ถ้าคุณกลกันต์เป็นคุณแม่ก็คงดีเธออาจจะปรับความเข้าใจและรักกันเป็นพี่สาวน้องสาวแบบน่ารักๆเหมือนคู่พี่น้องอื่นบ้าง เธอฝันอยากจะมีครอบครัวที่อบอุ่น มีคนที่รักรอคอยอยู่ที่บ้าน และอยากมีพี่สาวหรือพี่ชายสักคนที่คอยปลอบใจในวันที่เศร้า อยากจะงอแงและรู้ว่าอีกฝ่ายไม่เคยรำคาญในสิ่งที่เธอทำ
กับกลกันต์ ในครั้งแรกที่เธอย้ายเข้ามาบ้านนี้เขาดีใจมากและบอกกับทุกคนว่าเธอคือน้องสาวของเขา เขาจะดูแลเธอไปตลอด และเขาก็ทำเช่นนั้น จนกระทั่งวันหนึ่งที่เขาเริ่มเปลี่ยนไป จากใจดีกลับเป็นใจร้าย จากคอยเอาใจเป็นขัดใจ และความสนใจของเขาที่เธอมีให้เธอคนเดียวกลับถูกแบ่ง
ครั้งหนึ่งที่เธอขอออกไปเที่ยวงานวันเกิดเพื่อน วันนั้นเป็นวันที่คุณลุงติดงานเลี้ยงต่างอำเภอ เพื่อนของเธอจึงเสนอตัวให้ทางบ้านไปส่ง แต่เพราะวัยเด็กที่สนุกกันพออยู่ด้วยกันหลายคนจึงไม่อยากกลับ พอเห็นเวลาอีกทีดึกดื่นแล้ว ทางผู้ใหญ่จึงต้องบังคับให้เลิกเล่น และรอเจอกันอีกทีที่โรงเรียน หากแต่เมื่อกลับมาถึงบ้าน แสงไฟเปิดสาดส่อง ร่างสูงของผู้เป็นพี่ชายยืนจังก้ารอต้อนรับพร้อมไม้เรียว เขาทั้งดุ ด่าเธอ และลงโทษเธอโดยไม่ถามเหตุผลที่เธอออกไป เข้าใจว่าเธอเป็นฝ่ายหนีเที่ยว คืนนั้นคนตัวเล็กได้รับรอยไม้เรียวฝากไว้ที่บริเวณสะโพกถึงสามรอย และกว่ากลกันต์จะรู้เรื่องราวก็คือเช้าวันใหม่ที่กลเกียรติเป็นผู้เล่าให้ฟัง
เหตุการณ์ครั้งนั้นยิ่งทำให้ทั้งสองคนห่างเหินกันไปอีก ยิ่งเมื่อน้ำหวานต้องเรียนหนักขึ้น การเจอกันระหว่างสองคนยิ่งน้อยลง
ตอนนี้แม้กลกันต์เติบโตขึ้นไปอีกขั้นจากเด็กหนุ่มวัยรุ่นกลายเป็นชายที่สมบูรณ์เพียบพร้อมดูดีกว่าเดิม และที่เธอรู้คือเขาไม่ได้มีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่ใครๆต่างรู้ว่ากลกันต์นี่เสือตัวพ่อ ไม่ว่าจะสาวน้อยสาวใหญ่ต่างอยากเข้ามาล่อเสือตัวนี้ ด้วยหน้าตาที่ดูหล่อเหลา ส่วนสูงเกินมาตรฐานชายไทยที่ 185 เซนติเมตร และฐานะทางสังคม ทำให้เขามีผู้หญิงโปรไฟล์ดีๆ พร้อมทำความรู้จัก แต่ก็ไม่เห็นคบกับใครสักที
เมื่อรถเข้ามาจอดภายในตัวบ้านกลกันต์และน้ำหวานจึงช่วยกันขนสัมภาระลงและขึ้นไปยังชั้นสามด้วยลิฟต์ไฟฟ้าที่ติดตั้งไว้เพื่ออำนวยความสะดวก ซึ่งอันที่จริงเธอชอบใช้บันไดมากกว่า แต่เพราะวันนี้เหนื่อยมากแล้วไม่มีแรงก้าวเดิน
“คืนนี้ก็อาบน้ำนอนด้วยนะ ไม่ใช่หลับสภาพนี้” เขาว่าพร้อมมองเธอลากสายตาจากปลายเท้าขึ้นมายังใบหน้า
“รู้แล้วค่า คุณพี่ชาย วันนี้น้องน้ำหวานจะอาบน้ำให้ตัวหอมเลย” ว่าแล้วจึงหมุนตัวจะเดินเข้าห้อง ทันได้ยินเสียงเขาที่ดังไล่ตามหลังมา
“ฉันไม่ใช่พี่ชายเธอ” รู้สึกเจ็บนิดๆ เมื่ออีกฝ่ายบอกชัดเจน เขาไม่ต้องการน้องสาวคนนี้ เธอรู้แล้วว่าที่อยู่ด้วยกันทุกวันนี้เพราะคุณลุงเอ็นดูเธอ และเขาไม่ได้มองเธอเป็นน้องสาวเลย
“ค่ะ ถ้าน้ำหวานมีพี่ชายคงไม่อายุมากกว่าขนาดนี้ แบบคุณกลกันต์เหมาะจะเป็นคุณพ่อน้ำหวานมากกว่า” เมื่อได้เอาคืนเล็กๆน้อยๆ ร่างเล็กรีบวิ่งเข้าห้องปิดประตู ไม่อยู่รอฟังน้ำคำพูดของเขาให้ต้องหมองใจและเก็บไปคิดอีก ส่วนชายโสดที่อายุปูนนี้คงเป็นคุณพ่อได้แล้วยังยืนอึ้งอยู่ที่เดิม สามสิบหกแล้วไงเขายังหนุ่มยังแน่นแล้วกัน
เช้าวันถัดมาที่ขณะนี้เป็นเวลาตีห้าแล้ว น้ำหวานจึงลงมาเพื่อเตรียมอาหารสำหรับการใส่บาตรในตอนเช้าที่ทำเป็นประจำทุกวันตั้งแต่คุณป้าน้ำฟ้ายังอยู่ พอคุณป้าเสียน้ำหวานก็ยังคงทำเช่นเดิม บางวันอาจมีใส่บาตรคนเดียวหรือมีคุณลุงมาร่วมด้วยบ้าง ส่วนพี่ชายตัวโกงนั้นอย่าได้ถามถึงเชียวคงทำอะไรแบบนี้ไม่เป็น ไม่ใช่ว่าเขาตื่นสายหรืออะไรแต่เพราะกลกันต์ให้เหตุผลว่าชอบทำบุญกับคนมากกว่าโดยเฉพาะเด็กๆ พวกเด็กสาวล่ะสิไม่ว่า เหอะ และเช้านี้ก็เป็นอีกวันที่กลกันต์ตื่นแต่เช้าเตรียมออกไปวิ่งรอบๆไร่ ร่างสูงอยู่ในชุดเสื้อสำหรับออกกำลังกายแบรนด์หรูที่มีการระบายเหงื่ออย่างดี กางเกงขายาวสีดำ ตามด้วยรองเท้าสำหรับวิ่ง
