ฮองเฮาปลอบประโลมพระทัยในใจว่า คงคิดมากไปเอง ชุนหลิวก็แค่นางกำนัลต่ำต้อย จะล่วงรู้เรื่องราวภายในได้อย่างไรพระนางฝืนยิ้มแย้ม เสด็จเข้าไปใกล้ฝ่าบาท "เพคะ หม่อมฉันเข้าใจพระองค์ผิดไป ขอพระองค์โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ""ไม่เป็นไร" ฝ่าบาททรงยกพระหัตถ์แตะพระนลาฏพลางเสด็จลุกขึ้น "เรารู้สึกง่วงแล้ว เชิญฮองเฮาเสด็จกลับก่อนเถิด""ช่างแปลกนัก ฝ่าบาททรงง่วงเร็วนัก ดูท่ายาของหมอหลวงเจียงคงได้ผลจริง ๆ" ฮองเฮาย่อพระองค์เล็กน้อย "หากเช่นนั้น หม่อมฉันขอทูลลาเพคะ""ได้"ฮองเฮาทรงนำข้าราชบริพารเสด็จออกมา เมื่อถึงประตูพระนางทรงชะงักฝีพระบาทเล็กน้อย แล้วรับสั่งเรียก "หลิวกงกง"หลิวกงกงรีบก้าวเข้ามา "กระหม่อมอยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ""จงสั่งลงไป เรื่องราวค่ำคืนนี้ห้ามบอกผู้ใดเป็นอันขาด หากข้าได้ยินเรื่องนี้จากปากผู้อื่น เจ้าระวังหัวไว้ให้ดี"ตรัสจบ ฮองเฮาทรงทอดพระเนตรหลิวกงกงด้วยสายพระเนตรเยียบเย็นหลิวกงกงตัวสั่นไม่กล้าเงยหน้า "กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ""ตั้งแต่บัดนี้ จงเพิ่มการรักษาความปลอดภัย ผู้ใดเข้าได้ ผู้ใดเข้าไม่ได้ เจ้าควรรู้ดี""กระหม่อมเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ""ชุนหลิวมีสหายสนิทนามว่าชุนหยางใ
กู้จิ่นส่ายหน้า "วันนี้เจ้ามีธุระอื่นต้องทำ"เจียงซุ่ยฮวนกะพริบตา "ธุระอะไรหรือ?""เมื่อคืนข้าไปเยี่ยมเสวียหลิง เขาฟื้นแล้ว" แววตาของกู้จิ่นดูซับซ้อน "แต่ว่า... เขาสูญเสียความทรงจำก่อนที่จะสลบไป""หา?"เจียงซุ่ยฮวนประหลาดใจยิ่งนัก ตอนที่นางตรวจร่างกายเสวียหลิง ก็ไม่พบบาดแผลที่ศีรษะ แล้วเหตุใดจึงความจำเสื่อมได้? หรือว่าจะได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ?กู้จิ่นกล่าว "อาการของเขาแปลกประหลาด ข้าคิดว่าคล้ายกับถูกวางยาพิษ"นางรับคำ "หม่อมฉันเข้าใจแล้ว หม่อมฉันจะไปดูอาการเสวียหลิงเดี๋ยวนี้""ไปเถิด ข้าจะให้ชางอี้คอยติดตามเจ้าอยู่ในที่ลับ" กู้จิ่นลูบศีรษะนาง "ไม่ต้องกลัว"กู้จิ่นคิดรอบคอบ หากมีผู้ใดจงใจทำร้ายเสวียหลิง วางยาพิษให้เขาสูญเสียความทรงจำบางส่วน เช่นนั้นเจียงซุ่ยฮวนที่ไปรักษาเสวียหลิงก็อาจตกอยู่ในอันตรายได้ทั้งสองเดินออกจากเรือนด้วยกัน จากนั้นก็แยกย้ายไปคนละทางกู้จิ่นมุ่งหน้าไปค่ายทหาร ส่วนเจียงซุ่ยฮวนก็มาถึงห้องพักของเสวียหลิงท่านแม่ของเสวียหลิงและอธิบดีกรมอาญาไม่อยู่ คงไปที่ค่ายทหารแล้ว เจียงซุ่ยฮวนเคาะประตู แต่กลับได้ยินเสียงข้าวของแตกดังมาจากในห้อง พร้อมเสียงตะโกนด
