“นายรู้ไหมว่าถ้ากล้ามีเรื่องกับฉันจะมีจุดจบแบบไหน?” หานเฟิงพูดพร้อมกัดฟัน"จุดประสงค์ที่พวกนายมาที่นี่ก็เพื่อทำลายฉันไม่ใช่เหรอ? หรือว่าจุดจบแบบนี้ยังไม่พออีก" หานซานเฉียนกล่าว กล้ามีเรื่องกับเขาอย่างงั้นเหรอ? ในเมื่ออยู่ในสถานการณ์นี้อยู่แล้ว จะมีเรื่องมากกว่านี้อีกได้อย่างไรหานเฟิงพูดไม่ออก ทำได้เพียงรีบกลับออกไป เพราะกลัวว่าจะถูกทุบตีอีกตามคำกล่าวที่ว่า ลูกผู้ชายสิบปีค่อยล้างแค้นก็ยังไม่สาย หานเฟิงคิดว่าไม่จำเป็นต้องเถียงกับหานซานเฉียนถ้าไม่มีตัวช่วยอยู่ข้าง ๆ อย่างไรก็ตาม ไอ้ขยะนี่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ต่อเขาอยู่ดี ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องทำให้ตัวเองเดือดร้อนเพราะความอารมณ์ร้าย"ทำไมตระกูลหานในอเมริกาถึงได้มีขยะแบบนี้" หานซานเฉียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ยังไงก็ถือเป็นสิ่งมีชีวิตอันดับต้น ๆ ในพื้นที่คนจีนของสหรัฐอเมริกา แต่หานเฟิงนั้นไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง จนทำให้หานซานเฉียนมองตระกูลหานในอเมริกาต่างออกไป “เขาก็แค่ถูกฝึกให้เป็นคนไร้ประโยชน์โดยหานเหยียนน่ะสิ” ฉี๋อีหยุนกล่าว“หมายความว่ายังไง?” หานซานเฉียนถามอย่างงงงวย"คุณถามฉันเหรอ? อยากได้คำตอบไหมล่ะ? เมื่อกี้คุ
เมื่อฉี๋อีหยุนออกมาจากห้องน้ำ เธอก็แทบองค์ลง นึกไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าหานซานเฉียนเป็นคนแบบไหนกันแน่ เขากลับห้องแล้วก็ช่าง แต่นี่เขายังเอาแอปเปิลกลับไปด้วยอีก ผู้ชายแบบนี้ทำบุญด้วยอะไรกัน ซูหยิงเซี่ยถึงได้ตกหลุมรักและยอมแต่งงานกับเขากันนะ?แต่เมื่อฉี๋อีหยุนกลับมาที่ห้องและเห็นแอปเปิลวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง เธอก็รู้ว่าหานซานเฉียนจงใจแกล้งเธอ แม้ว่าในใจจะนึกโกรธ แต่เธอก็ยังกินแอปเปิลอยู่ดีหลังจากกินเสร็จ ฉี๋อีหยุนก็พูดกับตัวเองด้วยท่าทางขุ่นเคือง "เธอนี่มันไร้ประโยชน์จริง ๆ แค่หลอกล่อด้วยของหวาน แล้วก็มาทำดีด้วย ผู้ชายแบบนี้ควรถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ ไม่ใช่เหรอ?" คืนนั้นฉี๋อีหยุนที่ได้กินแอปเปิลก็นอนหลับสนิท แม้ว่าจะปากแข็ง แต่เธอก็แอบรู้สึกมีความสุขอยู่ภายในใจ เช้าวันรุ่งขึ้น หานซานเฉียนออกไปวิ่งในตอนเช้าตามปกติ แต่วันนี้แทนที่จะพบกับมี่เฟยเอ๋อร์ เขากลับได้พบหยางเหมิงแทน ซึ่งนั่นทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย เขาอาศัยอยู่ที่นี่มานานแล้ว แต่เขาไม่เคยเห็นหยางเหมิงออกมาวิ่งจ๊อกกิ้งในตอนเช้ามาก่อนเลยหยางเหมิงเป็นคนที่ไม่ชอบออกกำลังกาย แต่หลังจากที่เธอได้ยินมี่เฟยเอ๋อร์บอกว่าหานซานเฉียนออกมาวิ่งทุก
