“สวะอย่างแกจะไปมีกำลังได้ยังไง นายน้อยเฟิง คุณขี้เล่นจริง ๆ เลยนะคะ” หานชิงปิดปากและหัวเราะเบา ๆ หานเฟิงพยักหน้าและพูดว่า “ถูกต้อง ฉันจะถามคำถามโง่ ๆ แบบนี้ได้ยังไงล่ะ” “หานซานเฉียน นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่ฉันจะให้นาย ฉันหวังว่านายจะคิดได้ ไม่อย่างนั้น นายจะไม่มีทางรอด” หานเหยียนกล่าว เธอไม่ได้มาที่หยุนเฉิงเพื่อฆ่าหานซานเฉียน สำหรับหานเหยียนแล้ว การเล่นกับสวะให้ตายก็ไม่ทำให้เธอรู้สึกถึงความสำเร็จ การรีบจัดการเรื่องให้เสร็จ และออกจากจีนเป็นความต้องการของหานเหยียน แต่ถ้าหานซานเฉียนยืนยันที่จะแข็งกร้าว หานเหยียนก็ไม่รังเกียจที่จะสอนบทเรียนนองเลือดให้ เมื่อเห็นทั้งสามออกจากสำนักงาน หานซานเฉียนก็ต่อยโต๊ะทันที โต๊ะไม้เนื้อแข็งสั่นสะเทือน เนื่องจากแรงมหาศาล และมีรอยแตกปรากฏขึ้นบนผิวโต๊ะ จงเหลียงตกใจมาก เขาไปเลือกซื้อโต๊ะทำงานตัวนี้ด้วยตัวเอง จู่ ๆ ก็ถูกนายน้อยต่อยแรงขนาดนี้! “นายน้อย พวกเขาน่าเคียดแค้นจริง ๆ เราต้องจัดการกับพวกเขาด้วยวิธีอื่นไหมครับ?” จงเหลียงพูดพร้อมกัดฟัน หายซานเฉียนรู้ว่าจงเหลียงหมายถึงอะไร แม้แต่ฉี๋อีหยุนก็ยังมีผู้มีฝีมืออย่างตงฮ้าวอยู่ข้าง ๆ ดังนั้นเป็นไปได
“หยิงเซี่ย จริง ๆ แล้ว...ผมเป็นหัวหน้าที่อยู่เบื้องหลังบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว” หานซานเฉียนกล่าว “อะไรนะ!” “อะไรนะ!” เจี่ยงหลานและซูกั๋วเย่ายืนขึ้นจากโซฟา และมองไปที่หานซานเฉียนด้วยสายตาไม่เชื่อ ที่แท้ทรัพย์สินของลั่วเฉวเป็นของหานซานเฉียน! กล่าวได้ว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวเคยมีซูหยิงเซี่ยเป็นผู้รับผิดชอบ แต่จริง ๆ แล้วหานซานเฉียนเป็นคนจัดการอย่างลับ ๆ เจี่ยงหลานคิดมาเสมอว่าซูหยิงเซี่ยเก่ง นั่นคือเหตุผลที่จงเหลียงให้ความสำคัญกับเธอ และรู้สึกว่าหานซานเฉียนเกาะผู้หญิงกิน เธอจึงเกลียดหานซานเฉียนมากยิ่งขึ้น แต่ตอนนี้ความคิดดังกล่าวทำให้เจี่ยงหลานหน้าหงาย สิ่งที่เธอคิดล้วนเป็นเรื่องตลก ผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกินในสายตาของเธอ กลับได้ควบคุมทุกอย่างไว้ตั้งนานแล้ว การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในตระกูลซู เป็นเพราะชายคนนี้? “เธอกำลังล้อเล่นเหรอ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวจะเป็นบริษัทของเธอได้ยังไง” เจี่ยงหลานไม่เชื่อ ซูกั๋วเย่าก็มีท่าทางเช่นเดียวกัน หลังจากเป็นสวะในตระกูลซูมาหลายปี จู่ ๆ เขาก็กลายเป็นหัวหน้าที่อยู่เบื้องหลังบริษัทใหญ่ เขาจะเชื่อเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน? “หาน
หานซานเฉียนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ส่วนเจี่ยงหลาน และซูกั๋วเย่าที่นั่งอยู่บนโซฟาก็ดูอกสั่นขวัญหาย ถ้าก่อนหน้านี้พวกเขาไม่รู้จักตัวตนของหานซานเฉียนมาก่อน พวกเขาคงมีความสุขที่ได้เห็นฉากนี้ แต่ตอนนี้เมื่อรู้ตัวตนของหานซานเฉียนแล้ว พฤติกรรมของซูหยิงเซี่ยจึงทำให้พวกเขารู้สึกตื่นตระหนกมาก เขาคือนายน้อยของตระกูลหาน จะไปดึงหูตามอำเภอใจได้อย่างไร! เจี่ยงหลานรีบเดินเข้าไปหาซูหยิงเซี่ยและพูดว่า “หยิงเซี่ย เธอทำอะไรของเธอ รีบปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ เขาเป็นถึงนายน้อยของตระกูลหาน” ซูหยิงเซี่ยไม่ปล่อยมือ แต่ก็ไม่ได้ใช้กำลังมากเกินไปและพูดว่า “นายน้อยแห่งตระกูลหานแล้วไงล่ะคะเขาไม่ใช่สามีของหนูเหรอ?” เจี่ยงหลานตกตะลึงกับประโยคนี้ จริงด้วย แม้ว่าเขาจะเป็นนายน้อยของตระกูลหาน แต่เขาก็เป็นสามีของซูหยิงเซี่ย และลูกเขยของเธอด้วย! สามีภรรยาคู่นี้จีบกันไม่เลิก เธอจะไปยุ่งอะไรกับเขา เมื่อกลับมาที่โซฟาด้วยรอยยิ้ม เจี่ยงหลานก็ไม่กังวลและหวาดกลัวอีกต่อไป เธอมีความสุขมากที่หานซานเฉียนเปลี่ยนจากภาพลักษณ์สวะ มาเป็นนายน้อยของตระกูลหาน สำหรับเธอแล้วนี่เป็นเรื่องที่น่าโอ้อวดมาก ถ้าพวกญาติ ๆ รู้ พวกเธอยังจะก
“มีเงินเท่าไหร่ล่ะ?” เจี่ยงหลานเปิดเผยด้านที่หมกมุ่นเรื่องเงินของเธออีกครั้ง เธอจึงอดถามไม่ได้“ผมเกรงว่าพวกเขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีเงินเท่าไหร่ครับ” หานซานเฉียนยิ้มเจื่อน เขาคิดเสมอว่าเงินไม่สำคัญ แต่ตอนนี้หานซานเฉียนเข้าใจถึงความสำคัญของเงินแล้ว แต่เมื่อเขาต้องการที่จะต่อต้าน เงินเป็นอาวุธที่ใช้งานง่าย และทรงพลังที่สุดเจี่ยงหลานกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว มีเงินมากมายจนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเท่าไหร่ มันเป็นความรู้สึกแบบไหนกันนะ!“ตอนนี้เธอไม่มีความสามารถที่จะจัดการกับหานเหยียนเหรอ? หลังจากที่รู้สึกประหลาดใจ เจี่ยงหลานก็เริ่มกังวลเกี่ยวกับตัวเองอีกครั้ง ในขณะเดียวกัน จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่าตัวตนของนายน้อยแห่งตระกูลหานนั้นไม่มีอะไรเลย และก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะเป็นนายน้อยต่อไปได้หรือไม่หานซานเฉียนรู้สึกได้ถึงอารมณ์ของเจี่ยงหลานที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน แต่เขาคุ้นเคยกับสิ่งเจี่ยงหลานเป็นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ต่อต้านมากนัก“สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่มีทางที่ดีเลยจริง ๆ” หานซานเฉียนกล่าวจู่ ๆ เจี่ยงหลานก็มีสีหน้าเย็นชา เธอลุกขึ้นยืนและพูดว่า “ฉันขอกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนนะ”“แม่
