“ไอ้ชมพู!!!”
“ห๊ะ.....”
“เหม่ออะไร พวกฉันเรียกตั้งหลายรอบ” พศินถามเสียงดัง
“โทษที พยายามคิดถึงเรื่องเมื่อคืน แต่จำไม่ค่อยได้”
“เอาน่า ช่างมันเถอะ คิดซะว่ามันคือประสบการณ์ครั้งแรก” ปรางค์วลัยพูดปลอบใจ
“ฉันก็ไม่ได้คิดมากนะ เพียงแต่ฉันจำไม่ได้ว่าเกิดขึ้นได้ยังไง” ชมพูแพรบอกเพื่อนพลางขมวดคิ้วที่ตัวเองนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
“ไม่โดนหลอกไปขายก็ดีแค่ไหนแล้วแม่คุณ รอยดูดทั่วตัวขนาดนั้น” พศินมองแวบเดียวก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา เมื่อดูจากร่องรอยบนเนื้อตัวของชมพูแพร
“พอๆ แล้ววันนี้กลับคอนโดเลยไหม” ปรางค์วลัยปรามห้ามทัพ
“ยัง ว่าจะไปโรงพยาบาลก่อน ฉันมีอาการหายใจไม่ค่อยออกอีกแล้ว”
“โอเค งั้นก็เดินทางดีๆ กลับถึงบ้านแล้วบอกด้วย”
ชมพูแพรพยักหน้ารับ เมื่อปรางค์วลัยบอกกำชับเธอ ก่อนที่พวกเธอจะแยกย้ายกันหลังเวลาเลิกงาน
ชมพูแพรเดินทางมาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโดมาก เธอเป็นภูมิแพ้ เวลาที่หายใจเอาไอฝุ่นมากๆ ก็จะมีอาการหายใจติดขัดหรือ ไอจามอยู่หลายวัน หนักเข้าก็จะมีน้ำมูกและเสมหะ พอรู้ตัวว่าถ้าปล่อยเอาไว้นานเธอจะเป็นหนัก เมื่อมีอาการเธอก็จะรีบมาหาหมอก่อนทุกครั้ง
“สวัสดีค่ะ มีอาการยังไงมาคะ” เจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์สอบถามอาการหญิงสาวเมื่อเธอเดินเข้าไปนั่ง
หลังจากที่หญิงสาวทำประวัติเสร็จแล้วก็ถูกส่งไปยังห้องตรวจ เธอนั่งรอเงียบๆ จนกระทั่งพยาบาลเรียกชื่อก็ลุกเดินตามเข้าไปในห้องตรวจอย่างคนเคยชินกับการมาหาหมอเป็นประจำ
“เป็นอะไรมาครับ…..” เสียงทุ้มพูดนุ่มนวลก่อนจะเงยหน้ามองคนไข้แล้วก็ชะงักไป
“หายใจติดขัดค่ะ” ชมพูแพรตอบอย่างไม่ได้คิดอะไร เธอนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับคุณหมอหนุ่ม แล้วรอเขาสอบถามอาการหมดเช่นทุกครั้ง
“พอดีคุณหมอทั่วไปวันนี้ไม่เข้าหลายท่าน หมอปอดเลยลงมาอยู่เวรแทนค่ะ” พยาบาลสาวบอกชมพูแพรด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“อ๋อ ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
ชยกรอ่านอาการของหญิงสาวแล้วก็เปิดแฟ้มประวัติของเธอดู เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะบอกให้พยาบาลช่วยปิดประตูห้องตรวจให้
“หมอขอฟังเสียงปอดหน่อยนะ” เขาบอกเธอหลังจากวางปากกา
“เอ่อ ค่ะ” ชมพูแพรมีอาการกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ซึ่งเขาก็พอเดาได้ว่าเพราะอะไร
ชยกรเลื่อนเก้าอี้เข้าไปใกล้ร่างเล็ก หยิบสเต็ทโตสโคปขึ้นมาวางแนบไปที่หน้าอกของหญิงสาว ก่อนที่พยาบาลจะเข้ามาช่วยจับเสื้อของเธอยกขึ้น แล้วเขาก็วางแนบไปยังจุดต่างๆ เพื่อฟังเสียงปอดของหญิงสาว ก่อนที่จะพยักหน้าแล้วพยาบาลก็ปิดเสื้อลง
“คุณเคยเทสไหม ว่าแพ้อะไรบ้าง”
“ยังค่ะ”
“หาเวลาเข้ามาเทสหน่อยนะ จากอาการเหมือนว่าจะไม่ได้แพ้แค่ฝุ่น วันนี้เดี๋ยวผมสั่งจ่ายยาแก้แพ้ให้ แล้วก็ยาละลายเสมหะ”
“ค่ะ”
“เรียบร้อยแล้วนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
หลังจากหญิงสาวลุกขึ้นก็หยิบกระเป๋าขึ้นสะพายข้าง แล้วหันหลังเดินออกจากห้องไป โดยไม่ได้เอะใจเลยสักนิดว่าคุณหมอหนุ่มที่เธอหันหลังให้มองตามเธอจนลับตา
“คุณหมอรู้จักคนไข้คนเมื่อสักครู่เหรอคะ”
“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะครับ”
“ก็ปกติคุณหมอไม่เคยแทนตัวกับคนไข้ว่าผมหรือคุณเลยนี่คะ”
“งั้นเหรอครับ วันนี้มีอะไรอีกไหมครับ”
“ไม่มีแล้วค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมกลับก่อน แล้วถ้ามีอะไรฉุกเฉินก็โทรไปได้เลยนะ”
“ค่ะ สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ”
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ดวงตาคมมองไปเห็นอะไรบางอย่างหล่นอยู่ที่พื้นก็ก้มลงหยิบแล้วเดินออกจากห้องไป
หลังจากออกจากโรงพยาบาล ชมพูแพรก็ตรงกลับที่พักเลย ตอนนี้เธอพักอยู่คอนโดคนเดียว เป็นคอนโดที่พ่อแม่ของเธอซื้อให้เพราะต้องการให้เธออยู่ใกล้ที่ทำงาน จะได้ไม่ต้องเดินทางไปกลับไกลๆ
