“ฉิบหายแล้ว เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย” เสียงหวานใสอุทานเบาๆ เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่ากำลังนอนอยู่บนเตียงที่ไม่ใช่ของเธอ
“ตื่นแล้วเหรอ”
“ฉัน..... จำอะไรไม่ได้เลย”
“ผมเชื่อ”
ชมพูแพรมองไปยังร่างสูงที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ริมหน้าต่าง เขาอยู่ในสภาพผ้าขนหนูผืนเดียวที่พันเอวสอบเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่ ดวงตาคมมองจ้องมาที่เธอ
หญิงสาวมีอาการมึนงง เธอจำได้ว่าเมื่อคืนออกมาผับแถวคอนโดใหม่เพื่อฉลองที่เธอย้ายออกมาจากบ้านกับเพื่อนสนิทที่ทำงานที่เดียวกัน แต่ทำไมถึงมาโผล่ที่นี่ได้ล่ะ
“ไม่ต้องคิดเยอะ ที่นี่ก็ห้องพักในผับนั่นแหละ”
“หมายความว่ายังไงคะ”
“เอาไว้ค่อยคุยกัน ผมต้องไปทำงานแล้ว คุณมีอะไรข้องใจก็ติดต่อผมไปตามนามบัตรนี่ก็แล้วกัน เป็นเบอร์ส่วนตัวของผมเอง” ร่างสูงเดินมาวางนามบัตรลงบนเตียง ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำ ไม่นานก็กลับออกมาในสภาพที่พร้อมออกไปทำงาน
“อ้อ.....อย่าลืมหายากินด้วยล่ะ เมื่อคืนผมไม่ได้ป้องกัน” เสียงทุ้มหูกล่าวจบก็เปิดประตูห้องเดินออกไป
ชมพูแพรหน้าเหวอ เธอมัวแต่อึ้งจนลืมถามอะไรหลายอย่าง แต่ก็รวบรวมสติแล้วพยายามลุกขึ้นจากเตียง แต่ก็ต้องนิ่วหน้ากับอาการเจ็บระบมไปทั่วตัว โดยเฉพาะตรงส่วนนั้น ก็แน่สิ ครั้งแรกของเธอนี่ แถมกับใครก็ไม่รู้ แล้วพูดหน้าตาเฉยว่าไม่ได้ป้องกันอีกต่างหาก
หญิงสาวเบะปากก่อนจะกัดฟันลุกขึ้น เดินช้าๆ ไปที่ห้องน้ำ แต่เมื่อเธอเห็นสภาพตัวเองผ่านกระจกก็ต้องร้องกรี๊ดออกมา คนตัวเล็กตกใจจนแทบจะร้องไห้ แต่ก็ต้องรวบรวมสติแล้วจัดการตัวเองให้เรียบร้อย แล้วรีบออกจากห้องไปโดยไม่ลืมหยิบนามบัตรนั้นไปด้วย
“หายไปไหนมา อีบ้า สภาพอย่างกับโดนโทรม” พศินเพื่อนสาวร่างชายส่งเสียงแหวใส่เธอหลังจากชมพูแพรก้าวเข้ามาในห้องทำงาน
“อีบ้า เว่อร์ไปย่ะ” หญิงสาวบอกเพื่อนพลางทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“เหล่ผู้ชายแป๊บเดียว หันมาอีกที ยัยนี่มันหายไปไหนก็ไม่รู้” ปรางค์วลัย เพื่อนสาวแท้อีกคนที่ไปด้วยกันบ่นเธอเบาๆ
“เอาน่า ไว้ตอนพักค่อยคุย ฉันเองก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก” ชมพูแพรพูดเบาๆ ก่อนจะหันมาเปิดคอมพิวเตอร์แล้วหยิบเอกสารที่ตั้งบนตรงมุมโต๊ะมาเปิดแล้วเริ่มตั้งสมาธิในการทำงาน
ชมพูแพร หรือ ชมพู หญิงสาวหน้าตาหมวยแต่ดวงตากลมโต เธอเป็นลูกเสี้ยวจีนจึงมีผิวขาวสว่างแบบคนจีนไม่ใช่ขาวเหลืองแบบคนไทยทั่วไป หญิงสาวเป็นคนตัวเล็ก สูง 165 เซนติเมตร ตามแบบมาตรฐานหญิงสาวทั่วไป และด้วยความที่เธอเรียนโรงเรียนเอกชนมาตั้งแต่เด็ก จึงไม่เคยตัดผมสั้นเลย ชมพูแพรไว้ผมยาวถึงบั้นเอวมาตั้งแต่เด็กจนโต ด้วยความที่ผมของเธอเป็นสีน้ำตาลอ่อน และตรงปลายผมเป็นลอนตามธรรมชาติ เธอจึงดูเหมือนตุ๊กตาที่มีชีวิต
“อะ ไหนเม้าท์มา หายไปไหนมา” พศิน หรือพินนี่ รีบถามชมพูแพรหลังจากที่รีบกินข้าวแล้วมาหาที่นั่งหลบมุมเหมือนที่ทำเป็นประจำทุกวัน
“ก็ ตื่นมาก็อยู่บนเตียงกับใครก็ไม่รู้ ในห้องที่ผับนั่นแหละ” เสียงหวานใสบอกเล่าเบาๆ
“.....วันไนท์เหรอวะ” ปรางค์วลัยถามอย่างตกใจ
“ก็คงงั้นว่ะ แต่เขาก็ทิ้งนามบัตรไว้นะ”
“เดี๋ยวๆ ห้องที่ผับเหรอ แต่ที่ผับนั้นไม่มีห้องวีนะ ได้ข่าวว่าห้องเดียวที่มีคือห้องพักของเจ้าของผับ” พศินพูดเสียงดังเมื่อนึกขึ้นมาได้หลังจากรู้สึกคลับคล้ายคลับคลา
“ไอ้ชมพู แกนอนกับเจ้าของผับเหรอวะ” ปรางค์วลัยถามเพื่อนหน้าตาตื่น
“ฉันจะรู้ไหมล่ะ” ชมพูแพรเองก็ไม่สามารถตอบได้เช่นกัน
“แล้วเอายังไงต่อ” พศินถามเพื่อนพลางยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม
“ก็ไม่เอาไง ไม่รู้จักกันอยู่แล้ว ฉันกินยาไปแล้วด้วย” หญิงสาวตัวเล็กบอกอย่างพยายามไม่คิดอะไรมาก
พศินกับปรางค์วลัยได้แต่ส่ายหน้ากับความเด๋อด๋าของเพื่อน ชมพูแพรเป็นผู้หญิงที่ไม่ว่าใครจะมองก็สะดุดตา แต่หญิงสาวเป็นคนที่โก๊ะ ซุ่มซ่าม จึงเป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของกลุ่มที่ต้องคอยห่วงเธออยู่ตลอด
“ไปเหอะ ได้เวลาแล้ว วันนี้ช่วงบ่ายฉันมีส่งงานวิจัย” หญิงสาวตัวเล็กยกข้อมือมาดูนาฬิกา ก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วชวนเพื่อนกลับขึ้นห้องทำงาน
