แต่...พระเจ้า! วันนี้ที่เธอได้เห็นตัวตนและได้รู้จักผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริงขององค์กรที่เธอเคยทำงานให้ชนิดมอบกายถวายหัวทำให้รู้ว่า ออโซลย่า ที่แท้ก็เป็นแค่เครื่องมือชั้นดีให้กับคนกลุ่มหนึ่งซึ่งมีเงื่อนงำทับซ้อนอยู่กับผลประโยชน์มหาศาล ออโซย่า เป็นแค่เครื่องจักรสรรหาให้กลุ่มคนที่มีฉากหน้าน่าเลื่อมใส
นี่เธอทำอะไรลงไปบ้างตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานอกจากการแสวงหาเพื่อสนองศรัทธาอันหลอกลวง ไซออนเนตหลอกใช้เธอมาตลอดและก็ไม่คิดจะเก็บสายลับขององค์กรไว้ในท้ายที่สุด อลินทิราได้บทสรุปสุดท้ายในการตัดสินใจซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องตกผลึก
เธอจะตอบแทนไซออนเนต และคิดว่าจุดจบของการเป็นจารชนไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็จะพร้อมยอมรับโดยดุษณี
อลินทิรากลับไปยังห้องของแดเนียลราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้ได้ยินเสียงเรือลำเล็กแล่นห่างออกไปแล้ว หญิงสาวปิดประตูห้องอย่างเงียบเชียบและก้าวไปที่เตียงซึ่งร่างสูงใหญ่ยังทอดกายเปลือยเปล่าอยู่บนนั้น ร่างบอบบางยืนมองชั่วครู่เพื่อเพ่งพิจารณานักนิวเคลียร์ฟิสิกส์หนุ่มซึ่งยังหลับใหลไม่รู้สึกตัว ชั่วขณะที่เธอเห็นคือชายหนุ่มใบหน้าคร้ามเข้มที่ดวงตาปิดสนิทใต้ปื้นคิ้วหนาดูผ่อนคลายและริมฝีปากเผยอออกน้อย ๆ ผ่อนลมหายใจโดยปราศจากความเครียดขึ้ง
อลินทิราเอียงหน้ามองและอดไม่ได้ที่จะยิ้มกับตัวเอง หญิงสาวไม่เคยเกิดความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน ความรู้สึกหลงใหลที่เหลื่อมซ้อนอยู่กับความรู้สึกหวั่นหวาด เธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างสูงใหญ่แม้เขามิได้ก่ายกอด ร่างอรชรปลดปล่อยลมหายใจก่อนปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากกายจนหมด จารชนสาวค่อยแทรกตัวกลับเข้าไปในอ้อมแขนหนาใหญ่และแข็งแรง เธอคิดว่ามันจะไม่รบกวนเขาทว่าแดเนียลก็รู้สึกตัวจนได้
“ซอนญ่า...คุณไปไหนมา?” ถามงัวเงียขณะปรือตาขึ้นรับภาพร่างแน่งน้อยที่เขากระชับอ้อมกอดแม้ครึ่งหลับครึ่งตื่น
“เปล่าค่ะ...ไม่ได้ไปไหนทั้งนั้น”
“จริงหรือ?...อืม...ผมคิดว่าคุณ...จะหนีไปแล้วเสียอีก”
“หลับเถอะนะคะ แดน...ฉันไม่ได้หนีไปไหนทั้งนั้น”
เจ้าของใบหน้าแสนหวานกระซิบราวปลอบประโลมก่อนจุมพิตบนหน้าผากชายหนุ่มด้วยความรู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด แดเนียลซุกหน้าลงกับอกอิ่มก่อนจูบปลายถันสีชมพูเรื่อเบา ๆ
“เราจะอยู่กับพ่อและแม่อีกหนึ่งอาทิตย์ พรุ่งนี้ผมจะพาคุณนั่งเรือเล็กเที่ยวชมเกาะแถวนี้”
“ค่ะ...แดน”
อลินทิราตอบรับผะแผ่วและมีความสุขอย่างล้นเหลือเมื่อเรียวปากหนาบนใบหน้าทรงเสน่ห์ยังฟอนเฟ้นอยู่กับร่องอกอวบอิ่ม เธอรู้สึกถึงความตื่นตัวบนร่างสูงใหญ่และนั่นทำให้จารชนสาวลืมเรื่องของใครคนหนึ่งไปชั่วขณะ
“แน่ใจนะว่าหนูจะไม่เมาคลื่นถ้านั่งเรือเล็กออกไปแบบนี้”
ยูจีเนียเอ่ยถามขึ้นขณะยืนเคียงคู่กับโฮเวิร์ดข้างกราบเรือยอชต์ซึ่งทอดสมอกลางท้องน้ำสีฟ้าครามอันเงียบสงบในเช้าที่แสงแดดอ่อนอาบไล้ร่างบอบบางในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ซึ่งกำลังปีนบันไดลงไปยังเรือลำเล็กที่มีร่างสูงใหญ่สวมเสื้อโปโลกางเกงขาสั้นยืนคอยรับอยู่ก่อนแล้ว อลินทิราเงยหน้าขึ้นไปมองบิดามารดาของแดเนียลซึ่งใกล้กันนั้นคิลเลียนและโมนิกาก็กำลังยืนมองคู่รักทั้งสองที่พร้อมออกท่องทะเล
“หนูโอเคค่ะแม่” ร่างแน่งน้อยโบกไม้โบกมือให้ทุกคนบนเรือยอชต์ทว่าก็ไม่ยอมสบตาญาติผู้น้องของแดเนียลที่มองมาอย่างไม่ยินดียินร้าย
“กลับมาให้ทันอาหารมื้อเย็นนะครับ พวกเรารออยู่ที่นี่”
คิลเลียนตะโกนไล่หลังเรือเร็วที่แดเนียลสตาร์ทเครื่องยนต์ก่อนบังคับพังงาเรือพามันทะยานห่างออกไปจากเรือยอชต์ไพรซ์
“ว่าที่พี่สะใภ้ของลูกไม่เลวเลยล่ะจ้ะ คิลเลียน...ลูกคิดอย่างแม่หรือเปล่า?”
