“แผนต่อไปคืออะไรเหรอ?” ม่อหยางถามหานซานเฉียน “หานเหยียนต้องการควบคุมชุมชนธุรกิจในหยุนเฉิง ฉันทำได้เพียงพยายามเอาชนะคนเหล่านั้น แม้ว่าความหวังจะริบหรี่ แต่ฉันก็จะพยายาม” หานซานเฉียนกล่าว ถ้าหานเหยียนซื้อชุมชนธุรกิจทั้งหมดในหยุนเฉิง ไม่อย่างนั้น หานซานเชียนจะต้องเผชิญกับสถานการณ์การต่อสู้เพียงลำพัง ซึ่งไม่เอื้ออำนวยต่อเขา ดังนั้นเขาจึงสามารถเริ่มต้นจากจุดนี้ได้เท่านั้น “ตกลง ฉันจะติดต่อคนดูว่ามีความคืบหน้าหรือหรือไม่” สิ่งที่ม่อหยางทำได้คือ สนับสนุนหานซานเฉียนด้วยกำลังทั้งหมดของเขา ม่อหยางไม่เคยคิดผลที่ตามมาและผลกระทบต่อเขาเลย เขาได้กลับมาเจียงหูอีกครั้ง เป็นเพราะภรรยาของเขา แม้ว่าเขาจะมีความสามารถ แต่หากปราศจากความช่วยเหลือจากหานซานเฉียน ม่อหยางก็ไม่มีสถานะอย่างปัจจุบันนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ม่อหยางค่อนข้างมองเรื่องนี้ออก แม้ว่าเขาจะถูกตีกลับคืนสู่สภาพแบบเดิมเพราะหานซานเฉียน ม่อหยางก็ไม่สนใจ “พี่ซานเฉียน จำเป็นต้องเริ่มจากที่อื่นไหม?” เตาสือเอ้อร์ถามหานซานเฉียน หานซานเฉียนส่ายหน้าโดยไม่ลังเล มีตงฮ้าวลูกน้องของฉี๋อีหยุนอยู่ข้างหน้า ไอ้หมอนี่มีอำนาจ ดังนั้นหานซานเฉียนจึงต้องกังวลว
เมื่อเห็นเหล่าญาติ ๆ ต่างพากันขุ่นเคือง เจี่ยงหลานก็แอบยิ้มในใจ หลังจากพวกหล่อนเผยแพร่เรื่องนี้ ถึงแม้ชื่อเสียงของหานซานเฉียนจะแย่ลง แต่มันจะช่วยปกป้องภาพลักษณ์ของซูหยิงเซี่ยได้ และคนนอกจะได้ไม่คิดว่าซูหยิงเซี่ยเป็นคนทิ้งหานซานเฉียน ฝ่ายที่อ่อนแอกว่าจะได้รับความเห็นอกเห็นใจ ดังนั้นจึงไม่มีใครพูดว่าซูหยิงเซี่ยผิด สำหรับหานซานเฉียนที่น่าสังเวช จะถูกด่าว่าอย่างไรเจี่ยงหลานก็ไม่สนใจ เธอไม่อยากเป็นแม่ยายของหานซานเฉียนอีก และเจี่ยงหลานเชื่อว่าหานซานเฉียนจะไม่กลับมาแก้แค้น เพื่อเป็นการปกป้องซูหยิงเซี่ย เขาจะต้องแบกรับความอับอายนี้ไว้อย่างเงียบ ๆ คนเดียวแน่นอน “ผู้ชายก็อย่างนี้แหละ คนธรรมดาไร้ค่าจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ได้เหรอ” เจี่ยงหลานพูดพร้อมกับถอนหายใจ “หานซานเฉียนคนนี้ จะต้องเป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเทียนดีขึ้น ดังนั้นเขาจึงกล้าทำเรื่องที่ทำให้ซูหยิงเซี่ยเสียใจ” “เขาอยู่ในตระกูลซูมาหลายปีแล้ว เกาะผู้หญิงกินไปตั้งเท่าไหร่ คนอกตัญญู” “ไปซะก็ดี เรื่องแบบนี้ถ้าหนึ่งก็ต้องมีสอง มีสองก็ต้องมีสาม ไม่สามารถทนได้อย่างแน่นอน แต่ฉันรู้สึกสงสารซูหยิงเซี่ยที่ถูกผู้ชายประเภทนี้หักหลัง”
