“ซอนญ่า” เสียงห้าวนั้นดังกลบความเงียบและมันก็รบกวนความรู้สึกของเธอไม่น้อย
“เป็นอะไรไป คุณทำอย่างกับไม่เคยเห็นผู้ชายแก้ผ้า”
“ทำไมฉันจะไม่เคยเห็น แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันจำเป็นต้องดูก็เท่านั้น” ตอบกลับโดยไม่ยอมหันไปมอง อลินทิราได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของเขา
“ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอถามอะไรหน่อย ว่าคุณ...รู้จักหัวหน้าองค์กรที่คุณทำงานให้หรือเปล่า?”
ร่างสูงใหญ่ถามขณะลูบใบหน้าเปียกน้ำ เขาหันไปมองแผ่นหลังของร่างบอบบางในชุดกระโปรงลายสก็อตก็เห็นว่าเธอเงียบไปชั่วครู่
“ฉันไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้าเขา”
“เขา...อย่างนั้นหรือ?”
“ทุกครั้งที่เขาต้องการ งาน เขาจะให้เฟลรอฟเป็นคนส่งสาส์น...รับคำสั่งจากเขา”
“เฟลรอฟ”
“เขาเป็นชาวรัสเซีย เป็นคนโหดเหี้ยม...แต่ฉันเพิ่งฆ่าเขาตายเมื่อวานนี้”
“ถ้าผมเดาไม่ผิด พวกเขาก็กำลังตามล่าคุณงั้นสินะ ซอนญ่า”
อลินทิราเงียบไปอีก การวิเคราะห์ของเขาแม่นยำเพราะท่าทีของหญิงสาวราวกับชั่งใจอย่างหนัก
“ฉันแค่อยากวางมือเท่านั้น ฉันแค่รู้สึกอิ่มตัวกับการใช้ชีวิตอย่างจารชน”
“คุณวางมันไม่ได้หรอก ซอนญ่า ตราบใดที่องค์กรยังอยู่ ตราบใดที่ยังมีหัวหน้าใหญ่ในองค์กรชักใยอยู่เบื้องหลัง คุณ...ไม่มีวันออกจากเครือข่ายนั้นได้”
“คุณคงอยากแสดงความเห็นใจเพื่อล้วงความลับของไซออนเนตจากฉันใช่มั้ย แดเนียล!”
หญิงสาวฉุนเฉียวจนลืมตัวหันกลับไปมองเจ้าของใบหน้าคมเข้มซึ่งทอดร่างเปล่าเปลือยอยู่ในอ่างที่มีน้ำใสแจ๋ว เธอเห็นเขาหมดทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่ความแข็งแกร่งบนแกนกายซึ่งชายหนุ่มไม่คิดจะปกปิด พอดึงสติกลับมาได้ร่างบางก็รีบหันหลังให้อย่างเก่า อลินทิรารู้สึกว่าเขากำลังลุกขึ้นและตามมาด้วยเสียงพูด
“ช่วยหยิบผ้าเช็ดตัวให้ผมหน่อย”
ร่างระหงลุกขึ้นเอื้อมหยิบผ้าขนหนูบนราวราวเหล็กอีกด้านส่งให้เจ้าของน้ำเสียงเยียบเย็น แดเนียลเหมือนน้ำแข็งในขณะที่เธอกำลังโกรธตัวเองเพราะยังนึกเห็นภาพเมื่อครู่ เรือนร่างกำยำของเขาทำลายสมาธิหญิงสาวจนขาดวิ่น
“อาบน้ำเถอะ ผมจะดึงม่านให้คุณ”
คำกล่าวนั้นไม่เชิงเป็นคำสั่ง ออกจะเชื้อเชิญด้วยซ้ำและมันทำให้อลินทิราติดสินใจก้าวเข้าไปอยู่หลังม่านโดยที่มือข้างหนึ่งก็ยังสวมกุญแจติดกับมือหนาใหญ่ ทว่าหญิงสาวก็ต้องถอดชุดออกอย่างทุลักทุเล แต่ก่อนที่ชุดกระโปรงลายสก็อตจะหลุดออกไปจนเหลือเพียงร่างระหงที่มีชั้นในปกปิดก็มีอะไรบางอย่างหลุดติดมือมาด้วย
โซแลม...อลินทิราก้มลงมองเม็ดยากล่อมประสาทในถุงพลาสติกเล็ก ๆ บนฝ่ามือ นอกจากอาวุธเล็ก ๆ ที่ถูกแดเนียลรื้อค้นออกจากตัวจนหมดก็ยังมียาเม็ดสีขาวเล็ก ๆ เพียงเม็ดเดียวที่เขาหาไม่พบ และมันจะเป็นทางออกสุดท้ายที่ช่วยให้เธอรอดพ้นจากการถูกพาตัวกลับไปยังคฤหาสน์ไพรซ์ในวันพรุ่ง หญิงสาวเริ่มอาบน้ำอย่างเชื่องช้า ร่างบอบบางเปลือยเปล่าจนหมดไม่ยอมลงแช่ในอ่าง แต่ก้ม ๆ เงย ๆ ฟอกสบู่ไปตามผิวขาวราวพอซเลนบนเนื้อตัวที่พยายามระมัดระวังไม่ให้ม่านเปิดออก หลายครั้งที่สายลับสาวเหลือบดูมือหนาที่สวมกุญแจติดกับมือของเธอ อลินทิรา...เธอคงเสียสติไปแล้วที่เผลอจินตนาการว่าหากแดเนียลเข้ามาเห็นเรือนร่างของเธอในตอนนี้เขาจะทำเช่นไร
“แดน”
“ผมยังไม่หลับหรอกนะ ถึงคุณจะอาบน้ำอีกสักชั่วโมงผมก็รอได้”
เขาตอบกลับมาเมื่อเธอลองหยั่งเสียงไปซึ่งก็ทำให้หญิงสาวรู้สึกสบายใจอย่างประหลาด