วิชาคุณไสยและแมลงคุณไสยนั้นแตกต่างกัน แมลงคุณไสยคือกู่พิษที่เลี้ยงด้วยวิชามาร เมื่อปล่อยเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ ผู้ที่ปล่อยแมลงคุณไสยจะสามารถควบคุมมันให้ทำร้ายผู้อื่นได้ส่วนวิชาคุณไสยนั้นชั่วร้ายยิ่งกว่า ต้องใช้เลือดของผู้ร่ายคาถาเป็นสื่อ พร้อมกับคาถาอาคมอันชั่วร้าย เพื่อควบคุมผู้ที่ถูกคุเข้าสิงพูดง่าย ๆ คือ แมลงคุณไสยเป็นการควบคุมตัวแมลง ส่วนวิชาคุณไสยนั้นควบคุมคนโดยตรงที่เสวียหลิงกลายเป็นคนอารมณ์ร้าย โมโหง่าย ก็เพราะถูกคนใช้วิชาคุณไสยควบคุมเจียงซุ่ยฮวนจมอยู่ในภวังค์ความคิด แต่เดิมนางคิดว่ามีคนอิจฉาในโฉมงามของเสวียหลิง หรือไม่ก็เมิ่งชิงรักข้างเดียวจึงทำลายโฉมหน้าเขา แต่บัดนี้ดูเหมือนเรื่องจะไม่ง่ายอย่างที่คิดทั้งแมลงคุณไสยและวิชาคุณไสยล้วนเป็นของจากแดนใต้ คนที่มาร่วมล่าสัตว์ล้วนเป็นขุนนางชั้นสูงแห่งต้าเหยียน แล้วใครกันที่ใช้วิชาคุณไสยควบคุมเสวียหลิง?คราวก่อนเจียงเม่ยเอ๋อร์เคยพยายามใช้แมลงคุณไสยทำร้ายนาง แต่นางจับได้เสียก่อน แมลงคุณไสยตัวนั้นยังอยู่ในห้องทดลองของนางเลยนางรู้เรื่องแมลงคุณไสยแค่ผิวเผิน ส่วนวิชาคุณไสยยิ่งไม่รู้เรื่องเลย นางรู้เพียงว่า กู่บางอย่างมีเพียงผู้ร่ายเ
เจียงซุ่ยฮวนลูบจมูก พูดเบา ๆ "แผลของเจ้าก็ไม่ได้หนักเท่ากู้จิ่นเสียหน่อย""เจ้าว่าอะไรนะ?" ฉู่เฉินเสียงดังขึ้น"ไม่มีอะไร" เจียงซุ่ยฮวนชี้ไปที่เสวียหลิงบนเตียง "อาจารย์ ศิษย์เรียกท่านมาเพื่อให้ดูอาการเสวียหลิง"ฉู่เฉินค่อย ๆ เดินมาที่ข้างเตียง พูดอย่างเกียจคร้าน "อ๋อ ข้าได้ยินแล้ว เขาถูกสัตว์ร้ายข่วนหน้า เจ้าเป็นหมอ ข้าไม่ใช่หมอ เรียกข้ามาทำไม?""ถ้าเป็นแค่แผลข่วนธรรมดาก็ดีสิ" เจียงซุ่ยฮวนเบ้ปาก แงะเปลือกตาเสวียหลิง "อาจารย์ ดูนี่สิ"ฉู่เฉินชายตามองอย่างไม่ใส่ใจ แต่เมื่อเห็นเส้นเลือดฝอยสีแดงในดวงตาเสวียหลิง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เขาผลักมือเจียงซุ่ยฮวนออก แล้วตรวจดูด้วยตัวเองเขาตรวจดูตาเสวียหลิงอย่างละเอียด จากนั้นก็ยื่นมือไปทางเจียงซุ่ยฮวน "ให้เข็มเงินข้าหนึ่งเล่ม"เจียงซุ่ยฮวนเตรียมไว้แล้ว จึงวางเข็มเงินลงในมือเขาเขาถือเข็มเงิน แทงเบา ๆ ที่นิ้วชี้ข้างซ้ายของเสวียหลิง แปลกที่ไม่มีเลือดไหลออกมาเจียงซุ่ยฮวนถามอย่างสงสัย "อาจารย์ เกิดอะไรขึ้นรึ"ฉู่เฉินวางเข็มเงินลง พูดด้วยสีหน้าจริงจัง "นี่คือการถูกคุณไสยเลือด""คุณไสยเลือดคืออะไรหรือ?""เด็กคนนี้ แม้แต่คุณไสยเลือดก็ยังไม
