ชีวิตคนเราล้วนมีแต่ความไม่แน่นอน เกิด แก่ เจ็บ ตาย สักวันหนึ่งความสูญเสียจะเข้ามาเยือน อาจจะมีสัญญาณเตือนหรือไม่ แต่หากวันนั้นมาถึงแล้ว เราควรตั้งสติและยอมรับ เรียนรู้และก้าวข้ามผ่านสถานการณ์นี้ ใช้ชีวิตอย่างปกติให้ได้
วันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งวันในชีวิตของน้ำหวานที่ต้องพบเจอกับการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ร่างบางของเด็กน้อยวัยยี่สิบปีเงยหน้ามองรูปของชายผู้หนึ่ง ที่แม้จะอายุมากแต่ยังดูแข็งแรง เป็นญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวของเธอที่เหลืออยู่ ซึ่งเป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูเธอมานานกว่าสิบห้าปีนับตั้งแต่ผู้เป็นป้าแท้ๆจากไป
น้ำหวานเป็นเด็กกำพร้าที่สูญเสียพ่อและแม่ไปเมื่อครั้งวัยเยาว์ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่อายุเพียงสองขวบ ถูกอุปการะโดยคุณป้าน้ำฟ้าที่เป็นฝาแฝดของแม่น้ำอิงแม่แท้ๆของเธอเอง น้ำหวานเข้ามาอาศัยที่ไร่เกียรติอรุณนับตั้งแต่นั้น เธอได้รับการดูแลอย่างดีจากครอบครัวรวมถึงพี่ชายที่เป็นลูกติดของคุณลุงกลเกียรติ ซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของกลเกียรตินายใหญ่ของไร่กับภรรยาคนก่อนที่เลิกรากันไปนานแล้วตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นวัยรุ่นชื่อว่ากลกันต์ โดยเขาจะอยู่กับแม่เป็นหลักเพราะอยู่ในเขตเมืองที่ใกล้กับสถานที่เรียนจึงสะดวกมากกว่าที่ไร่แห่งนี้ กลกันต์จะกลับมาที่ไร่เกียรติอรุณในช่วงวันหยุดหรือวันสำคัญเท่านั้น หลังจากที่น้ำหวานเข้ามาอยู่ที่ไร่ ทำให้กลกันต์มาที่ไร่ถี่ขึ้นซึ่งใครๆต่างรู้ดีว่าเขาเห่อและรักน้องคนนี้ขนาดไหน ถึงขนาดที่ว่าเขาออกรับผิดแทนเธออยู่บ่อยๆ ฐานความผิดที่เล่นซุกซนจนทำให้ถูกดุจากผู้เป็นป้า
แต่ในวันนี้ที่ผ่านมาสิบห้าปีที่รู้จักเขา น้ำหวานขอบอกตรงนี้เลยว่ากลกันต์ไม่ใช่พี่ชายที่แสนดีของเธอเหมือนดั่งวันวาน เธอขอตั้งให้เขาเป็นตัวโกงที่เข้ามาสร้างความวุ่นวายให้นางเอกอย่างเธอจะดีกว่า
“ตอนเด็กขี้แยยังไง ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม เธอร้องจนน้ำตาหมดตัวพ่อฉันก็ไม่กลับมาหรอกนะ ถ้าเขามองอยู่ตอนนี้คงเป็นห่วงไม่ยอมไปไหน คนเป็นที่ยังอยู่ก็ต้องตั้งสติและใช้ชีวิตไม่ประมาท”
ไม่ทันไรตัวโกงที่ว่าอยู่ด้านหลังนี่เอง แม้จะมีคำพูดแดกดันบ้างในตอนแรก แต่ยอมรับว่านี่เป็นคำพูดที่ดูสวยที่สุดแล้วที่ได้ยินจากปากของกลกันต์ ไม่พูดเปล่าเท่านั้นแต่เขายังหยิบผ้าเช็ดหน้าที่พกในกระเป๋าเสื้อยื่นให้เธอ ด้วยวัยของเขาที่ตอนนี้ปาไปสามสิบหกแล้วเขาผ่านโลกมาก็มาก เป็นสัจธรรมของชีวิตที่ไม่แน่นอน แม้เขาจะเสียใจเพียงไรที่บิดาตายจากไปกะทันหันด้วยโรคมะเร็ง คนเป็นที่ยังอยู่ก็ต้องดำเนินชีวิตต่อไป
ก็ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นลูกของกลเกียรติเพราะตั้งแต่กลเกียรติจากไป กลับมีเด็กน้อยผู้นี้นั่งร้องไห้ตาแดง ต่างจากผู้เป็นลูกชายเพียงคนเดียวอย่างกลกันต์ที่ดูจะเข้มแข็งกว่าน้ำหวานเสียอีก
น้ำหวานรับผ้าเช็ดหน้าจากกลกันต์ นำมาซับน้ำตาที่เปรอะเปื้อนเผยให้เห็นดวงตาหวานบวมช้ำและแดงก่ำก่อนที่จะ
…..
