เจี่ยงหลานตัวสั่นด้วยความโกรธ พลันเดินไปหาซูกั๋วเย่าแล้วตบหน้าเขาสองครั้ง และพูดน้ำเสียงเย็นชาว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณก็กินอุจจาระไปคนเดียวเถอะ เจี่ยงหลานอย่างฉันไม่มีทางสูญเสียทุกอย่างที่มีในตอนนี้” ใบหน้าของซูกั๋วเย่าแสบร้อนด้วยความเจ็บปวด แต่เขาก็ยังไม่สะดุ้งแม้แต่น้อย กลับพูดเตือนว่า “ผมว่าทางที่ดีคุณอย่างทำแบบนี้เลย ทำลายความรักของซูหยิงเซี่ยที่มีต่อคุณครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ว่าคุณจะเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดเธอก็ตาม สุดท้ายคุณก็จะทำให้หยิงเซี่ยเกลียดคุณ” “หึ” เจี่ยงหลานตะคอกเสียงเย็นชาและพูดว่า “ฉันไม่คุยเรื่องนี้กับหยิงเซี่ยอยู่แล้ว ฉันจะทำให้หานซานเฉียนถอนตัวออกไปเอง เขารักหยิงเซี่ยไม่ใช่เหรอ เขาก็ต้องปกป้องหยิงเซี่ยจากอันตรายเพียงคนเดียว” ซูกั๋วเย่าถอนหายใจ เขารู้ว่าไม่ว่าเขาจะเกลี้ยกล่อมมากแค่ไหน เจี่ยงหลานก็จะไม่มีวันเปลี่ยนใจ สำหรับเธอแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างหานซานเฉียนและหยิงเซี่ยนั้นไม่สำคัญเลย สิ่งที่สำคัญคือ ชีวิตที่ร่ำรวยของตัวเองเท่านั้น ที่ชั้นล่าง หลังจากที่ซูหยิงเซี่ยได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดของหานซานเฉียน แม้ว่าเธอจะดูไม่เศร้าเลย แต่น้ำตาก็ยังคงไหลอาบสองแก้มของเธอ ในช่
คำพูดของหานซานเฉียนทำให้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกหวาดกลัวอย่างกะทันหัน เห็นได้ชัดว่าใครจะได้รับผลประโยชน์มากที่สุดหลังจากคุณย่าเสียชีวิต เพราะหลังจากคุณย่าเสียชีวิตแล้วเท่านั้น ที่ซูไห่เฉาจะสามารถรับตำแหน่งประธานได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า เรื่องนี้ซูไห่เฉาเป็นคนทำ! เป็นไปได้อย่างไร ซูไห่เฉาทำเรื่องเนรคุณแบบนั้นได้อย่างไร? ถ้าเธอรู้เรื่องนี้จากคนอื่น ซูหยิงเซี่ยคงไม่มีวันเชื่อ แต่หานซานเฉียนไม่มีทางโกหกเธอเด็ดขาด และไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกหกเธอด้วย “ซูไห่เฉาวางยาพิษคุณย่า!” ซูหยิงเซี่ยพูดด้วยความตกใจ “เสียดายที่ผมยังไม่เจอหลักฐานที่แน่ชัด แต่ผมมั่นใจว่าซูไห่เฉาเป็นคนทำ” หานซานเฉียนกล่าว ซูหยิงเซี่ยสูดหายใจลึก จากนั้นก็หายใจออกอย่างแรงและพูดว่า “ถ้าในโลกนี้มีการกลับชาติมาเกิด เธอคงเสียใจมาก ที่แท้หลานชายที่ตัวเองรักมากที่สุดกลับวางยาพิษตัวเอง” “คุณอยากให้มีการกลับชาติมาเกิดไหม?” หานซานเฉียนถามด้วยรอยยิ้ม ซูหยิงเซี่ยกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงพยักหน้าและพูดว่า “อยากค่ะ ฉันอยากให้เธอเสียใจทีหลัง อยากให้เธอรู้ว่าการตัดสินใจของเธอนั้นโง่มากแค่ไหน” เมื่อได้ยินแบบนั้น หานซานเฉียน