“ฉันกำลังจะออกไปวิ่งพอดี วันนี้วิ่งเสร็จว่าจะเข้าไปดูงานที่ไร่ เจ็ดโมงครึ่งจะกลับมากินข้าวที่บ้าน เตรียมไว้ให้ด้วย”
เจ้าค่ะ สั่งเสร็จก็ออกวิ่งไปไม่สนใจว่าน้ำหวานจะรับคำหรือไม่ แต่แล้วไงเธอก็ปฏิเสธเขาไม่ได้อยู่ดี คิดได้ดังนั้นร่างบางจึงเดินเข้าครัว สำรวจดูของสดที่มีเนื่องจากหลายวันมานี้น้ำหวานไม่ได้เข้าครัวเลยอาศัยกินอาหารภายในงาน กินแค่พอประทังชีวิตไม่ได้สนใจความอร่อยหรือความอิ่มเลย
นับว่าในตู้เย็นยังมีของเหลืออยู่มากไม่ว่าจะเป็น หมู เห็ด เป็ด ไก่ คงเพราะส่วนมากเน้นทำอาหารทานเองที่บ้านและมีป้าแก้วช่วยจัดเตรียม วันนี้อาหารที่น้ำหวานทำจึงมีสามอย่างคือ ไก่ผัดขิง แกงจืดเต้าหู้หมูสับ และไข่เจียว ทำทั้งใส่บาตรและทานในเมื้อเช้า บ้านนี้แทบไม่ได้ทำโจ๊กหรือข้าวต้มมานานมากเพราะกลกันต์ไม่ชอบ เขาชอบทานข้าวสวยเป็นหลัก เหตุผลคืออิ่มและอยู่ท้องนานกว่า เขาไม่ชอบแต่เธอชอบและมีซื้อแบบสำเร็จรูปติดไว้บ้านในยามที่ต้องการอาหารด่วน
ใช้เวลาเตรียมอาหาร ใส่บาตรและเก็บล้างครัวจนเสร็จ เจ็ดโมงครึ่งแล้ว กลกันต์ก็ยังไม่กลับมา จึงทานขนมปังและเครื่องดื่มร้อนเพื่อรองท้อง พร้อมเปิดดูการ์ตูนไปด้วยระหว่างรอ ก็ไม่รู้ดูการ์ตูนอิท่าไหน เพราะภาพที่กลกันต์เห็นเมื่อกลับมาถึงบ้านในเวลาเกือบแปดโมงตอนนี้คือร่างบางสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีครีมและกางเกงสีขาวขาสั้นนอนหลับอยู่บนโซฟาตัวยาวหน้าทีวี ที่กำลังฉายเรื่องราวของเจ้าหมูตัวสีชมพู ด้านหน้าโต๊ะมีขนมปังวางอยู่หนึ่งชิ้นและเครื่องดื่มที่เหลืออยู่เกือบครึ่งแก้ว หันกลับมามองร่างบางที่ตอนนี้โตเป็นสาวแล้วแต่ยังมีนิสัยเป็นเด็กอยู่ กางเกงขาสั้นที่ใส่ก็ร่นขึ้นจนเขารู้สึกใจคอไม่ดี กลืนน้ำลายลงคอ เฮือกใหญ่ จึงสะกิดปลุกหญิงสาว
“จะนอนก็หัดใส่เสื้อผ้าที่มันดีกว่านี้หน่อย โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้ว กับข้าวที่เตรียมไว้คงเย็นหมดแล้วลุกขึ้นไปอุ่นแล้วมากินข้าวกัน” กลกันต์พูดเร็วๆ แล้วผละตัวออกห่างก้าวขึ้นชั้นบนราวกับเธอเป็นของร้อนที่ไม่อยากสนทนาด้วย รีบอะไรของเขา
หลังจากวิ่งเสร็จและเข้าไปดูงานในไร่ ที่วันนี้มีการลงต้นกล้าแต่จากช่วงที่ผ่านมามีพายุฝนทำให้กล้าบางส่วนเกิดความเสียหาย วันนี้กลกันต์จึงต้องเข้าไปดูงานด้วยตัวเอง ไหนจะเรื่องภายในไร่และเรื่องของกลเกียรติ ที่จะมีการเปิดพินัยกรรมในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
กลิ่นหอมอ่อนๆที่คุ้นเคยลอยมาติดจมูกทำให้น้ำหวานที่นั่งรอที่โต๊ะกินข้าวรับรู้การมาถึงของกลกันต์ก่อนเจ้าตัวจะมาถึงเสียอีก เขาหอมฟุ้งมาเอาซะเธอรู้สึกผิดเลย เมื่อเช้าก็ตื่นมาทำอาหารใส่บาตร ทำเพียงล้างหน้าแปรงฟัน ยังไม่อาบน้ำและตอนนี้หัวเธอคงติดกลิ่นไก่ผัดขิงเรียบร้อย
ทั้งสองลงมือทานอาหารด้วยกันเงียบๆ เพราะอยู่ด้วยกันมานาน แม้จะมีช่วงหลายปีที่กลกันต์กันต้องไปเรียนไม่ได้กลับมาที่ไร่ และพึ่งกลับมาอย่างเต็มตัวในตอนที่เขาอายุย่างสามสิบหรือเมื่อหกปีที่แล้ว ตรงกับช่วงที่น้ำหวานกำลังเรียนมัธยมในโรงเรียนประจำของจังหวัด จะกลับมาที่ไร่นี้เฉพาะวันหยุด แต่เมื่อกลับมาเจอกันความรู้สึกก็คงเหมือนเดิมคือนางเอกยังคงถูกตัวโกงกลั่นแกล้ง
“ไหนว่าจะเข้มแข็งเลิกร้องไห้ ตาบวมอยู่เลย แล้ววันนี้ป้าแก้วไปไหนไม่มาช่วยเธอเตรียมอาหาร”
“หลานป้าแก้วป่วย ป้าแก้วบอกน้ำหวานไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ น้ำหวานลืมแจ้งคุณ” น้ำหวานเลือกที่จะตอบเฉพาะคำถามที่สอง
“อีกไม่กี่วันจะเปิดพินัยกรรมแล้ว ใครจะว่าอย่างไรไม่ต้องสนใจ ญาติฉันก็มีแต่พวกกาฝากเหมือนเธอนั่นแหละ” อยู่ดีๆเขาก็เอ่ยขึ้นมากับเรื่องพินัยกรรมของคุณลุงกลเกียรติที่จะต้องมีเธอเข้าร่วมด้วย ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลยกับคำพูดเขาเพราะเธอมันก็แค่กาฝาก นกน้อยไร้หนทางไร้ญาติ ขาดมิตร