“ฉันไม่อาบน้ำนานขนาดนั้นหรอกค่ะ”
เสียงหวานดังขึ้นก่อนที่ม่านพลาสติกจะถูกเปิดออกและชายหนุ่มก็พบว่าหญิงสาวอยู่ในชุดกระโปรงลายสก็อตทว่าบนใบหน้าใต้กรอบผมสีน้ำตาลหม่นที่ถูกรวบขึ้นสูงแลผิวร่องอกอิ่มที่เห็นรำไรในคอเสื้ออ้ากว้างชื้นไปด้วยหยาดน้ำเกาะพราว ทว่าเขาก็สังเกตเห็นอีกอย่างหนึ่งนั่นคือรอยแผลแตกบนขมับที่ยังมีรอยเลือดติดกรัง
“ผมว่าก่อนนอนคุณควรจัดการกับแผลนั่นเสียก่อน”
อลินทิรากลอกตาขึ้นสูงก่อนพูด “เดี๋ยวมันก็คงจะหายไปเอง อย่าสนใจเลยค่ะ แค่แผลเล็กน้อย ฉันคงไม่ตายเสียก่อนที่คุณจะพาไปแคลิฟอเนีย”
“ผมรู้ว่าคุณเก่ง แต่...มานี่เถอะ”
ร่างสูงใหญ่เป็นฝ่ายลากมือหญิงสาวกลับไปยังเก้าอี้บุหนังริมหน้าต่าง อลินทิราจำต้องนั่งลงและปล่อยให้เขาจัดแจงใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำเช็ดรอยเลือดกรังที่ปากแผลเบา ๆ แดเนียลยังอยู่ในผ้าขนหนูผืนเดียว ลมหายใจหนักที่มาจากตัวเขาปลุกร่างบางให้ตื่นตลอดเวลาที่ได้อยู่ชิดใกล้ นัยน์ตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำมีประกายแห่งอำนาจทว่าก็เต็มไปด้วยเสน่ห์น่าหลงใหล จมูกโด่งและริมฝีปากหนาได้รูปที่ล้อมรอบด้วยไรหนวดและขนเคราสั้นขับความเป็นชายอันน่าครั่นคร้ามของทายาทนักธุรกิจผู้หล่อเหลา สายลับสาวรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงผิดปกติ ในชีวิตการเป็นจารชนในหน่วยงานลับไม่เคยต้องอยู่ใกล้ชิดผู้ชายคนไหนมากเท่านี้มาก่อน
“แผลไม่ใหญ่มาก” เขากล่าวขณะลดมือข้างที่เช็ดขมับแตกของเธอลง“แดนคะ...ฉันอยากขอบคุณคุณค่ะ”“อาจไม่...” คำว่า จำเป็น หลุดหายไปในลำคอแข็งแรงเมื่ออลินทิราเป็นฝ่ายจู่โจมร่างสูงใหญ่ด้วยการประกบปิดริมฝีปากของเขาไว้ด้วยเรียวปากอิ่มอย่างรวดเร็ว หญิงสาวรู้สึกถึงอาการหอบสะท้านจากร่างกายของชายหนุ่มเมื่อเธอประกบจูบเขาชนิดไม่บันยะบันยัง อลินทิรานำเสนอทุกอย่างตั้งแต่การบดเบียดริมฝีปากร้อนแรงและสนองลิ้นในปากหนาได้รูปด้วยการยั่วเย้าให้เขาโหยหาอย่างที่สุด มันเป็นจุมพิตดูดดื่มที่สายลับสาวตั้งใจมอบให้เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำเงินอมม่วงซึ่งก็ไม่มีทีท่าว่าเขาจะปฏิเสธ ตรงข้ามปล่อยไปตามอารมณ์ของร่างอรชรที่จุดไฟร้อนในตัวเขาแทนคำขอบคุณ จนเมื่อหญิงสาวเป็นฝ่ายถอนกลีบปากบวมแดงน้อย ๆ และเลื่อนใบหน้าออกจึงเห็นว่าเขายังอยู่ในอาการเคลิบเคลิ้มราวกับยังไม่ยอมตื่นจากฝัน“ฉันจูบไม่เก่งหรอกนะคะ” ร่างแน่งน้อยออกตัวก่อนมองเขาด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป แดเนียลเหมือนคนเคลิ้มหลับ...นี่เม็ดยาที่เธอใส่ไว้ใต้ลิ้นออกฤทธิ์รวดเร็วถึงขนาดนี้เชียวหรือ“เปล่าเลย...ซอนญ่า” เสียงตอบกลับพร้อมกับที่ดวงตาคู่นั้นลืมขึ้นมองหญิงสาวขณะแขนแข
แดเนียลยืดลำตัวขึ้นและสังเกตเห็นใบหน้าหวานเปล่งปลั่งมากกว่าเมื่อครู่ อลินทิราดูเย้ายวนอย่างประหลาด เรือนผมสีน้ำตาลหม่นปล่อยสยาย แก้มเป็นสีชมพูระเรื่อ ริมฝีปากเป็นสีแดงจัดและดวงตาคู่นั้นราวกับถูกอาบด้วยหยาดน้ำผึ้ง ทำไมเขาถึงได้รู้สึกอยากเข้าไปใกล้ร่างบอบบางตรงหน้า หรือว่าเขาเองก็ถูกฤทธิ์ยาเม็ดนั้นเข้าให้แล้ว ชายหนุ่มทอดถอนใจก่อนฝืนพูดออกไป“คืนนี้ผมอาจไม่ได้นอนเลยก็เป็นได้”ร่างสูงใหญ่ในผ้าขนหนูผืนเดียวยังยืนตรงหน้าหญิงสาวที่มือข้างหนึ่งถูกคล้องกุญแจมือติดกับเตียง ส่วนมืออีกข้างที่ถูกปล่อยเป็นอิสระกำลังลูบไปมาบนลำคอระหง ท่าทีนั้นเธอไม่ได้คิดจะยวนยั่วแต่ก็ดูเชิญชวนอย่างไม่ได้ตั้งใจ“ทำไมล่ะคะ...ทำไมคุณถึงไม่นอน”อลินทิราไล้มือต่ำลงมาหยุดบนไหปลาร้าขณะช้อนสายตามองร่างสูงตรงหน้าและพูดด้วยเสียงแหบพร่าทว่าเซ็กซี่“เพราะคุณอาจจะวางแผนหนีผมไปอีกตอนไหนก็ได้”ชายหนุ่มบอกเหตุผลด้วยเสียงที่ลดต่ำลงและก็อดที่จะมองร่างแน่งน้อยที่นั่งกระสับกระส่ายตรงขอบเตียงไม่ได้ ยากำลังออกฤทธิ์...แดเนียลรู้ได้จากท่าทีของหญิงสาว เขาอาจไม่เคยใช้มันแต่ก็เคยเห็นอำนาจของยากล่อมประสาทที่เปลี่ยนคน ๆ หนึ่งได้ภายในพริบตา“ฉั
