“เสร็จแล้วค่ะ พร้อมแล้ว พร้อมแล้ว ตื่นเต้น ตื่นเต้น” เสียงที่มาพร้อมท่าทางว่าตื่นเต้นหนักหนา ทำท่าเป็นเป็ดเดินมาหาเขา ตอนนี้ร่างเล็กอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์ขายาวสีซีด ผมยาวสวยถูกรวบตึงไว้ด้านหลัง และมีกระเป๋าเป้สะพายหลัง 1 ใบถ้วน โอเค นี่เขาจะไปส่งลูกเข้าเรียนหรืออย่างไร ยังดีที่วันนี้พาเข้าไร่ หากพาไปเดินข้างนอกไม่พ้นถูกเข้าใจว่าเดินอยู่กับลูกสาว
“เดินดีๆหน่อย เล่นอะไรเป็นเด็ก”
ร่างเล็กของน้ำหวานเดินนำมาที่รถ ซึ่งเป็นรถกระบะลูกรักของกลกันต์ที่ใช้สำหรับลุยงานในไร่ ระหว่างรอกลกันต์ปิดบ้านอยู่นั้น น้ำหวานจึงหาเพลงเพราะๆเปิดฟังรอ
“นั่งสบายเชียวนะ”
“น้ำหวานตื่นเต้นจะแย่แล้ว อยากเรียนรู้มาก”
“ดีเป็นแบบนี้ให้ได้ตลอด”
รถกระบะคันคู่ใจแล่นออกจากตัวบ้านผ่านพื้นที่ภายในไร่ที่โอบล้อมไปด้วยทิวเขาสวยงาม ไร่เกียรติอรุณเป็นไร่ที่พ่อของกลกันต์เริ่มก่อตั้งด้วยตัวเองตั้งแต่วัยรุ่นมีคุณอรุณคนรักเก่าเป็นแรงบันดาลใจ และด้วยความชอบด้านการเกษตร เพาะปลูกเป็นทุนเดิมก่อนขยายให้มีการดำเนินการเลี้ยงสัตว์เพิ่มเติมในเวลาต่อมา หกปีให้หลังจากที่กลกันต์เข้ามาบริหารเขาได้จัดตั้งศูนย์วิจัยขึ้นภายในไร่เพื่อศึกษาองค์ความรู้ใหม่และมีหน่วยงานสำหรับให้ความรู้แก่ผู้ที่สนใจ ผืนดินในไร่นี้เดิมทีเป็นของปู่และได้มอบให้ลูกชายคือกลเกียรติเป็นผืนดินที่เรียกได้ว่าทำเลทองเพราะมีหน้ากว้างติดถนนหลักที่มีการสัญจรไปมา ดังนั้นด้านหน้าของไร่จึงจัดจุดพักรถ ที่มีศูนย์อาหาร มินิมาร์ทที่ขายผลิตผลจากไร่ นอกจากนี้หากนักท่องเที่ยวต้องการเยี่ยมชมไร่ก็มีบริการไว้ด้วยเช่นกัน
การจัดสรรพื้นที่ภายในไร่เรียกว่าเป็นเกษตรผสมผสานอย่างแท้จริง มีการเพราะปลูกที่หลากหลาย เรียกว่าครบจบในที่เดียวแถมบรรยากาศภายในไร่ยังสดชื่นบริสุทธิ์
ไร่เกียรติอรุณถือเป็นแลนด์มาร์คจุดสำคัญสำหรับผู้ที่ชอบธรรมชาติ เพราะนอกจะจากจะมีพืชผลและอาหารที่แปรรูปที่หลากหลายจากไร่ออกจำหน่ายไว้ให้แวะเลือกซื้อหรือเป็นของฝากแล้ว ภายในไร่ยังมีคาเฟ่ที่จัดมุมสวยๆไว้ถ่ายรูป อยากมาพักผ่อนก็มีส่วนของรีสอร์ทรองรับ หรือหากต้องการทำกิจกรรมก็มีให้เลือกทำมากมายไม่ว่าจะเป็นการเยี่ยมชมไร่โดยไกด์ประจำไร่ กิจกรรมขี่ม้า ให้อาหารสัตว์ เรียนรู้การเกษตร เรียกว่าใช้เวลาทั้งวันก็คงจะไม่พอ
รถกระบะคันเก่งแล่นเข้ามาจอดที่ออฟฟิศซึ่งเป็นส่วนของงานออฟฟิศที่อยู่บริเวณด้านหลังของมินิมาร์ท ซึ่งอยู่ติดกับศูนย์อาหาร ทันทีที่รถหยุดลงร่างเล็กเปิดประตูก้าวลงพร้อมกระเป๋าคู่ใจ เดินนำหน้าเขาไปยืนรอที่ประตูทางเข้า เพราะไม่รู้ว่าจะเข้าไปอย่างไรคงทำตัวไม่ถูกหากเข้าไปก่อน ถึงน้ำหวานจะรู้จักพี่ๆทุกคนแต่เธอไม่ได้สนิทกับใคร ช่วงที่เรียนมัธยมปลายเธอพักที่โรงเรียนประจำตลอดมีกลับมาที่ไร่บ้างในเสาร์อาทิตย์ และบางสัปดาห์ที่ต้องไปเรียนพิเศษ โดยเฉพาะช่วงมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนหนักเป็นพิเศษเพื่อเตรียมเข้าคณะในฝัน การบัญชี จนกระทั่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่มีกิจกรรมรับน้องแน่นและยังต้องปรับตัวหลายๆอย่าง กับรูปแบบการเรียนที่เปลี่นไปจากมัธยมทำให้ไม่ค่อยได้กลับมาที่ไร่
“เห็นรีบลงรถ ทำไมไม่เข้าไปก่อนล่ะ” ว่าคนตัวเล็กที่เดินดุ่มๆ มาหน้าประตูสำนักงานแต่กลับยืนนิ่งหน้าประตู แล้วผลักประตูเปิดเดินนำเข้าไป น้ำหวานที่ตามเข้ามามองสำรวจเห็นพี่ๆอยู่ไม่เกินห้าคน คนที่ดูมีอายุมากสุดกำลังเดินเข้ามาทักทายกลกันต์
“สวัสดีค่ะ คุณกลกันต์”
“สวัสดีครับพี่นิด ที่ผมแจ้งพี่นิดเรื่องมีเด็กขอมาฝึกงานครับ ฝากพี่นิดดูแลและใช้งานได้เต็มที่เลยครับ”
“อ้าว เด็กที่ว่าคือน้องน้ำหวานเหรอคะ พี่นิดก็นึกว่าคุณกลกันต์จะพาสาวที่ไหนมาฝากดูแลซะอีก”
กลกันต์ไม่ได้ตอบกลับอะไรแต่เลือกที่จะส่งยิ้มบางๆให้กลับไปแทน
“ในสำนักงานนี้มีโต๊ะว่างใช่ไหมครับ ถ้าไม่มีจะได้เข้าไปเอาอีกที่มาไว้”
