หลังจากที่โจวป๋อก้าวขึ้นบนสังเวียน ในดวงตาของเขามีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม แม้ว่าหานซานเฉียนจะล้มนักมวยทั้งหมด เขาก็ไม่สนใจ เพราะเขาเองก็สามารถทำเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย นักมวยที่อยู่ในค่ายเหล่านี้ล้วนมาจากโรงเรียนฝึกอาชีพ นอกจากจะแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปแล้ว พวกเขาก็ไม่มีทักษะที่เก่งนัก พวกเขาเพียงแค่แสดงกลอุบายให้ผู้ชมเห็นเท่านั้น ไม่มีความสามารถในการต่อสู้ที่แท้จริง การเอาชนะสวะพวกนี้ไม่ใช่เรื่องยาก “ในเมื่อผมอยู่บนสังเวียน ผมจะไม่ออมมือให้คุณ” โจวป๋อกล่าว หานซานเฉียนกล่าวด้วยสีหน้านิ่งขรึมว่า "ใช้กำลังทั้งหมดของนายที่มี” “ตกลง ผมหวังว่าคุณจะไม่มาเล่นทีหลังนะครับ” โจวป๋อพูดด้วยรอยยิ้ม ในโรงสนามมวย ม่อหยางมองแผนของโจวป๋อออก จึงพูดกับเตาสือเอ้อร์ว่า “ดูเหมือนว่าน้องชายของนายคนนี้ต้องการใช้โอกาสนี้ เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของซานเฉียนนะ” “สำหรับพวกเราแล้ว มีเพียงกำลังเท่านั้นที่สามารถทำให้คนอื่นเคารพได้ โอกาสนี้เหมาะที่จะทำให้เขายอมทุ่มเทกำลังอย่างเต็มที่เพื่อพี่ซานเฉียนอย่างเต็มใจ” เตาสือเอ้อร์กล่าว “มั่นใจในตัวหานซานเฉียนขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” ม่อหยางถาม เตาสือเอ้อร์พูดด้วยน้
“เป็นเพราะน้องสะใภ้เหรอ?” ม่อหยางถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม หานซานเฉียนไม่เช็ดน้ำตา แต่ปล่อยให้มันหยดจากแก้มของเขาลงสู่พื้นและพูดว่า “ถ้าการหย่าเท่านั้นที่สามารถรับประกันความปลอดภัยของหยิงเซี่ยได้ ถ้าเป็นนายนายจะทำยังไง?" หย่า! เมื่อได้ยินคำนี้ ในที่สุดม่อหยางก็เข้าใจว่าทำไมหานซานเฉียนถึงโกรธมาก “ที่หาน กรุ๊ป อยู่ที่นี่ก็เป็นเพราะฉัน ถ้าเธอหย่ากับฉัน หาน กรุ๊ป ก็จะไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้เธอ นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ดีมากจนแม้แต่ฉันก็ยังคิดหาเหตุผลมาปฏิเสธไม่ได้เลย” หานซานเฉียนกล่าวต่อ “ใครเป็นเริ่มความคิดแย่ ๆ นี้ขึ้นมานะ?” ม่อหยางกัดฟัน เขารู้ว่าซูหยิงเซี่ยไม่น่าจะทำเรื่องแบบนี้ได้ เขาเคยเจอซูหยิงเซี่ยหลายครั้ง และม่อหยางก็สัมผัสได้ถึงความจริงใจที่เธอมีต่อหานซานเฉียน “เจี่ยงหลาน เธอบอกว่าในเมื่อฉันรักหยิงเซี่ย ฉันก็ควรจะคิดถึงเธอ และไม่ควรไปเกี่ยวข้องกับเธอ” หานซานเฉียนกล่าว คนอย่างเจี่ยงหลาน สำหรับม่อหยางแล้วควรจะถูกสับเป็นชิ้น ๆ ถ้าเป็นเขา เขาคงไม่สามารถแบกรับสิ่งที่มากเกินไป ที่เธอทำกับหานซานเฉียนได้ แต่...การหย่าเป็นวิธีที่จะปกป้องซูหยิงเซี่ย เธอพูดถูก และยังเป็น