ทั้งสามคนทำงานอยู่ที่สถาบันวิจัยของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง เข้างาน 9 โมงเช้า และเลิกงาน 4 โมงเย็น แต่ถึงอย่างนั้นในช่วงเช้าของแต่ละวันก็ต้องเร่งรีบไม่ต่างกับคนอื่น เพราะสถานที่ทำงานตั้งอยู่ในแหล่งรถติดพอดี
“สวัสดีค่ะหมอหนึ่ง”
“สวัสดีครับ ผมขอเวลา 10 นาที แล้วเรียกคิวได้เลยนะครับ”
“ได้ค่ะ”
ชยกร หรือ หนึ่ง คุณหมอหนุ่มสุดหล่อ ลูกชายคนเดียวของเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ เขาเป็นหมอเฉพาะทางด้านปอด ในช่วงเวลาปกติที่ชายหนุ่มอยู่โรงพยาบาลก็จะอยู่ในมาดของคุณหมอหนุ่มผู้แสนใจดีและอบอุ่น แต่ในเวลาหลังเลิกงานเขาจะกลายเป็นชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง ชายมาดเข้มที่ไม่มีวี่แววว่าจะเป็นคนเดียวกัน และเป็นเจ้าของผับดังย่านใจกลางเมือง
ร่างสูงแวะบอกเจ้าหน้าที่พยาบาลก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปในห้อง แล้วหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะถอดเปลี่ยนหน้ากากอนามัย แล้วหยิบแฟ้มประวัติคนไข้ขึ้นมาดู ไม่นานพยาบาลก็เรียกคิวคนไข้แล้วเปิดประตูเข้ามา
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ อาการเป็นยังไงครับ”
เสียงทุ้มนุ่มหูเอ่ยถามคนไข้อย่างเป็นกันเอง รอจนคนไข้บอกอาการจบก็ดูแฟ้มประวัติแล้วเขียนสั่งยาลงไป ก่อนจะรันคิวคนต่อไป
ตลอดช่วงเช้าชยกรใช้เวลาในการรักษาคนไข้ จนกระทั่งเที่ยงกว่า เขาถึงปิดรับคิวและขอตัวลงไปพักกลางวัน
ชายหนุ่มเป็นผู้ชายรูปร่างสูง ผิวขาวสะอาดราวกับไม่เคยถูกแสงแดด ใบหน้าหล่อเหลาสวมแว่นตาที่รับกับใบหน้าเขาเป็นอย่างดี
“ไง ไอ้หมอหนึ่ง”
บ่ากว้างถูกตีไม่เบานัก ก่อนที่ผู้เข้ามาทักทายจะลากเก้าอี้ออกจากโต๊ะ แล้วนั่งลงพร้อมกับจานข้าวในมือ
“ไงไอ้หมอเมฆ” เขาทักทายเพื่อนเสียงเหนื่อยหน่าย
“เมื่อคืนหายไปเลยนะมึง” เมฆา เพื่อนสนิทที่รู้ทุกเรื่องของชยกรแซวน้ำเสียงล้อเลียน
“หายห่าอะไรล่ะ อยู่ในห้องนั่นแหละ”
“แล้วสาวน้อยขาวจั๊วะคนนั้นอะ”
“.....”
“ไม่ตอบเว้ยเห๊ยย ได้กินหรือยังวะ” เมฆาถามเบาๆ อย่างรู้นิสัยเพื่อนดี
“พูดมาก”
“แปลกๆ นะเนี่ย ปกติไม่เคยปิดบังเพื่อน”
“พูดมาก กินข้าวไป” เขาพูดแล้วตักข้าวเข้าปากเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อเมฆาคาดคั้นเอาจากเพื่อนไม่ได้ก็เลยยอมเปลี่ยนเรื่องแล้วนั่งกินข้าว ก่อนที่ในช่วงบ่ายต้องขึ้นตรวจคนไข้ต่อ
หลังจากได้เวลาเลิกงาน ชยกรนั่งพักสายตาด้วยความเหนื่อยล้า ชายหนุ่มหวนคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
ในช่วงเย็นของเมื่อวานเมฆามาขอไปที่ผับด้วย ซึ่งตัวเขาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะเมฆาเป็นคนเดียวที่รู้ตัวตน รู้นิสัยของเขามากที่สุด จนเมื่อมาถึงที่ผับเขาก็ปล่อยเมฆาไว้ข้างล่าง ส่วนเขาก็ขึ้นมาที่ห้องทำงานเหมือนปกติ
จนกระทั่งทำงานเสร็จและตั้งใจจะลงไปหาอะไรดื่ม ชายหนุ่มออกมาจากห้องทำงาน เขายืนมองบรรยากาศข้างล่างอยู่ที่บันได ดวงตาคมกวาดมองไปเรื่อยๆ แต่ก็ไปสะดุดกับหญิงสาวตัวเล็กคนหนึ่ง ดูเหมือนเธอมากับกลุ่มเพื่อนของเธอ ความตัวเล็กน่ารักบวกกับผิวที่ขาวจนแม้แต่ความมืดยังไม่สามารถปกปิดมันเอาไว้ได้ ทำให้เธอสะดุดตาเขา
ขายาวก้าวลงมาข้างล่างช้าๆ ตั้งใจจะเดินผ่านบริเวณที่กลุ่มของพวกเธอยืนอยู่ แต่ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เป้าหมายของเขาถือแก้วหมุนตัวมาทางเขาพอดี เขาจึงตั้งใจเดินไปชนเธอ
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ เป็นอะไรไหมคะ” หญิงสาวถามเขาเสียงอ้อแอ้
“ไม่เป็นอะไร แต่เสื้อผมเป็นครับ ชุดของคุณก็เป็น” มือหนาจับเสื้อตัวเองที่เปียกเหล้าที่หกใส่ แล้วชี้ที่ชุดเดรสสีขาวของหญิงสาวที่เปียกเช่นกัน
“เอ่อ.....”
หญิงสาวตัวเล็กยังมึนอยู่ เธอเมาค่อนข้างมาก ดวงตาคมมองไปยังเพื่อนของหญิงสาวก็เห็นว่าทั้งสองคนกำลังเต้นอย่างเมามันก็ยิ้มมุมปาก
“ผมมีเสื้ออยู่ข้างบนชั้นสอง ไปเอาเสื้อมาเปลี่ยนเถอะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ อ๊ะ.....”
เสียงปฏิเสธไม่เป็นผล เมื่อร่างเล็กปลิวไปตามแรงดึง ที่จับต้นแขนของเธอแล้วออกแรงดึงเพียงเล็กน้อยเธอก็ปลิว ก่อนที่อ้อมแขนแข็งแรงจะเปลี่ยนมาเป็นโอบเอวเล็กแล้วพาเธอเดินไปด้วยกัน
“ไปไหนคะ”
“ไปห้องทำงานผมครับ มีเสื้อเชิ้ตอยู่ คุณก็เอาเสื้อไปใส่ด้วย มันเปียก ชุดคุณเป็นสีขาว เดี๋ยวจะเห็นไปถึงไหนต่อไหน”
“เห็นไปไหนคะ”
“นี่คุณดื่มไปเยอะเหรอ”
“ไม่เยอะค่ะ แต่จำไม่ได้”
“.....”
