“บอกหน่อยสิคะ ว่าคุณจะพาฉันไปไหน และจะลงโทษฉันยังไงถ้าคุณยังไม่ได้ชิปนั่น”
หญิงสาวหรี่นัยน์ตาสีน้ำตาลแกมเขียวขณะช้อนมองราวกับมีบางอย่างคุกรุ่นอยู่ข้างใน ใบหน้าสวยหวานเอียงเข้าหาเขาและเผยอเรียวปากออกอย่างเชื้อเชิญในที แต่แล้วรอยยิ้มเหยียดกลับจุดขึ้นบนใบหน้าคมคาย เขาก้มหน้าลงไปราวจะตอบรับอาการยั่วยวนก่อนกระซิบ
”จะลงโทษคุณแบบไหนน่ะหรือ...มันยังไม่จำเป็นที่ผมต้องบอกคุณตอนนี้ แต่...ผมมีอะไรอยากบอกไว้อย่างว่าคุณควรจะเรียนรู้วิธีการยั่วยวนผู้ชายเสียใหม่ เพราะจูบเมื่อกี๊มันช่างไม่น่าดึงดูดใจเอาเสียเลย!”
“แดเนียล...อ๊ะ!”
อลินทิราไม่ทันได้ตอบโต้ก็ถูกเขากระชากตามไปยังรถเอสยูวีสีดำสนิทซึ่งจอดอยู่ห่างไปไม่ไกล ชายหนุ่มเปิดประตูด้านข้างคนขับก่อนหันมาทำให้สายลับสาวเบิกตาโพลงด้วยการใส่กุญแจมือมือเรียวบางทั้งสองไว้
“แดเนียล...นี่มันอะไรกัน! คุณไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่จะมาจับฉันใส่กุญแจมืออย่างนี้”
“ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเขาคงไม่ปล่อยให้คุณมายืนเถียงอยู่แบบนี้แน่...ขึ้นรถ!”
บุรุษร่างใหญ่กำยำออกคำสั่งเสียงกร้าวก่อนดันร่างบางที่ยังมีท่าทีฮึดฮัดขึ้นรถและปิดประตูลงดังปัง
อลินทิรามองตามเจ้าของใบหน้าทรงเสน่ห์แต่อันตรายมากกว่าที่เธอคิดพาตัวเองกลับขึ้นมานั่งฝั่งคนขับก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์และพามันพุ่งทะยานออกไปทิ้งรถคาดิลแล็คคันเก่าไว้ในทุ่งทะเลทรายสีแดงท่ามกลางแสงสุดท้ายก่อนโคมทองจะลาลับขอบฟ้า
“บอกผมหน่อยได้ไหม ออโซลย่า...ว่าคุณเข้าไปในห้องปฏิบัติการทดลองไซโคลตรอนได้ยังไง?”
คำถามนั้นดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันยินเพียงเสียงเครื่องยนต์ของรถเอสยูวีที่แล่นไปบนถนนลาดยางในยามค่ำที่สองด้านเห็นทุ่งทรายและเงาของขาหินรูปทรงแปลกประหลาด เขากำลังพาเธอพ้นจากแคนยอนแลนด์และมุ่งไปยังอีกฟากฝั่งของยูทาห์ห่างจากโมอับ อลินทิราหลับตาลงด้วยใจระย่อ...อีกเพียงนิดเดียว แค่เอื้อมเท่านั้นเธอก็จะได้กลับบ้านไปอยู่กับแม่บุญธรรมอย่างที่คิดหวังไว้ แต่เขากลับทำมันพังทลายหมด
แดเนียล ไพรซ์
“ฉันมีวิธีของฉันที่ก็ไม่จำเป็นต้องบอกคุณเหมือนกันค่ะ แดเนียล”
“ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอถามอีกทีว่ามันสนุกมากนักรึไง ทำไมพวกคุณถึงได้ยอมตายกับเรื่องอันตรายพวกนี้”
“พวกเรามีจุดมุ่งหมายต่างหากล่ะคะ!” หญิงสาวตอกกลับเสียงแข็งขณะนั่งคอตั้งและกำหมัดที่ถูกใส่กุญแจบนตักแน่น
“มันเป็นจุดมุ่งหมายที่เราต้องรับผิดชอบ เพราะแม้แต่คุณเองก็ยังต้องมีบรรทัดฐานในการทำงานของคุณ”
“แต่บรรทัดฐานในการทำงานของผมคือการรับผิดชอบต่อชีวิตของคนอื่น เราค้นหาแต่ไม่ได้ล่วงละเมิดสิทธิของใครอย่างที่คุณกำลังทำ”
“ฉันทำตามหน้าที่”
“ซึ่งก็ไม่เคยรู้ว่ามันมีข้อดีหรือจะทำลายใครบ้าง!”
“แต่คุณไม่มีสิทธิ์มาตัดสิน!”
“ผมมีสิทธิ์เต็มที่ในฐานะที่ผมเป็นเจ้าของข้อมูล!”
เอี๊ยด!...เสียงเบรกรถกะทันหันดังขึ้นหลังจากการโต้เถียงสิ้นสุด แดเนียลระงับโทสะไว้ไม่อยู่ หากก็เกิดความตระหนกเล็ก ๆ เมื่อหันไปเห็นศีรษะของคนที่นั่งข้าง ๆ กระแทกเข้ากับคานประตูด้านหน้าจนได้เลือด
“ออโซลย่า” ชายหนุ่มครางออกมาขณะสองมือกำพวงมาลัยไว้แน่น เขาทำเธอได้แผลแต่สายลับสาวกลับไม่ร้องออกมาสักแอะ
“คุณ...”
