งทำให้เกวลินเดือดดาลกว่าที่เป็น"วิธีอะไรของคุณ เกวไม่เห็นว่าคุณจะทำอะไรตรงไหน ตรงข้าม! คุณพามันไปกินข้าวซื้อแหวน ไม่ใช่ว่าหลงมารยามันแล้วหรือไงคะ! ? " เกวลินนับเป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญน้อยเมื่อเทียบกับคนอื่นที่เขาเคยมีสัมพันธ์มา แต่วันนี้หล่อนทำให้เขารู้แล้วว่าหล่อนไม่ได้ต่างไปจากคนอื่นเลยสักนิด"เกวลิน...คุณมีสิทธิ์ก้าวก่ายเรื่องของผมมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถ้ายังพูดไม่รู้เรื่องอยู่แบบนี้ก็เชิญที่ประตู ผมจะทำงาน" ด้วยเป็นคนใจร้อน
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 13ตั้งแต่แยกกันที่ร้านอาหารเมื่อวานรินลดาก็ไม่ได้เจอกับวรธันย์อีกเลยจนถึงตอนนี้ เขาไม่ได้กลับมานอนบ้านและเธอก็ได้ลุงพรเป็นสารถีขับรถรับส่งในวันนี้ เธอไม่คิดถามใครและก็ไม่มีใครบอกว่าเขาไปไหน ติดธุระอะไร ได้แต่เก็บความสงสัยและไม่พอใจลึกๆ เอาไว้ในใจ..."พี่ธันย์เขามีประชุมตั้งแต่เช้าตลอดทั้งวัน แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะจ๊ะ พี่เขากลับมาทันแน่นอน" คล้ายว่าแม่สามีจะรู้อะไรแม้กระทั่งความคิดตน จู่ๆ ท่านก็พูดขึ้นมาในตอนที่กำลังนั่งเฉิดฉายให้ช่างแต่งหน้าส่วนตัวสะบัดแปรงไปมาทั่วใบหน้า คนฟังเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายผ่านกระจกบานใหญ่ ไม่ได้ตอบอะไร เพียงยิ้มบางและพยักหน้ารับรู้เท่านั้นใช้เวลาร่วมชั่วโมงคุณหญิงก็แต่งหน้าทำผมเสร็จ ลุคสวยเปรี้ยวไม่เกรงใจอายุทำร่างบางจ้องมองอย่างตื่นเต้น ดูท่างานที่ไปจะไม่ธรรมดาจริงๆ เธอถึงมีโอกาสได้เห็นแม่สามีในลุคที่ฉีกจากเดิมออกไปไกลเสียขนาดนี้"จินนี่...เอาให้สวยที่สุดในงาน! " คำสั่งเฉียบขาดที่ถ่ายทอดไปยังช่างประจำตัวทำรินลดารู้สึกเสียวสันหลังพิกล..."ไม่มีปัญหาค่ะคุณแม่ จินนี่เอาประสบการณ์กว่ายี่สิบปีเป็นประกัน! น้องหญิงจะต้องสว
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 14"หื้ม? เป็นอะไรหรือเปล่าลูก ไม่สบายหรอคะ หน้าแดงๆ " คุณหญิงนาฏยาเอ่ยถามว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงอาทรห่วงใย นึกสงสัยว่าก่อนหน้านี้ยังเห็นอีกฝ่ายดีๆ อยู่เลย แต่หลังกลับจากไปตักอาหารกับเจ้าลูกชายไหงนั่งเงียบแก้มแดงปลั่งขนาดนี้ไปเสียได้"อะ เอ่อ หนู...ร้อนน่ะค่ะ" พอถูกทักกะทันหัน ใครคนนั้นก็ลนลานเลิกลั่ก กอปรกับยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไม่มีอยู่จริงอย่างมีพิรุธคนฟังหรี่ตาจับผิดตามสัญชาตญาณแต่ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ เพียงเหลือบตามองลูกชายที่ดูจะมีบรรยากาศรอบๆ ตัวเปลี่ยนไปเล็กน้อย ริมฝีปากหยักคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มแปลกๆ หรือว่า...