ชยกรขมวดคิ้วเล็กน้อย ลองปล่อยมือออกจากเอวเล็ก แล้วก็เป็นเหมือนที่เขาคิด ร่างบอบบางเซจนแทบจะยืนไม่อยู่ จึงพาหญิงสาวเดินไปยังห้องพักส่วนตัวของเขา
“คุณเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าข้างในห้องน้ำเถอะ” ร่างสูงพาหญิงสาวเดินมาส่งที่หน้าประตูห้องน้ำ มือเอื้อมหยิบเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่กับกางเกงขายาวที่แขวนอยู่ใกล้ๆ เอามายื่นใส่มือเธอแล้วผลักให้หญิงสาวก้าวเข้าไปข้างใน
มือหนาเอื้อมหยิบเสื้อเชิ้ตอีกตัวมาวางไว้บนเตียง แล้วปลดกระดุมเสื้อตั้งใจจะถอดมันออกเพื่อเปลี่ยนตัว ก่อนจะชะงักไปเมื่อมีเสียงเปิดประตูห้องน้ำ
“ถอดชุดไม่ได้ ว้าว คุณหุ่นดีจัง” เสียงหวานใสดังอู้อี้แทบฟังไม่รู้เรื่อง
เท้าเล็กเดินเซเข้ามายืนตรงหน้าร่างสูง ดวงตากลมโตมองไปที่รูปร่างของเขาแล้วก็ทำตาโต เธอมองเขาด้วยแววตาชื่นชมแล้วเอ่ยปากออกไป มือเล็กเผลอยกขึ้นมาแตะบนกล้ามเนื้อเป็นลอนบนหน้าท้องเขาอย่างไม่รู้ตัว
“ชอบเหรอ”
“ชอบสิ ใครจะไม่ชอบคนหุ่นดีล่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับมองเขาตาแป๋ว แต่แววตาหยาดเยิ้มจากฤทธิ์แอลกอฮอล์โดยไม่รู้ตัว
“อยากได้ไหมล่ะ” ชยกรถามแล้ววางมือทาบลงบนมือเล็ก
“อะไรคืออยากได้ อยากได้ไปไหน”
ชายหนุ่มสบตาเธอเพื่อสำรวจว่าเธอใสซื่อจริงๆ หรือแค่เรียกร้องความสนใจ แต่เมื่อดวงตากลมโตไม่มีแววความพิศวาสในนั้นก็ต้องยอมรับว่าหญิงสาวใสซื่อจริงๆ
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ” ชยกรบอกเธอเสียงนุ่ม
“ถอดไม่ได้”
“ทำไมถอดไม่ได้”
“ก็ซิปมันอยู่ข้างหลัง”
คนตัวเล็กหันหลังให้เขาดู ดวงตาคมกวาดมองแล้วก็ต้องลมหายใจสะดุด แผ่นหลังขาวเนียนสว่างปรากฏอยู่ตรงหน้า ชุดที่เธอใส่มันแทบไม่ได้ปิดอะไรเลย เพราะมันสั้นแค่โคนขา ที่สำคัญมันเป็นเดรสคล้องคอ ข้างหลังจึงคว้านลึกจนเกือบถึงเอว
ฝ่ามือหนายกขึ้นแตะไปที่แผ่นหลังขาวเนียนแผ่วเบา ก่อนที่จะเลื่อนไปปลดกระดุมของสายที่คล้องลำคอระหงออก มันเลื่อนหล่นลงไปด้านหน้าโดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้คว้าเอาไว้เพราะความเมา
ชายหนุ่มสูดหายใจลึกๆ เขาอยากจับร่างเล็กกดลงกับเตียงใจจะขาด แต่ดูจากท่าทางแล้วหญิงสาวน่าจะยังไม่เคยผ่านมือผู้ชาย จึงไม่อยากทำร้ายเธอ
“ดีจัง ถอดได้แล้ว ไปอาบน้ำดีกว่า” คนตัวเล็กหมุนตัวแล้วเดินตรงไปที่ห้องน้ำโดยไม่ได้สนใจคนแปลกหน้าที่กำลังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
ชยกรพยายามอดกลั้นความรู้สึกของตัวเองที่มันกำลังพุ่งขึ้นสูงอย่างที่ไม่เคยเป็น เขายกมือลูบใบหน้าตัวเองแล้วนั่งลงบนเตียง มือควานหาบุหรี่ที่ชอบวางเอาไว้ข้างเตียงขึ้นมาจุดสูบ
“ใส่กางเกงไม่ได้ หลวมมากเลย”
ไม่นานร่างเล็กบอบบางกลับออกมาจากห้องน้ำด้วยเสื้อเชิ้ตของเขาเพียงตัวเดียว พร้อมกับชูกางเกงให้เขาดู
“เดินมานี่” เสียงนุ่มที่เริ่มเจือความแหบพร่าสั่งเธอเบาๆ
หญิงสาวตัวเล็กเดินเข้ามายืนตรงหน้าเขาอย่างว่าง่าย เอวเล็กถูกจับรวบเอาไว้แล้วดึงเข้าหาร่างกายสูงใหญ่ เธอยืนอยู่ตรงกลางหว่างขาของเขา ดวงตากลมโตมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างชื่นชม
“คุณหล่อจัง มีแฟนหรือยัง”
“ยัง ชอบเหรอ”
“อื้อ ชอบมากเลย”
“อยากได้ไหม”
“อยากได้สิ”
“ให้ เอาไหม”
“เอา”
“ห้ามกลับคำพูดนะ”
“ทำไม.....อ๊ะ”
เสียงหวานใสขาดหายไปเมื่อร่างของเธอปลิวขึ้นไปอยู่บนเตียง ดวงตากลมโตมองเขา มันไม่มีความหวาดกลัวอยู่ในนั้น จนเมื่อร่างสูงขยับกายขึ้นมาบนเตียง ภายในห้องก็ร้อนระอุ เสียงคำรามปนเสียงครางสะอื้นดังสนั่นไปทั่วห้อง แต่มันไม่ได้เล็ดลอดออกไปแม้แต่แอะเดียว