“ซอนญ่า...โอ...พระเจ้า” ชายหนุ่มงึมงำอยู่กับซอกคอหอมกรุ่น เขาอยากจะหยุดตัวเอง แต่มือไม้กลับล้วงเข้าไปในคอเสื้อหญิงสาวที่อ้ากว้าง“แดน...อูว”“พระเจ้า...ซอนญ่า ผมหยุดมันไม่ได้”แดเนียลเหมือนคนหลงละเมอขณะลากริมฝีปากกลับไปดูดดื่มความหอมหวานจากปากเล็ก ทันทีที่มือหนาล้วงผ่านเข้าไปใต้เนื้อผ้าที่กั้นกลางระหว่างร่างนุ่มเขากลับไม่พบอาภรณ์ชิ้นใดขวางนอกจากเนินเนื้ออุ่นกลมกลึงแน่นตึงที่ตอบรับการบีบเคล้น ร่างสูงใหญ่อยากจะเลื่อนออกไปทว่าร่างกายกลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามด้วยการเพิ่มแรงบีบบี้ กดคลึง และไล้ไปมาบนส่วนปลายอ่อนไหวแข็งเป็นไตแค่เขาลูบมันเบา ๆสายลับสาวร้องอืออาออกมาไม่หยุดพร้อมทั้งแอ่นร่างนุ่มที่ชายกระโปรงของชุดลายสก็อตเปิดเปลือยจนพ้นขาอ่อนขึ้นไปถึงสะโพก“แดน...ฉันร้อนเหลือเกินค่ะ ช่วยฉันด้วย”อลินทิราส่ายหน้าชื้นเหงื่อไปมาภายในห้องซึ่งมีพัดลมเพียงตัวเดียวที่ไม่อาจปัดเป่าประกายไฟร้อนแรงที่ปะทุระหว่างเขาและเธอ“ผมจะช่วยคุณได้ยังไง”“เอามันออกไปที...ช่วยเอามันออกไปจากตัวฉันทีค่ะ แดน”หญิงสาวครางเสียงแหบพร่าขณะดึงทึ้งคอเสื้ออ้ากว้างด้วยท่าทางสุดเซ็กซี่ แดเนียลจำต้องละฝ่ามือที่กำลังบีบคลึงเนื้อ
บทที่ 4 เมื่อความผูกพันก่อตัว คำเว้าวอนของสายลับสาวทำให้ชายหนุ่มหยุดตัวเองลงชั่วขณะ แม้ยังไม่แน่ใจหากนัยน์ตาสีน้ำตาลแกมเขียวกลับฉายแววปรารถนาล้นท่วม ต่างคนต่างตกอยู่ในห้วงแห่งเพลิงพิศวาส และแดเนียลเองก็ตกเป็นทาสอารมณ์ดิบที่สั่งให้เขายินยอมปลดปล่อยอลินทิราออกจากพันธนาการ“แดน...ฉันต้องการคุณ...เดี๋ยวนี้” ร่างบางตวัดแขนไปรอบแผ่นหลังกว้างทันทีที่เป็นอิสระ หญิงสาวกอดจูบชายหนุ่มเนิ่นนานกระทั่งตัวเธอถูกดันจนแผ่นหลังราบไปกับที่นอน“ซอนญ่า...โอ” แดเนียลครางหอบเมื่อเขาเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้คุมเกมด้วยการขยับขึ้นทาบทับบนแก่นกายตึงแน่นของหญิงสาวที่ถูกความแข็งแกร่งบดเบียดอยู่ภายนอก เขายังไม่เร่งร้อนที่จะพิสูจน์อะไรบางอย่าง ทว่าก็เห็นเงาแห่งความหวาดกลัวแฝงตัวอยู่หลังม่านหมอกแห่งปรารถนา“ทำไมคุณไม่หนีไปเสีย...ตอนนี้คุณมีโอกาสแล้ว ซอนญ่า”แดเนียลกระซิบถามขณะไล้เลียลิ้นร้อนไปบนแก้มเนียนจรดติ่งหูก่อนกลับมายังกลีบปากนุ่ม“จะให้ฉันหนีไปไหนล่ะคะแดน...ถ้าฉันหนี ใครจะช่วยฉันได้”“คุณเป็นอะไรหรือซอนญ่า” ชายหนุ่มถามซึ่งก็ได้รับคำตอบเป็นการบิดเร่าของร่างที่เขาทาบทับ“ไม่รู้ค่ะ...ฉัน...ไม่รู้ว่า
