เป็นเวลาเกือบห้าโมงเย็นที่รถเก๋งคันกลางของพลพลแล่นเข้ามาจอดข้างศูนย์อาหารที่เดิมที่เขามารับน้ำหวาน ตอนนี้ภายในศูนย์อาหารมีลูกค้าสัญจรที่แวะจอดพักอยู่มาก พลพล จึงเลือกหาที่จอดชั่วคราวเพื่อส่งน้ำหวาน พลางปลดล็อกรถให้ แล้วกอดร่ำลากัน เป็นจังหวะที่กลกันต์กำลังเดินมาเห็นพอดี
“คนเยอะมากเลยแก เดี๋ยวส่งแกแล้วฉันกลับเลยนะ”
ยังไม่ทันก้าวลงจากรถด้วยซ้ำ ร่างสูงใหญ่ที่มองเห็นรถคันนี้มาแต่ไกลเดินมุ่งหน้าเข้ามากระชากประตูหน้าข้างคนขับ
“ลงมา”
เสียงทุ้มต่ำของกลกันต์ ที่พยายามจะใช้เสียงที่ดูไม่ดุมากแล้วเอ่ยขึ้น ฝ่ามือใหญ่จับเข้าที่ต้นแขนของน้ำหวานแล้วกระชากร่างเล็กออกมา แม้จะไม่รุนแรงแต่ก็ทำให้มึนได้เหมือนกัน
“ขอบคุณมากนะพล ไว้วันหลังจะเลี้ยงชาไข่มุกนะ”
ฝ่ายพลพลที่รับรู้รังสีจากผู้ปกครองเพื่อนจึงรีบขับรถจากไป ดีๆนะ แก หวังว่าจะไม่โดนดุ
ทางฝั่งน้ำหวานที่แม้จะรู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่แผ่มาแต่ทำใจดีสู้เสือไว้ก่อน
“คือ อ อ........”
“ไปคุยกันที่บ้าน”
เพราะตอนนี้จุดที่ยืนอยู่ผู้คนพลุ้งพล่านและมีเหล่าพนักงานในไร่ที่รู้จักเขาอยู่เยอะ กลกันต์จึงเลือกที่จะสะกดอารมณ์แล้วพาน้ำหวานกลับบ้านก่อน
ตลอดเส้นทางกลับบ้านแม้ระยะทางจะสั้นๆใช้เวลาไม่มากแต่ในความรู้สึกของทั้งสองกลับยาวนาน ภายในใจของกลกันต์ร้อนรุ่มดั่งไฟ
กลกันต์กลับมาที่สำนักงานที่ส่งน้ำหวานเมื่อเช้าในเวลาเกือบสี่โมงครึ่ง ซึ่งช้ากว่าที่คิดไว้ว่าจะมารับเธอไปเกือบครึ่งชั่วโมง แต่เพราะงานในไร่มีปัญหา และไม่มีสายเรียกเข้าจากน้ำหวานจึงคิดเอาเองว่าเธอคงอยู่กับพี่นิดเพลินจนลืมเวลากลับบ้าน
เมื่อมาถึงพบเพียงพี่นิดและพนักงานคนอื่นอีกสองสามคนในออฟฟิศ จึงถามหาน้ำหวานได้ใจความว่าแยกกับพี่นิดตั้งแต่บ่ายโมงแล้ว
สามชั่วโมงครึ่งที่ไม่รู้น้ำหวานหายไปไหน ใจของเขาวูบโหวง สั่น กลัว กลัวจะต้องสูญเสีย เธอจะอยู่ที่ไหน จะมีอุบัติเหตุอะไรไหม หรือถูกใครทำร้าย สารพัดสิ่งที่เข้ามาในหัว ถ้าน้ำหวานเป็นอะไรเขาจะไม่ให้อภัยตัวเอง
ยังดีที่พี่นิดพึ่งนึกบางอย่างได้และตามมาบอกว่าน้ำหวานน่าจะเข้ามาทานข้าวที่ศูนย์อาหารหลังแยกจากกัน
กลกันต์ไม่รอช้า รีบติดต่อขอดูกล้องบันทึกภาพในช่วงเวลาดังกล่าว ภาพที่เห็นคือเธอก้าวขึ้นรถคันหนึ่ง ซึ่งเป็นคันเดียวกับที่มาส่ง และท่าทางคือยินยอมไปแต่โดยดีไม่มีท่าทีของการถูกบังคับ
ยิ่งภาพที่เห็นตอนที่เจ้าของรถกลับมาส่งน้ำหวานเป็นชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาดี ใจของเขาร้อนรุ่มราวกับมีดปลายแหลมกำลังกระหน่ำแทงลงมา เขาอยากจะอ้อมตัวไปอีกฝั่งแล้วกระชากฝากฝ่ายชายตะบั้นหน้าหนักๆ หากไม่ติดว่าคนอยู่เยอะ
“น้ำหวานขอโทษค่ะคุณกันต์ แบตมือถือน้ำหวานหมดก็เลยไม่ได้โทรมาบอกก่อน น้ำหวานไม่ได้จะกลับมาช้านะคะ แต่รถติดมากมีอุบัติเหตุระหว่างทาง ทางสัญจรเลยกลายเป็นคอขวด รถติดยาวเลยค่ะ”
เสียงหวานเอ่ยอธิบาย สองมือพนมอย่างขอโทษเพราะเห็นหน้าบูดบึ้งของกลกันต์และเข้าใจว่าเขาหงุดหงิดที่ต้องรอเธอ