“ชื่อของฉันคือ อลินทิรา คาฮาน่า!”
หญิงสาวหันขวับกลับมาดวงตาแดงก่ำ ไรผมบนขมับชื้นด้วยรอยโลหิตจากแผลแตก เธอมองเขาด้วยความเจ็บแค้น ตลอดชีวิตของการเป็นสายลับนอกจากนักฆ่าอย่างเฟลรอฟแล้วเธอก็ไม่ปรารถนาจะทำร้ายใครทั้งสิ้น ร่างบอบบางเม้มริมฝีปากก่อนเค้นเสียงพูด
“ฉันชื่อ อลินทิรา เป็นลูกครึ่งไทย เวเนซูเอล่า...ฉันไม่มีครอบครัว และฉันก็เป็นสายลับให้กับไซออนเนต ฉันจารกรรมข้อมูลมานับครั้งไม่ถ้วน ถ้าคุณรู้จักตัวตนของฉันแล้วก็ไม่ควรจะเก็บฉันไว้อีกต่อไป ถ้าจะต้องตายฉันก็จะขอตายในหน้าที่ของฉัน!”
“คุณยังตายไม่ได้หรอก ออโซลย่า” แดเนียลขบกรามนูนเป็นสันก่อนนั่งหลังตรงเพื่อปรับเกียร์รถบนพวงมาลัย นัยน์ตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องไปยังถนนที่ทอดยาวหายไปในความมืดเบื้องหน้า
“ผมจะให้คุณได้ลิ้มรสชาติของการเอาคืน ถ้าคุณหนีไปที่ไหนผมก็จะตามล่าคุณเหมือนเสือที่จะไม่ยอมปล่อยเหยื่อของมัน และนับแต่นี้ไปผมจะเรียกคุณว่า...ซอนญ่า”
“ซอนญ่า...” อลินทิราหน้างอ เธอไม่ชอบท่าทางวางอำนาจของเขาเลย ให้ตายเถอะ“ไม่ทราบว่าคุณเป็นเจ้าชีวิตฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงได้ตั้งชื่อฉันตามอำเภอใจแบบนี้”“ตอนนี้ชีวิตคุณเป็นของผม ซอนญ่า! ถ้าขืนยังคิดจะหนีผมจะส่งคนของผมไปที่บ้านของดาเลีย เฮอเกรล ทันที!””คุณว่ายังไงนะคะ แดเนียล!” สายลับสาวถึงกับสะเทือนไปถึงขั้วหัวใจเมื่อคนอยู่หลังพวงมาลัยเอ่ยชื่อนั้นขึ้นมา แดเนียลเหยียดมุมปาก ดูเขาจะพึงพอใจกับอาการตกตื่นของหญิงสาว“ดาเลีย เฮอเกรล...เธออยู่ที่โมอับ และ ใช่...เธอเป็นแม่บุญธรรมของคุณ”“คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง ไม่เคยมีใครรู้จักแม่ของฉัน”“มันง่ายจะตายไป ซอนญ่า เรื่องการสืบค้นข้อมูลประชากรในอเมริกาน่ะ เว้นเสียแต่ว่าคุณจะไม่เคยทำบัตรอะไรเลยตั้งแต่เกิด หรือเป็นพวกอพยพข้ามพรมแดนมาจากต่างประเทศ เพราะนอกเหนือจากนี้ผมก็มีข้อมูลทุกอย่างที่ต้องการ อยากรู้ไหมว่าผมรู้อะไรเกี่ยวกับเธอบ้าง อย่างเช่น ดาเลียไม่ได้เป็นชาวเมืองโมอับมาแต่กำเนิด เธอย้ายมาจากนิวเจอร์ซี สามีของเธอเป็นทหารผ่านศึกและเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด ดาเลียเป็นหม้ายกระทั่งเธอขอเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจากสถานเด็กกำพร้าในซอลเลกซิตี้มาเลี้ยงดู เด็
เขาพูดก่อนดึงแขนเรียวให้ร่างบอบบางก้าวลงมาจากรถ หญิงสาวยังคงนิ่งเงียบและปล่อยให้ร่างสูงตวัดแขนหนาใหญ่โอบรอบเอวเธอไว้เพื่อแสดงบทบาทอย่างที่เขาว่า“คุณควรจะกอดผมตอบ ในเมื่อเราเป็นผัวเมียกัน”“มันก็แค่ละคร ฉันไม่จำเป็นต้องแสดงให้สมบทบาทมากขนาดนั้นหรอกนะคะ”“ผมสั่งคุณต้องทำ! อย่าลืมสิว่าเราต่างมีสิ่งต่อรองกันทั้งสองฝ่าย”“คุณไม่ต้องมาขู่ฉันหรอกค่ะ และอย่าคิดว่าฉันจะยอมทำตามคำสั่งของคุณทุกอย่าง”“คุณเป็นคนของผมแล้ว” เสียงนั้นแน่นหนักพร้อมกับรัดวงแขนจนร่างแน่งน้อยเบียดชิดตัวเขามากกว่าเก่า“แดเนียล”“เรียกสามีของคุณว่า แดน...นับแต่นี้จะไม่มีออโซลย่า มีแต่คุณ...ซอนญ่า คุณเป็นคนของผมและต้องทำตามที่ผมสั่งทุกอย่าง!”ชายหนุ่มสำแดงความต้องการผ่านใบหน้าดุ อากัปกิริยาของเขาทำให้หญิงสาวหน้าแดงไปถึงใบหู เรียวปากอิ่มสั่นระริกด้วยความโกรธ เธอได้แต่กำหมัดแน่นและก้าวตามเขาไปทั้งที่เอวบางยังถูกลำแขนหนาแกร่งรัดไว้จนหายใจแทบไม่ออกเธอต้องเอาคืนให้ได้ถ้ามีโอกาส...จารชนสาวคิดอยู่ในใจกระทั่งไปถึงล็อบบี้ มันเป็นโรงแรมขนาดเล็กซึ่งภายในตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยโทนสีน้ำตาลอย่างทุ่งทรายด้านนอก ภายในนั้นเงียบเหงามีเพี
