ร่างสูงใหญ่ยังเค้นถามขณะกดลำตัวลงกับร่างนุ่มที่อ่อนยวบลงเล็กน้อย ชายหนุ่มจ้องลึกลงไปในดวงตาสีน้ำตาลแกมเขียวประกายอย่างจะให้ทะลุเข้าไปถึงใต้บึ้ง
“ฉันบอกแล้วยังไงว่าสิ่งที่คุณกำลังตามหามันก็แค่ความว่างเปล่า ฉันไม่มีอะไรจะให้คุณทั้งนั้น”
“อย่ามาปากแข็งกับผม!”
ใบหน้าคร้ามเข้มดุดันก้มลงไปจนชิดใบหน้าหวานที่เบี่ยงหลบแทบไม่ทัน อลินทิราเริ่มหายใจขัดและเจ็บร้าวตรงข้อมือที่เขารวบไว้ด้านหลังและบีบมันแทบจะให้ป่นเป็นผง หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่นขณะรับรู้ถึงลมหายใจหนักที่พ่นลงบนแก้มเปล่งปลั่ง เธอคุ้นเคยต่อการเผชิญหน้าในสถานการณ์วิกฤติ แต่ไม่ใช่การได้ใกล้ชิดแนบสนิทถึงขนาดนี้
“ผมจะเชื่อที่คุณบอกว่าไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับของที่คุณขโมยมา เพราะไซออนเนตไม่มีวันบอกคุณหรอกว่าสิ่งที่ผมกับทีมนักนิวเคลียร์ฟิสิกส์ค้นพบทำอะไรได้บ้าง เขาไม่มีวันบอกคุณว่ามันเป็นธาตุลำดับที่ 119 ...ธาตุหนักอย่างยิ่งที่พัฒนาเป็นอาวุธอานุภาพร้ายแรงกว่ายูเรเนียมหรือพลูโทเนียมที่ใช้ผลิตนิวเคลียร์นั่นเสียอีก!...ทีนี้คุณรู้หรือยังว่ามันไม่ใช่แค่ความว่างเปล่าที่คุณหยิบฉวยมันออกมาจากห้องปฏิบัติการของผม!”
พอเขาพูดจบคนฟังก็นิ่งอึ้ง อลินทิราคล้ายสะดุดลมหายใจตัวเอง หากเป็นอย่างที่เขาว่าจริง ๆ สิ่งที่อยู่กับตัวเธอก็อันตรายมากทีเดียว หญิงสาวรู้ดีว่าแดเนียลไม่ได้โกหก หาไม่แล้วค่าตอบแทนของการจารกรรมครั้งนี้จะสูงลิบถึงยี่สิบล้านดอลล่าห์เทียวหรือ และหาไม่แล้วมหาเศรษฐีหนุ่มผู้นี้จะไม่ควานหาตัวเธอแทบพลิกแผ่นดินเพื่อให้ได้ชิปข้อมูลกลับไปเช่นนั้นหรือ
แต่...หากแดเนียลได้สิ่งที่ต้องการแล้วก็ไม่แน่หรอกว่าเขาจะไว้ชีวิตจารชนอย่างเธอ คงจะเป็นการดีกว่าหากเธอจะยื้อเวลาไว้เพื่อหาวิธีหลบหนี
“ฉันไม่มีวันบอกคุณ...และคุณก็จะไม่มีวันได้ในสิ่งที่คุณต้องการ”
“แน่ใจนะว่าจะไม่คืนชิปให้ผม”
ชายหนุ่มลดเสียงต่ำและขบกรามเสียงดังจนหญิงสาวเกิดความหวั่นหวาด ทว่าอลินทิราก็ยังเชิดหน้าอย่างท้าทาย
“ฉันแน่ใจ! ไม่ว่าคุณจะทำยังฉันก็ไม่มีวันบอกคุณ”
“ได้! ออโซลย่า ผมก็มีวิธีการของผมที่จะเค้นเอามันจากคุณจนได้!”
เร็วกว่าที่หญิงสาวจะคาดคิดเมื่อใบหน้าคมคายก้มลงไปหาอย่างรวดเร็วก่อนลิ้นหนาจะฉกเข้าไปในปากอิ่มที่เผลอเผยอออกด้วยความตื่นตระหนก
อลินทิราตัวชาไปชั่วขณะที่บุรุษเรือนร่างกำยำสูงใหญ่กระชากสติสัมปชัญญะของเธอออกไปด้วยสัมผัสทางปากที่ไม่เคยให้ใครได้จาบจ้วง
“อื้อ!” พอรู้สึกตัวอีกทีหญิงสาวจึงพยายามตะเบ็งเสียงผ่านลำคอแต่ไม่อาจหลุดลอดออกมาพ้นริมฝีปากที่ถูกประกบปิดไว้แน่น เธอจะทำอะไรได้บ้างกับร่างกายที่รุ่มร้อนจนอ่อนเปียกเมื่อพบกับประสบการณ์ใหม่จากปลายลิ้นหนาซอกไซ้ไปทั่วทุกแห่งในกระพุ้งแก้มซึ่งแม้แต่ชายหนุ่มเองที่อยากสั่งสอนสายลับสาวก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกอณูในปากเล็กนั่นหอมหวานเย้ายวนใจมากแค่ไหน แต่แล้วแดเนียลกลับต้องทิ้งสัมผัสสุดท้ายอันหวามไหวไว้บนริมฝีปากอ่อนบางที่สั่นระริกบนใบหน้าหวาน
“ฉันจะฆ่าคุณ แดเนียล ไพรซ์!”
