“อ้าว 2 สาวล่ะครับ” ชยกรกลับมาจากสูบบุหรี่ไม่เห็นชมพูแพรก็มีสีหน้าไม่พอใจ
“นู่นค่ะ” ปรางค์วลัยชี้ไปที่เพื่อนสาวทั้งสองคนที่เต้นกันอย่างสนุกสนาน
“ไอ้หมอ” เมฆาที่เพิ่งมาถึงเดินเข้ามาตบบ่าชยกรเป็นการบอกว่าเขามา
“อะไรไอ้หมอ” เขาย้อนเพื่อนพร้อมกับมองไปที่หญิงสาวตัวเล็กตาวาว
“จะมาไม่บอกเพื่อนนะมึง” เมฆาที่มัวแต่คุยไม่ทันได้หันไปมองรอบข้าง
“คำสั่งเมีย” ชยกรบอกเสียงเรียบ
“กูล่ะหมั่นไส้คนหลงเมีย” เมฆาแขวะเพื่อนด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะมองไปที่โซฟาก็เห็นว่าปรางค์วลัยนั่งอยู่ ก็หน้าเหวอไป
“ไง” ปรางค์วลัยทักเมฆาสีหน้าเรียบเฉย
“เฮ้ย ยัยปลาการ์ตูน มาได้ยังไง” เมฆาที่เห็นปรางค์วลัยก็โวยวาย
“ฉันมากับเพื่อนฉันเหอะน่า”
“เดี๋ยวนะ สองคนนี้รู้จักกันเหรอ” ชยกรถามเมื่อได้ยินทั้งสองคนคุยกัน
“พี่ชายข้างบ้านค่ะ แต่ไม่ได้นับถือเป็นพี่ เพราะมันมั่วผู้หญิง” ปรางค์วลัยบอกชยกรแล้วยิ้มให้
“ยัยปากจัด” เมฆาแขวะปรางค์วลัย แต่หญิงสาวก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“อย่าฆ่ากันตายล่ะ เดี๋ยวมา” ชยกรหมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้เมฆากับปรางค์วลัยเถียงกันอยู่แบบนั้น
ทางด้านชมพูแพรกับพศินที่ออกมาเต้นกันอย่างสนุกสนานก็ไม่ได้สนใจว่าใครจะเข้ามาใกล้หรือมีใครมอง เพราะพวกเธอแค่มาเต้นมาสนุกสนานกัน จนเมื่อพศินเห็นชยกรเข้ามาใกล้ก็ขยับออกห่างจากเพื่อนสาวเล็กน้อย ให้เขาเข้ามาแทนที่
“ซนจังนะ” ชายหนุ่มมองเธอตาเขียว
“อ้าว ก็มาเที่ยวมาสนุกนี่คะ จะให้นั่งอยู่เฉยๆ ได้ยังไง” ชมพูแพรเถียงแล้วมองเขาตาหวาน
“ทำไมดื้อจัง”
“ชมพูไม่ดื้อนะ”
“ไม่ดื้อก็กลับโต๊ะ เมฆมาถึงแล้ว”
“ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวหน้าเบ้ แต่ก็ยอมเดินกลับโต๊ะตามที่เขาพาเธอไปแต่โดยดี
เมื่อกลับมาถึงที่โต๊ะ ชมพูแพรก็เห็นปรางค์วลัยกับเมฆากำลังเถียงกันหน้าดำหน้าแดง หญิงสาวมองชยกรอย่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“สองคนนี้รู้จักกันน่ะ”
“หะ”
หญิงสาวตกใจ แต่ก็ต้องรีบเข้าไปห้ามทัพ เมื่อทั้งสองคนทำท่าจะทะเลาะกันใหญ่โต ปรางค์วลัยยอมสงบลงเมื่อชมพูแพรห้ามเอาไว้ เช่นเดียวกับเมฆาที่ยอมหยุดโวยวายเมื่อเห็นสายตาของชยกร
“เอาล่ะ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” ชมพูแพรถามเมื่อจับทั้งคู่แยกกันได้โดยมีเธอกับชยกรนั่งคั่นกลาง
“ไม่มีอะไรหรอก” ปรางค์วลัยพูดตัดจบแล้วยกแก้วขึ้นจรดริมฝีปาก
“งั้นจบนะ จะตีกันก็ไปตีกันนอกรอบ” หญิงสาวตัวเล็กสรุปให้
“อือ” ปรางค์วลัยส่งสายตามองเมฆาอย่างคาดโทษ
“เออๆ จบก็จบ กลับบ้านเจอกัน ยัยปากจัด”
“ไอ้หมอเมฆ” ชยกรเรียกเพื่อนเสียงเข้มเมื่อเพื่อนเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
“ครับ จบครับ” เมฆายอมเงียบเสียงลงแต่โดยดี
พศินเดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับหนุ่มหล่อชาวต่างชาติ ก็แปลกใจเมื่อเห็นบรรยากาศบนโต๊ะที่ยังมีกลิ่นมาคุ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
“ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่หิ้วหนุ่มที่ไหนมาเนี่ย” ชมพูแพรถามพศินพลางยิ้มรับผู้มาใหม่
“เพื่อนใหม่จ้ะ รู้จักกันเมื่อกี๊เลย”
“สวัสดีครับ ผมชื่อเบน”
พศินบอกเพื่อนๆ พร้อมกับที่ชายหนุ่มตาน้ำข้าวผู้มาใหม่แนะนำตัวเอง แล้วจับมือกับชยกร เมื่อเขาทั้งคู่รู้จักกันดี
“ยินดีต้อนรับกลับมา” ชยกรยิ้มทักทาย
“ดีใจที่ได้กลับมา” เบนเองก็ยิ้มให้เขาเช่นกัน
“รู้จักกันเหรอคะ” พศินถามทั้งสองคนสีหน้าแปลกใจ
“เพื่อนกันตอนเรียนไฮสคูลครับ” ชยกรบอก คลายความสงสัยของทุกคน
“เออ โลกกลมดีแหะ เดี๋ยวนะ ขอไล่เลียงหน่อย คุณหมอหนึ่งเป็นผัวยัยชมพู ยัยชมพูเป็นเพื่อนฉันกับยัยตูน ฉันบังเอิญรู้จักเบน เบนเป็นเพื่อนหมอหนึ่ง” พศินสรุปงงๆ
“และหมอเมฆเป็นเพื่อนพี่หนึ่ง ที่บังเอิญรู้จักกับยัยตูนด้วย” ชมพูแพรสรุปต่อให้ยิ้มๆ
“แล้วก็รู้จักเบนด้วย เพราะเรียนด้วยกันทั้งสามคนเลย” ชยกรต่อให้จนจบ
“เออ โลกกลมเว่อร์ นั่งด้วยกันไหมคะเบน” พศินมองหน้าทุกคนเหลอหลา ก่อนที่จะชวนเบนให้นั่งร่วมโต๊ะด้วยกัน
“ด้วยความยินดีครับ” เบนนั่งลงข้างเมฆา ส่วนพศินนั่งลงข้างปรางค์วลัย
หลังจากทำความรู้จักกันและพูดคุยกันอยู่จนดึก ชยกรก็ขอตัวพาชมพูแพรกลับก่อน เพราะหญิงสาวเริ่มเมา ก่อนที่จะแยกออกมา
เมื่อกลับมาถึงที่คอนโด ชยกรก็แทบจะหิ้วชมพูแพรขึ้นมาที่ห้อง เพราะหญิงสาวไม่ยอมให้เขาอุ้ม เธอโซเซมาทิ้งตัวนอนบนโซฟา
“ชมพูง่วง อยากนอนแล้ว”
“ไปอาบน้ำก่อน เหม็นเหล้า”
“ทีพี่หนึ่งยังมีกลิ่นบุหรี่เลย”
“พี่ก็อาบน้ำก่อนนอนไง กลิ่นจะได้ไม่ติดที่นอน ไปอาบน้ำเลยคนสวย”
“ไม่ไป ขี้เกียจ”
“ไม่ไปพี่อาบให้เองนะ” ชยกรขู่หญิงสาวเมื่อเห็นว่าเธอไม่ยอมลุกแน่ๆ
“ไม่สน ว้าย.....”