ยูจีเนียหันมาถามบุตรชายคนกลางซึ่งยืนมองเรือของพี่ชายแล่นไกลออกไปท่ามกลางมหาสมุทรในเช้าที่ผิวน้ำเงียบสงบปราศจากคลื่น ชายหนุ่มหันมาทางมารดาและหรี่นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มลง
“อย่าบอกนะครับว่าแม่น่ะหลงเสน่ห์อาหารอิตาเลียนฝีมือซอนญ่าเข้าให้แล้ว”
“แม่แกคงหลงรักแม่สาวยูทาห์ของพี่ชายแกเข้าแล้วล่ะ ไม่มีเสน่ห์อะไรที่จะมัดใจยูจีนของฉันได้เท่าคนที่มีเสน่ห์ปลายจวัก”
โฮเวิร์ดเสริมขึ้นและโอบไหล่ภรรยาซึ่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างพออกพอใจ
“แดนรีบพาซอนญ่าออกไปท่องทะเลจนไม่ยอมแตะอาหารเช้าเลยนะคะคุณ”
“แต่ผมเห็นเขาให้เชฟจัดใส่กล่องไปแล้วนะยูจีน พวกเขาคงอยากเบรกฟาสต์บนเรือน้อยที่ล่องลอยกลางทะเล”
“สุดจะโรแมนติกเลยล่ะครับ พ่อ”
คิลเลียนแทรกขึ้นด้วยรอยยิ้มแต่โมนิกากลับเหยียดปากออก หญิงสาวไม่แสดงความเห็นกระทั่งยูจีเนียและโฮเวิร์ดเดินกลับเข้าไปด้านใน
“ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าแดเนียลจะคบกับแม่สาวยูทาห์ของเขาไปได้อีกนานแค่ไหน”
โมนิกาโพล่งออกมาเมื่อตรงนั้นเหลือเพียงคิลเลียนที่ยังคงยืนอยู่
“ดูเขาจริงจังนะ” ชายหนุ่มออกความเห็นด้วยสีหน้ายินดีดังเดิมทว่าอีกฝ่ายกลับเบ้ปากกับญาติผู้พี่ซึ่งสำหรับเธอแล้วเขามองโลกในแง่ดีเสียเหลือเกิน
“คิลเลียน...นายคงไม่เคยนับซีนะว่าแดเนียลคบกับคู่ควงของเขาแต่ละคนเป็นเวลานานเท่าไหร่ แต่ฉันเคยสังเกตว่าผู้หญิงพวกนั้นอยู่กับเขาไม่เกินสามเดือน”“แต่แดนคบกับผู้หญิงแค่ไม่กี่คนนะโมนิกา ซึ่งฉันคิดว่าครั้งนี้เขาคงลงเอยกับซอนญ่าเสียที”“หล่อน...ก็แค่ผู้หญิงที่เขาพามา”“เธอว่าอะไรนะ?” คิลเลียนย่นคิ้วกับคำพูดเหมือนยังไม่สิ้นสุดของญาติผู้น้อง โมนิกากลอกตาและยิ้มหยัน“เขาพาผู้หญิงคนนั้นมาจากยูทาห์แบบไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ เขาอาจพบเธอที่ไหนสักแห่ง อาจเป็นผับบาร์ที่มีผู้หญิงอย่างว่า หรือไม่...ก็อาจพบข้างถนนก็เป็นได้ แดเนียลคงเบื่อที่จะคบกับพวกดารานางแบบแล้วกระมัง”“แต่นี่คือการตัดสินใจของเขา”ชาหนุ่มสรุปและมันทำให้โมนิกานิ่งอึ้ง หญิงสาวกดเก็บความเจ็บแค้นที่ไม่สามารถโน้มน้าวให้อีกฝ่ายคิดทางลบได้เอาไว้ในส่วนลึกขณะปั้นหน้าอย่างที่เธอถนัด“เธอคงหลงเสน่ห์การทำอาหารของแม่นั่นเข้าแล้วล่ะสิ ก็แน่นอน...พวกผู้หญิงบ้านนอกน่ะถนัดเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว”“โมนิกา...ฉันว่าเราอย่าใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้เลยจะดีกว่า ครอบครัวของเราต่างเคารพการตัดสินใจของเขาแม้ว่ามันจะถูกหรือผิดก็ตาม”ครอบครัวนายมันงี่เง่าม
“กลิ่นพิสตาซิโอ และผมคิดว่าคุณต้องชอบนี่ด้วย...มูอัลลาเบีย (Muhallabia) พุดดิ้งข้าวกลิ่นกุหลาบ”ชายหนุ่มยื่นกล่องขนมหวานให้หญิงสาว ใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงออกถึงความสุขอย่างที่สุด ทว่าประกายตาสีน้ำเงินอมม่วงกลับสุกสว่างอย่างที่สายลับสาวไม่เคยเห็นมาก่อน อลินทิราต้องนั่งลงเมื่อรู้สึกถึงแรงคลื่นที่ล้อเข้ามากระทบใต้ลำเรือ“ยิ่งใกล้เกาะที่หน้าผาชันมากเท่าไหร่คลื่นก็จะยิ่งแรงขึ้นเท่านั้น”แดเนียลกล่าวขึ้นราวกับไม่ใส่ใจขณะตักอาหารในกล่องเพื่อละเลียดเข้าปากอย่างช้า ๆ อลินทิราสังเกตเห็นชัดเจนว่าบุรุษผู้นี้ลุ่มลึกประดุจท้องน้ำเบื้องล่างที่ไม่อาจคะเนได้ หากก็มิอาจปฏิเสธว่าเขาหล่อเหลาเพียงใดและเป็นเสน่ห์มัดใจที่ทำให้เธอเริ่มกังวลออโซลย่า...เมื่อเธอคืนข้อมูลลับนั่นกลับไปให้เขาแล้ว หลังจากนี้เล่านักนิวเคลียร์ฟิสิกส์หนุ่มจะทำกับเธอเช่นไร ปลดปล่อยเธอไปหรือจะกักขังเธอไว้เพื่อปลิดลมหายใจอย่างเงียบ ๆหญิงสาวเอาใจแดเนียลไม่ออก เขาอาจคิดกำจัดเธอเหมือนไซออนเนตที่กำลังตามหา ออโซลย่า เพื่อปิดปากในตอนนี้“ซอนญ่า”“คะ” ร่างเล็กตอบรับพร้อมกับมีอาการสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกปลุกภวังค์ แดเนียลมองมาอย่างค้นหาใต้ละออง
