เมื่อเห็นการโจมตีของอีกฝ่าย ผู้คนที่อยู่รอบตัวหานซานเฉียนต่างก็กลัวโดนลูกหลงไปด้วย จึงหลบอยู่ห่าง ๆ อย่างที่พวกเขาพูด หากหานซานเฉียนต้องการที่จะอยู่ต่อสู้ต่อ พวกเขาก็จะไม่ช่วย"ไอ้หมอนี่ไม่รู้จักฟังคำแนะนำของคนอื่นเลยจริง ๆ ต้องถูกตีก่อนถึงจะพอใจหรือไง?"“คนหนุ่มสมัยนี้ไม่รู้จักว่าอะไรดีอะไรชั่ว และไม่รู้จักกาลเทศะเอาซะเลย”“แต่ฉันไม่คิดอย่างนั้น ในเมื่อเขามั่นใจที่จะอยู่ต่อ บางทีเขาอาจไม่ได้ใส่ใจพวกนั้นจริง ๆ ก็ได้”บางคนก็พูดซ้ำเติม แต่บางคนก็คาดหวังกับหานซานเฉียน น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดแบบนั้น แต่กลับหัวเราะเยาะแทน“พูดเป็นเล่น ฝั่งตรงข้ามมีตั้งหกคน ดูกล้ามนั่นสิ เขาเทียบได้เหรอ?”"ใช่ ใช่ แตกต่างกันขนาดนั้น ถ้าไม่ได้ตาบอด ก็ต้องมองออกบ้างล่ะ" ตอนนั้นเองที่กำปั้นขนาดใหญ่ของคนที่อ้างว่าเป็นลูกน้องของหลินหย่งใกล้เข้ามาที่หน้าของหานซานเฉียนเขาคิดว่าความเร็วของตัวเองนั้นเร็วมาก หานซานเฉียนไม่มีทางหลบได้ทัน เมื่อคิดดังนั้นรอยยิ้มก็ผุดขึ้นมาที่มุมปากคนกระจอกแบบนี้แค่เขาคนเดียวก็เอาอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าทำไมชายร่างใหญ่ถึงได้แพ้ไอ้หมอนี่ได้“ไอ้หมอนั่นคงไม่ได้โง่หรอกนะ ทำไ
ทันทีที่เขาลงมือ คนคนนั้นก็ล้มลงกับพื้น นั่นหมายความว่าหากเขาลงมือหกครั้ง ก็จะมีหกคนที่ลงไปนอนอยู่บนพื้นไม่ใช่เหรอ?"แม่เจ้า หรือว่ายังมีปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้อยู่อย่างงั้นเหรอ?"“ชายหนุ่มคนนี้คงไม่ใช่ปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้หรอกนะ มิน่าล่ะ เขาถึงดูไม่ได้ใส่ใจคนพวกนั้นสักเท่าไหร่”"ฉันคิดว่าศิลปะการต่อสู้เป็นของปลอมซะอีก คิดไม่ถึงเลยว่าจะยังมีอยู่?" เสียงของผู้ชมดังขึ้นด้วยความตกใจและประหลาดใจ ในขณะเดียวกัน หานซานเฉียนก็รุกไม่หยุด เขาโจมตีคนเหล่านั้นราวกับพายุหานซานเฉียนที่คนอื่นคิดว่าเป็นคนอ่อนแอ ได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งของเขาด้วยหมัดในเวลาเพียงไม่ถึง สองนาที คู่ต่อสู้ทั้งหกล้มลงไปกองอยู่บนพื้น และเขายืนตัวตรงด้วยจิตใจอันแน่วแน่! อะไรที่เรียกว่าชายชาตรี หานซานเฉียนได้อธิบายไว้อย่างบูรณ์แบบ“สุดยอด สุดยอดมากจริง ๆ”“เขาสามารถจัดการคนพวกนั้นได้จริงด้วย ไม่ได้แค่โม้”“ทรงพลังสุด ๆ ไม่รู้ว่าเขาจะรับลูกศิษย์ไหม ฉันอยากจะเป็นลูกศิษย์ของเขาจัง”ฝูงชนที่เฝ้าดูต่างก็เบิกตากว้างจนลูกตาแทบถลนออกมากับฉากที่ไม่น่าเชื่อนี้ คนกลุ่มน้อยที่เชื่อในตัวหานซานเฉียนตั้งแต่แรก ตอนนี้พวกเขารู้สึกภู