เจียงซุ่ยฮวนกอดอก ถอนหายใจเบา ๆ "คนที่มาร่วมล่าสัตว์มีตั้งมากมาย ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าใครอารมณ์ร้าย?"นางเงยหน้าถาม "อาจารย์ ตอนนี้ท่านแก้คุณไสยเลือดได้หรือไม่?""เสียใจด้วยที่ต้องบอกเจ้า ทำไม่ได้" ฉู่เฉินพิงเสาเตียง "ต้องหาคนที่ร่ายกู่นี้ได้ก่อน ข้าถึงจะแก้คุณไสยเลือดนี้ได้""งั้นท่านก็ไม่มีวิธีสินะ?" เจียงซุ่ยฮวนแกล้งเบิกตากว้าง ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ "อาจารย์ไม่ใช่เก่งไปหมดทุกอย่างหรอกหรือ? ทำไมแค่เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้ถึงทำไม่ได้! ข้าไม่เชื่อ!"ฉู่เฉินตบไหล่เจียงซุ่ยฮวน "วิธีแบบนี้ใช้กับอาจารย์ไม่ได้หรอก เจ้าต้องยอมรับความจริงบ้าง""แต่เจ้าเก้าเอ๋ย คิดในแง่ดีหน่อย ถึงอาจารย์จะไร้ประโยชน์ แต่เจ้ายังมีองค์ชายเป่ยโม่อยู่นะ!"เจียงซุ่ยฮวนถอนหายใจ "ข้าคิดไว้ว่าถ้าท่านแก้คุณไสยเลือดที่สิงอยู่ในตัวเสวียหลิงได้ จะให้เงินสามหมื่นตำลึงเป็นค่าตอบแทน แต่ตอนนี้คงต้องเลิกคิดแล้ว"นางหันไปที่หน้าต่าง เปิดหน้าต่างตะโกน "ชางอี้ รบกวนพาองค์ชายตงเฉินกลับไปที!"ฉู่เฉินรีบร้อง "เอ๋" ขึ้นมา บ่นว่า "เจ้าเด็กนี่ช่างใจร้าย ใช้แล้วทิ้งเชียวรึ!"เขารีบเดินมา ตะโกนไปที่ลาน "เดี๋ยวก่อน" แล้วปิ
ฉู่เฉินส่ายหน้า "นี่ไม่ใช่กู่ธรรมดา""ไม่ธรรมดาอย่างไรหรือ?"ฉู่เฉินอธิบาย "เปลือกนอกสีดำของกู่ตัวนี้ดูคล้ายรังไหม จึงเรียกว่ากู่รังไหม มันถูกเลี้ยงด้วยเนื้อเน่า จะใช้ได้กับคนที่ผู้ใช้คุณไสยคุ้นเคยเท่านั้น ไม่เช่นนั้นผู้ใช้คุณไสยจะถูกย้อนกลับ""และกู่รังไหมชนิดนี้ถูกเลี้ยงมาพร้อมกับคุณไสยรัก"เจียงซุ่ยฮวนพูดอย่างแค้นเคือง "เจียงเม่ยเอ๋อร์ช่างน่าชัง"ฉู่เฉินด่าตาม "ใช่ เจียงเม่ยเอ๋อร์นี่โหดร้ายเหลือเกิน! เพื่อให้ตัวเองสืบสายเลือดต่อไปได้ ถึงกับจะเอาชีวิตเจ้า!""แล้วคุณไสยรักเป็นอย่างไรหรือ?" เจียงซุ่ยฮวนถามต่อฉู่เฉินกล่าว "คุณไสยรักทำให้ผู้ถูกคุณไสยไม่อาจห่างจากผู้ใช้คุณไสย แต่มีผลข้างเคียงคือทั้งสองคนจะมีบุตรได้เพียงคนเดียว และกู่รังไหมนี้สามารถใช้ลบล้างผลข้างเคียงของคุณไสยรักได้"เขาหัวเราะเยาะ "ถ้าข้าเดาไม่ผิด เจียงเม่ยเอ๋อร์ใช้คุณไสยรักกับคนอื่น จึงวางกู่รังไหมไว้ในตัวเจ้า"เจียงซุ่ยฮวนหรี่ตา เจียงเม่ยเอ๋อร์จะใช้คุณไสยรักกับใครได้? ต้องเป็นฉู่เจวี๋ยแน่นอน!ตอนนี้นางรู้แล้วว่าจะจัดการกับกู่รังไหมนี้อย่างไรหลังจากฉู่เฉินกินอิ่มดื่มหนำแล้ว องครักษ์ลับก็นำของมาส่ง ในคฤหาสน์
เมื่อคืนเสวียหลิงฟื้นขึ้นมาแล้วนิสัยเปลี่ยนไป ฮูหยินเสวียคิดว่าเขาได้รับความกระทบกระเทือน วันนี้ที่ค่ายนางจึงกังวลว่าเขาจะทำเรื่องโง่ ๆ อะไรเมื่ออยู่คนเดียว จึงรีบกลับมาพร้อมกับอธิบดีกรมอาญาใครจะรู้ว่าพอเปิดประตูเข้ามาก็เจอภาพเช่นนี้ฮูหยินเสวียเห็นฉู่เฉินมือเปื้อนเลือดและถือมีดกระดูก แล้วเห็นเลือดสีแดงที่เปลือกตาของเสวียหลิง นิ้วทั้งสิบถูกกรีด หัวใจนางแทบสลาย ขาอ่อนล้มลงอธิบดีกรมอาญาไวพอจะรั้งเอวนางไว้ได้ทัน จ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธ "องค์ชายตงเฉิน ท่านเป็นถึงองค์ชาย ทำไมถึงปฏิบัติต่อบุตรขุนนางเช่นนี้เล่า!"