“แล้วนี่วางแผนจะกลับเข้าหอวันไหน เตรียมของหรือยังขาดเหลืออะไรบ้าง เป็นหอพักหญิงใช่ไหม วันที่ฉันไปส่งช่วยขนของขึ้นไปได้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้อาจจะให้ป้าน้อยไปช่วย”
เพราะตอนนี้น้ำหวานเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสอง ทำให้ต้องเช่าหอพักและอยู่คนเดียว จะกลับมาที่ไร่เฉพาะช่วงปิดเทอมและช่วงหยุดยาว ส่วนช่วงที่เปิดเทอมนั้นพ่อของเขาจะเป็นฝ่ายไปหาน้ำหวานเองเสียส่วนมาก
“หวานคุยกับเจ้าของหอพักแล้วค่ะ วันเข้าหอสามารถให้ผู้ปกครองช่วยขนของเข้าไปได้ หวานเอาของไปไม่เยอะ ขนคนเดียวสบายเลย และหวานคงไม่รบกวนคุณกันต์ วันเข้าหอหวานจะไปพร้อมเพื่อนค่ะ เพื่อนจะเข้ามารับน้ำหวานเอง”
“ใคร เพื่อนคนไหน”
“คุณกันต์ไม่รู้จักหรอกค่ะ”
“หรือว่าแฟน”
“ไม่ใช่นะคะ หวานยังไม่มีแฟน”
“หึ ก็ดี บอกเพื่อนเธอด้วยว่าฉันจะไปส่งเอง ในฐานนะที่ตอนนี้ฉันเป็นผู้ปกครองเธอ”
“หวานขอไปกับเพื่อนได้ไหมคะ เรานัดกันไว้ว่าจะเก็บของเข้าหอในช่วงกลางวัน แล้วช่วงเย็นจะไปเที่ยวต่อ หวานไม่อยากผิดนัดเพื่อน ไปใกล้ๆกรุงเทพเองค่ะ นครปฐม มีตลาดองค์พระนครปฐม มีแต่กินน่าอร่อยทั้งนั้นเลย หวานขอไปนะ นะ นะ”
น้ำเสียงอ้อนและสายตาที่ส่งให้ คงอยากไปจริงๆเพราะไม่บ่อยครั้งที่น้ำหวานจะอ้อนเขาแบบนี้ ไม่ว่าเปล่าจากที่นั่งทานข้าวอยู่ฝั่งตรงข้าม ตอนนี้น้ำหวานได้ย้ายตัวเองมานั่งข้างกลกันต์ แขนเรียวเล็กสอดเข้าล็อกแขนของคนตัวใหญ่ที่โชว์เส้นเลือดเด่นชัดอย่างคนออกกำลังกายเป็นประจำ ก่อนเขย่าเบาอ้อนคนตัวโต
“เนี่ยหวานจดรายการอาหารที่อยากทานไว้แล้ว มีทั้งหอยทอด ทอดมันกุ้ง ไอศกรีม ราดหน้า บัวลอย หมูย่าง บะหมี่เกี๊ยว มะม่วงน้ำปลาหวานรสเด็ด แล้วอะไรอีกน๊า หวานขอดูโพยแปบนึง” ไม่ว่าเปล่าแต่คนตัวเล็กยอมถอดแขนที่ล็อกอยู่กับคนตัวโตออกควานหาโทรศัพท์มือถือที่ถูกจดบันทึกรายการอาหาร
“พอแล้วรายการอาหารที่เธออยากกินคงยาวไปถึงสุไหงโกลก จะไปให้ได้ใช่ไหม” มองหน้าคนตัวเล็กที่นั่งหลังตรงส่งสายตาอ้อนเห็นแล้วอดขำไม่ได้
“โอเค ไปได้แต่ฉันจะเป็นคนพาไปเอง”
“แล้วเพื่อนของน้ำหวานล่ะคะ เรานัดกันไว้แล้ว” เธอว่าเสียงสูง
“ก็ชวนเพื่อนเธอมาด้วยกันสิ ทำหน้าอย่างนี้หมายความว่าไง ไม่อยากให้ฉันไปด้วย?”
“เปล่าค่ะ” เธอว่าเสียงจ๋อย ไปเที่ยวใครเขาเอาผู้ปกครองไปด้วยกันเล่า แต่เขาว่ามาแบบนี้เธอจะขัดอะไรได้
“วันนี้ว่างใช่ไหม กินเสร็จแล้วเข้าไร่กับฉันจะพาไปสอนงาน”
“จริงเหรอคะ คุณกันต์จะสอนเองหรือเปล่า” ดวงหน้าที่สลดพลันเปลี่ยนเป็นร่าเริง เมื่อเจอสิ่งถูกใจ เด็กหนอเด็ก
“วันนี้ฉันคงไม่ได้สอนเพราะมีงานในไร่อย่างอื่นต้องทำ จะให้พี่นิดเจ้าหน้าที่เก่งๆของไร่สอนการบัญชีเบื้องต้นละกัน”
“งั้นหวานอิ่มแล้วค่ะ ขอเก็บเลยนะ” เมื่อได้รับคำอนุญาตร่างเล็กรีบกุลีกุจอเก็บอาหารที่ทานในเช้า คนตัวเล็กยืนล้างจานอย่างอารมณ์ดีที่วันนี้ไม่ต้องนอนเบื่ออยู่บ้านคนเดียว ก่อนขึ้นห้องไปเตรียมตัวเข้าไร่
เห็นความร่าเริงของน้ำหวานแล้ว ไม่รู้ว่าพอเปิดพินัยกรรมออกมาจะยังมีรอยยิ้มแบบนี้ส่งให้เขาอยู่หรือไม่
“เสร็จแล้วค่ะ พร้อมแล้ว พร้อมแล้ว ตื่นเต้น ตื่นเต้น” เสียงที่มาพร้อมท่าทางว่าตื่นเต้นหนักหนา ทำท่าเป็นเป็ดเดินมาหาเขา ตอนนี้ร่างเล็กอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์ขายาวสีซีด ผมยาวสวยถูกรวบตึงไว้ด้านหลัง และมีกระเป๋าเป้สะพายหลัง 1 ใบถ้วน โอเค นี่เขาจะไปส่งลูกเข้าเรียนหรืออย่างไร ยังดีที่วันนี้พาเข้าไร่ หากพาไปเดินข้างนอกไม่พ้นถูกเข้าใจว่าเดินอยู่กับลูกสาว“เดินดีๆหน่อย เล่นอะไรเป็นเด็ก”ร่างเล็กของน้ำหวานเดินนำมาที่รถ ซึ่งเป็นรถกระบะลูกรักของกลกันต์ที่ใช้สำหรับลุยงานในไร่ ระหว่างรอกลกันต์ปิดบ้านอยู่นั้น น้ำหวานจึงหาเพลงเพราะๆเปิดฟังรอ“นั่งสบายเชียวนะ”“น้ำหวานตื่นเต้นจะแย่แล้ว อยากเรียนรู้มาก”“ดีเป็นแบบนี้ให้ได้ตลอด”รถกระบะคันคู่ใจแล่นออกจากตัวบ้านผ่านพื้นที่ภายในไร่ที่โอบล้อมไปด้วยทิวเขาสวยงาม ไร่เกียรติอรุณเป็นไร่ที่พ่อของกลกันต์เริ่มก่อตั้งด้วยตัวเองตั้งแต่วัยรุ่นมีคุณอรุณคนรักเก่าเป็นแรงบันดาลใจ และด้วยความชอบด้านการเกษตร เพาะปลูกเป็นทุนเดิมก่อนขยายให้มีการดำเนินการเลี้ยงสัตว์เพิ่มเติมในเวลาต่อมา หกปีให้หลังจากที่กลกันต์เข้ามาบริหารเขาได้จัดตั้งศูนย์วิจัยขึ้นภายในไร่เพื่อศึกษา