อลินทิราคำรามลึกในลำคอเหมือนนางเสือสาวติดจั่น ร่างสูงใหญ่ยังตรึงมือเธอไว้ด้านหลังร่างบอบบางซึ่งถูกดันชิดด้านข้างของรถคาดิลแล็คโดยที่ขาเรียวยาวก็ยังพาดอยู่บนเอวหนาแนบแน่น ชายหนุ่มจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สวยและแค่ยกยิ้มมุมปากพร้อมกับเลิกคิ้วอย่างผู้กำชัยชนะ
“คุณได้โอกาสนั้นไปแล้ว ออโซลย่า...ตั้งแต่ตอนที่คุณจ่อปืนมาที่ผม”
“และฉันก็จะไม่มีวันใจอ่อนกับคนที่ฉันไม่รู้จัก สาบานได้!”
“ตอนนี้คุณก็รู้จักผมแล้วนี่ไง แต่คุณจะไม่มีวันได้โอกาสนั้น โอกาสที่ได้ฆ่าคนที่จะพาคุณไปลงโทษให้สาสม!”
“คุณจะพาฉันไปไหน?” สายลับสาวตั้งคำถามเสียงพร่า ไม่นึกเลยสักนิดว่าคนที่เคยเข้มแข็งอย่างเธอจะมาเสียท่าให้นักนิวเคลียร์ฟิสิกส์ในคราบนักธุรกิจจับตัวได้
“เป็นอะไรไปล่ะ ออโซลย่า...คุณกลัวหรือ?” แดเนียลเลิกคิ้วและเหยียดปากราวจะเยาะเย้ยให้กับร่างบอบบางที่เริ่มสั่นเทา แสงสีส้มยามอัสดงจะลาลับพาดผ่านบนใบหน้าคร้ามคมทว่าน่าพรั่นพรึง เขากำลังเยือกเย็นลงในขณะที่ความร้อนในกายของอลินทิราพุ่งสูง หญิงสาวไม่เคยคาดคิดว่าคนเก่งอย่างเธอต้องมาพบเจอกับหนทางตีบตัน เขาจะทำอะไรกันแน่...เขาอาจพาเธอไปทรมานแล้วฆ่าทิ้งเสียหากเธอยอมคายความลับ
“ไม่!” เสียงอันมั่นคงถูกขับออกมาจากเรียวปากอิ่มสวย “ฉันไม่เคยกลัวอะไร ถ้าฉันเป็นคนขี้ขลาดก็ไม่มีวันที่จะทำงานให้ไซออนเนตได้”
“ใช่!...คุณผู้หญิง...ไซออนเนตต้องการคนกล้าหาญที่ไม่จำเป็นต้องมีมันสมองไว้คอยคิดตริตรองหรือสงสัยในคำสั่งขององค์กร หรือคุณจะปฏิเสธอีกว่าไม่ใช่”
ยิ่งพูดก็ดูเหมือนเธอจะยิ่งถูกเขารุกไล่และตีกรอบให้แคบลงทุกด้าน สายลับสาวจึงเลือกที่จะไม่ออกความเห็นใด ๆ ต่อไปเกี่ยวกับสิ่งที่เธอกระทำ
“แดเนียล...” อลินทิราลดเสียงต่ำก่อนพูดอย่างอ่อนหวานและปรับเปลี่ยนท่าทีเป็นฝ่ายเบียดตัวเข้าหาเขามากขึ้น
“บอกหน่อยสิคะ ว่าคุณจะพาฉันไปไหน และจะลงโทษฉันยังไงถ้าคุณยังไม่ได้ชิปนั่น”หญิงสาวหรี่นัยน์ตาสีน้ำตาลแกมเขียวขณะช้อนมองราวกับมีบางอย่างคุกรุ่นอยู่ข้างใน ใบหน้าสวยหวานเอียงเข้าหาเขาและเผยอเรียวปากออกอย่างเชื้อเชิญในที แต่แล้วรอยยิ้มเหยียดกลับจุดขึ้นบนใบหน้าคมคาย เขาก้มหน้าลงไปราวจะตอบรับอาการยั่วยวนก่อนกระซิบ”จะลงโทษคุณแบบไหนน่ะหรือ...มันยังไม่จำเป็นที่ผมต้องบอกคุณตอนนี้ แต่...ผมมีอะไรอยากบอกไว้อย่างว่าคุณควรจะเรียนรู้วิธีการยั่วยวนผู้ชายเสียใหม่ เพราะจูบเมื่อกี๊มันช่างไม่น่าดึงดูดใจเอาเสียเลย!”“แดเนียล...อ๊ะ!” อลินทิราไม่ทันได้ตอบโต้ก็ถูกเขากระชากตามไปยังรถเอสยูวีสีดำสนิทซึ่งจอดอยู่ห่างไปไม่ไกล ชายหนุ่มเปิดประตูด้านข้างคนขับก่อนหันมาทำให้สายลับสาวเบิกตาโพลงด้วยการใส่กุญแจมือมือเรียวบางทั้งสองไว้“แดเนียล...นี่มันอะไรกัน! คุณไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่จะมาจับฉันใส่กุญแจมืออย่างนี้”“ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเขาคงไม่ปล่อยให้คุณมายืนเถียงอยู่แบบนี้แน่...ขึ้นรถ!”บุรุษร่างใหญ่กำยำออกคำสั่งเสียงกร้าวก่อนดันร่างบางที่ยังมีท่าทีฮึดฮัดขึ้นรถและปิดประตูลงดังปังอลินทิรามองตามเจ้าของใบหน้าทรงเ