“ไอ้ชมพู!!!”“ห๊ะ.....”“เหม่ออะไร พวกฉันเรียกตั้งหลายรอบ” พศินถามเสียงดัง“โทษที พยายามคิดถึงเรื่องเมื่อคืน แต่จำไม่ค่อยได้”“เอาน่า ช่างมันเถอะ คิดซะว่ามันคือประสบการณ์ครั้งแรก” ปรางค์วลัยพูดปลอบใจ“ฉันก็ไม่ได้คิดมากนะ เพียงแต่ฉันจำไม่ได้ว่าเกิดขึ้นได้ยังไง” ชมพูแพรบอกเพื่อนพลางขมวดคิ้วที่ตัวเองนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก“ไม่โดนหลอกไปขายก็ดีแค่ไหนแล้วแม่คุณ รอยดูดทั่วตัวขนาดนั้น” พศินมองแวบเดียวก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา เมื่อดูจากร่องรอยบนเนื้อตัวของชมพูแพร“พอๆ แล้ววันนี้กลับคอนโดเลยไหม” ปรางค์วลัยปรามห้ามทัพ“ยัง ว่าจะไปโรงพยาบาลก่อน ฉันมีอาการหายใจไม่ค่อยออกอีกแล้ว”“โอเค งั้นก็เดินทางดีๆ กลับถึงบ้านแล้วบอกด้วย”ชมพูแพรพยักหน้ารับ เมื่อปรางค์วลัยบอกกำชับเธอ ก่อนที่พวกเธอจะแยกย้ายกันหลังเวลาเลิกงานชมพูแพรเดินทางมาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโดมาก เธอเป็นภูมิแพ้ เวลาที่หายใจเอาไอฝุ่นมากๆ ก็จะมีอาการหายใจติดขัดหรือ ไอจามอยู่หลายวัน หนักเข้าก็จะมีน้ำมูกและเสมหะ พอรู้ตัวว่าถ้าปล่อยเอาไว้นานเธอจะเป็นหนัก เมื่อมีอาการเธอก็จะรีบมาหาหมอก่อนทุกครั้ง“สวัสดีค่ะ มีอาการยังไง
“กลับได้แล้วคุณ”“ดึกแล้วเหรอ”“เปล่า คุณเมาแล้ว”“เหรอ”“อือ กลับก็ได้”ใบหน้าหล่อเหลาส่ายเบาๆ ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยระวังตัวเลย เพราะแบบนี้ถึงถูกเขาหลอกขึ้นห้องไปได้ง่ายๆ สงสัยเขาคงต้องคอยตามเฝ้าไม่ให้แอบไปไหนคนเดียว ไม่อย่างนั้นคงได้โดนใครหลอกไปอีกชมพูแพรถูกร่างสูงกึ่งลากกึ่งจูงออกมาจากผับไปที่รถ หญิงสาวบ่นเล็กน้อยเมื่อถูกเขาจับยัดใส่รถ ก่อนที่เขาจะกลับไปฝั่งคนขับแล้วเคลื่อนตัวออกไป“บ้านคุณอยู่ที่ไหน”“ฉันอยู่คอนโด แถวนี้แหละ”“ชื่อ”“.....” หญิงสาวบอกชื่อคอนโดที่เธออยู่เสียงอ้อแอ้ ก่อนจะปรับเบาะนอนลง“พูดจริง”“อือ”“บังเอิญไปหรือเปล่าเนี่ย” ชยกรพึมพำเบาๆ อย่างแปลกใจ แต่เมื่อหันไปมองคนข้างๆ ก็เห็นว่าเธอหลับไปแล้ว จึงหันมาตั้งสมาธิในการมองทาง เพราะเขาเองก็ดื่มไปนิดหน่อยเช่นกัน“คุณ อยู่ชั้นไหน”“ชั้น 19”“แปลก อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น”ร่างสูงที่เริ่มหงุดหงิดที่คนตัวเล็กยืนเอียงไปเอียงมาจึงอุ้มหญิงสาวขึ้น รอจนลิฟต์มาจอดที่ชั้น 19 ก็เดินออกมา“ห้องไหน”“ริมสุด ฝั่งขวา รหัสคือเลข 6 ตัวท้ายบัตรประชาชน” ชมพูแพรบอกเขาระหว่างที่ยังเอียงศีรษะซบกับบ่ากว้างเมื่อกดรหัสเข้าห้องเรียบร้อย ชยกรก็อุ้
‘พี่ไปทำงานก่อนนะชมพู เจอกันตอนเย็นครับ รหัสห้องพี่เปลี่ยนไปใช้รหัสเดียวกับชมพูแล้ว เผื่ออยากเข้าไปสำรวจอะไรก็เข้าไปได้เลยนะ อย่าซนล่ะ’“เดี๋ยวนะ ทำไมทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะเนี่ย”เสียงหวานใสพึมพำเบาๆ หลังจากที่เธอเห็นกระดาษที่ชยกรเขียนข้อความแปะเอาไว้ที่ประตูห้องนอน เมื่อเธอตื่นแล้วจะเปิดประตูออกไปก็จะเจอข้อความของเขาก่อนเป็นอย่างแรกหญิงสาวออกจากห้องนอนมาก็เจออาหารเช้าที่เขาซื้อเอาไว้ให้วางอยู่บนโต๊ะ พร้อมด้วยกุญแจสำรองของห้องเขากับกุญแจรถวางอยู่คู่กัน ชมพูแพรมองแล้วอมยิ้ม ทำเหมือนเธอจะหนีเที่ยงอย่างนั้นแหละ เตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้พร้อมเลยถ้วยจานที่เก็บอยู่ในชั้นวางถูกหยิบออกมาที่โต๊ะ มือเล็กแกะอาหารที่เขาซื้อเอาไว้ให้เทใส่จานแล้วนั่งลงจัดการเงียบๆ ก่อนจะกดรับสายเมื่อมีสายเรียกเข้าดังมาจากโทรศัพท์“ไง”‘ตื่นเช้าจังวะ แล้วนี่กินอะไรเนี่ย’“มื้อเช้า คุณหมอเขาเตรียมเอาไว้ให้”‘ต๊าย ดูแลดีดั่งเมียแต่ง’“พูดมากน่า ว่าแต่มีอะไร”‘โทรมาเช็กดูเฉยๆ ว่ายังอยู่ดีไหม หรือตายคาเตียงไปแล้ว’“ยัยบ้า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นย่ะ แถมเมื่อคืนต้องบึ่งไปโรงพยาบาลเพราะมีเคสผ่าตัดด่วนอีกต่างหาก ต
ชมพูแพรนั่งเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ จนเริ่มง่วง เพราะเมื่อคืนเธอตื่นมาโรงพยาบาลเป็นเพื่อนเขา หญิงสาวมองประตูห้องนอนอย่างชั่งใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่เธอเพิ่งวางลงบนโต๊ะ แล้วลุกออกจากโซฟา เดินหายเข้าไปในห้องหลังจากประชุมเรื่องงบประมาณของแต่ละแผนกอยู่หลายชั่วโมง ชยกรก็กลับมาที่ห้องทำงานด้วยสีหน้าเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาคมมองหาร่างเล็กก่อนจะไปสะดุดตากับกระเป๋าที่วางอยู่บนโต๊ะ จึงเดินไปเปิดประตูห้องนอนแล้วก็พบว่าหญิงสาวกำลังหลับสนิทอยู่บนเตียงเขาปิดประตูห้องนอนเอาไว้ตามเดิมแล้วกลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน แล้วเริ่มเคลียร์งานบนโต๊ะต่อ โดยมีผู้ช่วยส่วนตัวนำแฟ้มเอกสารมาวางไว้ให้บนโต๊ะ“กลับบ้านกัน จะแวะไปหาอะไรกินก่อนไหม” ชยกรถามหลังปิดคอมพิวเตอร์แล้วลุกออกจากโต๊ะ“แล้วแต่เลยค่ะ” หญิงสาววางหนังสือในมือลงแล้วขยับตัวลุกขึ้นตามเขา“จะเอาไปอ่านที่บ้านไหม”“ไม่เป็นไรค่ะ”“งั้นก็หาอะไรคั่นไว้ ถ้ามาวันไหนก็ค่อยมาอ่าน”“ค่ะ พรุ่งนี้หยุดไหมคะ”“อื้อ หยุด จะไปไหนล่ะ”“ไปผับกันค่ะ ชวนยัยพินนี่กับการ์ตูนไปด้วย”“สองสาวนั่นน่ะเหรอ”“ค่ะ”“ตามใจ งั้นกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านก่อนแล้วกัน”ชมพูแพรยิ้มหวานอ