“นายเอาชนะไอ้ตัวเล็กนั่นไม่ได้เหรอ? ไม่น่าใช่แล้วมั้ง” ชายที่ยืนถัดจากชายสักลายพูดพร้อมกับเม้มปากมองไปที่หานซานเฉียนด้วยสายตาดูถูกชายสักลายยิ้มอย่างเย็นชา ครั้งที่แล้วเขาก็ดูถูกหานซานเฉียนแบบนี้ แต่สุดท้ายเขาก็ถูกสั่งสอนอย่างหนักจากหานซานเฉียน ความแข็งแกร่งของเขาไม่สามารถมองได้ด้วยตาเปล่า “อย่าประมาท ไอ้หมอนั่นสู้เก่งมาก” ชายสักลายกล่าว“จะเก่งสักแค่ไหนกัน จากที่ฉันดูหมัดเดียวก็สามารถจัดการมันได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้คนเยอะขนาดนี้ด้วยซ้ำ” ชายคนนั้นพูดอย่างดูถูกเหยียดหยามชายสักลายมองไปที่คนอื่น ๆ ทุกคนล้วนมีสีหน้าไม่ต่างกัน แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะหานซานเฉียนดูภายนอกก็เหมือนเป็นคนที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ“ระวังไว้ดีกว่า วันนี้ฉันขอให้พวกนายมาช่วยล้างแค้น อย่าได้เสียหน้าอีก” ชายสักลายกล่าว“ไม่ต้องกังวล ถ้าไม่สามารถเอาชนะไอ้ไก่อ่อนนี้ได้ ก็เท่ากับทำให้พี่หย่งเสียหน้าไม่ใช่หรือไง?” คนที่พูดคือลูกน้องของลูกน้องหลินหย่งอีกที แต่เขาแอบอ้างชื่อหลินหย่งในการหลอกลวงผู้คนมากมายในหยุนเฉิง พวกคนที่มีสถานะต่ำต้อย ก็ปฏิบัติต่อเขาเหมือนพี่ใหญ่ แต่ที่จริงแล้วเขาไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะยืนอยู่ข้าง ๆ ห
เมื่อเห็นการโจมตีของอีกฝ่าย ผู้คนที่อยู่รอบตัวหานซานเฉียนต่างก็กลัวโดนลูกหลงไปด้วย จึงหลบอยู่ห่าง ๆ อย่างที่พวกเขาพูด หากหานซานเฉียนต้องการที่จะอยู่ต่อสู้ต่อ พวกเขาก็จะไม่ช่วย"ไอ้หมอนี่ไม่รู้จักฟังคำแนะนำของคนอื่นเลยจริง ๆ ต้องถูกตีก่อนถึงจะพอใจหรือไง?"“คนหนุ่มสมัยนี้ไม่รู้จักว่าอะไรดีอะไรชั่ว และไม่รู้จักกาลเทศะเอาซะเลย”“แต่ฉันไม่คิดอย่างนั้น ในเมื่อเขามั่นใจที่จะอยู่ต่อ บางทีเขาอาจไม่ได้ใส่ใจพวกนั้นจริง ๆ ก็ได้”บางคนก็พูดซ้ำเติม แต่บางคนก็คาดหวังกับหานซานเฉียน น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดแบบนั้น แต่กลับหัวเราะเยาะแทน“พูดเป็นเล่น ฝั่งตรงข้ามมีตั้งหกคน ดูกล้ามนั่นสิ เขาเทียบได้เหรอ?”"ใช่ ใช่ แตกต่างกันขนาดนั้น ถ้าไม่ได้ตาบอด ก็ต้องมองออกบ้างล่ะ" ตอนนั้นเองที่กำปั้นขนาดใหญ่ของคนที่อ้างว่าเป็นลูกน้องของหลินหย่งใกล้เข้ามาที่หน้าของหานซานเฉียนเขาคิดว่าความเร็วของตัวเองนั้นเร็วมาก หานซานเฉียนไม่มีทางหลบได้ทัน เมื่อคิดดังนั้นรอยยิ้มก็ผุดขึ้นมาที่มุมปากคนกระจอกแบบนี้แค่เขาคนเดียวก็เอาอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าทำไมชายร่างใหญ่ถึงได้แพ้ไอ้หมอนี่ได้“ไอ้หมอนั่นคงไม่ได้โง่หรอกนะ ทำไ