แดเนียลตามเธอมาไม่ทัน...หรือไม่เขาอาจไม่ได้ลงจากเรือลำนั้นด้วยซ้ำ อลินทิราหันไปรอบ ๆ ก็พบว่าเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้มีหน้าผาแทงยอดขึ้นสู่ท้องฟ้าคล้ายฟยอร์ดน้ำแข็งในดินแดนแถบขั้วโลก หญิงสาวมองเห็นทางเดินเล็ก ๆ คดเคี้ยวไปตามทางลาดชันและเธอก็ไม่รอช้าที่จะวิ่งขึ้นไปตามทางบนเนินซึ่งทอดตัวสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ภูมิประเทศแถบนี้คงเต็มไปด้วยผาหินสูงชันเหมือนเกาะซึ่งเธอเหยียบย่างอยู่นี้ก็ไม่ใช่สถานที่น่าอยู่อาศัย ยิ่งสูงขึ้นไปลมก็ยิ่งพัดจัดจนยอดไม้ใบหญ้าโบกสะบัดไปตามแรงลมร่างแน่งน้อยวิ่งขึ้นมาหยุดตรงจุดที่คิดว่าสูงที่สุดสำหรับเธอ ใต้ฝ่าเท้าเปล่าเปลือยสัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบของชั้นหิน เบื้องหน้าคือภาพอันตระการตาของทะเลลิกูเรีย อลินทิราเห็นเกาะแก่งที่อยู่ห่างออกไปรายรอบและเรือยอชต์ไพรซ์อยู่ไกลลิบ หญิงสาวเพ่งมองเรือที่เธอนั่งมากับแดเนียล มันลอยเท้งเต้งห่างออกไปทุกขณะและดูเหมือนปราศจากคนอยู่บนนั้น“แดเนียล” จารชนสาวรำพึงกับตัวเองเบา ๆ และคิดในใจว่าเขาคงไม่กระโดดน้ำทะเลตามเธอมาที่นี่เป็นแน่ ร่างบอบบางในชุดเปียกชื้นหันกลับไปอีกด้านซึ่งเป็นร่องผาที่เบื้องล่างมีวังน้ำสีฟ้าครามอยู่ตรงกลาง ลมแรงพัดมาปะทะใบหน้าง
แดเนียลเว้นจังหวะการพูด เสียงของเขาดังชิดใบหูหญิงสาว ลมหายใจที่เป่ารดร้อนผ่าวทว่าอลินทิรากลับเหน็บหนาวถึงขั้วหัวใจ ชายหนุ่มกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น“ยิ่งสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งท้าทายมากเท่านั้น พวกเขาจะปีนขึ้นไปจนสุดขอบไม่ใช่เพื่อชัยชนะ แต่พวกเขาจะได้ค้นพบอิสรภาพตอนทิ้งตัวจากหน้าผาลงไปในน้ำข้างล่างนั่นยังไง”“แดน...คุณจะทำอะไร!...ปล่อย!...ฉันจะกลับไปที่เรือ”ร่างแน่งน้อยหันกลับไปบอกปากคอสั่น ทว่าแดเนียลกลับยิ่งกอดเธอไว้แน่นราวไม่ยี่หระต่อคำร้องขอ“ไหนบอว่าคุณทำอะไรได้มากกว่าที่ผมคิด ผมยอมรับว่าคุณว่ายน้ำเก่งมากเพราะคลื่นรอบเกาะนี่ไม่ใช่เล็ก ๆ เลย แต่ก็อยากรู้ว่าคุณยังเก่งกาจในเรื่องอะไรอีก สายลับมือหนึ่งแห่งไซออนเนต”“ปล่อยค่ะ แดน...ได้โปรด ฉันอาจจะทำอะไรก็ได้ แต่ฉันไม่ชินการอยู่แบบนี้”“มันไม่ต่างกันหรอกกับตอนที่คุณว่ายน้ำ เพียงแต่ดีพ วอเตอร์โซโล มันตื่นเต้นกว่าตอนที่คุณกระโดดลงจากเรือ!”อลินทิราแทบหยุดหายใจเมื่อแดเนียลไม่เพียงกอดเธอไว้แน่นแต่ยังดันร่างบางไปอยู่ริมผาในลักษณะหมิ่นเหม่และสุ่มเสี่ยงจะตกลงไป จากตรงนั้นมองลงไปยังเบื้องล่างสูงไม่ใช่เล่น สายลับสาวไม่อาจเก็บงำความกลัวได้อีกต่