แดเนียลสะดุดคำพูดเมื่อเห็นความเจ็บปวดบนใบหน้าหวาน คิ้วโก่งขมวดเข้าหากันและริมฝีปากถูกขบจนห้อเลือด ชายหนุ่มแทบไม่รู้สึกตัวว่าอารมณ์ค้างคาเมื่อครู่จะทำให้เขาผลักดันตัวเองเข้าไปในเรือนร่างบอบบางจนหมดสิ้น อลินทิราส่ายหน้าที่เหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายพร้อมทั้งใช้ฝ่ามือดันหน้าอกแกร่งแทนที่จะกอดรัดเขาอย่างเมื่อครู่“แดน...ถ้าคุณจะโกรธฉันก็ไม่เป็นไร...หรือถ้าคุณไม่อยากช่วยฉันแล้ว...”“ซอนญ่า” แดเนียลแทรกขึ้นก่อนปลอบประโลมหญิงสาวด้วยการจูบไซ้ไปตามลำคอ ความรู้สึกนั้นแปรเปลี่ยนกะทันหันด้วยตระหนักรู้ว่าเธอเจ็บร้าวมากแค่ไหนในเมื่อนี่คือครั้งแรก“ผมเปลี่ยนใจแล้ว”“คุณว่าอะไรนะคะ?”“ผมอยากช่วยคุณ ซอนญ่า”ชายหนุ่มยืนยันด้วยการขยับสะโพกและดูดเม้มปลายถันสีชมพูเข้มเพื่อช่วยผ่อนคลาย อลินทิรารู้สึกจุกแน่นใต้ท้องน้อยทุกครั้งที่เขาส่งผ่านตัวเองเข้าไป ทว่าความรื่นรมย์ที่เพิ่มขึ้นทีละน้อยกลับทำให้เธออดทนและรับความใหญ่โตนั้นไว้ได้เกือบทั้งหมด“แดน...อ๊ะ...อา” สายลับสาวแอ่นร่างและยกสะโพกตามการเคลื่อนไหวเร่งเร้าขณะฟังเสียงกระซิบกระซาบ“ซอนญ่า...คุณรู้สึกยังไงบ้าง?”“แดน...มันคับมากค่ะ มันแน่นมากเหลือเกิน”“ไม่เลย...ค
แดเนียลค่อย ๆ เคลื่อนความแข็งแกร่งออกมาและปล่อยให้นิ้วเรียวราวลำเทียนสำรวจบนผิวสัมผัสตึงแน่นที่ตอดเป็นจังหวะ แทบไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงที่เก่งกล้าขนาดฝ่าระบบป้องกันภัยเข้าไปในห้องทดลองเครื่องไซโคลตรอนได้จะมีเนื้อแท้เป็นแค่สาวพรหมจรรย์ผู้อ่อนหวานใต้ร่างของเขา กลีบปากอิ่มบนดวงหน้าสวยแย้มออกอย่างพึงใจขณะกอบกุมเขาไว้ในมือบางทั้งสอง เธอทำราวกับสิ่งที่อยู่ในมือนั้นน่าอัศจรรย์เพราะยิ่งกอบกำไว้แน่นเท่าไหร่เขาก็ยิ่งมีปฏิกิริยาตอบสนองมากเท่านั้น"ซอนญ่า...โอ...พระเจ้า...พระเจ้า!”เสียงครวญครางดังมาจากใบหน้าหล่อเหลาเมื่อหญิงสาวขยับปลายนิ้วขึ้นลง อลินทิราค้นพบว่าเธอควบคุมแดเนียลได้แม้ไม่ตั้งใจให้เขาทุกข์ทรมาน“ซอนญ่า...คุณมันนางปิศาจ...อะ...โอว”ชายหนุ่มกดจูบลงบนกลีบปากซึ่งผ่อนลมหายใจหน่วงหนักขณะที่การสำรวจด้วยปลายนิ้วดำเนินไปอีกชั่วครู่“แดน...ให้สิ่งนี้กับฉัน...ได้โปรด”อลินทิราร้องขอในที่สุดเมื่อมือเรียวบางถูกมือหนาจับออกห่างทว่าแดเนียลกลับส่งผ่านตัวเขากลับเข้าไปในรอยแยกชุ่มฉ่ำอีกหน คราวนี้หญิงสาวรับรู้ถึงความปวดแสบที่มาพร้อมความเสียวซ่านราวคลื่นพิศวาสที่ม้วนเกลียวบนร่างสาวนับหมื่นระลอก ร่างอรช
แดเนียลกอดกระชับร่างนุ่มซึ่งอยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นขณะใช้ความคิดถึงคืนนี้ที่กำลังจะผ่านพ้น ชายหนุ่มกำลังปั่นป่วนกับความสับสนภายในที่ยิ่งทวีความรุนแรงทุกครั้งเมื่อแนบชิดแบบกายถึงกายกับจารชนสาว ทันทีที่ได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ ออโซลย่า จากเออร์วิ่ง เขาก็ไม่ลังเลที่จะเดินทางมายังรัฐยูทาห์ เขาเริ่มติดตามอลินทิรามาจากสนามบินด้วยความตั้งใจว่าเมื่อจับตัวสายลับมือหนึ่งแห่งไซออนเนตได้ก็จะคาดคั้นเอาข้อมูลกลับและฆ่าทิ้งเสียให้หายแค้นแต่ให้ตายเถอะ! เขาทำไม่สำเร็จสักอย่าง ทั้งก็ไม่ได้ข้อมูลที่ต้องการหนำซ้ำยังมาตกหลุมพรางของสายลับสาวที่เขาได้ครอบครองพรหมจรรย์ของเธอแทน แดเนียลไม่อาจข่มตาหลับแม้พยายามปิดสวิทซ์ตัวเองแต่เหมือนยังมีบางอย่างแล่นไหลอยู่ในสมองอลินทิรากระพริบตาถี่ ๆ เมื่อรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากแสงแรกที่พาดผ่านเข้ามาในรุ่งอรุณของวันใหม่ หญิงสาวน่าจะสดชื่นมากกว่านี้หลังการหลับลึกแบบไม่รู้สึกตัวทว่าก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย เธอปวดหัวแทบระเบิด มันหนักอึ้งพอ ๆ กับลำตัวซึ่งมีอะไรบางอย่างกดทบ แต่แล้วเมื่อสติคืนกลับมาเต็มที่สายลับสาวก็ถึงกับตาเบิกโพลง“แดเนียล!” เสียงกรีดร้องและอาการดีดดิ้