ฉู่เฉินวางมีดกระดูกลง ถามอย่างงุนงง "ข้าทำอะไรหรือ?""ยังจะมาถามพวกเราอีก?"ฮูหยินเสวียกุมอก หายใจหอบ "ใครในเมืองหลวงไม่รู้ว่าองค์ชายตงเฉินชอบทารุณสัตว์และนางกำนัล ไม่เจอกันนาน นึกว่าท่านจะสงบลงบ้าง ไม่นึกเลยว่าท่านจะลงมือกับลูกข้า!"ฉู่เฉินจึงเข้าใจว่าพวกเขาเข้าใจผิด ตอนนี้ต่อให้กระโดดลงแม่น้ำเหลืองก็ล้างไม่สะอาด เขามองเจียงซุ่ยฮวนอย่างจนปัญญา "เจ้าช่วยอธิบายหน่อยสิ"ฮูหยินเสวียเพิ่งเห็นว่าเจียงซุ่ยฮวนอยู่ที่นี่ด้วย ร้องอย่างตกใจ "หมอหลวงเจียง เจ้า... เจ้าเห็นองค์ชายตงเฉิน
เขารู้สึกขนลุกซู่ทันที โยนผ้าในมือทิ้ง ถามว่า "นี่คือเส้นเลือดหรือ? ในร่างลูกข้ายังมีสิ่งนี้อีกมากหรือ?""อืม" ฉู่เฉินพยักหน้า "ข้าเพียงแต่เอาออกจากตาของเขา หากต้องการถอนคุณไสยนี้ ต้องหาตัวผู้ใช้คุณไสยให้ได้"อธิบดีกรมอาญาก้าวออกไปทางประตู "ข้าจะไปที่ค่ายทหารเดี๋ยวนี้ รอฝ่าบาทเสด็จกลับจะทูลเรื่องนี้ ขอให้ทรงช่วยลูกข้า หาตัวคนร้ายเบื้องหลัง!"ท่านแม่ของเสวียหลิงเกาะโต๊ะพยุงตัวลุกขึ้น "ใช่ ข้าจะไปหาฮองเฮาก่อน พระนางเป็นพี่สาวข้า และเป็นป้าของเสวียหลิง คงไม่นิ่งดูดายแน่""รอก่อน!" เจียงซุ่ยฮวนเรียกพวกเขาไว้ เตือนว่า "ตามที่ข้ารู้ คนที่ทำร้ายเสวียหลิงไม่ได้มีแค่คนเดียว และยังมีคนใช้คุณไสยอีก นั่นหมายความว่าคนร้ายมีอย่างน้อยสองคน""หากท่านทั้งสองเปิดเผยเรื่องนี้ตอนนี้ จะทำให้คนร้ายตื่นตัว ถ้าจับได้แค่คนเดียว อีกคนหนีไปจะทำอย่างไร?"อธิบดีกรมอาญาและท่านแม่ของเสวียหลิงชะงักฝีเท้าเจียงซุ่ยฮวนมองไปที่ท่านตุลาการ "ท่านสอบสวนคดีมามากมายหลายปี คงเข้าใจความหมายของข้า"ท่านตุลาการถอนหายใจ "เจ้าพูดถูก ข้าคงตาบอดด้วยความใกล้ชิดเกินไป""แต่ถ้าไม่ทูลฝ่าบาท พวกเราจะสืบเองหรือ?" ท่านแม่ของเสวียห
จางรั่วรั่วเพิ่งสังเกตเห็นกู้จิ่น นางยืดตัวตรงทันที ค้อมกายคำนับเล็กน้อย แล้วเอ่ยด้วยความประหม่าว่า "หม่อมฉันเรียนวิชายุทธ์จากสำนักในเมืองหลวงเพคะ" "เจ้าไม่ต้องไปอีกแล้ว" "เหตุใดเล่าเพคะ?" "สิ้นเปลืองเงินทองเปล่า ๆ" จางรั่วรั่วยักไหล่ ก่อนเอ่ยเสียงเบา "เพคะ" เจียงซุ่ยฮวนกลั้นยิ้มที่มุมปาก กล่าวว่า "รั่วรั่ว ครั้งนี้ข้ามาเพราะมีเรื่องจะถาม มารดาของเจ้าอยู่ที่ใดหรือ?" "มารดาของหม่อมฉันกำลังพักผ่อนอยู่ในห้องเพคะ" จางรั่วรั่วเก็บดาบในมือ เดินมาใกล้เจียงซุ่ยฮวนแล้วกระซิบว่า "ตำรับยาที่ท่านจัดให้บิดามารดาของหม่อมฉันได้ผลยิ่งนัก บิดาของหม่อมฉันเพิ่งรับประทานได้ไม่กี่วัน