หญิงสาวจ้องมองแดเนียลเนิ่นนานก่อนที่น้ำหยดเล็ก ๆ จะถั่งไหลออกมาจากหางตา“แดน...ทีนี้คุณคงได้คำตอบเกี่ยวกับตัวฉันแล้วซีนะคะ” เสียงนั้นยังคงแห้งโหยและฉุดความรู้สึกบางอย่างของคนฟังให้ดิ่งลงต่ำ ร่างสูงใหญ่ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ ๆ สวมเพียงกางเกงขาสั้นตัวเดียว ท่อนบนเปลือยเปล่าสะท้อนลมหายใจผ่านมัดกล้ามเคร่งเครียดบนอกกว้างราวกับเขาเองก็ยังคิดคำนึงถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไป ชายหนุ่มถอนใจก่อนพูดด้วยน้ำเสียงช้าเนิบ“ผมคิดว่าผมรู้จักคุณ...ออโซลย่า คุณเป็นสายลับที่มีวิชาป้องกันตัวเพียงแค่พื้นฐาน และคุณก็ไม่ชอบกีฬาปีนผาแบบดีพ วอเตอร์โซโล”หญิงสาวยิ้มขื่นและตอบกลับไป “คุณคงเห็นแล้วสินะคะว่าฉันน่ะ...กลัวความสูงยิ่งกว่าอะไร”ร่างอรชรเผยความรู้สึกก่อนทรงตัวที่ยังหนักอึ้งลุกขึ้นนั่ง เสื้อเชิ้ตและกางเกงเกรอะกรังด้วยเม็ดทรายยังมีรอยชื้นด้านหลัง กลิ่นไอน้ำทะเลอวลไอรอบผิวกายสาวทำให้นักนิวเคลียร์ฟิสิกส์หนุ่มรู้สึกว่าเธอดูเย้ายวนอย่างเป็นธรรมชาติ“นอกจากความสูงคุณยังกลัวอะไรอีกบ้าง แต่คงไม่ใช่การบุกเดี่ยวเข้าไปในคฤหาสน์ไพรซ์อย่างกล้าหาญแน่...ซอนญ่า”“ฉันทำตามหน้าที่ค่ะแดน...มันไม่ได้เกี่ยวกับความกลัวของฉัน”“ถ้าอย
“แดน...แดนคะ” ร่างแน่งน้อยเรียกเขาเสียงหอบเหนื่อย แดเนียลหยุดตัวเองลงชั่วขณะก่อนถามอยู่แนบชิดกับกลีบปากที่เริ่มเป็นสีกุหลาบเรื่อ“มีอะไรหรือซอนญ่า?”“นี่มันค่ำแล้วนะคะ ฉันว่าเรากลับไปที่เรือกันเถอะค่ะ”“หืมม์...เรืออย่างนั้นหรือ?” เขาทำสีหน้าครุ่นคิด“ก็เรือเร็วที่คุณขับมาที่นี่ยังไงล่ะคะ” อลินทิราแสดงสีหน้ากังวลทว่ารอยยิ้มทรงเสน่ห์กลับจุดขึ้นบนมุมปากหยัก“คุณยิ้มอะไรคะแดน?”“ผมแค่คิดว่าเราจะกลับไปที่เรือได้ยังไง ในเมื่อตอนที่ว่ายน้ำตามคุณมาผมไม่ได้ทอดสมอเรือเอาไว้ ตอนนี้มันคงถูกคลื่นพัดไกลไปถึงไหนต่อไหนแล้วล่ะ”บทที่ 12 หลงใหลในผูกพัน“ว่ายังไงนะคะ แดน?” อลินทิราเป็นฝ่ายตื่นตกใจ แต่อาการของเธอช่างน่ารักน่าใคร่สำหรับแดเนียล เธอเหมือนเด็กสาวไม่ประสาโลกทั้งที่เคยเป็นสายลับทำงานเจนจัดมารอบด้าน“แดนคะ...แล้วพ่อกับแม่ของคุณล่ะคะ พวกท่านคงเป็นห่วงหวกเรา ท่านคงเป็นกังวลที่ดึกป่านนี้เรายังไม่กลับไปที่เรือ”“ไม่มีอะไรน่ากังวลหรอก ซอนญ่า...พรุ่งนี้คนในเรือยอชต์ไพรซ์จะออกตามหาพวกเรา ว่าแต่คืนนี้เราคงต้องนอนที่นี่กันไปพลาง ๆ คุณหนาวหรือเปล่า ซอนญ่า?”ชายหนุ่มเบี่ยงเบนความสนใจของหญิงสาวด้วยการเปล
“แบบนี้นะหรือคะ?...แบบดีพ วอเตอร์โซโล ปีนขึ้นไปแล้วทิ้งตัวลงน้ำ เป็นกีฬาบ้าบิ่นมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินมา”“มันก็แค่การปลดปล่อย ผมคิดว่ามันท้าทาย”“และบ้าระห่ำมาก ๆ ““แต่ก็คงเป็นเรื่องที่มีเหตุผลมากกว่าการกระโดดจากเรือลงทะเลกระมัง”“แดน...อือ” อลินทิราไม่ได้เถียงต่อเมื่อชายหนุ่มเคลียปลายจมูกโด่งลงบนแก้มเนียน หญิงสาวเกิดความเอียงอายขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ร่างแน่งน้อยเปลี่ยนท่าทีเป็นหันหลังให้ทว่าก็ถูกชายหนุ่มสวมกอดจากด้านหลัง“ซอนญ่า...คุณอยากจะหนีผมไปไหนอีก”แดเนียลกระซิบพลางไล้ริมฝีปากลงบนไหล่บางและหลังใบหู สายลับสาวรู้สึกถึงลมหายใจร้อนผ่าว อกเคร่งเครียดทว่าอบอุ่นแนบอยู่กับแผ่นหลังและความตื่นตัวตอดตุบ ๆ อยู่กับบั้นท้ายงอนงาม เขาทำให้เธอตื่นเต้นด้วยมือทั้งสองที่กอบกุมเนินทรวงอวบใหญ่เบื้องหน้าขณะคลึงเม็ดอัญมณีที่ปลายถันด้วยปลายนิ้วชำนาญเบามือ“แดน...ฉันไม่ได้หนีนะคะ แต่ฉันชอบอยู่แบบนี้ มัน...เอ่อ...อบอุ่น”หญิงสาวสารภาพด้วยใบหน้าแดงก่ำขณะชายหนุ่มประคองเธอไว้จากด้านหลังโดยไม่ยี่หระบรรยากาศกลางแจ้ง ดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่เหนือเงื้อมผาซึ่งถูกแรงลมและน้ำเค็มกัดเซาะ อลินทิราเริ่มคลายความวิ