เป็นเวลาเกือบห้าโมงเย็นที่รถเก๋งคันกลางของพลพลแล่นเข้ามาจอดข้างศูนย์อาหารที่เดิมที่เขามารับน้ำหวาน ตอนนี้ภายในศูนย์อาหารมีลูกค้าสัญจรที่แวะจอดพักอยู่มาก พลพล จึงเลือกหาที่จอดชั่วคราวเพื่อส่งน้ำหวาน พลางปลดล็อกรถให้ แล้วกอดร่ำลากัน เป็นจังหวะที่กลกันต์กำลังเดินมาเห็นพอดี“คนเยอะมากเลยแก เดี๋ยวส่งแกแล้วฉันกลับเลยนะ”ยังไม่ทันก้าวลงจากรถด้วยซ้ำ ร่างสูงใหญ่ที่มองเห็นรถคันนี้มาแต่ไกลเดินมุ่งหน้าเข้ามากระชากประตูหน้าข้างคนขับ“ลงมา”เสียงทุ้มต่ำของกลกันต์ ที่พยายามจะใช้เสียงที่ดูไม่ดุมากแล้วเอ่ยขึ้น ฝ่ามือใหญ่จับเข้าที่ต้นแขนของน้ำหวานแล้วกระชากร่างเล็กออกมา แม้จะไม่รุนแรงแต่ก็ทำให้มึนได้เหมือนกัน“ขอบคุณมากนะพล ไว้วันหลังจะเลี้ยงชาไข่มุกนะ”ฝ่ายพลพลที่รับรู้รังสีจากผู้ปกครองเพื่อนจึงรีบขับรถจากไป ดีๆนะ แก หวังว่าจะไม่โดนดุทางฝั่งน้ำหวานที่แม้จะรู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่แผ่มาแต่ทำใจดีสู้เสือไว้ก่อน“คือ อ อ........”“ไปคุยกันที่บ้าน”เพราะตอนนี้จุดที่ยืนอยู่ผู้คนพลุ้งพล่านและมีเหล่าพนักงานในไร่ที่รู้จักเขาอยู่เยอะ กลกันต์จึงเลือกที่จะสะกดอารมณ์แล้วพาน้ำหวานกลับบ้านก่อนตลอดเส้นทางกลับบ้านแม้ร
“คุณจะทำอะไร” น้ำหวานที่เริ่มกลัวถามขึ้น ตอนนี้กลกันต์ดันร่างเธอเข้ามาในห้องพร้อมตัวเองแล้วปิดประตู ก่อนลากร่างบางมายังเตียงนอนนุ่ม ออกแรงผลักจนเธอล้มลงนอนราบไปบนที่นอนร่างสูงไม่ตอบแต่ใช้ลำตัวนอนลงทาบทับบนคนตัวเล็กจนรู้สึกอึดอัด มือซ้ายของคนตัวโตกว่าจับข้อมือเล็กทั้งสองข้างรวบวางไว้เหนือหัว ขาเรียวเล็กที่พยายามจะดิ้นหนีไม่เป็นผลเพราะโดนคนตัวโตล็อกไว้ร่างบางที่ดีดดิ้นไปมาจึงสัมผัสกับร่างสูงที่มีเพียงเสื้อผ้าขวางกั้นมือขวาที่ยังว่างของกลกันต์ปัดป่ายไปทั่วร่างบาง พยายามจะฉีกทึ้งเสื้อผ้าของคนตัวเล็กออกจากตัว ก่อนเลื้อยเข้าไปกอบกุมบีบเค้นดอกบัวคู่งามด้วยความตกใจ ริมฝีปากอิ่มที่กำลังจะผรุสวาจาออกมา จึงโดนริมฝีปากหนาเข้าประกบจูบอย่างดุดัน เร่งเร้า น้ำหวานเบิกตากว้าง นอนแน่นิ่ง ตัวแข็งทื่อ ไม่คิดว่ากลกันต์จะทำเช่นนี้ ปลายลิ้นร้อนของกลกันต์พยายามจะสอดเข้าไปควานหาความหวานของคนตัวเล็ก“อื้อออ” เสียงต่อต้านเบาๆดังมาจากร่างบางเพราะโดนช่วงชิงลมหายจนจนรู้สึกหายใจไม่ออกกลกันต์จึงหยุดปล่อยให้อีกคนพักหายใจก่อนประกบจูบลงไปอีกครั้ง“อ้ออ” เสียงเล็กหายเข้าไปในริมฝีปากเพราะริมฝีปากหนาที่ประกบลงมา กลกั
น้ำหวานใช้เวลาในห้องน้ำหนึ่งชั่วโมงเต็ม เวลาส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับการนั่งเหม่อลอย ครุ่นคิด และสับสน ปากอิ่มขบเม้มเข้าหากันเมื่อนึกถึงจูบของกลกันต์มือบางที่ถือใยบวมขัดตัว ขัดวนทั่วตัวหวังลบสัมผัสของเขาออกให้หมด แรงถูที่ค่อยๆเพิ่มความแรงขึ้นแต่กลับไม่ทำให้รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย จนตัวนี้ทั่วทั้งตัวของร่างบางแดงราวกับมีใครเอาน้ำแดงมาสาดดวงตาหวานบวมและแดงก่ำ น้ำใสเอ่อคลอรอบดวงตาค่อยๆไหลรินลงมาเธอไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วอยากหนีไปให้ไกลอยากหนีไปตอนนี้เลยยิ่งดีคิดได้ดังนั้นจึงเอื้อมมือปิดสายน้ำที่กำลังไหลรดตัว หยิบผ้าเช็ดตัวจากราวกดซับน้ำออกจากลำตัวเบาๆ เพราะเริ่มรู้สึกแสบจากรอยครูดของใยบวบ แล้วใช้ผ้าผืนเดิมพันรอบลำตัวเอื้อมหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กซับน้ำจากเส้นผมพอหมาดๆ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ กลืนก้อนสะอึกที่จุกอยู่ที่ลำคอลงไป แล้วก้าวออกจากห้องน้ำน้ำหวานเลือกแต่งกายง่ายๆด้วยเสื้อยืดสีดำและกางเกงผ้านิ่มขายาว ยัดเสื้อผ้าและของใช้ที่พอจะนึกออกในยามคับขันลงในกระเป๋าเป้สะพายหลังด้วยความเร่งรีบ เกรงว่ากลกันต์จะมาเจอเข้าร่างบ