ระหว่างที่หายไปด้วยกันจะมีอะไรเกิดขึ้น?"แม่ว่าแอร์ก็เย็นอยู่นะ เอ...หรือว่าเป็นอาการคนเขิน พี่ธันย์ทำหรือพูดอะไรให้เขินหรือเปล่าจ๊ะเนี่ย" คำถามลอยๆ เหมือนคนรู้ทันทำคนฟังลมหายใจสะดุด คล้ายคนทำผิดกำลังจะถูกจับได้ เพียงแต่เธอไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเสียหน่อย ก็แค่รู้สึกหน้าร้อนแปลกๆ ตอนได้ยินร่างสูงแทนตัวเองว่า 'พี่' ก็เท่านั้น...คนถูกไล่ต้อนมัวแต่อ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบอะไร กระทั่งมีคนรู้จักมาชวนว่าที่แม่สามีไปทักทายเพื่อนๆ กลุ่มใหม่แล้ว
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 15ในตอนนี้...รินลดากำลังยืนเคว้งอยู่กลางห้องชุดสุดหรูของว่าที่สามีอย่างคนไม่รู้จะทำยังไงต่อไป คอนโดของท่านประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ดูเบาไม่ได้เลยจริงๆ นอกจากความกว้างขวางหรูหราแล้วยังแบ่งแยกสัดส่วนได้เหมือนกับยกบ้านทั้งหลังมาไว้ที่นี่ ความอลังการนี้ทำให้ทั้งชั้นมีเพียงสองห้องเท่านั้น อีกห้องหนึ่งเป็นของอดีตท่านประธานซึ่งก็คือคุณสุรศักดิ์ที่ทุ่มเงินซื้อเอาไว้ตั้งแต่สำนักงานขายยังไม่ทันเปิดให้จอง นานๆ ทีท่านจะมาพักบ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอยู่ ชั้นนี้จึงมีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวสูงมากๆ"เดี๋ยวพาไปดูห้องนอน" คนเหม่อได้สติในตอนที่เจ้าของห้องเดินมาบอก ก่อนที่เขาจะเดินนำไปที่ห้องนอนสองห้องที่อยู่ติดกันและเดินไปหยุดอยู่ที่ประตูห้องฝั่งซ้ายมือ"เธอพักห้องนี้ ส่วนข้างๆ นั่นห้องฉัน ขาดเหลืออะไรก็บอก ไม่ต้องเกรงใจ" วรธันย์ทำตัวเป็นเจ้าของบ้านที่ดี แม้จะมีผู้มาอาศัยร่วมกันทั้งที่ไม่เคยมีมาก่อนเขาก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด"ไปอาบน้ำเถอะ แล้วออกมาทานข้าว" ร่างบางพยักหน้ารับคำ ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันเข้าห้อง ระหว่างนั้นเจ้าบ้านก็โทรสั่งอาหารไว
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 16ตากลมเหล่มองผู้ร่วมโดยสารลิฟต์หลายต่อหลายครั้งอย่างไม่เข้าใจ อีกฝ่ายเอาแต่ยืนนิ่งทำหน้าทะมึนเหมือนจะไปฆ่าใครตาย ไอเย็นที่แผ่ออกมาสร้างความกดดันในพื้นที่คับแคบอย่างห้องโดยสารลิฟต์อย่างมหาศาลจนร่างบางแทบจะหายใจไม่ออก เขากำลังโกรธอันนี้เธอแน่ใจ แต่โกรธเรื่องอะไร?...เรื่องที่เธอไปเพ่นพ่านชั้นอื่น? เธอไปเพราะเรื่องงานนะ ไม่ได้หนีเที่ยวเล่นสักหน่อยหรือจะโกรธเรื่องอื่น?แล้ว...มันเรื่องอะไรกันเล่า"คุณ...โกรธฉันหรอคะ" จนแล้วจนเล่ารินลดาก็นึกไม่ออกว่าจริงๆ แล้ววรธันย์โกรธเธอเรื่องอะไรกันแน่ เมื่อคิดไม่ออกก็เลยตัดสินใจถามออกไปเสียเลย"ฉันไปเพราะเรื่องงานนะคะ ไม่ได้หนีเที่ยว" เสียงหวานพยายามแก้ต่างเมื่อร่างสูงไม่ยอมตอบคำถามก่อนหน้า ทำเพียงปรายตามองด้วยสายตาเรียบนิ่ง ให้ตาย...