“ซอนญ่า...คุณยังไม่ได้ตอบคำถามผมเลยนะ”แดเนียลเลื่อนมืออีกข้างจากทรวงอกอิ่มขึ้นมาอยู่ใต้คางเรียวก่อนกดริมฝีปากลงกับขมับของหญิงสาว อลินทิราหอบหายใจแรงก่อนพูด“นี่เป็นการบังคับกันหรือเปล่าคะ แดน...จริง ๆ แล้วฉันไม่อยากเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง”“คุณปิดกั้นตัวเองเสมอ ออโซลย่า...นี่คงเป็นกฎเหล็กของการเป็นสายลับซีนะ ช่างเถอะ...ผมก็แค่อยากรู้”“แดนคะ...” เสียงเว้าวอนนั้นทำให้ชายหนุ่มซึ่งกำลังจะคลายมือจากลำคอระหงหยุดชะงัก“ฉันอาจจะเคยหลงใหลความดึงดูดใจ แต่ฉันไม่เคยผูกพันกับใครมาก่อน ฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า ความผูกพันที่แท้จริง...มันเป็นยังไง”“ซอนญ่า” ร่างสูงใหญ่ครางลึกและบังคับให้ใบหน้าหวานตะแคงรับจูบของเขา แดเนียลรู้สึกได้ถึงพลังที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างงามกลมกลึงความผูกพันที่แท้จริง...เขาเองก็ปรารถนาได้สัมผัสว่ามันเป็นเช่นไร เมื่อกำแพงเยือกแข็งถูกทำลายลงพร้อมกฎของสายลับสาวอลินทิราเปิดปากรับเรียวลิ้นหนาที่นำพาเธอล่องลอยราวกับพรายฟองคลื่นกระทบฝั่งแตกกระจาย มือเรียวบางเลื่อนขึ้นไปขยุ้มเรือนผมสีน้ำตาลประกายทองและกดท้ายทอยให้ใบน้าคมคายจูบเธอหนักหน่วงขึ้น เมื่อความต้องการพุ่งทะยานถึงจุดสูงสุด
“แดเนียล...ฉันรักคุณค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉันอีก”“ผมต้องกลับมาที่รัก” เขาก้มลงจูบบนเปลือดกตาของหญิงสาวที่ตัวเธอสั่นสะทานขึ้นมาราวกับยังหวาดหวั่น “ยอดดวงใจของผม คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหนถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่พบคุณ”“บ้าน...เป็นที่สุดท้ายสำหรับฉันค่ะ จารชนที่แต่นี้ไปจะเป็นแค่คนธรรมดา แดนคะ...มาเต้นรำกันเถอะค่ะ ฟังซีคะ ต้นหญ้าและขุนเขากำลังร้องเพลง”ร่างอรชรผละห่างจากชายหนุ่มและเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอย่างบัลเล่ต์รีน่าท่ามกลางทุ่งหญ้าส่ายไหวอาบแสงสีเงิน แดเนียลยืนล้วงกระเป๋าและอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ม้าพันธุ์เทอโรเบรดด้วยความรู้สึกสุขใจ ดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ร่างแน่งน้อยที่กำลังเริงระบำกลางที่ราบทุ่งหญ้าพลิ้วไหว เขารักอลินทิรามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพังและมองเห็นความวาดหวังถึงชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นในกาลเบื้องหน้า นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามาตลอดชีวิตก็เป็นได้ศาลาที่ว่าการกรุงออสโลว์ ประเทศนอรเวย์เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางในชุดราตรีสีฟ้าครามซึ่งนั่งอย่างสงบบนเบาะหลังรถเอสยูวีคันใหญ่รีบหยิบขึ้นมากดรับสาย“สวัสดีจ้ะ ซอนญ่า”“ค่ะ...แม่”
“แดน...ที่ผ่านมาคุณไม่คิดบ้างหรือคะว่าฉันเคยทำอะไรแย่ ๆ กับคุณบ้าง อย่างเช่นวางยาคุณ หรือตั้งใจจะเอาคืนให้คุณเจ็บแสบ”“อะไร ๆ อาจแย่กว่านี้ถ้าผมไม่ได้รู้จักคุณ...ออโซลย่า”หญิงสาวเอียงคอเพื่อมองใบหน้าคร้ามคมที่ลดจมูกลงมาเคลียบนแก้มนุ่ม“คุณคงยังไม่ลืมเธอซีนะคะ”“ผมไม่เคยลืมสายลับสาวแสนสวยที่เก่งกาจถึงขนาดถอดรหัสผ่านประตูนิรภัยของผมได้ และยิ่งกว่านั้นเสน่ห์ของเธอก็มัดใจผมไว้จนดิ้นไม่หลุด”“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะแดน...ฉันน่ะไม่เห็นว่าคุณจะพูดดีกับฉันสักหน” อลินทิราอดที่จะตั้งคำถามกับคนที่เธอรักไม่ได้แม้เวลานั้นจะล่วงเลยมาแล้วก็ตาม“อืม...