กว่าฝนจะหยุดตกก็เป็นเวลากว่าสามทุ่ม ร่างเล็กที่ตอนนี้หลับไปด้วยความเหนื่อย เปลี่ยนจากท่านั่งคุดคู้กอดเข่าเป็นนั่งอยู่บนตักกลกันต์ หลังบางซบลงกับอกหนาเอนหลังพิง ปล่อยตัวตามสบายที่มีกลกันต์โอบกอดอยู่ด้านหลัง เมื่อเห็นว่าถึงเวลาต้องกลับบ้านแล้วจึงสะกิดปลุกหญิงสาว“น้ำหวาน กลับบ้านเรากันนะ” “อื้ออออออ” เสียงหวานเอ่ยประท้วง ที่โดนรบกวนการนอนหลังสบาย “มา พี่ช่วยพยุงขึ้น” ว่าแล้วค่อยประคองร่างเล็กขึ้น “กี่โมงแล้ว” “สามทุ่มแล้ว หิวข้าวไหม” จ๊อกก เสียงท้องร้องเป็นคำตอบแทนเธอ กลกันต์ยิ้มบางๆส่งให้เด็กน้อย แล้วลงไปยืนด้านล่างปลายกระท่
“คะ คุณกันต์”เขาพูดอะไร เธอหูฝาดไปหรือเปล่า ไม่มีเวลาคิดนาน ตอนนี้เธอรู้สึกแปลกๆ อีกแล้ว ร่างสูงจูบไล้ลงต่ำเรื่อยๆ จนถึงใจกลางดอกไม้งาม ฉกวูบไปยังใจกลาง ตลัดเลียไปที่ตุ่มน้อย“อ๊ะ อ๊ะ”เดจาวู ความรู้สึกแบบนี้มาอีกแล้ว ร่างเล็กเอื้อมมือเกาะไหล่ร่างสูง ปลายเล็กจิกเข้าเนื้อไหล่ชายหนุ่ม อย่างต้องการระบาย ในขณะที่อีกมือท้าวอยู่กับเคาน์เตอร์เขายังไม่พอใจแม้จะเจ็บจี๊ดกับปลายเล็บขอเธอ กลกันต์กลับไม่สนใจ ชายหนุ่มละจากตุ่มน้อย ฉกเข้าใจกลางรอยแยกดอกไม้งาม ดูดดื่ม และตวัดเลีย ค่อยๆ เพิ่มระดับความถี่“อ่ะ อื้มมม”“อ๊ะ ซี๊ดดดดดด”“อร๊ายยยยยยย” พร้อมกับร่างเล็กกระตุกปล่อยน้ำหวานออกมามากมาย เสียงหายใจถี่ๆ พร้อมร่างคนตัวเล็กที่โถมลงมาบนคนตัวโตด้วยความเหนื่อยกลกันต์ ตวัดกวาดชิมน้ำหวานจนพอใจ แล้วจูบซับต้นขาด้านในทั้งสองข้าง หมั่นเขี้ยวคนตัวเล็กนัก“หวานจ๋า นี่พึ่งเริ่มต้นเองนะ”“หื้อออออ”“ไปที่เตียงกันนะ&rdqu
เช้าวันต่อมา กลกันต์ยังคงตื่นในเวลาเดิมแต่เช้ามืด ร่างสูงพยายามลุกออกจากเตียงช้าๆเกรงว่าจะปลุกคนตัวเล็กที่กำลังหลับใหล ใบหน้าเล็กนอนซุกอยู่กับอกของเขาที่ตอนนี้แขนของเขากลายเป็นหมอนให้เธอ กว่ากิจกรรมเมื่อคืนจะจบลงก็ใช้เวลาเกือบครึ่งค่อนคืน หืมม ร่างที่กำลังจะดันตัวออกชะงักทันทีที่รู้สึกถึงความร้อนจากคนข้างตัว จึงใช้ฝ่ามืออังที่ศีรษะเล็ก ที่ตอนนี้ตัวร้อนดังไฟ โกรธตัวเองนัก เมื่อวานน้ำหวานถูกเขาเอาเปรียบไปแล้วหนึ่งหนจนหนีออกจากบ้าน ซ้ำยังตากฝนเปียกปอน กลับมาแทนที่เขาจะพาน้องอาบน้ำ ให้กินยาตั้งแต่เมื่อคืน กลับพาน้องออกแรงซะดึกดื่น เห้อ ก็จังหวะนั้นใครจะห้ามใจตัวเองไหว ให้ย้อนเวลากลับไปเมื่อคืน เขายังเลือกที่จะทำแบบเธอ ทำให้เธอเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว&nb
น้ำหวานเป็นคนผิวขาวใสและเกิดรอยช้ำที่ผิวได้ง่าย รอยแดงเป็นปื้นกระจายอยู่ทั่วเนื้อตัว ป้าน้อยใช้มือคลี่ชุดนอนนางส่วนก่อนมองลึกลงไป มองเห็นรอยที่กระจายทั่วตัว“โถ่ น้ำหวานลูก”แม้ไม่ใช่แม่หรือญาติของน้ำหวานโดยแท้ แต่ก็เลี้ยงสาวน้อยมาตั้งแต่เล็ก อดเสียใจกับภาพที่เห็นไม่ได้ ด้วยรู้จักนิสัยของน้ำหวานดี น้ำหวานไม่ใช่เด็กเหลวไหลที่จะปล่อยเนื้อตัว ไม่เคยทำให้คนที่บ้านต้องหนักใจ ใช้ชีวิตส่วนใหญ่จะอยู่กับการเรียนหนังสือเป็นหลักภาพที่เห็นทำให้นางอดคิดไปในทางไม่ดีไม่ได้เลย ด้วยอาบน้ำร้อนมาก่อนทำไมจะไม่รู้รอยแบบนี้เกิดได้จากอะไรเกิดความสงสัยและกังวล หรือน้ำหวานจะโดนคนไม่ดีใช้กำลังปลุกปล้ำไปทำมิดีมิร้ายเมื่อคืนนี้ยามฝนตกหนักโอ๊ยๆ ตายๆ ถ้าคุณกลเกียรติอยู่มีหวังไร่แตกแน่ป้าน้อยหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงสักครู่ ลงมือเช็ดตัวให้น้ำหวานจึงได้เห็นรอยแดงทั่วทั้งตัวสาว แล้วคิดหนักไอ้คนทำรอย มันคงจะหื่นนักฝากรอยรักไว้ทั่วไม่เว้น อย่างกับตายอดตายอยากมาจากไหน ผิวบอบบางของน้ำหวานหรือจะทนรับกับความดิบเถื่อนได้ป้