ทันทีที่เขาลงมือ คนคนนั้นก็ล้มลงกับพื้น นั่นหมายความว่าหากเขาลงมือหกครั้ง ก็จะมีหกคนที่ลงไปนอนอยู่บนพื้นไม่ใช่เหรอ?"แม่เจ้า หรือว่ายังมีปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้อยู่อย่างงั้นเหรอ?"“ชายหนุ่มคนนี้คงไม่ใช่ปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้หรอกนะ มิน่าล่ะ เขาถึงดูไม่ได้ใส่ใจคนพวกนั้นสักเท่าไหร่”"ฉันคิดว่าศิลปะการต่อสู้เป็นของปลอมซะอีก คิดไม่ถึงเลยว่าจะยังมีอยู่?" เสียงของผู้ชมดังขึ้นด้วยความตกใจและประหลาดใจ ในขณะเดียวกัน หานซานเฉียนก็รุกไม่หยุด เขาโจมตีคนเหล่านั้นราวกับพายุหานซานเฉียนที่คนอื่นคิดว่าเป็นคนอ่อนแอ ได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งของเขาด้วยหมัดในเวลาเพียงไม่ถึง สองนาที คู่ต่อสู้ทั้งหกล้มลงไปกองอยู่บนพื้น และเขายืนตัวตรงด้วยจิตใจอันแน่วแน่! อะไรที่เรียกว่าชายชาตรี หานซานเฉียนได้อธิบายไว้อย่างบูรณ์แบบ“สุดยอด สุดยอดมากจริง ๆ”“เขาสามารถจัดการคนพวกนั้นได้จริงด้วย ไม่ได้แค่โม้”“ทรงพลังสุด ๆ ไม่รู้ว่าเขาจะรับลูกศิษย์ไหม ฉันอยากจะเป็นลูกศิษย์ของเขาจัง”ฝูงชนที่เฝ้าดูต่างก็เบิกตากว้างจนลูกตาแทบถลนออกมากับฉากที่ไม่น่าเชื่อนี้ คนกลุ่มน้อยที่เชื่อในตัวหานซานเฉียนตั้งแต่แรก ตอนนี้พวกเขารู้สึกภู
หานซานเฉียนไม่ได้อึ้งเพราะว่ากลัว เขาแค่รู้สึกแปลกใจถ้าชายคนนี้เป็นลูกน้องของหลินหย่ง และถ้าเป็นมือขวาของเขาจริง ก็ต้องไปที่คลับเมจิกซิตี้เป็นประจำสิ และหากอยู่ที่คลับเมจิกซิตี้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เคยเห็นหน้าเขาคำอธิบายเดียวที่หานซานเฉียนคิดได้คือผู้ชายคนนี้กำลังคุยโม้ เขาอาจมีความสัมพันธ์บางอย่างกับหลินหย่ง แต่เขาไม่ใช่ลูกน้องของหลินหย่งอย่างแน่นอน"นายไม่ใช่คนธรรมดาจริง ๆ ด้วยรู้จักแม้กระทั่งหลินหย่ง" หานซานเฉียนกล่าวด้วยรอยยิ้มเมื่อได้ยินคำเยินยอ ชายคนนั้นก็มีสีหน้าพึงพอใจมากยิ่งขึ้นก่อนจะพูดว่า "ตอนนี้แกรู้แล้วล่ะสิว่าฉันแข็งแกร่งแค่ไหน ทำไมยังไม่คุกเข่าขอโทษฉันอีก" หานซานเฉียนส่ายหัวเบา ๆ และพูดว่า "แม้ว่าหลินหย่งจะมาที่นี่ แต่เขาก็ไม่มีความกล้าพอที่จะขอให้ฉันขอโทษ แล้วนายล่ะเป็นใคร?""ไอ้หนู แกกล้าดูถูกพี่หลินหย่งเหรอ?" ชายคนนั้นกัดฟันและมองไปที่หานซานเฉียน คิดไม่ถึงว่าขนาดอ้างชื่อหลินหย่งออกไปแล้ว แต่ชายคนนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอม เขามักจะใช้มุกนี้ และมันก็ได้ผลดีมากมาตลอด"งั้นนายก็ลองเรียกหลินหย่งมาดูสิ ดูว่าเขาจะกล้าให้ฉันขอโทษไหม?" หานซานเฉียนกล่าวมีความตื่นตระห