คงตั้งแต่พบกันครั้งแรกในแคนยอน แลนด์ ผู้หญิงอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดทั้งที่รู้ว่าสู้ผมไม่ได้”“ฉันอยากจะฆ่าคุณ” เธอย่นจมูก “ทึ้งคุณให้หลุดเป็นชิ้น ไม่เคยมีใครตามติดและต้อนฉันจนมุมได้เหมือนคุณ”“ตอนแรกคุณจินตนาการว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน ซอนญ่า” ชายหนุ่มจุดความอบอุ่นในกายหญิงสาวด้วยการขบเม้มเบา ๆ ที่ใบหูเล็กบาง“ตอนที่ฉันจะรับงานนี้ ฉันแทบไม่สนใจข้อมูลเจ้าของชิปนั่นเลยสักนิดเดียว ฉันคิดเอาเองว่า แดเนียล ไพรซ์ คงเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เขาคงเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง
“แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ท่านยังปลูกผักและเดินเป็นระยะไกล ๆ ได้ ถึงท่านจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เหงา เพราะว่าเจ้าอิงลิชกับเจ้ามูนวอล์คเกอร์นี่ล่ะค่ะ”หญิงสาวหันกลับไปยังม้าสองตัวที่ยื่นหน้าเข้ามาให้เธอลูบไล้แผงคอของพวกมันเล่น พวกมันดูคุ้นเคยและทำราวกับคิดถึงนายของมัน“ตัวนี้เป็นม้าอิงลิช เทอโรเบรดค่ะ มันเป็นม้าฝีเท้าดี ฉันตั้งชื่อมันว่าอิงลิช” อลินทิราบอกพลางลูบไล้ไปบนหัวของม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มซึ่งเรือนขนบนหลังและหางมีสีดำเป็นมันวาว มันดูบึกบึนแข็งแรงทว่าก็เชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ“ผมเคยอ่านประวัติของม้าพันธุ์ผสมพวกนี้ ตอนศตวรรษที่สิบเจ็ดนักล่าอาณานิคมพยายามพัฒนาสายพันธุ์ม้าอเมริกันใหม่ ๆ ก็เลยผสมพันธุ์ม้าพื้นเมืองกับม้าแคนาดา มันขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรง พอหลังจากนั้นก็ผสมกับม้าพันธุ์อิงลิชเทอโรเบรดอย่างเจ้าอิงลิชของคุณนี่ไง”แดเนียลเสริมแต่ยังไม่สัมผัสตัวของมันเหมือนหญิงสาว“และนี่...เจ้ามูนวอล์คเกอร์ค่ะ มันเป็นม้าป่าพันธุ์สเปน เรียกได้อีกอย่างว่าซัลเฟอร์ เป็นม้าของรัฐยูทาห์ค่ะ แม่เป็นคนตั้งชื่อให้เพราะตอนพามาเลี้ยงใหม่ ๆ มันหายไปตอนคืนจันทร์เต็มดวง เราคิดว่ามันคงถูกขโมยหรือไม่ก
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะขอคุณแต่งงาน แต่ผมยังไม่ได้พบแม่บุญธรรมของคุณ ไม่รู้ท่านจะว่ายังไงบ้าง”“ฉันจะว่ายังไงได้ล่ะคะ”เสียงของหญิงสูงวัยที่แทรกขึ้นมาทำให้สองหนุ่มสาวหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน“แม่!” อลินทิราอุทานออกมา เธอลืมตัวจะผละห่างจากชายหนุ่มทว่าแดเนียลยังกอบกุมมือเรียวบางไว้แน่น ดาเลียซึ่งยืนอยู่ที่ประตูยิ้มกับผู้มาใหม่ นางมองเขาด้วยสายตาบอกความประหลาดใจหากก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน“สวัสดีค่ะ...ฉันคือดาเลีย เฮอเกรล ฉันเป็นแม่บุญธรรมของอัลลี่เองค่ะ”ดาเลียแนะนำตัวในขณะที่ชายหนุ่มคลายมือจากหญิงสาว“สวัสดีครับคุณแม่ ผม แดเนียล ไพรซ์”“แม่กลับมาตอนไหนคะ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงเลย”ร่างบางถามแก้เก้อ เธอดูเงอะงะไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะแสดงท่าทางอย่างไรต่อหน้าแม่บุญธรรมในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้“แม่ลืมของที่จะเอาไปฝากลุงเคิร์คน่ะจ้ะ เลยกลับมาและก็ทันได้ยินว่า คุณแดเนียลจะขอหนูแต่งงาน นี่เป็นความจริงหรือจ๊ะ?”“เป็นความจริงครับคุณแม่”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัย นางจ้องมองเขาไม่วาง แดเนียล ไพรซ์ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์ดึงดูด เขาทำให้ดาเลียพรึงเพริศราวถูกสะกดด้วยนัย