“ไปไหนทำไมไม่บอก ถ้าไม่บอกฉันก็บอกพี่นิด ไม่ใช่หนีหายแบบนี้ รู้ไหมว่าสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น อายุยี่สิบแล้วทำไมเรื่องแค่นี้ยังคิดไม่ได้ แล้วออกไปใช้ชีวิตคนเดียวมันจะรอดไหม อีกเรื่องคือแบตมือถือ ทำไมไม่รู้จักวางแผน เครื่องสำรองแบตไม่มีหรือไง คราวหลังก็หัดคิดให้รอบคอบกว่านี้ ไม่ใช่แรดไปกับผู้ชายจนไม่สนว่าจะสร้างความวุ่นวายให้ใคร”
ร่างสูงร่ายยาว แม้จะไม่ยาวเท่าที่ใจอยากพูดแต่หวังว่าเธอจะสำนึกกับความผิดที่หนีเที่ยวครั้งนี้
“ทำไมน้ำหวานจะใช้ชีวิตคนเดียวไม่รอดคะ ตอนนี้ชีวิตน้ำหวานก็ไม่เหลือใคร คุณลุง คุณป้า คุณพ่อ คุณแม่ ทุกคนทิ้งน้ำหวานไปหมดแล้ว แม้แต่คุณกันต์ที่ยังอยู่ตรงนี้เคยสนใจชีวิตของน้ำหวานด้วยเหรอคะ จะเป็นจะตายก็ชีวิตน้ำหวานเอง” ปากเล็กว่าออกมาด้วยความเสียใจกับสิ่งที่กลกันต์ต่อว่าเธอ
“ปากดี หายไปกับผู้ชายนานสองนาน มันดีขนาดที่เธอต้องแอบออกไปเลยหรือไงหะ จัดกันไปกี่ยกล่ะ กลับมาแล้วหน้าศูนย์อาหารยังไม่เว้นอีก หรือพอคุณพ่อตายเลยต้องหาที่เกาะใหม่”
“มันจะมากเกินไปแล้วนะคะ น้ำหวานไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าจะผิดก็เรื่องที่ออกไปข้างนอกโดยไม่ได้บอกใคร น้ำหวานไม่อยากคุยด้วยแล้วขอตัวค่ะ”
ว่าจบคนตัวเล็กรีบเปิดประตูลงแล้วก้าวเท้าเข้าบ้าน ฝั่งน้ำหวานที่เหนื่อยตอนนี้อยากขึ้นไปนอนบิดขี้เกียจบนห้องแล้ว ผิดกับฝั่งของกลกันต์ที่อารมณ์ตอนนี้พร้อมระเบิด
“งั้นก็อธิบายมาสิ มันเป็นใคร ทำไมต้องไปกับมัน”
น้ำเสียงเข้มพร้อมอารมณ์ร้อนๆ เอ่ยมาเขาอยากฟังคำแก้ตัวจากเธอ ไอ้เรื่องที่บอกว่าเธอออกไปเพราะแรดไปหาผู้ชายเขาไม่ได้คิดจริงด้วยซ้ำ แค่พูดออกไปเพราะอยากระบายความอัดอั้นภายในใจ และให้เธออธิบายความจริงออกมา แต่เพราะน้ำเสียงและคำถามที่ดูประชดประชันเธอจึงอยากประชดคืนกลับไป
“ค่ะวันนี้ก็ไม่ได้ทำอะไรมาก จัดไปไม่กี่ยก ไว้วันหลังจะไปนานกว่านี้นะคะ”
น้ำหวานที่กำลังเดินหนีจึงเอี้ยวตัวกลับมาตอบด้วยอารมณ์ที่กำลังกรุ่นๆเช่นกัน
เท่านั้นแหละสติและอารมณ์ที่กลกันต์พยายามควบคุมอยู่ขาดผึ่งออก เขาไม่อยากไตร่ตรองอะไรแล้วทั้งนั้น ตอนนี้สิ่งที่อยากทำมีเพียงจับตัวน้ำหวานเข้ามาเขย่าและคาดคั้น มันไม่จริงใช่ไหมที่เธอบอกว่าไปมีอะไรกับผู้ชายคนอื่นมา
ฝ่ายน้ำหวานที่ไม่เคยเจอกลกันต์ทำหน้าตาโมโหร้ายเช่นนี้จึงรีบวิ่งหนีขึ้นห้องไป และมีกลกันต์วิ่งตามขึ้นไปอีกที จนตามทันตอนถึงชั้นสามขณะที่น้ำหวานพยายามจะเปิดห้องเข้าไป
ร่างสูงที่ตามหลังมาจนทันจับร่างบางหันหาเข้ามาประจันแล้วดันแผ่นหลังติดกับประตูห้อง
ตึก
ใช้สองฝ่ามือแนบไว้ที่ประตูคร่อมร่างบางไว้ กลายเป็นว่าตอนนี้ทั้งสองหันหน้าเข้าหากันและอยู่ห่างกันแค่หนึ่งช่วงแขน แล้วยิ่งใกล้กันอีกเมื่อกลกันต์โน้มตัวลงมาเพราะความสูงที่ห่างกันถึงยี่สิบเซนติเมตร
“ฉัน จะ ให้ เธอ อธิบาย อีก ที” กลกันต์พูดเน้นย้ำทีละคำ
“น้ำหวานไม่มีอะไรจะบอกแล้วค่ะ พูดไปคุณกันต์ก็ไม่เชื่ออยู่ดี คุณไม่ใช่พ่อ ไม่ใช่แม่ ไม่ใช่คุณป้า ไม่ใช่คุณลุง แม้แต่ความเป็นพี่ชายคุณก็ไม่เคยให้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่น้ำหวานต้องบอกคุณ”
พูดอย่างนี้หมายความว่าไง จะบอกว่าเขาไม่มีสิทธิ์ยุ่งเรื่องของเธอ ถ้าเขาไม่มีสิทธิ์แล้วใครมันจะมีสิทธิ์กันวะ
“ในเมื่อพูดกันไม่รู้เรื่อง ก็ไม่ต้องพูดรอดูสิทธิ์ของฉันแล้วกัน”