“อ้าว 2 สาวล่ะครับ” ชยกรกลับมาจากสูบบุหรี่ไม่เห็นชมพูแพรก็มีสีหน้าไม่พอใจ“นู่นค่ะ” ปรางค์วลัยชี้ไปที่เพื่อนสาวทั้งสองคนที่เต้นกันอย่างสนุกสนาน“ไอ้หมอ” เมฆาที่เพิ่งมาถึงเดินเข้ามาตบบ่าชยกรเป็นการบอกว่าเขามา“อะไรไอ้หมอ” เขาย้อนเพื่อนพร้อมกับมองไปที่หญิงสาวตัวเล็กตาวาว“จะมาไม่บอกเพื่อนนะมึง” เมฆาที่มัวแต่คุยไม่ทันได้หันไปมองรอบข้าง“คำสั่งเมีย” ชยกรบอกเสียงเรียบ“กูล่ะหมั่นไส้คนหลงเมีย” เมฆาแขวะเพื่อนด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะมองไปที่โซฟาก็เห็นว่าปรางค์วลัยนั่งอยู่ ก็หน้าเหวอไป“ไง” ปรางค์วลัยทักเมฆาสีหน้าเรียบเฉย“เฮ้ย ยัยปลาการ์ตูน มาได้ยังไง” เมฆาที่เห็นปรางค์วลัยก็โวยวาย“ฉันมากับเพื่อนฉันเหอะน่า”“เดี๋ยวนะ สองคนนี้รู้จักกันเหรอ” ชยกรถามเมื่อได้ยินทั้งสองคนคุยกัน“พี่ชายข้างบ้านค่ะ แต่ไม่ได้นับถือเป็นพี่ เพราะมันมั่วผู้หญิง” ปรางค์วลัยบอกชยกรแล้วยิ้มให้“ยัยปากจัด” เมฆาแขวะปรางค์วลัย แต่หญิงสาวก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้“อย่าฆ่ากันตายล่ะ เดี๋ยวมา” ชยกรหมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้เมฆากับปรางค์วลัยเถียงกันอยู่แบบนั้นทางด้านชมพูแพรกับพศินที่ออกมาเต้นกันอย่างสนุกสนานก็ไม่ได้สนใจว่าใครจะเข้ามาใก
“อ๊ะ.....” เสียงหวานใสอุทานตกใจ มือเล็กจับบ่ากว้างเอาไว้อย่างลืมตัว“บางทีเรื่องพวกนี้ใช้สัญชาตญาณก็ได้นะ อย่าไปเกร็งหรือกลัวมันเลย” เขาพึมพำเสียงแหบพร่า ริมฝีปากยังแนบชิดลำคอขาวหญิงสาวปล่อยให้เขาทำรอยที่คอเธอจนพอใจ เมื่อมือหนาคลายออกแล้วเคลื่อนมาที่กระดุมชุดนอนก็สะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ปล่อยให้เขาแกะมันออกจนหมด“กลัวไหม”“ไม่รู้สิคะ บอกไม่ถูก”เจ้าของตักแกร่งถือโอกาสสูดดมกลิ่นหอมหวานจากร่างบางบนตัก อ้าปากกัดหัวไหล่มนแรงๆ อย่างมันเขี้ยว“อ๊ะ!!!”“หืม เสียงได้อารมณ์ดีจัง”“กัดทำไมคะ”“มันเขี้ยว อยากจับฟัดแรงๆ”“หมายความว่ายังไง อ๊ะ.....”ไม่ทันสิ้นเสียง หญิงสาวก็ถูกริมฝีปากหยักแนบลงมา ลิ้นหนากระหวัดเกี่ยวเรียวลิ้นบางเล่น ตักตวงความหวานแกมหยอกล้อ ฝ่ามือหนาลูบไล้ต้นขาขาวเนียนแผ่วเบา หญิงสาวสะดุ้ง เมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ดิ้นขยุกขยิกอยู่ตรงใต้หว่างขาของเธอ อะไรบางอย่างที่เริ่มใหญ่โตขึ้นมาเป็นลำ“…..พี่หนึ่ง” เขาละริมฝีปากออกให้หญิงสาวได้หายใจ เธอสูดลมหายใจเข้าปอด มือดันหน้าอกเขาไว้“ครับ” ชายหนุ่มฝังจมูกลงบนลำคอระหง กัดงับผิวเนื้ออ่อนเล่นอย่างพอใจต้นขาแข็งแรงขยับแยกออกกว้างให้มีพื้นที่
“ตื่นได้แล้วคนสวย อาหารเช้าพร้อมแล้ว”ชยกรตื่นมาจัดเตรียมอาหารแต่เช้า ก่อนที่จะกลับเข้ามาปลุกหญิงสาวที่ยังนอนสลับสนิทอยู่ด้วยแววตาเอ็นดู“วันนี้วันอาทิตย์ เพราะฉะนั้น.....ฝันดีค่ะ”“หยุดเลย ตื่นมากินข้าวก่อน แล้วค่อยนอนต่อ”หญิงสาวขยับกายลุกขึ้นมานั่ง แต่ดวงตายังปิดอยู่ จนร่างสูงต้องดึงให้เธอลุกขึ้น แล้วเอาผ้าเช็ดตัวมาห่อร่างกายเปลือยเปล่าเอาไว้ แล้วพาเธอเดินเข้าไปในห้องน้ำ“อาบน้ำเลย พี่เตรียมแปรงสีฟันให้แล้ว เสื้อผ้าแขวนอยู่หน้าตู้”“ค่าๆ”ชมพูแพรไม่ทันได้ฟังว่าเขาพูดอะไรแต่ก็ขานรับแต่โดยดี จนเมื่อเขาออกไปสักพักเธอถึงตั้งสติได้ จัดการล้างหน้าแปรงฟันแล้วอาบน้ำด้วยความรวดเร็ว“อะไรคะ”“โจ๊ก เจ้านี้อร่อย พี่ลงไปซื้อมาตั้งแต่ 6 โมง”“ตื่นเช้าไปไหมคะ วันนี้วันอาทิตย์นะคะ”“เคยชินน่ะสิ”หลังจากชมพูแพรหย่อนกายนั่งลงและหยิบช้อนขึ้น ชยกรก็เริ่มลงมือจัดการมื้อเช้า ทั้งคู่นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งกินเสร็จ หญิงสาวจึงเก็บถ้วยชามไปล้างแล้วกลับมานอนเล่นที่โซฟา“อยากไปไหนไหม”“ไม่ค่ะ ขี้เกียจ พรุ่งนี้ก็ต้องไปทำงานแล้ว”“ให้พี่ไปส่งไหม”“ชมพูไปเองดีกว่า ชมพูเข้างาน 9 โมง ออกจากบ้าน 8 โมงก็ทัน”“