ชมพูแพรไม่สนอะไรทั้งนั้น เธอทำท่าจะหลับอย่างเดียว แต่ก็ต้องร้องวี้ดแล้วลืมตาขึ้นมามอง เมื่อเธอถูกเขาอุ้มตัวลอยแล้วเดินตรงไปที่ห้องน้ำ
“แน่ใจนะว่าจะไม่อาบเอง”
“อาบเองก็ได้ค่ะ”
หญิงสาวเป็นฝ่ายยอมแพ้ เมื่อเขาวางเธอที่พื้นใต้ฝักบัว ก่อนจะรูดซิบชุดเดรสที่ด้านหลังให้เธอให้จนถึงเอว มือเล็กจับชุดด้านหน้าเอาไว้ไม่ให้มันหลุด
“อาบน้ำให้เรียบร้อย เดี๋ยวพี่เอาผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนมาแขวนไว้ให้หน้าประตู ถ้าพี่กลับมาแล้วยังอาบไม่เสร็จ พี่จะเข้ามาอาบให้เอง” ชายหนุ่มบอกเสียงเข้มก่อนจะออกจากห้องน้ำไปท่ามกลางความโล่งใจของชมพูแพร
ชยกรกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องของตนเอง แต่ก็ยังไม่วายเปิดประตูระเบียงออกไปสูบบุหรี่ก่อน จนเมื่อเขากลับเข้ามาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็ตั้งใจจะหยิบโทรศัพท์เพื่อไปนอนที่ห้องชมพูแพร แต่ก็เปลี่ยนใจแล้ววางโทรศัพท์ไว้ตามเดิมแล้วเดินออกไปมือเปล่า โดยเอาผ้ามาขวางประตูเอาไว้ไม่ให้มันปิด
เมื่อเขาเข้ามาในห้องหญิงสาวก็ตรงเข้าไปที่ห้องนอน เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กอยู่ในชุดนอนภายใต้ผ้าห่มก็อมยิ้ม ก้าวเท้าเข้าไปยืนข้างเตียงแล้วตวัดผ้าห่มออก
“ไปนอนห้องนู้น”
“ไม่ไปค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธแบบไม่ต้องคิด
“ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธครับ”
เขาหยิบรีโมทมากดปิดแอร์แล้ววางลง อ้อมแขนแข็งแรงช้อนอุ้มร่างเล็กลอยขึ้น แล้วให้แขนดันสวิตช์ไฟให้ปิดลง ก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่ลืมปิดไฟด้านนอกให้เรียบร้อย
หลังจากพาหญิงสาวเข้ามาในห้องของตัวเองก็เดินตรงเข้าไปวางร่างเล็กในห้องนอน ชมพูแพรนั่งตัวเกร็งจนเขารู้สึกได้
“ไม่ต้องกลัว ไม่ทำอะไรหรอก เราแค่เริ่มไม่เหมือนคนอื่น แต่เราเริ่มไปแล้ว มันถอยไม่ได้ แล้วพี่ก็จะไม่ถอย” รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งให้หญิงสาว เมื่อเธอมองเขาตาไม่กะพริบ
“พามาทำไมคะ”
“แค่อยากอยู่ด้วยครับ สงสัยเราจะได้ตกลงกันใหม่นะ”
“ตกลงอะไรคะ”
“ก็ตกลงว่าเราจะสลับกันอยู่ ดีไหม บางวันนอนห้องชมพู บางวันนอนห้องพี่ แล้วก็ชมพูย้ายไปอยู่ในห้องนอนใหญ่ได้แล้ว ห้องเล็กทำเป็นห้องแต่งตัวน่าจะดีกว่า”
“.....” ชมพูแพรมองเขานิ่ง
“เอาตามนี้นะ พี่ออกไปปิดไฟข้างนอกก่อน”
ชยกรพูดจบก็ลุกออกไปปิดไฟด้านนอก ก่อนจะกลับเข้ามาในห้องนอน เปิดโคมไฟบนหัวเตียง ปิดไฟดวงใหญ่ แล้วถึงขึ้นไปบนเตียงนอน
ชมพูแพรยังนั่งมองเขานิ่ง จนชายหนุ่มต้องรวบตัวเธอเข้ามาใกล้ แล้วยกหญิงสาวขึ้นมานั่งคร่อมบนตัก ส่วนตัวเขาก็หยิบหมอนมาซ้อนกันแล้วเอนกายพิงหัวเตียง
“.....อะไรคะ”
“ก็เห็นมองจ้องขนาดนั้น มีอะไรจะถามล่ะ”
“ไม่มีค่ะ”
“แน่ใจนะ”
“.....”