เมื่อกลับมาถึงที่คอนโด หญิงสาวก็จัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย ก่อนที่จะออกมากดโทรศัพท์เพื่อสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันดัง แล้วนั่งดูซีรี่ส์รออยู่เงียบๆ จนกระทั่งอาหารมาถึง เธอจึงลงไปรับที่หน้าคอนโด แล้วกลับมายืนรอลิฟต์เพื่อจะกลับขึ้นมาชั้นบน เมื่อลิฟต์เปิดก็เดินเข้าไป โดยไม่รู้เลยว่าหลังจากที่ประตูลิฟต์ปิด ก็มีร่างสูงเดินเข้ามาหยุดยืนรอลิฟต์พอดี
หลายชั่วโมงผ่านไป หลังจากที่กินมื้อเย็นเสร็จ แล้วอาบน้ำอีกครั้งเพื่อเตรียมตัวเข้านอน ชมพูแพรก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถือ ตั้งใจจะเดินกลับเข้าห้องนอน ก็ต้องสะดุ้งเมื่อโทรศัพท์ที่อยู่ในมือแผดเสียงดังลั่น
“ฮัลโหล” คิ้วเรียวสวยขมวดเล็กน้อยเมื่อเบอร์ที่โชว์เป็นเบอร์ที่เธอไม่รู้จัก
“ทำไมคุณไม่ติดต่อผมมา” เสียงนุ่มที่ติดจะกระชากเล็กน้อยเพราะความไม่พอใจ
“.....ใครคะ”
“ลืมผัวตัวเองเหรอ”
“.....เฮ้ย คุณเองเหรอ”
“อือ”
“เอาเบอร์ฉันมาจากไหน”
“ผมหามาได้ก็แล้วกัน แล้วทำไมไม่ติดต่อผมมา”
“ก็ยุ่งๆ แล้วก็คิดว่าไม่จำเป็นด้วยอะ” ชมพูแพรพูดเสียงอ่อย
“นี่คุณ ไม่คิดจะเสียดายครั้งแรกของตัวเองหน่อยเหรอ”
“ก็ไม่นะ”
“.....” ชยกรอึ้ง เขาถอนหายใจเสียงดังจนหญิงสาวได้ยิน
“ว่าแต่มีอะไรคะ”
“คุณทำอะไรหาย ไม่สังเกตเลยเหรอ”
“ก็ไม่มีนะ”
“.....บัตรประชาชนคุณอยู่ที่ผม”
“จะไปอยู่ที่คุณได้ยังไง เมื่อเย็นฉันยังใช้อยู่เลย.....อ๊ะ แป๊บนะ”
ชมพูแพรเถียงก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าเธอไปโรงพยาบาลมา และไม่แน่ใจว่าได้เก็บบัตรประชาชนลงในกระเป๋าหรือยัง หญิงสาวรีบเดินไปหยิบกระเป๋าเงินที่ยังไม่ได้เก็บเข้ากระเป๋าสะพายมาเปิดดู และก็จริงเหมือนที่เขาบอก มันไม่ได้อยู่ในกระเป๋าของเธอ
“เอ่อ อยู่ที่คุณจริงเหรอ อยู่ได้ยังไง”
“แล้ววันนี้คุณไปไหนมา”
“ไปโรงพยาบาล”
“อืม”
“.....”
“มาหาผมที่ผับ เข้าไปที่บาร์ บอกบาเทนเดอร์ว่ามาหาผม พวกเขาจะให้คนพาคุณขึ้นมาที่ห้องทำงานผม”
“เดี๋ยวสิคุณ ฉันไม่รู้ชื่อคุณนะ”
“.....ผมชื่อหนึ่ง แล้วเจอกัน คุณชมพูแพร”
หญิงสาวหันหน้าจอโทรศัพท์มาดูแล้วก็ทำหน้าตาเหลอหลา สรุปว่าเธอต้องไปใช่ไหม เท้าเล็กก้าวไปยืนหน้ากระจกบานใหญ่ที่หน้าตู้เสื้อผ้าในห้องนอน ดวงตากลมโตมองสภาพของตัวเองที่พร้อมนอนก็ถอนหายใจ มองหากางเกงยีนขาสั้นสีขาวแล้วหยิบขึ้นมาสวม ก่อนจะมองไปที่เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่สีดำที่เธอใส่กลับมาเมื่อเช้า ตอนนี้มันได้รับการซักตากไว้จนแห้ง เธอเพิ่งเก็บเข้ามาเมื่อตอนกลับมาถึงห้อง ใบหน้าหวานมองเงาสะท้อนในกระจก หยิบเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่สีดำขึ้นมาสวม ก่อนจะมัดผมขึ้นเป็นหางม้าแล้วเดินออกมาจากห้องนอน คว้ากระเป๋าสะพาย กระเป๋าเงิน และโทรศัพท์เดินออกจากห้องไป
“สวัสดีค่ะ มาหาคุณหนึ่งค่ะ” เสียงหวานใสเอ่ยเมื่อมาถึงที่หน้าบาร์
บาร์เทนเดอร์หนุ่มที่ได้รับคำสั่งจากเจ้านายเอาไว้อยู่แล้วพยักหน้ารับแล้ววอร์เรียกผู้จัดการให้มาทำหน้าที่พาหญิงสาวขึ้นไป
“รอสักครู่นะครับ” ชายหนุ่มบอกเธอก่อนจะยิ้มให้ รอจนเมื่อผู้จัดการของผับเดินเข้ามา เขาถึงกลับไปทำหน้าที่ของเขาต่อ
“เดี๋ยวผมพาไปส่งครับ คุณหนึ่งบอกให้คุณขึ้นไปที่ชั้น 2 ใช่ไหมครับ”
“ค่ะ เขาบอกให้ขึ้นไปชั้น 2 ค่ะ”
“ครับ งั้นตามผมมาเลยครับ”
ชมพูแพรเดินตามชายคนดังกล่าวที่เป็นผู้จัดการของผับไปเงียบๆ หญิงสาวกลายเป็นจุดสนใจของหลายคนเพราะเธอเดินขึ้นบันไดไปยังชั้น 2 ซึ่งขาประจำจะรู้กันดีว่าเป็นชั้นของเจ้าของผับ มันมีทั้งห้องทำงานและห้องส่วนตัวอยู่บนชั้นนี้
ก๊อก ก๊อก
“เชิญ”
“พามาส่งแล้วครับ”
หลังจากประตูถูกเปิด ก็ปรากฏร่างเล็กที่เดินตามชายหนุ่มผู้จัดการผับเข้ามาด้านใน เขารายงานกับเจ้านายหนุ่ม ก่อนจะเดินออกไปเงียบๆ ปล่อยให้ชมพูแพรอยู่กับชยกรตามลำพัง
“นั่งก่อนสิ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันมาเอาบัตรประชาชนคืน”
“จะเอาคืนไปง่ายๆ ได้ยังไงล่ะคุณ ผมอุตส่าห์เก็บมาให้นะ”
“ว่าแต่คุณไปเจอได้ยังไง ฉันไม่ได้ไปไหนนอกจากโรงพยาบาลนะ”
“ก็ที่โรงพยาบาลนั่นแหละ คุณทำหล่นเอาไว้ในห้องตรวจ”
“ห้องตรวจ.....?” เสียงหวานใสทวนคำพูดเขาก่อนจะพยายามนึก
“อือ”
“.....คุณ.....หมอ เหรอ”
“อือ หัวไวดีนี่ ถึงจะเซ่อซ่าไปหน่อยก็เถอะ”
“จริงดิ”
“แล้วทำไมถึงคิดว่าไม่จริง”
“ก็ ฉันเจอคุณที่ผับ”
“แล้วหมอเที่ยวไม่ได้เหรอ”
“คุณมาเที่ยวเหรอ”
“เปล่า มาทำงาน ผมเป็นเจ้าของที่นี่”
“หา.....”