หานซานเฉียนไม่ได้อึ้งเพราะว่ากลัว เขาแค่รู้สึกแปลกใจถ้าชายคนนี้เป็นลูกน้องของหลินหย่ง และถ้าเป็นมือขวาของเขาจริง ก็ต้องไปที่คลับเมจิกซิตี้เป็นประจำสิ และหากอยู่ที่คลับเมจิกซิตี้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เคยเห็นหน้าเขาคำอธิบายเดียวที่หานซานเฉียนคิดได้คือผู้ชายคนนี้กำลังคุยโม้ เขาอาจมีความสัมพันธ์บางอย่างกับหลินหย่ง แต่เขาไม่ใช่ลูกน้องของหลินหย่งอย่างแน่นอน"นายไม่ใช่คนธรรมดาจริง ๆ ด้วยรู้จักแม้กระทั่งหลินหย่ง" หานซานเฉียนกล่าวด้วยรอยยิ้มเมื่อได้ยินคำเยินยอ ชายคนนั้นก็มีสีหน้าพึงพอใจมากยิ่งขึ้นก่อนจะพูดว่า "ตอนนี้แกรู้แล้วล่ะสิว่าฉันแข็งแกร่งแค่ไหน ทำไมยังไม่คุกเข่าขอโทษฉันอีก" หานซานเฉียนส่ายหัวเบา ๆ และพูดว่า "แม้ว่าหลินหย่งจะมาที่นี่ แต่เขาก็ไม่มีความกล้าพอที่จะขอให้ฉันขอโทษ แล้วนายล่ะเป็นใคร?""ไอ้หนู แกกล้าดูถูกพี่หลินหย่งเหรอ?" ชายคนนั้นกัดฟันและมองไปที่หานซานเฉียน คิดไม่ถึงว่าขนาดอ้างชื่อหลินหย่งออกไปแล้ว แต่ชายคนนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอม เขามักจะใช้มุกนี้ และมันก็ได้ผลดีมากมาตลอด"งั้นนายก็ลองเรียกหลินหย่งมาดูสิ ดูว่าเขาจะกล้าให้ฉันขอโทษไหม?" หานซานเฉียนกล่าวมีความตื่นตระห
“ฉันจะหนีไปได้ยังไง? แกอย่ามาหลอกให้ฉันกลัวหน่อยเลย” ชายคนนั้นแสร้งทำเป็นสงบ ถ้าเขาวิ่งหนี ในอนาคตจะมีใครนับถือเขาอีก?"กล้าหาญไม่น้อย แต่ถ้านายคิดว่าฉันกำลังโม้ล่ะก็ นายคิดผิดมหันต์" หานซานเฉียนพูด จากนั้นก็เดินไปซื้อน้ำเต้าหู้และปลาท่องโก๋กินเมื่อดูอย่างผิวเผิน ท่าทีที่สงบและมั่นใจของหานซานเฉียนทำให้ผู้ชมเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น ในทางกลับกัน ท่าทางของชายคนนั้นดูวิตกย่างเห็นได้ชัด ร่างกายของเขาสั่นเทา และดูเหมือนว่าจะเริ่มกลัวมากขึ้นเรื่อย ๆเดิมทีคนที่ซื้ออาหารเช้าล้วนเป็นพนักงานออฟฟิศ หลังจากซื้อน้ำเต้าหู้และปลาท่องโก๋เสร็จแล้ว พวกเขาก็ควรที่จะรีบไปบริษัท แต่ตอนนี้ไม่มีใครยอมไปไหน พวกเขาต่างต้องการรอดูผลสุดท้ายของเรื่องนี้วันนี้ฉีหลานมาสายเล็กน้อย เมื่อเธอมาถึง หานซานเฉียนก็กำลังดื่มน้ำเต้าหู้และกินปลาท่องโก๋อยู่แล้ว เธอไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น แต่บรรยากาศในที่เกิดเหตุทำให้เธอรู้สึกแปลกเล็กน้อย เมื่อเดินไปหาหานซานเฉียนฉีหลานก็ถามขึ้น "คนนั้นตามมาหาเรื่องพี่เหรอคะ?"“ใช่ แต่ไม่สำเร็จ” หานซานเฉียนพูดเสียงนิ่ง ฉีหลานชำเลืองมองชายร่างใหญ่สักลายที่แขน และถามเบา ๆ ว่า "ไม่ส
