“ฉันไม่เข้าใจที่นายพูด” ซูหยิงเซี่ยกล่าว “เป็นธรรมดาที่เธอจะไม่เข้าใจ ถึงยังไงเธอก็ไม่รู้ว่าหานซานเฉียนคือใคร ถ้าเธอสงสัย เธอถามฉันได้นะ แล้วฉันจะบอก” ซูไห่เฉาพูดอย่างภาคภูมิใจ เมื่อก่อนเขาเคยกลัวหานซานเฉียนเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะเป็นลูกชายของตระกูลที่ถูกทอดทิ้ง และมีอำนาจในระดับหนึ่ง แต่ตอนนี้หาน กรุ๊ป ได้ครอบครองบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวแล้ว ซูไห่เฉาจึงคิดว่าหานซานเฉียนไม่มีอะไรต้องกลัว เขาแค่ต้องการนั่งรอผลประโยชน์ และมองดูหานซานเฉียนจบเห่ที่หยุนเฉิง “นายรู้เหรอว่าเขาเป็นใคร?” ซูหยิงเซี่ยถามอย่างสงสัย แม้แต่เธอยังเพิ่งได้รู้เมื่อคืน แล้วซูไห่เฉารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? “อ้อนวอนสิ” ซูไห่เฉาพูดด้วยรอยยิ้ม ซูหยิงเซี่ยตะคอกเสียงเย็นชาว่า “เมื่อคืนเขาบอกฉันหมดแล้ว ทำไมฉันต้องอ้อนวอนนายด้วยล่ะ?” ซูไห่เฉาดูประหลาดใจ หานซานเฉียนเปิดเผยตัวตนของตัวเองเหรอ? ทำไมจู่ ๆ เขาถึงตัดสินใจทำแบบนั้น เป็นไปได้ไหมว่า เขารู้ตัวว่าไม่สามารถสู้กับหาน กรุ๊ปได้ ดังนั้นเขาจึงสารภาพกับซูหยิงเซี่ย? เมื่อคิดแบบนี้ ซูไห่เฉาก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ในที่สุดไอ้สวะนี้ก็รู้จักเจียมตัวสักที “ตอนนี้เธอรู้แล้ว
“เธอรักหยิงเซี่ยไหม?” เจี่ยงหลานถามหานซานเฉียน ไม่จำเป็นต้องถามถึงความรักของหานซานเฉียนที่มีต่อซูหยิงเซี่ย แต่เมื่อคำถามนี้ออกมาจากปากของเจี่ยงหลาน กลิ่นอายมันก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย หานซานเฉียนรู้ว่าเจี่ยงหลานเป็นคนแบบไหน ปกติเธอไม่ใช่คนที่จะสนใจเรื่องนี้โดยไม่มีเหตุผล “แน่นอนครับ” หานซานเฉียนกล่าว “ในเมื่อเธอรักหยิงเซี่ย เธอก็มีหน้าที่ต้องปกป้องเธอ และป้องกันไม่ให้เธอได้รับอันตรายใด ๆ” เจี่ยงหลานกล่าวต่อ “มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ในฐานะสามีของเธอ การปกป้องเธอเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ใครก็ตามที่ทำร้ายเธอจะต้องชดใช้” หานซานเฉียนกล่าว เจี่ยงหลานมองลงมาจากภูเขา การที่สามารถชมทิวทัศน์ที่นี่ได้ไม่ใช่คนธรรมดา เธอทานอาหารเช้าที่นี่ทุกวัน เธอเตือนตัวเองทุกช่วงเวลาว่าวันนี้เธอไม่เหมือนเมื่อก่อน คนอื่น ๆ ในหยุนเฉิงไม่สามารถเข้าถึงสถานะของเธอได้ สถานะที่เธออยู่ในตอนนี้ เธอจะไม่ยอมเปลี่ยนตัวเอง แม้ว่าเธอจะไม่สามารถดีขึ้นได้ แต่เธอก็ต้องรักษาทุกอย่างที่เธอมีในตอนนี้ให้ได้ “ฉันรู้สึกขอบคุณมากที่เธอให้พวกเราอาศัยอยู่ที่นี่ และก็ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่ทำเพื่อหยิงเซี่ย ถ้าไม่มีเธอ หยิงเซี่ยก็ค