“เห้อ ไปเถอะ ลงไปหาอะไรดื่มกันหน่อย”
ร่างสูงที่นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงานลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินออกมาดึงให้หญิงสาวที่ยืนงงอยู่ให้เดินตามเขาออกจากห้องไป
“เอาเหมือนเดิม” เจ้าของเสียงนุ่มสั่งลูกน้องหลังจากนั่งลงที่เก้าอี้ตัวสูงหน้าเคาน์เตอร์
“ครับ แล้วคุณผู้หญิงรับอะไรดีครับ”
“ขอค็อกเทลเบาๆ ก็พอค่ะ”
“รับทราบครับ”
หญิงสาวนั่งมองนั่นมองนี่ไปเรื่อยๆ บรรยากาศสนุกสนาน เสียงเพลงที่อยู่ในช่วงเวลาเพลงซึ้งเพื่อพักขาของเหล่านักเต้น ทำให้บรรยากาศดูไม่พลุกพล่าน
“ได้แล้วครับ แล้ววันนี้นายค้างคืนไหมครับ หรือกลับเลย”
“น่าจะกลับ พาเขาไปส่ง” ดวงตาคมมองไปที่ร่างเล็กเป็นเชิงบอก ก่อนที่เขาจะยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบ
“แล้วมีคนขึ้นไปเคลียร์บนห้องหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วครับ แล้วชุดสีขาวให้ทำยังไงครับ”
“นี่ ชุดจะเอาไหม หรือจะให้ทิ้งไปเลย” ชยกรหันไปถามคนข้างๆ ที่นั่งมองนั่นมองนี่หลังจากลูกน้องถาม
“ชุดฉันเหรอ”
“ชุดสีขาวเมื่อวาน”
“อ๋อ ทิ้งไปก็ได้ มันไม่น่าจะซักออก”
“ตามนั้นแหละ”
เมื่อได้คำตอบจากหญิงสาว ชยกรก็พยักหน้ากับลูกน้อง เขานั่งคุยกับลูกน้องเบาๆ ปล่อยให้ชมพูแพรนั่งมองนั่นมองนี่พร้อมกับจิบเครื่องดื่มไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกที หญิงสาวตัวเล็กข้างๆ ก็เมาจากการดื่มไปหลายแก้ว
“กลับได้แล้วคุณ”“ดึกแล้วเหรอ”“เปล่า คุณเมาแล้ว”“เหรอ”“อือ กลับก็ได้”ใบหน้าหล่อเหลาส่ายเบาๆ ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยระวังตัวเลย เพราะแบบนี้ถึงถูกเขาหลอกขึ้นห้องไปได้ง่ายๆ สงสัยเขาคงต้องคอยตามเฝ้าไม่ให้แอบไปไหนคนเดียว ไม่อย่างนั้นคงได้โดนใครหลอกไปอีกชมพูแพรถูกร่างสูงกึ่งลากกึ่งจูงออกมาจากผับไปที่รถ หญิงสาวบ่นเล็กน้อยเมื่อถูกเขาจับยัดใส่รถ ก่อนที่เขาจะกลับไปฝั่งคนขับแล้วเคลื่อนตัวออกไป“บ้านคุณอยู่ที่ไหน”“ฉันอยู่คอนโด แถวนี้แหละ”“ชื่อ”“.....” หญิงสาวบอกชื่อคอนโดที่เธออยู่เสียงอ้อแอ้ ก่อนจะปรับเบาะนอนลง“พูดจริง”“อือ”“บังเอิญไปหรือเปล่าเนี่ย” ชยกรพึมพำเบาๆ อย่างแปลกใจ แต่เมื่อหันไปมองคนข้างๆ ก็เห็นว่าเธอหลับไปแล้ว จึงหันมาตั้งสมาธิในการมองทาง เพราะเขาเองก็ดื่มไปนิดหน่อยเช่นกัน“คุณ อยู่ชั้นไหน”“ชั้น 19”“แปลก อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น”ร่างสูงที่เริ่มหงุดหงิดที่คนตัวเล็กยืนเอียงไปเอียงมาจึงอุ้มหญิงสาวขึ้น รอจนลิฟต์มาจอดที่ชั้น 19 ก็เดินออกมา“ห้องไหน”“ริมสุด ฝั่งขวา รหัสคือเลข 6 ตัวท้ายบัตรประชาชน” ชมพูแพรบอกเขาระหว่างที่ยังเอียงศีรษะซบกับบ่ากว้างเมื่อกดรหัสเข้าห้องเรียบร้อย ชยกรก็อุ้
‘พี่ไปทำงานก่อนนะชมพู เจอกันตอนเย็นครับ รหัสห้องพี่เปลี่ยนไปใช้รหัสเดียวกับชมพูแล้ว เผื่ออยากเข้าไปสำรวจอะไรก็เข้าไปได้เลยนะ อย่าซนล่ะ’“เดี๋ยวนะ ทำไมทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะเนี่ย”เสียงหวานใสพึมพำเบาๆ หลังจากที่เธอเห็นกระดาษที่ชยกรเขียนข้อความแปะเอาไว้ที่ประตูห้องนอน เมื่อเธอตื่นแล้วจะเปิดประตูออกไปก็จะเจอข้อความของเขาก่อนเป็นอย่างแรกหญิงสาวออกจากห้องนอนมาก็เจออาหารเช้าที่เขาซื้อเอาไว้ให้วางอยู่บนโต๊ะ พร้อมด้วยกุญแจสำรองของห้องเขากับกุญแจรถวางอยู่คู่กัน ชมพูแพรมองแล้วอมยิ้ม ทำเหมือนเธอจะหนีเที่ยงอย่างนั้นแหละ เตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้พร้อมเลยถ้วยจานที่เก็บอยู่ในชั้นวางถูกหยิบออกมาที่โต๊ะ มือเล็กแกะอาหารที่เขาซื้อเอาไว้ให้เทใส่จานแล้วนั่งลงจัดการเงียบๆ ก่อนจะกดรับสายเมื่อมีสายเรียกเข้าดังมาจากโทรศัพท์“ไง”‘ตื่นเช้าจังวะ แล้วนี่กินอะไรเนี่ย’“มื้อเช้า คุณหมอเขาเตรียมเอาไว้ให้”‘ต๊าย ดูแลดีดั่งเมียแต่ง’“พูดมากน่า ว่าแต่มีอะไร”‘โทรมาเช็กดูเฉยๆ ว่ายังอยู่ดีไหม หรือตายคาเตียงไปแล้ว’“ยัยบ้า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นย่ะ แถมเมื่อคืนต้องบึ่งไปโรงพยาบาลเพราะมีเคสผ่าตัดด่วนอีกต่างหาก ต