“คุณจะทำอะไร” น้ำหวานที่เริ่มกลัวถามขึ้น ตอนนี้กลกันต์ดันร่างเธอเข้ามาในห้องพร้อมตัวเองแล้วปิดประตู ก่อนลากร่างบางมายังเตียงนอนนุ่ม ออกแรงผลักจนเธอล้มลงนอนราบไปบนที่นอนร่างสูงไม่ตอบแต่ใช้ลำตัวนอนลงทาบทับบนคนตัวเล็กจนรู้สึกอึดอัด มือซ้ายของคนตัวโตกว่าจับข้อมือเล็กทั้งสองข้างรวบวางไว้เหนือหัว ขาเรียวเล็กที่พยายามจะดิ้นหนีไม่เป็นผลเพราะโดนคนตัวโตล็อกไว้ร่างบางที่ดีดดิ้นไปมาจึงสัมผัสกับร่างสูงที่มีเพียงเสื้อผ้าขวางกั้นมือขวาที่ยังว่างของกลกันต์ปัดป่ายไปทั่วร่างบาง พยายามจะฉีกทึ้งเสื้อผ้าของคนตัวเล็กออกจากตัว ก่อนเลื้อยเข้าไปกอบกุมบีบเค้นดอกบัวคู่งามด้วยความตกใจ ริมฝีปากอิ่มที่กำลังจะผรุสวาจาออกมา จึงโดนริมฝีปากหนาเข้าประกบจูบอย่างดุดัน เร่งเร้า น้ำหวานเบิกตากว้าง นอนแน่นิ่ง ตัวแข็งทื่อ ไม่คิดว่ากลกันต์จะทำเช่นนี้ ปลายลิ้นร้อนของกลกันต์พยายามจะสอดเข้าไปควานหาความหวานของคนตัวเล็ก“อื้อออ” เสียงต่อต้านเบาๆดังมาจากร่างบางเพราะโดนช่วงชิงลมหายจนจนรู้สึกหายใจไม่ออกกลกันต์จึงหยุดปล่อยให้อีกคนพักหายใจก่อนประกบจูบลงไปอีกครั้ง“อ้ออ” เสียงเล็กหายเข้าไปในริมฝีปากเพราะริมฝีปากหนาที่ประกบลงมา กลกั
น้ำหวานใช้เวลาในห้องน้ำหนึ่งชั่วโมงเต็ม เวลาส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับการนั่งเหม่อลอย ครุ่นคิด และสับสน ปากอิ่มขบเม้มเข้าหากันเมื่อนึกถึงจูบของกลกันต์มือบางที่ถือใยบวมขัดตัว ขัดวนทั่วตัวหวังลบสัมผัสของเขาออกให้หมด แรงถูที่ค่อยๆเพิ่มความแรงขึ้นแต่กลับไม่ทำให้รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย จนตัวนี้ทั่วทั้งตัวของร่างบางแดงราวกับมีใครเอาน้ำแดงมาสาดดวงตาหวานบวมและแดงก่ำ น้ำใสเอ่อคลอรอบดวงตาค่อยๆไหลรินลงมาเธอไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วอยากหนีไปให้ไกลอยากหนีไปตอนนี้เลยยิ่งดีคิดได้ดังนั้นจึงเอื้อมมือปิดสายน้ำที่กำลังไหลรดตัว หยิบผ้าเช็ดตัวจากราวกดซับน้ำออกจากลำตัวเบาๆ เพราะเริ่มรู้สึกแสบจากรอยครูดของใยบวบ แล้วใช้ผ้าผืนเดิมพันรอบลำตัวเอื้อมหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กซับน้ำจากเส้นผมพอหมาดๆ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ กลืนก้อนสะอึกที่จุกอยู่ที่ลำคอลงไป แล้วก้าวออกจากห้องน้ำน้ำหวานเลือกแต่งกายง่ายๆด้วยเสื้อยืดสีดำและกางเกงผ้านิ่มขายาว ยัดเสื้อผ้าและของใช้ที่พอจะนึกออกในยามคับขันลงในกระเป๋าเป้สะพายหลังด้วยความเร่งรีบ เกรงว่ากลกันต์จะมาเจอเข้าร่างบ
กว่าฝนจะหยุดตกก็เป็นเวลากว่าสามทุ่ม ร่างเล็กที่ตอนนี้หลับไปด้วยความเหนื่อย เปลี่ยนจากท่านั่งคุดคู้กอดเข่าเป็นนั่งอยู่บนตักกลกันต์ หลังบางซบลงกับอกหนาเอนหลังพิง ปล่อยตัวตามสบายที่มีกลกันต์โอบกอดอยู่ด้านหลัง เมื่อเห็นว่าถึงเวลาต้องกลับบ้านแล้วจึงสะกิดปลุกหญิงสาว“น้ำหวาน กลับบ้านเรากันนะ” “อื้ออออออ” เสียงหวานเอ่ยประท้วง ที่โดนรบกวนการนอนหลังสบาย “มา พี่ช่วยพยุงขึ้น” ว่าแล้วค่อยประคองร่างเล็กขึ้น “กี่โมงแล้ว” “สามทุ่มแล้ว หิวข้าวไหม” จ๊อกก เสียงท้องร้องเป็นคำตอบแทนเธอ กลกันต์ยิ้มบางๆส่งให้เด็กน้อย แล้วลงไปยืนด้านล่างปลายกระท่