“พี่ไม่เคยพาใครมาที่นี่ ที่บ้านด้วย พี่เป็นคนรักสันโดษ รักความเป็นส่วนตัว ถ้าจะถามว่ามีเรื่องผู้หญิงไหม ก็มีเหมือนผู้ชายทั่วไป แต่จะกินเป็นครั้งคราวแล้วจบ ไม่เคยต่อ ไม่เคยทำความรู้จัก ไม่มีคืนที่ 2 ไม่เคยมาคอยตามใคร”
“แล้วทำไมถึงมาตามชมพู”
“ชมพูอาจจะไม่รู้ตัว แต่คืนนั้น พี่เป็นคนเข้าหาชมพูก่อน”
“.....” หญิงสาวขมวดคิ้ว มองสบตาเขาด้วยความไม่เข้าใจ
“ที่ชมพูหันมาชนพี่ ก็เพราะพี่เดินเข้าไปหาชมพู และห้องนั้นก็ไม่เคยมีใครได้ขึ้นไป ชมพูเป็นคนแรก เพราะห้องนั้นเป็นห้องนอนของพี่”
“ไม่เข้าใจ”
“ก็พูดง่ายๆ คือเป็นความตั้งใจของพี่ ทุกอย่าง ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”
“ขี้โกงนี่”
“เปล่านะ แต่ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้มาแบบนี้ไง”
“นั่นแหละ เรียกขี้โกง ทำไมไม่ทำความรู้จักดีๆ”
“ไม่เอา เสียเวลา ข้ามขั้นเลย เอาก่อน ค่อยมาทำความรู้จักทีหลังก็ได้”
“.....แล้วถ้าพี่ไม่ใช่คนแรกของชมพูล่ะ”
“ก็ไม่เห็นเป็นอะไร แค่เป็นชมพูก็พอ”
“ขี้โกงสุดๆ”
“เปล่านะ”
“แล้วถ้าวันนั้นชมพูไม่ได้ไปโรงพยาบาล พี่ก็ไม่เจอชมพูอีกครั้งอยู่ดี”
“ใครว่าล่ะ ตั้งใจจะเปิดกล้องวงจรปิดแล้วให้ลูกน้องไปสืบหาตัวอยู่แล้ว สำหรับพี่มันไม่ยากหรอก ถ้าหากจะตามหา”
“ขี้โกง”
“ยอมรับก็ได้ว่าโกง แต่ถ้าไม่โกงก็ไม่ได้ชมพูมาอยู่ตรงนี้นะ”
“.....”
หญิงสาวเบะปากอย่างหมั่นไส้ ชยกรเห็นก็โอบแผ่นหลังบาง โน้มให้เธอเอนตัวเข้ามาใกล้ ชมพูแพรรีบท้าวมือกับหัวเตียงเอาไว้
“ชมพูบอกว่าจำอะไรไม่ได้ใช่ไหม คืนนั้น”
“.....จำไม่ได้ค่ะ เมามากไปหน่อย” หญิงสาวยอมรับตามตรง
“แล้วเช้าวันนั้นเป็นยังไงบ้าง”
“ยับเยินค่ะ ระบมไปทั้งตัว โชคดีที่เข้างาน 9 โมง เลยหาซื้อยากินได้ทัน”
“ทบทวนความจำหน่อยไหม” ชายหนุ่มยิ้มกรุ้มกริ่ม
“รอยยังไม่จางเลยค่ะ ทั้งตัวเลยนะคะ”
“ก็ทำทั้งตัว มันก็ต้องมีรอยทั้งตัวสิ ตรงนั้นก็มีรอยนะ”
“.....” ใบหน้าหวานขึ้นสีเมื่อเขาพูดหน้าตาเฉย ใช่.....ตรงนั้นของเธอมีรอยดูดอยู่จริงๆ
“โรคจิต ใครเขาไปดูดตรงนั้นกันล่ะคะ”
“ดูดได้ทุกที่แหละ แล้วก็ดูดชมพูทุกที่แล้วด้วย ร่างกายของชมพูไม่เป็นความลับสำหรับพี่ กินมาทั้งตัวแล้ว”
ชมพูแพรพูดไม่ออก วันนั้นเธอเมาจนจำอะไรไม่ได้จริงๆ แล้วหลังจากที่เจอกันชยกรก็สุภาพกับเธอมาก เลยไม่ได้คิดว่าเขาจะพูดตรงแบบนี้
“ผู้ชายมันก็มีมุมที่ดิบเถื่อนเหมือนกันหมดแหละ คนสวย”
พูดจบฝ่ามือหนาก็จับที่ต้นคอระหง ล็อกให้หญิงสาวขยับหนีไม่ได้ ก่อนที่เขาจะขยับนั่งตัวตรง แนบริมฝีปากลงบนลำคอขาวด้วยความรวดเร็วจนเธอไม่ทันได้ตั้งตัว
“อ๊ะ.....” เสียงหวานใสอุทานตกใจ มือเล็กจับบ่ากว้างเอาไว้อย่างลืมตัว“บางทีเรื่องพวกนี้ใช้สัญชาตญาณก็ได้นะ อย่าไปเกร็งหรือกลัวมันเลย” เขาพึมพำเสียงแหบพร่า ริมฝีปากยังแนบชิดลำคอขาวหญิงสาวปล่อยให้เขาทำรอยที่คอเธอจนพอใจ เมื่อมือหนาคลายออกแล้วเคลื่อนมาที่กระดุมชุดนอนก็สะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ปล่อยให้เขาแกะมันออกจนหมด“กลัวไหม”“ไม่รู้สิคะ บอกไม่ถูก”เจ้าของตักแกร่งถือโอกาสสูดดมกลิ่นหอมหวานจากร่างบางบนตัก อ้าปากกัดหัวไหล่มนแรงๆ อย่างมันเขี้ยว“อ๊ะ!!!”“หืม เสียงได้อารมณ์ดีจัง”“กัดทำไมคะ”“มันเขี้ยว อยากจับฟัดแรงๆ”“หมายความว่ายังไง อ๊ะ.....”ไม่ทันสิ้นเสียง หญิงสาวก็ถูกริมฝีปากหยักแนบลงมา ลิ้นหนากระหวัดเกี่ยวเรียวลิ้นบางเล่น ตักตวงความหวานแกมหยอกล้อ ฝ่ามือหนาลูบไล้ต้นขาขาวเนียนแผ่วเบา หญิงสาวสะดุ้ง เมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ดิ้นขยุกขยิกอยู่ตรงใต้หว่างขาของเธอ อะไรบางอย่างที่เริ่มใหญ่โตขึ้นมาเป็นลำ“…..พี่หนึ่ง” เขาละริมฝีปากออกให้หญิงสาวได้หายใจ เธอสูดลมหายใจเข้าปอด มือดันหน้าอกเขาไว้“ครับ” ชายหนุ่มฝังจมูกลงบนลำคอระหง กัดงับผิวเนื้ออ่อนเล่นอย่างพอใจต้นขาแข็งแรงขยับแยกออกกว้างให้มีพื้นที่