“ฉันจะไม่คืนมันให้คุณ แดเนียล ไพรซ์! คุณจำไว้ด้วยว่าฉันเกลียดคุณมากกว่าอะไรทั้งหมด!”“คุณเป็นคนบีบบังคับผมเองนะซอนญ่า”ชายหนุ่มแผดเสียงก่อนก้มหน้าลงไปหาหญิงสาวอย่างรวดเร็ว สายลับสาวเบี่ยงหลบไม่ทันจึงต้องรับจูบหนักอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง“อื้อ...อื้อ” อลินทิราครางอู้อี้ในลำคอ เธอตอบโต้เขาไม่ได้และอ่อนแอลงอย่างน่าใจหายใต้เรือนกายแข็งแกร่ง หญิงสาวบอกตัวเองว่าตอนนี้เธอมีสติครบถ้วน ทว่าร่างกายกลับอ่อนยวบเหมือนขี้ผึ้งเหลวยามถูกไฟลน ทั้งที่แดเนียลกำลังโกรธจัดแต่จูบหนักและเรียวลิ้นที่ตวัดไปมาในโพรงปากเล็กกลับจุดความหวามไหวขึ้นในใจที่ต่อต้าน“อือ...อือ” เจ้าของใบหน้าหวานเริ่มครางแผ่วในขณะที่อาการขัดขืนก็ลดน้อยตามไปด้วยและแล้วสายลับสาวก็ตอบรับจุมพิตหน่วงหนักและรู้สึกถึงความตื่นตัวที่เสียดสีบนหน้าขา นี่เธอเป็นอะไรไปถึงได้ยอมปลดปล่อยตัวเองง่ายดายขนาดนี้“แดน!” อลินทิราหอบเหนื่อยหลังจากที่แดเนียลถอนจูบ ร่างบอบบางเปล่าเปลือยสั่นสะท้านเหมือนลูกนก ทำไมเธอต้องอ่อนแอและอ่อนไหวต่อบุรุษที่คุกคามร่างกายเธอเมื่อคืนนี้“คุณทำร้ายฉัน แดเนียล! คุณทำลายฉัน ไม่มีวันที่ฉันจะคืนข้อมูลลับนั่นให้คุณ!”“นี่เป็นข้อต่อร
“แดเนียล...ฉันรักคุณค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉันอีก”“ผมต้องกลับมาที่รัก” เขาก้มลงจูบบนเปลือดกตาของหญิงสาวที่ตัวเธอสั่นสะทานขึ้นมาราวกับยังหวาดหวั่น “ยอดดวงใจของผม คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหนถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่พบคุณ”“บ้าน...เป็นที่สุดท้ายสำหรับฉันค่ะ จารชนที่แต่นี้ไปจะเป็นแค่คนธรรมดา แดนคะ...มาเต้นรำกันเถอะค่ะ ฟังซีคะ ต้นหญ้าและขุนเขากำลังร้องเพลง”ร่างอรชรผละห่างจากชายหนุ่มและเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอย่างบัลเล่ต์รีน่าท่ามกลางทุ่งหญ้าส่ายไหวอาบแสงสีเงิน แดเนียลยืนล้วงกระเป๋าและอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ม้าพันธุ์เทอโรเบรดด้วยความรู้สึกสุขใจ ดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ร่างแน่งน้อยที่กำลังเริงระบำกลางที่ราบทุ่งหญ้าพลิ้วไหว เขารักอลินทิรามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพังและมองเห็นความวาดหวังถึงชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นในกาลเบื้องหน้า นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามาตลอดชีวิตก็เป็นได้ศาลาที่ว่าการกรุงออสโลว์ ประเทศนอรเวย์เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางในชุดราตรีสีฟ้าครามซึ่งนั่งอย่างสงบบนเบาะหลังรถเอสยูวีคันใหญ่รีบหยิบขึ้นมากดรับสาย“สวัสดีจ้ะ ซอนญ่า”“ค่ะ...แม่”
“แดน...ที่ผ่านมาคุณไม่คิดบ้างหรือคะว่าฉันเคยทำอะไรแย่ ๆ กับคุณบ้าง อย่างเช่นวางยาคุณ หรือตั้งใจจะเอาคืนให้คุณเจ็บแสบ”“อะไร ๆ อาจแย่กว่านี้ถ้าผมไม่ได้รู้จักคุณ...ออโซลย่า”หญิงสาวเอียงคอเพื่อมองใบหน้าคร้ามคมที่ลดจมูกลงมาเคลียบนแก้มนุ่ม“คุณคงยังไม่ลืมเธอซีนะคะ”“ผมไม่เคยลืมสายลับสาวแสนสวยที่เก่งกาจถึงขนาดถอดรหัสผ่านประตูนิรภัยของผมได้ และยิ่งกว่านั้นเสน่ห์ของเธอก็มัดใจผมไว้จนดิ้นไม่หลุด”“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะแดน...ฉันน่ะไม่เห็นว่าคุณจะพูดดีกับฉันสักหน” อลินทิราอดที่จะตั้งคำถามกับคนที่เธอรักไม่ได้แม้เวลานั้นจะล่วงเลยมาแล้วก็ตาม“อืม...