ในฐานะเพื่อนรักของซูหยิงเซี่ย เฉินหลิงเหยารู้ดีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างซูหยิงเซี่ยและหานซานเฉียน รวมถึงเหตุการณ์ในคฤหาสน์จินเฉียวครั้งนั้นว่าเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด สำหรับซูหยิงเซี่ย เธอเห็นว่ามันยิ่งเป็นเรื่องไร้สาระ ในฐานะเจ้าตัว เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนเหล่านี้ไปเอาข่าวปลอมนี้มาจากไหน “พวกคุณกำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไรกันอยู่เหรอคะ ซูหยิงเซี่ยกับหานซานเฉียนจะหย่ากันได้ยังไง?” เฉินหลิงเหยาอดไม่ได้ที่จะยืนขึ้น และพูดเมื่อเธอได้ยินกลุ่มคนพวกนั้นกำลังคุยกันอย่างดุเดือด “ใครพูดไร้สาระ เรื่องนี้ออกมาจากปากของแม่ของซูหยิงเซี่ยเอง ไม่มีทางโกหกแน่นอน” “ป้าทั้งสามเป็นญาติของเจี่ยงหลาน เจี่ยงหลานเป็นคนบอกเธอเอง เธอไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่างก็อย่ามาจับผิดคนอื่นดีกว่า” เฉินหลิงเหยาตกตะลึง หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ เรื่องนี้มาจากปากของเจี่ยงหลานเหรอ? เป็นไปได้อย่างไรกัน ทำไมจู่ ๆ เธอถึงพูดแบบนี้ หลังจากนั่งลง เฉินหลิงเหยาก็ถามซูหยิงเซี่ยว่า “หยิงเซี่ย เกิดอะไรขึ้น แม่ของเธอกำลังคิดจะทำอะไรอยู่?” ซูหยิงเซี่ยก้มศีรษะลงเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนอื่น ๆ เห็นหน้า และพูดว่า “ไม่หรอกมั้ง มั
“เขาไปแล้ว” เจี่ยงหลานกล่าวด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ ซูหยิงเซี่ยวิ่งกลับไปที่ห้องด้วยความตื่นตระหนก และเปิดตู้เสื้อผ้าดู กลับพบว่าไม่มีเสื้อผ้าของหานซานเฉียนเหลืออยู่แม้แต่ชิ้นเดียว ทำให้เธอยืนตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ เจี่ยงหลานเดินไปที่ประตูห้อง และพูดกับซูหยิงเซี่ยว่า “หานซานเฉียนเปลี่ยนกลอุบายเพื่อหย่ากับลูก เขาคงวางแผนไว้นานแล้ว ลูกจะไปเสียงใจให้ผู้ชายแบบนั้นทำไม?” ปัง! ซูหยิงเซี่ยปิดประตูอย่างแรง สิ่งที่หานซานเฉียนทำต่อเธอ ซูหยิงเซี่ยรู้ดี เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะทำแบบนี้โดยไม่มีเหตุผล อีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองก็มั่นคงขึ้นมาก และดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้วหานซานเฉียนจะหย่ากับเธอในช่วงเวลาแบบนี้ได้อย่างไร? ซูหยิงเซี่ยสับสน ร้องไห้โดยที่ศีรษะของเธออยู่ในอ้อมแขนของเธอเอง เมื่อคืนที่ผ่านมาท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวที่สว่างไสว แต่ตอนนี้โลกของเธอกลับมืดมิด เธอไม่เข้าใจว่าทำไมหานซานเฉียนถึงทำแบบนี้ เจี่ยงหลานที่ยืนข้างนอกประตูถอนหายใจเล็กน้อย เธอคิดไว้แล้วว่าซูหยิงเซี่ยจะมีปฏิกิริยาแบบนี้ “ดูสิ่งที่เธอทำลงไปสิ” ซูกั๋วเย่าบ่นเจี่ยงหลาน “ฉันทำเพื่อประโยชน์ของเธอเอง และเรื่อ