เช้าวันต่อมา ชมพูแพรมาทำงานแต่เช้าตามปกติ หญิงสาวมีหน้าที่จัดเคลียร์เอกสารที่ได้รับเข้ามายังฝ่ายศูนย์วิจัยและแยกเป็นสัดส่วน เพื่อส่งต่อไปยังส่วนต่อไป ก่อนที่จะถูกนำส่งไปยังบุคคลตำแหน่งต่างๆ อีกหน้าที่คือนำเอกสารจากแผนกวิจัยส่งไปยังแผนกต่างๆ อาทิเช่น ตึกแพทยศาสตร์ ตึกการปกครอง ตึกอธิการบดี และอีกมากมายหญิงสาวใช้เวลาปรับตัวอยู่พักใหญ่ กับการที่เธอต้องนั่งโต๊ะในช่วงเช้าและจำแนกเอกสารออกไปส่งในบริเวณมหาวิทยาลัย แต่ไม่นานก็เคยชินและสนุกกับมัน เพราะอย่างน้อย เธอก็ไม่ต้องนั่งเบื่ออยู่แต่ที่โต๊ะทำงาน“อ้าว น้ายุ้ย สวัสดีค่ะ” ชมพูแพรที่มาส่งเอกสารที่ตึกแพทยศาสตร์ได้เจอเพื่อนสนิทของมารดาก็ยกมือไหว้ทักทายด้วยความดีใจ“อ้าว ชมพู มาทำอะไรล่ะ”“ส่งเอกสารให้รองอธิการค่ะ”“งานเป็นยังไงบ้าง ปรับตัวได้หรือยัง”“ปรับตัวได้แล้วค่ะ”“ดีแล้ว ตอนที่น้าเห็นประกาศรับสมัครน้ารีบบอกแม่เราเลย จะได้ให้มาสมัครและมีเวลาอ่านหนังสือสอบเยอะหน่อย”“โชคดีที่สอบติดนะคะ แต่ได้แนวข้อสอบจากน้ายุ้ย เลยช่วยได้เยอะเลย ขอบคุณมากเลยค่ะ”“หลานน้าทั้งคน น้าก็อยากให้ทำงานดีๆ สิ เอาล่ะ น้าไปทำงานก่อนนะ”“ค่ะ สวัสดีค่ะ”“จ้ะ”หลังจา
ชยกรกับเมฆาพากันมาที่ห้องอาหารของโรงพยาบาล ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปซื้อข้าวแล้วกลับมาเจอกันที่โต๊ะ“แคทนั่งด้วยได้ไหมคะ”ระหว่างที่กำลังลงมือกันอยู่ เสียงหวานของผู้หญิงก็ดังขึ้น ทั้งสองหนุ่มเงยหน้ามองพร้อมกัน ก็เห็นแคทริยายืนอยู่พร้อมกับจานข้าวในมือ“เอ่อ ครับ” เมฆาสบตากับชยกรก่อนตอบเสียงอ้อมแอ้มออกมา“เดี๋ยวนี้แคทไม่ค่อยได้เจอคุณ 2 คนเลย คนไข้เยอะเหรอคะ”“ของผมพอประมาณครับ ส่วนของหมอหนึ่งน่าจะยุ่งๆ เรื่องเตรียมตัวไปขอสาว” เมฆาหย่อนระเบิดลูกใหญ่“คะ เพิ่งคบไม่นานไม่ใช่เหรอคะ จะแต่งแล้วเหรอ” แคทริยามีอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด“ครับ พ่อแม่เราเป็นเพื่อนกันพอดี หน้าที่การงานของเขาก็เข้าที่เข้าทางแล้ว เลยว่าจะไปคุยกันในเร็วๆ นี้ครับ” ชยกรตอบน้ำเสียงจริงจัง“เอ่อ ค่ะ” แคทริยาหน้าเจื่อนลง“เออ ฉันว่าจะถาม แล้วชมพูพูดถึงยัยปลาการ์ตูนให้นายฟังบ้างไหม” เมฆาพาทั้งคู่เปลี่ยนเรื่องคุย“ไม่นะ”“แปลกนะ ยัยนั่นไม่นินทาฉันเลยเหรอ”“ทำอะไรให้เขามานินทาล่ะ”“เรื่องของผู้ชายแหละน่า”ชยกรส่ายหน้าอ่อนใจกับความเจ้าชู้ของเมฆา ตัวเขาเองก็เคยเจ้าชู้ แต่เขาเลือกกินและออกไปกินข้างนอก ไม่พาเข้าไปกินที่บ้านหรือคอนโด
“นั่งเล่นหน้าบาร์ก่อนนะ พี่ไปเซ็นเอกสารไม่นาน”“ตามสบายเลยค่ะ ชมพูนั่งดื่มไปเรื่อยๆ ได้ค่ะ”“จ้ะ แม่คุณ อย่าเมาจนเผลอไปกับใครนะ”“ไม่มีใครร้ายเท่าพี่หนึ่งหรอกค่ะ”ชายหนุ่มยิ้มแล้วจุมพิตแก้มนวลแผ่วเบา ก่อนจะแยกตัวเดินขึ้นบันไดไป ชมพูแพรหันมาคุยกับบาร์เทนเดอร์หนุ่ม ลูกน้องของชยกร เขาคอยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้านายหนุ่มโดยไม่มีใครรู้ จึงชวนหญิงสาวคุยและคอยดูแลไม่ให้ใครเข้ามายุ่งกับเธอผ่านไปหลายชั่วโมงชมพูแพรก็เริ่มเมา เธอดื่มไปเรื่อยๆ จนลืมไปแล้วว่าเธอดื่มไปมากเท่าไหร่ หญิงสาวจึงขอตัวออกไปข้างนอกสักพักเพื่อให้สร่างเมาชมพูแพรยืนสูดอากาศข้างนอกอยู่สักพักก็เดินกลับเข้ามาด้านใน ตรงไปยังโต๊ะวีไอพีตัวในสุดเพื่อนั่งพักอยู่คนเดียว“ทำไมมานั่งในมุมเลยล่ะ ถ้าบอยไม่บอกพี่ไม่รู้เลยนะว่ามาทางนี้”“ก็เพราะเป็นมุมที่ไม่มีใครเห็นไงคะ เลยมา ทั้งมืด ทั้งเป็นมุมอับ เหมาะกับการนั่งพักมากเลยค่ะ” ชมพูแพรพูดเสียงอ้อแอ้ เมื่อชยกรหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ“เมาแล้วเหรอ”“ค่ะ ดื่มไปเยอะเลย”หญิงสาวนั่งเอนกายพิงโซฟาอยู่อย่างนั้น ชยกรกวาดสายตามองไปรอบๆ ก็ปรากฏความคิดบางอย่างขึ้นมา“อยากเปลี่ยนบรรยากาศหน่อยไหม”“คะ?” ยังไม่