วันนี้เป็นอีกวันที่ไร่กลเกียรติมีการรวมตัวเพื่อจัดงานต้อนรับการออกจากโรงพยาบาลของนิค และเป็นการเริ่มชีวิตใหม่ของหลายๆคน บรรยากาศเป็นไปตามสไตล์บ้านไร่เสียงเพลงเพราะๆกับบรรยากาศเย็นสบายในตอนเย็นทำให้นิคระบายยิ้มออกมาขณะรับแก้วเครื่องดื่มจากพลพล“ทุกคนน่ารักมากนะ” นิคหันไปพูดกับแฟนหนุ่มก่อนยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบ“นิคอยากไปเต้นสักเพลงไหม” พลพลถามพลางยื่นมือออกไปหาคนรัก ซึ่งเอาแต่ส่ายหน้า“ไม่ดีกว่า พี่เห็นทุกคนสนุกก็พลอยสนุกไปด้วยแล้ว พลเข้าไปช่วยน้ำหวานในครัวก่อนก็ได้นะ”“พลไม่อยากทิ้งพี่นิคไว้คนเดียว”“คนเดียวที่ไหน คนเต็มงานเลย เดี๋ยวมีอะไรพี่เรียกพลเอง ไปเถอะ แล้วตักของอร่อยๆมาให้พี่ด้วย” นิค พยักหน้าอีกครั้งเพื่อยืนยันคำพูด เขาอยู่คนเดียวได้จริงๆ ตอนนี้ทั้งงานเต็มไปด้วยผู้คนในไร่ที่มาร่วมงาน ขณะที่รออาหารจากในครัวมาเสิร์ฟ ขาแดนซ์จึงเริ่มออกลวดลาย“พี่โก๋ก็ไม่อยู่ ไม่รู้หายไปไหนของเขา พี่นิคกลับมาทั้งทีกลับหายตัว ไม่ห่วงเพื่อนเลยหรือไง” พลพลบ่นไปตามประสา เพราะวันนี้เป็นวันแรกที่เขาและนิคเข้ามาที่ไร่แห่งนี้ ด้วยคำขอของกลกันต์ที่อยากให้นิคพักฟื้นที่ไร่ ตั้งแต่ที่กลับเข้ามาที่ไร่เมื่อ
เป็นเวลาเกือบสองเดือนแล้วที่โก๋ย้ายมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไร่เกียรติอรุณแห่งนี้ จากช่วงแรกที่เข้ามาขอเริ่มงานในไร่ที่ต้องใช้แรงพละกำลังตามแบบถนัด จนเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาเขาได้ขอกลกันต์ย้ายเข้ามาช่วยงานศูนย์อาหารด้านหน้า ให้เหตุผลว่าอยากดูแลแม่ของเขาซึ่งอยู่เฉยๆไม่ได้จึงต้องออกมาช่วยงานที่นี่อยู่เรื่อยไปกลกันต์นั้นแสนจะยินดี เพราะภาระงานอันมากมายที่ต้องรับผิดชอบและอยากแบ่งเบา โดยเฉพาะกับผู้มีพระคุณของครอบครัว ครั้นเขาจะเอ่ยปากแต่แรกก็เกรงว่าจะทำให้โก๋ลำบากใจ จนกระทั่งโก๋เข้ามาขอทำงานในร้านอาหารเขาจึงอนุมัติทันที ผ่านมาเกือบเดือนที่โก๋ย้ายมาดูแลร้านอาหาร ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายที่บุคลิกดูโผงผางแบบโก๋จะทำให้ลูกค้าติดหนึบจนยอดขายเพิ่มขึ้นมาก แถมยังมีสาวๆเข้ามาติดพัน สงสัยจะได้สละโสดก็คราวนี้“พี่กันต์คิดอะไรอยู่คะ” น้ำหวานที่เดินเข้ามาใกล้ตัวกลกันต์ที่ยืนเท้าแขนอยู่ระเบียงห้อง“ก็คิดว่าคืนนี้จะให้หวานช่วยพี่ยังไงดี ท่าไหนดี” กระซิบริมใบหูของน้ำหวานเบาๆท้ายประโยค และเธอเข้าใจดีกับคำว่าช่วยของเขาจนดวงหน้าเริ่มแดงซ่าน แม้จะแนบชิดกันมาหลายครั้ง แต่เธอยังคงไม่ชินและเขินอายเสมอเมื่อโดนเขากลั่นแกล
สามวันต่อมา วันนี้เป็นวันที่โก๋และแม่เดินทางเข้ามาที่ไร่เป็นวันแรก จากที่ควรจะมาตั้งแต่เมื่อวานแต่เพราะยังจัดการข้าวของจากบ้านเก่าไม่แล้วเสร็จการเดินทางจึงถูกเลื่อนออกไปหนึ่งวันรถเก๋งคันเก่าคู่ใจเคลื่อนที่เข้ามาในไร่ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์อยู่ตรงศีรษะอันร้อนระอุ ป้าน้อยทำหน้าที่ต้อนรับทั้งสองและพาเข้าไปแนะนำบ้านพักซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับหลังของป้าน้อยเนื่องจากวันนี้น้ำหวานต้องเดินทางเข้าไปยังมหาวิทยาลัยเพื่อทำการสอบในรายวิชาที่เหลือและตัดสินใจทำเรื่องพักการเรียนเอาไว้ก่อนด้วย กลกันต์ที่ไม่อยากให้น้ำหวานต้องอยู่ห่างตัวจึงตามเธอไปด้วยอีกคน ทำให้ต้องฝากป้าแก้วและป้าน้อยช่วยดูแลโก๋และคุณยายณีแม่ของเขาโก๋หยุดรถลงที่หน้าบ้านหลังสีขาวเป็นบ้านชั้นเดียว ดูร่มรื่นโอบล้อมไปด้วยทิวทิศน์ธรรมชาติเขียวขจี และด้านข้างยังมีบ้านอีกหลายหลังที่อยู่ใกล้เคียงกัน ด้วยอากาศที่ร้อนจัดโก๋จึงละสายตาจากความงามของบรรยากาศรอบตัว รีบเข้าไปช่วยพยุงแม่เข้าไปพักในตัวบ้านที่ทำความสะอาดไว้เป็นอย่างดีเดินทางการมาเหนื่อยป้าน้อยจึงปล่อยให้ทั้งสองได้นอนพักเอาแรง ทางด้านยายณีหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าในขณะที่โก๋ยังคงตื่นเต้นกับส