เด็กผู้หญิงสองคนเดินควงแขนกันขึ้นลิฟต์ และดูเหมือนว่าพวกเธอสนิทกันมาก เมื่อพวกเธอเห็นชั้นที่หานซานเฉียนกด ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความประหลาดใจออกมาเล็กน้อย “คุณเช่าห้องอยู่บนชั้นที่สิบหกเหรอคะ?” หญิงสาวคนหนึ่งถามหานซานเฉียน เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นมิตรกับคนอื่นมากกว่า ซึ่งแตกต่างจากหญิงสาวอีกคนโดยสิ้นเชิง “ใช่แล้ว” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ได้เช่าบ้านหลังนี้หรอก เขาซื้อ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายพูดแบบนั้น หานซานเฉียนจึงไม่อธิบายเพิ่ม “ฉันก็อยู่ที่ชั้นสิบหกเหมือนกันค่ะ จากนี้ไปเรามาเป็นเพื่อนบ้านกันนะคะ ฉันชื่อหยางเหมิง ส่วนเธอชื่อมี่เฟยเอ๋อร์ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” หยางเหมิงเป็นมิตรมาก เธอพูดจบก็ยื่นมือไปหาหานซานเฉียน หานซานเฉียนยื่นมือไปจับหยางเหมิงอย่างสุภาพ และพูดว่า “นามสกุลของพี่คือหาน พวกเธอเรียกพี่ว่าพี่หานก็ได้นะ” หยางเหมิงดูเป็นมิตรมาก แต่มี่เฟยเอ๋อร์ปฏิบัติต่อหานซานเฉียนอย่างเย็นชา เธอไม่แม้แต่จะมองหน้าหานซานเฉียนด้วยซ้ำ แล้วนับประสาอะไรกับทักทาย หานซานเฉียนไม่ใช่คนประเภทที่ชอบดูแคลน สำหรับคนที่แสร้งทำเป็นเย็นชา เขาก็ไม่จำเป็นต้องถือสา และหานซานเฉียนก็ไม่ได้ให้ความสำค
เช้าวันรุ่งขึ้น หานซานเฉียนลืมตาขึ้น และหันไปทางซ้ายตามความเคยชิน เพราะในเวลานี้ซูหยิงเซี่ยจะต้องลุกขึ้นไปวิ่งตอนเช้า แต่เมื่อเขาหันศีรษะไป กลับพบว่าไม่มีใครอยู่ เขาจึงอดฝืนยื้มไม่ได้ “ฉันเคยชินกับเรื่องต่าง ๆ มานานขนาดนั้น เปลี่ยนยังไงก็ไม่หายหรอก” เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นที่คฤหาสน์บนเขา ซึ่งบ่งบอกว่าถึงเวลาต้องออกไปวิ่งตอนเช้าแล้ว ซูหยิงเซี่ยตะโกนออกไปโดยไม่รู้ตัวว่า “ซานเฉียน รีบปิดนาฬิกาปลุกเดี๋ยวนี้เลย” หลังจากพูดคำเหล่านี้ออกไป ซูหยิงเซี่ยก็ลืมตาขึ้น ถึงตระหนักได้ว่า เธอเป็นคนเดียวที่นอนอยู่บนเตียง และเธอก็อดรู้สึกเคว้งคว้างไม่ได้ คนสองคนที่อยู่ไม่ห่างกันลุกขึ้นพร้อมกัน แต่พวกเขาทั้งสองกลับสูญเสียจิตวิญญาณที่เคยมี ซูหยิงเซี่ยไปวิ่งที่ยอดเขาคนเดียว หานซานเฉียนกำลังจะลงไปชั้นล่างเพื่อทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในชุมชน ทันทีที่เขาเปิดประตู หานซานเฉียนก็เห็นมี่เฟยเอ๋อร์ในชุดกีฬาดูกระฉับกระเฉงมาก ดูจากรูปร่างหน้าตาของเธอแล้ว เธอน่าจะชอบออกกำลังกายตอนเช้าเหมือนกัน “สวัสดี” หานซานเฉียนทักทาย เมื่อทั้งสองกำลังรอลิฟต์ด้วยกัน มี่เฟยเอ๋อร์ยืนอยู่ข้างหลังหานซานเฉียนหนึ่งเมตร