มารดาก็ตั้งครรภ์เสียแล้ว" เจียงซุ่ยฮวนหัวเราะ "ช่างเป็นเรื่องน่ายินดียิ่งนัก" "มารดาของหม่อมฉันพูดเสมอว่าอีกไม่กี่วันจะไปเยี่ยมท่าน แต่ไม่คิดว่าท่านจะมาก่อน" จางรั่วรั่วนำทาง พลางหันมาถามด้วยความอยากรู้ "ท่านมาหามารดาของหม่อมฉันเพื่อถามเรื่องใดหรือเพคะ?" "เจ้าเคยบอกข้าว่า เมื่อแรกเกิดของเจ้า มีนักพรตผู้หนึ่งนามว่าเหยียนซวีมาที่จวนของเจ้า เจ้ายังจำได้หรือไม่?" เจียงซุ่ยฮวนถาม "แน่นอนว่าจำได้เพคะ" "ข้ามีภาพ
ผ่านไปราวหนึ่งกาน้ำชา ฮั่วเซิงวาดภาพเสร็จหนึ่งภาพ เจียงซุ่ยฮวนยกกระดาษขึ้นดู ในภาพเป็นชายวัยกลางคน ดูมีเมตตาและใจดี นางส่งภาพวาดให้กู้จิ่น "ฮั่วเซิงเคยบอกว่านักพรตเหยียนซวีดูมีอายุเจ็ดสิบกว่าปี คนในภาพวาดนี้หนุ่มเช่นนี้ น่าจะเป็นอาจารย์ของเขา" เพื่อไม่ให้ผิดพลาด นางก็ถามฮั่วเซิงอีกหนึ่งประโยค "คนในภาพวาดนี้คือใคร?" "อาจารย์ของข้า" "อืม วาดต่อไปเถิด" เจียงซุ่ยฮวนพยักหน้า ภาพวาดนี้แม้จะไม่ถึงขั้นเหมือนจริง แต่ก็ถือว่าใช้ได้ น่าจะตามหาคนจากภาพวาดได้ เมื่อวาดนักพรตเหยียนซวี การเคลื่อนไหวของฮั่วเซิงช้าลงมาก คงจำใบหน้าของนักพรตเหยียนซวีไม่ชัด จึงวาดได้ช้า เจียงซุ่ยฮวนหาวข้าง ๆ กู้จิ่นเห็นแล้วกล่าว "อาฮวน ข้าส่งคนไปส่งเจ้ากลับก่อนดีหรือไม่?" "ไม่รีบเพคะ" เจียงซุ่ยฮวนโบกมือ ชี้ไปที่ฮั่วเซิงบนพื้น "หม่อมฉันอยากดูว่านักพรตเหยียนซวีหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่" "รอเขาวาดเสร็จหม่อมฉันค่อยกลับ" "ได้" ผ่านไปอีกหนึ่งกาน้ำชา ในที่สุดฮั่วเซิงก็วางพู่กันยืดตัวขึ้น คราวนี้กู้จิ่นเป็นคนเก็บภาพจากพื้น แล้วดูพร้อมกับเจียงซุ่ยฮวน ในภาพเป็นชายชราอายุเจ็ดสิบกว่าปีจริง ๆ ชายชราผู้นี้มีตาเล็กเ
ในคุกใต้ดินที่มืดสลัว ดวงตาของเจียงซุ่ยฮวนเป็นประกายวาววับ ราวกับดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับในท้องฟ้ายามค่ำคืน กู้จิ่นถาม "วิธีอะไรหรือ?" "หม่อมฉันมีน้ำยาชนิดหนึ่ง ที่จะทำให้ฮั่วเซิงพูดความจริงออกมาได้" เจียงซุ่ยฮวนยื่นมือเข้าไปในแขนเสื้ออีกครั้ง หยิบขวดน้ำยาบังคับให้พูดความจริงออกมา "มีของเช่นนี้ด้วยหรือ" กู้จิ่นดูประหลาดใจ มองนางด้วยสายตาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ "อาฮวนของข้าช่างเก่งจริง ๆ" นางรู้สึกเขินเล็กน้อย ลูบจมูก "ก็พอได้" นางรู้สึกสงสัย หากกู้จิ่นรู้ว่านางมีห้องทดลอง เขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร? แต่เรื่องเช่นนี้ ยังไม่อาจพูดออกมาก่อน ในระหว่างรอฮั่วเซิงฟื้น กู้จิ่นและเจียงซุ่ยฮวนสนทนากันเสียงเบา ร่างกายของทั้งสองใกล้ชิดกัน รอบข้างแผ่ซ่านไออุ่นบาง ๆ ผู้คุมมองดูทั้งสอง คิดว่าตัวเองคงง่วง