“ฉันไม่เข้าใจที่นายพูด” ซูหยิงเซี่ยกล่าว “เป็นธรรมดาที่เธอจะไม่เข้าใจ ถึงยังไงเธอก็ไม่รู้ว่าหานซานเฉียนคือใคร ถ้าเธอสงสัย เธอถามฉันได้นะ แล้วฉันจะบอก” ซูไห่เฉาพูดอย่างภาคภูมิใจ เมื่อก่อนเขาเคยกลัวหานซานเฉียนเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะเป็นลูกชายของตระกูลที่ถูกทอดทิ้ง และมีอำนาจในระดับหนึ่ง แต่ตอนนี้หาน กรุ๊ป ได้ครอบครองบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวแล้ว ซูไห่เฉาจึงคิดว่าหานซานเฉียนไม่มีอะไรต้องกลัว เขาแค่ต้องการนั่งรอผลประโยชน์ และมองดูหานซานเฉียนจบเห่ที่หยุนเฉิง “นายรู้เหรอว่าเขาเป็นใคร?” ซูหยิงเซี่ยถามอย่างสงสัย แม้แต่เธอยังเพิ่งได้รู้เมื่อคืน แล้วซูไห่เฉารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? “อ้อนวอนสิ” ซูไห่เฉาพูดด้วยรอยยิ้ม ซูหยิงเซี่ยตะคอกเสียงเย็นชาว่า “เมื่อคืนเขาบอกฉันหมดแล้ว ทำไมฉันต้องอ้อนวอนนายด้วยล่ะ?” ซูไห่เฉาดูประหลาดใจ หานซานเฉียนเปิดเผยตัวตนของตัวเองเหรอ? ทำไมจู่ ๆ เขาถึงตัดสินใจทำแบบนั้น เป็นไปได้ไหมว่า เขารู้ตัวว่าไม่สามารถสู้กับหาน กรุ๊ปได้ ดังนั้นเขาจึงสารภาพกับซูหยิงเซี่ย? เมื่อคิดแบบนี้ ซูไห่เฉาก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ในที่สุดไอ้สวะนี้ก็รู้จักเจียมตัวสักที “ตอนนี้เธอรู้แล้ว
“เธอรักหยิงเซี่ยไหม?” เจี่ยงหลานถามหานซานเฉียน ไม่จำเป็นต้องถามถึงความรักของหานซานเฉียนที่มีต่อซูหยิงเซี่ย แต่เมื่อคำถามนี้ออกมาจากปากของเจี่ยงหลาน กลิ่นอายมันก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย หานซานเฉียนรู้ว่าเจี่ยงหลานเป็นคนแบบไหน ปกติเธอไม่ใช่คนที่จะสนใจเรื่องนี้โดยไม่มีเหตุผล “แน่นอนครับ” หานซานเฉียนกล่าว “ในเมื่อเธอรักหยิงเซี่ย เธอก็มีหน้าที่ต้องปกป้องเธอ และป้องกันไม่ให้เธอได้รับอันตรายใด ๆ” เจี่ยงหลานกล่าวต่อ “มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ในฐานะสามีของเธอ การปกป้องเธอเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ใครก็ตามที่ทำร้ายเธอจะต้องชดใช้” หานซานเฉียนกล่าว เจี่ยงหลานมองลงมาจากภูเขา การที่สามารถชมทิวทัศน์ที่นี่ได้ไม่ใช่คนธรรมดา เธอทานอาหารเช้าที่นี่ทุกวัน เธอเตือนตัวเองทุกช่วงเวลาว่าวันนี้เธอไม่เหมือนเมื่อก่อน คนอื่น ๆ ในหยุนเฉิงไม่สามารถเข้าถึงสถานะของเธอได้ สถานะที่เธออยู่ในตอนนี้ เธอจะไม่ยอมเปลี่ยนตัวเอง แม้ว่าเธอจะไม่สามารถดีขึ้นได้ แต่เธอก็ต้องรักษาทุกอย่างที่เธอมีในตอนนี้ให้ได้ “ฉันรู้สึกขอบคุณมากที่เธอให้พวกเราอาศัยอยู่ที่นี่ และก็ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่ทำเพื่อหยิงเซี่ย ถ้าไม่มีเธอ หยิงเซี่ยก็ค
เจี่ยงหลานยังยืนอยู่ตรงที่เดิม สายตาจ้องไปที่ด้านหลังของหานซานเฉียน เธอไม่สามารถพูดเรื่องนี้กับซูหยิงเซี่ยได้ ดังนั้นหากหานซานเฉียนปฏิเสธ เธอก็ทำได้เพียงเฝ้ามองการถูกหานซานเฉียนเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างช่วยไม่ได้ “หยิงเซี่ย อดทนเพื่อเธอมามากพอแล้ว เธอหยุดทำร้ายเธอได้ไหม” เจี่ยงหลานพูดพลางมองไปที่ด้านหลังของหานซานเฉียน หานซานเฉียนเดินลงมาจากชั้นสอง และมาที่ห้องรับแขก เห็นซูกั๋วเย่านั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก เมื่อซูกั๋วเย่าเห็นหานซานเฉียน เขาก็เดินเข้าไปหาเและพูดว่า “ฉันเชื่อว่าเรื่องนี้ หยิงเซี่ยยินดีที่จะเผชิญหน้ากับนาย” ความคิดของซูกั๋วเย่าค่อนข้างเหนือความคาดหมายของหานซานเฉียน