เธอเคยเจอแต่ตอนที่เขาโกรธแล้วโวยวาย ไม่เคยเจอโกรธแล้วเงียบแบบนี้มาก่อน"เอ่อ...ขอโทษด้วยนะคะ ถ้าเกิดว่าทำให้คุณไม่พอใจ" พออีกฝ่ายเอาแต่นิ่งเงียบ เธอก็จนปัญญาที่จะเซ้าซี้เอาคำตอบ สุดท้ายก็เลือกที่จะเอ่ยขอโทษทั้งที่ไม่รู้ว่าผิดอะไรออกไปแทน"พี่! " "คะ? " คำแรกที่ร่างสูงกระแทกเสีย
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nบทนำ"เมื่อไหร่แกจะแต่งงานฮะเจ้าธันย์ จะให้ฉันต้องถามไปจนถึงเมื่อไหร่" ทันทีที่เห็นลูกชายเพียงคนเดียวเดินเข้าบ้านมาเสียงผู้นำครอบครัวก็ขัดจังหวะการก้าวเดินของร่างสูงนั้นให้หยุดชะงัก"แล้วเมื่อไหร่พ่อจะเลิกบังคับผมเรื่องแต่งงานสักทีครับ อยากแต่งเมื่อไหร่เดี๋ยวผมก็แต่งเองนั่นแหละ" ร่างแกร่งหยุดเผชิญหน้ากับบิดาอย่างจำใจ ใบหน้าคมที่เคยมีร่องรอยของอารมณ์สุนทรีย์เลือนหายไปตั้งแต่ได้ยินเสียงทัก เหลือไว้แต่เพียงความยุ่งเหยิง เพราะคนเป็นพ่อเอาแต่พูดเรื่องเดิมซ้ำๆ แทบจะทุกครั้งที่เห็นหน้าเขา"แล้วมันเมื่อไหร่? แม่แกจะตายวันตายพรุ่งเคยโผล่หัวไปดูบ้างมั้ย ฉันอุตส่าห์ปล่อยให้แกเลือกเมียได้ตามใจแล้วนะ อย่าให้ต้องบังคับ! ""ขู่ตลอดอ่ะ ก็ให้เวลาผมหน่อยดิ เมียดีๆ ใช่จะหาได้ง่ายๆ เสียเมื่อไหร่" วรธันย์ถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่ายเมื่อได้ยินคำขู่นับครั้งไม่ถ้วน เริ่มตั้งแต่เขาอายุย่างเข้าเลขสามจนตอนนี้สามสิบห้าปีเข้าไปแล้ว ก็นับว่าได้ยินมาตลอดห้าปี ตอนนี้เลยเบื่อที่จะฟังเต็มที"แกไม่หาเองมากกว่ามั้ง ฉันให้เวลาแกมามากพอแล้ว ภายในเดือนนี้ถ้ายังเอ้อระเหยอยู่แบบนี้ ฉันนี
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 1"คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ แต่หมอต้องขอดูอาการอย่างใกล้ชิดอีกสักวันสองวัน ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อนก็ย้ายไปห้องพักฟื้นปกติได้" เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง.. ในที่สุดคนรอก็ได้รับข่าวดีอย่างที่ใจหวัง ทำเอาเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่รีบเข้าไปยกมือไหว้คนที่ช่วยชีวิตบุคคลอันเป็นที่รักของพวกเธอเสียยกใหญ่"ขอบคุณค่ะคุณหมอ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ""คนที่พวกคุณควรขอบคุณไม่ใช่หมอหรอกครับ ขอตัวก่อนนะครับ" คุณหมอบอกก่อนยกยิ้มบางๆ ขณะมองไปที่ชายอีกคนที่ยังไม่หนีไปไหน อยู่ติดตามอาการคนป่วยจนการผ่าตัดสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีเมื่อหมดหน้าที่บุรุษชุดกาวน์ก็ขอตัวออกไป สองแม่ลูกจึงตั้งสติและพากันเดินมาหาผู้มีพระคุณด้วยความตื้นตันใจ ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกัน ค่าผ่าตัดก็ไม่ใช่ถูกๆ แต่ใครคนนั้นก็ยังยอมช่วยเหลือทุกสิ่งอย่างจนไม่รู้จะตอบแทนยังไงหมดในชาตินี้"คุณคะ.. ฉันกับลูกขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ช่วยพวกเราไว้ ทั้งที่ไม่รู้จักกันเลยแท้ๆ แต่คุณช่วยพวกเราถึงขนาดนี้ ฉันกับลูกซาบซึ้งมากจนไม่รู้จะตอบแทนยังไง มีอะไรที่พวกเราจะตอบแทนได้บ้างมั้ยคะ พวกเรายินดี" อรนภาพูดขณะยกมือไหว้ร่างสูงนั้นทั้งน้ำตานองหน้
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 2ก่อนจะถึงหกโมงเย็นตามนัดที่เจ้าของบ้านบอกไว้รินลดาก็อาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดใหม่ที่ถูกซื้อมาแขวนไว้ให้ในตู้เสื้อผ้า ตอนแรกเธอไม่ได้คิดจะหยิบออกมาใส่เลยเพราะมองแค่เผินๆ ก็พอจะเดาราคาได้ว่าต้องแพงมากแน่ๆ เลยกะจะใส่เสื้อผ้าชุดเดิมของตนที่ขนมาจากบ้าน แต่ทว่าเสื้อผ้าของเธอมีแต่ชุดธรรมดาราคาถูก อย่าว่าแต่จะใส่ไปพบหน้าว่าที่สามีเลย ให้ใส่อยู่ในส่วนไหนของบ้านหลังนี้มันก็ดูไม่ได้ทั้งนั้นสุดท้ายรินลดาก็เลยต้องจำใจหยิบชุดใหม่ที่คุณนาฏยาซื้อให้มาใส่ และเฝ้ารอใครสักคนมาเรียกด้วยความตื่นเต้นชนิดที่ว่านั่งก้นไม่ติดพื้น เทียวลุกเดินไปส่องกระจกบานใหญ่ตรงห้องแต่งตัวซ้ำแล้วซ้ำแล้ว แต่ถึงภาพที่ปรากฏอยู่ในกระจกจะเป็นที่น่าพึงพอใจแค่ไหนเธอก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ทำให้เป็นกังวลที่สุดก็คือว่าที่สามี.. ไม่รู้ว่าวรธันย์จะเป็นคนแบบไหน และเขาจะรับได้ไหมถ้ารู้ว่าเธอเป็นแค่ลูกสาวพ่อค้าแม่ค้าธรรมดาๆ เท่านั้นก๊อกๆ "คุณหญิงคะ คุณผู้หญิงให้มาตามค่ะ" เวลาหกโมงเย็นนิดๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก่อนที่น้ำเสียงสุภาพอ่อนหวานของใครสักคนจะดังตามหลังมา คน
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 16ตากลมเหล่มองผู้ร่วมโดยสารลิฟต์หลายต่อหลายครั้งอย่างไม่เข้าใจ อีกฝ่ายเอาแต่ยืนนิ่งทำหน้าทะมึนเหมือนจะไปฆ่าใครตาย ไอเย็นที่แผ่ออกมาสร้างความกดดันในพื้นที่คับแคบอย่างห้องโดยสารลิฟต์อย่างมหาศาลจนร่างบางแทบจะหายใจไม่ออก เขากำลังโกรธอันนี้เธอแน่ใจ แต่โกรธเรื่องอะไร?...เรื่องที่เธอไปเพ่นพ่านชั้นอื่น? เธอไปเพราะเรื่องงานนะ ไม่ได้หนีเที่ยวเล่นสักหน่อยหรือจะโกรธเรื่องอื่น?แล้ว...มันเรื่องอะไรกันเล่า"คุณ...โกรธฉันหรอคะ" จนแล้วจนเล่ารินลดาก็นึกไม่ออกว่าจริงๆ แล้ววรธันย์โกรธเธอเรื่องอะไรกันแน่ เมื่อคิดไม่ออกก็เลยตัดสินใจถามออกไปเสียเลย"ฉันไปเพราะเรื่องงานนะคะ ไม่ได้หนีเที่ยว" เสียงหวานพยายามแก้ต่างเมื่อร่างสูงไม่ยอมตอบคำถามก่อนหน้า ทำเพียงปรายตามองด้วยสายตาเรียบนิ่ง ให้ตาย...เธอเคยเจอแต่ตอนที่เขาโกรธแล้วโวยวาย ไม่เคยเจอโกรธแล้วเงียบแบบนี้มาก่อน"เอ่อ...ขอโทษด้วยนะคะ ถ้าเกิดว่าทำให้คุณไม่พอใจ" พออีกฝ่ายเอาแต่นิ่งเงียบ เธอก็จนปัญญาที่จะเซ้าซี้เอาคำตอบ สุดท้ายก็เลือกที่จะเอ่ยขอโทษทั้งที่ไม่รู้ว่าผิดอะไรออกไปแทน"พี่! " "คะ? " คำแรกที่ร่างสูงกระแทกเสีย