ฟืดดดดดด
คนตัวเล็กที่หายใจไม่สะดวกเพราะร้องไห้อย่างหนัก จึงระบายสิ่งที่อัดอั้นในโพรงจมูกออกมา
“ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้น้ำหวานขอเก็บไว้เลยนะคะ หวานจะหาผืนใหม่มาคืนให้เพราะรู้ว่าผืนนี้คุณคงไม่กล้าใช้แล้ว” น้ำหวานเอ่ยหลังจากพิจารณาแล้วว่าเธอควรหาซื้อผืนใหม่ให้เขาดูจะเหมาะสมกว่า เพราะเสียใจร้องไห้อยู่นานจนมีน้ำมูกผ้าเช็ดหน้าผืนนี้จึงถูกใช้ระบายลงไปโดยไม่เกรงใจเจ้าของ
วันนี้เป็นวันสวดอภิธรรมวันสุดท้ายแล้วและเธอสัญญาว่าจะไม่ทำตัวร้องไห้ขี้แย แม้ภายในใจจะโศกเศร้าเพราะสูญเสียคุณลุงกลเกียรติที่เปรียบเสมือนพ่อแท้ๆของเธอ ว่าแล้วร่างบางจึงลุกขึ้นยืนหลังจากนั่งจมอยู่หลายวันเธอ
“น้ำหวานฝากคุณกันต์ดูแลแขกสักครู่นะคะ ขอออกไปล้างหน้าสักพัก”
เสียงหวานเอ่ยฝากเขา จับผ้าเช็ดหน้าพับให้เป็นทบก่อนยัดลงในกระเป๋าสะพายข้างใบเล็ก ตลอดช่วงวันจัดงานน้ำหวานคอยทำหน้าที่ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ดูแลต้อนรับแขกเหรื่อที่เดินทางมาจากทั่วสารทิศ คอยเสิร์ฟน้ำ และอำนวยความสะดวก จึงเอ่ยบอกเขาด้วยความลืมตัว
แล้วไม่ใช่หน้าที่เขาหรือที่ต้องดูแลแขกในเมื่อเขาคือลูกชายเพียงคนเดียวของกลเกียรติ
“อืม” เมื่อได้รับเสียงตอบรับสั้นๆ น้ำหวานจึงเดินอ้อมออกไปด้านหลัง มุ่งหน้าไปห้องน้ำที่อยู่อีกฝั่ง ที่เวลานี้รอบตัวมืดสนิทและคนส่วนใหญ่รวมตัวกันอยู่ที่ศาลา แม้ตลอดเส้นทางที่เดินมาเข้าห้องน้ำจะมีแสงไฟคอยสอดส่องตามเส้นทางเป็นระยะ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะยกมือสองข้างเข้ามากอดกุมกัน กระชับกระเป๋าสะพายข้าง ที่อย่างน้อยภายในมีโทรศัพท์มือถือ พร้อมท่องไว้ว่าหากเจอผีเข้าจริงๆต้องตั้งสติ เธอจะยกเท้าน้อยๆของเธอนี่ล่ะเตะให้สักป๊าบแล้ววิ่งสุดชีวิต แต่หากเจอคุณลุง คุณป้า คุณพ่อ คุณแม่ เธอจะรีบวิ่งเข้าไปกอดด้วยความคิดถึง
ก้าวซ้าย ก้าวขวา ทำไมวันนี้ห้องน้ำถึงไกลกว่าทุกวัน ยิ่งกลัวก็ยิ่งปวดฉี่มากขึ้น
ตุ๊บบบบ
เสียงของบางสิ่งหล่นกระทบพื้น น้ำหวานจึงห่อไหล่เข้าหาตัวก่อนก้าวเร็วๆมุ่งหน้าให้ถึงห้องน้ำไวที่สุด แต่ยิ่งก้าวเร็วเท่าไหร่กลับรู้สึกถึงบางอย่างที่ก้าวตามเธอมาไวๆ ด้วยความรีบและมุมที่กำลังก้าวไปทำให้ไม่เห็นนผู้ที่กำลังเดินสวนมาจึงทำให้น้ำหวานชนเข้า แม้จะชนไม่แรงแต่น้ำเสียงที่อีกฝั่งพูดกลับมาบ่งบอกถึงความไม่พอใจ
“อร๊ายยยย เดินไม่ดูทางหรือไงรู้ไหมชุดที่ฉันใส่อยู่ราคาเท่าไหร่”
ว่าพร้อมกับมองสำรวจชุดที่ใส่อยู่ ส่งสายตามองน้ำหวานหัวจรดเท้าที่อยู่ในชุดเสื้อยืดและกางเกงสีดำธรรม ไม่ใช่ของแบรนด์หรูแบบที่เธอสวมใส่ น้ำหวานมองข้ามสายตาดูถูกที่ได้รับ สำรวจเสื้อผ้าของอีกฝ่ายก็ไม่เห็นจะเปื้อนหรือเสียหายตรงไหน
“น้ำหวานขอโทษค่ะคุณป้าสา” น้ำหวานเอ่ยขึ้นเพราะอย่างไรก็เป็นความผิดเธอเองที่เดินไม่ดีจนชนเข้ากับคุณป้า
“ฉันก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็เด็กเหลือขอที่อาศัยใบบุญจากคุณพี่กลเกียรตินี่เอง หมดเวลาเลิกแสดงละครร้องห่มร้องไห้แล้วเหรอถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้” ผู้ที่เรียกเธอว่าเด็กเหลือขอไม่ใช่ใครที่ไหน เธอคือป้าสา เจ้าของใบหน้าสะสวยที่มีเค้าโครงเหมือนรูปที่ตั้งอยู่ในศาลานี้เอง พี่สาวของกลเกียรติ
ป้าสา แม้จะเห็นเธอตั้งแต่เล็ก แต่สิ่งที่เธอรับรู้คือป้าสาไม่ชอบเธอจะเรียกว่าเกลียดชังก็ได้ และว่าร้ายต่างๆนาๆ หากจะถามหาเหตุผลเธอเองก็ไม่เข้าใจ จะบอกว่าป้าสาไม่ชอบป้าน้ำฟ้าก็ดูจะผิดเพราะผู้เป็นป้านั้นไม่เคยทำสิ่งใด หรือรบกวนความเป็นอยู่ของป้าสาสักนิด และการที่ป้าน้ำฟ้าแต่งงานกับกลเกียรติก็เพราะทั้งคู่รักกัน หลังจากที่กลเกียรติเลิกรากับอรุณผู้เป็นคนรักเก่ากว่าสิบปี
“น้ำหวานไม่ได้แสดงละครค่ะ น้ำหวานรักและเคารพคุณลุงเหมือนพ่อแท้ๆ”
เธอว่าออกไป อย่ามาดูถึงความรักบริสุทธ์ของเธอ ถ้าจะเสแสร้งแกล้งทำก็เชิญทำไปคนเดียว