“ซอนญ่า” เสียงห้าวนั้นดังกลบความเงียบและมันก็รบกวนความรู้สึกของเธอไม่น้อย“เป็นอะไรไป คุณทำอย่างกับไม่เคยเห็นผู้ชายแก้ผ้า”“ทำไมฉันจะไม่เคยเห็น แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันจำเป็นต้องดูก็เท่านั้น” ตอบกลับโดยไม่ยอมหันไปมอง อลินทิราได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของเขา“ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอถามอะไรหน่อย ว่าคุณ...รู้จักหัวหน้าองค์กรที่คุณทำงานให้หรือเปล่า?”ร่างสูงใหญ่ถามขณะลูบใบหน้าเปียกน้ำ เขาหันไปมองแผ่นหลังของร่างบอบบางในชุดกระโปรงลายสก็อตก็เห็นว่าเธอเงียบไปชั่วครู่“ฉันไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้าเขา”“เขา...อย่างนั้นหรือ?”“ทุกครั้งที่เขาต้องการ งาน เขาจะให้เฟลรอฟเป็นคนส่งสาส์น...รับคำสั่งจากเขา”“เฟลรอฟ”“เขาเป็นชาวรัสเซีย เป็นคนโหดเหี้ยม...แต่ฉันเพิ่งฆ่าเขาตายเมื่อวานนี้”“ถ้าผมเดาไม่ผิด พวกเขาก็กำลังตามล่าคุณงั้นสินะ ซอนญ่า”อลินทิราเงียบไปอีก การวิเคราะห์ของเขาแม่นยำเพราะท่าทีของหญิงสาวราวกับชั่งใจอย่างหนัก“ฉันแค่อยากวางมือเท่านั้น ฉันแค่รู้สึกอิ่มตัวกับการใช้ชีวิตอย่างจารชน”“คุณวางมันไม่ได้หรอก ซอนญ่า ตราบใดที่องค์กรยังอยู่ ตราบใดที่ยังมีหัวหน้าใหญ่ในองค์กรชักใยอยู่เบื้องหลัง คุณ...ไม่มีวันออก
“แผลไม่ใหญ่มาก” เขากล่าวขณะลดมือข้างที่เช็ดขมับแตกของเธอลง“แดนคะ...ฉันอยากขอบคุณคุณค่ะ”“อาจไม่...” คำว่า จำเป็น หลุดหายไปในลำคอแข็งแรงเมื่ออลินทิราเป็นฝ่ายจู่โจมร่างสูงใหญ่ด้วยการประกบปิดริมฝีปากของเขาไว้ด้วยเรียวปากอิ่มอย่างรวดเร็ว หญิงสาวรู้สึกถึงอาการหอบสะท้านจากร่างกายของชายหนุ่มเมื่อเธอประกบจูบเขาชนิดไม่บันยะบันยัง อลินทิรานำเสนอทุกอย่างตั้งแต่การบดเบียดริมฝีปากร้อนแรงและสนองลิ้นในปากหนาได้รูปด้วยการยั่วเย้าให้เขาโหยหาอย่างที่สุด มันเป็นจุมพิตดูดดื่มที่สายลับสาวตั้งใจมอบให้เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำเงินอมม่วงซึ่งก็ไม่มีทีท่าว่าเขาจะปฏิเสธ ตรงข้ามปล่อยไปตามอารมณ์ของร่างอรชรที่จุดไฟร้อนในตัวเขาแทนคำขอบคุณ จนเมื่อหญิงสาวเป็นฝ่ายถอนกลีบปากบวมแดงน้อย ๆ และเลื่อนใบหน้าออกจึงเห็นว่าเขายังอยู่ในอาการเคลิบเคลิ้มราวกับยังไม่ยอมตื่นจากฝัน“ฉันจูบไม่เก่งหรอกนะคะ” ร่างแน่งน้อยออกตัวก่อนมองเขาด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป แดเนียลเหมือนคนเคลิ้มหลับ...นี่เม็ดยาที่เธอใส่ไว้ใต้ลิ้นออกฤทธิ์รวดเร็วถึงขนาดนี้เชียวหรือ“เปล่าเลย...ซอนญ่า” เสียงตอบกลับพร้อมกับที่ดวงตาคู่นั้นลืมขึ้นมองหญิงสาวขณะแขนแข
แดเนียลยืดลำตัวขึ้นและสังเกตเห็นใบหน้าหวานเปล่งปลั่งมากกว่าเมื่อครู่ อลินทิราดูเย้ายวนอย่างประหลาด เรือนผมสีน้ำตาลหม่นปล่อยสยาย แก้มเป็นสีชมพูระเรื่อ ริมฝีปากเป็นสีแดงจัดและดวงตาคู่นั้นราวกับถูกอาบด้วยหยาดน้ำผึ้ง ทำไมเขาถึงได้รู้สึกอยากเข้าไปใกล้ร่างบอบบางตรงหน้า หรือว่าเขาเองก็ถูกฤทธิ์ยาเม็ดนั้นเข้าให้แล้ว ชายหนุ่มทอดถอนใจก่อนฝืนพูดออกไป“คืนนี้ผมอาจไม่ได้นอนเลยก็เป็นได้”ร่างสูงใหญ่ในผ้าขนหนูผืนเดียวยังยืนตรงหน้าหญิงสาวที่มือข้างหนึ่งถูกคล้องกุญแจมือติดกับเตียง ส่วนมืออีกข้างที่ถูกปล่อยเป็นอิสระกำลังลูบไปมาบนลำคอระหง ท่าทีนั้นเธอไม่ได้คิดจะยวนยั่วแต่ก็ดูเชิญชวนอย่างไม่ได้ตั้งใจ“ทำไมล่ะคะ...