ซูหยิงเซี่ยคิดอย่างถี่ถ้วน วันนี้ไม่ใช่วันพิเศษ แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงอยากกินข้าวนอกบ้าน แถมยังเป็นภัตตาคารสุ่ยจิงด้วย สถานที่นี้ทำให้ซูหยิงเซี่ยประหลาดใจมากเป็นครั้งแรกในชีวิต ถึงตอนนี้ เธอยังคงไม่ลืมหานซานเฉียนที่เล่นเปียโนในภัตตาคารสุ่ยจิง สำหรับเธอ ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญเป็นพิเศษ ก็ไม่จำเป็นต้องไปที่ภัตตาคารสุ่ยจิง เพราะความทรงจำอันน่าตกตะลึงของสถานที่นี้ หาสิ่งใดมาเปรียบไม่ได้ “วันนี้เป็นวันพิเศษอะไรหรือเปล่าคะ?” ซูหยิงเซี่ยถามอย่างระมัดระวัง กลัวว่าเธอจะลืมอะไรบางอย่าง “ไม่มีอะไรหรอก ผมแค่อยากทานข้าวกับคุณ” หานซานเฉียนพูด ในใจของเขาทรมานมาก แต่เขาไม่ได้แสดงความผิดปกติบนใบหน้าเลยแม้แต่น้อย “มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าคะ?” โดยธรรมชาติของผู้หญิงทำให้ซูหยิงเซี่ยได้กลิ่นอายอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ และรู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น “หรือผมอยากทานข้าวนอกบ้านกับคุณบ้างไม่ได้เหรอ ถามเยอะจัง” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มเจื่อน ๆ ซูหยิงเซี่ยสังเกตเห็นท่าทางของหานซานเฉียนไม่มีอะไรผิดปกติ เธอจึงไม่ถามต่อ คงจะแค่ทานข้าวแหละมั้ง เมื่อพวกเขามาถึงภัตตาคารสุ่ยจิง หานซานเฉียนได้จองที่นั่งไ
“ผมเป่าผมให้นะ” หานซานเฉียนนำไดร์เป่าผมมาให้หลังจากได้รับสัญญา ซูหยิงเซี่ยนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มองตัวเองในกระจก แล้วมองไปที่หานซานเฉียน เธอรู้สึกว่าความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอคือ การได้แต่งงานกับหานซานเฉียน แม้ว่าในตอนแรกเธอจะไม่เต็มใจมากนัก แต่ตอนนี้เธอคิดว่าเป็นความโชคดีที่สุดในชีวิต ถ้าเธอไม่ได้พบกับหานซานเฉียน ตอนนี้เธอจะมีชีวิตที่มีความสุขได้อย่างไร เสียงลมของไดร์เป่าผมดังก้องไปทั่วห้องอันเงียบสงบ ซูหยิงเซียไม่สามารถสังเกตเห็นความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ในดวงตาของหานซานเฉียนได้เลย คืนนั้นทั้งสองสวมกอดกัน ซูหยิงเซี่ยนอนหลับสนิทมาก แต่หานซานเฉียนนอนไม่หลับทั้งคืน เขาเพลิดเพลินกับความรู้สึกที่ได้กอดซูหยิงเซี่ยไว้ในอ้อมแขน เพราะต่อจากนี้ เขาคงไม่มีความสุขแบบนี้แล้ว เขารู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง วันรุ่งขึ้นหลังจากวิ่งตอนเช้า ซูหยิงเซี่ยก็ไปทำงานที่บริษัท หานซานเฉียนนั่งอยู่ในห้องรับแขก เมื่อเห็นท่าทางกลัดกลุ้มของเขา เหอถิงก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความเป็นห่วงว่า “ซานเฉียน เป็นอะไรหรือเปล่า?” “น้าเหอ ช่วยดูแลหยิงเซี่ยให้ผมด้วยนะครับ” หานซานเฉียนพูด เหอถิงรู้สึกแปลกม
ขณะที่หานซานเฉียนกำลังเก็บข้าวของในห้อง เจี่ยงหลานก็กลับไปที่ห้องของเธอเช่นกัน ซูกั๋วเย่ายังงัวเงีย และยังไม่ตื่นขึ้น เขาลืมตาขึ้นเพราะรู้สึกว่าเจี่ยงหลานดูเหมือนกำลังจ้องเขาอยู่ จู่ ๆ เขาก็รู้สึกตัวเพราะคิดว่าตัวเองทำอะไรผิด “คุณกำลังทำอะไร?” ซูกั๋วเย่าถามเจี่ยงหลาน เจี่ยงหลานตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น เมื่อก่อนมีเงินหลายหมื่น ก็สามารถทำให้เธอตื่นเต้นจนนอนไม่หลับทั้งคืน แม้ว่าสภาพปัจจุบันจะดีขึ้นกว่าเดิมมาก แต่เธอก็ไม่เคยสัมผัสกับสิ่งนี้มาก่อน ห้าพันล้านเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งมาก “คุณดูอะไรนี่สิ?” เจี่ยงหลานยกบัตรธนาคารและซูกั๋วเย่า “มันก็แค่บัตรธนาคาร แปลกตรงไหน” ซูกั๋วเย่างง “คุณคิดว่าเป็นบัตรธนาคารในกระเป๋าของคุณเหรอ?” เจี่ยงหลานจ้องมองที่ซูกั๋วเย่าและพูดต่อ “ในบัตรใบนี้มีเงินห้าพันล้านเลยนะ” ซู่กั๋วเหยายิ้ม ห้าพันล้าน? หรือเจี่ยงหลานจะคิดเรื่องเงินจนบ้าคลั่ง “ตอนนี้คุณไม่ได้กำลังฝันอยู่ รีบตื่นซะ” ซูกั๋วเย่ากล่าว “แน่นอนว่าฉันไม่ได้ฝันไป หานซานเฉียนและหยิงเซี่ยได้เซ็นใบหย่าแล้ว หานซานเฉียนมอบเงินให้กับหยิงเซี่ย มันเป็นทรัพย์สินสมรส หลังจากการหย่าร้าง พวกเขาจะได้รับคนละ
“แผนต่อไปคืออะไรเหรอ?” ม่อหยางถามหานซานเฉียน “หานเหยียนต้องการควบคุมชุมชนธุรกิจในหยุนเฉิง ฉันทำได้เพียงพยายามเอาชนะคนเหล่านั้น แม้ว่าความหวังจะริบหรี่ แต่ฉันก็จะพยายาม” หานซานเฉียนกล่าว ถ้าหานเหยียนซื้อชุมชนธุรกิจทั้งหมดในหยุนเฉิง ไม่อย่างนั้น หานซานเชียนจะต้องเผชิญกับสถานการณ์การต่อสู้เพียงลำพัง ซึ่งไม่เอื้ออำนวยต่อเขา ดังนั้นเขาจึงสามารถเริ่มต้นจากจุดนี้ได้เท่านั้น “ตกลง ฉันจะติดต่อคนดูว่ามีความคืบหน้าหรือหรือไม่” สิ่งที่ม่อหยางทำได้คือ สนับสนุนหานซานเฉียนด้วยกำลังทั้งหมดของเขา ม่อหยางไม่เคยคิดผลที่ตามมาและผลกระทบต่อเขาเลย เขาได้กลับมาเจียงหูอีกครั้ง เป็นเพราะภรรยาของเขา แม้ว่าเขาจะมีความสามารถ แต่หากปราศจากความช่วยเหลือจากหานซานเฉียน ม่อหยางก็ไม่มีสถานะอย่างปัจจุบันนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ม่อหยางค่อนข้างมองเรื่องนี้ออก แม้ว่าเขาจะถูกตีกลับคืนสู่สภาพแบบเดิมเพราะหานซานเฉียน ม่อหยางก็ไม่สนใจ “พี่ซานเฉียน จำเป็นต้องเริ่มจากที่อื่นไหม?” เตาสือเอ้อร์ถามหานซานเฉียน หานซานเฉียนส่ายหน้าโดยไม่ลังเล มีตงฮ้าวลูกน้องของฉี๋อีหยุนอยู่ข้างหน้า ไอ้หมอนี่มีอำนาจ ดังนั้นหานซานเฉียนจึงต้องกังวลว