“คุณพี่ก็เสียไปแล้ว หวังว่าเธอจะรู้ว่าต้องทำยังไงต่อ คงไม่หน้าด้านพึ่งใบบุญไร่กลเกียรติไปตลอด หรือหวังรวยทางลัดเหมือนป้าเธอนะ ยิ่งสาวๆแบบนี้”
คนตรงหน้าพูดจีบปากจีบคอ สายตาเหยียดมองมาที่เธอราวกับต้องการกดให้ต่ำลง น้ำหวานรู้สึกฉุนขึ้นมา เธอรู้ตัวดีว่าเป็นใคร เธอไม่ใช่สายเลือดของครอบครัวนี้ เมื่อถึงเวลาก็ต้องไป ไม่ต้องมาย้ำ เธอรู้ดีว่าทุกคนมองเธอเป็นส่วนเกิน หากมีทางไปเธอคงไปไม่รีรอให้ใครต้องมาไล่
“เรื่องนั้นเอาไว้คุยกันหลังเปิดพินัยกรรมคุณพ่อจะดีกว่านะครับ” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นจากด้านหลังน้ำหวาน เป็นคำเฉลยถึงสิ่งที่วิ่งตามเธอมาทำให้เธอกลัวจนต้องรีบเดินและชนเข้ากับป้าสา
เขาคือต้นเหตุ
“ส่วนเธอจะมาเข้าห้องน้ำก็รีบไปซะ” น้ำหวานจึงเลิกสนใจป้าสาและพึ่งนึกได้ว่าปวดเบาจึงวิ่งเร็วเข้าห้องน้ำ โดยไม่รู้ว่าลับหลังสองป้าหลานคุยอะไรต่อ
เรื่องที่ป้าสาต่อว่าเธอ เธอชินแล้วล่ะต่อหน้าคุณลุงหรือใครๆป้าสาจะทำเป็นรักและเอ็นดูเธอแต่จริงๆแล้วอยากให้เธอออกไปจากครอบครัวนี้ คงจะเป็นเพราะไม่ชอบคุณป้าน้ำฟ้าที่ไม่ได้ร่ำรวยมีหน้าตาในสังคมนัก นั่นเป็นเหตุผลเดียวที่เธอพอจะนึกออก หากแต่ครั้งนี้เธอขาดร่มโพธิ์ร่มไทรที่ให้ความรักและความมั่นคงทางชีวิตแล้ว สาวน้อยในวัยยี่สิบปี กำลังเรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่สอง ตอนนี้พึ่งถึงครึ่งทาง ในใจตอนนี้มืดมัวไปหมด ยังมองไม่เห็นว่าจะดำเนินชีวิตไปเช่นไร จะเอาเงินที่ไหนส่งเสียตนเองเรียน แม้จะมีทรัพย์สินจากป้าน้ำฟ้าที่มอบให้เธอ แต่คงไม่เพียงพอ คงต้องหางานเสริมทำไปด้วย เอาไว้ค่อยคิดดีกว่ายิ่งคิดตอนนี้ก็ยิ่งปวดหัว ศีรษะเล็กส่ายไปมาพยายามบอกให้ตนเองหยุดคิดเรื่องปวดหัวนี้ได้แล้ว
เมื่อทำธุระในห้องน้ำเสร็จแล้วน้ำหวานจึงออกมาล้างมือทำความสะอาด
“เธอเข้าไปนานจนฉันเกือบจะโทรเรียกกู้ภัยแล้ว” น้ำหวานหันไปมองผู้ชายปากร้ายที่ยืนหลังพิงอยู่กับผนังหน้าทางเข้าห้องน้ำหญิง เธอจะเข้าไปทั้งวันมันก็เรื่องของเธอ
“เงียบทำไมหรือว่าคิดมากเรื่องที่ป้าสาคุยกับเธอ ก็รู้อยู่แล้วว่าป้าสาเป็นคนยังไง คำพูดมั่วๆของคนแบบนี้ไม่น่าเก็บมาใส่ใจหรอกนะ”
“เพราะครั้งนี้ที่คุณป้าพูดก็จริงไงคะ คุณลุงไม่อยู่แล้ว น้ำหวานไม่อยากเป็นภาระ” เพราะหากตอนนี้จะนับญาติหรือคนที่พอพึ่งได้คงเป็นกลกันต์ และเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“เห้ออ ตอนนี้เลิกคิดไปเก็บของกลับไร่ วันนี้กลับพร้อมฉันจะได้ไม่เดือดร้องลุงคำวิ่งส่งหลายที่”
ว่าจบจึงก้าวนำมุ่งหน้าไปยังศาลา น้ำหวานจึงรีบก้าวตามเดินเคียงข้างเขาไร้ซึ่งคำพูดระหว่างทั้งสอง เมื่อไปถึงจึงจัดการเก็บของบางส่วนและกลับบ้านพร้อมกลกันต์
บ้านที่พูดถึงนี้เป็นบ้านขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ภายในไร่เกียรติอรุณ มีทั้งหมดสามชั้นโดยกลเกียรติจะอยู่บริเวณชั้นสอง ส่วนชั้นสามเป็นห้องของลูกสาวและลูกชายตามที่กลเกียรติเคยบอก ลูกสาวอยู่ปีกซ้าย ลูกชายอยู่ปีกขวา ก่อนหน้านี้บ้านหลังนี้จึงมีผู้อยู่อาศัยทั้งสิ้นสามคนหลังป้าน้ำฟ้าเสีย จะมีป้าน้อยที่แวะเวียนมาทำความสะอาดและป้าแก้วที่เข้ามาทำอาหารในฐานะแม่ครัว แต่ตอนนี้คุณลุงกลเกียรติไม่อยู่แล้วบ้านหลังนี้จึงมีผู้อยู่อาศัยคือน้ำหวานและกลกันต์ลูกชายคุณลุงที่อายุไม่น้อยแล้วแต่ยังคงความโสด ปากก็ร้าย เอ๊ะ เธอลืมอะไรไปหรือเปล่า หรือว่าจริงๆแล้วเขาอาจจะไม่ใช่ชายแท้ แต่เป็นคุณแม่กันนี่