ถึงได้รู้สึกอบอุ่นในคุกใต้ดินที่เย็นยะเยือกและมืดมิดเช่นนี้ ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม ร่างของฮั่วเซิงสะดุ้งอย่างแรง เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เจียงซุ่ยฮวนกำลังคุยกับกู้จิ่น หางตาสังเกตเห็นฮั่วเซิงฟื้นแล้ว นางจึงก้มลงมอง ฮั่วเซิงจำพวกเขาได้ในทันที ดิ้นรนถอยหลังไป ปากส่งเสียง "อ่า ๆ" แว
"ฮั่วเซิง! ฮั่วเซิง!" ผู้คุมตะโกนเรียกสองครั้งผ่านซี่กรง ฮั่วเซิงที่นอนอยู่บนพื้นไม่มีการตอบสนองใด ๆ ผู้คุมกล่าว "ครึ่งชั่วยามก่อน จู่ ๆ เขาก็อาเจียนเป็นฟองขาวออกมา ชักกระตุกไปทั้งตัว ตอนแรกบ่าวคิดว่าเขาแกล้ง พอผ่านไปหนึ่งก้านธูป เขาก็เริ่มอาเจียนเป็นเลือด" "บ่าวไม่รู้วิชาการแพทย์ จึงรีบไปแจ้งชางอี้ เมื่อบ่าวกลับมา ฮั่วเซิงก็เป็นเช่นนี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ" กู้จิ่นให้เจียงซุ่ยฮวนยืนอยู่ด้านหลัง แล้วสั่งผู้คุม "เปิดประตูคุก ลากฮั่วเซิงออกมา" ฮั่วเซิงอาจจะแกล้ง กู้จิ่นต้องตรวจสอบก่อน จึงจะให้เจียงซุ่ยฮวนลงมือได้ ผู้คุมลากฮั่วเซิงมาตรงหน้ากู้จิ่น ซึ่งไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ก้มลงจับคอฮั่วเซิงพลิกตัว แล้ววางมือไว้ใต้จมูกเขา ลมหายใจที่เขาหายใจออกมาอ่อนมาก แทบจะหายใจออกแต่หายใจเข้าไม่ได้ ร่างกายก็เย็นเฉียบ "ใกล้ตายจริง ๆ" กู้จิ่นลุกขึ้น พูดกับเจียงซุ่ยฮวน "เจ้าลองดู ช่วยได้ก็ช่วย ช่วยไม่ได้ก็แล้วไป" "ได้" เจียงซุ่ยฮวนเดินเข้าไปใกล้ เริ่มตรวจร่างกายฮั่วเซิงอย่างละเอียด เพื่อให้เจียงซุ่ยฮวนเห็นชัดขึ้น กู้จิ่นนำตะเกียงน้ำมันมาวางใกล้เท้านาง ได้ยินนางพึมพำ "ตับถูกทำลาย คล้ายเป็นพิษจากยา"
"เข้ามาพูด" ชางอี้ผลักประตูเข้ามา "ฮั่วเซิงที่ถูกขังในคุกใต้ดินเมื่อไม่กี่วันก่อน ดูเหมือนจะไม่ไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะ" ฮั่วเซิง? เจียงซุ่ยฮวนได้ยินชื่อนี้ก็โกรธจนฟันคัน ฮั่วเซิงผู้นี้ไม่เพียงขโมยเสี่ยวถังหยวนที่เพิ่งเกิด ยังจะเอาเสี่ยวถังหยวนไปเป็นเครื่องสังเวย คนเช่นนี้ตายก็ยังไม่พอ! กู้จิ่นกล่าวเสียงเย็น "เกิดอะไรขึ้น?" ชางอี้พูดเสียงเบา "ได้ยินว่าเป็นโรคร้ายกำเริบ บ่าวยังไม่ทันไปตรวจดูพ่ะย่ะค่ะ" กู้จิ่นนวดขมับ พูดกับเจียงซุ่ยฮวน "อาฮวน เรื่องนี้ข้าจะบอกเจ้าทีหลัง ตอนนี้ข้าต้องไปที่คุกใต้ดินก่อน" เจียงซุ่ยฮวนรั้งเขาไว้ "ฮั่วเซิงผู้นั้นยังมีประโยชน์อยู่หรือไม่?" "อืม" กู้จิ่นพยักหน้า "ยังมีความลับที่เขาไม่ได้บอก ยังตายไม่ได้" "เช่นนั้นหม่อมฉันไปกับท่านด้วย" เจียงซุ่ยฮวนสวมรองเท้ายืนขึ้น "ไปกันเถิด" กู้จิ่นกล่าวเสียงทุ้ม "อาฮวน เจ้าควรพักผ่อนให้ดี" "วันนี้หลังจากกลับจากวังแล้ว หม่อมฉันพักผ่อนมานานแล้ว" เจียงซุ่ยฮวนกล่าว นางคลอดบุตรมาหลายวันแล้ว อีกทั้งของบำรุงที่กู้จิ่นส่งมาล้วนเข้าท้องนางไปหมด ร่างกายของนางฟื้นฟูเกือบเป็นปกติแล้ว กู้จิ่นก้าวไปกอดนาง พูดเสียงเบา "อาฮว