แดเนียลอธิบายในขณะที่อาการตื่นกลัวของอีกฝ่ายเริ่มคลายลง อลินทิราเห็นแววตาคู่นั้นหม่นแสงเมื่อเขาพูดต่อไป“เธอแอบจัดตั้งมูลนิธิในนาม ไพรซ์ คอร์ป เพื่อซออนเนต และถ่ายโอนเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อองค์กรของตัวเอง พอเออร์วิ่งรายงานเรื่องนี้พร้อมทั้งยืนยันด้วยเอกสาร ผมก็เริ่มส่งคคนตามประกบจนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ข้อมูลว่าโมนิกานัดพบกับ อลัน ทีทอน เจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามของยุโรป...ผมตามเธอไปพร้อมกับตำรวจและหน่วยสวาทติดอาวุธครบมือ”“ตำรวจคงจับเธอได้แล้วใช่ไหมคะ แดเนียล?”หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ความตื่นเต้นประดังอยู่ในอกแทบระเบิดด้วยอยากรู้วาระสุดท้ายของนายใหญ่แห่งไซออนเนต ทว่าแดเนียลกลับยิ้มขื่นและตอบว่า“โมนิกาเป็นคนเก่ง เธอเป็นอัจฉริยะ แต่...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม“เธอหนีไปได้ใช่ไหมคะ?”ร่างสูงส่ายหน้าและสูดลมหายใจลึก “โมนิกา...ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ...วิสามัญ”“พระเจ้า!”“เราจัดพิธีศพให้เธอและฝังเธอไว้ในสุสานของตระกูล เมื่อไม่มีนายใหญ่ ไซออนเนตก็ถึงจุดจบ”“บางที...อาจจะไม่” อลินทิราขืนตัวออกจากแขนแกร่ง ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำและแดงก่ำ“อาจเป็นจุดจบของไซออนเนต แต่คุณ
“ตอนผมไปโรงพยาบาลและพบหมอที่รักษาคุณ เขาบอกว่าภรรยาของผมอาการดีขึ้นมากและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หมอกำชับผมให้ดูแลคุณเป็นพิเศษ ผมคิดว่าจะไม่ถามอะไรต่อจนคุณหมอเข้ามาแสดงความยินดีที่ผมจะได้เป็นพ่อคน เพราะภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอรับฟังทุกอย่างแต่เหมือนยังมีสิ่งค้างคาใจ“แดนคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหรือปกปิดเรื่องนี้ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณกลับไปแคลิฟอเนียเป็นเพราะคุณต้องรีบกลับไปหาโมนิกาหรือเปล่า”“ใช่...โมนิกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องรีบกลับไปที่นั่น”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเลและทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายหมองลงอย่างเหนได้ชัด กระทั่งเขาพูดต่อทั้งที่กอดเธอไว้แน่น“ตอนที่คุณยังไม่ฟื้นหลังจากหมอผ่าตัดเอากระสุนฝังในออก ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์วิ่ง เขาเป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่ผมจ้างมาสืบเรื่องนี้ เออร์วิ่งให้ผมรีบกลับไปที่ซานตาโมนิกาด่วนเพราะเขามีข้อมูลบางอย่างให้ผมดู มันเป็นข้อมูลความผิดปกติทางด้านการเงินของบริษัท ตอนแรกที่เขาเข้ามาสืบเรื่องชิปที่หายไป เขารู้แค่ว่ามันเชื่อมโยงกับองค์กรลับไซออนเนต แต่การล้วงข้อมูลลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ทำให้เออร์วิ่งพบกับสิ่งที่น่าต