“ซอนญ่า...” อลินทิราหน้างอ เธอไม่ชอบท่าทางวางอำนาจของเขาเลย ให้ตายเถอะ“ไม่ทราบว่าคุณเป็นเจ้าชีวิตฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงได้ตั้งชื่อฉันตามอำเภอใจแบบนี้”“ตอนนี้ชีวิตคุณเป็นของผม ซอนญ่า! ถ้าขืนยังคิดจะหนีผมจะส่งคนของผมไปที่บ้านของดาเลีย เฮอเกรล ทันที!””คุณว่ายังไงนะคะ แดเนียล!” สายลับสาวถึงกับสะเทือนไปถึงขั้วหัวใจเมื่อคนอยู่หลังพวงมาลัยเอ่ยชื่อนั้นขึ้นมา แดเนียลเหยียดมุมปาก ดูเขาจะพึงพอใจกับอาการตกตื่นของหญิงสาว“ดาเลีย เฮอเกรล...เธออยู่ที่โมอับ และ ใช่...เธอเป็นแม่บุญธรรมของคุณ”“คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง ไม่เคยมีใครรู้จักแม่ของฉัน”“มันง่ายจะตายไป ซอนญ่า เรื่องการสืบค้นข้อมูลประชากรในอเมริกาน่ะ เว้นเสียแต่ว่าคุณจะไม่เคยทำบัตรอะไรเลยตั้งแต่เกิด หรือเป็นพวกอพยพข้ามพรมแดนมาจากต่างประเทศ เพราะนอกเหนือจากนี้ผมก็มีข้อมูลทุกอย่างที่ต้องการ อยากรู้ไหมว่าผมรู้อะไรเกี่ยวกับเธอบ้าง อย่างเช่น ดาเลียไม่ได้เป็นชาวเมืองโมอับมาแต่กำเนิด เธอย้ายมาจากนิวเจอร์ซี สามีของเธอเป็นทหารผ่านศึกและเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด ดาเลียเป็นหม้ายกระทั่งเธอขอเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจากสถานเด็กกำพร้าในซอลเลกซิตี้มาเลี้ยงดู เด็
เขาพูดก่อนดึงแขนเรียวให้ร่างบอบบางก้าวลงมาจากรถ หญิงสาวยังคงนิ่งเงียบและปล่อยให้ร่างสูงตวัดแขนหนาใหญ่โอบรอบเอวเธอไว้เพื่อแสดงบทบาทอย่างที่เขาว่า“คุณควรจะกอดผมตอบ ในเมื่อเราเป็นผัวเมียกัน”“มันก็แค่ละคร ฉันไม่จำเป็นต้องแสดงให้สมบทบาทมากขนาดนั้นหรอกนะคะ”“ผมสั่งคุณต้องทำ! อย่าลืมสิว่าเราต่างมีสิ่งต่อรองกันทั้งสองฝ่าย”“คุณไม่ต้องมาขู่ฉันหรอกค่ะ และอย่าคิดว่าฉันจะยอมทำตามคำสั่งของคุณทุกอย่าง”“คุณเป็นคนของผมแล้ว” เสียงนั้นแน่นหนักพร้อมกับรัดวงแขนจนร่างแน่งน้อยเบียดชิดตัวเขามากกว่าเก่า“แดเนียล”“เรียกสามีของคุณว่า แดน...นับแต่นี้จะไม่มีออโซลย่า มีแต่คุณ...ซอนญ่า คุณเป็นคนของผมและต้องทำตามที่ผมสั่งทุกอย่าง!”ชายหนุ่มสำแดงความต้องการผ่านใบหน้าดุ อากัปกิริยาของเขาทำให้หญิงสาวหน้าแดงไปถึงใบหู เรียวปากอิ่มสั่นระริกด้วยความโกรธ เธอได้แต่กำหมัดแน่นและก้าวตามเขาไปทั้งที่เอวบางยังถูกลำแขนหนาแกร่งรัดไว้จนหายใจแทบไม่ออกเธอต้องเอาคืนให้ได้ถ้ามีโอกาส...จารชนสาวคิดอยู่ในใจกระทั่งไปถึงล็อบบี้ มันเป็นโรงแรมขนาดเล็กซึ่งภายในตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยโทนสีน้ำตาลอย่างทุ่งทรายด้านนอก ภายในนั้นเงียบเหงามีเพี
“ซอนญ่า” เสียงห้าวนั้นดังกลบความเงียบและมันก็รบกวนความรู้สึกของเธอไม่น้อย“เป็นอะไรไป คุณทำอย่างกับไม่เคยเห็นผู้ชายแก้ผ้า”“ทำไมฉันจะไม่เคยเห็น แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันจำเป็นต้องดูก็เท่านั้น” ตอบกลับโดยไม่ยอมหันไปมอง อลินทิราได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของเขา“ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอถามอะไรหน่อย ว่าคุณ...รู้จักหัวหน้าองค์กรที่คุณทำงานให้หรือเปล่า?”ร่างสูงใหญ่ถามขณะลูบใบหน้าเปียกน้ำ เขาหันไปมองแผ่นหลังของร่างบอบบางในชุดกระโปรงลายสก็อตก็เห็นว่าเธอเงียบไปชั่วครู่“ฉันไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้าเขา”“เขา...อย่างนั้นหรือ?”“ทุกครั้งที่เขาต้องการ งาน เขาจะให้เฟลรอฟเป็นคนส่งสาส์น...รับคำสั่งจากเขา”“เฟลรอฟ”“เขาเป็นชาวรัสเซีย เป็นคนโหดเหี้ยม...แต่ฉันเพิ่งฆ่าเขาตายเมื่อวานนี้”“ถ้าผมเดาไม่ผิด พวกเขาก็กำลังตามล่าคุณงั้นสินะ ซอนญ่า”อลินทิราเงียบไปอีก การวิเคราะห์ของเขาแม่นยำเพราะท่าทีของหญิงสาวราวกับชั่งใจอย่างหนัก“ฉันแค่อยากวางมือเท่านั้น ฉันแค่รู้สึกอิ่มตัวกับการใช้ชีวิตอย่างจารชน”“คุณวางมันไม่ได้หรอก ซอนญ่า ตราบใดที่องค์กรยังอยู่ ตราบใดที่ยังมีหัวหน้าใหญ่ในองค์กรชักใยอยู่เบื้องหลัง คุณ...ไม่มีวันออก