“ตื่นได้แล้วคนสวย อาหารเช้าพร้อมแล้ว”ชยกรตื่นมาจัดเตรียมอาหารแต่เช้า ก่อนที่จะกลับเข้ามาปลุกหญิงสาวที่ยังนอนสลับสนิทอยู่ด้วยแววตาเอ็นดู“วันนี้วันอาทิตย์ เพราะฉะนั้น.....ฝันดีค่ะ”“หยุดเลย ตื่นมากินข้าวก่อน แล้วค่อยนอนต่อ”หญิงสาวขยับกายลุกขึ้นมานั่ง แต่ดวงตายังปิดอยู่ จนร่างสูงต้องดึงให้เธอลุกขึ้น แล้วเอาผ้าเช็ดตัวมาห่อร่างกายเปลือยเปล่าเอาไว้ แล้วพาเธอเดินเข้าไปในห้องน้ำ“อาบน้ำเลย พี่เตรียมแปรงสีฟันให้แล้ว เสื้อผ้าแขวนอยู่หน้าตู้”“ค่าๆ”ชมพูแพรไม่ทันได้ฟังว่าเขาพูดอะไรแต่ก็ขานรับแต่โดยดี จนเมื่อเขาออกไปสักพักเธอถึงตั้งสติได้ จัดการล้างหน้าแปรงฟันแล้วอาบน้ำด้วยความรวดเร็ว“อะไรคะ”“โจ๊ก เจ้านี้อร่อย พี่ลงไปซื้อมาตั้งแต่ 6 โมง”“ตื่นเช้าไปไหมคะ วันนี้วันอาทิตย์นะคะ”“เคยชินน่ะสิ”หลังจากชมพูแพรหย่อนกายนั่งลงและหยิบช้อนขึ้น ชยกรก็เริ่มลงมือจัดการมื้อเช้า ทั้งคู่นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งกินเสร็จ หญิงสาวจึงเก็บถ้วยชามไปล้างแล้วกลับมานอนเล่นที่โซฟา“อยากไปไหนไหม”“ไม่ค่ะ ขี้เกียจ พรุ่งนี้ก็ต้องไปทำงานแล้ว”“ให้พี่ไปส่งไหม”“ชมพูไปเองดีกว่า ชมพูเข้างาน 9 โมง ออกจากบ้าน 8 โมงก็ทัน”“
เช้าวันต่อมา ชมพูแพรมาทำงานแต่เช้าตามปกติ หญิงสาวมีหน้าที่จัดเคลียร์เอกสารที่ได้รับเข้ามายังฝ่ายศูนย์วิจัยและแยกเป็นสัดส่วน เพื่อส่งต่อไปยังส่วนต่อไป ก่อนที่จะถูกนำส่งไปยังบุคคลตำแหน่งต่างๆ อีกหน้าที่คือนำเอกสารจากแผนกวิจัยส่งไปยังแผนกต่างๆ อาทิเช่น ตึกแพทยศาสตร์ ตึกการปกครอง ตึกอธิการบดี และอีกมากมายหญิงสาวใช้เวลาปรับตัวอยู่พักใหญ่ กับการที่เธอต้องนั่งโต๊ะในช่วงเช้าและจำแนกเอกสารออกไปส่งในบริเวณมหาวิทยาลัย แต่ไม่นานก็เคยชินและสนุกกับมัน เพราะอย่างน้อย เธอก็ไม่ต้องนั่งเบื่ออยู่แต่ที่โต๊ะทำงาน“อ้าว น้ายุ้ย สวัสดีค่ะ” ชมพูแพรที่มาส่งเอกสารที่ตึกแพทยศาสตร์ได้เจอเพื่อนสนิทของมารดาก็ยกมือไหว้ทักทายด้วยความดีใจ“อ้าว ชมพู มาทำอะไรล่ะ”“ส่งเอกสารให้รองอธิการค่ะ”“งานเป็นยังไงบ้าง ปรับตัวได้หรือยัง”“ปรับตัวได้แล้วค่ะ”“ดีแล้ว ตอนที่น้าเห็นประกาศรับสมัครน้ารีบบอกแม่เราเลย จะได้ให้มาสมัครและมีเวลาอ่านหนังสือสอบเยอะหน่อย”“โชคดีที่สอบติดนะคะ แต่ได้แนวข้อสอบจากน้ายุ้ย เลยช่วยได้เยอะเลย ขอบคุณมากเลยค่ะ”“หลานน้าทั้งคน น้าก็อยากให้ทำงานดีๆ สิ เอาล่ะ น้าไปทำงานก่อนนะ”“ค่ะ สวัสดีค่ะ”“จ้ะ”หลังจา
“น่ากลัวเหมือนกันนะคะเนี่ย”“ใช่ หนักขึ้นทุกวันด้วย แต่หล่อนเป็นหมอฝีมือดี เลยไม่ได้มีใครคิดจะตักเตือนเป็นเรื่องเป็นราวน่ะ”หลังจากออกมาจากโรงพยาบาลได้สักพัก พศินกับปรางค์วลัยก็เล่าเรื่องที่ได้ยินให้กับชยกรและชมพูแพรฟัง หญิงสาวมีอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด เพราะแคทริยาดูไม่น่าจะเป็นแบบนั้นได้“ตอนที่พวกฉันได้ยินยังตกใจเลย ที่หล่อนมีความคิดแบบนั้น” พศินเองก็ยังส่ายหน้าอย่างรู้สึกไม่ดี“ช่างเขาเถอะ ถ้าเขาไม่มาทำให้เดือดร้อนหรือเข้ามายุ่งวุ่นวายมากไปก็ยังพอให้อภัยได้ แต่ถ้ามากกว่านี้ก็เกรงจะเป็นอันตรายนะ” ปรางค์วลัยพูดแบบเป็นกลาง“กลัวจะหนักขึ้นน่ะสิ เพราะถึงขนาดรู้ว่ามีชมพูแล้วยังคิดแบบนี้ได้น่ะ” ชยกรเองก็เริ่มไม่สบายใจ“ก็รอดูกันไปก่อนก็ได้ค่ะ อย่าเพิ่งคิดมากเลย” ชมพูแพรปลอบใจทุกคน แต่ตัวเธอเองก็ไม่ได้สบายใจเท่าไหร่นัก แต่ถึงอย่างไรหล่อนก็เป็นหมอ มีหน้าที่การงานที่ดี คงไม่เสี่ยงทำอะไรสิ้นคิด“ดื่มกันไปก่อนนะสาวๆ พี่ขอขึ้นไปทำงานก่อน” ชยกรพาทั้งสามคนมาส่งที่โต๊ะวีไอพี ก่อนจะขอตัวขึ้นไปห้องทำงานชมพูแพรทำท่าทางโอเคใส่เขาแล้วยิ้มหวานให้ ชยกรจึงเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของร้าน พร้อมกับเรียกผู