"หลินหย่ง หลินหย่งมาที่นี่จริง ๆ ด้วย!"“ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่ เขาเรียกหลินหย่งมาได้จริง ๆ!”"ไม่คิดเลยว่าคนที่ซื้ออาหารเช้ากับฉันทุกวันจะเป็นคนใหญ่คนโต"ตอนนี้สายตาของผู้คนจับจ้องไปที่หานซานเฉียนด้วยสีหน้าตกตะลึง และไม่อยากจะเชื่อแม้ว่าแต่ละคนจะมีสีหน้าแตกต่างกันออกไป แต่ทุกคนต่างก็ตกใจจนถึงขีดสุดเหมือนกันบางคนที่ตอนแรกไม่เชื่อหานซานเฉียน ตอนนี้ก็ได้รู้แล้วว่าสายตาของตัวเองแย่แค่ไหน และเข้าใจความแตกต่างระหว่างพวกเขากับหานซานเฉียนแล้วเช่นกันหลินหย่งวิ่งเหงื่อแตกไปหาหานซานเฉียน และรีบตะโกนพร้อมแสดงความเคารพทันที "พี่ซานเฉียน"เมื่อฝูงชนเห็นท่าทางของหลินหย่งก็เกิดความโกลาหลขึ้นอีกครั้ง เพราะท่าทางแบบนี้แสดงว่าไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดา สถานะของหานซานเฉียนสูงกว่าหลินหย่งอย่างเห็นได้ชัด!“ฉันขนลุกไปหมดแล้ว สรุปแล้วเขาเป็นใครกันแน่? แม้แต่หลินหย่งก็ยังต้องก้มหัวให้!”“กลายเป็นว่าไอ้คนนั้นต่างหากที่โม้ รีบดูหน้าเขาสิ น่าบิดเบี้ยวอย่างกับกินอุจจาระ”"คนขี้โม้เจอคนเก่งจริง ๆ เข้านี่แหละหนาคือความต่าง" ชายคนนั้นรู้สึกสิ้นหวัง เขาไม่เคยนึกมาก่อนว่าคำโกหกของเขาจะถูกเปิดโปงภายใต้สถานก
“ไม่ ไม่ครับ พี่หย่ง ผมกับเขาเป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้น” ชายร่างใหญ่รีบสีส่ายหัวรัว ๆท่าทีของคนอื่นก็ไม่ต่างจากชายร่างใหญ่ ไม่มีใครกล้ายอมรับว่าตนเองเป็นพวกเดียวกับชายคนนั้นเลยสักคน“พาตัวมันตามฉันมา” หลินหย่งสั่งชายร่างใหญ่เดินไปหาชายคนนั้นโดยไม่ลังเล และจับแขนเขาไว้เขาพยายามดิ้นหนี แต่ชายร่างใหญ่ก็ไม่ปล่อยให้เขาหลุดมือไปได้ เขาทุบตีชายคนนั้นอย่างแรงจนเขาไม่มีแรงขัดขืน “พี่ซานเฉียน ผมขอตัวก่อนนะครับ” หลินหย่งพูดกับหานซานเฉียนเมื่อได้ยินคำว่าพี่ซานเฉียนในระยะใกล้ ชายร่างใหญ่และคนอื่น ๆ ก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น แม้แต่หลินหย่งยังเรียกเขาว่าพี่ ดังนั้นก็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะมีสถานะเทียบเท่ากับม่อหยางตอนนั้นเอง ชายร่างใหญ่ก็ตระหนักได้ว่าความคิดเรื่องการแก้แค้นของเขานั้นโง่เขลาแค่ไหน เขาควรที่จะหายไปจากหน้าหานซานเฉียนตลอดกาล โชคดีที่วันนี้มีแพะรับบาปแทนเขา ไม่เช่นนั้นเดาไม่ออกเลยว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรหลังจากที่หลินหย่งพาคนพวกนั้นออกไปแล้ว ร้านอาหารเช้าก็กลับเข้าสู่ความสงบตามปกติ และฝูงชนก็ค่อย ๆ พากันแยกย้ายหลังจากที่หานซานเฉียนกินในส่วนของตัวเองเสร็จ เขาก็กลับไปที่ร้านเพื