“แผลไม่ใหญ่มาก” เขากล่าวขณะลดมือข้างที่เช็ดขมับแตกของเธอลง“แดนคะ...ฉันอยากขอบคุณคุณค่ะ”“อาจไม่...” คำว่า จำเป็น หลุดหายไปในลำคอแข็งแรงเมื่ออลินทิราเป็นฝ่ายจู่โจมร่างสูงใหญ่ด้วยการประกบปิดริมฝีปากของเขาไว้ด้วยเรียวปากอิ่มอย่างรวดเร็ว หญิงสาวรู้สึกถึงอาการหอบสะท้านจากร่างกายของชายหนุ่มเมื่อเธอประกบจูบเขาชนิดไม่บันยะบันยัง อลินทิรานำเสนอทุกอย่างตั้งแต่การบดเบียดริมฝีปากร้อนแรงและสนองลิ้นในปากหนาได้รูปด้วยการยั่วเย้าให้เขาโหยหาอย่างที่สุด มันเป็นจุมพิตดูดดื่มที่สายลับสาวตั้งใจมอบให้เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำเงินอมม่วงซึ่งก็ไม่มีทีท่าว่าเขาจะปฏิเสธ ตรงข้ามปล่อยไปตามอารมณ์ของร่างอรชรที่จุดไฟร้อนในตัวเขาแทนคำขอบคุณ จนเมื่อหญิงสาวเป็นฝ่ายถอนกลีบปากบวมแดงน้อย ๆ และเลื่อนใบหน้าออกจึงเห็นว่าเขายังอยู่ในอาการเคลิบเคลิ้มราวกับยังไม่ยอมตื่นจากฝัน“ฉันจูบไม่เก่งหรอกนะคะ” ร่างแน่งน้อยออกตัวก่อนมองเขาด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป แดเนียลเหมือนคนเคลิ้มหลับ...นี่เม็ดยาที่เธอใส่ไว้ใต้ลิ้นออกฤทธิ์รวดเร็วถึงขนาดนี้เชียวหรือ“เปล่าเลย...ซอนญ่า” เสียงตอบกลับพร้อมกับที่ดวงตาคู่นั้นลืมขึ้นมองหญิงสาวขณะแขนแข
แดเนียลยืดลำตัวขึ้นและสังเกตเห็นใบหน้าหวานเปล่งปลั่งมากกว่าเมื่อครู่ อลินทิราดูเย้ายวนอย่างประหลาด เรือนผมสีน้ำตาลหม่นปล่อยสยาย แก้มเป็นสีชมพูระเรื่อ ริมฝีปากเป็นสีแดงจัดและดวงตาคู่นั้นราวกับถูกอาบด้วยหยาดน้ำผึ้ง ทำไมเขาถึงได้รู้สึกอยากเข้าไปใกล้ร่างบอบบางตรงหน้า หรือว่าเขาเองก็ถูกฤทธิ์ยาเม็ดนั้นเข้าให้แล้ว ชายหนุ่มทอดถอนใจก่อนฝืนพูดออกไป“คืนนี้ผมอาจไม่ได้นอนเลยก็เป็นได้”ร่างสูงใหญ่ในผ้าขนหนูผืนเดียวยังยืนตรงหน้าหญิงสาวที่มือข้างหนึ่งถูกคล้องกุญแจมือติดกับเตียง ส่วนมืออีกข้างที่ถูกปล่อยเป็นอิสระกำลังลูบไปมาบนลำคอระหง ท่าทีนั้นเธอไม่ได้คิดจะยวนยั่วแต่ก็ดูเชิญชวนอย่างไม่ได้ตั้งใจ“ทำไมล่ะคะ...ทำไมคุณถึงไม่นอน”อลินทิราไล้มือต่ำลงมาหยุดบนไหปลาร้าขณะช้อนสายตามองร่างสูงตรงหน้าและพูดด้วยเสียงแหบพร่าทว่าเซ็กซี่“เพราะคุณอาจจะวางแผนหนีผมไปอีกตอนไหนก็ได้”ชายหนุ่มบอกเหตุผลด้วยเสียงที่ลดต่ำลงและก็อดที่จะมองร่างแน่งน้อยที่นั่งกระสับกระส่ายตรงขอบเตียงไม่ได้ ยากำลังออกฤทธิ์...แดเนียลรู้ได้จากท่าทีของหญิงสาว เขาอาจไม่เคยใช้มันแต่ก็เคยเห็นอำนาจของยากล่อมประสาทที่เปลี่ยนคน ๆ หนึ่งได้ภายในพริบตา“ฉั
“ซอนญ่า...โอ...พระเจ้า” ชายหนุ่มงึมงำอยู่กับซอกคอหอมกรุ่น เขาอยากจะหยุดตัวเอง แต่มือไม้กลับล้วงเข้าไปในคอเสื้อหญิงสาวที่อ้ากว้าง“แดน...อูว”“พระเจ้า...ซอนญ่า ผมหยุดมันไม่ได้”แดเนียลเหมือนคนหลงละเมอขณะลากริมฝีปากกลับไปดูดดื่มความหอมหวานจากปากเล็ก ทันทีที่มือหนาล้วงผ่านเข้าไปใต้เนื้อผ้าที่กั้นกลางระหว่างร่างนุ่มเขากลับไม่พบอาภรณ์ชิ้นใดขวางนอกจากเนินเนื้ออุ่นกลมกลึงแน่นตึงที่ตอบรับการบีบเคล้น ร่างสูงใหญ่อยากจะเลื่อนออกไปทว่าร่างกายกลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามด้วยการเพิ่มแรงบีบบี้ กดคลึง และไล้ไปมาบนส่วนปลายอ่อนไหวแข็งเป็นไตแค่เขาลูบมันเบา ๆสายลับสาวร้องอืออาออกมาไม่หยุดพร้อมทั้งแอ่นร่างนุ่มที่ชายกระโปรงของชุดลายสก็อตเปิดเปลือยจนพ้นขาอ่อนขึ้นไปถึงสะโพก“แดน...ฉันร้อนเหลือเกินค่ะ ช่วยฉันด้วย”อลินทิราส่ายหน้าชื้นเหงื่อไปมาภายในห้องซึ่งมีพัดลมเพียงตัวเดียวที่ไม่อาจปัดเป่าประกายไฟร้อนแรงที่ปะทุระหว่างเขาและเธอ“ผมจะช่วยคุณได้ยังไง”“เอามันออกไปที...ช่วยเอามันออกไปจากตัวฉันทีค่ะ แดน”หญิงสาวครางเสียงแหบพร่าขณะดึงทึ้งคอเสื้ออ้ากว้างด้วยท่าทางสุดเซ็กซี่ แดเนียลจำต้องละฝ่ามือที่กำลังบีบคลึงเนื้อ