“มีค่ะ มาแต่ตัวก็พอ ที่เหลือพี่นิดจัดการให้”
“ขอบคุณค่ะ” น้ำหวานที่ยืนฟังอยู่กล่าวขอบคุณและยกมือไหว้รัวๆ
“ถ้าอย่างงั้นผมไปล่ะ สี่โมงเย็นจะมารับ ทำตัวดีๆ” ประโยคแรกกลกันต์หันไปพูดกับพี่นิด และตามด้วยประโยคหลังที่บอกแก่น้ำหวาน
“เอาล่ะ น้องหวานพี่นิดจะไม่เกรงใจแล้วนะคะ วันนี้ถือว่าเป็นนักเรียนก็ต้องเชื่อฟังพี่นิด ก่อนอื่นเลยเอากระเป๋าไปวางที่โต๊ะนั้น ทีนี้เล่าความรู้พื้นฐานทางการบัญชีที่เรารู้ให้พี่ฟังหน่อย”
เช้าวันนั้นน้ำหวานใช้เวลาเรียนรู้กับพี่นิดเรียกว่าเต็มเหนี่ยว ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ทางการค้า การปิดงบ สมการบัญชีและงบดุล และอีกมากมายที่พี่นิดถ่ายทอดให้ ส่วนใหญ่จะเป็นความรู้พื้นฐานเพื่อให้ได้เอาไปต่อยอด นอกจากนี้ยังให้ช่องทางการติดต่ออื่นเพื่อให้เธอปรึกษาพี่นิดหากเรียนไม่เข้าใจอีกด้วย
เรียนเพลินจนตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมงแล้ว พี่นิดจึงขอตัวไปทานข้าว ส่วนตอนบ่ายนั้นไม่ได้มีการเรียนต่อเพราะพี่นิดมีงานต้องจัดการเธอจึงไม่รบกวน แล้วจะขอเข้ามาใหม่ในวันอื่น คุณกลกันต์บอกว่าจะมารับช่วงเย็น อีกหลายชั่วโมง เวลาเหลือๆไม่รู้จะทำอะไร น้ำหวานจึงตัดสินใจเดินไปยังศูนย์อาหารก่อนสั่งสเต๊กหมูหนึ่งที่ ตามด้วยน้ำส้มหนึ่งแก้ว
คนตัวเล็กที่กำลังอร่อยกับอาหารเที่ยงที่ทานในช่วงเวลาบ่าย นึกขึ้นได้ว่าคุยกับกลกันต์เรื่องไปเที่ยวที่นครปฐม ไม่รู้เพื่อนจะว่าอย่างไรหากมีผู้ปกครองอาสาตามไปด้วย
นิ้วเรียวบางกดต่อสายหาเพื่อนรักทันที เมื่อบอกกล่าวแล้วจึงรู้ว่าในวันนั้นเพื่อนติดธุระกำลังจะบอกเธอ เขาจะเดินทางกลับมหาวิทยาลัยหลังเธอสองวัน ดีที่เธอติดต่อเข้าไปก่อน ดังนั้นตอนนี้จึงมีน้ำหวานและกลกันต์เท่านั้นที่จะไป ทั้งสองจึงสัญญากันว่ารอบหน้าที่ได้ไปด้วยกันเธอจะพาเขาเที่ยวเอง
“แกเรื่องเที่ยวไว้ไปกันนะ ฉันติดธุระจริงๆ ขอโทษที่ฉันผิดนัด”
“โอ๊ยย ไม่เป็นไรฉันไปก่อนได้กินก่อน แล้วจะกลับมารีวิว”
“เออ แล้วที่แกบอกว่าวันนี้พี่ชายแกพามาติวบัญชีพื้นฐานเป็นยังไงบ้าง เลคเชอร์ความรู้ไว้สวยๆ เผื่อฉันด้วยนะ”
ปลายสายว่ามาเพราะทั้งคู่เข้าเรียนคณะเดียวกัน มหาลัยเดียวกัน
“ดีมากแก พี่นิดที่เป็นคนสอนความรู้แน่น อธิบายเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ขนาดวันนี้ฉันเรียนไปแค่ครึ่งวัน เป็นปลื้มเลยคุณเพื่อน นี่ถ้าไม่ติดว่าพี่นิดติดงานช่วงบ่ายคงมีอะไรให้เรียนอีกเยอะ”
“จ้า แม่คนรักเรียน งี้ตอนบ่ายแกก็ว่างสิ”
“ใช่ รอคุณกลกันต์มารับตอนเย็นน่ะ”
“เอางี้มะ ไหนๆ เราก็ไม่ได้ไปนครปฐมด้วยกันแล้ววันนี้เราออกไปหาอะไรกินกัน แกพาฉันไปซื้อของเตรียมเข้าหอด้วย จนจะเปิดเทอมแล้ว ฉันยังไม่ได้ซื้ออะไรเลย”
“อืมมม ต้องกลับมาก่อนสี่โมงเย็นนะ”
“ได้ เดี๋ยวสี่โมงส่งให้ถึงมือผู้ปกครองเลย”
เมื่อตกลงกันเสร็จแล้วรอไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเพื่อนรักชายหนุ่มตัวใหญ่หัวใจมุ้งมิ้งก็เดินทางมาถึง ทั้งคู่กอดทั้งทายกันด้วยความเคยชินก่อนขึ้นรถเพื่อเดินทางมุ่งหน้าเข้าไปยังตัวเมือง
พลพล เป็นเพื่อนสนิทของน้ำหวานรู้จักกันตอนเข้าเรียนมัธยมศึกษาปีที่หนึ่ง โรงเรียนที่ทั้งสองเรียนนั้นเป็นโรงเรียนประจำเริ่มตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่งถึงหก ในเขตรั้วโรงเรียนจะมีตั้งแต่ตัวอาคารเรียน หอพักนักเรียนแยกชายหญิง โรงอาหารส่วนกลาง และโรงซักรีด นักเรียนทุกคนจะใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียน และสามารถกลับบ้านได้ในวันหยุดเสาร์อาทิตย์
วันที่ทั้งสองคนเจอกันเป็นวันที่พลพลตื่นสายทำให้ไปกินข้าวเช้าที่โรงอาหารช้า พอกินข้าวช้าก็ทำให้เข้าแถวช้าไปอีก ประจวบกับวันนั้นน้ำหวานลืมการบ้านของไว้ที่หอพักจึงรีบกลับมาเอาก่อนเข้าแถวเพราะเกรงจะส่งการบ้านไม่ทันในคาบแรก เพื่อนร่วมชั้นต่างห้องที่เข้าแถวสายในวันเดียวกันจึงถูกลงโทษด้วยการทำความสะอาดโรงยิมในเย็นวันนั้น