คงตั้งแต่พบกันครั้งแรกในแคนยอน แลนด์ ผู้หญิงอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดทั้งที่รู้ว่าสู้ผมไม่ได้”“ฉันอยากจะฆ่าคุณ” เธอย่นจมูก “ทึ้งคุณให้หลุดเป็นชิ้น ไม่เคยมีใครตามติดและต้อนฉันจนมุมได้เหมือนคุณ”“ตอนแรกคุณจินตนาการว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน ซอนญ่า” ชายหนุ่มจุดความอบอุ่นในกายหญิงสาวด้วยการขบเม้มเบา ๆ ที่ใบหูเล็กบาง“ตอนที่ฉันจะรับงานนี้ ฉันแทบไม่สนใจข้อมูลเจ้าของชิปนั่นเลยสักนิดเดียว ฉันคิดเอาเองว่า แดเนียล ไพรซ์ คงเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เขาคงเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง
“แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ท่านยังปลูกผักและเดินเป็นระยะไกล ๆ ได้ ถึงท่านจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เหงา เพราะว่าเจ้าอิงลิชกับเจ้ามูนวอล์คเกอร์นี่ล่ะค่ะ”หญิงสาวหันกลับไปยังม้าสองตัวที่ยื่นหน้าเข้ามาให้เธอลูบไล้แผงคอของพวกมันเล่น พวกมันดูคุ้นเคยและทำราวกับคิดถึงนายของมัน“ตัวนี้เป็นม้าอิงลิช เทอโรเบรดค่ะ มันเป็นม้าฝีเท้าดี ฉันตั้งชื่อมันว่าอิงลิช” อลินทิราบอกพลางลูบไล้ไปบนหัวของม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มซึ่งเรือนขนบนหลังและหางมีสีดำเป็นมันวาว มันดูบึกบึนแข็งแรงทว่าก็เชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ“ผมเคยอ่านประวัติของม้าพันธุ์ผสมพวกนี้ ตอนศตวรรษที่สิบเจ็ดนักล่าอาณานิคมพยายามพัฒนาสายพันธุ์ม้าอเมริกันใหม่ ๆ ก็เลยผสมพันธุ์ม้าพื้นเมืองกับม้าแคนาดา มันขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรง พอหลังจากนั้นก็ผสมกับม้าพันธุ์อิงลิชเทอโรเบรดอย่างเจ้าอิงลิชของคุณนี่ไง”แดเนียลเสริมแต่ยังไม่สัมผัสตัวของมันเหมือนหญิงสาว“และนี่...เจ้ามูนวอล์คเกอร์ค่ะ มันเป็นม้าป่าพันธุ์สเปน เรียกได้อีกอย่างว่าซัลเฟอร์ เป็นม้าของรัฐยูทาห์ค่ะ แม่เป็นคนตั้งชื่อให้เพราะตอนพามาเลี้ยงใหม่ ๆ มันหายไปตอนคืนจันทร์เต็มดวง เราคิดว่ามันคงถูกขโมยหรือไม่ก
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะขอคุณแต่งงาน แต่ผมยังไม่ได้พบแม่บุญธรรมของคุณ ไม่รู้ท่านจะว่ายังไงบ้าง”“ฉันจะว่ายังไงได้ล่ะคะ”เสียงของหญิงสูงวัยที่แทรกขึ้นมาทำให้สองหนุ่มสาวหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน“แม่!” อลินทิราอุทานออกมา เธอลืมตัวจะผละห่างจากชายหนุ่มทว่าแดเนียลยังกอบกุมมือเรียวบางไว้แน่น ดาเลียซึ่งยืนอยู่ที่ประตูยิ้มกับผู้มาใหม่ นางมองเขาด้วยสายตาบอกความประหลาดใจหากก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน“สวัสดีค่ะ...ฉันคือดาเลีย เฮอเกรล ฉันเป็นแม่บุญธรรมของอัลลี่เองค่ะ”ดาเลียแนะนำตัวในขณะที่ชายหนุ่มคลายมือจากหญิงสาว“สวัสดีครับคุณแม่ ผม แดเนียล ไพรซ์”“แม่กลับมาตอนไหนคะ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงเลย”ร่างบางถามแก้เก้อ เธอดูเงอะงะไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะแสดงท่าทางอย่างไรต่อหน้าแม่บุญธรรมในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้“แม่ลืมของที่จะเอาไปฝากลุงเคิร์คน่ะจ้ะ เลยกลับมาและก็ทันได้ยินว่า คุณแดเนียลจะขอหนูแต่งงาน นี่เป็นความจริงหรือจ๊ะ?”“เป็นความจริงครับคุณแม่”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัย นางจ้องมองเขาไม่วาง แดเนียล ไพรซ์ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์ดึงดูด เขาทำให้ดาเลียพรึงเพริศราวถูกสะกดด้วยนัย