ถ้าคุณกลกันต์เป็นคุณแม่ก็คงดีเธออาจจะปรับความเข้าใจและรักกันเป็นพี่สาวน้องสาวแบบน่ารักๆเหมือนคู่พี่น้องอื่นบ้าง เธอฝันอยากจะมีครอบครัวที่อบอุ่น มีคนที่รักรอคอยอยู่ที่บ้าน และอยากมีพี่สาวหรือพี่ชายสักคนที่คอยปลอบใจในวันที่เศร้า อยากจะงอแงและรู้ว่าอีกฝ่ายไม่เคยรำคาญในสิ่งที่เธอทำกับกลกันต์ ในครั้งแรกที่เธอย้ายเข้ามาบ้านนี้เขาดีใจมากและบอกกับทุกคนว่าเธอคือน้องสาวของเขา เขาจะดูแลเธอไปตลอด และเขาก็ทำเช่นนั้น จนกระทั่งวันหนึ่งที่เขาเริ่มเปลี่ยนไป จากใจดีกลับเป็นใจร้าย จากคอยเอาใจเป็นขัดใจ และความสนใจของเขาที่เธอมีให้เธอคนเดียวกลับถูกแบ่งครั้งหนึ่งที่เธอขอออกไปเที่ยวงานวันเกิดเพื่อน วันนั้นเป็นวันที่คุณลุงติดงานเลี้ยงต่างอำเภอ เพื่อนของเธอจึงเสนอตัวให้ทางบ้านไปส่ง แต่เพราะวัยเด็กที่สนุกกันพออยู่ด้วยกันหลายคนจึงไม่อยากกลับ พอเห็นเวลาอีกทีดึกดื่นแล้ว ทางผู้ใหญ่จึงต้องบังคับให้เลิกเล่น และรอเจอกันอีกทีที่โรงเรียน หากแต่เมื่อกลับมาถึงบ้าน แสงไฟเปิดสาดส่อง ร่างสูงของผู้เป็นพี่ชายยืนจังก้ารอต้อนรับพร้อมไม้เรียว เขาทั้งดุ ด่าเธอ และลงโทษเธอโดยไม่ถามเหตุผลที่เธอออกไป เข้าใจว่าเธอเป็นฝ่ายหนีเที่ยว
“เสร็จแล้วค่ะ พร้อมแล้ว พร้อมแล้ว ตื่นเต้น ตื่นเต้น” เสียงที่มาพร้อมท่าทางว่าตื่นเต้นหนักหนา ทำท่าเป็นเป็ดเดินมาหาเขา ตอนนี้ร่างเล็กอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์ขายาวสีซีด ผมยาวสวยถูกรวบตึงไว้ด้านหลัง และมีกระเป๋าเป้สะพายหลัง 1 ใบถ้วน โอเค นี่เขาจะไปส่งลูกเข้าเรียนหรืออย่างไร ยังดีที่วันนี้พาเข้าไร่ หากพาไปเดินข้างนอกไม่พ้นถูกเข้าใจว่าเดินอยู่กับลูกสาว“เดินดีๆหน่อย เล่นอะไรเป็นเด็ก”ร่างเล็กของน้ำหวานเดินนำมาที่รถ ซึ่งเป็นรถกระบะลูกรักของกลกันต์ที่ใช้สำหรับลุยงานในไร่ ระหว่างรอกลกันต์ปิดบ้านอยู่นั้น น้ำหวานจึงหาเพลงเพราะๆเปิดฟังรอ“นั่งสบายเชียวนะ”“น้ำหวานตื่นเต้นจะแย่แล้ว อยากเรียนรู้มาก”“ดีเป็นแบบนี้ให้ได้ตลอด”รถกระบะคันคู่ใจแล่นออกจากตัวบ้านผ่านพื้นที่ภายในไร่ที่โอบล้อมไปด้วยทิวเขาสวยงาม ไร่เกียรติอรุณเป็นไร่ที่พ่อของกลกันต์เริ่มก่อตั้งด้วยตัวเองตั้งแต่วัยรุ่นมีคุณอรุณคนรักเก่าเป็นแรงบันดาลใจ และด้วยความชอบด้านการเกษตร เพาะปลูกเป็นทุนเดิมก่อนขยายให้มีการดำเนินการเลี้ยงสัตว์เพิ่มเติมในเวลาต่อมา หกปีให้หลังจากที่กลกันต์เข้ามาบริหารเขาได้จัดตั้งศูนย์วิจัยขึ้นภายในไร่เพื่อศึกษา
เป็นเวลาเกือบห้าโมงเย็นที่รถเก๋งคันกลางของพลพลแล่นเข้ามาจอดข้างศูนย์อาหารที่เดิมที่เขามารับน้ำหวาน ตอนนี้ภายในศูนย์อาหารมีลูกค้าสัญจรที่แวะจอดพักอยู่มาก พลพล จึงเลือกหาที่จอดชั่วคราวเพื่อส่งน้ำหวาน พลางปลดล็อกรถให้ แล้วกอดร่ำลากัน เป็นจังหวะที่กลกันต์กำลังเดินมาเห็นพอดี“คนเยอะมากเลยแก เดี๋ยวส่งแกแล้วฉันกลับเลยนะ”ยังไม่ทันก้าวลงจากรถด้วยซ้ำ ร่างสูงใหญ่ที่มองเห็นรถคันนี้มาแต่ไกลเดินมุ่งหน้าเข้ามากระชากประตูหน้าข้างคนขับ“ลงมา”เสียงทุ้มต่ำของกลกันต์ ที่พยายามจะใช้เสียงที่ดูไม่ดุมากแล้วเอ่ยขึ้น ฝ่ามือใหญ่จับเข้าที่ต้นแขนของน้ำหวานแล้วกระชากร่างเล็กออกมา แม้จะไม่รุนแรงแต่ก็ทำให้มึนได้เหมือนกัน“ขอบคุณมากนะพล ไว้วันหลังจะเลี้ยงชาไข่มุกนะ”ฝ่ายพลพลที่รับรู้รังสีจากผู้ปกครองเพื่อนจึงรีบขับรถจากไป ดีๆนะ แก หวังว่าจะไม่โดนดุทางฝั่งน้ำหวานที่แม้จะรู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่แผ่มาแต่ทำใจดีสู้เสือไว้ก่อน“คือ อ อ........”“ไปคุยกันที่บ้าน”เพราะตอนนี้จุดที่ยืนอยู่ผู้คนพลุ้งพล่านและมีเหล่าพนักงานในไร่ที่รู้จักเขาอยู่เยอะ กลกันต์จึงเลือกที่จะสะกดอารมณ์แล้วพาน้ำหวานกลับบ้านก่อนตลอดเส้นทางกลับบ้านแม้ร
“คุณจะทำอะไร” น้ำหวานที่เริ่มกลัวถามขึ้น ตอนนี้กลกันต์ดันร่างเธอเข้ามาในห้องพร้อมตัวเองแล้วปิดประตู ก่อนลากร่างบางมายังเตียงนอนนุ่ม ออกแรงผลักจนเธอล้มลงนอนราบไปบนที่นอนร่างสูงไม่ตอบแต่ใช้ลำตัวนอนลงทาบทับบนคนตัวเล็กจนรู้สึกอึดอัด มือซ้ายของคนตัวโตกว่าจับข้อมือเล็กทั้งสองข้างรวบวางไว้เหนือหัว ขาเรียวเล็กที่พยายามจะดิ้นหนีไม่เป็นผลเพราะโดนคนตัวโตล็อกไว้ร่างบางที่ดีดดิ้นไปมาจึงสัมผัสกับร่างสูงที่มีเพียงเสื้อผ้าขวางกั้นมือขวาที่ยังว่างของกลกันต์ปัดป่ายไปทั่วร่างบาง พยายามจะฉีกทึ้งเสื้อผ้าของคนตัวเล็กออกจากตัว ก่อนเลื้อยเข้าไปกอบกุมบีบเค้นดอกบัวคู่งามด้วยความตกใจ ริมฝีปากอิ่มที่กำลังจะผรุสวาจาออกมา จึงโดนริมฝีปากหนาเข้าประกบจูบอย่างดุดัน เร่งเร้า น้ำหวานเบิกตากว้าง นอนแน่นิ่ง ตัวแข็งทื่อ ไม่คิดว่ากลกันต์จะทำเช่นนี้ ปลายลิ้นร้อนของกลกันต์พยายามจะสอดเข้าไปควานหาความหวานของคนตัวเล็ก“อื้อออ” เสียงต่อต้านเบาๆดังมาจากร่างบางเพราะโดนช่วงชิงลมหายจนจนรู้สึกหายใจไม่ออกกลกันต์จึงหยุดปล่อยให้อีกคนพักหายใจก่อนประกบจูบลงไปอีกครั้ง“อ้ออ” เสียงเล็กหายเข้าไปในริมฝีปากเพราะริมฝีปากหนาที่ประกบลงมา กลกั