“วันนี้มีแค่เราสองคนเองเหรอที่เข้าแถวช้า เรามาช้าเพราะลืมการบ้านเกือบเอามาส่งไม่ทัน”
“เข้าช้าเพราะตื่นสายน่ะ”
สองคนที่กำลังเก็บกวาดโรงยิม ซึ่งทุกวันโรงยิมแห่งนี้จะมีเหล่านักเรียนที่ถูกลงโทษให้เข้ามาเก็บกวาด หากจะถามว่าทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะที่โรงยิมนี้มีฝูงนกพิราบที่พลพลเกลียดน่ะสิ
“เรารีบเก็บกันเถอะหวานอยากกลับไปดูซีรี่ย์แล้ว”
“เพื่อนเข้ามาสิ จะได้รีบเก็บกวาดกัน” น้ำหวานที่เดินเข้ามาก่อนตะโกนเรียก หันออกไปมองทางเข้าพบพลพลที่ไม่ก้าวเข้ามา
“อืมๆๆ” เสียงตอบกลับมาและร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาด้วยความกล้าๆ กลัวๆ ที่แท้ก็ไม่ชอบนกพิราบ ตัวใหญ่ซะเปล่ากลัวนกพิราบตัวนิดเดียว น้ำหวานคิดแล้วหันมาตั้งใจเก็บกวาดต่อ
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เสียงดังมาจากทางเข้าทางเดิม ภาพที่เห็นคือพลพลใช้มือทั้งสองข้างกุมศีรษะแล้วตัวบิดไปมา
“เพื่อนเป็นอะไร” น้ำหวานที่วิ่งมารีบมองสำรวจ ไม่เจอร่องรอยบาดเจ็บ พบเพียงอุนนจิก้อนโตของเจ้าถิ่นบนศีรษะพลพล
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
อยู่ดีๆน้ำหวานที่นั่งเงียบทำหน้าตาราวกับครุ่นคิดบางสิ่งก็แผดแสงหัวเราะลั่นรถ ทำเอาสารถีที่ขับรถอยู่ตกใจ
“เป็นอะไรของแกเนี่ยน้ำหวาน ฉันตกใจจนเกือบพาหลุดออกถนนแล้วเนี่ย”
“นึกถึงวันที่เรารู้จักกันทีไรหยุดขำไม่ได้ จากชายหนุ่มลุคเข้มแมนๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“ทำไมยะ ถึงฉันไม่ใช่หญิงแท้ก็มีหนุ่มเข้ามาจีบ ไม่เหมือนชะนีอย่างแก แห้งงงงงงง”
“อร๊ายยยยยยยยย” ฝ่ายที่ตอนนี้มีแฟนหนุ่มเป็นตัวเป็นตนว่าขึ้น
“ก็แค่ไม่เจอคนถูกใจ”
“แล้วแบบที่ถูกใจคือยังไงคะ ชะนี แบบพี่ช่ายต่างพ่อต่างแม่แกไหม ดูแซ่บไม่เบาเลยนะ”
“ฮึ่ย คนนั้นน่ะแค่เขาไม่เกลียดฉันก็ดีใจตายละ บางทีก็เหมือนจะเกลียดกัน บางทีก็ใจดี ชอบทำตัวเจ้ากี้เจ้าการ นี่ขนาดฉันโตจนเข้ามหาลัยแล้วยังไม่ยอมปล่อยให้ไปเที่ยว ยังตามไปอีก เฮ้ออออออ”
“ให้มันจริงเธอไอ้พวกบอก เกลียดระวังจะได้กันเอง บ่นว่าคุณกลกันต์เจ้ากี้เจ้าการ แต่จริงแกก็ชอบที่เขาทำแบบนี้หรือเปล่า”
“บะ บ้า ใครจะไปชอบ”
“แล้วใครที่ร้องไห้ขี้มูกโป่งเพราะเขาไม่มาดูการแสดงของแกตอนม.สาม”
“แกพอเลยนะพล จะไปซื้อของไหม”
“ป่ะๆ ถึงแล้ว เลิกถอนหายใจทำเสียงเครียดได้แล้ว เดี๋ยววันนี้เลี้ยงชาไข่มุกแก้วนึง”
“ขอโกโก้ร้านเดิมนะ”
“อืออ รีบลงมา”
เมื่อได้ชานมไข่มุกคนละแก้วแล้วทั้งสองจึงเดินเลือกซื้อของใช้ต่อ เข้าร้านนั้นออกร้านนี้ ของพี่ได้มามีทั้งกระเป๋า รองเท้า ของใช้ส่วนตัว ราวตากผ้า ไม้แขวนเสื้อ ไม้กวาด ไม้ถูพื้น และอีกบลา บลา ทั้งที่เข้าเรียนมหาลัยมาสองปีแล้ว ของที่ซื้อก็ควรจะมีอยู่แล้ว แต่ไม่ว่าจะเปิดเทอมกี่ครั้ง พลพลก็จะซื้อใหม่เสมอ เธอละไม่เข้าใจจริงๆ ทั้งสองใช้ซื้อของ เดินเพลินจนลืมดูเวลารู้ตัวอีกทีก็เกือบสี่โมเย็นแล้ว
“พล ตายแล้วนี่เกือบสี่โมงเย็นแล้ว แบตมือถือก็หมดด้วย”
“งั้นคิดเงินแล้วกลับกันเลย”
“ไปกัน”
ตอนออกมาก็ไม่ได้บอกใครไว้ด้วยสิ แล้วนี่ถ้ากลับไปช้ากว่าที่คุณกลกันต์มารับ จะโดนดุไหมเนี่ย
เป็นเวลาเกือบห้าโมงเย็นที่รถเก๋งคันกลางของพลพลแล่นเข้ามาจอดข้างศูนย์อาหารที่เดิมที่เขามารับน้ำหวาน ตอนนี้ภายในศูนย์อาหารมีลูกค้าสัญจรที่แวะจอดพักอยู่มาก พลพล จึงเลือกหาที่จอดชั่วคราวเพื่อส่งน้ำหวาน พลางปลดล็อกรถให้ แล้วกอดร่ำลากัน เป็นจังหวะที่กลกันต์กำลังเดินมาเห็นพอดี“คนเยอะมากเลยแก เดี๋ยวส่งแกแล้วฉันกลับเลยนะ”ยังไม่ทันก้าวลงจากรถด้วยซ้ำ ร่างสูงใหญ่ที่มองเห็นรถคันนี้มาแต่ไกลเดินมุ่งหน้าเข้ามากระชากประตูหน้าข้างคนขับ“ลงมา”เสียงทุ้มต่ำของกลกันต์ ที่พยายามจะใช้เสียงที่ดูไม่ดุมากแล้วเอ่ยขึ้น ฝ่ามือใหญ่จับเข้าที่ต้นแขนของน้ำหวานแล้วกระชากร่างเล็กออกมา แม้จะไม่รุนแรงแต่ก็ทำให้มึนได้เหมือนกัน“ขอบคุณมากนะพล ไว้วันหลังจะเลี้ยงชาไข่มุกนะ”ฝ่ายพลพลที่รับรู้รังสีจากผู้ปกครองเพื่อนจึงรีบขับรถจากไป ดีๆนะ แก หวังว่าจะไม่โดนดุทางฝั่งน้ำหวานที่แม้จะรู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่แผ่มาแต่ทำใจดีสู้เสือไว้ก่อน“คือ อ อ........”