กว่าที่หมอปพนธีร์จะซักไซ้เรื่องราวของทั้งคู่จบลง ตบท้ายด้วยให้ความรู้ลูกสาวในการดูแลตนเองก็กินเวลาไปอีกเกือบสองชั่วโมง กลกันต์ที่รับรู้ได้ถึงรังสีบางอย่าง ที่ทำให้เขารู้ตัวดีว่าคงต้องโดนพ่อตาเฉ่งเข้าสักวัน ข้อหาทำลูกสาวท้องแน่ๆถามว่าตกใจไหม ในฐานะพ่อที่มีลูกสาว เขารู้สึกเป็นห่วงและหวง แต่รู้ดีว่าตัวเขาเองก็ไม่ใช่คนดีอะไร ได้แต่หวังว่ากลกันต์จะไม่ทำผิดพลาดแบบเขา เรื่องความรักก็คงต้องให้ลูกตัดสินใจด้วยตัว เขารู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์เข้าไปก้าวก่ายความสัมพันธ์มาไกลกว่าที่ใครจะแยกทั้งสองได้แล้ว คงต้องปล่อยให้ทั้งสองได้เรียนรู้กันมากขึ้นกับบทบาทที่กำลังเปลี่ยนไปอีกรูปแบบ คนแก่แบบเขามีหน้าที่เฝ้ามองดูลูกหลานเติบโตไปทางของตนเอง แม้ไม่ชอบขี้หน้าลูกเขยเท่าไหร่ แต่ในเมื่อลูกสาวเขาบอกว่ารัก ก็คงต้องตามนั้นทั้งสองเดินทางกลับไร่ด้วยกันโดยมีลุงคำทำหน้าที่เป็นสารถีให้ เป็นเวลาเกือบบ่ายสองที่ทั้งคู่เดินทางมาถึงไร่ โดยมีป้าน้อยและป้าแก้วจัดเตรียมอาหารไว้รอ ทั้งสองรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นจากการถ่ายทอดคำบอกเล่าของลุงคำ หากทั้งสองขับรถเป็นคงจะรีบบึ่งไปหาน้ำหวานที่โรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน จะขี่รถเครื่
น้ำหวานขืนตัวออกจากวงแขนของผู้เป็นพ่อเล็กน้อย หันมองผู้เป็นพ่อสลับกับกลกันต์อย่างขบคิด “คุณไม่อยากให้หวานมีแฟนเหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยถาม หรือหมอปพนธีร์ไม่อยากให้เธอมีแฟน เขาจะผิดหวังหรือเปล่าถ้ารู้ว่าเธอข้ามขั้นของคำว่าแฟนไปแล้ว “พ่อว่าลูกตั้งใจเรียนก่อนไหม เราชอบเรียนไม่ใช่เหรอ ไว้เรียนจบแล้วพ่อจะพาหวานไปเที่ยวรอบโลกกันดีไหม” “แค่กๆๆ” ร่างสูงที่ฟังอยู่กระแอมออกมาเบาๆเพื่อบอกให้รู้ว่าเขายังอยู่ตรงนี้ นี่ขนาดหมอปพนธีร์พึ่งได้เจอหน้าลูกสาวครั้งแรกยังคิดแผนพาลูกสาวหนีออกจากอกเขาเสียแล้ว แต่เสียใจด้วยหวานอยู่ที่ไหนกลกันต์อยู่ที่นั่น แถมลูกๆของเขาอีก “น้ำอยู่บนโต๊ะครับคุณกันต์” หมอปพนธีร์พยักพเยิดหน้าไปทางโต๊ะขาวตรงมุมห้องที่มีเหยือกน้ำตั้งอยู่ มองกลกันต์ทีไร ช่างขัดหูขัดตาเขาจริงๆ นอกจากแตะเนื้อต้องตัวน้ำหวานแล้วยังคอยส่งสายตาหลงใหลที่มองดูลูกสาวเขาราวกับจะกลืนกิน ก็ไหนว่าเป็นแค่พี่น้อง แบบนี้เขาคงต้องหาวิธีแยกทั้งสองคนออกจากกันก่อนที่ลูกสาวแสนรักจะตกเป็นเหยื่อเสือเจ้าเล่ห์ ทางกลกันต์เดินเข้าไปรินน้ำจากเหยือกลงในแก้วที่วางอยู่ด้านข
กลกันต์ใช้เวลาพักรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลเดิมในจุดเกิดเหตุ และได้ทำเรื่องส่งตัวนิคไปยังโรงพยาบาลในกรุงเทพที่มีอุปกรณ์การรักษาที่ครบครันโดยมีนิคและโก๋ตามไปด้วยเมื่อสองวันก่อนแผลของเขาเริ่มประสานกันเพราะมีพยาบาลพิเศษคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ยังมีความปวดตึงบริเวณบาดแผล ทำให้การขยับตัวลำบากอยู่บ้าง ที่กลกันต์ยังรักษาอยู่ที่นี่เป็นเพราะคำขอร้องของน้ำหวานที่ไม่ยอมกลับไร่กับเขา เธออยากอยู่ตามอาการของหมอปพนธีร์ จนกระทั่งวันนี้ที่หมอปพนธีร์อาการดีขึ้นจึงขอให้เขาพามาพบก่อนที่จะเดินทางกลับไร่ไปด้วยกันทั้งสองหยุดอยู่หน้าห้องพักของหมอปพนธีร์โดยมีน้ำหวานช่วยเข็นรถเข็นผู้ป่วยที่มีกลกันต์นั่งอยู่ แม้เขาจะขอเดินมาเองแต่คนตัวเล็กกลับไม่พอใจนักเพราะกลัวบาดแผลของเขาจะกระทบกระเทือนได้ และสุดท้ายเขาจึงต้องยอมทำตามความต้องการของเธอน้ำหวานเคาะประตูสามครั้งก่อนเอื้อมมือเล็กหมุนลูกบิดประตูเข้าไป ภายในเป็นห้องพักผู้ป่วยสีขาวคล้ายกับห้องของกลกันต์ หมอปพนธีร์ที่รออยู่แล้วจึงพยายามหยัดกายขึ้นด้วยความลำบากน้ำหวานที่มองอยู่ลังเลว่าควรจะเข้าไปช่วยดีไหม เพราะความห่างเหิน ไม่เคยรู้จักมาก่อนจึงรู้สึกประหม่า กลกันต์ที่มองอย