“นั่งเล่นหน้าบาร์ก่อนนะ พี่ไปเซ็นเอกสารไม่นาน”“ตามสบายเลยค่ะ ชมพูนั่งดื่มไปเรื่อยๆ ได้ค่ะ”“จ้ะ แม่คุณ อย่าเมาจนเผลอไปกับใครนะ”“ไม่มีใครร้ายเท่าพี่หนึ่งหรอกค่ะ”ชายหนุ่มยิ้มแล้วจุมพิตแก้มนวลแผ่วเบา ก่อนจะแยกตัวเดินขึ้นบันไดไป ชมพูแพรหันมาคุยกับบาร์เทนเดอร์หนุ่ม ลูกน้องของชยกร เขาคอยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้านายหนุ่มโดยไม่มีใครรู้ จึงชวนหญิงสาวคุยและคอยดูแลไม่ให้ใครเข้ามายุ่งกับเธอผ่านไปหลายชั่วโมงชมพูแพรก็เริ่มเมา เธอดื่มไปเรื่อยๆ จนลืมไปแล้วว่าเธอดื่มไปมากเท่าไหร่ หญิงสาวจึงขอตัวออกไปข้างนอกสักพักเพื่อให้สร่างเมาชมพูแพรยืนสูดอากาศข้างนอกอยู่สักพักก็เดินกลับเข้ามาด้านใน ตรงไปยังโต๊ะวีไอพีตัวในสุดเพื่อนั่งพักอยู่คนเดียว“ทำไมมานั่งในมุมเลยล่ะ ถ้าบอยไม่บอกพี่ไม่รู้เลยนะว่ามาทางนี้”“ก็เพราะเป็นมุมที่ไม่มีใครเห็นไงคะ เลยมา ทั้งมืด ทั้งเป็นมุมอับ เหมาะกับการนั่งพักมากเลยค่ะ” ชมพูแพรพูดเสียงอ้อแอ้ เมื่อชยกรหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ“เมาแล้วเหรอ”“ค่ะ ดื่มไปเยอะเลย”หญิงสาวนั่งเอนกายพิงโซฟาอยู่อย่างนั้น ชยกรกวาดสายตามองไปรอบๆ ก็ปรากฏความคิดบางอย่างขึ้นมา“อยากเปลี่ยนบรรยากาศหน่อยไหม”“คะ?” ยังไม่
ชยกรกับเมฆาพากันมาที่ห้องอาหารของโรงพยาบาล ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปซื้อข้าวแล้วกลับมาเจอกันที่โต๊ะ“แคทนั่งด้วยได้ไหมคะ”ระหว่างที่กำลังลงมือกันอยู่ เสียงหวานของผู้หญิงก็ดังขึ้น ทั้งสองหนุ่มเงยหน้ามองพร้อมกัน ก็เห็นแคทริยายืนอยู่พร้อมกับจานข้าวในมือ“เอ่อ ครับ” เมฆาสบตากับชยกรก่อนตอบเสียงอ้อมแอ้มออกมา“เดี๋ยวนี้แคทไม่ค่อยได้เจอคุณ 2 คนเลย คนไข้เยอะเหรอคะ”“ของผมพอประมาณครับ ส่วนของหมอหนึ่งน่าจะยุ่งๆ เรื่องเตรียมตัวไปขอสาว” เมฆาหย่อนระเบิดลูกใหญ่“คะ เพิ่งคบไม่นานไม่ใช่เหรอคะ จะแต่งแล้วเหรอ” แคทริยามีอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด“ครับ พ่อแม่เราเป็นเพื่อนกันพอดี หน้าที่การงานของเขาก็เข้าที่เข้าทางแล้ว เลยว่าจะไปคุยกันในเร็วๆ นี้ครับ” ชยกรตอบน้ำเสียงจริงจัง“เอ่อ ค่ะ” แคทริยาหน้าเจื่อนลง“เออ ฉันว่าจะถาม แล้วชมพูพูดถึงยัยปลาการ์ตูนให้นายฟังบ้างไหม” เมฆาพาทั้งคู่เปลี่ยนเรื่องคุย“ไม่นะ”“แปลกนะ ยัยนั่นไม่นินทาฉันเลยเหรอ”“ทำอะไรให้เขามานินทาล่ะ”“เรื่องของผู้ชายแหละน่า”ชยกรส่ายหน้าอ่อนใจกับความเจ้าชู้ของเมฆา ตัวเขาเองก็เคยเจ้าชู้ แต่เขาเลือกกินและออกไปกินข้างนอก ไม่พาเข้าไปกินที่บ้านหรือคอนโด
“ฉิบหายแล้ว เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย” เสียงหวานใสอุทานเบาๆ เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่ากำลังนอนอยู่บนเตียงที่ไม่ใช่ของเธอ“ตื่นแล้วเหรอ”“ฉัน..... จำอะไรไม่ได้เลย”“ผมเชื่อ”ชมพูแพรมองไปยังร่างสูงที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ริมหน้าต่าง เขาอยู่ในสภาพผ้าขนหนูผืนเดียวที่พันเอวสอบเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่ ดวงตาคมมองจ้องมาที่เธอหญิงสาวมีอาการมึนงง เธอจำได้ว่าเมื่อคืนออกมาผับแถวคอนโดใหม่เพื่อฉลองที่เธอย้ายออกมาจากบ้านกับเพื่อนสนิทที่ทำงานที่เดียวกัน แต่ทำไมถึงมาโผล่ที่นี่ได้ล่ะ“ไม่ต้องคิดเยอะ ที่นี่ก็ห้องพักในผับนั่นแหละ”“หมายความว่ายังไงคะ”“เอาไว้ค่อยคุยกัน ผมต้องไปทำงานแล้ว คุณมีอะไรข้องใจก็ติดต่อผมไปตามนามบัตรนี่ก็แล้วกัน เป็นเบอร์ส่วนตัวของผมเอง” ร่างสูงเดินมาวางนามบัตรลงบนเตียง ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำ ไม่นานก็กลับออกมาในสภาพที่พร้อมออกไปทำงาน“อ้อ.....อย่าลืมหายากินด้วยล่ะ เมื่อคืนผมไม่ได้ป้องกัน” เสียงทุ้มหูกล่าวจบก็เปิดประตูห้องเดินออกไปชมพูแพรหน้าเหวอ เธอมัวแต่อึ้งจนลืมถามอะไรหลายอย่าง แต่ก็รวบรวมสติแล้วพยายามลุกขึ้นจากเตียง แต่ก็ต้องนิ่วหน้ากับอาการเจ็บระบมไปทั่วตัว โดยเฉพาะตรงส่วนนั้น ก็แน่สิ
“ไอ้ชมพู!!!”“ห๊ะ.....”“เหม่ออะไร พวกฉันเรียกตั้งหลายรอบ” พศินถามเสียงดัง“โทษที พยายามคิดถึงเรื่องเมื่อคืน แต่จำไม่ค่อยได้”“เอาน่า ช่างมันเถอะ คิดซะว่ามันคือประสบการณ์ครั้งแรก” ปรางค์วลัยพูดปลอบใจ“ฉันก็ไม่ได้คิดมากนะ เพียงแต่ฉันจำไม่ได้ว่าเกิดขึ้นได้ยังไง” ชมพูแพรบอกเพื่อนพลางขมวดคิ้วที่ตัวเองนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก“ไม่โดนหลอกไปขายก็ดีแค่ไหนแล้วแม่คุณ รอยดูดทั่วตัวขนาดนั้น” พศินมองแวบเดียวก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา เมื่อดูจากร่องรอยบนเนื้อตัวของชมพูแพร“พอๆ แล้ววันนี้กลับคอนโดเลยไหม” ปรางค์วลัยปรามห้ามทัพ“ยัง ว่าจะไปโรงพยาบาลก่อน ฉันมีอาการหายใจไม่ค่อยออกอีกแล้ว”“โอเค งั้นก็เดินทางดีๆ กลับถึงบ้านแล้วบอกด้วย”ชมพูแพรพยักหน้ารับ เมื่อปรางค์วลัยบอกกำชับเธอ ก่อนที่พวกเธอจะแยกย้ายกันหลังเวลาเลิกงานชมพูแพรเดินทางมาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโดมาก เธอเป็นภูมิแพ้ เวลาที่หายใจเอาไอฝุ่นมากๆ ก็จะมีอาการหายใจติดขัดหรือ ไอจามอยู่หลายวัน หนักเข้าก็จะมีน้ำมูกและเสมหะ พอรู้ตัวว่าถ้าปล่อยเอาไว้นานเธอจะเป็นหนัก เมื่อมีอาการเธอก็จะรีบมาหาหมอก่อนทุกครั้ง“สวัสดีค่ะ มีอาการยังไง
ชยกรกับเมฆาพากันมาที่ห้องอาหารของโรงพยาบาล ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปซื้อข้าวแล้วกลับมาเจอกันที่โต๊ะ“แคทนั่งด้วยได้ไหมคะ”ระหว่างที่กำลังลงมือกันอยู่ เสียงหวานของผู้หญิงก็ดังขึ้น ทั้งสองหนุ่มเงยหน้ามองพร้อมกัน ก็เห็นแคทริยายืนอยู่พร้อมกับจานข้าวในมือ“เอ่อ ครับ” เมฆาสบตากับชยกรก่อนตอบเสียงอ้อมแอ้มออกมา“เดี๋ยวนี้แคทไม่ค่อยได้เจอคุณ 2 คนเลย คนไข้เยอะเหรอคะ”“ของผมพอประมาณครับ ส่วนของหมอหนึ่งน่าจะยุ่งๆ เรื่องเตรียมตัวไปขอสาว” เมฆาหย่อนระเบิดลูกใหญ่“คะ เพิ่งคบไม่นานไม่ใช่เหรอคะ จะแต่งแล้วเหรอ” แคทริยามีอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด“ครับ พ่อแม่เราเป็นเพื่อนกันพอดี หน้าที่การงานของเขาก็เข้าที่เข้าทางแล้ว เลยว่าจะไปคุยกันในเร็วๆ นี้ครับ” ชยกรตอบน้ำเสียงจริงจัง“เอ่อ ค่ะ” แคทริยาหน้าเจื่อนลง“เออ ฉันว่าจะถาม แล้วชมพูพูดถึงยัยปลาการ์ตูนให้นายฟังบ้างไหม” เมฆาพาทั้งคู่เปลี่ยนเรื่องคุย“ไม่นะ”“แปลกนะ ยัยนั่นไม่นินทาฉันเลยเหรอ”“ทำอะไรให้เขามานินทาล่ะ”“เรื่องของผู้ชายแหละน่า”ชยกรส่ายหน้าอ่อนใจกับความเจ้าชู้ของเมฆา ตัวเขาเองก็เคยเจ้าชู้ แต่เขาเลือกกินและออกไปกินข้างนอก ไม่พาเข้าไปกินที่บ้านหรือคอนโด
“นั่งเล่นหน้าบาร์ก่อนนะ พี่ไปเซ็นเอกสารไม่นาน”“ตามสบายเลยค่ะ ชมพูนั่งดื่มไปเรื่อยๆ ได้ค่ะ”“จ้ะ แม่คุณ อย่าเมาจนเผลอไปกับใครนะ”“ไม่มีใครร้ายเท่าพี่หนึ่งหรอกค่ะ”ชายหนุ่มยิ้มแล้วจุมพิตแก้มนวลแผ่วเบา ก่อนจะแยกตัวเดินขึ้นบันไดไป ชมพูแพรหันมาคุยกับบาร์เทนเดอร์หนุ่ม ลูกน้องของชยกร เขาคอยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้านายหนุ่มโดยไม่มีใครรู้ จึงชวนหญิงสาวคุยและคอยดูแลไม่ให้ใครเข้ามายุ่งกับเธอผ่านไปหลายชั่วโมงชมพูแพรก็เริ่มเมา เธอดื่มไปเรื่อยๆ จนลืมไปแล้วว่าเธอดื่มไปมากเท่าไหร่ หญิงสาวจึงขอตัวออกไปข้างนอกสักพักเพื่อให้สร่างเมาชมพูแพรยืนสูดอากาศข้างนอกอยู่สักพักก็เดินกลับเข้ามาด้านใน ตรงไปยังโต๊ะวีไอพีตัวในสุดเพื่อนั่งพักอยู่คนเดียว“ทำไมมานั่งในมุมเลยล่ะ ถ้าบอยไม่บอกพี่ไม่รู้เลยนะว่ามาทางนี้”“ก็เพราะเป็นมุมที่ไม่มีใครเห็นไงคะ เลยมา ทั้งมืด ทั้งเป็นมุมอับ เหมาะกับการนั่งพักมากเลยค่ะ” ชมพูแพรพูดเสียงอ้อแอ้ เมื่อชยกรหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ“เมาแล้วเหรอ”“ค่ะ ดื่มไปเยอะเลย”หญิงสาวนั่งเอนกายพิงโซฟาอยู่อย่างนั้น ชยกรกวาดสายตามองไปรอบๆ ก็ปรากฏความคิดบางอย่างขึ้นมา“อยากเปลี่ยนบรรยากาศหน่อยไหม”“คะ?” ยังไม่
“น่ากลัวเหมือนกันนะคะเนี่ย”“ใช่ หนักขึ้นทุกวันด้วย แต่หล่อนเป็นหมอฝีมือดี เลยไม่ได้มีใครคิดจะตักเตือนเป็นเรื่องเป็นราวน่ะ”หลังจากออกมาจากโรงพยาบาลได้สักพัก พศินกับปรางค์วลัยก็เล่าเรื่องที่ได้ยินให้กับชยกรและชมพูแพรฟัง หญิงสาวมีอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด เพราะแคทริยาดูไม่น่าจะเป็นแบบนั้นได้“ตอนที่พวกฉันได้ยินยังตกใจเลย ที่หล่อนมีความคิดแบบนั้น” พศินเองก็ยังส่ายหน้าอย่างรู้สึกไม่ดี“ช่างเขาเถอะ ถ้าเขาไม่มาทำให้เดือดร้อนหรือเข้ามายุ่งวุ่นวายมากไปก็ยังพอให้อภัยได้ แต่ถ้ามากกว่านี้ก็เกรงจะเป็นอันตรายนะ” ปรางค์วลัยพูดแบบเป็นกลาง“กลัวจะหนักขึ้นน่ะสิ เพราะถึงขนาดรู้ว่ามีชมพูแล้วยังคิดแบบนี้ได้น่ะ” ชยกรเองก็เริ่มไม่สบายใจ“ก็รอดูกันไปก่อนก็ได้ค่ะ อย่าเพิ่งคิดมากเลย” ชมพูแพรปลอบใจทุกคน แต่ตัวเธอเองก็ไม่ได้สบายใจเท่าไหร่นัก แต่ถึงอย่างไรหล่อนก็เป็นหมอ มีหน้าที่การงานที่ดี คงไม่เสี่ยงทำอะไรสิ้นคิด“ดื่มกันไปก่อนนะสาวๆ พี่ขอขึ้นไปทำงานก่อน” ชยกรพาทั้งสามคนมาส่งที่โต๊ะวีไอพี ก่อนจะขอตัวขึ้นไปห้องทำงานชมพูแพรทำท่าทางโอเคใส่เขาแล้วยิ้มหวานให้ ชยกรจึงเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของร้าน พร้อมกับเรียกผู