เจ้าถังหยวนกู้จิ่นกล่าวเสียงต่ำ "ข้าก็คิดไม่ออก ดังนั้นช่วงนี้ข้าจึงสืบเรื่อยมา แต่กลับพบความลับเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน" "เปรี๊ยะ" ขณะที่กู้จิ่นกำลังจะพูดต่อ จู่ ๆ นอกหน้าต่างก็มีเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้น คล้ายเสียงกิ่งไม้หัก กู้จิ่นเงยหน้าขึ้นทันที สายตาคมกริบราวกับมีดมองไปที่หน้าต่าง เอ่ยเสียงกร้าว "ใคร?" เจียงซุ่ยฮวนวางมือไว้ข้างหลัง หยิบกริชออกมาจากห้องทดลอง กำไว้แน่น "ฮิ ๆ ข้าเอง" หน้าต่างถูกเปิดออก ฉู่เฉินโผล่หัวเข้ามากล่าว "ข้าเดินผ่านมาทางนี้พอดี ไม่ระวังเหยียบกิ่งไม้เข้า" "ขออภัยจริง ๆ ข้าจะไม่รบกวนพวกเจ้าแล้ว" ฉู่เฉินพูดพลางจะปิดหน้าต่าง "อาจารย์รอก่อน" เจียงซุ่ยฮวนเรียกเขาไว้ ถามว่า "กลางวันท่านไปไหนมา?" ฉู่เฉินหยุดการเคลื่อนไหว กล่าวว่า "ข้าแค่ไปเดินเล่นแถวนี้ นอกจากนั้นก็ไม่ได้ไปไหนเลย" "เช่นนั้นหรือ?" กู้จิ่นเอ่ยเสียงเย็น "ท่านไม่ได้ไปบ่อนพนันหรือ?" เจียงซุ่ยฮวนได้ยินคำว่าบ่อนพนัน ก็ขมวดคิ้วทันที "เอ๋? บ่อนพนันอะไร?" ฉู่เฉินดูกระวนกระวายใจ สายตาไม่อยู่นิ่ง "ข้าจะไปสถานที่เช่นนั้นได้อย่างไร?" กู้จิ่นกล่าว "ที่ข้อมือของท่านผูกเชือกแดงสามเส้น หากข้าจำไม่ผิด เ
กู้จิ่นนั่งข้างเจียงซุ่ยฮวน ถามว่า "อาฮวน เจ้าจะบอกอะไรข้า?" เจียงซุ่ยฮวนเล่าเรื่องที่นางเห็นที่หน้าประตูวังในตอนกลางวัน รวมทั้งเรื่องที่จีกุ้ยเฟยปลอมตัวเป็นเมิ่งเซียวเขียนจดหมายถึงเมิ่งชิงให้กู้จิ่นฟังด้วย หลังจากเล่าทั้งหมดแล้ว เจียงซุ่ยฮวนกล่าวด้วยสีหน้ากังวลเล็กน้อย "จีกุ้ยเฟยช่างมีเล่ห์เหลี่ยมลึกล้ำ หากท่านไม่เปิดโปงนาง สุดท้ายคนที่จะสืบราชบัลลังก์อาจเป็นฉู่อี้" ตอนแรกที่กู้จิ่นรู้ว่าจีกุ้ยเฟยนอกใจฮ่องเต้ เขาโกรธมาก แต่บัดนี้กลับดูสงบมาก เขาถามเสียงเรียบ ๆ "อาฮวน เจ้ายังต้องการใช้มือของจีกุ้ยเฟยจัดการเจียงเม่ยเอ๋อร์ไม่ใช่หรือ?" "อีกอย่าง จีกุ้ยเฟยยังติดค้างเจ้าสองบุญคุณ หากเปิดโปงนางตอนนี้ เจ้าก็จะเสียเปรียบไม่ใช่หรือ?" เจียงซุ่ยฮวนลูบคาง กล่าวว่า "ท่านพูดมีเหตุผล" "แต่เมื่อเทียบกับเรื่องของหม่อมฉัน เรื่องราชบัลลังก์สำคัญกว่า" นางจ้องกู้จิ่นอย่างจริงจัง พูดอย่างมีนัยสำคัญ "ท่านสนิทกับฮ่องเต้มาก คงไม่อยากเห็นพระองค์ถูกหลอกอยู่ตลอดไป" กู้จิ่นมองเข้าไปในดวงตานาง จู่ ๆ ก็หัวเราะขื่น ๆ "อาฮวน เจ้าทายใจข้าได้แล้วใช่หรือไม่?" "ท่านบอกมาได้ หม่อมฉันจะได้รู้ว่าตนเองทายถูกหร