“คะ คุณกันต์”เขาพูดอะไร เธอหูฝาดไปหรือเปล่า ไม่มีเวลาคิดนาน ตอนนี้เธอรู้สึกแปลกๆ อีกแล้ว ร่างสูงจูบไล้ลงต่ำเรื่อยๆ จนถึงใจกลางดอกไม้งาม ฉกวูบไปยังใจกลาง ตลัดเลียไปที่ตุ่มน้อย“อ๊ะ อ๊ะ”เดจาวู ความรู้สึกแบบนี้มาอีกแล้ว ร่างเล็กเอื้อมมือเกาะไหล่ร่างสูง ปลายเล็กจิกเข้าเนื้อไหล่ชายหนุ่ม อย่างต้องการระบาย ในขณะที่อีกมือท้าวอยู่กับเคาน์เตอร์เขายังไม่พอใจแม้จะเจ็บจี๊ดกับปลายเล็บขอเธอ กลกันต์กลับไม่สนใจ ชายหนุ่มละจากตุ่มน้อย ฉกเข้าใจกลางรอยแยกดอกไม้งาม ดูดดื่ม และตวัดเลีย ค่อยๆ เพิ่มระดับความถี่“อ่ะ อื้มมม”“อ๊ะ ซี๊ดดดดดด”“อร๊ายยยยยยย” พร้อมกับร่างเล็กกระตุกปล่อยน้ำหวานออกมามากมาย เสียงหายใจถี่ๆ พร้อมร่างคนตัวเล็กที่โถมลงมาบนคนตัวโตด้วยความเหนื่อยกลกันต์ ตวัดกวาดชิมน้ำหวานจนพอใจ แล้วจูบซับต้นขาด้านในทั้งสองข้าง หมั่นเขี้ยวคนตัวเล็กนัก“หวานจ๋า นี่พึ่งเริ่มต้นเองนะ”“หื้อออออ”“ไปที่เตียงกันนะ&rdqu
เช้าวันต่อมา กลกันต์ยังคงตื่นในเวลาเดิมแต่เช้ามืด ร่างสูงพยายามลุกออกจากเตียงช้าๆเกรงว่าจะปลุกคนตัวเล็กที่กำลังหลับใหล ใบหน้าเล็กนอนซุกอยู่กับอกของเขาที่ตอนนี้แขนของเขากลายเป็นหมอนให้เธอ กว่ากิจกรรมเมื่อคืนจะจบลงก็ใช้เวลาเกือบครึ่งค่อนคืน หืมม ร่างที่กำลังจะดันตัวออกชะงักทันทีที่รู้สึกถึงความร้อนจากคนข้างตัว จึงใช้ฝ่ามืออังที่ศีรษะเล็ก ที่ตอนนี้ตัวร้อนดังไฟ โกรธตัวเองนัก เมื่อวานน้ำหวานถูกเขาเอาเปรียบไปแล้วหนึ่งหนจนหนีออกจากบ้าน ซ้ำยังตากฝนเปียกปอน กลับมาแทนที่เขาจะพาน้องอาบน้ำ ให้กินยาตั้งแต่เมื่อคืน กลับพาน้องออกแรงซะดึกดื่น เห้อ ก็จังหวะนั้นใครจะห้ามใจตัวเองไหว ให้ย้อนเวลากลับไปเมื่อคืน เขายังเลือกที่จะทำแบบเธอ ทำให้เธอเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว&nb
น้ำหวานเป็นคนผิวขาวใสและเกิดรอยช้ำที่ผิวได้ง่าย รอยแดงเป็นปื้นกระจายอยู่ทั่วเนื้อตัว ป้าน้อยใช้มือคลี่ชุดนอนนางส่วนก่อนมองลึกลงไป มองเห็นรอยที่กระจายทั่วตัว“โถ่ น้ำหวานลูก”แม้ไม่ใช่แม่หรือญาติของน้ำหวานโดยแท้ แต่ก็เลี้ยงสาวน้อยมาตั้งแต่เล็ก อดเสียใจกับภาพที่เห็นไม่ได้ ด้วยรู้จักนิสัยของน้ำหวานดี น้ำหวานไม่ใช่เด็กเหลวไหลที่จะปล่อยเนื้อตัว ไม่เคยทำให้คนที่บ้านต้องหนักใจ ใช้ชีวิตส่วนใหญ่จะอยู่กับการเรียนหนังสือเป็นหลักภาพที่เห็นทำให้นางอดคิดไปในทางไม่ดีไม่ได้เลย ด้วยอาบน้ำร้อนมาก่อนทำไมจะไม่รู้รอยแบบนี้เกิดได้จากอะไรเกิดความสงสัยและกังวล หรือน้ำหวานจะโดนคนไม่ดีใช้กำลังปลุกปล้ำไปทำมิดีมิร้ายเมื่อคืนนี้ยามฝนตกหนักโอ๊ยๆ ตายๆ ถ้าคุณกลเกียรติอยู่มีหวังไร่แตกแน่ป้าน้อยหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงสักครู่ ลงมือเช็ดตัวให้น้ำหวานจึงได้เห็นรอยแดงทั่วทั้งตัวสาว แล้วคิดหนักไอ้คนทำรอย มันคงจะหื่นนักฝากรอยรักไว้ทั่วไม่เว้น อย่างกับตายอดตายอยากมาจากไหน ผิวบอบบางของน้ำหวานหรือจะทนรับกับความดิบเถื่อนได้ป้