“ไปคุยกันที่บ้าน”เพราะตอนนี้จุดที่ยืนอยู่ผู้คนพลุ้งพล่านและมีเหล่าพนักงานในไร่ที่รู้จักเขาอยู่เยอะ กลกันต์จึงเลือกที่จะสะกดอารมณ์แล้วพาน้ำหวานกลับบ้านก่อนตลอดเส้นทางกลับบ้านแม้ร
“คุณจะทำอะไร” น้ำหวานที่เริ่มกลัวถามขึ้น ตอนนี้กลกันต์ดันร่างเธอเข้ามาในห้องพร้อมตัวเองแล้วปิดประตู ก่อนลากร่างบางมายังเตียงนอนนุ่ม ออกแรงผลักจนเธอล้มลงนอนราบไปบนที่นอนร่างสูงไม่ตอบแต่ใช้ลำตัวนอนลงทาบทับบนคนตัวเล็กจนรู้สึกอึดอัด มือซ้ายของคนตัวโตกว่าจับข้อมือเล็กทั้งสองข้างรวบวางไว้เหนือหัว ขาเรียวเล็กที่พยายามจะดิ้นหนีไม่เป็นผลเพราะโดนคนตัวโตล็อกไว้ร่างบางที่ดีดดิ้นไปมาจึงสัมผัสกับร่างสูงที่มีเพียงเสื้อผ้าขวางกั้นมือขวาที่ยังว่างของกลกันต์ปัดป่ายไปทั่วร่างบาง พยายามจะฉีกทึ้งเสื้อผ้าของคนตัวเล็กออกจากตัว ก่อนเลื้อยเข้าไปกอบกุมบีบเค้นดอกบัวคู่งามด้วยความตกใจ ริมฝีปากอิ่มที่กำลังจะผรุสวาจาออกมา จึงโดนริมฝีปากหนาเข้าประกบจูบอย่างดุดัน เร่งเร้า น้ำหวานเบิกตากว้าง นอนแน่นิ่ง ตัวแข็งทื่อ ไม่คิดว่ากลกันต์จะทำเช่นนี้ ปลายลิ้นร้อนของกลกันต์พยายามจะสอดเข้าไปควานหาความหวานของคนตัวเล็ก“อื้อออ” เสียงต่อต้านเบาๆดังมาจากร่างบางเพราะโดนช่วงชิงลมหายจนจนรู้สึกหายใจไม่ออกกลกันต์จึงหยุดปล่อยให้อีกคนพักหายใจก่อนประกบจูบลงไปอีกครั้ง“อ้ออ” เสียงเล็กหายเข้าไปในริมฝีปากเพราะริมฝีปากหนาที่ประกบลงมา กลกั
น้ำหวานใช้เวลาในห้องน้ำหนึ่งชั่วโมงเต็ม เวลาส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับการนั่งเหม่อลอย ครุ่นคิด และสับสน ปากอิ่มขบเม้มเข้าหากันเมื่อนึกถึงจูบของกลกันต์มือบางที่ถือใยบวมขัดตัว ขัดวนทั่วตัวหวังลบสัมผัสของเขาออกให้หมด แรงถูที่ค่อยๆเพิ่มความแรงขึ้นแต่กลับไม่ทำให้รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย จนตัวนี้ทั่วทั้งตัวของร่างบางแดงราวกับมีใครเอาน้ำแดงมาสาดดวงตาหวานบวมและแดงก่ำ น้ำใสเอ่อคลอรอบดวงตาค่อยๆไหลรินลงมาเธอไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วอยากหนีไปให้ไกลอยากหนีไปตอนนี้เลยยิ่งดีคิดได้ดังนั้นจึงเอื้อมมือปิดสายน้ำที่กำลังไหลรดตัว หยิบผ้าเช็ดตัวจากราวกดซับน้ำออกจากลำตัวเบาๆ เพราะเริ่มรู้สึกแสบจากรอยครูดของใยบวบ แล้วใช้ผ้าผืนเดิมพันรอบลำตัวเอื้อมหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กซับน้ำจากเส้นผมพอหมาดๆ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ กลืนก้อนสะอึกที่จุกอยู่ที่ลำคอลงไป แล้วก้าวออกจากห้องน้ำน้ำหวานเลือกแต่งกายง่ายๆด้วยเสื้อยืดสีดำและกางเกงผ้านิ่มขายาว ยัดเสื้อผ้าและของใช้ที่พอจะนึกออกในยามคับขันลงในกระเป๋าเป้สะพายหลังด้วยความเร่งรีบ เกรงว่ากลกันต์จะมาเจอเข้าร่างบ
กว่าฝนจะหยุดตกก็เป็นเวลากว่าสามทุ่ม ร่างเล็กที่ตอนนี้หลับไปด้วยความเหนื่อย เปลี่ยนจากท่านั่งคุดคู้กอดเข่าเป็นนั่งอยู่บนตักกลกันต์ หลังบางซบลงกับอกหนาเอนหลังพิง ปล่อยตัวตามสบายที่มีกลกันต์โอบกอดอยู่ด้านหลัง เมื่อเห็นว่าถึงเวลาต้องกลับบ้านแล้วจึงสะกิดปลุกหญิงสาว“น้ำหวาน กลับบ้านเรากันนะ” “อื้ออออออ” เสียงหวานเอ่ยประท้วง ที่โดนรบกวนการนอนหลังสบาย “มา พี่ช่วยพยุงขึ้น” ว่าแล้วค่อยประคองร่างเล็กขึ้น “กี่โมงแล้ว” “สามทุ่มแล้ว หิวข้าวไหม” จ๊อกก เสียงท้องร้องเป็นคำตอบแทนเธอ กลกันต์ยิ้มบางๆส่งให้เด็กน้อย แล้วลงไปยืนด้านล่างปลายกระท่