เจี่ยงหลานยังยืนอยู่ตรงที่เดิม สายตาจ้องไปที่ด้านหลังของหานซานเฉียน เธอไม่สามารถพูดเรื่องนี้กับซูหยิงเซี่ยได้ ดังนั้นหากหานซานเฉียนปฏิเสธ เธอก็ทำได้เพียงเฝ้ามองการถูกหานซานเฉียนเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างช่วยไม่ได้ “หยิงเซี่ย อดทนเพื่อเธอมามากพอแล้ว เธอหยุดทำร้ายเธอได้ไหม” เจี่ยงหลานพูดพลางมองไปที่ด้านหลังของหานซานเฉียน หานซานเฉียนเดินลงมาจากชั้นสอง และมาที่ห้องรับแขก เห็นซูกั๋วเย่านั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก เมื่อซูกั๋วเย่าเห็นหานซานเฉียน เขาก็เดินเข้าไปหาเและพูดว่า “ฉันเชื่อว่าเรื่องนี้ หยิงเซี่ยยินดีที่จะเผชิญหน้ากับนาย” ความคิดของซูกั๋วเย่าค่อนข้างเหนือความคาดหมายของหานซานเฉียน แต่คำพูดเหล่านี้กลับทำให้หานซานเฉียนยิ่งหวั่นไหวมากขึ้น “พ่อครับ บางทีวิธีนี้อาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องซูหยิงเซี่ยก็ได้นะครับ” หานซานเฉียนกล่าว ซูกั๋วเย่าถอนหายใจ เมื่อได้ยินน้ำเสียงของหานซานเฉียน เขาวางแผนที่จะหย่ากับซูหยิงเซี่ย “ถ้านายทำแบบนั้น เธอคงเกลียดนายตลอดไป” ซูกั๋วเย่ากล่าว “เกลียดผมก็ยังดีกว่ามาเกี่ยวข้องกับผม ถ้าผมแก้ปัญหานี้ได้ ผมจะหาทางทำให้เธอยกโทษให้ผมครับ” หลังจากพูดจบ หานซาน
หลังจากที่โจวป๋อก้าวขึ้นบนสังเวียน ในดวงตาของเขามีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม แม้ว่าหานซานเฉียนจะล้มนักมวยทั้งหมด เขาก็ไม่สนใจ เพราะเขาเองก็สามารถทำเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย นักมวยที่อยู่ในค่ายเหล่านี้ล้วนมาจากโรงเรียนฝึกอาชีพ นอกจากจะแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปแล้ว พวกเขาก็ไม่มีทักษะที่เก่งนัก พวกเขาเพียงแค่แสดงกลอุบายให้ผู้ชมเห็นเท่านั้น ไม่มีความสามารถในการต่อสู้ที่แท้จริง การเอาชนะสวะพวกนี้ไม่ใช่เรื่องยาก “ในเมื่อผมอยู่บนสังเวียน ผมจะไม่ออมมือให้คุณ” โจวป๋อกล่าว หานซานเฉียนกล่าวด้วยสีหน้านิ่งขรึมว่า "ใช้กำลังทั้งหมดของนายที่มี” “ตกลง ผมหวังว่าคุณจะไม่มาเล่นทีหลังนะครับ” โจวป๋อพูดด้วยรอยยิ้ม ในโรงสนามมวย ม่อหยางมองแผนของโจวป๋อออก จึงพูดกับเตาสือเอ้อร์ว่า “ดูเหมือนว่าน้องชายของนายคนนี้ต้องการใช้โอกาสนี้ เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของซานเฉียนนะ” “สำหรับพวกเราแล้ว มีเพียงกำลังเท่านั้นที่สามารถทำให้คนอื่นเคารพได้ โอกาสนี้เหมาะที่จะทำให้เขายอมทุ่มเทกำลังอย่างเต็มที่เพื่อพี่ซานเฉียนอย่างเต็มใจ” เตาสือเอ้อร์กล่าว “มั่นใจในตัวหานซานเฉียนขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” ม่อหยางถาม เตาสือเอ้อร์พูดด้วยน้