ชมพูแพรนั่งเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ จนเริ่มง่วง เพราะเมื่อคืนเธอตื่นมาโรงพยาบาลเป็นเพื่อนเขา หญิงสาวมองประตูห้องนอนอย่างชั่งใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่เธอเพิ่งวางลงบนโต๊ะ แล้วลุกออกจากโซฟา เดินหายเข้าไปในห้องหลังจากประชุมเรื่องงบประมาณของแต่ละแผนกอยู่หลายชั่วโมง ชยกรก็กลับมาที่ห้องทำงานด้วยสีหน้าเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาคมมองหาร่างเล็กก่อนจะไปสะดุดตากับกระเป๋าที่วางอยู่บนโต๊ะ จึงเดินไปเปิดประตูห้องนอนแล้วก็พบว่าหญิงสาวกำลังหลับสนิทอยู่บนเตียงเขาปิดประตูห้องนอนเอาไว้ตามเดิมแล้วกลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน แล้วเริ่มเคลียร์งานบนโต๊ะต่อ โดยมีผู้ช่วยส่วนตัวนำแฟ้มเอกสารมาวางไว้ให้บนโต๊ะ“กลับบ้านกัน จะแวะไปหาอะไรกินก่อนไหม” ชยกรถามหลังปิดคอมพิวเตอร์แล้วลุกออกจากโต๊ะ“แล้วแต่เลยค่ะ” หญิงสาววางหนังสือในมือลงแล้วขยับตัวลุกขึ้นตามเขา“จะเอาไปอ่านที่บ้านไหม”“ไม่เป็นไรค่ะ”“งั้นก็หาอะไรคั่นไว้ ถ้ามาวันไหนก็ค่อยมาอ่าน”“ค่ะ พรุ่งนี้หยุดไหมคะ”“อื้อ หยุด จะไปไหนล่ะ”“ไปผับกันค่ะ ชวนยัยพินนี่กับการ์ตูนไปด้วย”“สองสาวนั่นน่ะเหรอ”“ค่ะ”“ตามใจ งั้นกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านก่อนแล้วกัน”ชมพูแพรยิ้มหวานอ
“อ้าว 2 สาวล่ะครับ” ชยกรกลับมาจากสูบบุหรี่ไม่เห็นชมพูแพรก็มีสีหน้าไม่พอใจ“นู่นค่ะ” ปรางค์วลัยชี้ไปที่เพื่อนสาวทั้งสองคนที่เต้นกันอย่างสนุกสนาน“ไอ้หมอ” เมฆาที่เพิ่งมาถึงเดินเข้ามาตบบ่าชยกรเป็นการบอกว่าเขามา“อะไรไอ้หมอ” เขาย้อนเพื่อนพร้อมกับมองไปที่หญิงสาวตัวเล็กตาวาว“จะมาไม่บอกเพื่อนนะมึง” เมฆาที่มัวแต่คุยไม่ทันได้หันไปมองรอบข้าง“คำสั่งเมีย” ชยกรบอกเสียงเรียบ“กูล่ะหมั่นไส้คนหลงเมีย” เมฆาแขวะเพื่อนด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะมองไปที่โซฟาก็เห็นว่าปรางค์วลัยนั่งอยู่ ก็หน้าเหวอไป“ไง” ปรางค์วลัยทักเมฆาสีหน้าเรียบเฉย“เฮ้ย ยัยปลาการ์ตูน มาได้ยังไง” เมฆาที่เห็นปรางค์วลัยก็โวยวาย“ฉันมากับเพื่อนฉันเหอะน่า”“เดี๋ยวนะ สองคนนี้รู้จักกันเหรอ” ชยกรถามเมื่อได้ยินทั้งสองคนคุยกัน“พี่ชายข้างบ้านค่ะ แต่ไม่ได้นับถือเป็นพี่ เพราะมันมั่วผู้หญิง” ปรางค์วลัยบอกชยกรแล้วยิ้มให้“ยัยปากจัด” เมฆาแขวะปรางค์วลัย แต่หญิงสาวก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้“อย่าฆ่ากันตายล่ะ เดี๋ยวมา” ชยกรหมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้เมฆากับปรางค์วลัยเถียงกันอยู่แบบนั้นทางด้านชมพูแพรกับพศินที่ออกมาเต้นกันอย่างสนุกสนานก็ไม่ได้สนใจว่าใครจะเข้ามาใก
“อ๊ะ.....” เสียงหวานใสอุทานตกใจ มือเล็กจับบ่ากว้างเอาไว้อย่างลืมตัว“บางทีเรื่องพวกนี้ใช้สัญชาตญาณก็ได้นะ อย่าไปเกร็งหรือกลัวมันเลย” เขาพึมพำเสียงแหบพร่า ริมฝีปากยังแนบชิดลำคอขาวหญิงสาวปล่อยให้เขาทำรอยที่คอเธอจนพอใจ เมื่อมือหนาคลายออกแล้วเคลื่อนมาที่กระดุมชุดนอนก็สะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ปล่อยให้เขาแกะมันออกจนหมด“กลัวไหม”“ไม่รู้สิคะ บอกไม่ถูก”เจ้าของตักแกร่งถือโอกาสสูดดมกลิ่นหอมหวานจากร่างบางบนตัก อ้าปากกัดหัวไหล่มนแรงๆ อย่างมันเขี้ยว“อ๊ะ!!!”“หืม เสียงได้อารมณ์ดีจัง”“กัดทำไมคะ”“มันเขี้ยว อยากจับฟัดแรงๆ”“หมายความว่ายังไง อ๊ะ.....”ไม่ทันสิ้นเสียง หญิงสาวก็ถูกริมฝีปากหยักแนบลงมา ลิ้นหนากระหวัดเกี่ยวเรียวลิ้นบางเล่น ตักตวงความหวานแกมหยอกล้อ ฝ่ามือหนาลูบไล้ต้นขาขาวเนียนแผ่วเบา หญิงสาวสะดุ้ง เมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ดิ้นขยุกขยิกอยู่ตรงใต้หว่างขาของเธอ อะไรบางอย่างที่เริ่มใหญ่โตขึ้นมาเป็นลำ“…..พี่หนึ่ง” เขาละริมฝีปากออกให้หญิงสาวได้หายใจ เธอสูดลมหายใจเข้าปอด มือดันหน้าอกเขาไว้“ครับ” ชายหนุ่มฝังจมูกลงบนลำคอระหง กัดงับผิวเนื้ออ่อนเล่นอย่างพอใจต้นขาแข็งแรงขยับแยกออกกว้างให้มีพื้นที่