“คะ คุณกันต์”เขาพูดอะไร เธอหูฝาดไปหรือเปล่า ไม่มีเวลาคิดนาน ตอนนี้เธอรู้สึกแปลกๆ อีกแล้ว ร่างสูงจูบไล้ลงต่ำเรื่อยๆ จนถึงใจกลางดอกไม้งาม ฉกวูบไปยังใจกลาง ตลัดเลียไปที่ตุ่มน้อย“อ๊ะ อ๊ะ”เดจาวู ความรู้สึกแบบนี้มาอีกแล้ว ร่างเล็กเอื้อมมือเกาะไหล่ร่างสูง ปลายเล็กจิกเข้าเนื้อไหล่ชายหนุ่ม อย่างต้องการระบาย ในขณะที่อีกมือท้าวอยู่กับเคาน์เตอร์เขายังไม่พอใจแม้จะเจ็บจี๊ดกับปลายเล็บขอเธอ กลกันต์กลับไม่สนใจ ชายหนุ่มละจากตุ่มน้อย ฉกเข้าใจกลางรอยแยกดอกไม้งาม ดูดดื่ม และตวัดเลีย ค่อยๆ เพิ่มระดับความถี่“อ่ะ อื้มมม”“อ๊ะ ซี๊ดดดดดด”“อร๊ายยยยยยย” พร้อมกับร่างเล็กกระตุกปล่อยน้ำหวานออกมามากมาย เสียงหายใจถี่ๆ พร้อมร่างคนตัวเล็กที่โถมลงมาบนคนตัวโตด้วยความเหนื่อยกลกันต์ ตวัดกวาดชิมน้ำหวานจนพอใจ แล้วจูบซับต้นขาด้านในทั้งสองข้าง หมั่นเขี้ยวคนตัวเล็กนัก“หวานจ๋า นี่พึ่งเริ่มต้นเองนะ”“หื้อออออ”“ไปที่เตียงกันนะ&rdqu
เช้าวันต่อมา กลกันต์ยังคงตื่นในเวลาเดิมแต่เช้ามืด ร่างสูงพยายามลุกออกจากเตียงช้าๆเกรงว่าจะปลุกคนตัวเล็กที่กำลังหลับใหล ใบหน้าเล็กนอนซุกอยู่กับอกของเขาที่ตอนนี้แขนของเขากลายเป็นหมอนให้เธอ กว่ากิจกรรมเมื่อคืนจะจบลงก็ใช้เวลาเกือบครึ่งค่อนคืน หืมม ร่างที่กำลังจะดันตัวออกชะงักทันทีที่รู้สึกถึงความร้อนจากคนข้างตัว จึงใช้ฝ่ามืออังที่ศีรษะเล็ก ที่ตอนนี้ตัวร้อนดังไฟ โกรธตัวเองนัก เมื่อวานน้ำหวานถูกเขาเอาเปรียบไปแล้วหนึ่งหนจนหนีออกจากบ้าน ซ้ำยังตากฝนเปียกปอน กลับมาแทนที่เขาจะพาน้องอาบน้ำ ให้กินยาตั้งแต่เมื่อคืน กลับพาน้องออกแรงซะดึกดื่น เห้อ ก็จังหวะนั้นใครจะห้ามใจตัวเองไหว ให้ย้อนเวลากลับไปเมื่อคืน เขายังเลือกที่จะทำแบบเธอ ทำให้เธอเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว&nb
น้ำหวานเป็นคนผิวขาวใสและเกิดรอยช้ำที่ผิวได้ง่าย รอยแดงเป็นปื้นกระจายอยู่ทั่วเนื้อตัว ป้าน้อยใช้มือคลี่ชุดนอนนางส่วนก่อนมองลึกลงไป มองเห็นรอยที่กระจายทั่วตัว“โถ่ น้ำหวานลูก”แม้ไม่ใช่แม่หรือญาติของน้ำหวานโดยแท้ แต่ก็เลี้ยงสาวน้อยมาตั้งแต่เล็ก อดเสียใจกับภาพที่เห็นไม่ได้ ด้วยรู้จักนิสัยของน้ำหวานดี น้ำหวานไม่ใช่เด็กเหลวไหลที่จะปล่อยเนื้อตัว ไม่เคยทำให้คนที่บ้านต้องหนักใจ ใช้ชีวิตส่วนใหญ่จะอยู่กับการเรียนหนังสือเป็นหลักภาพที่เห็นทำให้นางอดคิดไปในทางไม่ดีไม่ได้เลย ด้วยอาบน้ำร้อนมาก่อนทำไมจะไม่รู้รอยแบบนี้เกิดได้จากอะไรเกิดความสงสัยและกังวล หรือน้ำหวานจะโดนคนไม่ดีใช้กำลังปลุกปล้ำไปทำมิดีมิร้ายเมื่อคืนนี้ยามฝนตกหนักโอ๊ยๆ ตายๆ ถ้าคุณกลเกียรติอยู่มีหวังไร่แตกแน่ป้าน้อยหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงสักครู่ ลงมือเช็ดตัวให้น้ำหวานจึงได้เห็นรอยแดงทั่วทั้งตัวสาว แล้วคิดหนักไอ้คนทำรอย มันคงจะหื่นนักฝากรอยรักไว้ทั่วไม่เว้น อย่างกับตายอดตายอยากมาจากไหน ผิวบอบบางของน้ำหวานหรือจะทนรับกับความดิบเถื่อนได้ป้
หลังจากเช็ดตัวให้น้ำหวานเสร็จป้าน้อยจึงนำอุปกรณ์ลงมาเก็บด้านล่าง และนั่งรอป้าแก้ว หากอยู่ห้องนั้นนานเกรงว่าน้ำหวานตื่นขึ้นมาเธอจะอดใจถามเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ รอป้าแก้วเข้ามายืนยันอีกคนก่อนระหว่างที่รอ จะให้นั่งเฉยๆก็กะไร ป้าน้อยจึงลงมือทำความสะอาดบ้านโดยเริ่มจากเก็บครัว ล้างจานชามที่ค้างอยู่ในอ่าง แล้วค่อยเริ่มปัดกวาดเช็ดถูโถงตัวบ้าน กว่าป้าแก้วจะมาถึงป้าน้อยก็เก็บบ้านจนเสร็จแล้ว“ไหน น้ำหวานอยู่ไหน” เป็นป้าแก้วที่จอดรถไว้หน้าบ้านแล้วเดินเข้ามาร้องทักขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนรน“อยู่บนห้องนั่นแหละ ไปๆ ขึ้นไปหานังหนูกันก่อน”สองผู้มากวัยเดินเคียงกันไปยังห้องปีกซ้าย เมื่อเข้าไปพบน้ำหวานที่ตอนนี้ตื่นขึ้นมา กำลังกินผลไม้ที่ป้าน้อยเตรียมให้น้ำหวานที่ตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ และเดาได้ว่าน่าจะเป็นป้าแก้ว เธอจึงเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ให้เป็นเสื้อแขนยาว และกางเกงขายาวแทน ส่วนรอยที่คอเธอจะใช้ผมปิดแทน แค่นี้ป้าแก้วก็ไม่รู้แล้วโชคดีที่ก่อนป้าเสียได้สอนเธอเกี่ยวกับการดูและตนเอง และสอนให้เธอรู้จักยาคุม รวมถึงยาคุมกำเนิด ตอนนั้นเธอยังเด็กและคิดว่าคงไม่ได้ใช้ แต่ต้องขอบคุณป้าอย่า