หลังจากเช็ดตัวให้น้ำหวานเสร็จป้าน้อยจึงนำอุปกรณ์ลงมาเก็บด้านล่าง และนั่งรอป้าแก้ว หากอยู่ห้องนั้นนานเกรงว่าน้ำหวานตื่นขึ้นมาเธอจะอดใจถามเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ รอป้าแก้วเข้ามายืนยันอีกคนก่อนระหว่างที่รอ จะให้นั่งเฉยๆก็กะไร ป้าน้อยจึงลงมือทำความสะอาดบ้านโดยเริ่มจากเก็บครัว ล้างจานชามที่ค้างอยู่ในอ่าง แล้วค่อยเริ่มปัดกวาดเช็ดถูโถงตัวบ้าน กว่าป้าแก้วจะมาถึงป้าน้อยก็เก็บบ้านจนเสร็จแล้ว“ไหน น้ำหวานอยู่ไหน” เป็นป้าแก้วที่จอดรถไว้หน้าบ้านแล้วเดินเข้ามาร้องทักขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนรน“อยู่บนห้องนั่นแหละ ไปๆ ขึ้นไปหานังหนูกันก่อน”สองผู้มากวัยเดินเคียงกันไปยังห้องปีกซ้าย เมื่อเข้าไปพบน้ำหวานที่ตอนนี้ตื่นขึ้นมา กำลังกินผลไม้ที่ป้าน้อยเตรียมให้น้ำหวานที่ตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ และเดาได้ว่าน่าจะเป็นป้าแก้ว เธอจึงเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ให้เป็นเสื้อแขนยาว และกางเกงขายาวแทน ส่วนรอยที่คอเธอจะใช้ผมปิดแทน แค่นี้ป้าแก้วก็ไม่รู้แล้วโชคดีที่ก่อนป้าเสียได้สอนเธอเกี่ยวกับการดูและตนเอง และสอนให้เธอรู้จักยาคุม รวมถึงยาคุมกำเนิด ตอนนั้นเธอยังเด็กและคิดว่าคงไม่ได้ใช้ แต่ต้องขอบคุณป้าอย่า
“ไม่ต้องรบกวนคุณกันต์หรอกนังแก้ว ช่วงนี้งานในไร่ยิ่งมีปัญหาเยอะแยะเต็มไปหมดจะเอาเวลาไหนมาจัดการ ฉันว่าเรื่องนี้คนร้ายมันหาไม่ยากหรอก คนเราหรือทำอะไรมันมีหลักฐานมัดตัวอยู่แล้วล่ะ”“พูดอะไรของแกนังน้อย เรื่องเกิดขึ้นในไร่ แล้วเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก คงมีแต่คุณกันต์ที่ช่วยพวกเราได้” ป้าแก้วหันไปพูดกับป้าน้อย เพราะสำหรับเธอแล้วที่พอจะพึ่งพาได้ตอนนี้เธอมองเห็นแค่กลกันต์“เอาไว้ให้น้ำหวานหายดี เราค่อยคุยเรื่องนี้กันนะครับ” เพราะอยากคุยกับน้ำหวานและจัดการสถานะตนเองให้ชัดเจนก่อน เขาขอเวลาสักนิด“ไปแก้ว ไปส่งกูที่บ้านด้วย” ป้าน้อยบอกป้าแก้ว ก่อนหันมามองกลกันต์อีกครั้ง แล้วสะบัดหน้าหนีอะไรวะป้าน้อยทำยังกะงอนเขา“ไปอิน้อย เดี๋ยวกูไปส่ง”“งั้นป้าไปก่อนนะคะ คุณกันต์ ยังไงป้าฝากเรื่องนี้ด้วยครับ”“ครับ ผมสัญญาว่าจะจัดการให้แน่นอน”ป้าน้อยที่หลังจากสะบัดหน้าใส่กลกันต์หนึ่งหนก่อนเดินนำหน้าป้าแก้วออกประตูไป“งั้นป้าไปก่อนนะคะ คุณกันต์”“ครับ”“อะไรของมึงนังแก้ว อยู่ดีๆก็ทำท่างอนคุณกันต์ ผีวัยทองเข้าสิงหรือไง”“ฮึ คนเรามันก็รู้หน้าไม่รู้ใจไงมึง!”“อะไรของมึง”“ถึงบ้านกูค่อยเล่า”ป้าน้อยข่มเก็บควา
เช้าวันรุ่งขึ้น กลกันต์เป็นฝ่ายรู้สึกตัวขึ้นมาก่อน หันมองคนในอ้อมกอด นึกขอบคุณและขอโทษเธอสำหรับเมื่อคืนนี้ เขาเอาแต่ใจและทำให้เธอต้องเสียน้ำตา เขาเกือบ เกือบจะนอกใจเธอหลังจากที่ได้ตกลงเป็นแฟนกัน เป็นเพราะยาบ้าๆนั่นที่ไม่รู้ว่าเขากินเข้าไปตอนไหน หวังว่าคงจะไม่ใช่ตอนที่นิดนำเครื่องดื่มมาให้เขาหรอกนะ เขาไม่อยากมองเธอในทางลบก่อน น้องนิดที่เขารู้จักนั้นเป็นเด็กดีและหัวอ่อน ไม่ว่าใครจะบอกให้ทำอะไรเธอมักจะทำตามด้วยความซื่อเสมอ แต่เขากับเธอไม่ได้เจอกันมาสักพักแล้วเนื่องจากตอนเรียนที่เขาต้องไกลบ้านและนานๆกลับมาที ประกอบกับช่วงหลังที่งานในไร่เยอะ จึงไม่ได้มีเวลาพบเจอ เวลาทำให้คนเราเปลี่ยนไปเรื่องนั้นเขารู้ดี แต่ไม่อยากจะคิดว่าจะเปลี่ยนไปถึงขนาดทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ได้&nbs