ในห้องนอนใหญ่ของคฤหาสน์บนภูเขา เจี่ยงหลานเป็นกังวลตั้งแต่กลับมาที่ห้อง แม้ว่าตัวตนของหานซานเฉียนจะทำให้เธอตกใจ แต่หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เจี่ยงหลานก็พบว่าตัวตนดังกล่าวไม่มีความหมายเลย เพราะคู่ต่อสู้ที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้แข็งแกร่งกว่าตระกูลหานในเหยียนจิงมาก ซึ่งเกินความเข้าใจของเธอ และถ้ายังเป็นอยู่แบบนี้ จะเป็นการนำภัยคุกคามครั้งใหญ่มาสู่พวกเขาอย่างแน่นอน เจี่ยงหลานเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง แม้กระทั่งตอนนี้เธอไม่ได้เป็นห่วงหานซานเฉียนเลย เธอห่วงแต่ตัวเอง ถ้าหานซานเฉียนไม่มีทางจัดการกับหานเหยียน เธออาจเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์นี้ เจี่ยงหลานมีความสุขกับชีวิตที่สะดวกสบายแบบนี้ และเธอไม่ต้องการให้ใครมาชักจูง “คุณกำลังคิดอะไรอยู่” ซูกั๋วเย่าถาม เมื่อเห็นเจี่ยงหลานเงียบขรึม “ฉันก็กำลังพยายามหาวิธีป้องกันไม่ให้ตระกูลซูเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์นี้น่ะสิ คุณคิดว่าคนอื่นจะไม่มีสมองเหมือนคุณเหรอ ไม่สนใจอะไรสักอย่าง? เจี่ยงหลานพูด พลางมองซูกั๋วเย่าด้วยสายตาเย็นชา ซูกั๋วเย่าถอนหายใจและพูดว่า “เรื่องแบบนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตการเข้าไปยุ
เจี่ยงหลานตัวสั่นด้วยความโกรธ พลันเดินไปหาซูกั๋วเย่าแล้วตบหน้าเขาสองครั้ง และพูดน้ำเสียงเย็นชาว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณก็กินอุจจาระไปคนเดียวเถอะ เจี่ยงหลานอย่างฉันไม่มีทางสูญเสียทุกอย่างที่มีในตอนนี้” ใบหน้าของซูกั๋วเย่าแสบร้อนด้วยความเจ็บปวด แต่เขาก็ยังไม่สะดุ้งแม้แต่น้อย กลับพูดเตือนว่า “ผมว่าทางที่ดีคุณอย่างทำแบบนี้เลย ทำลายความรักของซูหยิงเซี่ยที่มีต่อคุณครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ว่าคุณจะเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดเธอก็ตาม สุดท้ายคุณก็จะทำให้หยิงเซี่ยเกลียดคุณ” “หึ” เจี่ยงหลานตะคอกเสียงเย็นชาและพูดว่า “ฉันไม่คุยเรื่องนี้กับหยิงเซี่ยอยู่แล้ว ฉันจะทำให้หานซานเฉียนถอนตัวออกไปเอง เขารักหยิงเซี่ยไม่ใช่เหรอ เขาก็ต้องปกป้องหยิงเซี่ยจากอันตรายเพียงคนเดียว” ซูกั๋วเย่าถอนหายใจ เขารู้ว่าไม่ว่าเขาจะเกลี้ยกล่อมมากแค่ไหน เจี่ยงหลานก็จะไม่มีวันเปลี่ยนใจ สำหรับเธอแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างหานซานเฉียนและหยิงเซี่ยนั้นไม่สำคัญเลย สิ่งที่สำคัญคือ ชีวิตที่ร่ำรวยของตัวเองเท่านั้น ที่ชั้นล่าง หลังจากที่ซูหยิงเซี่ยได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดของหานซานเฉียน แม้ว่าเธอจะดูไม่เศร้าเลย แต่น้ำตาก็ยังคงไหลอาบสองแก้มของเธอ ในช่