น้ำหวานใช้เวลาในห้องน้ำหนึ่งชั่วโมงเต็ม เวลาส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับการนั่งเหม่อลอย ครุ่นคิด และสับสน ปากอิ่มขบเม้มเข้าหากันเมื่อนึกถึงจูบของกลกันต์มือบางที่ถือใยบวมขัดตัว ขัดวนทั่วตัวหวังลบสัมผัสของเขาออกให้หมด แรงถูที่ค่อยๆเพิ่มความแรงขึ้นแต่กลับไม่ทำให้รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย จนตัวนี้ทั่วทั้งตัวของร่างบางแดงราวกับมีใครเอาน้ำแดงมาสาดดวงตาหวานบวมและแดงก่ำ น้ำใสเอ่อคลอรอบดวงตาค่อยๆไหลรินลงมาเธอไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วอยากหนีไปให้ไกลอยากหนีไปตอนนี้เลยยิ่งดีคิดได้ดังนั้นจึงเอื้อมมือปิดสายน้ำที่กำลังไหลรดตัว หยิบผ้าเช็ดตัวจากราวกดซับน้ำออกจากลำตัวเบาๆ เพราะเริ่มรู้สึกแสบจากรอยครูดของใยบวบ แล้วใช้ผ้าผืนเดิมพันรอบลำตัวเอื้อมหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กซับน้ำจากเส้นผมพอหมาดๆ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ กลืนก้อนสะอึกที่จุกอยู่ที่ลำคอลงไป แล้วก้าวออกจากห้องน้ำน้ำหวานเลือกแต่งกายง่ายๆด้วยเสื้อยืดสีดำและกางเกงผ้านิ่มขายาว ยัดเสื้อผ้าและของใช้ที่พอจะนึกออกในยามคับขันลงในกระเป๋าเป้สะพายหลังด้วยความเร่งรีบ เกรงว่ากลกันต์จะมาเจอเข้าร่างบ
กว่าฝนจะหยุดตกก็เป็นเวลากว่าสามทุ่ม ร่างเล็กที่ตอนนี้หลับไปด้วยความเหนื่อย เปลี่ยนจากท่านั่งคุดคู้กอดเข่าเป็นนั่งอยู่บนตักกลกันต์ หลังบางซบลงกับอกหนาเอนหลังพิง ปล่อยตัวตามสบายที่มีกลกันต์โอบกอดอยู่ด้านหลัง เมื่อเห็นว่าถึงเวลาต้องกลับบ้านแล้วจึงสะกิดปลุกหญิงสาว“น้ำหวาน กลับบ้านเรากันนะ” “อื้ออออออ” เสียงหวานเอ่ยประท้วง ที่โดนรบกวนการนอนหลังสบาย “มา พี่ช่วยพยุงขึ้น” ว่าแล้วค่อยประคองร่างเล็กขึ้น “กี่โมงแล้ว” “สามทุ่มแล้ว หิวข้าวไหม” จ๊อกก เสียงท้องร้องเป็นคำตอบแทนเธอ กลกันต์ยิ้มบางๆส่งให้เด็กน้อย แล้วลงไปยืนด้านล่างปลายกระท่
“คะ คุณกันต์”เขาพูดอะไร เธอหูฝาดไปหรือเปล่า ไม่มีเวลาคิดนาน ตอนนี้เธอรู้สึกแปลกๆ อีกแล้ว ร่างสูงจูบไล้ลงต่ำเรื่อยๆ จนถึงใจกลางดอกไม้งาม ฉกวูบไปยังใจกลาง ตลัดเลียไปที่ตุ่มน้อย“อ๊ะ อ๊ะ”เดจาวู ความรู้สึกแบบนี้มาอีกแล้ว ร่างเล็กเอื้อมมือเกาะไหล่ร่างสูง ปลายเล็กจิกเข้าเนื้อไหล่ชายหนุ่ม อย่างต้องการระบาย ในขณะที่อีกมือท้าวอยู่กับเคาน์เตอร์เขายังไม่พอใจแม้จะเจ็บจี๊ดกับปลายเล็บขอเธอ กลกันต์กลับไม่สนใจ ชายหนุ่มละจากตุ่มน้อย ฉกเข้าใจกลางรอยแยกดอกไม้งาม ดูดดื่ม และตวัดเลีย ค่อยๆ เพิ่มระดับความถี่“อ่ะ อื้มมม”“อ๊ะ ซี๊ดดดดดด”“อร๊ายยยยยยย” พร้อมกับร่างเล็กกระตุกปล่อยน้ำหวานออกมามากมาย เสียงหายใจถี่ๆ พร้อมร่างคนตัวเล็กที่โถมลงมาบนคนตัวโตด้วยความเหนื่อยกลกันต์ ตวัดกวาดชิมน้ำหวานจนพอใจ แล้วจูบซับต้นขาด้านในทั้งสองข้าง หมั่นเขี้ยวคนตัวเล็กนัก“หวานจ๋า นี่พึ่งเริ่มต้นเองนะ”“หื้อออออ”“ไปที่เตียงกันนะ&rdqu
เช้าวันต่อมา กลกันต์ยังคงตื่นในเวลาเดิมแต่เช้ามืด ร่างสูงพยายามลุกออกจากเตียงช้าๆเกรงว่าจะปลุกคนตัวเล็กที่กำลังหลับใหล ใบหน้าเล็กนอนซุกอยู่กับอกของเขาที่ตอนนี้แขนของเขากลายเป็นหมอนให้เธอ กว่ากิจกรรมเมื่อคืนจะจบลงก็ใช้เวลาเกือบครึ่งค่อนคืน หืมม ร่างที่กำลังจะดันตัวออกชะงักทันทีที่รู้สึกถึงความร้อนจากคนข้างตัว จึงใช้ฝ่ามืออังที่ศีรษะเล็ก ที่ตอนนี้ตัวร้อนดังไฟ โกรธตัวเองนัก เมื่อวานน้ำหวานถูกเขาเอาเปรียบไปแล้วหนึ่งหนจนหนีออกจากบ้าน ซ้ำยังตากฝนเปียกปอน กลับมาแทนที่เขาจะพาน้องอาบน้ำ ให้กินยาตั้งแต่เมื่อคืน กลับพาน้องออกแรงซะดึกดื่น เห้อ ก็จังหวะนั้นใครจะห้ามใจตัวเองไหว ให้ย้อนเวลากลับไปเมื่อคืน เขายังเลือกที่จะทำแบบเธอ ทำให้เธอเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว&nb