“ตื่นได้แล้วคนสวย อาหารเช้าพร้อมแล้ว”ชยกรตื่นมาจัดเตรียมอาหารแต่เช้า ก่อนที่จะกลับเข้ามาปลุกหญิงสาวที่ยังนอนสลับสนิทอยู่ด้วยแววตาเอ็นดู“วันนี้วันอาทิตย์ เพราะฉะนั้น.....ฝันดีค่ะ”“หยุดเลย ตื่นมากินข้าวก่อน แล้วค่อยนอนต่อ”หญิงสาวขยับกายลุกขึ้นมานั่ง แต่ดวงตายังปิดอยู่ จนร่างสูงต้องดึงให้เธอลุกขึ้น แล้วเอาผ้าเช็ดตัวมาห่อร่างกายเปลือยเปล่าเอาไว้ แล้วพาเธอเดินเข้าไปในห้องน้ำ“อาบน้ำเลย พี่เตรียมแปรงสีฟันให้แล้ว เสื้อผ้าแขวนอยู่หน้าตู้”“ค่าๆ”ชมพูแพรไม่ทันได้ฟังว่าเขาพูดอะไรแต่ก็ขานรับแต่โดยดี จนเมื่อเขาออกไปสักพักเธอถึงตั้งสติได้ จัดการล้างหน้าแปรงฟันแล้วอาบน้ำด้วยความรวดเร็ว“อะไรคะ”“โจ๊ก เจ้านี้อร่อย พี่ลงไปซื้อมาตั้งแต่ 6 โมง”“ตื่นเช้าไปไหมคะ วันนี้วันอาทิตย์นะคะ”“เคยชินน่ะสิ”หลังจากชมพูแพรหย่อนกายนั่งลงและหยิบช้อนขึ้น ชยกรก็เริ่มลงมือจัดการมื้อเช้า ทั้งคู่นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งกินเสร็จ หญิงสาวจึงเก็บถ้วยชามไปล้างแล้วกลับมานอนเล่นที่โซฟา“อยากไปไหนไหม”“ไม่ค่ะ ขี้เกียจ พรุ่งนี้ก็ต้องไปทำงานแล้ว”“ให้พี่ไปส่งไหม”“ชมพูไปเองดีกว่า ชมพูเข้างาน 9 โมง ออกจากบ้าน 8 โมงก็ทัน”“
เช้าวันต่อมา ชมพูแพรมาทำงานแต่เช้าตามปกติ หญิงสาวมีหน้าที่จัดเคลียร์เอกสารที่ได้รับเข้ามายังฝ่ายศูนย์วิจัยและแยกเป็นสัดส่วน เพื่อส่งต่อไปยังส่วนต่อไป ก่อนที่จะถูกนำส่งไปยังบุคคลตำแหน่งต่างๆ อีกหน้าที่คือนำเอกสารจากแผนกวิจัยส่งไปยังแผนกต่างๆ อาทิเช่น ตึกแพทยศาสตร์ ตึกการปกครอง ตึกอธิการบดี และอีกมากมายหญิงสาวใช้เวลาปรับตัวอยู่พักใหญ่ กับการที่เธอต้องนั่งโต๊ะในช่วงเช้าและจำแนกเอกสารออกไปส่งในบริเวณมหาวิทยาลัย แต่ไม่นานก็เคยชินและสนุกกับมัน เพราะอย่างน้อย เธอก็ไม่ต้องนั่งเบื่ออยู่แต่ที่โต๊ะทำงาน“อ้าว น้ายุ้ย สวัสดีค่ะ” ชมพูแพรที่มาส่งเอกสารที่ตึกแพทยศาสตร์ได้เจอเพื่อนสนิทของมารดาก็ยกมือไหว้ทักทายด้วยความดีใจ“อ้าว ชมพู มาทำอะไรล่ะ”“ส่งเอกสารให้รองอธิการค่ะ”“งานเป็นยังไงบ้าง ปรับตัวได้หรือยัง”“ปรับตัวได้แล้วค่ะ”“ดีแล้ว ตอนที่น้าเห็นประกาศรับสมัครน้ารีบบอกแม่เราเลย จะได้ให้มาสมัครและมีเวลาอ่านหนังสือสอบเยอะหน่อย”“โชคดีที่สอบติดนะคะ แต่ได้แนวข้อสอบจากน้ายุ้ย เลยช่วยได้เยอะเลย ขอบคุณมากเลยค่ะ”“หลานน้าทั้งคน น้าก็อยากให้ทำงานดีๆ สิ เอาล่ะ น้าไปทำงานก่อนนะ”“ค่ะ สวัสดีค่ะ”“จ้ะ”หลังจา
“น่ากลัวเหมือนกันนะคะเนี่ย”“ใช่ หนักขึ้นทุกวันด้วย แต่หล่อนเป็นหมอฝีมือดี เลยไม่ได้มีใครคิดจะตักเตือนเป็นเรื่องเป็นราวน่ะ”หลังจากออกมาจากโรงพยาบาลได้สักพัก พศินกับปรางค์วลัยก็เล่าเรื่องที่ได้ยินให้กับชยกรและชมพูแพรฟัง หญิงสาวมีอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด เพราะแคทริยาดูไม่น่าจะเป็นแบบนั้นได้“ตอนที่พวกฉันได้ยินยังตกใจเลย ที่หล่อนมีความคิดแบบนั้น” พศินเองก็ยังส่ายหน้าอย่างรู้สึกไม่ดี“ช่างเขาเถอะ ถ้าเขาไม่มาทำให้เดือดร้อนหรือเข้ามายุ่งวุ่นวายมากไปก็ยังพอให้อภัยได้ แต่ถ้ามากกว่านี้ก็เกรงจะเป็นอันตรายนะ” ปรางค์วลัยพูดแบบเป็นกลาง“กลัวจะหนักขึ้นน่ะสิ เพราะถึงขนาดรู้ว่ามีชมพูแล้วยังคิดแบบนี้ได้น่ะ” ชยกรเองก็เริ่มไม่สบายใจ“ก็รอดูกันไปก่อนก็ได้ค่ะ อย่าเพิ่งคิดมากเลย” ชมพูแพรปลอบใจทุกคน แต่ตัวเธอเองก็ไม่ได้สบายใจเท่าไหร่นัก แต่ถึงอย่างไรหล่อนก็เป็นหมอ มีหน้าที่การงานที่ดี คงไม่เสี่ยงทำอะไรสิ้นคิด“ดื่มกันไปก่อนนะสาวๆ พี่ขอขึ้นไปทำงานก่อน” ชยกรพาทั้งสามคนมาส่งที่โต๊ะวีไอพี ก่อนจะขอตัวขึ้นไปห้องทำงานชมพูแพรทำท่าทางโอเคใส่เขาแล้วยิ้มหวานให้ ชยกรจึงเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของร้าน พร้อมกับเรียกผู