“น่ากลัวเหมือนกันนะคะเนี่ย”“ใช่ หนักขึ้นทุกวันด้วย แต่หล่อนเป็นหมอฝีมือดี เลยไม่ได้มีใครคิดจะตักเตือนเป็นเรื่องเป็นราวน่ะ”หลังจากออกมาจากโรงพยาบาลได้สักพัก พศินกับปรางค์วลัยก็เล่าเรื่องที่ได้ยินให้กับชยกรและชมพูแพรฟัง หญิงสาวมีอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด เพราะแคทริยาดูไม่น่าจะเป็นแบบนั้นได้“ตอนที่พวกฉันได้ยินยังตกใจเลย ที่หล่อนมีความคิดแบบนั้น” พศินเองก็ยังส่ายหน้าอย่างรู้สึกไม่ดี“ช่างเขาเถอะ ถ้าเขาไม่มาทำให้เดือดร้อนหรือเข้ามายุ่งวุ่นวายมากไปก็ยังพอให้อภัยได้ แต่ถ้ามากกว่านี้ก็เกรงจะเป็นอันตรายนะ” ปรางค์วลัยพูดแบบเป็นกลาง“กลัวจะหนักขึ้นน่ะสิ เพราะถึงขนาดรู้ว่ามีชมพูแล้วยังคิดแบบนี้ได้น่ะ” ชยกรเองก็เริ่มไม่สบายใจ“ก็รอดูกันไปก่อนก็ได้ค่ะ อย่าเพิ่งคิดมากเลย” ชมพูแพรปลอบใจทุกคน แต่ตัวเธอเองก็ไม่ได้สบายใจเท่าไหร่นัก แต่ถึงอย่างไรหล่อนก็เป็นหมอ มีหน้าที่การงานที่ดี คงไม่เสี่ยงทำอะไรสิ้นคิด“ดื่มกันไปก่อนนะสาวๆ พี่ขอขึ้นไปทำงานก่อน” ชยกรพาทั้งสามคนมาส่งที่โต๊ะวีไอพี ก่อนจะขอตัวขึ้นไปห้องทำงานชมพูแพรทำท่าทางโอเคใส่เขาแล้วยิ้มหวานให้ ชยกรจึงเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของร้าน พร้อมกับเรียกผู
เช้าวันต่อมา ชมพูแพรมาทำงานแต่เช้าตามปกติ หญิงสาวมีหน้าที่จัดเคลียร์เอกสารที่ได้รับเข้ามายังฝ่ายศูนย์วิจัยและแยกเป็นสัดส่วน เพื่อส่งต่อไปยังส่วนต่อไป ก่อนที่จะถูกนำส่งไปยังบุคคลตำแหน่งต่างๆ อีกหน้าที่คือนำเอกสารจากแผนกวิจัยส่งไปยังแผนกต่างๆ อาทิเช่น ตึกแพทยศาสตร์ ตึกการปกครอง ตึกอธิการบดี และอีกมากมายหญิงสาวใช้เวลาปรับตัวอยู่พักใหญ่ กับการที่เธอต้องนั่งโต๊ะในช่วงเช้าและจำแนกเอกสารออกไปส่งในบริเวณมหาวิทยาลัย แต่ไม่นานก็เคยชินและสนุกกับมัน เพราะอย่างน้อย เธอก็ไม่ต้องนั่งเบื่ออยู่แต่ที่โต๊ะทำงาน“อ้าว น้ายุ้ย สวัสดีค่ะ” ชมพูแพรที่มาส่งเอกสารที่ตึกแพทยศาสตร์ได้เจอเพื่อนสนิทของมารดาก็ยกมือไหว้ทักทายด้วยความดีใจ“อ้าว ชมพู มาทำอะไรล่ะ”“ส่งเอกสารให้รองอธิการค่ะ”“งานเป็นยังไงบ้าง ปรับตัวได้หรือยัง”“ปรับตัวได้แล้วค่ะ”“ดีแล้ว ตอนที่น้าเห็นประกาศรับสมัครน้ารีบบอกแม่เราเลย จะได้ให้มาสมัครและมีเวลาอ่านหนังสือสอบเยอะหน่อย”“โชคดีที่สอบติดนะคะ แต่ได้แนวข้อสอบจากน้ายุ้ย เลยช่วยได้เยอะเลย ขอบคุณมากเลยค่ะ”“หลานน้าทั้งคน น้าก็อยากให้ทำงานดีๆ สิ เอาล่ะ น้าไปทำงานก่อนนะ”“ค่ะ สวัสดีค่ะ”“จ้ะ”หลังจา
“ตื่นได้แล้วคนสวย อาหารเช้าพร้อมแล้ว”ชยกรตื่นมาจัดเตรียมอาหารแต่เช้า ก่อนที่จะกลับเข้ามาปลุกหญิงสาวที่ยังนอนสลับสนิทอยู่ด้วยแววตาเอ็นดู“วันนี้วันอาทิตย์ เพราะฉะนั้น.....ฝันดีค่ะ”“หยุดเลย ตื่นมากินข้าวก่อน แล้วค่อยนอนต่อ”หญิงสาวขยับกายลุกขึ้นมานั่ง แต่ดวงตายังปิดอยู่ จนร่างสูงต้องดึงให้เธอลุกขึ้น แล้วเอาผ้าเช็ดตัวมาห่อร่างกายเปลือยเปล่าเอาไว้ แล้วพาเธอเดินเข้าไปในห้องน้ำ“อาบน้ำเลย พี่เตรียมแปรงสีฟันให้แล้ว เสื้อผ้าแขวนอยู่หน้าตู้”“ค่าๆ”ชมพูแพรไม่ทันได้ฟังว่าเขาพูดอะไรแต่ก็ขานรับแต่โดยดี จนเมื่อเขาออกไปสักพักเธอถึงตั้งสติได้ จัดการล้างหน้าแปรงฟันแล้วอาบน้ำด้วยความรวดเร็ว“อะไรคะ”“โจ๊ก เจ้านี้อร่อย พี่ลงไปซื้อมาตั้งแต่ 6 โมง”“ตื่นเช้าไปไหมคะ วันนี้วันอาทิตย์นะคะ”“เคยชินน่ะสิ”หลังจากชมพูแพรหย่อนกายนั่งลงและหยิบช้อนขึ้น ชยกรก็เริ่มลงมือจัดการมื้อเช้า ทั้งคู่นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งกินเสร็จ หญิงสาวจึงเก็บถ้วยชามไปล้างแล้วกลับมานอนเล่นที่โซฟา“อยากไปไหนไหม”“ไม่ค่ะ ขี้เกียจ พรุ่งนี้ก็ต้องไปทำงานแล้ว”“ให้พี่ไปส่งไหม”“ชมพูไปเองดีกว่า ชมพูเข้างาน 9 โมง ออกจากบ้าน 8 โมงก็ทัน”“
“อ๊ะ.....” เสียงหวานใสอุทานตกใจ มือเล็กจับบ่ากว้างเอาไว้อย่างลืมตัว“บางทีเรื่องพวกนี้ใช้สัญชาตญาณก็ได้นะ อย่าไปเกร็งหรือกลัวมันเลย” เขาพึมพำเสียงแหบพร่า ริมฝีปากยังแนบชิดลำคอขาวหญิงสาวปล่อยให้เขาทำรอยที่คอเธอจนพอใจ เมื่อมือหนาคลายออกแล้วเคลื่อนมาที่กระดุมชุดนอนก็สะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ปล่อยให้เขาแกะมันออกจนหมด“กลัวไหม”“ไม่รู้สิคะ บอกไม่ถูก”เจ้าของตักแกร่งถือโอกาสสูดดมกลิ่นหอมหวานจากร่างบางบนตัก อ้าปากกัดหัวไหล่มนแรงๆ อย่างมันเขี้ยว“อ๊ะ!!!”“หืม เสียงได้อารมณ์ดีจัง”“กัดทำไมคะ”“มันเขี้ยว อยากจับฟัดแรงๆ”“หมายความว่ายังไง อ๊ะ.....”ไม่ทันสิ้นเสียง หญิงสาวก็ถูกริมฝีปากหยักแนบลงมา ลิ้นหนากระหวัดเกี่ยวเรียวลิ้นบางเล่น ตักตวงความหวานแกมหยอกล้อ ฝ่ามือหนาลูบไล้ต้นขาขาวเนียนแผ่วเบา หญิงสาวสะดุ้ง เมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ดิ้นขยุกขยิกอยู่ตรงใต้หว่างขาของเธอ อะไรบางอย่างที่เริ่มใหญ่โตขึ้นมาเป็นลำ“…..พี่หนึ่ง” เขาละริมฝีปากออกให้หญิงสาวได้หายใจ เธอสูดลมหายใจเข้าปอด มือดันหน้าอกเขาไว้“ครับ” ชายหนุ่มฝังจมูกลงบนลำคอระหง กัดงับผิวเนื้ออ่อนเล่นอย่างพอใจต้นขาแข็งแรงขยับแยกออกกว้างให้มีพื้นที่