เช้าวันต่อมา ชมพูแพรมาทำงานแต่เช้าตามปกติ หญิงสาวมีหน้าที่จัดเคลียร์เอกสารที่ได้รับเข้ามายังฝ่ายศูนย์วิจัยและแยกเป็นสัดส่วน เพื่อส่งต่อไปยังส่วนต่อไป ก่อนที่จะถูกนำส่งไปยังบุคคลตำแหน่งต่างๆ อีกหน้าที่คือนำเอกสารจากแผนกวิจัยส่งไปยังแผนกต่างๆ อาทิเช่น ตึกแพทยศาสตร์ ตึกการปกครอง ตึกอธิการบดี และอีกมากมายหญิงสาวใช้เวลาปรับตัวอยู่พักใหญ่ กับการที่เธอต้องนั่งโต๊ะในช่วงเช้าและจำแนกเอกสารออกไปส่งในบริเวณมหาวิทยาลัย แต่ไม่นานก็เคยชินและสนุกกับมัน เพราะอย่างน้อย เธอก็ไม่ต้องนั่งเบื่ออยู่แต่ที่โต๊ะทำงาน“อ้าว น้ายุ้ย สวัสดีค่ะ” ชมพูแพรที่มาส่งเอกสารที่ตึกแพทยศาสตร์ได้เจอเพื่อนสนิทของมารดาก็ยกมือไหว้ทักทายด้วยความดีใจ“อ้าว ชมพู มาทำอะไรล่ะ”“ส่งเอกสารให้รองอธิการค่ะ”“งานเป็นยังไงบ้าง ปรับตัวได้หรือยัง”“ปรับตัวได้แล้วค่ะ”“ดีแล้ว ตอนที่น้าเห็นประกาศรับสมัครน้ารีบบอกแม่เราเลย จะได้ให้มาสมัครและมีเวลาอ่านหนังสือสอบเยอะหน่อย”“โชคดีที่สอบติดนะคะ แต่ได้แนวข้อสอบจากน้ายุ้ย เลยช่วยได้เยอะเลย ขอบคุณมากเลยค่ะ”“หลานน้าทั้งคน น้าก็อยากให้ทำงานดีๆ สิ เอาล่ะ น้าไปทำงานก่อนนะ”“ค่ะ สวัสดีค่ะ”“จ้ะ”หลังจา
“ตื่นได้แล้วคนสวย อาหารเช้าพร้อมแล้ว”ชยกรตื่นมาจัดเตรียมอาหารแต่เช้า ก่อนที่จะกลับเข้ามาปลุกหญิงสาวที่ยังนอนสลับสนิทอยู่ด้วยแววตาเอ็นดู“วันนี้วันอาทิตย์ เพราะฉะนั้น.....ฝันดีค่ะ”“หยุดเลย ตื่นมากินข้าวก่อน แล้วค่อยนอนต่อ”หญิงสาวขยับกายลุกขึ้นมานั่ง แต่ดวงตายังปิดอยู่ จนร่างสูงต้องดึงให้เธอลุกขึ้น แล้วเอาผ้าเช็ดตัวมาห่อร่างกายเปลือยเปล่าเอาไว้ แล้วพาเธอเดินเข้าไปในห้องน้ำ“อาบน้ำเลย พี่เตรียมแปรงสีฟันให้แล้ว เสื้อผ้าแขวนอยู่หน้าตู้”“ค่าๆ”ชมพูแพรไม่ทันได้ฟังว่าเขาพูดอะไรแต่ก็ขานรับแต่โดยดี จนเมื่อเขาออกไปสักพักเธอถึงตั้งสติได้ จัดการล้างหน้าแปรงฟันแล้วอาบน้ำด้วยความรวดเร็ว“อะไรคะ”“โจ๊ก เจ้านี้อร่อย พี่ลงไปซื้อมาตั้งแต่ 6 โมง”“ตื่นเช้าไปไหมคะ วันนี้วันอาทิตย์นะคะ”“เคยชินน่ะสิ”หลังจากชมพูแพรหย่อนกายนั่งลงและหยิบช้อนขึ้น ชยกรก็เริ่มลงมือจัดการมื้อเช้า ทั้งคู่นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งกินเสร็จ หญิงสาวจึงเก็บถ้วยชามไปล้างแล้วกลับมานอนเล่นที่โซฟา“อยากไปไหนไหม”“ไม่ค่ะ ขี้เกียจ พรุ่งนี้ก็ต้องไปทำงานแล้ว”“ให้พี่ไปส่งไหม”“ชมพูไปเองดีกว่า ชมพูเข้างาน 9 โมง ออกจากบ้าน 8 โมงก็ทัน”“
“อ๊ะ.....” เสียงหวานใสอุทานตกใจ มือเล็กจับบ่ากว้างเอาไว้อย่างลืมตัว“บางทีเรื่องพวกนี้ใช้สัญชาตญาณก็ได้นะ อย่าไปเกร็งหรือกลัวมันเลย” เขาพึมพำเสียงแหบพร่า ริมฝีปากยังแนบชิดลำคอขาวหญิงสาวปล่อยให้เขาทำรอยที่คอเธอจนพอใจ เมื่อมือหนาคลายออกแล้วเคลื่อนมาที่กระดุมชุดนอนก็สะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ปล่อยให้เขาแกะมันออกจนหมด“กลัวไหม”“ไม่รู้สิคะ บอกไม่ถูก”เจ้าของตักแกร่งถือโอกาสสูดดมกลิ่นหอมหวานจากร่างบางบนตัก อ้าปากกัดหัวไหล่มนแรงๆ อย่างมันเขี้ยว“อ๊ะ!!!”“หืม เสียงได้อารมณ์ดีจัง”“กัดทำไมคะ”“มันเขี้ยว อยากจับฟัดแรงๆ”“หมายความว่ายังไง อ๊ะ.....”ไม่ทันสิ้นเสียง หญิงสาวก็ถูกริมฝีปากหยักแนบลงมา ลิ้นหนากระหวัดเกี่ยวเรียวลิ้นบางเล่น ตักตวงความหวานแกมหยอกล้อ ฝ่ามือหนาลูบไล้ต้นขาขาวเนียนแผ่วเบา หญิงสาวสะดุ้ง เมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ดิ้นขยุกขยิกอยู่ตรงใต้หว่างขาของเธอ อะไรบางอย่างที่เริ่มใหญ่โตขึ้นมาเป็นลำ“…..พี่หนึ่ง” เขาละริมฝีปากออกให้หญิงสาวได้หายใจ เธอสูดลมหายใจเข้าปอด มือดันหน้าอกเขาไว้“ครับ” ชายหนุ่มฝังจมูกลงบนลำคอระหง กัดงับผิวเนื้ออ่อนเล่นอย่างพอใจต้นขาแข็งแรงขยับแยกออกกว้างให้มีพื้นที่