แดเนียลอธิบายในขณะที่อาการตื่นกลัวของอีกฝ่ายเริ่มคลายลง อลินทิราเห็นแววตาคู่นั้นหม่นแสงเมื่อเขาพูดต่อไป“เธอแอบจัดตั้งมูลนิธิในนาม ไพรซ์ คอร์ป เพื่อซออนเนต และถ่ายโอนเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อองค์กรของตัวเอง พอเออร์วิ่งรายงานเรื่องนี้พร้อมทั้งยืนยันด้วยเอกสาร ผมก็เริ่มส่งคคนตามประกบจนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ข้อมูลว่าโมนิกานัดพบกับ อลัน ทีทอน เจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามของยุโรป...ผมตามเธอไปพร้อมกับตำรวจและหน่วยสวาทติดอาวุธครบมือ”“ตำรวจคงจับเธอได้แล้วใช่ไหมคะ แดเนียล?”หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ความตื่นเต้นประดังอยู่ในอกแทบระเบิดด้วยอยากรู้วาระสุดท้ายของนายใหญ่แห่งไซออนเนต ทว่าแดเนียลกลับยิ้มขื่นและตอบว่า“โมนิกาเป็นคนเก่ง เธอเป็นอัจฉริยะ แต่...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม“เธอหนีไปได้ใช่ไหมคะ?”ร่างสูงส่ายหน้าและสูดลมหายใจลึก “โมนิกา...ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ...วิสามัญ”“พระเจ้า!”“เราจัดพิธีศพให้เธอและฝังเธอไว้ในสุสานของตระกูล เมื่อไม่มีนายใหญ่ ไซออนเนตก็ถึงจุดจบ”“บางที...อาจจะไม่” อลินทิราขืนตัวออกจากแขนแกร่ง ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำและแดงก่ำ“อาจเป็นจุดจบของไซออนเนต แต่คุณ
“ตอนผมไปโรงพยาบาลและพบหมอที่รักษาคุณ เขาบอกว่าภรรยาของผมอาการดีขึ้นมากและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หมอกำชับผมให้ดูแลคุณเป็นพิเศษ ผมคิดว่าจะไม่ถามอะไรต่อจนคุณหมอเข้ามาแสดงความยินดีที่ผมจะได้เป็นพ่อคน เพราะภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอรับฟังทุกอย่างแต่เหมือนยังมีสิ่งค้างคาใจ“แดนคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหรือปกปิดเรื่องนี้ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณกลับไปแคลิฟอเนียเป็นเพราะคุณต้องรีบกลับไปหาโมนิกาหรือเปล่า”“ใช่...โมนิกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องรีบกลับไปที่นั่น”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเลและทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายหมองลงอย่างเหนได้ชัด กระทั่งเขาพูดต่อทั้งที่กอดเธอไว้แน่น“ตอนที่คุณยังไม่ฟื้นหลังจากหมอผ่าตัดเอากระสุนฝังในออก ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์วิ่ง เขาเป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่ผมจ้างมาสืบเรื่องนี้ เออร์วิ่งให้ผมรีบกลับไปที่ซานตาโมนิกาด่วนเพราะเขามีข้อมูลบางอย่างให้ผมดู มันเป็นข้อมูลความผิดปกติทางด้านการเงินของบริษัท ตอนแรกที่เขาเข้ามาสืบเรื่องชิปที่หายไป เขารู้แค่ว่ามันเชื่อมโยงกับองค์กรลับไซออนเนต แต่การล้วงข้อมูลลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ทำให้เออร์วิ่งพบกับสิ่งที่น่าต