“เป็นเพราะน้องสะใภ้เหรอ?” ม่อหยางถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม หานซานเฉียนไม่เช็ดน้ำตา แต่ปล่อยให้มันหยดจากแก้มของเขาลงสู่พื้นและพูดว่า “ถ้าการหย่าเท่านั้นที่สามารถรับประกันความปลอดภัยของหยิงเซี่ยได้ ถ้าเป็นนายนายจะทำยังไง?" หย่า! เมื่อได้ยินคำนี้ ในที่สุดม่อหยางก็เข้าใจว่าทำไมหานซานเฉียนถึงโกรธมาก “ที่หาน กรุ๊ป อยู่ที่นี่ก็เป็นเพราะฉัน ถ้าเธอหย่ากับฉัน หาน กรุ๊ป ก็จะไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้เธอ นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ดีมากจนแม้แต่ฉันก็ยังคิดหาเหตุผลมาปฏิเสธไม่ได้เลย” หานซานเฉียนกล่าวต่อ “ใครเป็นเริ่มความคิดแย่ ๆ นี้ขึ้นมานะ?” ม่อหยางกัดฟัน เขารู้ว่าซูหยิงเซี่ยไม่น่าจะทำเรื่องแบบนี้ได้ เขาเคยเจอซูหยิงเซี่ยหลายครั้ง และม่อหยางก็สัมผัสได้ถึงความจริงใจที่เธอมีต่อหานซานเฉียน “เจี่ยงหลาน เธอบอกว่าในเมื่อฉันรักหยิงเซี่ย ฉันก็ควรจะคิดถึงเธอ และไม่ควรไปเกี่ยวข้องกับเธอ” หานซานเฉียนกล่าว คนอย่างเจี่ยงหลาน สำหรับม่อหยางแล้วควรจะถูกสับเป็นชิ้น ๆ ถ้าเป็นเขา เขาคงไม่สามารถแบกรับสิ่งที่มากเกินไป ที่เธอทำกับหานซานเฉียนได้ แต่...การหย่าเป็นวิธีที่จะปกป้องซูหยิงเซี่ย เธอพูดถูก และยังเป็น
ซูหยิงเซี่ยคิดอย่างถี่ถ้วน วันนี้ไม่ใช่วันพิเศษ แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงอยากกินข้าวนอกบ้าน แถมยังเป็นภัตตาคารสุ่ยจิงด้วย สถานที่นี้ทำให้ซูหยิงเซี่ยประหลาดใจมากเป็นครั้งแรกในชีวิต ถึงตอนนี้ เธอยังคงไม่ลืมหานซานเฉียนที่เล่นเปียโนในภัตตาคารสุ่ยจิง สำหรับเธอ ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญเป็นพิเศษ ก็ไม่จำเป็นต้องไปที่ภัตตาคารสุ่ยจิง เพราะความทรงจำอันน่าตกตะลึงของสถานที่นี้ หาสิ่งใดมาเปรียบไม่ได้ “วันนี้เป็นวันพิเศษอะไรหรือเปล่าคะ?” ซูหยิงเซี่ยถามอย่างระมัดระวัง กลัวว่าเธอจะลืมอะไรบางอย่าง “ไม่มีอะไรหรอก ผมแค่อยากทานข้าวกับคุณ” หานซานเฉียนพูด ในใจของเขาทรมานมาก แต่เขาไม่ได้แสดงความผิดปกติบนใบหน้าเลยแม้แต่น้อย “มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าคะ?” โดยธรรมชาติของผู้หญิงทำให้ซูหยิงเซี่ยได้กลิ่นอายอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ และรู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น “หรือผมอยากทานข้าวนอกบ้านกับคุณบ้างไม่ได้เหรอ ถามเยอะจัง” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มเจื่อน ๆ ซูหยิงเซี่ยสังเกตเห็นท่าทางของหานซานเฉียนไม่มีอะไรผิดปกติ เธอจึงไม่ถามต่อ คงจะแค่ทานข้าวแหละมั้ง เมื่อพวกเขามาถึงภัตตาคารสุ่ยจิง หานซานเฉียนได้จองที่นั่งไ