หลังจากขึ้นลิฟต์ ขณะที่ประตูลิฟต์กำลังจะปิด มี่เฟยเอ๋อร์ก็เดินเข้ามาด้วยความโกรธ “สนุกมากไหม?” มี่เฟยเอ๋อร์พูดกับหานซานเฉียนหลังจากนั้นไม่นาน “ถ้าเป็นหยางเหมิง ผมจะช่วย” หานซานเฉียนกล่าว ประโยคนี้ทำให้มี่เฟยเอ๋อร์ประหลาดใจเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเธอ เขาถึงไม่ช่วย ผู้ชายคนนี้จำเป็นต้องพูดตรง ๆ ขนาดนี้ด้วยเหรอ? “ใช่สิ หยางเหมิงหลอกง่ายกว่า และมีแนวโน้มที่จะถูกหลอกด้วยกลอุบายของเทพบุตรที่เข้ามาช่วยได้ง่ายกว่า” มี่เฟยเอ๋อร์พูดพร้อมกัดฟัน หานซานเฉียนยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ในเมื่อเธอยากเป็นภูเขาน้ำแข็ง เธอก็ต้องทนหนาว แสร้งทำเป็นเหนือกว่า แต่ต้องการให้คนอื่นช่วยเหลือเธอ เธอคิดว่าโลกทั้งใบขึ้นอยู่กับเธองั้นเหรอ?” หลังจากพูดประโยคนี้จบ ลิฟต์ก็มาถึงชั้นที่สิบหกพอดี และหานซานเฉียนก็เดินออกจากลิฟต์ในทันที ทิ้งมี่เฟยเอ๋อร์ไว้เพียงลำพังด้วยความงุนงง มี่เฟยเอ๋อร์สวยมาก แม้ว่าเธอจะเป็นเหมือนภูเขาน้ำแข็ง แต่ก็ยังมีผู้ชายหลายคนที่คิดอยากลองเอาใจเธอ จึงทำให้มี่เฟยเอ๋อร์มักคิดว่าผู้ชายธรรมดาเหล่านั้นจะด้อยกว่าเธอ หานซานเฉียนที่อาศัยอยู่ในบ้านเช่าก็เช่นเดียวกัน เป็นคนธรรมดาที่ไม่มีอ
หานซานเฉียน มี่เฟยเอ๋อร์ และหยางเหมิงทั้งสองมาถึงบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว ทีละคน เมื่อหานซานเฉียนไปที่สำนักงานของจงเหลียง มี่เฟยเอ๋อร์และหยางเหมิงก็กำลังรอการสัมภาษณ์อยู่ที่แผนกบุคคล เนื่องจากช่วงนี้ตอนนี้บริษัทกำลังประสบปัญหา ดังนั้นจึงมีแค่เธอสองคนที่มาสัมภาษณ์ แต่ความคิดของคนปกติทั่วไปคงไม่ไปสัมภาษณ์ที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน คนส่วนน้อยมากที่คิดกลับกันอย่างมี่เฟยเอ๋อร์ เมื่อสัมภาษณ์ทั้งสองคน หัวหน้าฝ่ายบุคคลได้ถามคำถามหลักว่าทำไมทั้งสองคนถึงเลือกบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวในเวลานี้ คำตอบของมี่เฟยเอ๋อร์ตรงไปตรงมามาก เหมือนกับที่เธออธิบายให้หยางเหมิงฟัง และเธอก็แสดงความปรารถนาของเธออย่างเรียบง่าย นี่เป็นครั้งแรกที่หัวหน้าแผนกบุคคลเจอคนแบบนี้ ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะมองมี่เฟยเอ๋อร์ต่างออกไป อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะผ่านการสัมภาษณ์หรือไม่นั้น ก็ยังคงต้องรอการตัดสินใจขั้นสุดท้ายของจงเหลียง “เราเข้าใจสถานการณ์พื้นฐานของคุณแล้ว รอสักครู่นะคะ” หลังจากหัวหน้าแผนกออกจากห้องสัมภาษณ์ หยางเหมิงดูประหม่าเล็กน้อย ในขณะที่มี่เฟยเอ๋อร์ดูมั่นใจมาก “พี่เฟยเอ๋อ
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