ดูจากท่าทีแล้วเขาคงไม่รู้ตัวว่าตอนนี้มีสายการเชื่อมต่อระหว่างเขาและเธอ น้ำหวานได้แต่เก็บก้อนสะอื้นที่มันจุกอยู่ที่คอไว้ ไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกมา ในขณะที่ดวงตาทั้งสองข้างมิอาจห้ามปรามสายธารของความเจ็บปวดนี้เจ็บร้าวอยู่ภายในอก แต่สายตายังคงมองจ้องไปที่ภาพตรงหน้า อยากรู้นักจิตใจเขาทำด้วยอะไร เอาคำว่ารักหลอกเธอ ตอนอยู่กับเธอแสดงออกว่าหวง ห่วง พอจากกันเขากลับเป็นอีกคน หรือที่เขาแสดงออกเป็นเพียงละครที่หลอกลวง ให้คนโง่อย่างเธอหลงเชื่ออรุณที่อยู่ด้านข้างเห็นความผิดปกติและได้ยินเสียงแปลกดังออกมาจากมือถือจึงหันมองน้ำหวานด้วยความตกใจ และตกใจซ้ำไปอีกเมื่อหันไปเห็นภาพชายหญิงที่กำลังนัวเนียกันอยู่บนเตียงสองชายหญิงที่อยู่บนเตียงภายในห้องสีขาวสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่มากนักภายในห้องเปิดแสงไฟสลัว ภาพเกิดการส่ายไปมาดูแล้วน่าจะเป็นกลกันต์ที่เป็นฝ่ายถือมือถือเอาไว้ ภาพต่อมาฉายให้เห็นฝ่ายหญิงที่ลุกขึ้นนั่งเอื้อมมือดึงอีกฝ่ายให้เข้ากอบกุมยอดอกที่ยืดอกให้ฝ่ายชายอย่างไม่อาย สายตาท้าทาย เย้ายวนให้ฝ่ายชายจัดการโดยเร็ว“คุณพระ นี่มันอะไรกัน” อรุณว่าแล้วยึ
ตอนนี้ทุกคนในบ้านทานอาหารอิ่มแล้วด้านทนายเดชาขอตัวเดินทางกลับไปก่อนเพราะมีงานต่อในช่วงบ่าย ส่วนน้าสร้อยกำลังเข้าไปเก็บเสื้อผ้าเตรียมเดินทางกลับเหลือเพียงป้าสา อรุณ นิด ที่ยังคงอยู่ที่บ้านแห่งนี้ อรุณตั้งใจว่าจะอยู่อีกสองสามวัน ส่วนป้าสานั้นเธออ้างว่าไม่ได้เข้ามาที่ไร่นานแล้วจึงอยากให้กลกันต์พาเที่ยวชม เพราะขัดใจไม่ได้ ตอนนี้กลกันต์จึงพาทั้งหมดออกมาเดินเล่นบริเวณพื้นที่ของไร่ที่ที่เปิดสำหรับนักท่องเที่ยวจนกระทั่งถึงสนามม้า บริเวณนี้จะเปิดให้นักท่องเที่ยวที่สนใจใช้เวลาเรียนรู้ไม่นานและสามารถบังคับม้าเที่ยวชมได้ ด้วยการดูและของครูฝึกที่ชำนาญ เดินเที่ยวกันมาหลายจุดแล้วป้าสาและอรุณจึงเลือกที่จะนั่งพักปล่อยให้คนหนุ่มสาวขี่ม้าท่องเที่ยวกัน“พี่กันต์นิดขอลองหน่อยนะคะ ไม่ได้ขี่ม้านานแล้ว” นิดที่มีทักษะการขี่ม้าแม้จะนานมาแล้วแต่ยังถือว่ามีทักษะจึงไม่กลัวเดินเข้าไป ครูฝึกจึงเข้าไปประกบและสอนทักษะให้เธอ“หวานลองไหม” กลกันต์หันไปถามน้ำหวานที่ยืนอยู่ด้านข้าง น้ำหวานหันมองอรุณไม่อยากปล่อยผู้ใหญ่ไว้สองคน หากอากา
กว่าคนเอาแต่ใจจะยอมหยุดฉลองการเป็นแฟนกันลงในเวลาเกือบเจ็ดโมงเช้า น้ำหวานก็แทบหมดแรง ทั้งสองจึงแต่งตัวเดินทางกลับไปบ้านพัก“อ้าวตากันต์ น้ำหวาน ไปไหนกันมาแต่เช้า” ป้าสาที่กำลังนั่งทานข้าวเช้าเอ่ยทัก เมื่อเห็นทั้งสองซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซด์กลับมาด้วยกัน“หวานไปใส่บาตรมาค่ะ”“ใส่บาตร นี่จนจะเจ็ดโมง”“พอดีผมเข้าไปในไร่ต่อครับ เลยกลับมาช้าหน่อย” กลกันต์ช่วยตอบเพราะรู้ดีว่าป้าตนนั้นเป็นคนชอบไล่บี้ขนาดไหน มีเพียงป้าแก้วและป้าน้อยที่มองตามกันอย่างสงสัยและพอจะรู้ว่าทั้งสองหายไปไหนมา“พี่กันต์มาทานข้าวกันค่ะ หวานด้วยนะ” นิดที่นั่งอยู่ข้างป้าสาเอ่ยขึ้นก่อนเจ้าตัวจะเดินเข้าหากลกันต์แล้วคล้องแขนให้เดินตามตนไป โดยที่กลกันต์ไม่ลืมที่จะเอื้อมมืออีกฝั่งฉุดน้ำหวานให้เดินตามนั่งข้างตนอีกทีจนกระทั่งวันเดียวกันเวลาตามที่ได้นัดหมายทนายเดชาเดินทางมาพร้อมเลขาคู่ใจอีกหนึ่งคนเพื่อทำเรื่องสำคัญตามหน้าที่“ตามที่ทราบนะครับวันนี้จะมีการเปิดพินัยกรรมของคุณกลเกียรติ เมื่อ