บทที่ 4 เมื่อความผูกพันก่อตัว คำเว้าวอนของสายลับสาวทำให้ชายหนุ่มหยุดตัวเองลงชั่วขณะ แม้ยังไม่แน่ใจหากนัยน์ตาสีน้ำตาลแกมเขียวกลับฉายแววปรารถนาล้นท่วม ต่างคนต่างตกอยู่ในห้วงแห่งเพลิงพิศวาส และแดเนียลเองก็ตกเป็นทาสอารมณ์ดิบที่สั่งให้เขายินยอมปลดปล่อยอลินทิราออกจากพันธนาการ“แดน...ฉันต้องการคุณ...เดี๋ยวนี้” ร่างบางตวัดแขนไปรอบแผ่นหลังกว้างทันทีที่เป็นอิสระ หญิงสาวกอดจูบชายหนุ่มเนิ่นนานกระทั่งตัวเธอถูกดันจนแผ่นหลังราบไปกับที่นอน“ซอนญ่า...โอ” แดเนียลครางหอบเมื่อเขาเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้คุมเกมด้วยการขยับขึ้นทาบทับบนแก่นกายตึงแน่นของหญิงสาวที่ถูกความแข็งแกร่งบดเบียดอยู่ภายนอก เขายังไม่เร่งร้อนที่จะพิสูจน์อะไรบางอย่าง ทว่าก็เห็นเงาแห่งความหวาดกลัวแฝงตัวอยู่หลังม่านหมอกแห่งปรารถนา“ทำไมคุณไม่หนีไปเสีย...ตอนนี้คุณมีโอกาสแล้ว ซอนญ่า”แดเนียลกระซิบถามขณะไล้เลียลิ้นร้อนไปบนแก้มเนียนจรดติ่งหูก่อนกลับมายังกลีบปากนุ่ม“จะให้ฉันหนีไปไหนล่ะคะแดน...ถ้าฉันหนี ใครจะช่วยฉันได้”“คุณเป็นอะไรหรือซอนญ่า” ชายหนุ่มถามซึ่งก็ได้รับคำตอบเป็นการบิดเร่าของร่างที่เขาทาบทับ“ไม่รู้ค่ะ...ฉัน...ไม่รู้ว่า
“แดเนียล...ฉันรักคุณค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉันอีก”“ผมต้องกลับมาที่รัก” เขาก้มลงจูบบนเปลือดกตาของหญิงสาวที่ตัวเธอสั่นสะทานขึ้นมาราวกับยังหวาดหวั่น “ยอดดวงใจของผม คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหนถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่พบคุณ”“บ้าน...เป็นที่สุดท้ายสำหรับฉันค่ะ จารชนที่แต่นี้ไปจะเป็นแค่คนธรรมดา แดนคะ...มาเต้นรำกันเถอะค่ะ ฟังซีคะ ต้นหญ้าและขุนเขากำลังร้องเพลง”ร่างอรชรผละห่างจากชายหนุ่มและเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอย่างบัลเล่ต์รีน่าท่ามกลางทุ่งหญ้าส่ายไหวอาบแสงสีเงิน แดเนียลยืนล้วงกระเป๋าและอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ม้าพันธุ์เทอโรเบรดด้วยความรู้สึกสุขใจ ดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ร่างแน่งน้อยที่กำลังเริงระบำกลางที่ราบทุ่งหญ้าพลิ้วไหว เขารักอลินทิรามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพังและมองเห็นความวาดหวังถึงชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นในกาลเบื้องหน้า นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามาตลอดชีวิตก็เป็นได้ศาลาที่ว่าการกรุงออสโลว์ ประเทศนอรเวย์เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางในชุดราตรีสีฟ้าครามซึ่งนั่งอย่างสงบบนเบาะหลังรถเอสยูวีคันใหญ่รีบหยิบขึ้นมากดรับสาย“สวัสดีจ้ะ ซอนญ่า”“ค่ะ...แม่”
“แดน...ที่ผ่านมาคุณไม่คิดบ้างหรือคะว่าฉันเคยทำอะไรแย่ ๆ กับคุณบ้าง อย่างเช่นวางยาคุณ หรือตั้งใจจะเอาคืนให้คุณเจ็บแสบ”“อะไร ๆ อาจแย่กว่านี้ถ้าผมไม่ได้รู้จักคุณ...ออโซลย่า”หญิงสาวเอียงคอเพื่อมองใบหน้าคร้ามคมที่ลดจมูกลงมาเคลียบนแก้มนุ่ม“คุณคงยังไม่ลืมเธอซีนะคะ”“ผมไม่เคยลืมสายลับสาวแสนสวยที่เก่งกาจถึงขนาดถอดรหัสผ่านประตูนิรภัยของผมได้ และยิ่งกว่านั้นเสน่ห์ของเธอก็มัดใจผมไว้จนดิ้นไม่หลุด”“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะแดน...ฉันน่ะไม่เห็นว่าคุณจะพูดดีกับฉันสักหน” อลินทิราอดที่จะตั้งคำถามกับคนที่เธอรักไม่ได้แม้เวลานั้นจะล่วงเลยมาแล้วก็ตาม“อืม...คงตั้งแต่พบกันครั้งแรกในแคนยอน แลนด์ ผู้หญิงอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดทั้งที่รู้ว่าสู้ผมไม่ได้”“ฉันอยากจะฆ่าคุณ” เธอย่นจมูก “ทึ้งคุณให้หลุดเป็นชิ้น ไม่เคยมีใครตามติดและต้อนฉันจนมุมได้เหมือนคุณ”“ตอนแรกคุณจินตนาการว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน ซอนญ่า” ชายหนุ่มจุดความอบอุ่นในกายหญิงสาวด้วยการขบเม้มเบา ๆ ที่ใบหูเล็กบาง“ตอนที่ฉันจะรับงานนี้ ฉันแทบไม่สนใจข้อมูลเจ้าของชิปนั่นเลยสักนิดเดียว ฉันคิดเอาเองว่า แดเนียล ไพรซ์ คงเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เขาคงเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง
“แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ท่านยังปลูกผักและเดินเป็นระยะไกล ๆ ได้ ถึงท่านจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เหงา เพราะว่าเจ้าอิงลิชกับเจ้ามูนวอล์คเกอร์นี่ล่ะค่ะ”หญิงสาวหันกลับไปยังม้าสองตัวที่ยื่นหน้าเข้ามาให้เธอลูบไล้แผงคอของพวกมันเล่น พวกมันดูคุ้นเคยและทำราวกับคิดถึงนายของมัน“ตัวนี้เป็นม้าอิงลิช เทอโรเบรดค่ะ มันเป็นม้าฝีเท้าดี ฉันตั้งชื่อมันว่าอิงลิช” อลินทิราบอกพลางลูบไล้ไปบนหัวของม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มซึ่งเรือนขนบนหลังและหางมีสีดำเป็นมันวาว มันดูบึกบึนแข็งแรงทว่าก็เชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ“ผมเคยอ่านประวัติของม้าพันธุ์ผสมพวกนี้ ตอนศตวรรษที่สิบเจ็ดนักล่าอาณานิคมพยายามพัฒนาสายพันธุ์ม้าอเมริกันใหม่ ๆ ก็เลยผสมพันธุ์ม้าพื้นเมืองกับม้าแคนาดา มันขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรง พอหลังจากนั้นก็ผสมกับม้าพันธุ์อิงลิชเทอโรเบรดอย่างเจ้าอิงลิชของคุณนี่ไง”แดเนียลเสริมแต่ยังไม่สัมผัสตัวของมันเหมือนหญิงสาว“และนี่...เจ้ามูนวอล์คเกอร์ค่ะ มันเป็นม้าป่าพันธุ์สเปน เรียกได้อีกอย่างว่าซัลเฟอร์ เป็นม้าของรัฐยูทาห์ค่ะ แม่เป็นคนตั้งชื่อให้เพราะตอนพามาเลี้ยงใหม่ ๆ มันหายไปตอนคืนจันทร์เต็มดวง เราคิดว่ามันคงถูกขโมยหรือไม่ก
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะขอคุณแต่งงาน แต่ผมยังไม่ได้พบแม่บุญธรรมของคุณ ไม่รู้ท่านจะว่ายังไงบ้าง”“ฉันจะว่ายังไงได้ล่ะคะ”เสียงของหญิงสูงวัยที่แทรกขึ้นมาทำให้สองหนุ่มสาวหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน“แม่!” อลินทิราอุทานออกมา เธอลืมตัวจะผละห่างจากชายหนุ่มทว่าแดเนียลยังกอบกุมมือเรียวบางไว้แน่น ดาเลียซึ่งยืนอยู่ที่ประตูยิ้มกับผู้มาใหม่ นางมองเขาด้วยสายตาบอกความประหลาดใจหากก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน“สวัสดีค่ะ...ฉันคือดาเลีย เฮอเกรล ฉันเป็นแม่บุญธรรมของอัลลี่เองค่ะ”ดาเลียแนะนำตัวในขณะที่ชายหนุ่มคลายมือจากหญิงสาว“สวัสดีครับคุณแม่ ผม แดเนียล ไพรซ์”“แม่กลับมาตอนไหนคะ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงเลย”ร่างบางถามแก้เก้อ เธอดูเงอะงะไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะแสดงท่าทางอย่างไรต่อหน้าแม่บุญธรรมในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้“แม่ลืมของที่จะเอาไปฝากลุงเคิร์คน่ะจ้ะ เลยกลับมาและก็ทันได้ยินว่า คุณแดเนียลจะขอหนูแต่งงาน นี่เป็นความจริงหรือจ๊ะ?”“เป็นความจริงครับคุณแม่”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัย นางจ้องมองเขาไม่วาง แดเนียล ไพรซ์ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์ดึงดูด เขาทำให้ดาเลียพรึงเพริศราวถูกสะกดด้วยนัย