เมื่อเห็นเหล่าญาติ ๆ ต่างพากันขุ่นเคือง เจี่ยงหลานก็แอบยิ้มในใจ หลังจากพวกหล่อนเผยแพร่เรื่องนี้ ถึงแม้ชื่อเสียงของหานซานเฉียนจะแย่ลง แต่มันจะช่วยปกป้องภาพลักษณ์ของซูหยิงเซี่ยได้ และคนนอกจะได้ไม่คิดว่าซูหยิงเซี่ยเป็นคนทิ้งหานซานเฉียน ฝ่ายที่อ่อนแอกว่าจะได้รับความเห็นอกเห็นใจ ดังนั้นจึงไม่มีใครพูดว่าซูหยิงเซี่ยผิด สำหรับหานซานเฉียนที่น่าสังเวช จะถูกด่าว่าอย่างไรเจี่ยงหลานก็ไม่สนใจ เธอไม่อยากเป็นแม่ยายของหานซานเฉียนอีก และเจี่ยงหลานเชื่อว่าหานซานเฉียนจะไม่กลับมาแก้แค้น เพื่อเป็นการปกป้องซูหยิงเซี่ย เขาจะต้องแบกรับความอับอายนี้ไว้อย่างเงียบ ๆ คนเดียวแน่นอน “ผู้ชายก็อย่างนี้แหละ คนธรรมดาไร้ค่าจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ได้เหรอ” เจี่ยงหลานพูดพร้อมกับถอนหายใจ “หานซานเฉียนคนนี้ จะต้องเป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเทียนดีขึ้น ดังนั้นเขาจึงกล้าทำเรื่องที่ทำให้ซูหยิงเซี่ยเสียใจ” “เขาอยู่ในตระกูลซูมาหลายปีแล้ว เกาะผู้หญิงกินไปตั้งเท่าไหร่ คนอกตัญญู” “ไปซะก็ดี เรื่องแบบนี้ถ้าหนึ่งก็ต้องมีสอง มีสองก็ต้องมีสาม ไม่สามารถทนได้อย่างแน่นอน แต่ฉันรู้สึกสงสารซูหยิงเซี่ยที่ถูกผู้ชายประเภทนี้หักหลัง”
ในฐานะเพื่อนรักของซูหยิงเซี่ย เฉินหลิงเหยารู้ดีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างซูหยิงเซี่ยและหานซานเฉียน รวมถึงเหตุการณ์ในคฤหาสน์จินเฉียวครั้งนั้นว่าเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด สำหรับซูหยิงเซี่ย เธอเห็นว่ามันยิ่งเป็นเรื่องไร้สาระ ในฐานะเจ้าตัว เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนเหล่านี้ไปเอาข่าวปลอมนี้มาจากไหน “พวกคุณกำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไรกันอยู่เหรอคะ ซูหยิงเซี่ยกับหานซานเฉียนจะหย่ากันได้ยังไง?” เฉินหลิงเหยาอดไม่ได้ที่จะยืนขึ้น และพูดเมื่อเธอได้ยินกลุ่มคนพวกนั้นกำลังคุยกันอย่างดุเดือด “ใครพูดไร้สาระ เรื่องนี้ออกมาจากปากของแม่ของซูหยิงเซี่ยเอง ไม่มีทางโกหกแน่นอน” “ป้าทั้งสามเป็นญาติของเจี่ยงหลาน เจี่ยงหลานเป็นคนบอกเธอเอง เธอไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่างก็อย่ามาจับผิดคนอื่นดีกว่า” เฉินหลิงเหยาตกตะลึง หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ เรื่องนี้มาจากปากของเจี่ยงหลานเหรอ? เป็นไปได้อย่างไรกัน ทำไมจู่ ๆ เธอถึงพูดแบบนี้ หลังจากนั่งลง เฉินหลิงเหยาก็ถามซูหยิงเซี่ยว่า “หยิงเซี่ย เกิดอะไรขึ้น แม่ของเธอกำลังคิดจะทำอะไรอยู่?” ซูหยิงเซี่ยก้มศีรษะลงเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนอื่น ๆ เห็นหน้า และพูดว่า “ไม่หรอกมั้ง มั