ทำไมคุณถึงไม่นอน”อลินทิราไล้มือต่ำลงมาหยุดบนไหปลาร้าขณะช้อนสายตามองร่างสูงตรงหน้าและพูดด้วยเสียงแหบพร่าทว่าเซ็กซี่“เพราะคุณอาจจะวางแผนหนีผมไปอีกตอนไหนก็ได้”ชายหนุ่มบอกเหตุผลด้วยเสียงที่ลดต่ำลงและก็อดที่จะมองร่างแน่งน้อยที่นั่งกระสับกระส่ายตรงขอบเตียงไม่ได้ ยากำลังออกฤทธิ์...แดเนียลรู้ได้จากท่าทีของหญิงสาว เขาอาจไม่เคยใช้มันแต่ก็เคยเห็นอำนาจของยากล่อมประสาทที่เปลี่ยนคน ๆ หนึ่งได้ภายในพริบตา“ฉั
“ซอนญ่า...โอ...พระเจ้า” ชายหนุ่มงึมงำอยู่กับซอกคอหอมกรุ่น เขาอยากจะหยุดตัวเอง แต่มือไม้กลับล้วงเข้าไปในคอเสื้อหญิงสาวที่อ้ากว้าง“แดน...อูว”“พระเจ้า...ซอนญ่า ผมหยุดมันไม่ได้”แดเนียลเหมือนคนหลงละเมอขณะลากริมฝีปากกลับไปดูดดื่มความหอมหวานจากปากเล็ก ทันทีที่มือหนาล้วงผ่านเข้าไปใต้เนื้อผ้าที่กั้นกลางระหว่างร่างนุ่มเขากลับไม่พบอาภรณ์ชิ้นใดขวางนอกจากเนินเนื้ออุ่นกลมกลึงแน่นตึงที่ตอบรับการบีบเคล้น ร่างสูงใหญ่อยากจะเลื่อนออกไปทว่าร่างกายกลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามด้วยการเพิ่มแรงบีบบี้ กดคลึง และไล้ไปมาบนส่วนปลายอ่อนไหวแข็งเป็นไตแค่เขาลูบมันเบา ๆสายลับสาวร้องอืออาออกมาไม่หยุดพร้อมทั้งแอ่นร่างนุ่มที่ชายกระโปรงของชุดลายสก็อตเปิดเปลือยจนพ้นขาอ่อนขึ้นไปถึงสะโพก“แดน...ฉันร้อนเหลือเกินค่ะ ช่วยฉันด้วย”อลินทิราส่ายหน้าชื้นเหงื่อไปมาภายในห้องซึ่งมีพัดลมเพียงตัวเดียวที่ไม่อาจปัดเป่าประกายไฟร้อนแรงที่ปะทุระหว่างเขาและเธอ“ผมจะช่วยคุณได้ยังไง”“เอามันออกไปที...ช่วยเอามันออกไปจากตัวฉันทีค่ะ แดน”หญิงสาวครางเสียงแหบพร่าขณะดึงทึ้งคอเสื้ออ้ากว้างด้วยท่าทางสุดเซ็กซี่ แดเนียลจำต้องละฝ่ามือที่กำลังบีบคลึงเนื้อ
บทที่ 4 เมื่อความผูกพันก่อตัว คำเว้าวอนของสายลับสาวทำให้ชายหนุ่มหยุดตัวเองลงชั่วขณะ แม้ยังไม่แน่ใจหากนัยน์ตาสีน้ำตาลแกมเขียวกลับฉายแววปรารถนาล้นท่วม ต่างคนต่างตกอยู่ในห้วงแห่งเพลิงพิศวาส และแดเนียลเองก็ตกเป็นทาสอารมณ์ดิบที่สั่งให้เขายินยอมปลดปล่อยอลินทิราออกจากพันธนาการ“แดน...ฉันต้องการคุณ...เดี๋ยวนี้” ร่างบางตวัดแขนไปรอบแผ่นหลังกว้างทันทีที่เป็นอิสระ หญิงสาวกอดจูบชายหนุ่มเนิ่นนานกระทั่งตัวเธอถูกดันจนแผ่นหลังราบไปกับที่นอน“ซอนญ่า...โอ” แดเนียลครางหอบเมื่อเขาเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้คุมเกมด้วยการขยับขึ้นทาบทับบนแก่นกายตึงแน่นของหญิงสาวที่ถูกความแข็งแกร่งบดเบียดอยู่ภายนอก เขายังไม่เร่งร้อนที่จะพิสูจน์อะไรบางอย่าง ทว่าก็เห็นเงาแห่งความหวาดกลัวแฝงตัวอยู่หลังม่านหมอกแห่งปรารถนา“ทำไมคุณไม่หนีไปเสีย...ตอนนี้คุณมีโอกาสแล้ว ซอนญ่า”แดเนียลกระซิบถามขณะไล้เลียลิ้นร้อนไปบนแก้มเนียนจรดติ่งหูก่อนกลับมายังกลีบปากนุ่ม“จะให้ฉันหนีไปไหนล่ะคะแดน...ถ้าฉันหนี ใครจะช่วยฉันได้”“คุณเป็นอะไรหรือซอนญ่า” ชายหนุ่มถามซึ่งก็ได้รับคำตอบเป็นการบิดเร่าของร่างที่เขาทาบทับ“ไม่รู้ค่ะ...ฉัน...ไม่รู้ว่า