แดเนียลอธิบายในขณะที่อาการตื่นกลัวของอีกฝ่ายเริ่มคลายลง อลินทิราเห็นแววตาคู่นั้นหม่นแสงเมื่อเขาพูดต่อไป“เธอแอบจัดตั้งมูลนิธิในนาม ไพรซ์ คอร์ป เพื่อซออนเนต และถ่ายโอนเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อองค์กรของตัวเอง พอเออร์วิ่งรายงานเรื่องนี้พร้อมทั้งยืนยันด้วยเอกสาร ผมก็เริ่มส่งคคนตามประกบจนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ข้อมูลว่าโมนิกานัดพบกับ อลัน ทีทอน เจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามของยุโรป...ผมตามเธอไปพร้อมกับตำรวจและหน่วยสวาทติดอาวุธครบมือ”“ตำรวจคงจับเธอได้แล้วใช่ไหมคะ แดเนียล?”หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ความตื่นเต้นประดังอยู่ในอกแทบระเบิดด้วยอยากรู้วาระสุดท้ายของนายใหญ่แห่งไซออนเนต ทว่าแดเนียลกลับยิ้มขื่นและตอบว่า“โมนิกาเป็นคนเก่ง เธอเป็นอัจฉริยะ แต่...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม“เธอหนีไปได้ใช่ไหมคะ?”ร่างสูงส่ายหน้าและสูดลมหายใจลึก “โมนิกา...ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ...วิสามัญ”“พระเจ้า!”“เราจัดพิธีศพให้เธอและฝังเธอไว้ในสุสานของตระกูล เมื่อไม่มีนายใหญ่ ไซออนเนตก็ถึงจุดจบ”“บางที...อาจจะไม่” อลินทิราขืนตัวออกจากแขนแกร่ง ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำและแดงก่ำ“อาจเป็นจุดจบของไซออนเนต แต่คุณ
“ตอนผมไปโรงพยาบาลและพบหมอที่รักษาคุณ เขาบอกว่าภรรยาของผมอาการดีขึ้นมากและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หมอกำชับผมให้ดูแลคุณเป็นพิเศษ ผมคิดว่าจะไม่ถามอะไรต่อจนคุณหมอเข้ามาแสดงความยินดีที่ผมจะได้เป็นพ่อคน เพราะภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอรับฟังทุกอย่างแต่เหมือนยังมีสิ่งค้างคาใจ“แดนคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหรือปกปิดเรื่องนี้ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณกลับไปแคลิฟอเนียเป็นเพราะคุณต้องรีบกลับไปหาโมนิกาหรือเปล่า”“ใช่...โมนิกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องรีบกลับไปที่นั่น”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเลและทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายหมองลงอย่างเหนได้ชัด กระทั่งเขาพูดต่อทั้งที่กอดเธอไว้แน่น“ตอนที่คุณยังไม่ฟื้นหลังจากหมอผ่าตัดเอากระสุนฝังในออก ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์วิ่ง เขาเป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่ผมจ้างมาสืบเรื่องนี้ เออร์วิ่งให้ผมรีบกลับไปที่ซานตาโมนิกาด่วนเพราะเขามีข้อมูลบางอย่างให้ผมดู มันเป็นข้อมูลความผิดปกติทางด้านการเงินของบริษัท ตอนแรกที่เขาเข้ามาสืบเรื่องชิปที่หายไป เขารู้แค่ว่ามันเชื่อมโยงกับองค์กรลับไซออนเนต แต่การล้วงข้อมูลลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ทำให้เออร์วิ่งพบกับสิ่งที่น่าต