“ที่ร้านอาหารของลุงเคิร์คในเมืองกำลังหาพนักงานเสริ์ฟเพิ่ม...เอ้อ...ถ้าลูกสนใจจะทำ”“ก็ไม่เลวนะคะ แต่หนูขอเวลาอีกสักพัก”“เมื่อไหร่ก็ได้จ้ะ เมื่อไหร่ก็ได้ที่หนูพร้อม”หญิงสูงวัยยังไม่ทันยกน้ำชาขึ้นจิบก็ได้ยินเสียงแตรรถดังที่หน้าบ้าน“โอ...ตายจริง แม่ลืมซะสนิทเลย” นางวางแก้วชาและเบิกกว้าง “แม่ลืมว่าเช้านี้นัดกับคุณแบรดฟอร์ด เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ ๆ กันเข้าไปซื้อของในเมือง อัลลี่จ๊ะ...หนูคงต้องกินอาหารเช้าคนเดียวแล้วล่ะจ้ะ”“ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูไปส่งนะคะ”“ไม่ต้องจ้ะ อัลลี่ หนูกินไปเถอะ แม่ไปก่อนนะจ๊ะ อาจกลับมาตอนบ่าย ๆ”อลินทิราเอียงศีรษะเป็นเชิงรับรู้และเมื่อแม่บุญธรรมของเธอลุกออกไปหญิงสาวจึงเลื่อนจานพาสต้าตรงหน้าไปไว้ด้านข้าง เธออยากกินอาหารฝีมือดาเลียมากที่สุดตั้งแต่กลับมาถึงที่นี่และนางก็จัดเตรียมขอที่บุตรสาวบุญธรรมโปรดปรานมากที่สุดนั่นคือเมนูอาหารอิตาเลียนแต่หญิงสาวกลับลืนมันไม่ลง ผะอืดผะอมจนบางครั้งแทบไม่อยากหันไปมอง นี่คงเป็นอาการแพ้ท้อง ถึงเธอไม่บอกแต่ดาเลียก็จะต้องรู้ในสักวันด้วยตัวนางเองร่างบอบบางลุกขึ้นไปหยุดยืนที่หน้าต่างห้องครัว ภาพภูเขาสีน้ำตาลแดงบนที่ราบทุ่งหญ้าเบื้องนอกท
“อาการของคุณดีขึ้นมากแล้วนะครับหลังจากพักฟื้นมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือน หมอว่าตอนนี้คุณซอนญ่าคงกลับบ้านได้แล้วล่ะครับ”นายแพทย์สูงวัยเอ่ยกับหญิงสาวร่าบอบบางในชุดกระโปรงสีน้ำเงินเข้มซึ่งนั่งฟังผลการวินิจฉัยครั้งสุดท้ายบนเตียงผู้ป่วย เขาก้มลงดูแผ่นชาร์ตพลางยิ้มรื่น“จะให้พยาบาลแจ้งคุณแดเนียล ไพรซ์ ไหมครับว่าคุณจะออกจากโรงพยาบาลวันนี้”“คงไม่ต้องหรอกค่ะ...เอ้อ...ตอนนี้เขาคงกำลังยุ่งอยู่กระมังคะ ถ้ายังไงฉันจะบอกให้เขาทราบเองค่ะ”“ครับ...ถ้าอย่างนั้นก็อยาลืมบอกข่าวดีกับเขาด้วยก็แล้วกันนะครับว่าตอนนี้คุณกำลังตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์แล้ว ผมจะบอกคุณแดเนียลตั้งแต่วันที่เขากลับแคลิฟอเนีย แต่วันนั้นเขาดูเร่งร้อนมากก็เลยไม่ทันได้พูดอะไร แต่ผมคิดว่าถ้าเขารู้ก็คงจะดีใจมาก”นายแพทย์สูงวัยกล่าวอย่างอารมณ์ดีโดยไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของคนไข้“ค่ะ...คุณหมอ ขอบคุณมากนะคะ”อลินทิรายิ้มรับแต่หัวใจดวงนั้นทั้งหวาดหวั่นและรันทดท้อด้วยคิดไปต่าง ๆ นานา หลังถูกกระสุนปืนสไนเปอร์ของเฟลรอฟตอนหนีเข้าไปในแคนยอน แลนด์กับแดเนียลเธอก็ถูกส่งมาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดและหลับไม่รู้สึกตัวนานเกือบสัปดาห์ กระส
แดเนียลตะโกนทว่าหญิงสาวกลับยืนนิ่ง เธอมองไปรอบตัวซึ่งถูกโอบล้อมด้วยหน่วยสวาท ร่างเพรียวระหงกำหมัดแน่น เธอจะไม่ยอมถูกจับที่นี่เป็นเด็ดขาด“ได้...แดเนียล แต่ฉันอยากคุยกับพี่ก่อนมอบตัวกับตำรวจ”โมนิกายื่นข้อเสนอสักครู่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งซึ่งยืนข้าง ๆ แดเนียลก็ยื่นหน้าเข้ามากระซิบ“ว่ายังไงครับ คุณแดเนียล จะเข้าไปคุยกับเธอหรือเปล่า?”คนถูกถามพยักหน้าก่อนตอบ “ครับ...ผมจะคุยกับเธอ”“ระวังตัวด้วยนะครับ เราไม่รู้ว่าเธอมีแผนอะไรบ้าง”“ขอบคุณครับ ผมจะระวัง” แดเนียลรับปากก่อนเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับญาติผู้น้อง ทุกอย่างเงียบกริบ บรรยากาศรอบตัวบีบคั้นจนน่าอึดอัด เจ้าหน้าที่หน่วยสวาททุกนายซึ่งมีอาวุธครบมืออยู่ในท่าเตรียมพร้อมตลอดเวลากระทั่งชายหนุ่มเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าหญิงสาว“โมนี่” แดเนียลลดเสียงต่ำ เขาเครียดเกร็งในช่องท้องเมื่อต้องมาอยู่ในสภาวการณ์ล่อแหลมและอาจเกิดอันตรายได้ทุกเมื่อ เขาเหมือนตัวประกันของโมนิกา ญาติผู้น้องที่จับจ้องไม่วางตาเมื่อบทสนทนาเริ่มขึ้น“โมนิกา...ตอนนี้คนในองค์กรของเธอถูกเจ้าหน้าที่จับกุมไว้เกือบหมดแล้ว มูลนิธิถูกสั่งปิด ไซออนเนต...จะไม่มีอีกต่อไปแล้ว”“พี่คิดว่าเรื่องทุกอย่