ชยกรกับเมฆาพากันมาที่ห้องอาหารของโรงพยาบาล ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปซื้อข้าวแล้วกลับมาเจอกันที่โต๊ะ“แคทนั่งด้วยได้ไหมคะ”ระหว่างที่กำลังลงมือกันอยู่ เสียงหวานของผู้หญิงก็ดังขึ้น ทั้งสองหนุ่มเงยหน้ามองพร้อมกัน ก็เห็นแคทริยายืนอยู่พร้อมกับจานข้าวในมือ“เอ่อ ครับ” เมฆาสบตากับชยกรก่อนตอบเสียงอ้อมแอ้มออกมา“เดี๋ยวนี้แคทไม่ค่อยได้เจอคุณ 2 คนเลย คนไข้เยอะเหรอคะ”“ของผมพอประมาณครับ ส่วนของหมอหนึ่งน่าจะยุ่งๆ เรื่องเตรียมตัวไปขอสาว” เมฆาหย่อนระเบิดลูกใหญ่“คะ เพิ่งคบไม่นานไม่ใช่เหรอคะ จะแต่งแล้วเหรอ” แคทริยามีอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด“ครับ พ่อแม่เราเป็นเพื่อนกันพอดี หน้าที่การงานของเขาก็เข้าที่เข้าทางแล้ว เลยว่าจะไปคุยกันในเร็วๆ นี้ครับ” ชยกรตอบน้ำเสียงจริงจัง“เอ่อ ค่ะ” แคทริยาหน้าเจื่อนลง“เออ ฉันว่าจะถาม แล้วชมพูพูดถึงยัยปลาการ์ตูนให้นายฟังบ้างไหม” เมฆาพาทั้งคู่เปลี่ยนเรื่องคุย“ไม่นะ”“แปลกนะ ยัยนั่นไม่นินทาฉันเลยเหรอ”“ทำอะไรให้เขามานินทาล่ะ”“เรื่องของผู้ชายแหละน่า”ชยกรส่ายหน้าอ่อนใจกับความเจ้าชู้ของเมฆา ตัวเขาเองก็เคยเจ้าชู้ แต่เขาเลือกกินและออกไปกินข้างนอก ไม่พาเข้าไปกินที่บ้านหรือคอนโด
“นั่งเล่นหน้าบาร์ก่อนนะ พี่ไปเซ็นเอกสารไม่นาน”“ตามสบายเลยค่ะ ชมพูนั่งดื่มไปเรื่อยๆ ได้ค่ะ”“จ้ะ แม่คุณ อย่าเมาจนเผลอไปกับใครนะ”“ไม่มีใครร้ายเท่าพี่หนึ่งหรอกค่ะ”ชายหนุ่มยิ้มแล้วจุมพิตแก้มนวลแผ่วเบา ก่อนจะแยกตัวเดินขึ้นบันไดไป ชมพูแพรหันมาคุยกับบาร์เทนเดอร์หนุ่ม ลูกน้องของชยกร เขาคอยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้านายหนุ่มโดยไม่มีใครรู้ จึงชวนหญิงสาวคุยและคอยดูแลไม่ให้ใครเข้ามายุ่งกับเธอผ่านไปหลายชั่วโมงชมพูแพรก็เริ่มเมา เธอดื่มไปเรื่อยๆ จนลืมไปแล้วว่าเธอดื่มไปมากเท่าไหร่ หญิงสาวจึงขอตัวออกไปข้างนอกสักพักเพื่อให้สร่างเมาชมพูแพรยืนสูดอากาศข้างนอกอยู่สักพักก็เดินกลับเข้ามาด้านใน ตรงไปยังโต๊ะวีไอพีตัวในสุดเพื่อนั่งพักอยู่คนเดียว“ทำไมมานั่งในมุมเลยล่ะ ถ้าบอยไม่บอกพี่ไม่รู้เลยนะว่ามาทางนี้”“ก็เพราะเป็นมุมที่ไม่มีใครเห็นไงคะ เลยมา ทั้งมืด ทั้งเป็นมุมอับ เหมาะกับการนั่งพักมากเลยค่ะ” ชมพูแพรพูดเสียงอ้อแอ้ เมื่อชยกรหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ“เมาแล้วเหรอ”“ค่ะ ดื่มไปเยอะเลย”หญิงสาวนั่งเอนกายพิงโซฟาอยู่อย่างนั้น ชยกรกวาดสายตามองไปรอบๆ ก็ปรากฏความคิดบางอย่างขึ้นมา“อยากเปลี่ยนบรรยากาศหน่อยไหม”“คะ?” ยังไม่
“น่ากลัวเหมือนกันนะคะเนี่ย”“ใช่ หนักขึ้นทุกวันด้วย แต่หล่อนเป็นหมอฝีมือดี เลยไม่ได้มีใครคิดจะตักเตือนเป็นเรื่องเป็นราวน่ะ”หลังจากออกมาจากโรงพยาบาลได้สักพัก พศินกับปรางค์วลัยก็เล่าเรื่องที่ได้ยินให้กับชยกรและชมพูแพรฟัง หญิงสาวมีอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด เพราะแคทริยาดูไม่น่าจะเป็นแบบนั้นได้“ตอนที่พวกฉันได้ยินยังตกใจเลย ที่หล่อนมีความคิดแบบนั้น” พศินเองก็ยังส่ายหน้าอย่างรู้สึกไม่ดี“ช่างเขาเถอะ ถ้าเขาไม่มาทำให้เดือดร้อนหรือเข้ามายุ่งวุ่นวายมากไปก็ยังพอให้อภัยได้ แต่ถ้ามากกว่านี้ก็เกรงจะเป็นอันตรายนะ” ปรางค์วลัยพูดแบบเป็นกลาง“กลัวจะหนักขึ้นน่ะสิ เพราะถึงขนาดรู้ว่ามีชมพูแล้วยังคิดแบบนี้ได้น่ะ” ชยกรเองก็เริ่มไม่สบายใจ“ก็รอดูกันไปก่อนก็ได้ค่ะ อย่าเพิ่งคิดมากเลย” ชมพูแพรปลอบใจทุกคน แต่ตัวเธอเองก็ไม่ได้สบายใจเท่าไหร่นัก แต่ถึงอย่างไรหล่อนก็เป็นหมอ มีหน้าที่การงานที่ดี คงไม่เสี่ยงทำอะไรสิ้นคิด“ดื่มกันไปก่อนนะสาวๆ พี่ขอขึ้นไปทำงานก่อน” ชยกรพาทั้งสามคนมาส่งที่โต๊ะวีไอพี ก่อนจะขอตัวขึ้นไปห้องทำงานชมพูแพรทำท่าทางโอเคใส่เขาแล้วยิ้มหวานให้ ชยกรจึงเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของร้าน พร้อมกับเรียกผู