วันนี้เป็นอีกวันที่ไร่กลเกียรติมีการรวมตัวเพื่อจัดงานต้อนรับการออกจากโรงพยาบาลของนิค และเป็นการเริ่มชีวิตใหม่ของหลายๆคน บรรยากาศเป็นไปตามสไตล์บ้านไร่เสียงเพลงเพราะๆกับบรรยากาศเย็นสบายในตอนเย็นทำให้นิคระบายยิ้มออกมาขณะรับแก้วเครื่องดื่มจากพลพล“ทุกคนน่ารักมากนะ” นิคหันไปพูดกับแฟนหนุ่มก่อนยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบ“นิคอยากไปเต้นสักเพลงไหม” พลพลถามพลางยื่นมือออกไปหาคนรัก ซึ่งเอาแต่ส่ายหน้า“ไม่ดีกว่า พี่เห็นทุกคนสนุกก็พลอยสนุกไปด้วยแล้ว พลเข้าไปช่วยน้ำหวานในครัวก่อนก็ได้นะ”“พลไม่อยากทิ้งพี่นิคไว้คนเดียว”“คนเดียวที่ไหน คนเต็มงานเลย เดี๋ยวมีอะไรพี่เรียกพลเอง ไปเถอะ แล้วตักของอร่อยๆมาให้พี่ด้วย” นิค พยักหน้าอีกครั้งเพื่อยืนยันคำพูด เขาอยู่คนเดียวได้จริงๆ ตอนนี้ทั้งงานเต็มไปด้วยผู้คนในไร่ที่มาร่วมงาน ขณะที่รออาหารจากในครัวมาเสิร์ฟ ขาแดนซ์จึงเริ่มออกลวดลาย“พี่โก๋ก็ไม่อยู่ ไม่รู้หายไปไหนของเขา พี่นิคกลับมาทั้งทีกลับหายตัว ไม่ห่วงเพื่อนเลยหรือไง” พลพลบ่นไปตามประสา เพราะวันนี้เป็นวันแรกที่เขาและนิคเข้ามาที่ไร่แห่งนี้ ด้วยคำขอของกลกันต์ที่อยากให้นิคพักฟื้นที่ไร่ ตั้งแต่ที่กลับเข้ามาที่ไร่เมื่อ
เป็นเวลาเกือบสองเดือนแล้วที่โก๋ย้ายมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไร่เกียรติอรุณแห่งนี้ จากช่วงแรกที่เข้ามาขอเริ่มงานในไร่ที่ต้องใช้แรงพละกำลังตามแบบถนัด จนเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาเขาได้ขอกลกันต์ย้ายเข้ามาช่วยงานศูนย์อาหารด้านหน้า ให้เหตุผลว่าอยากดูแลแม่ของเขาซึ่งอยู่เฉยๆไม่ได้จึงต้องออกมาช่วยงานที่นี่อยู่เรื่อยไปกลกันต์นั้นแสนจะยินดี เพราะภาระงานอันมากมายที่ต้องรับผิดชอบและอยากแบ่งเบา โดยเฉพาะกับผู้มีพระคุณของครอบครัว ครั้นเขาจะเอ่ยปากแต่แรกก็เกรงว่าจะทำให้โก๋ลำบากใจ จนกระทั่งโก๋เข้ามาขอทำงานในร้านอาหารเขาจึงอนุมัติทันที ผ่านมาเกือบเดือนที่โก๋ย้ายมาดูแลร้านอาหาร ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายที่บุคลิกดูโผงผางแบบโก๋จะทำให้ลูกค้าติดหนึบจนยอดขายเพิ่มขึ้นมาก แถมยังมีสาวๆเข้ามาติดพัน สงสัยจะได้สละโสดก็คราวนี้“พี่กันต์คิดอะไรอยู่คะ” น้ำหวานที่เดินเข้ามาใกล้ตัวกลกันต์ที่ยืนเท้าแขนอยู่ระเบียงห้อง“ก็คิดว่าคืนนี้จะให้หวานช่วยพี่ยังไงดี ท่าไหนดี” กระซิบริมใบหูของน้ำหวานเบาๆท้ายประโยค และเธอเข้าใจดีกับคำว่าช่วยของเขาจนดวงหน้าเริ่มแดงซ่าน แม้จะแนบชิดกันมาหลายครั้ง แต่เธอยังคงไม่ชินและเขินอายเสมอเมื่อโดนเขากลั่นแกล
สามวันต่อมา วันนี้เป็นวันที่โก๋และแม่เดินทางเข้ามาที่ไร่เป็นวันแรก จากที่ควรจะมาตั้งแต่เมื่อวานแต่เพราะยังจัดการข้าวของจากบ้านเก่าไม่แล้วเสร็จการเดินทางจึงถูกเลื่อนออกไปหนึ่งวันรถเก๋งคันเก่าคู่ใจเคลื่อนที่เข้ามาในไร่ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์อยู่ตรงศีรษะอันร้อนระอุ ป้าน้อยทำหน้าที่ต้อนรับทั้งสองและพาเข้าไปแนะนำบ้านพักซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับหลังของป้าน้อยเนื่องจากวันนี้น้ำหวานต้องเดินทางเข้าไปยังมหาวิทยาลัยเพื่อทำการสอบในรายวิชาที่เหลือและตัดสินใจทำเรื่องพักการเรียนเอาไว้ก่อนด้วย กลกันต์ที่ไม่อยากให้น้ำหวานต้องอยู่ห่างตัวจึงตามเธอไปด้วยอีกคน ทำให้ต้องฝากป้าแก้วและป้าน้อยช่วยดูแลโก๋และคุณยายณีแม่ของเขาโก๋หยุดรถลงที่หน้าบ้านหลังสีขาวเป็นบ้านชั้นเดียว ดูร่มรื่นโอบล้อมไปด้วยทิวทิศน์ธรรมชาติเขียวขจี และด้านข้างยังมีบ้านอีกหลายหลังที่อยู่ใกล้เคียงกัน ด้วยอากาศที่ร้อนจัดโก๋จึงละสายตาจากความงามของบรรยากาศรอบตัว รีบเข้าไปช่วยพยุงแม่เข้าไปพักในตัวบ้านที่ทำความสะอาดไว้เป็นอย่างดีเดินทางการมาเหนื่อยป้าน้อยจึงปล่อยให้ทั้งสองได้นอนพักเอาแรง ทางด้านยายณีหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าในขณะที่โก๋ยังคงตื่นเต้นกับส