ก๊อก ก๊อก“หวานเป็นยังไงบ้าง แกเปิดประตูให้ฉันหน่อย” เสียงพลพลเอ่ยถามคนตัวเล็ก พลางขอให้เธอเปิดประตู สลับกับเสียงอาเจียนที่ยังคงดังออกมาเป็นระยะ“แปบนึงนะพล หวานขอล้างปากสักหน่อย” เสียงหวานเอ่ยตอบมา ก่อนได้ยินเสียงน้ำไหลดังขึ้น คนตัวเล็กจัดการบ้วนน้ำเพื่อกลั้วล้างปาก เธอลืมนึกถึงอาการนี้เลย ซึ่งทุกวันเธอจะต้องเตรียมน้ำผึ้งมะนาวดื่มในตอนเช้า“หวานปวดหัว” คนตัวเล็กว่าเมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมา ทั้งปวดหัวและแสบคออาหารที่หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดถูกกวาดออกมาจนหมด รู้สึกท้องว่างเบาโหวง“ให้หวานขึ้นมานอนบนเตียงพี่ก่อน คงเพราะเมื่อคืนนอนน้อย เจอแต่เรื่องวุ่นวาย แล้วไหนจะนอนไม่สบายตัวอีก” กลกันต์เอ่ยบอกพลพลเพื่อให้เขาช่วยพยุงน้ำหวานเข้ามา ขยับตัวไปจนชิดขอบเตียงเว้นที่ว่างให้น้ำหวาน ร่างบางจึงถูกพยุงตัวให้นั่งลงบนเตียงคนไข้ ขณะที่กลกันต์พยายามทำตัวให้เล็กที่สุดเพื่อให้น้ำหวานมีพื้นที่“ไหนดูซิ ตัวร้อนหรือเปล่า พี่ว่าหวานตัวอุ่นๆนะ หน้าหวานเริ่มซีดแล้ว เกิดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาจะทำยังไง หรือแผลที่คอจะอักเสบไหม พี่ขอดูหน่อย เรียกคุณหมอดีกว่า” ทันที่ที่นั่งลง กลกันต์ใช้ฝ่ามืออังที่หน้าผากเล็ก พลางส
“อุ๊ย หวานลืมตัวค่ะพี่กันต์” เมื่อได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บเพราะแขนเล็กพาดผ่านบาดแผลทำให้เขาร้องขึ้นมา ร่างเล็กจึงคลายอ้อมกอด และผละตัวออกห่างเล็กน้อย “พี่ขอโทษ ไว้แผลหายพี่จะเป็นฝ่ายเข้าไปกอดหวานเอง” “งั้นหวานกอดตรงนี้แทนได้หรือเปล่าคะ” ว่าแล้วมือเล็กที่พึ่งคลายออกจึงยกขึ้นโอบรอบคอของเขา เงยหน้ามองสบสายตามองจ้องเข้าไปในดวงตาของคนตรงหน้า “คิดถึงพี่กันต์นะคะ” ทันทีที่พูดจบปากเล็กยื่นเข้าไปประกบริมฝีปากหนาทันที กดแช่ไว้เพียงเสี้ยววินาทีก่อนถอนออกมา “สอนไปตั้งเยอะ ทำแค่นี้?” กลกันต์ว่า พร้อมแกล้งทำหน้าตาผิดหวัง ไอ้เขาก็นึกว่าเธอจะจัดเต็มให้ อดไม่ได้ที่จะยื่นมือหนาเข้าเช็ดหยาดน้ำตาที่ยังเอ่อคลอดวงหน้างาม “นี่แหน่ะ ไม่ต้องมาทำหน้าหื่นเลยค่ะ ลดๆลงบ้างเถอะ ที่นี่โรงพยาบาลนะคะ” นิ้วเล็กบิดเบาๆขนต้นแขนใหญ่ เพราะเห็นสายตาที่คนตรงหน้าส่งมาให้จนอดรู้สึกขัดเขินไม่ได้ “โอ๊ยยยย พี่ก็หื่นแค่กับหวาน งั้นแปลว่าออกจากโรงพยาบาลหื่นได้ใช่ไหม” “อีกข้างไหมคะพี่กันต์” คนตัวเล็กขู่พร้อมยกมือขึ้นชู เป็นการบอกว่าถ้าเขายังไม่หย
คุณหมอปพนธีร์และกลกันต์ถูกนำตัวเข้าไปรักษาในโรงพยาบาลทันทีหลังจากเหตุการณ์เริ่มสงบลง สร้อยที่กำลังคลุ้มคลั่งเสียสติเธอกรีดร้องอยู่ตลอดเวลา ขณะถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่รวมถึงบอดี้การ์ดของเธอ ร่างเล็กของน้ำหวานวิ่งตามเตียงขนย้ายผู้ป่วยทั้งสองเตียง โดยมีบุรุษพยาบาลกำลังเข็นย้ายเข้าไปด้านใน “เกิดอะไรขึ้นน้ำหวาน” เสียงพลพลดังมาจากเบื้องหน้าพร้อมกับตัวเขาวิ่งเข้ามาหาเธอ เขานั่งเฝ้านิคที่หน้าห้องเดิม กว่าจะรู้อีกทีพบว่าเธอและโก๋หายไปซื้อเครื่องดื่มกันนาน ตามด้วยเหตุการณ์ที่มีเหล่าเจ้าหน้าที่ภายในโรงพยาบาลวิ่งกรูออกไปด้านหน้าเขาจึงตามออกมา “พล ฮรือ” ร่างเล็กวิ่งเข้าไปสวมกอดเพื่อนเอาไว้ปล่อยให้น้ำหูน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ไม่รู้จะเริ่มพูดว่าอะไร ทั้งเสียใจที่กับสิ่งที่หมอปพนธีร์ทำกับแม่ของเธอและน้าสร้อย เป็นสิ่งที่เจ็บฝังใจลูกผู้หญิง เธอนึกไม่ออกเลยว่าถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเธอจะรับมือได้ยังไง ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งที่คนรักควรมีให้กัน แค่ได้นึกเหตุการณ์ที่กลกันต์เกือบนอกใจเธอก็เจ็บมากพอแล้ว แต่เรื่องราวของเธอโชคดีที่กลกันต์มั่นคง และมีสติพอ