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 15ในตอนนี้...รินลดากำลังยืนเคว้งอยู่กลางห้องชุดสุดหรูของว่าที่สามีอย่างคนไม่รู้จะทำยังไงต่อไป คอนโดของท่านประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ดูเบาไม่ได้เลยจริงๆ นอกจากความกว้างขวางหรูหราแล้วยังแบ่งแยกสัดส่วนได้เหมือนกับยกบ้านทั้งหลังมาไว้ที่นี่ ความอลังการนี้ทำให้ทั้งชั้นมีเพียงสองห้องเท่านั้น อีกห้องหนึ่งเป็นของอดีตท่านประธานซึ่งก็คือคุณสุรศักดิ์ที่ทุ่มเงินซื้อเอาไว้ตั้งแต่สำนักงานขายยังไม่ทันเปิดให้จอง นานๆ ทีท่านจะมาพักบ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอยู่ ชั้นนี้จึงมีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวสูงมากๆ"เดี๋ยวพาไปดูห้องนอน" คนเหม่อได้สติในตอนที่เจ้าของห้องเดินมาบอก ก่อนที่เขาจะเดินนำไปที่ห้องนอนสองห้องที่อยู่ติดกันและเดินไปหยุดอยู่ที่ประตูห้องฝั่งซ้ายมือ"เธอพักห้องนี้ ส่วนข้างๆ นั่นห้องฉัน ขาดเหลืออะไรก็บอก ไม่ต้องเกรงใจ" วรธันย์ทำตัวเป็นเจ้าของบ้านที่ดี แม้จะมีผู้มาอาศัยร่วมกันทั้งที่ไม่เคยมีมาก่อนเขาก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด"ไปอาบน้ำเถอะ แล้วออกมาทานข้าว" ร่างบางพยักหน้ารับคำ ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันเข้าห้อง ระหว่างนั้นเจ้าบ้านก็โทรสั่งอาหารไว
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 14"หื้ม? เป็นอะไรหรือเปล่าลูก ไม่สบายหรอคะ หน้าแดงๆ " คุณหญิงนาฏยาเอ่ยถามว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงอาทรห่วงใย นึกสงสัยว่าก่อนหน้านี้ยังเห็นอีกฝ่ายดีๆ อยู่เลย แต่หลังกลับจากไปตักอาหารกับเจ้าลูกชายไหงนั่งเงียบแก้มแดงปลั่งขนาดนี้ไปเสียได้"อะ เอ่อ หนู...ร้อนน่ะค่ะ" พอถูกทักกะทันหัน ใครคนนั้นก็ลนลานเลิกลั่ก กอปรกับยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไม่มีอยู่จริงอย่างมีพิรุธคนฟังหรี่ตาจับผิดตามสัญชาตญาณแต่ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ เพียงเหลือบตามองลูกชายที่ดูจะมีบรรยากาศรอบๆ ตัวเปลี่ยนไปเล็กน้อย ริมฝีปากหยักคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มแปลกๆ หรือว่า...ระหว่างที่หายไปด้วยกันจะมีอะไรเกิดขึ้น?"แม่ว่าแอร์ก็เย็นอยู่นะ เอ...หรือว่าเป็นอาการคนเขิน พี่ธันย์ทำหรือพูดอะไรให้เขินหรือเปล่าจ๊ะเนี่ย" คำถามลอยๆ เหมือนคนรู้ทันทำคนฟังลมหายใจสะดุด คล้ายคนทำผิดกำลังจะถูกจับได้ เพียงแต่เธอไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเสียหน่อย ก็แค่รู้สึกหน้าร้อนแปลกๆ ตอนได้ยินร่างสูงแทนตัวเองว่า 'พี่' ก็เท่านั้น...คนถูกไล่ต้อนมัวแต่อ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบอะไร กระทั่งมีคนรู้จักมาชวนว่าที่แม่สามีไปทักทายเพื่อนๆ กลุ่มใหม่แล้ว