แดเนียลสะดุดคำพูดเมื่อเห็นความเจ็บปวดบนใบหน้าหวาน คิ้วโก่งขมวดเข้าหากันและริมฝีปากถูกขบจนห้อเลือด ชายหนุ่มแทบไม่รู้สึกตัวว่าอารมณ์ค้างคาเมื่อครู่จะทำให้เขาผลักดันตัวเองเข้าไปในเรือนร่างบอบบางจนหมดสิ้น อลินทิราส่ายหน้าที่เหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายพร้อมทั้งใช้ฝ่ามือดันหน้าอกแกร่งแทนที่จะกอดรัดเขาอย่างเมื่อครู่“แดน...ถ้าคุณจะโกรธฉันก็ไม่เป็นไร...หรือถ้าคุณไม่อยากช่วยฉันแล้ว...”“ซอนญ่า” แดเนียลแทรกขึ้นก่อนปลอบประโลมหญิงสาวด้วยการจูบไซ้ไปตามลำคอ ความรู้สึกนั้นแปรเปลี่ยนกะทันหันด้วยตระหนักรู้ว่าเธอเจ็บร้าวมากแค่ไหนในเมื่อนี่คือครั้งแรก“ผมเปลี่ยนใจแล้ว”“คุณว่าอะไรนะคะ?”“ผมอยากช่วยคุณ ซอนญ่า”ชายหนุ่มยืนยันด้วยการขยับสะโพกและดูดเม้มปลายถันสีชมพูเข้มเพื่อช่วยผ่อนคลาย อลินทิรารู้สึกจุกแน่นใต้ท้องน้อยทุกครั้งที่เขาส่งผ่านตัวเองเข้าไป ทว่าความรื่นรมย์ที่เพิ่มขึ้นทีละน้อยกลับทำให้เธออดทนและรับความใหญ่โตนั้นไว้ได้เกือบทั้งหมด“แดน...อ๊ะ...อา” สายลับสาวแอ่นร่างและยกสะโพกตามการเคลื่อนไหวเร่งเร้าขณะฟังเสียงกระซิบกระซาบ“ซอนญ่า...คุณรู้สึกยังไงบ้าง?”“แดน...มันคับมากค่ะ มันแน่นมากเหลือเกิน”“ไม่เลย...ค
“แดเนียล...ฉันรักคุณค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉันอีก”“ผมต้องกลับมาที่รัก” เขาก้มลงจูบบนเปลือดกตาของหญิงสาวที่ตัวเธอสั่นสะทานขึ้นมาราวกับยังหวาดหวั่น “ยอดดวงใจของผม คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหนถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่พบคุณ”“บ้าน...เป็นที่สุดท้ายสำหรับฉันค่ะ จารชนที่แต่นี้ไปจะเป็นแค่คนธรรมดา แดนคะ...มาเต้นรำกันเถอะค่ะ ฟังซีคะ ต้นหญ้าและขุนเขากำลังร้องเพลง”ร่างอรชรผละห่างจากชายหนุ่มและเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอย่างบัลเล่ต์รีน่าท่ามกลางทุ่งหญ้าส่ายไหวอาบแสงสีเงิน แดเนียลยืนล้วงกระเป๋าและอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ม้าพันธุ์เทอโรเบรดด้วยความรู้สึกสุขใจ ดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ร่างแน่งน้อยที่กำลังเริงระบำกลางที่ราบทุ่งหญ้าพลิ้วไหว เขารักอลินทิรามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพังและมองเห็นความวาดหวังถึงชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นในกาลเบื้องหน้า นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามาตลอดชีวิตก็เป็นได้ศาลาที่ว่าการกรุงออสโลว์ ประเทศนอรเวย์เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางในชุดราตรีสีฟ้าครามซึ่งนั่งอย่างสงบบนเบาะหลังรถเอสยูวีคันใหญ่รีบหยิบขึ้นมากดรับสาย“สวัสดีจ้ะ ซอนญ่า”“ค่ะ...แม่”
“แดน...ที่ผ่านมาคุณไม่คิดบ้างหรือคะว่าฉันเคยทำอะไรแย่ ๆ กับคุณบ้าง อย่างเช่นวางยาคุณ หรือตั้งใจจะเอาคืนให้คุณเจ็บแสบ”“อะไร ๆ อาจแย่กว่านี้ถ้าผมไม่ได้รู้จักคุณ...ออโซลย่า”หญิงสาวเอียงคอเพื่อมองใบหน้าคร้ามคมที่ลดจมูกลงมาเคลียบนแก้มนุ่ม“คุณคงยังไม่ลืมเธอซีนะคะ”“ผมไม่เคยลืมสายลับสาวแสนสวยที่เก่งกาจถึงขนาดถอดรหัสผ่านประตูนิรภัยของผมได้ และยิ่งกว่านั้นเสน่ห์ของเธอก็มัดใจผมไว้จนดิ้นไม่หลุด”“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะแดน...ฉันน่ะไม่เห็นว่าคุณจะพูดดีกับฉันสักหน” อลินทิราอดที่จะตั้งคำถามกับคนที่เธอรักไม่ได้แม้เวลานั้นจะล่วงเลยมาแล้วก็ตาม“อืม...คงตั้งแต่พบกันครั้งแรกในแคนยอน แลนด์ ผู้หญิงอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดทั้งที่รู้ว่าสู้ผมไม่ได้”“ฉันอยากจะฆ่าคุณ” เธอย่นจมูก “ทึ้งคุณให้หลุดเป็นชิ้น ไม่เคยมีใครตามติดและต้อนฉันจนมุมได้เหมือนคุณ”“ตอนแรกคุณจินตนาการว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน ซอนญ่า” ชายหนุ่มจุดความอบอุ่นในกายหญิงสาวด้วยการขบเม้มเบา ๆ ที่ใบหูเล็กบาง“ตอนที่ฉันจะรับงานนี้ ฉันแทบไม่สนใจข้อมูลเจ้าของชิปนั่นเลยสักนิดเดียว ฉันคิดเอาเองว่า แดเนียล ไพรซ์ คงเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เขาคงเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง
“แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ท่านยังปลูกผักและเดินเป็นระยะไกล ๆ ได้ ถึงท่านจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เหงา เพราะว่าเจ้าอิงลิชกับเจ้ามูนวอล์คเกอร์นี่ล่ะค่ะ”หญิงสาวหันกลับไปยังม้าสองตัวที่ยื่นหน้าเข้ามาให้เธอลูบไล้แผงคอของพวกมันเล่น พวกมันดูคุ้นเคยและทำราวกับคิดถึงนายของมัน“ตัวนี้เป็นม้าอิงลิช เทอโรเบรดค่ะ มันเป็นม้าฝีเท้าดี ฉันตั้งชื่อมันว่าอิงลิช” อลินทิราบอกพลางลูบไล้ไปบนหัวของม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มซึ่งเรือนขนบนหลังและหางมีสีดำเป็นมันวาว มันดูบึกบึนแข็งแรงทว่าก็เชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ“ผมเคยอ่านประวัติของม้าพันธุ์ผสมพวกนี้ ตอนศตวรรษที่สิบเจ็ดนักล่าอาณานิคมพยายามพัฒนาสายพันธุ์ม้าอเมริกันใหม่ ๆ ก็เลยผสมพันธุ์ม้าพื้นเมืองกับม้าแคนาดา มันขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรง พอหลังจากนั้นก็ผสมกับม้าพันธุ์อิงลิชเทอโรเบรดอย่างเจ้าอิงลิชของคุณนี่ไง”แดเนียลเสริมแต่ยังไม่สัมผัสตัวของมันเหมือนหญิงสาว“และนี่...เจ้ามูนวอล์คเกอร์ค่ะ มันเป็นม้าป่าพันธุ์สเปน เรียกได้อีกอย่างว่าซัลเฟอร์ เป็นม้าของรัฐยูทาห์ค่ะ แม่เป็นคนตั้งชื่อให้เพราะตอนพามาเลี้ยงใหม่ ๆ มันหายไปตอนคืนจันทร์เต็มดวง เราคิดว่ามันคงถูกขโมยหรือไม่ก
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะขอคุณแต่งงาน แต่ผมยังไม่ได้พบแม่บุญธรรมของคุณ ไม่รู้ท่านจะว่ายังไงบ้าง”“ฉันจะว่ายังไงได้ล่ะคะ”เสียงของหญิงสูงวัยที่แทรกขึ้นมาทำให้สองหนุ่มสาวหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน“แม่!” อลินทิราอุทานออกมา เธอลืมตัวจะผละห่างจากชายหนุ่มทว่าแดเนียลยังกอบกุมมือเรียวบางไว้แน่น ดาเลียซึ่งยืนอยู่ที่ประตูยิ้มกับผู้มาใหม่ นางมองเขาด้วยสายตาบอกความประหลาดใจหากก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน“สวัสดีค่ะ...ฉันคือดาเลีย เฮอเกรล ฉันเป็นแม่บุญธรรมของอัลลี่เองค่ะ”ดาเลียแนะนำตัวในขณะที่ชายหนุ่มคลายมือจากหญิงสาว“สวัสดีครับคุณแม่ ผม แดเนียล ไพรซ์”“แม่กลับมาตอนไหนคะ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงเลย”ร่างบางถามแก้เก้อ เธอดูเงอะงะไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะแสดงท่าทางอย่างไรต่อหน้าแม่บุญธรรมในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้“แม่ลืมของที่จะเอาไปฝากลุงเคิร์คน่ะจ้ะ เลยกลับมาและก็ทันได้ยินว่า คุณแดเนียลจะขอหนูแต่งงาน นี่เป็นความจริงหรือจ๊ะ?”“เป็นความจริงครับคุณแม่”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัย นางจ้องมองเขาไม่วาง แดเนียล ไพรซ์ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์ดึงดูด เขาทำให้ดาเลียพรึงเพริศราวถูกสะกดด้วยนัย