“อ้าว 2 สาวล่ะครับ” ชยกรกลับมาจากสูบบุหรี่ไม่เห็นชมพูแพรก็มีสีหน้าไม่พอใจ“นู่นค่ะ” ปรางค์วลัยชี้ไปที่เพื่อนสาวทั้งสองคนที่เต้นกันอย่างสนุกสนาน“ไอ้หมอ” เมฆาที่เพิ่งมาถึงเดินเข้ามาตบบ่าชยกรเป็นการบอกว่าเขามา“อะไรไอ้หมอ” เขาย้อนเพื่อนพร้อมกับมองไปที่หญิงสาวตัวเล็กตาวาว“จะมาไม่บอกเพื่อนนะมึง” เมฆาที่มัวแต่คุยไม่ทันได้หันไปมองรอบข้าง“คำสั่งเมีย” ชยกรบอกเสียงเรียบ“กูล่ะหมั่นไส้คนหลงเมีย” เมฆาแขวะเพื่อนด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะมองไปที่โซฟาก็เห็นว่าปรางค์วลัยนั่งอยู่ ก็หน้าเหวอไป“ไง” ปรางค์วลัยทักเมฆาสีหน้าเรียบเฉย“เฮ้ย ยัยปลาการ์ตูน มาได้ยังไง” เมฆาที่เห็นปรางค์วลัยก็โวยวาย“ฉันมากับเพื่อนฉันเหอะน่า”“เดี๋ยวนะ สองคนนี้รู้จักกันเหรอ” ชยกรถามเมื่อได้ยินทั้งสองคนคุยกัน“พี่ชายข้างบ้านค่ะ แต่ไม่ได้นับถือเป็นพี่ เพราะมันมั่วผู้หญิง” ปรางค์วลัยบอกชยกรแล้วยิ้มให้“ยัยปากจัด” เมฆาแขวะปรางค์วลัย แต่หญิงสาวก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้“อย่าฆ่ากันตายล่ะ เดี๋ยวมา” ชยกรหมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้เมฆากับปรางค์วลัยเถียงกันอยู่แบบนั้นทางด้านชมพูแพรกับพศินที่ออกมาเต้นกันอย่างสนุกสนานก็ไม่ได้สนใจว่าใครจะเข้ามาใก
ชมพูแพรนั่งเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ จนเริ่มง่วง เพราะเมื่อคืนเธอตื่นมาโรงพยาบาลเป็นเพื่อนเขา หญิงสาวมองประตูห้องนอนอย่างชั่งใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่เธอเพิ่งวางลงบนโต๊ะ แล้วลุกออกจากโซฟา เดินหายเข้าไปในห้องหลังจากประชุมเรื่องงบประมาณของแต่ละแผนกอยู่หลายชั่วโมง ชยกรก็กลับมาที่ห้องทำงานด้วยสีหน้าเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาคมมองหาร่างเล็กก่อนจะไปสะดุดตากับกระเป๋าที่วางอยู่บนโต๊ะ จึงเดินไปเปิดประตูห้องนอนแล้วก็พบว่าหญิงสาวกำลังหลับสนิทอยู่บนเตียงเขาปิดประตูห้องนอนเอาไว้ตามเดิมแล้วกลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน แล้วเริ่มเคลียร์งานบนโต๊ะต่อ โดยมีผู้ช่วยส่วนตัวนำแฟ้มเอกสารมาวางไว้ให้บนโต๊ะ“กลับบ้านกัน จะแวะไปหาอะไรกินก่อนไหม” ชยกรถามหลังปิดคอมพิวเตอร์แล้วลุกออกจากโต๊ะ“แล้วแต่เลยค่ะ” หญิงสาววางหนังสือในมือลงแล้วขยับตัวลุกขึ้นตามเขา“จะเอาไปอ่านที่บ้านไหม”“ไม่เป็นไรค่ะ”“งั้นก็หาอะไรคั่นไว้ ถ้ามาวันไหนก็ค่อยมาอ่าน”“ค่ะ พรุ่งนี้หยุดไหมคะ”“อื้อ หยุด จะไปไหนล่ะ”“ไปผับกันค่ะ ชวนยัยพินนี่กับการ์ตูนไปด้วย”“สองสาวนั่นน่ะเหรอ”“ค่ะ”“ตามใจ งั้นกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านก่อนแล้วกัน”ชมพูแพรยิ้มหวานอ
‘พี่ไปทำงานก่อนนะชมพู เจอกันตอนเย็นครับ รหัสห้องพี่เปลี่ยนไปใช้รหัสเดียวกับชมพูแล้ว เผื่ออยากเข้าไปสำรวจอะไรก็เข้าไปได้เลยนะ อย่าซนล่ะ’“เดี๋ยวนะ ทำไมทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะเนี่ย”เสียงหวานใสพึมพำเบาๆ หลังจากที่เธอเห็นกระดาษที่ชยกรเขียนข้อความแปะเอาไว้ที่ประตูห้องนอน เมื่อเธอตื่นแล้วจะเปิดประตูออกไปก็จะเจอข้อความของเขาก่อนเป็นอย่างแรกหญิงสาวออกจากห้องนอนมาก็เจออาหารเช้าที่เขาซื้อเอาไว้ให้วางอยู่บนโต๊ะ พร้อมด้วยกุญแจสำรองของห้องเขากับกุญแจรถวางอยู่คู่กัน ชมพูแพรมองแล้วอมยิ้ม ทำเหมือนเธอจะหนีเที่ยงอย่างนั้นแหละ เตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้พร้อมเลยถ้วยจานที่เก็บอยู่ในชั้นวางถูกหยิบออกมาที่โต๊ะ มือเล็กแกะอาหารที่เขาซื้อเอาไว้ให้เทใส่จานแล้วนั่งลงจัดการเงียบๆ ก่อนจะกดรับสายเมื่อมีสายเรียกเข้าดังมาจากโทรศัพท์“ไง”‘ตื่นเช้าจังวะ แล้วนี่กินอะไรเนี่ย’“มื้อเช้า คุณหมอเขาเตรียมเอาไว้ให้”‘ต๊าย ดูแลดีดั่งเมียแต่ง’“พูดมากน่า ว่าแต่มีอะไร”‘โทรมาเช็กดูเฉยๆ ว่ายังอยู่ดีไหม หรือตายคาเตียงไปแล้ว’“ยัยบ้า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นย่ะ แถมเมื่อคืนต้องบึ่งไปโรงพยาบาลเพราะมีเคสผ่าตัดด่วนอีกต่างหาก ต