“ที่ร้านอาหารของลุงเคิร์คในเมืองกำลังหาพนักงานเสริ์ฟเพิ่ม...เอ้อ...ถ้าลูกสนใจจะทำ”“ก็ไม่เลวนะคะ แต่หนูขอเวลาอีกสักพัก”“เมื่อไหร่ก็ได้จ้ะ เมื่อไหร่ก็ได้ที่หนูพร้อม”หญิงสูงวัยยังไม่ทันยกน้ำชาขึ้นจิบก็ได้ยินเสียงแตรรถดังที่หน้าบ้าน“โอ...ตายจริง แม่ลืมซะสนิทเลย” นางวางแก้วชาและเบิกกว้าง “แม่ลืมว่าเช้านี้นัดกับคุณแบรดฟอร์ด เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ ๆ กันเข้าไปซื้อของในเมือง อัลลี่จ๊ะ...หนูคงต้องกินอาหารเช้าคนเดียวแล้วล่ะจ้ะ”“ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูไปส่งนะคะ”“ไม่ต้องจ้ะ อัลลี่ หนูกินไปเถอะ แม่ไปก่อนนะจ๊ะ อาจกลับมาตอนบ่าย ๆ”อลินทิราเอียงศีรษะเป็นเชิงรับรู้และเมื่อแม่บุญธรรมของเธอลุกออกไปหญิงสาวจึงเลื่อนจานพาสต้าตรงหน้าไปไว้ด้านข้าง เธออยากกินอาหารฝีมือดาเลียมากที่สุดตั้งแต่กลับมาถึงที่นี่และนางก็จัดเตรียมขอที่บุตรสาวบุญธรรมโปรดปรานมากที่สุดนั่นคือเมนูอาหารอิตาเลียนแต่หญิงสาวกลับลืนมันไม่ลง ผะอืดผะอมจนบางครั้งแทบไม่อยากหันไปมอง นี่คงเป็นอาการแพ้ท้อง ถึงเธอไม่บอกแต่ดาเลียก็จะต้องรู้ในสักวันด้วยตัวนางเองร่างบอบบางลุกขึ้นไปหยุดยืนที่หน้าต่างห้องครัว ภาพภูเขาสีน้ำตาลแดงบนที่ราบทุ่งหญ้าเบื้องนอกท
“อาการของคุณดีขึ้นมากแล้วนะครับหลังจากพักฟื้นมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือน หมอว่าตอนนี้คุณซอนญ่าคงกลับบ้านได้แล้วล่ะครับ”นายแพทย์สูงวัยเอ่ยกับหญิงสาวร่าบอบบางในชุดกระโปรงสีน้ำเงินเข้มซึ่งนั่งฟังผลการวินิจฉัยครั้งสุดท้ายบนเตียงผู้ป่วย เขาก้มลงดูแผ่นชาร์ตพลางยิ้มรื่น“จะให้พยาบาลแจ้งคุณแดเนียล ไพรซ์ ไหมครับว่าคุณจะออกจากโรงพยาบาลวันนี้”“คงไม่ต้องหรอกค่ะ...เอ้อ...ตอนนี้เขาคงกำลังยุ่งอยู่กระมังคะ ถ้ายังไงฉันจะบอกให้เขาทราบเองค่ะ”“ครับ...ถ้าอย่างนั้นก็อยาลืมบอกข่าวดีกับเขาด้วยก็แล้วกันนะครับว่าตอนนี้คุณกำลังตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์แล้ว ผมจะบอกคุณแดเนียลตั้งแต่วันที่เขากลับแคลิฟอเนีย แต่วันนั้นเขาดูเร่งร้อนมากก็เลยไม่ทันได้พูดอะไร แต่ผมคิดว่าถ้าเขารู้ก็คงจะดีใจมาก”นายแพทย์สูงวัยกล่าวอย่างอารมณ์ดีโดยไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของคนไข้“ค่ะ...คุณหมอ ขอบคุณมากนะคะ”อลินทิรายิ้มรับแต่หัวใจดวงนั้นทั้งหวาดหวั่นและรันทดท้อด้วยคิดไปต่าง ๆ นานา หลังถูกกระสุนปืนสไนเปอร์ของเฟลรอฟตอนหนีเข้าไปในแคนยอน แลนด์กับแดเนียลเธอก็ถูกส่งมาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดและหลับไม่รู้สึกตัวนานเกือบสัปดาห์ กระส
แดเนียลตะโกนทว่าหญิงสาวกลับยืนนิ่ง เธอมองไปรอบตัวซึ่งถูกโอบล้อมด้วยหน่วยสวาท ร่างเพรียวระหงกำหมัดแน่น เธอจะไม่ยอมถูกจับที่นี่เป็นเด็ดขาด“ได้...แดเนียล แต่ฉันอยากคุยกับพี่ก่อนมอบตัวกับตำรวจ”โมนิกายื่นข้อเสนอสักครู่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งซึ่งยืนข้าง ๆ แดเนียลก็ยื่นหน้าเข้ามากระซิบ“ว่ายังไงครับ คุณแดเนียล จะเข้าไปคุยกับเธอหรือเปล่า?”คนถูกถามพยักหน้าก่อนตอบ “ครับ...ผมจะคุยกับเธอ”“ระวังตัวด้วยนะครับ เราไม่รู้ว่าเธอมีแผนอะไรบ้าง”“ขอบคุณครับ ผมจะระวัง” แดเนียลรับปากก่อนเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับญาติผู้น้อง ทุกอย่างเงียบกริบ บรรยากาศรอบตัวบีบคั้นจนน่าอึดอัด เจ้าหน้าที่หน่วยสวาททุกนายซึ่งมีอาวุธครบมืออยู่ในท่าเตรียมพร้อมตลอดเวลากระทั่งชายหนุ่มเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าหญิงสาว“โมนี่” แดเนียลลดเสียงต่ำ เขาเครียดเกร็งในช่องท้องเมื่อต้องมาอยู่ในสภาวการณ์ล่อแหลมและอาจเกิดอันตรายได้ทุกเมื่อ เขาเหมือนตัวประกันของโมนิกา ญาติผู้น้องที่จับจ้องไม่วางตาเมื่อบทสนทนาเริ่มขึ้น“โมนิกา...ตอนนี้คนในองค์กรของเธอถูกเจ้าหน้าที่จับกุมไว้เกือบหมดแล้ว มูลนิธิถูกสั่งปิด ไซออนเนต...จะไม่มีอีกต่อไปแล้ว”“พี่คิดว่าเรื่องทุกอย่