แดเนียลอธิบายในขณะที่อาการตื่นกลัวของอีกฝ่ายเริ่มคลายลง อลินทิราเห็นแววตาคู่นั้นหม่นแสงเมื่อเขาพูดต่อไป“เธอแอบจัดตั้งมูลนิธิในนาม ไพรซ์ คอร์ป เพื่อซออนเนต และถ่ายโอนเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อองค์กรของตัวเอง พอเออร์วิ่งรายงานเรื่องนี้พร้อมทั้งยืนยันด้วยเอกสาร ผมก็เริ่มส่งคคนตามประกบจนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ข้อมูลว่าโมนิกานัดพบกับ อลัน ทีทอน เจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามของยุโรป...ผมตามเธอไปพร้อมกับตำรวจและหน่วยสวาทติดอาวุธครบมือ”“ตำรวจคงจับเธอได้แล้วใช่ไหมคะ แดเนียล?”หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ความตื่นเต้นประดังอยู่ในอกแทบระเบิดด้วยอยากรู้วาระสุดท้ายของนายใหญ่แห่งไซออนเนต ทว่าแดเนียลกลับยิ้มขื่นและตอบว่า“โมนิกาเป็นคนเก่ง เธอเป็นอัจฉริยะ แต่...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม“เธอหนีไปได้ใช่ไหมคะ?”ร่างสูงส่ายหน้าและสูดลมหายใจลึก “โมนิกา...ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ...วิสามัญ”“พระเจ้า!”“เราจัดพิธีศพให้เธอและฝังเธอไว้ในสุสานของตระกูล เมื่อไม่มีนายใหญ่ ไซออนเนตก็ถึงจุดจบ”“บางที...อาจจะไม่” อลินทิราขืนตัวออกจากแขนแกร่ง ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำและแดงก่ำ“อาจเป็นจุดจบของไซออนเนต แต่คุณ
“ตอนผมไปโรงพยาบาลและพบหมอที่รักษาคุณ เขาบอกว่าภรรยาของผมอาการดีขึ้นมากและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หมอกำชับผมให้ดูแลคุณเป็นพิเศษ ผมคิดว่าจะไม่ถามอะไรต่อจนคุณหมอเข้ามาแสดงความยินดีที่ผมจะได้เป็นพ่อคน เพราะภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอรับฟังทุกอย่างแต่เหมือนยังมีสิ่งค้างคาใจ“แดนคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหรือปกปิดเรื่องนี้ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณกลับไปแคลิฟอเนียเป็นเพราะคุณต้องรีบกลับไปหาโมนิกาหรือเปล่า”“ใช่...โมนิกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องรีบกลับไปที่นั่น”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเลและทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายหมองลงอย่างเหนได้ชัด กระทั่งเขาพูดต่อทั้งที่กอดเธอไว้แน่น“ตอนที่คุณยังไม่ฟื้นหลังจากหมอผ่าตัดเอากระสุนฝังในออก ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์วิ่ง เขาเป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่ผมจ้างมาสืบเรื่องนี้ เออร์วิ่งให้ผมรีบกลับไปที่ซานตาโมนิกาด่วนเพราะเขามีข้อมูลบางอย่างให้ผมดู มันเป็นข้อมูลความผิดปกติทางด้านการเงินของบริษัท ตอนแรกที่เขาเข้ามาสืบเรื่องชิปที่หายไป เขารู้แค่ว่ามันเชื่อมโยงกับองค์กรลับไซออนเนต แต่การล้วงข้อมูลลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ทำให้เออร์วิ่งพบกับสิ่งที่น่าต
“ที่ร้านอาหารของลุงเคิร์คในเมืองกำลังหาพนักงานเสริ์ฟเพิ่ม...เอ้อ...ถ้าลูกสนใจจะทำ”“ก็ไม่เลวนะคะ แต่หนูขอเวลาอีกสักพัก”“เมื่อไหร่ก็ได้จ้ะ เมื่อไหร่ก็ได้ที่หนูพร้อม”หญิงสูงวัยยังไม่ทันยกน้ำชาขึ้นจิบก็ได้ยินเสียงแตรรถดังที่หน้าบ้าน“โอ...ตายจริง แม่ลืมซะสนิทเลย” นางวางแก้วชาและเบิกกว้าง “แม่ลืมว่าเช้านี้นัดกับคุณแบรดฟอร์ด เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ ๆ กันเข้าไปซื้อของในเมือง อัลลี่จ๊ะ...