“อ้าว 2 สาวล่ะครับ” ชยกรกลับมาจากสูบบุหรี่ไม่เห็นชมพูแพรก็มีสีหน้าไม่พอใจ“นู่นค่ะ” ปรางค์วลัยชี้ไปที่เพื่อนสาวทั้งสองคนที่เต้นกันอย่างสนุกสนาน“ไอ้หมอ” เมฆาที่เพิ่งมาถึงเดินเข้ามาตบบ่าชยกรเป็นการบอกว่าเขามา“อะไรไอ้หมอ” เขาย้อนเพื่อนพร้อมกับมองไปที่หญิงสาวตัวเล็กตาวาว“จะมาไม่บอกเพื่อนนะมึง” เมฆาที่มัวแต่คุยไม่ทันได้หันไปมองรอบข้าง“คำสั่งเมีย” ชยกรบอกเสียงเรียบ“กูล่ะหมั่นไส้คนหลงเมีย” เมฆาแขวะเพื่อนด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะมองไปที่โซฟาก็เห็นว่าปรางค์วลัยนั่งอยู่ ก็หน้าเหวอไป“ไง” ปรางค์วลัยทักเมฆาสีหน้าเรียบเฉย“เฮ้ย ยัยปลาการ์ตูน มาได้ยังไง” เมฆาที่เห็นปรางค์วลัยก็โวยวาย“ฉันมากับเพื่อนฉันเหอะน่า”“เดี๋ยวนะ สองคนนี้รู้จักกันเหรอ” ชยกรถามเมื่อได้ยินทั้งสองคนคุยกัน“พี่ชายข้างบ้านค่ะ แต่ไม่ได้นับถือเป็นพี่ เพราะมันมั่วผู้หญิง” ปรางค์วลัยบอกชยกรแล้วยิ้มให้“ยัยปากจัด” เมฆาแขวะปรางค์วลัย แต่หญิงสาวก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้“อย่าฆ่ากันตายล่ะ เดี๋ยวมา” ชยกรหมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้เมฆากับปรางค์วลัยเถียงกันอยู่แบบนั้นทางด้านชมพูแพรกับพศินที่ออกมาเต้นกันอย่างสนุกสนานก็ไม่ได้สนใจว่าใครจะเข้ามาใก
ชมพูแพรนั่งเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ จนเริ่มง่วง เพราะเมื่อคืนเธอตื่นมาโรงพยาบาลเป็นเพื่อนเขา หญิงสาวมองประตูห้องนอนอย่างชั่งใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่เธอเพิ่งวางลงบนโต๊ะ แล้วลุกออกจากโซฟา เดินหายเข้าไปในห้องหลังจากประชุมเรื่องงบประมาณของแต่ละแผนกอยู่หลายชั่วโมง ชยกรก็กลับมาที่ห้องทำงานด้วยสีหน้าเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาคมมองหาร่างเล็กก่อนจะไปสะดุดตากับกระเป๋าที่วางอยู่บนโต๊ะ จึงเดินไปเปิดประตูห้องนอนแล้วก็พบว่าหญิงสาวกำลังหลับสนิทอยู่บนเตียงเขาปิดประตูห้องนอนเอาไว้ตามเดิมแล้วกลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน แล้วเริ่มเคลียร์งานบนโต๊ะต่อ โดยมีผู้ช่วยส่วนตัวนำแฟ้มเอกสารมาวางไว้ให้บนโต๊ะ“กลับบ้านกัน จะแวะไปหาอะไรกินก่อนไหม” ชยกรถามหลังปิดคอมพิวเตอร์แล้วลุกออกจากโต๊ะ“แล้วแต่เลยค่ะ” หญิงสาววางหนังสือในมือลงแล้วขยับตัวลุกขึ้นตามเขา“จะเอาไปอ่านที่บ้านไหม”“ไม่เป็นไรค่ะ”“งั้นก็หาอะไรคั่นไว้ ถ้ามาวันไหนก็ค่อยมาอ่าน”“ค่ะ พรุ่งนี้หยุดไหมคะ”“อื้อ หยุด จะไปไหนล่ะ”“ไปผับกันค่ะ ชวนยัยพินนี่กับการ์ตูนไปด้วย”“สองสาวนั่นน่ะเหรอ”“ค่ะ”“ตามใจ งั้นกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านก่อนแล้วกัน”ชมพูแพรยิ้มหวานอ
‘พี่ไปทำงานก่อนนะชมพู เจอกันตอนเย็นครับ รหัสห้องพี่เปลี่ยนไปใช้รหัสเดียวกับชมพูแล้ว เผื่ออยากเข้าไปสำรวจอะไรก็เข้าไปได้เลยนะ อย่าซนล่ะ’“เดี๋ยวนะ ทำไมทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะเนี่ย”เสียงหวานใสพึมพำเบาๆ หลังจากที่เธอเห็นกระดาษที่ชยกรเขียนข้อความแปะเอาไว้ที่ประตูห้องนอน เมื่อเธอตื่นแล้วจะเปิดประตูออกไปก็จะเจอข้อความของเขาก่อนเป็นอย่างแรกหญิงสาวออกจากห้องนอนมาก็เจออาหารเช้าที่เขาซื้อเอาไว้ให้วางอยู่บนโต๊ะ พร้อมด้วยกุญแจสำรองของห้องเขากับกุญแจรถวางอยู่คู่กัน ชมพูแพรมองแล้วอมยิ้ม ทำเหมือนเธอจะหนีเที่ยงอย่างนั้นแหละ เตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้พร้อมเลยถ้วยจานที่เก็บอยู่ในชั้นวางถูกหยิบออกมาที่โต๊ะ มือเล็กแกะอาหารที่เขาซื้อเอาไว้ให้เทใส่จานแล้วนั่งลงจัดการเงียบๆ ก่อนจะกดรับสายเมื่อมีสายเรียกเข้าดังมาจากโทรศัพท์“ไง”‘ตื่นเช้าจังวะ แล้วนี่กินอะไรเนี่ย’“มื้อเช้า คุณหมอเขาเตรียมเอาไว้ให้”‘ต๊าย ดูแลดีดั่งเมียแต่ง’“พูดมากน่า ว่าแต่มีอะไร”‘โทรมาเช็กดูเฉยๆ ว่ายังอยู่ดีไหม หรือตายคาเตียงไปแล้ว’“ยัยบ้า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นย่ะ แถมเมื่อคืนต้องบึ่งไปโรงพยาบาลเพราะมีเคสผ่าตัดด่วนอีกต่างหาก ต