คำอธิบายของฉี๋อีหยุน ทำให้หานซานเฉียนรู้จักหานเหยียนอย่างลึกซึ้ง ถ้าเธอเป็นผู้หญิงที่โหดร้ายแบบนั้นจริง เขาจะต้องระมัดระวังในการจัดการเธอมากยิ่งขึ้นแม้ว่าตอนนี้หานเหยียนจะแสดงท่าทางเย่อหยิ่ง และยังไม่ได้ลงมือจัดการกับตระกูลซู แต่เมื่อไหร่ที่เธอหมดหนทาง ตระกูลซูก็จะกลายเป็นเครื่องมือแบล็กเมลของเธออย่างแน่นอนเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย แม้แต่น้องชายแท้ ๆ เธอก็ยังหลอกใช้ได้ แล้วจะมีอะไรที่เธอทำไม่ได้อีก?"ดูเหมือนว่าตอนนี้หยิงเซี่ยจะไม่ปลอดภัย" หานซานเฉียนกล่าวที่ฉี๋อีหยุนพูดทั้งหมดนี้ เพราะต้องการให้เขาระมัดระวังมากขึ้น แต่สิ่งที่เขากังวลคือซูหยิงเซี่ย ฉี๋อีหยุนได้แต่ถอนหายใจในใจ เธอรู้ว่าไม่ว่าเมื่อไหร่และที่ไหน บุคคลที่สำคัญที่สุดในใจของหานซานเฉียนก็คือ ซูหยิงเซี่ย“มันคงดีไม่น้อยถ้าคุณสนใจฉันแบบนี้บ้าง” ฉี๋อีหยุนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง“รีบกินเถอะ ผมไปก่อนนะ” หลังจากที่หานซานเฉียนพูดจบ เขาก็หันหลังและเดินออกจากบ้านไปณ โรงแรมเพนนินซูล่า หานเหยียนกำลังนอนอยู่บนเตียงอย่างสง่างามด้วยอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น โดยไม่มีผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง ท่านอนของเธอนั้นสวยงามซึ่งแตกต่างจากหลายคนที่ให้ความสำ
“ฉันไม่เคยบอกว่าต้องการแต่งงาน” หานเหยียนกล่าว“พี่ พี่คือเจ้าหญิงแห่งตระกูลหานของพวกเรา ถ้าพี่ไม่แต่งงาน ก็ต้องถูกคนอื่นหัวเราะเอาได้ไม่ใช่รึไง? พี่ไม่กลัวว่าคนอื่นเค้าจะพูดลับหลังว่าร่างกายของพี่มีความผิดปกติเหรอ?” หานเฟิงหัวเราะหานเหยียนหายใจเข้าลึก เธอรู้สึกว่าวันนี้หานเฟิงในวันนี้แตกต่างไปจากในอดีตมาก และทำให้เธอรู้สึกแปลก ราวกับว่าเขาไม่ใช่น้องชายที่เธอรู้จักอะไรที่ทำให้เขามีความคิดที่เปลี่ยนไปอย่างนี้?"คำพูดพวกนี้ คงไม่ใช่ฉี๋อีหยุนสอนนายหรอกใช่ไหม?" หานเหยียนถาม"เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงคนนึง มีคุณสมบัติอะไรมาสอนผม ถึงผมจะชอบเธอมาก แต่เธอก็เป็นแค่ของเล่นที่ระดับสูงกว่าผู้หญิงคนอื่น ๆ เล็กน้อยเท่านั้น" หานเฟิงพูดนิ่ง ๆถ้าไม่ใช่ฉี๋อีหยุนแล้วมีเหตุผลอะไรอีก? หานเหยียนคิดไม่ออก แต่ถ้าเธอรู้ว่าอะไรที่ทำให้หานเฟิงเปลี่ยนไป เธอจะทำให้คนที่ก่อเหตุนี้หายไปจากโลกอย่างแน่นอน"พี่ เรื่องที่จะจัดการกับหานซานเฉียน ยกให้เป็นหน้าที่ผมแล้วกัน ผมมาเพื่อบอกพี่เรื่องนี้ แล้วเดี๋ยวผมจะแจ้งกับพ่อเอง ผมเชื่อว่าเขาจะต้องเต็มใจให้โอกาสผมฝึกฝนในครั้งนี้ พี่ก็ใช้โอกาสนี้ดูแลผิวพรรณตัวเองให้ดีแล้วกัน