หนูคงต้องกินอาหารเช้าคนเดียวแล้วล่ะจ้ะ”“ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูไปส่งนะคะ”“ไม่ต้องจ้ะ อัลลี่ หนูกินไปเถอะ แม่ไปก่อนนะจ๊ะ อาจกลับมาตอนบ่าย ๆ”อลินทิราเอียงศีรษะเป็นเชิงรับรู้และเมื่อแม่บุญธรรมของเธอลุกออกไปหญิงสาวจึงเลื่อนจานพาสต้าตรงหน้าไปไว้ด้านข้าง เธออยากกินอาหารฝีมือดาเลียมากที่สุดตั้งแต่กลับมาถึงที่นี่และนางก็จัดเตรียมขอที่บุตรสาวบุญธรรมโปรดปรานมากที่สุดนั่นคือเมนูอาหารอิตาเลียนแต่หญิงสาวกลับลืนมันไม่ลง ผะอืดผะอมจนบางครั้งแทบไม่อยากหันไปมอง นี่คงเป็นอาการแพ้ท้อง ถึงเธอไม่บอกแต่ดาเลียก็จะต้องรู้ในสักวันด้วยตัวนางเองร่างบอบบางลุกขึ้นไปหยุดยืนที่หน้าต่างห้องครัว ภาพภูเขาสีน้ำตาลแดงบนที่ราบทุ่งหญ้าเบื้องนอกท
“อาการของคุณดีขึ้นมากแล้วนะครับหลังจากพักฟื้นมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือน หมอว่าตอนนี้คุณซอนญ่าคงกลับบ้านได้แล้วล่ะครับ”นายแพทย์สูงวัยเอ่ยกับหญิงสาวร่าบอบบางในชุดกระโปรงสีน้ำเงินเข้มซึ่งนั่งฟังผลการวินิจฉัยครั้งสุดท้ายบนเตียงผู้ป่วย เขาก้มลงดูแผ่นชาร์ตพลางยิ้มรื่น“จะให้พยาบาลแจ้งคุณแดเนียล ไพรซ์ ไหมครับว่าคุณจะออกจากโรงพยาบาลวันนี้”“คงไม่ต้องหรอกค่ะ...เอ้อ...ตอนนี้เขาคงกำลังยุ่งอยู่กระมังคะ ถ้ายังไงฉันจะบอกให้เขาทราบเองค่ะ”“ครับ...ถ้าอย่างนั้นก็อยาลืมบอกข่าวดีกับเขาด้วยก็แล้วกันนะครับว่าตอนนี้คุณกำลังตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์แล้ว ผมจะบอกคุณแดเนียลตั้งแต่วันที่เขากลับแคลิฟอเนีย แต่วันนั้นเขาดูเร่งร้อนมากก็เลยไม่ทันได้พูดอะไร แต่ผมคิดว่าถ้าเขารู้ก็คงจะดีใจมาก”นายแพทย์สูงวัยกล่าวอย่างอารมณ์ดีโดยไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของคนไข้“ค่ะ...คุณหมอ ขอบคุณมากนะคะ”อลินทิรายิ้มรับแต่หัวใจดวงนั้นทั้งหวาดหวั่นและรันทดท้อด้วยคิดไปต่าง ๆ นานา หลังถูกกระสุนปืนสไนเปอร์ของเฟลรอฟตอนหนีเข้าไปในแคนยอน แลนด์กับแดเนียลเธอก็ถูกส่งมาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดและหลับไม่รู้สึกตัวนานเกือบสัปดาห์ กระส
แดเนียลตะโกนทว่าหญิงสาวกลับยืนนิ่ง เธอมองไปรอบตัวซึ่งถูกโอบล้อมด้วยหน่วยสวาท ร่างเพรียวระหงกำหมัดแน่น เธอจะไม่ยอมถูกจับที่นี่เป็นเด็ดขาด“ได้...แดเนียล แต่ฉันอยากคุยกับพี่ก่อนมอบตัวกับตำรวจ”โมนิกายื่นข้อเสนอสักครู่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งซึ่งยืนข้าง ๆ แดเนียลก็ยื่นหน้าเข้ามากระซิบ“ว่ายังไงครับ คุณแดเนียล จะเข้าไปคุยกับเธอหรือเปล่า?”คนถูกถามพยักหน้าก่อนตอบ “ครับ...ผมจะคุยกับเธอ”“ระวังตัวด้วยนะครับ เราไม่รู้ว่าเธอมีแผนอะไรบ้าง”“ขอบคุณครับ ผมจะระวัง” แดเนียลรับปากก่อนเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับญาติผู้น้อง ทุกอย่างเงียบกริบ บรรยากาศรอบตัวบีบคั้นจนน่าอึดอัด เจ้าหน้าที่หน่วยสวาททุกนายซึ่งมีอาวุธครบมืออยู่ในท่าเตรียมพร้อมตลอดเวลากระทั่งชายหนุ่มเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าหญิงสาว“โมนี่” แดเนียลลดเสียงต่ำ เขาเครียดเกร็งในช่องท้องเมื่อต้องมาอยู่ในสภาวการณ์ล่อแหลมและอาจเกิดอันตรายได้ทุกเมื่อ เขาเหมือนตัวประกันของโมนิกา ญาติผู้น้องที่จับจ้องไม่วางตาเมื่อบทสนทนาเริ่มขึ้น“โมนิกา...ตอนนี้คนในองค์กรของเธอถูกเจ้าหน้าที่จับกุมไว้เกือบหมดแล้ว มูลนิธิถูกสั่งปิด ไซออนเนต...จะไม่มีอีกต่อไปแล้ว”“พี่คิดว่าเรื่องทุกอย่