เช้าวันต่อมา ชมพูแพรมาทำงานแต่เช้าตามปกติ หญิงสาวมีหน้าที่จัดเคลียร์เอกสารที่ได้รับเข้ามายังฝ่ายศูนย์วิจัยและแยกเป็นสัดส่วน เพื่อส่งต่อไปยังส่วนต่อไป ก่อนที่จะถูกนำส่งไปยังบุคคลตำแหน่งต่างๆ อีกหน้าที่คือนำเอกสารจากแผนกวิจัยส่งไปยังแผนกต่างๆ อาทิเช่น ตึกแพทยศาสตร์ ตึกการปกครอง ตึกอธิการบดี และอีกมากมายหญิงสาวใช้เวลาปรับตัวอยู่พักใหญ่ กับการที่เธอต้องนั่งโต๊ะในช่วงเช้าและจำแนกเอกสารออกไปส่งในบริเวณมหาวิทยาลัย แต่ไม่นานก็เคยชินและสนุกกับมัน เพราะอย่างน้อย เธอก็ไม่ต้องนั่งเบื่ออยู่แต่ที่โต๊ะทำงาน“อ้าว น้ายุ้ย สวัสดีค่ะ” ชมพูแพรที่มาส่งเอกสารที่ตึกแพทยศาสตร์ได้เจอเพื่อนสนิทของมารดาก็ยกมือไหว้ทักทายด้วยความดีใจ“อ้าว ชมพู มาทำอะไรล่ะ”“ส่งเอกสารให้รองอธิการค่ะ”“งานเป็นยังไงบ้าง ปรับตัวได้หรือยัง”“ปรับตัวได้แล้วค่ะ”“ดีแล้ว ตอนที่น้าเห็นประกาศรับสมัครน้ารีบบอกแม่เราเลย จะได้ให้มาสมัครและมีเวลาอ่านหนังสือสอบเยอะหน่อย”“โชคดีที่สอบติดนะคะ แต่ได้แนวข้อสอบจากน้ายุ้ย เลยช่วยได้เยอะเลย ขอบคุณมากเลยค่ะ”“หลานน้าทั้งคน น้าก็อยากให้ทำงานดีๆ สิ เอาล่ะ น้าไปทำงานก่อนนะ”“ค่ะ สวัสดีค่ะ”“จ้ะ”หลังจา
“ตื่นได้แล้วคนสวย อาหารเช้าพร้อมแล้ว”ชยกรตื่นมาจัดเตรียมอาหารแต่เช้า ก่อนที่จะกลับเข้ามาปลุกหญิงสาวที่ยังนอนสลับสนิทอยู่ด้วยแววตาเอ็นดู“วันนี้วันอาทิตย์ เพราะฉะนั้น.....ฝันดีค่ะ”“หยุดเลย ตื่นมากินข้าวก่อน แล้วค่อยนอนต่อ”หญิงสาวขยับกายลุกขึ้นมานั่ง แต่ดวงตายังปิดอยู่ จนร่างสูงต้องดึงให้เธอลุกขึ้น แล้วเอาผ้าเช็ดตัวมาห่อร่างกายเปลือยเปล่าเอาไว้ แล้วพาเธอเดินเข้าไปในห้องน้ำ“อาบน้ำเลย พี่เตรียมแปรงสีฟันให้แล้ว เสื้อผ้าแขวนอยู่หน้าตู้”“ค่าๆ”ชมพูแพรไม่ทันได้ฟังว่าเขาพูดอะไรแต่ก็ขานรับแต่โดยดี จนเมื่อเขาออกไปสักพักเธอถึงตั้งสติได้ จัดการล้างหน้าแปรงฟันแล้วอาบน้ำด้วยความรวดเร็ว“อะไรคะ”“โจ๊ก เจ้านี้อร่อย พี่ลงไปซื้อมาตั้งแต่ 6 โมง”“ตื่นเช้าไปไหมคะ วันนี้วันอาทิตย์นะคะ”“เคยชินน่ะสิ”หลังจากชมพูแพรหย่อนกายนั่งลงและหยิบช้อนขึ้น ชยกรก็เริ่มลงมือจัดการมื้อเช้า ทั้งคู่นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งกินเสร็จ หญิงสาวจึงเก็บถ้วยชามไปล้างแล้วกลับมานอนเล่นที่โซฟา“อยากไปไหนไหม”“ไม่ค่ะ ขี้เกียจ พรุ่งนี้ก็ต้องไปทำงานแล้ว”“ให้พี่ไปส่งไหม”“ชมพูไปเองดีกว่า ชมพูเข้างาน 9 โมง ออกจากบ้าน 8 โมงก็ทัน”“
“อ๊ะ.....” เสียงหวานใสอุทานตกใจ มือเล็กจับบ่ากว้างเอาไว้อย่างลืมตัว“บางทีเรื่องพวกนี้ใช้สัญชาตญาณก็ได้นะ อย่าไปเกร็งหรือกลัวมันเลย” เขาพึมพำเสียงแหบพร่า ริมฝีปากยังแนบชิดลำคอขาวหญิงสาวปล่อยให้เขาทำรอยที่คอเธอจนพอใจ เมื่อมือหนาคลายออกแล้วเคลื่อนมาที่กระดุมชุดนอนก็สะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ปล่อยให้เขาแกะมันออกจนหมด“กลัวไหม”“ไม่รู้สิคะ บอกไม่ถูก”เจ้าของตักแกร่งถือโอกาสสูดดมกลิ่นหอมหวานจากร่างบางบนตัก อ้าปากกัดหัวไหล่มนแรงๆ อย่างมันเขี้ยว“อ๊ะ!!!”“หืม เสียงได้อารมณ์ดีจัง”“กัดทำไมคะ”“มันเขี้ยว อยากจับฟัดแรงๆ”“หมายความว่ายังไง อ๊ะ.....”ไม่ทันสิ้นเสียง หญิงสาวก็ถูกริมฝีปากหยักแนบลงมา ลิ้นหนากระหวัดเกี่ยวเรียวลิ้นบางเล่น ตักตวงความหวานแกมหยอกล้อ ฝ่ามือหนาลูบไล้ต้นขาขาวเนียนแผ่วเบา หญิงสาวสะดุ้ง เมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ดิ้นขยุกขยิกอยู่ตรงใต้หว่างขาของเธอ อะไรบางอย่างที่เริ่มใหญ่โตขึ้นมาเป็นลำ“…..พี่หนึ่ง” เขาละริมฝีปากออกให้หญิงสาวได้หายใจ เธอสูดลมหายใจเข้าปอด มือดันหน้าอกเขาไว้“ครับ” ชายหนุ่มฝังจมูกลงบนลำคอระหง กัดงับผิวเนื้ออ่อนเล่นอย่างพอใจต้นขาแข็งแรงขยับแยกออกกว้างให้มีพื้นที่