“ที่ร้านอาหารของลุงเคิร์คในเมืองกำลังหาพนักงานเสริ์ฟเพิ่ม...เอ้อ...ถ้าลูกสนใจจะทำ”“ก็ไม่เลวนะคะ แต่หนูขอเวลาอีกสักพัก”“เมื่อไหร่ก็ได้จ้ะ เมื่อไหร่ก็ได้ที่หนูพร้อม”หญิงสูงวัยยังไม่ทันยกน้ำชาขึ้นจิบก็ได้ยินเสียงแตรรถดังที่หน้าบ้าน“โอ...ตายจริง แม่ลืมซะสนิทเลย” นางวางแก้วชาและเบิกกว้าง “แม่ลืมว่าเช้านี้นัดกับคุณแบรดฟอร์ด เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ ๆ กันเข้าไปซื้อของในเมือง อัลลี่จ๊ะ...หนูคงต้องกินอาหารเช้าคนเดียวแล้วล่ะจ้ะ”“ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูไปส่งนะคะ”“ไม่ต้องจ้ะ อัลลี่ หนูกินไปเถอะ แม่ไปก่อนนะจ๊ะ อาจกลับมาตอนบ่าย ๆ”อลินทิราเอียงศีรษะเป็นเชิงรับรู้และเมื่อแม่บุญธรรมของเธอลุกออกไปหญิงสาวจึงเลื่อนจานพาสต้าตรงหน้าไปไว้ด้านข้าง เธออยากกินอาหารฝีมือดาเลียมากที่สุดตั้งแต่กลับมาถึงที่นี่และนางก็จัดเตรียมขอที่บุตรสาวบุญธรรมโปรดปรานมากที่สุดนั่นคือเมนูอาหารอิตาเลียนแต่หญิงสาวกลับลืนมันไม่ลง ผะอืดผะอมจนบางครั้งแทบไม่อยากหันไปมอง นี่คงเป็นอาการแพ้ท้อง ถึงเธอไม่บอกแต่ดาเลียก็จะต้องรู้ในสักวันด้วยตัวนางเองร่างบอบบางลุกขึ้นไปหยุดยืนที่หน้าต่างห้องครัว ภาพภูเขาสีน้ำตาลแดงบนที่ราบทุ่งหญ้าเบื้องนอกท
“อาการของคุณดีขึ้นมากแล้วนะครับหลังจากพักฟื้นมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือน หมอว่าตอนนี้คุณซอนญ่าคงกลับบ้านได้แล้วล่ะครับ”นายแพทย์สูงวัยเอ่ยกับหญิงสาวร่าบอบบางในชุดกระโปรงสีน้ำเงินเข้มซึ่งนั่งฟังผลการวินิจฉัยครั้งสุดท้ายบนเตียงผู้ป่วย เขาก้มลงดูแผ่นชาร์ตพลางยิ้มรื่น“จะให้พยาบาลแจ้งคุณแดเนียล ไพรซ์ ไหมครับว่าคุณจะออกจากโรงพยาบาลวันนี้”“คงไม่ต้องหรอกค่ะ...เอ้อ...ตอนนี้เขาคงกำลังยุ่งอยู่กระมังคะ ถ้ายังไงฉันจะบอกให้เขาทราบเองค่ะ”“ครับ...ถ้าอย่างนั้นก็อยาลืมบอกข่าวดีกับเขาด้วยก็แล้วกันนะครับว่าตอนนี้คุณกำลังตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์แล้ว ผมจะบอกคุณแดเนียลตั้งแต่วันที่เขากลับแคลิฟอเนีย แต่วันนั้นเขาดูเร่งร้อนมากก็เลยไม่ทันได้พูดอะไร แต่ผมคิดว่าถ้าเขารู้ก็คงจะดีใจมาก”นายแพทย์สูงวัยกล่าวอย่างอารมณ์ดีโดยไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของคนไข้“ค่ะ...คุณหมอ ขอบคุณมากนะคะ”อลินทิรายิ้มรับแต่หัวใจดวงนั้นทั้งหวาดหวั่นและรันทดท้อด้วยคิดไปต่าง ๆ นานา หลังถูกกระสุนปืนสไนเปอร์ของเฟลรอฟตอนหนีเข้าไปในแคนยอน แลนด์กับแดเนียลเธอก็ถูกส่งมาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดและหลับไม่รู้สึกตัวนานเกือบสัปดาห์ กระส
แดเนียลตะโกนทว่าหญิงสาวกลับยืนนิ่ง เธอมองไปรอบตัวซึ่งถูกโอบล้อมด้วยหน่วยสวาท ร่างเพรียวระหงกำหมัดแน่น เธอจะไม่ยอมถูกจับที่นี่เป็นเด็ดขาด“ได้...แดเนียล แต่ฉันอยากคุยกับพี่ก่อนมอบตัวกับตำรวจ”โมนิกายื่นข้อเสนอสักครู่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งซึ่งยืนข้าง ๆ แดเนียลก็ยื่นหน้าเข้ามากระซิบ“ว่ายังไงครับ คุณแดเนียล จะเข้าไปคุยกับเธอหรือเปล่า?”คนถูกถามพยักหน้าก่อนตอบ “ครับ...ผมจะคุยกับเธอ”“ระวังตัวด้วยนะครับ เราไม่รู้ว่าเธอมีแผนอะไรบ้าง”“ขอบคุณครับ ผมจะระวัง” แดเนียลรับปากก่อนเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับญาติผู้น้อง ทุกอย่างเงียบกริบ บรรยากาศรอบตัวบีบคั้นจนน่าอึดอัด เจ้าหน้าที่หน่วยสวาททุกนายซึ่งมีอาวุธครบมืออยู่ในท่าเตรียมพร้อมตลอดเวลากระทั่งชายหนุ่มเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าหญิงสาว“โมนี่” แดเนียลลดเสียงต่ำ เขาเครียดเกร็งในช่องท้องเมื่อต้องมาอยู่ในสภาวการณ์ล่อแหลมและอาจเกิดอันตรายได้ทุกเมื่อ เขาเหมือนตัวประกันของโมนิกา ญาติผู้น้องที่จับจ้องไม่วางตาเมื่อบทสนทนาเริ่มขึ้น“โมนิกา...ตอนนี้คนในองค์กรของเธอถูกเจ้าหน้าที่จับกุมไว้เกือบหมดแล้ว มูลนิธิถูกสั่งปิด ไซออนเนต...จะไม่มีอีกต่อไปแล้ว”“พี่คิดว่าเรื่องทุกอย่