เมื่อคืนหลังจากทานอาหารเย็นเสร็จกลกันต์และน้ำหวานไม่ได้คุยกันอีกเลย พอกินข้าวเสร็จกลกันต์ถูกดึงตัวไว้ด้านล่างโดยป้าสาและนิด ส่วนคนอื่นๆแยกย้ายกันไปนอน กว่ากลกันต์จะขอตัวแยกออกมาก็เป็นเวลาดึกเสียแล้วเขาจึงไม่อยากรบกวนน้ำหวาน ให้เธอได้พักผ่อน หากเข้าไปหากลางดึกหรือเรียกเธออกมากลางดึกอาจจะเป็นที่สงสัยได้เป็นครั้งแรกที่ได้กลับมานอนห้องตนเอง ตั้งแต่มีความสัมพันธ์กันเขาก็ย้ายตัวไปอยู่ห้องปีกซ้าย จะกลับมาห้องแค่ตอนที่เข้ามาแต่งตัวก่อนไปทำงาน คิดถึงกลิ่นหอมๆร่างนุ่มที่นอนกอดมาหลายคืน อยากนอนกอดเมียโว๊ยยยไม่ว่าจะขัดใจเพียงไรสิ่งที่ทำได้คืออดทน ข่มตาให้หลับ เมื่อน้ำหวานยังไม่พร้อมเขาจะกลับขัดใจเธอด้วยการเดินเขาไปบอกแม่ได้ยังไง ท่องเอาไว้ อีกไม่กี่วันก็ได้เมียคืน เช้ามืดวันต่อมาน้ำหวานที่ตื่นเช้าเป็นปกติมีป้าแก้วและป้าน้อยที่มาแต่เช้าจัดเตรียมอาหารสำหรับใส่บาตรในเช้านี้และสำหรับทุกคนรับประทาน พื้นที่ที่จะทำการใส่บาตรนั้นจะอยู่บริเวณด้านหน้าไร่ ดังนั้นเมื่อจัดเตรียมอาหารเสร็จจึงจัดอาหารเป็นชุดเตรียมไว้ให้น้ำหวาน“วันนี้หวานไปคนเดียวได้
ผ่านไปหลายวันน้ำหวานและกลกันต์ยังคงใช้ชีวิตด้วยกันราวกับเป็นคู่สามีภรรยาซึ่งรับรู้เพียงป้าแก้วและป้าน้อย เหตุผลเพราะน้ำหวานยังไม่พร้อมและเธออยากให้เรียนจนจบก่อนและวันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ทั้งสองต้องทำตัวให้เป็นดังเดิมเพราะพรุ่งนี้เป็นวันที่จะมีการเปิดพินัยกรรมของกลเกียรติโดยมีทนายเดชา แม่ของกลกันต์ ป้าสาผู้มีศักดิ์เป็นพี่สาวของกลเกียรติ น้าสร้อยผู้เป็นน้องสาวของกลเกียรติ น้ำหวาน รวมถึงป้าแก้วและป้าน้อยวันนี้จึงกลายเป็นวันรวมญาติเพราะไร่เกียรติอรุณอยู่ห่างจากตัวเมืองพอสมควร เหล่าญาติพี่น้องจึงรวมตัวก่อนหนึ่งวันซึ่งรวมถึงลูกหลานของผู้เป็นป้าและน้าของกลกันต์ ห้องที่จัดไว้ให้ทุกคนจึงอยู่ที่ชั้นสองและชั้นหนึ่ง มีเพียงแม่ของกลกันต์ที่เลือกจะนอนกับน้ำหวานที่ชั้นสาม“หนูหวานเหงาไหมลูก กลัวไหม อยู่บ้านกับพี่เขาสองคนแบบนี้ ตากันต์ยังชอบดุเราบ่อยๆอยู่หรือเปล่า” อรุณแม่ของกลกันต์เอ่ยขึ้นขณะที่กำลังจัดเก็บสัมภาระที่เตรียมมา“กะ ก็ ไม่ค่อยดุแล้วค่ะ”“จริงนะ ไม่ใช่ว่าเกรงใจที่ตากันต์อยู่ในห้องแล้วไม่กล้าบอกแม่”อรุณที่เห็นน้ำหวานมาตั้งแต่เล็ก ถึงแม้เธอจะไม่ได้สนิทสนมกับน้ำหวานนักแต่เธอรู้ว่าชีวิตน
เช้าวันต่อมากลกันต์เดินทางมาถึงบ้านป้าน้อยในเวลาหกโมงตรง ตามที่แจ้งกับน้ำหวาน เมื่อเขาเดินเข้าไปพบว่าตอนนี้ภายในบ้านมีป้าน้อยและน้ำหวาน ทั้งสองกำลังทานอาหารเช้าอยู่ที่โต๊ะกลางบ้าน“คุณกันต์มาพอดีเลย มากินข้าวต้มกัน ป้าทำไว้เยอะ”ป้าน้อยเป็นฝ่ายที่เอ่ยขึ้นก่อน เช้านี้ป้าแก้วมาหาเธอตั้งแต่ไก่โห่และเล่าเรื่องราวเมื่อคืนให้เธอฟังแล้วก่อนออกไปเฝ้าหลานที่โรงพยาบาลในเมืองต่อ และตกลงกันว่าจะดูห่างๆ หวังว่าทั้งกลกันต์และน้ำหวานจะลงเอยกันด้วยดี คนแก่อย่างพวกเธอก็จะเอาใจช่วย