แม่ทัพเจิ้นหยวนคุกเข่าอยู่บนพื้น ร่างกายสั่นเล็กน้อย แต่สีหน้ากลับสงบยิ่ง ราวกับผิดหวังในตัวฮ่องเต้อย่างถึงที่สุด "ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเมตตา กระหม่อมขอมอบป้ายอาญาสิทธิ์ในวันนี้ นับจากนี้ไปไม่มีความเกี่ยวข้องกับราชสำนักอีก" เขาค่อย ๆ ล้วงป้ายอาญาสิทธิ์ออกจากอกเสื้อ ประคองด้วยสองมือส่งไปยังพระพักตร์ฮ่องเต้ ฮ่องเต้ทรงรับอาญาสิทธิ์โดยไม่ลังเล "สมกับเป็นแม่ทัพเจิ้นหยวน เด็ดขาดทีเดียว" แม่ทัพเจิ้นหยวนโขกศีรษะแรงลงกับพื้น "กระหม่อมขอทูลลา!" พูดจบ เขาลุกขึ้นเดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับมามอง งานมงคลกลายเป็นเช่นนี้ คนรับใช้ที่หามเกี้ยวและสินสอดข้าง ๆ มองหน้ากันไปมา ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป ฉู่เลี่ยนเดิมก็ไม่อยากแต่งงานกับเมิ่งชิง เห็นเหตุการณ์พัฒนามาถึงขั้นนี้ เขาซ่อนรอยยิ้มที่มุมปากไม่อยู่ ดึงดอกไม้สีแดงใหญ่ที่หน้าอกออก กล่าวว่า "เสด็จพ่อ วันนี้งานแต่งนี้คงเป็นไปไม่ได้แล้ว ลูกขอทูลลา" "เจ้าจะลาอะไร ใครบอกว่างานแต่งนี้เป็นไปไม่ได้?" ฮ่องเต้ขมวดพระขนง"เอ๋?" ฉู่เลี่ยนตกตะลึง "เสด็จพ่อ จวนแม่ทัพเจิ้นหยวนก็ไม่มีแล้ว จะแต่งงานกันได้อย่างไร? ไม่ทราบว่าพระองค์จะให้ลูกแต่งกับสามัญชนหรือ
ความหมายของจีกุ้ยเฟยชัดเจน แม้เมิ่งชิงจะทำผิด แต่หากสั่งประหารนางตอนนี้ ฉู่เลี่ยนก็จะไม่มีโอกาสได้เป็นพ่อคนอีกตลอดชีวิต ฮ่องเต้ทรงครุ่นคิด ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ แม้ฉู่เลี่ยนจะไม่มีความสามารถอะไร ปกติชอบใช้เล่ห์กลเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ยังดีที่เขาเชื่อฟัง หากเขาไม่มีทายาท ก็จะน่าเสียดายเกินไป "พระสนม ท่านคิดว่าควรจัดการเรื่องนี้อย่างไร?" ฮ่องเต้ทรงโยนปัญหาให้จีกุ้ยเฟย จีกุ้ยเฟยทูลตอบ "หม่อมฉันเห็นว่า เมิ่งชิงก่อเรื่องอุกอาจเช่นนี้ แม่ทัพเจิ้นหยวนย่อมหนีความผิดไม่พ้น ไม่สู้ลงโทษแม่ทัพเจิ้นหยวนก่อน ส่วนเมิ่งชิงนั้น รอให้นางคลอดบุตรแล้วค่อยจัดการก็ไม่สายเพคะ" "วิธีนี้ดี" ฮ่องเต้ทรงพยักหน้า สั่งหลิวกงกงที่อยู่ข้างกาย "ไปเรียกแม่ทัพเจิ้นหยวนมา เราต้องถามเขาดูว่า เขาเลี้ยงดูหลานสาวเช่นนี้มาได้อย่างไร!" แม่ทัพเจิ้นหยวนนั่งอยู่ในรถม้าหน้าประตูวัง หลิวกงกงนำตัวเขามาอย่างรวดเร็ว เขาเดินอย่างรวดเร็ว ใบหน้ามีแววโกรธ เมื่อเดินมาถึงข้างกายเมิ่งชิง เขาตบหน้านางเต็มแรงหนึ่งที "นางชั่ว!" "ข้าใช้ชีวิตในสนามรบมาทั้งชีวิต กลับเลี้ยงหลานสาวเช่นเจ้าที่ไม่รู้จักกาลเทศะ ช่างเป็นความอัปยศของข้า