กว่าที่หมอปพนธีร์จะซักไซ้เรื่องราวของทั้งคู่จบลง ตบท้ายด้วยให้ความรู้ลูกสาวในการดูแลตนเองก็กินเวลาไปอีกเกือบสองชั่วโมง กลกันต์ที่รับรู้ได้ถึงรังสีบางอย่าง ที่ทำให้เขารู้ตัวดีว่าคงต้องโดนพ่อตาเฉ่งเข้าสักวัน ข้อหาทำลูกสาวท้องแน่ๆถามว่าตกใจไหม ในฐานะพ่อที่มีลูกสาว เขารู้สึกเป็นห่วงและหวง แต่รู้ดีว่าตัวเขาเองก็ไม่ใช่คนดีอะไร ได้แต่หวังว่ากลกันต์จะไม่ทำผิดพลาดแบบเขา เรื่องความรักก็คงต้องให้ลูกตัดสินใจด้วยตัว เขารู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์เข้าไปก้าวก่ายความสัมพันธ์มาไกลกว่าที่ใครจะแยกทั้งสองได้แล้ว คงต้องปล่อยให้ทั้งสองได้เรียนรู้กันมากขึ้นกับบทบาทที่กำลังเปลี่ยนไปอีกรูปแบบ คนแก่แบบเขามีหน้าที่เฝ้ามองดูลูกหลานเติบโตไปทางของตนเอง แม้ไม่ชอบขี้หน้าลูกเขยเท่าไหร่ แต่ในเมื่อลูกสาวเขาบอกว่ารัก ก็คงต้องตามนั้นทั้งสองเดินทางกลับไร่ด้วยกันโดยมีลุงคำทำหน้าที่เป็นสารถีให้ เป็นเวลาเกือบบ่ายสองที่ทั้งคู่เดินทางมาถึงไร่ โดยมีป้าน้อยและป้าแก้วจัดเตรียมอาหารไว้รอ ทั้งสองรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นจากการถ่ายทอดคำบอกเล่าของลุงคำ หากทั้งสองขับรถเป็นคงจะรีบบึ่งไปหาน้ำหวานที่โรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน จะขี่รถเครื่
น้ำหวานขืนตัวออกจากวงแขนของผู้เป็นพ่อเล็กน้อย หันมองผู้เป็นพ่อสลับกับกลกันต์อย่างขบคิด “คุณไม่อยากให้หวานมีแฟนเหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยถาม หรือหมอปพนธีร์ไม่อยากให้เธอมีแฟน เขาจะผิดหวังหรือเปล่าถ้ารู้ว่าเธอข้ามขั้นของคำว่าแฟนไปแล้ว “พ่อว่าลูกตั้งใจเรียนก่อนไหม เราชอบเรียนไม่ใช่เหรอ ไว้เรียนจบแล้วพ่อจะพาหวานไปเที่ยวรอบโลกกันดีไหม” “แค่กๆๆ” ร่างสูงที่ฟังอยู่กระแอมออกมาเบาๆเพื่อบอกให้รู้ว่าเขายังอยู่ตรงนี้ นี่ขนาดหมอปพนธีร์พึ่งได้เจอหน้าลูกสาวครั้งแรกยังคิดแผนพาลูกสาวหนีออกจากอกเขาเสียแล้ว แต่เสียใจด้วยหวานอยู่ที่ไหนกลกันต์อยู่ที่นั่น แถมลูกๆของเขาอีก “น้ำอยู่บนโต๊ะครับคุณกันต์” หมอปพนธีร์พยักพเยิดหน้าไปทางโต๊ะขาวตรงมุมห้องที่มีเหยือกน้ำตั้งอยู่ มองกลกันต์ทีไร ช่างขัดหูขัดตาเขาจริงๆ นอกจากแตะเนื้อต้องตัวน้ำหวานแล้วยังคอยส่งสายตาหลงใหลที่มองดูลูกสาวเขาราวกับจะกลืนกิน ก็ไหนว่าเป็นแค่พี่น้อง แบบนี้เขาคงต้องหาวิธีแยกทั้งสองคนออกจากกันก่อนที่ลูกสาวแสนรักจะตกเป็นเหยื่อเสือเจ้าเล่ห์ ทางกลกันต์เดินเข้าไปรินน้ำจากเหยือกลงในแก้วที่วางอยู่ด้านข
กลกันต์ใช้เวลาพักรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลเดิมในจุดเกิดเหตุ และได้ทำเรื่องส่งตัวนิคไปยังโรงพยาบาลในกรุงเทพที่มีอุปกรณ์การรักษาที่ครบครันโดยมีนิคและโก๋ตามไปด้วยเมื่อสองวันก่อนแผลของเขาเริ่มประสานกันเพราะมีพยาบาลพิเศษคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ยังมีความปวดตึงบริเวณบาดแผล ทำให้การขยับตัวลำบากอยู่บ้าง ที่กลกันต์ยังรักษาอยู่ที่นี่เป็นเพราะคำขอร้องของน้ำหวานที่ไม่ยอมกลับไร่กับเขา เธออยากอยู่ตามอาการของหมอปพนธีร์ จนกระทั่งวันนี้ที่หมอปพนธีร์อาการดีขึ้นจึงขอให้เขาพามาพบก่อนที่จะเดินทางกลับไร่ไปด้วยกันทั้งสองหยุดอยู่หน้าห้องพักของหมอปพนธีร์โดยมีน้ำหวานช่วยเข็นรถเข็นผู้ป่วยที่มีกลกันต์นั่งอยู่ แม้เขาจะขอเดินมาเองแต่คนตัวเล็กกลับไม่พอใจนักเพราะกลัวบาดแผลของเขาจะกระทบกระเทือนได้ และสุดท้ายเขาจึงต้องยอมทำตามความต้องการของเธอน้ำหวานเคาะประตูสามครั้งก่อนเอื้อมมือเล็กหมุนลูกบิดประตูเข้าไป ภายในเป็นห้องพักผู้ป่วยสีขาวคล้ายกับห้องของกลกันต์ หมอปพนธีร์ที่รออยู่แล้วจึงพยายามหยัดกายขึ้นด้วยความลำบากน้ำหวานที่มองอยู่ลังเลว่าควรจะเข้าไปช่วยดีไหม เพราะความห่างเหิน ไม่เคยรู้จักมาก่อนจึงรู้สึกประหม่า กลกันต์ที่มองอย