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 13ตั้งแต่แยกกันที่ร้านอาหารเมื่อวานรินลดาก็ไม่ได้เจอกับวรธันย์อีกเลยจนถึงตอนนี้ เขาไม่ได้กลับมานอนบ้านและเธอก็ได้ลุงพรเป็นสารถีขับรถรับส่งในวันนี้ เธอไม่คิดถามใครและก็ไม่มีใครบอกว่าเขาไปไหน ติดธุระอะไร ได้แต่เก็บความสงสัยและไม่พอใจลึกๆ เอาไว้ในใจ..."พี่ธันย์เขามีประชุมตั้งแต่เช้าตลอดทั้งวัน แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะจ๊ะ พี่เขากลับมาทันแน่นอน" คล้ายว่าแม่สามีจะรู้อะไรแม้กระทั่งความคิดตน จู่ๆ ท่านก็พูดขึ้นมาในตอนที่กำลังนั่งเฉิดฉายให้ช่างแต่งหน้าส่วนตัวสะบัดแปรงไปมาทั่วใบหน้า คนฟังเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายผ่านกระจกบานใหญ่ ไม่ได้ตอบอะไร เพียงยิ้มบางและพยักหน้ารับรู้เท่านั้นใช้เวลาร่วมชั่วโมงคุณหญิงก็แต่งหน้าทำผมเสร็จ ลุคสวยเปรี้ยวไม่เกรงใจอายุทำร่างบางจ้องมองอย่างตื่นเต้น ดูท่างานที่ไปจะไม่ธรรมดาจริงๆ เธอถึงมีโอกาสได้เห็นแม่สามีในลุคที่ฉีกจากเดิมออกไปไกลเสียขนาดนี้"จินนี่...เอาให้สวยที่สุดในงาน! " คำสั่งเฉียบขาดที่ถ่ายทอดไปยังช่างประจำตัวทำรินลดารู้สึกเสียวสันหลังพิกล..."ไม่มีปัญหาค่ะคุณแม่ จินนี่เอาประสบการณ์กว่ายี่สิบปีเป็นประกัน! น้องหญิงจะต้องสว
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 12"นี่มันหมายความว่ายังไงคะธันย์ ไหนบอกจะช่วยกันกำจัดนังนั่นไงคะ คุณไปทำดีกับมันทำไม! ? " ความสัมพันธ์ของวรธันย์และรินลดาเริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น และคนที่คอยจับตามองความเคลื่อนไหวของคนทั้งคู่มีหรือที่จะไม่รู้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้าง วันนี้ถึงได้บุกมาหาเขาที่บริษัทตั้งแต่เช้า และใช่...เลขาเขาหยุดพายุลูกนี้ไม่ได้อีกครั้ง"ผมมีวิธีของผม การรวมหัวกันรุมรังแกอีกฝ่ายแบบนั้นไม่ใช่เรื่องดี" ปากกายี่ห้อดังยังคงถูกมือแกร่งจับตวัดไปมาบนเอกสารสำคัญ เช่นเดียวกับดวงตาคมกริบที่ยังคงเพ่งสมาธิไปที่มันมากกว่าคู่สนทนา นั่นยิ่งทำให้เกวลินเดือดดาลกว่าที่เป็น"วิธีอะไรของคุณ เกวไม่เห็นว่าคุณจะทำอะไรตรงไหน ตรงข้าม! คุณพามันไปกินข้าวซื้อแหวน ไม่ใช่ว่าหลงมารยามันแล้วหรือไงคะ! ? " เกวลินนับเป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญน้อยเมื่อเทียบกับคนอื่นที่เขาเคยมีสัมพันธ์มา แต่วันนี้หล่อนทำให้เขารู้แล้วว่าหล่อนไม่ได้ต่างไปจากคนอื่นเลยสักนิด"เกวลิน...คุณมีสิทธิ์ก้าวก่ายเรื่องของผมมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถ้ายังพูดไม่รู้เรื่องอยู่แบบนี้ก็เชิญที่ประตู ผมจะทำงาน" ด้วยเป็นคนใจร้อน