“ฉันจะหนีไปได้ยังไง? แกอย่ามาหลอกให้ฉันกลัวหน่อยเลย” ชายคนนั้นแสร้งทำเป็นสงบ ถ้าเขาวิ่งหนี ในอนาคตจะมีใครนับถือเขาอีก?"กล้าหาญไม่น้อย แต่ถ้านายคิดว่าฉันกำลังโม้ล่ะก็ นายคิดผิดมหันต์" หานซานเฉียนพูด จากนั้นก็เดินไปซื้อน้ำเต้าหู้และปลาท่องโก๋กินเมื่อดูอย่างผิวเผิน ท่าทีที่สงบและมั่นใจของหานซานเฉียนทำให้ผู้ชมเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น ในทางกลับกัน ท่าทางของชายคนนั้นดูวิตกย่างเห็นได้ชัด ร่างกายของเขาสั่นเทา และดูเหมือนว่าจะเริ่มกลัวมากขึ้นเรื่อย ๆเดิมทีคนที่ซื้ออาหารเช้าล้วนเป็นพนักงานออฟฟิศ หลังจากซื้อน้ำเต้าหู้และปลาท่องโก๋เสร็จแล้ว พวกเขาก็ควรที่จะรีบไปบริษัท แต่ตอนนี้ไม่มีใครยอมไปไหน พวกเขาต่างต้องการรอดูผลสุดท้ายของเรื่องนี้วันนี้ฉีหลานมาสายเล็กน้อย เมื่อเธอมาถึง หานซานเฉียนก็กำลังดื่มน้ำเต้าหู้และกินปลาท่องโก๋อยู่แล้ว เธอไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น แต่บรรยากาศในที่เกิดเหตุทำให้เธอรู้สึกแปลกเล็กน้อย เมื่อเดินไปหาหานซานเฉียนฉีหลานก็ถามขึ้น "คนนั้นตามมาหาเรื่องพี่เหรอคะ?"“ใช่ แต่ไม่สำเร็จ” หานซานเฉียนพูดเสียงนิ่ง ฉีหลานชำเลืองมองชายร่างใหญ่สักลายที่แขน และถามเบา ๆ ว่า "ไม่ส
"หลินหย่ง หลินหย่งมาที่นี่จริง ๆ ด้วย!"“ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่ เขาเรียกหลินหย่งมาได้จริง ๆ!”"ไม่คิดเลยว่าคนที่ซื้ออาหารเช้ากับฉันทุกวันจะเป็นคนใหญ่คนโต"ตอนนี้สายตาของผู้คนจับจ้องไปที่หานซานเฉียนด้วยสีหน้าตกตะลึง และไม่อยากจะเชื่อแม้ว่าแต่ละคนจะมีสีหน้าแตกต่างกันออกไป แต่ทุกคนต่างก็ตกใจจนถึงขีดสุดเหมือนกันบางคนที่ตอนแรกไม่เชื่อหานซานเฉียน ตอนนี้ก็ได้รู้แล้วว่าสายตาของตัวเองแย่แค่ไหน และเข้าใจความแตกต่างระหว่างพวกเขากับหานซานเฉียนแล้วเช่นกันหลินหย่งวิ่งเหงื่อแตกไปหาหานซานเฉียน และรีบตะโกนพร้อมแสดงความเคารพทันที "พี่ซานเฉียน"เมื่อฝูงชนเห็นท่าทางของหลินหย่งก็เกิดความโกลาหลขึ้นอีกครั้ง เพราะท่าทางแบบนี้แสดงว่าไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดา สถานะของหานซานเฉียนสูงกว่าหลินหย่งอย่างเห็นได้ชัด!“ฉันขนลุกไปหมดแล้ว สรุปแล้วเขาเป็นใครกันแน่? แม้แต่หลินหย่งก็ยังต้องก้มหัวให้!”“กลายเป็นว่าไอ้คนนั้นต่างหากที่โม้ รีบดูหน้าเขาสิ น่าบิดเบี้ยวอย่างกับกินอุจจาระ”"คนขี้โม้เจอคนเก่งจริง ๆ เข้านี่แหละหนาคือความต่าง" ชายคนนั้นรู้สึกสิ้นหวัง เขาไม่เคยนึกมาก่อนว่าคำโกหกของเขาจะถูกเปิดโปงภายใต้สถานก