ก๊อก ก๊อก“หวานเป็นยังไงบ้าง แกเปิดประตูให้ฉันหน่อย” เสียงพลพลเอ่ยถามคนตัวเล็ก พลางขอให้เธอเปิดประตู สลับกับเสียงอาเจียนที่ยังคงดังออกมาเป็นระยะ“แปบนึงนะพล หวานขอล้างปากสักหน่อย” เสียงหวานเอ่ยตอบมา ก่อนได้ยินเสียงน้ำไหลดังขึ้น คนตัวเล็กจัดการบ้วนน้ำเพื่อกลั้วล้างปาก เธอลืมนึกถึงอาการนี้เลย ซึ่งทุกวันเธอจะต้องเตรียมน้ำผึ้งมะนาวดื่มในตอนเช้า“หวานปวดหัว” คนตัวเล็กว่าเมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมา ทั้งปวดหัวและแสบคออาหารที่หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดถูกกวาดออกมาจนหมด รู้สึกท้องว่างเบาโหวง“ให้หวานขึ้นมานอนบนเตียงพี่ก่อน คงเพราะเมื่อคืนนอนน้อย เจอแต่เรื่องวุ่นวาย แล้วไหนจะนอนไม่สบายตัวอีก” กลกันต์เอ่ยบอกพลพลเพื่อให้เขาช่วยพยุงน้ำหวานเข้ามา ขยับตัวไปจนชิดขอบเตียงเว้นที่ว่างให้น้ำหวาน ร่างบางจึงถูกพยุงตัวให้นั่งลงบนเตียงคนไข้ ขณะที่กลกันต์พยายามทำตัวให้เล็กที่สุดเพื่อให้น้ำหวานมีพื้นที่“ไหนดูซิ ตัวร้อนหรือเปล่า พี่ว่าหวานตัวอุ่นๆนะ หน้าหวานเริ่มซีดแล้ว เกิดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาจะทำยังไง หรือแผลที่คอจะอักเสบไหม พี่ขอดูหน่อย เรียกคุณหมอดีกว่า” ทันที่ที่นั่งลง กลกันต์ใช้ฝ่ามืออังที่หน้าผากเล็ก พลางส
“อุ๊ย หวานลืมตัวค่ะพี่กันต์” เมื่อได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บเพราะแขนเล็กพาดผ่านบาดแผลทำให้เขาร้องขึ้นมา ร่างเล็กจึงคลายอ้อมกอด และผละตัวออกห่างเล็กน้อย “พี่ขอโทษ ไว้แผลหายพี่จะเป็นฝ่ายเข้าไปกอดหวานเอง” “งั้นหวานกอดตรงนี้แทนได้หรือเปล่าคะ” ว่าแล้วมือเล็กที่พึ่งคลายออกจึงยกขึ้นโอบรอบคอของเขา เงยหน้ามองสบสายตามองจ้องเข้าไปในดวงตาของคนตรงหน้า “คิดถึงพี่กันต์นะคะ” ทันทีที่พูดจบปากเล็กยื่นเข้าไปประกบริมฝีปากหนาทันที กดแช่ไว้เพียงเสี้ยววินาทีก่อนถอนออกมา “สอนไปตั้งเยอะ ทำแค่นี้?” กลกันต์ว่า พร้อมแกล้งทำหน้าตาผิดหวัง ไอ้เขาก็นึกว่าเธอจะจัดเต็มให้ อดไม่ได้ที่จะยื่นมือหนาเข้าเช็ดหยาดน้ำตาที่ยังเอ่อคลอดวงหน้างาม “นี่แหน่ะ ไม่ต้องมาทำหน้าหื่นเลยค่ะ ลดๆลงบ้างเถอะ ที่นี่โรงพยาบาลนะคะ” นิ้วเล็กบิดเบาๆขนต้นแขนใหญ่ เพราะเห็นสายตาที่คนตรงหน้าส่งมาให้จนอดรู้สึกขัดเขินไม่ได้ “โอ๊ยยยย พี่ก็หื่นแค่กับหวาน งั้นแปลว่าออกจากโรงพยาบาลหื่นได้ใช่ไหม” “อีกข้างไหมคะพี่กันต์” คนตัวเล็กขู่พร้อมยกมือขึ้นชู เป็นการบอกว่าถ้าเขายังไม่หย
คุณหมอปพนธีร์และกลกันต์ถูกนำตัวเข้าไปรักษาในโรงพยาบาลทันทีหลังจากเหตุการณ์เริ่มสงบลง สร้อยที่กำลังคลุ้มคลั่งเสียสติเธอกรีดร้องอยู่ตลอดเวลา ขณะถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่รวมถึงบอดี้การ์ดของเธอ ร่างเล็กของน้ำหวานวิ่งตามเตียงขนย้ายผู้ป่วยทั้งสองเตียง โดยมีบุรุษพยาบาลกำลังเข็นย้ายเข้าไปด้านใน “เกิดอะไรขึ้นน้ำหวาน” เสียงพลพลดังมาจากเบื้องหน้าพร้อมกับตัวเขาวิ่งเข้ามาหาเธอ เขานั่งเฝ้านิคที่หน้าห้องเดิม กว่าจะรู้อีกทีพบว่าเธอและโก๋หายไปซื้อเครื่องดื่มกันนาน ตามด้วยเหตุการณ์ที่มีเหล่าเจ้าหน้าที่ภายในโรงพยาบาลวิ่งกรูออกไปด้านหน้าเขาจึงตามออกมา “พล ฮรือ” ร่างเล็กวิ่งเข้าไปสวมกอดเพื่อนเอาไว้ปล่อยให้น้ำหูน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ไม่รู้จะเริ่มพูดว่าอะไร ทั้งเสียใจที่กับสิ่งที่หมอปพนธีร์ทำกับแม่ของเธอและน้าสร้อย เป็นสิ่งที่เจ็บฝังใจลูกผู้หญิง เธอนึกไม่ออกเลยว่าถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเธอจะรับมือได้ยังไง ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งที่คนรักควรมีให้กัน แค่ได้นึกเหตุการณ์ที่กลกันต์เกือบนอกใจเธอก็เจ็บมากพอแล้ว แต่เรื่องราวของเธอโชคดีที่กลกันต์มั่นคง และมีสติพอ