พลั๊ก ร่างสูงที่เดินตามเข้ามาจับแขนเรียวทั้งสองข้าง หมุนเมียรักให้หันหน้าเข้าหาเขา ดันร่างบางให้ถอยหลังด้วยความระวังจนแผ่นหลังเนียนแบบติดกำแพง ภายในห้องน้ำมีเพียงเทียนหอมให้ความสว่าง และกลิ่นอโรมาอบอวลให้ความผ่อนคลาย “พี่กันต์ขา หวานอยากสระผม” พร้อมกับมือเรียวขืนออกจากข้อมือใหญ่ จับตัวหนีผมบีบให้คลายออกจากเส้นผมยาวสวยจนเส้นผมค่อยๆตกลงปิดไหล่เนียน เชิดใบหน้าขึ้น สะบัดหน้าสองสามทีให้เส้นทิ้งตัวลง นิ้วชี้เรียวยกขึ้นเกี่ยวเอาเส้นผม ก่อนใช้นิ้ววนรอบ ปากบอกอยากสระผมแต่สายตาเมียรักที่ส่งมาน่าจะอยากอย่างอื่นมากกว่า จึงโน้มตัวลงเข้าไปสูดดมผมงามที่โดนนิ้วเรียวเกี่ยวเอาไว้ “ผมหอมขนาดนี้ พี่ว่าค่อยสระก็ได้” เอ่ยบอกคนตัวเล็ก แล้วงับนิ้วเธอเบาๆ ใบหน้าคมค่อยเคลื่อนลงดมกลิ่นหอมจากเมียรัก ไล้ไปตามไหปลาร้า ขบเข้าที่คอสวยจนเกิดรอย มือหนาสองข้างเคลื่อนเข้าไปกอบกุมยอดอกงามที่ใหญ่ขยายตัวขึ้นนับตั้งแต่มีลูก “อื้อ พี่กันต์อย่าทำรอยข้างนอกนะคะ” จบคำ มือใหญ่ปล่อยจากยอดปทุมที่กำลังกอบกุมเอาไว้ให้เป็นอิสระ ก้มลงใช้ปากหยักครอบงับเข้าไปแทนที่
และแน่นอนว่าลูกของเธอหนีไม่พ้นชื่อว่าน้องน้ำผึ้ง เป็นลูกสาวสมใจอยาก ที่กลกันต์ประคบประหงมอย่าดี โดยมีทั้งคุณตา คุณย่า และบรรดาคุณอาแวะเวียนมาช่วยเลี้ยง กลกันต์เป็นพ่อสมบูรณ์แบบไม่มีที่ติ และยังเป็นสามีที่ดี ไม่มีเรื่องผู้หญิงมากวนใจ เขาทำให้เธอโตขึ้นและมีเป้าหมายในชีวิตแบบที่ไม่เคยคิดมากก่อน ช่วงนี้เธอยังคงเข้าไปเรียนรู้งานในไร่ ส่วนต่างๆ และยังเป็นเลขาส่วนตัวให้กับกลกันต์ที่ไม่ว่าที่ไหนมีเขา ที่นั่นต้องมีเธอ หลังจากที่คลอดลูกคนแรกกลกันต์เป็นฝ่ายเอ่ยกับเธอว่ามีลูกคนเดียวก็พอ เพราะไม่อยากเห็นเธอเจ็บปวดแบบนั้นอีก ยอมรับว่านับตั้งแต่ตั้งท้องและมีลูก คำว่าส่วนตัว และคำว่าสบายไม่มีอยู่จริง แต่เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขไม่สามารถหาสิ่งอื่นมาทดแทนได้ ท้ายที่สุดจึงเลือกที่จะคุมกำเนิดไว้ก่อนเพื่อรอเวลาที่เหมาะสม และวันนี้ก็เป็นวันที่เธอคิดว่าพร้อมแล้วที่จะมีลูกอีกคน เมื่อตอนนี้น้องน้ำผึ้งมีอายุสิบแปดเดือน น้องน้ำผึ้งเดินได้แล้ว และสามารถทานอาหารเองได้บ้าง ถือเป็นพัฒนาการที่ดี นอกจากนี้แล้วช่วงนี้ลูกสาวของเธอเริ่มจดจำสิ่งต่างๆรอบตัว ทำให้ต้องระมัดระวังคำพูดและกา
“แกแน่ใจนะว่าครบแล้ว” เสียงของพลพลเอ่ยท้วงมาแต่ไกลเมื่อเห็นเพื่อนสาวที่ตอนนี้อายุครรภ์ 37 สัปดาห์เข้าไปแล้ว หน้าท้องที่เคยแบนราบเริ่มโตขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้น “ครบแล้วแก นี่ฉันตรวจเช็คมาสามรอบแล้ว ของพวกนี้พี่กันต์ก็ช่วยเตรียม” หันไปตอบเพื่อนที่ดูจะเห่อกว่าเธอเสียอีก พร้อมหันไปรับแก้วน้ำผึ้งมะนาวจากกลกันต์ที่ทำหน้าที่ดูแลเธอ ตั้งแต่ที่รู้ว่าตั้งครรภ์สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือน้ำผึ้งมะนาว ถ้าไม่ได้กินจะรู้สึกเหมือนขาดบางอย่างไป จนกลกันต์กลัวว่าเธอจะกินมากไปและขอให้ลดลงกินเพียงสัปดาห์ละสองครั้ง ซึ่งเธอก็เข้าใจความห่วงใยของสามีดี ที่บอกว่าเป็นสามีนั้นก็เพราะว่าเธอและกลกันต์ได้จดทะเบียนสมรสกันไปเมื่อเดือนก่อน ดังนั้นทรัพย์สินที่ถูกจัดแบ่งตามพินัยกรรมของคุณลุงเป็นอันสมบูรณ์ และเพราะคำขอของคุณย่าและคุณตาที่อยากให้เธอและกลกันต์เป็นสามีอย่างถูกต้องตามกฎหมายถึงได้จูงมือกันไปจดทะเบียน ส่วนงานแต่งคงต้องเอาไว้ก่อน เธอไม่ได้ให้ความสำคัญกับการจัดการมาก ถึงอย่างไรก็อยู่ด้วยกันแถมยังมีลูกอีกหนึ่ง เพียงแต่กลกันต์ที่อยากจัดงานให้ถูกต้อง โดยให้เหตุผลว่าอยากป่าวประกาศเรื่