คำพูดของหานซานเฉียนทำให้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกหวาดกลัวอย่างกะทันหัน เห็นได้ชัดว่าใครจะได้รับผลประโยชน์มากที่สุดหลังจากคุณย่าเสียชีวิต เพราะหลังจากคุณย่าเสียชีวิตแล้วเท่านั้น ที่ซูไห่เฉาจะสามารถรับตำแหน่งประธานได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า เรื่องนี้ซูไห่เฉาเป็นคนทำ! เป็นไปได้อย่างไร ซูไห่เฉาทำเรื่องเนรคุณแบบนั้นได้อย่างไร? ถ้าเธอรู้เรื่องนี้จากคนอื่น ซูหยิงเซี่ยคงไม่มีวันเชื่อ แต่หานซานเฉียนไม่มีทางโกหกเธอเด็ดขาด และไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกหกเธอด้วย “ซูไห่เฉาวางยาพิษคุณย่า!” ซูหยิงเซี่ยพูดด้วยความตกใจ “เสียดายที่ผมยังไม่เจอหลักฐานที่แน่ชัด แต่ผมมั่นใจว่าซูไห่เฉาเป็นคนทำ” หานซานเฉียนกล่าว ซูหยิงเซี่ยสูดหายใจลึก จากนั้นก็หายใจออกอย่างแรงและพูดว่า “ถ้าในโลกนี้มีการกลับชาติมาเกิด เธอคงเสียใจมาก ที่แท้หลานชายที่ตัวเองรักมากที่สุดกลับวางยาพิษตัวเอง” “คุณอยากให้มีการกลับชาติมาเกิดไหม?” หานซานเฉียนถามด้วยรอยยิ้ม ซูหยิงเซี่ยกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงพยักหน้าและพูดว่า “อยากค่ะ ฉันอยากให้เธอเสียใจทีหลัง อยากให้เธอรู้ว่าการตัดสินใจของเธอนั้นโง่มากแค่ไหน” เมื่อได้ยินแบบนั้น หานซานเฉียน
“ฉันไม่เข้าใจที่นายพูด” ซูหยิงเซี่ยกล่าว “เป็นธรรมดาที่เธอจะไม่เข้าใจ ถึงยังไงเธอก็ไม่รู้ว่าหานซานเฉียนคือใคร ถ้าเธอสงสัย เธอถามฉันได้นะ แล้วฉันจะบอก” ซูไห่เฉาพูดอย่างภาคภูมิใจ เมื่อก่อนเขาเคยกลัวหานซานเฉียนเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะเป็นลูกชายของตระกูลที่ถูกทอดทิ้ง และมีอำนาจในระดับหนึ่ง แต่ตอนนี้หาน กรุ๊ป ได้ครอบครองบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวแล้ว ซูไห่เฉาจึงคิดว่าหานซานเฉียนไม่มีอะไรต้องกลัว เขาแค่ต้องการนั่งรอผลประโยชน์ และมองดูหานซานเฉียนจบเห่ที่หยุนเฉิง “นายรู้เหรอว่าเขาเป็นใคร?” ซูหยิงเซี่ยถามอย่างสงสัย แม้แต่เธอยังเพิ่งได้รู้เมื่อคืน แล้วซูไห่เฉารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? “อ้อนวอนสิ” ซูไห่เฉาพูดด้วยรอยยิ้ม ซูหยิงเซี่ยตะคอกเสียงเย็นชาว่า “เมื่อคืนเขาบอกฉันหมดแล้ว ทำไมฉันต้องอ้อนวอนนายด้วยล่ะ?” ซูไห่เฉาดูประหลาดใจ หานซานเฉียนเปิดเผยตัวตนของตัวเองเหรอ? ทำไมจู่ ๆ เขาถึงตัดสินใจทำแบบนั้น เป็นไปได้ไหมว่า เขารู้ตัวว่าไม่สามารถสู้กับหาน กรุ๊ปได้ ดังนั้นเขาจึงสารภาพกับซูหยิงเซี่ย? เมื่อคิดแบบนี้ ซูไห่เฉาก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ในที่สุดไอ้สวะนี้ก็รู้จักเจียมตัวสักที “ตอนนี้เธอรู้แล้ว