“ผมเป่าผมให้นะ” หานซานเฉียนนำไดร์เป่าผมมาให้หลังจากได้รับสัญญา ซูหยิงเซี่ยนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มองตัวเองในกระจก แล้วมองไปที่หานซานเฉียน เธอรู้สึกว่าความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอคือ การได้แต่งงานกับหานซานเฉียน แม้ว่าในตอนแรกเธอจะไม่เต็มใจมากนัก แต่ตอนนี้เธอคิดว่าเป็นความโชคดีที่สุดในชีวิต ถ้าเธอไม่ได้พบกับหานซานเฉียน ตอนนี้เธอจะมีชีวิตที่มีความสุขได้อย่างไร เสียงลมของไดร์เป่าผมดังก้องไปทั่วห้องอันเงียบสงบ ซูหยิงเซียไม่สามารถสังเกตเห็นความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ในดวงตาของหานซานเฉียนได้เลย คืนนั้นทั้งสองสวมกอดกัน ซูหยิงเซี่ยนอนหลับสนิทมาก แต่หานซานเฉียนนอนไม่หลับทั้งคืน เขาเพลิดเพลินกับความรู้สึกที่ได้กอดซูหยิงเซี่ยไว้ในอ้อมแขน เพราะต่อจากนี้ เขาคงไม่มีความสุขแบบนี้แล้ว เขารู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง วันรุ่งขึ้นหลังจากวิ่งตอนเช้า ซูหยิงเซี่ยก็ไปทำงานที่บริษัท หานซานเฉียนนั่งอยู่ในห้องรับแขก เมื่อเห็นท่าทางกลัดกลุ้มของเขา เหอถิงก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความเป็นห่วงว่า “ซานเฉียน เป็นอะไรหรือเปล่า?” “น้าเหอ ช่วยดูแลหยิงเซี่ยให้ผมด้วยนะครับ” หานซานเฉียนพูด เหอถิงรู้สึกแปลกม
ขณะที่หานซานเฉียนกำลังเก็บข้าวของในห้อง เจี่ยงหลานก็กลับไปที่ห้องของเธอเช่นกัน ซูกั๋วเย่ายังงัวเงีย และยังไม่ตื่นขึ้น เขาลืมตาขึ้นเพราะรู้สึกว่าเจี่ยงหลานดูเหมือนกำลังจ้องเขาอยู่ จู่ ๆ เขาก็รู้สึกตัวเพราะคิดว่าตัวเองทำอะไรผิด “คุณกำลังทำอะไร?” ซูกั๋วเย่าถามเจี่ยงหลาน เจี่ยงหลานตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น เมื่อก่อนมีเงินหลายหมื่น ก็สามารถทำให้เธอตื่นเต้นจนนอนไม่หลับทั้งคืน แม้ว่าสภาพปัจจุบันจะดีขึ้นกว่าเดิมมาก แต่เธอก็ไม่เคยสัมผัสกับสิ่งนี้มาก่อน ห้าพันล้านเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งมาก “คุณดูอะไรนี่สิ?” เจี่ยงหลานยกบัตรธนาคารและซูกั๋วเย่า “มันก็แค่บัตรธนาคาร แปลกตรงไหน” ซูกั๋วเย่างง “คุณคิดว่าเป็นบัตรธนาคารในกระเป๋าของคุณเหรอ?” เจี่ยงหลานจ้องมองที่ซูกั๋วเย่าและพูดต่อ “ในบัตรใบนี้มีเงินห้าพันล้านเลยนะ” ซู่กั๋วเหยายิ้ม ห้าพันล้าน? หรือเจี่ยงหลานจะคิดเรื่องเงินจนบ้าคลั่ง “ตอนนี้คุณไม่ได้กำลังฝันอยู่ รีบตื่นซะ” ซูกั๋วเย่ากล่าว “แน่นอนว่าฉันไม่ได้ฝันไป หานซานเฉียนและหยิงเซี่ยได้เซ็นใบหย่าแล้ว หานซานเฉียนมอบเงินให้กับหยิงเซี่ย มันเป็นทรัพย์สินสมรส หลังจากการหย่าร้าง พวกเขาจะได้รับคนละ