สองร่างที่กำลังกอดพูดคุยให้กำลังใจผละออกจากกันเมื่อได้ยินเสียงดังอึกกระทึกครึกโครมดังมาจากอีกด้านซึ่งอยู่หลังเวที ในตอนนี้ผู้คนในงานต่างหันไปมองทิศทางของเสียง ก่อนที่สักพักจะได้ยินเสียงโห่ร้องตามมา เสียงเพลงบนเวลาถูกปิดลงจนรอบตัวมีแต่ความเงียบ นิคที่นั่งอยู่บริเวณหน้าเวทีหันไปมองด้วยความสนใจเมื่อเห็นผู้ที่เดินขึ้นมาไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นโก๋ ย่างก้าวขึ้นบนเวทีขณะที่มือข้างหนึ่งถือไมโครโฟนและมืออีกข้างกุมอยู่ที่ข้อมือของหญิงสาวที่เขาไม่เคยพบ เจ้าของร่างกำยำอาศัยพละกำลังที่มากกว่าใช้มือกุมข้อมือน้อยๆบังคับให้นิดที่พยายามขัดขืนเดินตามแรงของเขา ไม่ว่าจะทั้งข่วนทั้งขู่ก็ไม่มีทีท่าจะโก๋จะหยุด จนสุดท้ายการฉุดกระชากจึงจบลงที่กลางเวที นิดส่ายหน้าขอร้องให้เขาหยุดการกระทำแต่โก๋ไม่สนใจเมื่อสิ่งที่จะทำต่อจากนี้เขาคิดมาแล้ว “ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะความสนุกทุกคนนะครับ” เสียงเข้มว่าออกไปโดยมีทุกคนสายตากำลังจับจ้องมาที่เขา ต่างรอลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ ผู้จัดการศูนย์อาหารที่หายไปตั้งแต่หัวค่ำ ปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมกับนิดนักบัญชีสาวโสดของไร่
พลพลที่กำลังเดินเข้าไปในครัวไม่ลืมที่จะหันกลับมามองนิคเป็นระยะ เมื่อเห็นว่านิคน่าจะอยู่คนเดียวได้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรจึงเดินเข้าห้องครัวไปชีวิตใหม่ของนิคกำลังจะเริ่มขึ้น ในฐานะแฟนแม้ไม่ใช่ความรักชายหญิงเหมือนทั่วไป แต่เขามั่นใจว่าความรักที่มีเป็นรักแท้และไม่เคยคิดที่จะทอดทิ้งตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้นเขาคิดเสมอขอให้นิคกลับมา และสัญญาว่าไม่จะเกิดอะไรขึ้นเขาจะยืนข้างนิคไม่ปล่อยมือพลพลหยุดยืนหน้าห้องครัวที่ส่งกลิ่นหอมลอยโชยออกมาตามลม เมื่อเห็นว่าประตูห้องเปิดอยู่จึงก้าวเข้าไปแต่ภาพที่เห็นทำให้ต้องชะงักเท้าเอาไว้ การมาของเขาจะเป็นก้างขวางคอคนแถวนี้หรือเปล่า เมื่อเห็นคู่รักทำอาหารหวานจนมดแทบจะขนกันลงหม้อแล้วรู้สึกยินดีกับเพื่อนที่ได้เจอรักดีๆ ที่พร้อมจะดูแล แม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดูรวดเร็ว เร็วกับการพัฒนาแต่เชื่อว่าทั้งคู่ปรับตัวเข้าหากันได้ ก็รู้จักกันมาทั้งชีวิตแล้ว และนึกขอบคุณกลกันต์ที่ให้โอกาสเขาและนิค ตลอดเวลาที่นิครักษาตัวเขาให้ความช่วยเหลืออย่างดี ทำทุกอย่างที่เขาสามารถทำได้โดยที่พลพลและนิคไม่เคยได้เอ่ยขอ สงสัยเขาและนิคคงจะต้องอยู่เลี้ยงลูกให้น้ำหวานจริงๆ“ทำแบบนี้กับข้าว
ฝ่ามือหนาของโก๋ยังคงจับยึดที่ข้อเท้าสวย บรรจงจูบซ้ำๆ พร้อมส่งสายตาอ้อนวอนให้หญิงสาวที่ยังคงส่งสายตาปั้นปึ่งให้ เขาเข้าใจดีกับสิ่งที่เธอต้องการ แต่ในมุมของเขาก็ต้องการเวลาเช่นกัน ไม่ใช่อยากเก็บเป็นความลับ แต่คนใกล้กันยิ่งมีคนรู้มากหากไม่ใช่แล้วต้องแยกจากกันไปเธอจะเสียหาย ตัวเขาเองก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่สนใจคำพูดอยู่แล้ว จนวันนี้ที่ถูกเธอเมินความสนใจ รู้สึกใจจะขาด ไม่พอใจ เหมือนหัวใจถูกบีบ กลัวเธอยอมแพ้แล้วตัดใจจากเขา“จะปล่อยดีๆไหม” ไม่เพียงแต่สายตาเท่านั้นแต่น้ำเสียงที่ส่งมายังเต็มไปด้วยความโมโห“ไม่” ว่าพร้อมกระตุกเรียวขาสวยที่พยายามขืนออกจากการเกาะกุม“ได้ แล้วอย่ามาเสียใจละกัน” ว่าแล้วจึงชักเรียวขาหดเข้าหาลำตัวก่อนออกแรงเหยียดจนสุดหรือจะเรียกว่าถีบสุดกำลังใส่ร่างล่ำหนา หากแต่ผิดคาดเธอประเมินเขาต่ำไปแรงเท่ามดของเธอไม่สามารถทำอะไรกับผู้ชายถึกทึนแบบเขาได้ จึงตลบหลังเธอด้วยการจับยึดเรียวขาออกแรงพลิกร่างเล็กให้คว่ำลง“อร๊ายยย ทำบ้าอะไรเนี่ย”“พี่คิดว่าจะสู้ผมได้จริงเหรอ” ถามอย่างท้ายทาย ตัวเท่านี้จะเอาอะไรมาสู้เขา“ทำแบบนี้ทำไม”“ขี้เกียจอธิบายแล้ว” โก๋ว่าอย่างมึนๆ พร้อมโน้มตัวลงทาบทับร่างเ