ส่วนเรื่องหัวใจก็ให้ทั้งสองค่อยๆเรียนรู้กันไป กลายเป็นว่าตอนนี้จึงเหลือเพียงน้ำหวาน ป้าน้อย และกลกันต์ที่มาใหม่“ขอบคุณครับ” กลกันต์เดินไปนั่งลงตำแหน่ที่ว่างซึ่งอยู่ข้างน้ำหวาน“โอ๊ยตายจริง ป้าก็ลืมว่าคุณกันต์ไม่ชอบกินข้าวต้ม ป้ามีข้าวที่หุงไว้กับอาหารเมื่อวานเดี๋ยวป้าเข้าไปอุ่นให้ประเดี๋ยวเดียวค่ะ” ป้าน้อยว่าจบจึงลุกออกไป กลกันต์พยายามจะค้านแต่ก็ไม่ทันคนแก่ที่ยังคล่องแคล่วอย่างป้าน้อย“ป้าน้อย กับป้าแก้ว รู้เรื่องของเราแล้วนะคะ” น้ำหวานเอ่ยขึ้นเมื่ออยู่ตามลำพัง“รู้ก็รู้สิ ไม่ใช่ความลับสักหน่อย”“คุณกันต์ช่วยเก็บเป็นความลับ
“เฮ้ยยยยยยยยยยย”ร่างสูงดีดตัวขึ้นด้วยความตกใจ รีบก้าวลงจากเตรียม พุ่งตัวไปกดสวิตช์ไฟที่อยู่บริเวณประตูห้องพรึบแสงไฟที่ส่องไสวเผยให้เห็นผู้หญิงร่างท้วมที่กำลังนอนหันหลังให้เขา ก่อนจะค่อยๆเริ่มขยับตัวเพราะได้รับการรบกวนจากเสียงของกลกันต์ และแสงไฟที่สาดส่อง“ป้าแก้ว!” กลกันต์พึมพำออกมาด้วยความตกใจทันทีที่ป้าแก้วหันพลิกตัวกลับมาทางฝั่งที่เขายืนอยู่“ป้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” เอ่ยถามเสียงไม่เบานัก“คุณกันต์เหรอคะ ป้าคงเผลอหลับไป” มือเหี่ยวยกขึ้นขยี้ตาเบาๆ ใช้เวลาปรับโฟกัสสายตาอยู่เกือบหนึ่งนาทีเผลอหลับอย่างงั้นเหรอ แล้วเมียเขาหายไปไหน“แล้วน้ำหวานไปไหนครับป้า”“หนูหวานเหรอคะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว”ไม่รู้ว่าป้ากำลังกวนเขาอยู่ หรือยังไม่ตื่นเต็มที่กันแน่จึงตอบไม่ตรงกับคำถาม หรือเขาเองที่ถามไม่ตรงคำตอบ“จะสี่ทุ่มแล้วป้า”“ตายจริง ป้าเผลอหลับยาวเลย”“แล้วน้ำหวานไปไหนครับ ป้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” เมื่อเห็นว่าป้าแก้วเริ่มตื่นดีจึงถามย้ำอีกครั้ง“ใช่ ป้ามาที่นี่เพราะจะมาคุยกับคุณกันต์”“ผม” กลกันต์ขี้มือเข้าหาตัวเอง“ค่ะ และขอร้องให้ตอบความจริงถ้ายังมีความเคารพให้ป้าคนนี้อยู่ และคุณกันต์ต้องตอบป้าม
“ไม่ต้องรบกวนคุณกันต์หรอกนังแก้ว ช่วงนี้งานในไร่ยิ่งมีปัญหาเยอะแยะเต็มไปหมดจะเอาเวลาไหนมาจัดการ ฉันว่าเรื่องนี้คนร้ายมันหาไม่ยากหรอก คนเราหรือทำอะไรมันมีหลักฐานมัดตัวอยู่แล้วล่ะ”“พูดอะไรของแกนังน้อย เรื่องเกิดขึ้นในไร่ แล้วเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก คงมีแต่คุณกันต์ที่ช่วยพวกเราได้” ป้าแก้วหันไปพูดกับป้าน้อย เพราะสำหรับเธอแล้วที่พอจะพึ่งพาได้ตอนนี้เธอมองเห็นแค่กลกันต์“เอาไว้ให้น้ำหวานหายดี เราค่อยคุยเรื่องนี้กันนะครับ” เพราะอยากคุยกับน้ำหวานและจัดการสถานะตนเองให้ชัดเจนก่อน เขาขอเวลาสักนิด“ไปแก้ว ไปส่งกูที่บ้านด้วย” ป้าน้อยบอกป้าแก้ว ก่อนหันมามองกลกันต์อีกครั้ง แล้วสะบัดหน้าหนีอะไรวะป้าน้อยทำยังกะงอนเขา“ไปอิน้อย เดี๋ยวกูไปส่ง”“งั้นป้าไปก่อนนะคะ คุณกันต์ ยังไงป้าฝากเรื่องนี้ด้วยครับ”“ครับ ผมสัญญาว่าจะจัดการให้แน่นอน”ป้าน้อยที่หลังจากสะบัดหน้าใส่กลกันต์หนึ่งหนก่อนเดินนำหน้าป้าแก้วออกประตูไป“งั้นป้าไปก่อนนะคะ คุณกันต์”“ครับ”“อะไรของมึงนังแก้ว อยู่ดีๆก็ทำท่างอนคุณกันต์ ผีวัยทองเข้าสิงหรือไง”“ฮึ คนเรามันก็รู้หน้าไม่รู้ใจไงมึง!”“อะไรของมึง”“ถึงบ้านกูค่อยเล่า”ป้าน้อยข่มเก็บควา