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 11"พวกแก~ คุณธันนนนนย์!! " เสียงวีดว้ายของนักศึกษาหญิงกลุ่มที่เดินอยู่ข้างหน้าซึ่งก็ได้แก่สามสาว ฟิล์ม บีและต้นอ้อดังขึ้นเรียกความสนใจของนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจโดยเฉพาะสาขาการบัญชีที่เพิ่งได้เวลาเลิกเรียนพอดี ร่างบางที่เดินตามหลังมาหูผึ่งเล็กน้อยตอนได้ยินชื่อใครสักคนที่เหมือนกับว่าที่สามี ก่อนจะสะดุ้งเล็กๆ เมื่อสามสาวหันกลับมาจ้องหน้าด้วยแววตาอิจฉาระคนหมั่นไส้สาเหตุเป็นเพราะร่างสูงโปร่งของใครบางคนที่กำลังยืนทำเท่...สองมือล้วงกระเป๋ากางเกง เอนกายพิงสปอร์ตคาร์สุดหรูรออยู่หน้าตึกคณะฯ ดวงหน้าคมเข้มแม้เรียบนิ่งแต่หล่อเหลาจนคนเดินผ่านเหลียวหลังกลับมามองตามคอแทบเคล็ด ไม่ต้องเดาก็มองออกว่าคงมารอใครสักคน แต่ใครกันล่ะที่เป็นผู้โชคดีคนนั้น..."ไอ้หญิง! รีบๆ เดินเข้าสิ คุณเขามารอนานแล้วนะ! " สามสาวแหวกทางให้รินลดาเดินผ่านและพร้อมใจกันดันแผ่นหลังบางไปข้างหน้าอย่างเร่งเร้า อยากถามเหมือนกันว่ารู้ได้ยังไงว่าเขามารอนานแล้ว เขาอาจจะเพิ่งมาถึงก็ได้ไหม...แต่ก็ได้แค่คิด ไม่ได้พูดออกไปให้ถูกมองแรงใส่แต่อย่างใด...พอถูกสามสาวผลักดันให้เดินเข้าไปหาร่างสูงอย่างออก
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 10วรธันย์กลับเข้าบ้านมาในตอนสี่ทุ่มครึ่ง ร่างกายหนักอึ้งมีอาการมึนเมาเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับไร้สติ เวลานี้ภายในบ้านเงียบสงัดเนื่องจากทุกคนคงจะเข้านอนกันหมดแล้ว มีเพียงเขาที่จิตใจยังคงกระสับกระส่ายร้อนรุ่มจนยากจะข่มตาหลับ เป็นเหตุให้ฝืนอาการมึนๆ ขับรถจากคอนโดกลับมาบ้าน ไม่รู้เหมือนกันว่ามาในเวลานี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อทุกคนต่างเข้านอนกันหมด รู้เพียงว่าทนอยู่ไม่ได้...ความรู้สึกผิดและเสียใจมันอัดแน่นอยู่เต็มอก ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างไม่มีทางที่เขาจะข่มตาหลับได้แน่ตั้งใจจะกลับมาขอโทษมารดาแต่ก็ดึกเกินกว่าจะกล้าเคาะประตูเรียกเลยเอาแต่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าประตูห้องนอนของอีกฝ่าย ถามว่าทำไมไม่รีบกลับมาตั้งแต่หัววัน ยืดอกสามศอกยอมรับตรงๆ เลยว่าไม่กล้า...ความผิดครั้งนี้ร้ายแรงจนเขาไม่อาจสู้หน้าบุพการี แม้จะระหองระแหงเรื่องแต่งงานกันมาตลอด แต่ไม่มีครั้งไหนที่เขากับพ่อแม่จะทะเลาะกันรุนแรงเท่าครั้งนี้มาก่อน เขาไม่เคยทำให้แม่ร้องไห้และไม่เคยทำให้พ่อโกรธถึงขั้นกล้าตัดความสัมพันธ์ ลูกชายเพียงคนเดียวที่เคยเป็นความหวังในทุกๆ เรื่องของพวกเขา มาวันนี้กลับถูกตั