วันนี้เป็นอีกวันที่ไร่กลเกียรติมีการรวมตัวเพื่อจัดงานต้อนรับการออกจากโรงพยาบาลของนิค และเป็นการเริ่มชีวิตใหม่ของหลายๆคน บรรยากาศเป็นไปตามสไตล์บ้านไร่เสียงเพลงเพราะๆกับบรรยากาศเย็นสบายในตอนเย็นทำให้นิคระบายยิ้มออกมาขณะรับแก้วเครื่องดื่มจากพลพล“ทุกคนน่ารักมากนะ” นิคหันไปพูดกับแฟนหนุ่มก่อนยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบ“นิคอยากไปเต้นสักเพลงไหม” พลพลถามพลางยื่นมือออกไปหาคนรัก ซึ่งเอาแต่ส่ายหน้า“ไม่ดีกว่า พี่เห็นทุกคนสนุกก็พลอยสนุกไปด้วยแล้ว พลเข้าไปช่วยน้ำหวานในครัวก่อนก็ได้นะ”“พลไม่อยากทิ้งพี่นิคไว้คนเดียว”“คนเดียวที่ไหน คนเต็มงานเลย เดี๋ยวมีอะไรพี่เรียกพลเอง ไปเถอะ แล้วตักของอร่อยๆมาให้พี่ด้วย” นิค พยักหน้าอีกครั้งเพื่อยืนยันคำพูด เขาอยู่คนเดียวได้จริงๆ ตอนนี้ทั้งงานเต็มไปด้วยผู้คนในไร่ที่มาร่วมงาน ขณะที่รออาหารจากในครัวมาเสิร์ฟ ขาแดนซ์จึงเริ่มออกลวดลาย“พี่โก๋ก็ไม่อยู่ ไม่รู้หายไปไหนของเขา พี่นิคกลับมาทั้งทีกลับหายตัว ไม่ห่วงเพื่อนเลยหรือไง” พลพลบ่นไปตามประสา เพราะวันนี้เป็นวันแรกที่เขาและนิคเข้ามาที่ไร่แห่งนี้ ด้วยคำขอของกลกันต์ที่อยากให้นิคพักฟื้นที่ไร่ ตั้งแต่ที่กลับเข้ามาที่ไร่เมื่อ
เป็นเวลาเกือบสองเดือนแล้วที่โก๋ย้ายมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไร่เกียรติอรุณแห่งนี้ จากช่วงแรกที่เข้ามาขอเริ่มงานในไร่ที่ต้องใช้แรงพละกำลังตามแบบถนัด จนเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาเขาได้ขอกลกันต์ย้ายเข้ามาช่วยงานศูนย์อาหารด้านหน้า ให้เหตุผลว่าอยากดูแลแม่ของเขาซึ่งอยู่เฉยๆไม่ได้จึงต้องออกมาช่วยงานที่นี่อยู่เรื่อยไปกลกันต์นั้นแสนจะยินดี เพราะภาระงานอันมากมายที่ต้องรับผิดชอบและอยากแบ่งเบา โดยเฉพาะกับผู้มีพระคุณของครอบครัว ครั้นเขาจะเอ่ยปากแต่แรกก็เกรงว่าจะทำให้โก๋ลำบากใจ จนกระทั่งโก๋เข้ามาขอทำงานในร้านอาหารเขาจึงอนุมัติทันที ผ่านมาเกือบเดือนที่โก๋ย้ายมาดูแลร้านอาหาร ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายที่บุคลิกดูโผงผางแบบโก๋จะทำให้ลูกค้าติดหนึบจนยอดขายเพิ่มขึ้นมาก แถมยังมีสาวๆเข้ามาติดพัน สงสัยจะได้สละโสดก็คราวนี้“พี่กันต์คิดอะไรอยู่คะ” น้ำหวานที่เดินเข้ามาใกล้ตัวกลกันต์ที่ยืนเท้าแขนอยู่ระเบียงห้อง“ก็คิดว่าคืนนี้จะให้หวานช่วยพี่ยังไงดี ท่าไหนดี” กระซิบริมใบหูของน้ำหวานเบาๆท้ายประโยค และเธอเข้าใจดีกับคำว่าช่วยของเขาจนดวงหน้าเริ่มแดงซ่าน แม้จะแนบชิดกันมาหลายครั้ง แต่เธอยังคงไม่ชินและเขินอายเสมอเมื่อโดนเขากลั่นแกล
สามวันต่อมา วันนี้เป็นวันที่โก๋และแม่เดินทางเข้ามาที่ไร่เป็นวันแรก จากที่ควรจะมาตั้งแต่เมื่อวานแต่เพราะยังจัดการข้าวของจากบ้านเก่าไม่แล้วเสร็จการเดินทางจึงถูกเลื่อนออกไปหนึ่งวันรถเก๋งคันเก่าคู่ใจเคลื่อนที่เข้ามาในไร่ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์อยู่ตรงศีรษะอันร้อนระอุ ป้าน้อยทำหน้าที่ต้อนรับทั้งสองและพาเข้าไปแนะนำบ้านพักซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับหลังของป้าน้อยเนื่องจากวันนี้น้ำหวานต้องเดินทางเข้าไปยังมหาวิทยาลัยเพื่อทำการสอบในรายวิชาที่เหลือและตัดสินใจทำเรื่องพักการเรียนเอาไว้ก่อนด้วย กลกันต์ที่ไม่อยากให้น้ำหวานต้องอยู่ห่างตัวจึงตามเธอไปด้วยอีกคน ทำให้ต้องฝากป้าแก้วและป้าน้อยช่วยดูแลโก๋และคุณยายณีแม่ของเขาโก๋หยุดรถลงที่หน้าบ้านหลังสีขาวเป็นบ้านชั้นเดียว ดูร่มรื่นโอบล้อมไปด้วยทิวทิศน์ธรรมชาติเขียวขจี และด้านข้างยังมีบ้านอีกหลายหลังที่อยู่ใกล้เคียงกัน ด้วยอากาศที่ร้อนจัดโก๋จึงละสายตาจากความงามของบรรยากาศรอบตัว รีบเข้าไปช่วยพยุงแม่เข้าไปพักในตัวบ้านที่ทำความสะอาดไว้เป็นอย่างดีเดินทางการมาเหนื่อยป้าน้อยจึงปล่อยให้ทั้งสองได้นอนพักเอาแรง ทางด้านยายณีหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าในขณะที่โก๋ยังคงตื่นเต้นกับส