“อ้าว 2 สาวล่ะครับ” ชยกรกลับมาจากสูบบุหรี่ไม่เห็นชมพูแพรก็มีสีหน้าไม่พอใจ“นู่นค่ะ” ปรางค์วลัยชี้ไปที่เพื่อนสาวทั้งสองคนที่เต้นกันอย่างสนุกสนาน“ไอ้หมอ” เมฆาที่เพิ่งมาถึงเดินเข้ามาตบบ่าชยกรเป็นการบอกว่าเขามา“อะไรไอ้หมอ” เขาย้อนเพื่อนพร้อมกับมองไปที่หญิงสาวตัวเล็กตาวาว“จะมาไม่บอกเพื่อนนะมึง” เมฆาที่มัวแต่คุยไม่ทันได้หันไปมองรอบข้าง“คำสั่งเมีย” ชยกรบอกเสียงเรียบ“กูล่ะหมั่นไส้คนหลงเมีย” เมฆาแขวะเพื่อนด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะมองไปที่โซฟาก็เห็นว่าปรางค์วลัยนั่งอยู่ ก็หน้าเหวอไป“ไง” ปรางค์วลัยทักเมฆาสีหน้าเรียบเฉย“เฮ้ย ยัยปลาการ์ตูน มาได้ยังไง” เมฆาที่เห็นปรางค์วลัยก็โวยวาย“ฉันมากับเพื่อนฉันเหอะน่า”“เดี๋ยวนะ สองคนนี้รู้จักกันเหรอ” ชยกรถามเมื่อได้ยินทั้งสองคนคุยกัน“พี่ชายข้างบ้านค่ะ แต่ไม่ได้นับถือเป็นพี่ เพราะมันมั่วผู้หญิง” ปรางค์วลัยบอกชยกรแล้วยิ้มให้“ยัยปากจัด” เมฆาแขวะปรางค์วลัย แต่หญิงสาวก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้“อย่าฆ่ากันตายล่ะ เดี๋ยวมา” ชยกรหมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้เมฆากับปรางค์วลัยเถียงกันอยู่แบบนั้นทางด้านชมพูแพรกับพศินที่ออกมาเต้นกันอย่างสนุกสนานก็ไม่ได้สนใจว่าใครจะเข้ามาใก
ชมพูแพรนั่งเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ จนเริ่มง่วง เพราะเมื่อคืนเธอตื่นมาโรงพยาบาลเป็นเพื่อนเขา หญิงสาวมองประตูห้องนอนอย่างชั่งใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่เธอเพิ่งวางลงบนโต๊ะ แล้วลุกออกจากโซฟา เดินหายเข้าไปในห้องหลังจากประชุมเรื่องงบประมาณของแต่ละแผนกอยู่หลายชั่วโมง ชยกรก็กลับมาที่ห้องทำงานด้วยสีหน้าเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาคมมองหาร่างเล็กก่อนจะไปสะดุดตากับกระเป๋าที่วางอยู่บนโต๊ะ จึงเดินไปเปิดประตูห้องนอนแล้วก็พบว่าหญิงสาวกำลังหลับสนิทอยู่บนเตียงเขาปิดประตูห้องนอนเอาไว้ตามเดิมแล้วกลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน แล้วเริ่มเคลียร์งานบนโต๊ะต่อ โดยมีผู้ช่วยส่วนตัวนำแฟ้มเอกสารมาวางไว้ให้บนโต๊ะ“กลับบ้านกัน จะแวะไปหาอะไรกินก่อนไหม” ชยกรถามหลังปิดคอมพิวเตอร์แล้วลุกออกจากโต๊ะ“แล้วแต่เลยค่ะ” หญิงสาววางหนังสือในมือลงแล้วขยับตัวลุกขึ้นตามเขา“จะเอาไปอ่านที่บ้านไหม”“ไม่เป็นไรค่ะ”“งั้นก็หาอะไรคั่นไว้ ถ้ามาวันไหนก็ค่อยมาอ่าน”“ค่ะ พรุ่งนี้หยุดไหมคะ”“อื้อ หยุด จะไปไหนล่ะ”“ไปผับกันค่ะ ชวนยัยพินนี่กับการ์ตูนไปด้วย”“สองสาวนั่นน่ะเหรอ”“ค่ะ”“ตามใจ งั้นกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านก่อนแล้วกัน”ชมพูแพรยิ้มหวานอ
‘พี่ไปทำงานก่อนนะชมพู เจอกันตอนเย็นครับ รหัสห้องพี่เปลี่ยนไปใช้รหัสเดียวกับชมพูแล้ว เผื่ออยากเข้าไปสำรวจอะไรก็เข้าไปได้เลยนะ อย่าซนล่ะ’“เดี๋ยวนะ ทำไมทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะเนี่ย”เสียงหวานใสพึมพำเบาๆ หลังจากที่เธอเห็นกระดาษที่ชยกรเขียนข้อความแปะเอาไว้ที่ประตูห้องนอน เมื่อเธอตื่นแล้วจะเปิดประตูออกไปก็จะเจอข้อความของเขาก่อนเป็นอย่างแรกหญิงสาวออกจากห้องนอนมาก็เจออาหารเช้าที่เขาซื้อเอาไว้ให้วางอยู่บนโต๊ะ พร้อมด้วยกุญแจสำรองของห้องเขากับกุญแจรถวางอยู่คู่กัน ชมพูแพรมองแล้วอมยิ้ม ทำเหมือนเธอจะหนีเที่ยงอย่างนั้นแหละ เตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้พร้อมเลยถ้วยจานที่เก็บอยู่ในชั้นวางถูกหยิบออกมาที่โต๊ะ มือเล็กแกะอาหารที่เขาซื้อเอาไว้ให้เทใส่จานแล้วนั่งลงจัดการเงียบๆ ก่อนจะกดรับสายเมื่อมีสายเรียกเข้าดังมาจากโทรศัพท์“ไง”‘ตื่นเช้าจังวะ แล้วนี่กินอะไรเนี่ย’“มื้อเช้า คุณหมอเขาเตรียมเอาไว้ให้”‘ต๊าย ดูแลดีดั่งเมียแต่ง’“พูดมากน่า ว่าแต่มีอะไร”‘โทรมาเช็กดูเฉยๆ ว่ายังอยู่ดีไหม หรือตายคาเตียงไปแล้ว’“ยัยบ้า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นย่ะ แถมเมื่อคืนต้องบึ่งไปโรงพยาบาลเพราะมีเคสผ่าตัดด่วนอีกต่างหาก ต