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 9พอพ้นหน้าโรงแรมหรูออกมารินลดาก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา เมื่อพบว่ายังไม่ดึกเท่าไรก็คิดหาทางกลับบ้าน แท็กซี่นั้นเธอตัดทิ้งไปเป็นอย่างแรกเพราะมีประสบการณ์ไม่ค่อยจะดีด้วย แต่ชุดแบบนี้ให้ไปยืนโหนรถเมล์แบบแอร์ธรรมชาติร้อนๆ บวกควันรถก็ดูจะไม่เหมาะสักเท่าไร ถ้ารถเมล์แอร์เย็นๆ ก็คงพอได้อยู่ ถึงจะไม่ได้มีที่ให้นั่งในเวลารีบเร่งแบบนี้ก็ไม่เป็นไรคิดได้แบบนั้นดวงตาคู่กลมก็สอดส่องหาป้ายรถเมล์ แต่ก็ไม่พบในระยะสายตามองเห็นเลยตัดสินใจออกเดินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพบ ซึ่งก็กินเวลาไปหลายนาทีและอากาศก็ร้อนจนเหงื่อซึม ยืนรอสักพักรถเมล์ปรับอากาศสายที่ต้องการขึ้นก็ผ่านมา แม้ผู้คนจะเบียดเสียดเนื่องจากเยื้อแย่งกันกลับบ้าน แต่ไม่เป็นปัญหาเลยสำหรับร่างบางที่ใช้บริการขนส่งสาธารณะอยู่เป็นประจำใช้เวลาสักพักใหญ่ๆ เนื่องจากการจราจรติดขัด ในที่สุดรินลดาก็กลับมาถึงบ้านอินทรเกษมกุล ท่ามกลางความแปลกใจระคนตกใจของคุณหญิงนาฏยาที่ยังไม่เข้านอนเพราะรอติดตามสถานการณ์ของลูกชายกับว่าที่ลูกสะใภ้อยู่ทุกขณะ แต่นอกจากจะกลับไวและไม่ได้ยินเสียงรถยนต์ของเจ้าลูกชายแล้วยังเห็นแค่ลูกสะใภ้เดินเข้
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 8ตากลมมองตามแผ่นหลังของสามีในอนาคตอันใกล้ที่เดินไปสวมกอดผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่ไว้หน้า ทั้งคู่ยิ้มให้กันหวานชื่นก่อนที่ฝ่ายหญิงนั้นจะเหยียดสายตามองมาที่เธออย่างผู้กำชัยชนะ รินลดาพยายามข่มอารมณ์ทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สากับอะไรทั้งนั้นก่อนจะเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับคนทั้งสองวรธันย์แสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการขยับเก้าอี้ให้ผู้หญิงคนนั้นนั่งในขณะที่ร่างบางต้องช่วยเหลือตัวเอง พวกเขาแสดงออกชัดว่าเธอเป็นเพียงส่วนเกิน เธอเข้าใจและไม่ถือสาแม้จะเห็นรอยยิ้มและสายตาเยาะเย้ยของผู้หญิงคนนั้นส่งมาอย่างออกนอกหน้าก็ตาม"นี่เกวลินเป็นคนรักของฉัน" ร่างสูงแนะนำคนข้างกายอย่างไม่ทุกข์ร้อน ดูจะจงใจเน้นย้ำสถานะของอีกฝ่ายให้เธอฟังเสียยิ่งกว่าอะไร"สวัสดีค่ะ" เสียงหวานเอ่ยทักทายเรียบๆ ไม่ได้แนะนำตัวเองเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงจะรู้จักเธอแล้วไม่มากก็น้อย ไม่อย่างนั้นวรธันย์คงแนะนำเธอกลับไปบ้างแล้ว"สวัสดีค่ะ คงไม่ว่าอะไรนะคะถ้าฉันจะขอนั่งด้วย" อีกฝ่ายแย้มยิ้มหวานหยด แกล้งถามด้วยความเกรงอกเกรงใจ ที่มองออกไม่ใช่ว่ารินลดามองคนเป็นแต่หล่อนไม่ได้ปกปิดตัวตนของตัวเองมาตั้งแรกแล้วต่างหา