แต่คำพูดเหล่านี้กลับทำให้หานซานเฉียนยิ่งหวั่นไหวมากขึ้น “พ่อครับ บางทีวิธีนี้อาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องซูหยิงเซี่ยก็ได้นะครับ” หานซานเฉียนกล่าว ซูกั๋วเย่าถอนหายใจ เมื่อได้ยินน้ำเสียงของหานซานเฉียน เขาวางแผนที่จะหย่ากับซูหยิงเซี่ย “ถ้านายทำแบบนั้น เธอคงเกลียดนายตลอดไป” ซูกั๋วเย่ากล่าว “เกลียดผมก็ยังดีกว่ามาเกี่ยวข้องกับผม ถ้าผมแก้ปัญหานี้ได้ ผมจะหาทางทำให้เธอยกโทษให้ผมครับ” หลังจากพูดจบ หานซาน
หลังจากที่โจวป๋อก้าวขึ้นบนสังเวียน ในดวงตาของเขามีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม แม้ว่าหานซานเฉียนจะล้มนักมวยทั้งหมด เขาก็ไม่สนใจ เพราะเขาเองก็สามารถทำเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย นักมวยที่อยู่ในค่ายเหล่านี้ล้วนมาจากโรงเรียนฝึกอาชีพ นอกจากจะแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปแล้ว พวกเขาก็ไม่มีทักษะที่เก่งนัก พวกเขาเพียงแค่แสดงกลอุบายให้ผู้ชมเห็นเท่านั้น ไม่มีความสามารถในการต่อสู้ที่แท้จริง การเอาชนะสวะพวกนี้ไม่ใช่เรื่องยาก “ในเมื่อผมอยู่บนสังเวียน ผมจะไม่ออมมือให้คุณ” โจวป๋อกล่าว หานซานเฉียนกล่าวด้วยสีหน้านิ่งขรึมว่า "ใช้กำลังทั้งหมดของนายที่มี” “ตกลง ผมหวังว่าคุณจะไม่มาเล่นทีหลังนะครับ” โจวป๋อพูดด้วยรอยยิ้ม ในโรงสนามมวย ม่อหยางมองแผนของโจวป๋อออก จึงพูดกับเตาสือเอ้อร์ว่า “ดูเหมือนว่าน้องชายของนายคนนี้ต้องการใช้โอกาสนี้ เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของซานเฉียนนะ” “สำหรับพวกเราแล้ว มีเพียงกำลังเท่านั้นที่สามารถทำให้คนอื่นเคารพได้ โอกาสนี้เหมาะที่จะทำให้เขายอมทุ่มเทกำลังอย่างเต็มที่เพื่อพี่ซานเฉียนอย่างเต็มใจ” เตาสือเอ้อร์กล่าว “มั่นใจในตัวหานซานเฉียนขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” ม่อหยางถาม เตาสือเอ้อร์พูดด้วยน้
“เป็นเพราะน้องสะใภ้เหรอ?” ม่อหยางถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม หานซานเฉียนไม่เช็ดน้ำตา แต่ปล่อยให้มันหยดจากแก้มของเขาลงสู่พื้นและพูดว่า “ถ้าการหย่าเท่านั้นที่สามารถรับประกันความปลอดภัยของหยิงเซี่ยได้ ถ้าเป็นนายนายจะทำยังไง?" หย่า! เมื่อได้ยินคำนี้ ในที่สุดม่อหยางก็เข้าใจว่าทำไมหานซานเฉียนถึงโกรธมาก “ที่หาน กรุ๊ป อยู่ที่นี่ก็เป็นเพราะฉัน ถ้าเธอหย่ากับฉัน หาน กรุ๊ป ก็จะไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้เธอ นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ดีมากจนแม้แต่ฉันก็ยังคิดหาเหตุผลมาปฏิเสธไม่ได้เลย” หานซานเฉียนกล่าวต่อ “ใครเป็นเริ่มความคิดแย่ ๆ นี้ขึ้นมานะ?” ม่อหยางกัดฟัน เขารู้ว่าซูหยิงเซี่ยไม่น่าจะทำเรื่องแบบนี้ได้ เขาเคยเจอซูหยิงเซี่ยหลายครั้ง และม่อหยางก็สัมผัสได้ถึงความจริงใจที่เธอมีต่อหานซานเฉียน “เจี่ยงหลาน เธอบอกว่าในเมื่อฉันรักหยิงเซี่ย ฉันก็ควรจะคิดถึงเธอ และไม่ควรไปเกี่ยวข้องกับเธอ” หานซานเฉียนกล่าว คนอย่างเจี่ยงหลาน สำหรับม่อหยางแล้วควรจะถูกสับเป็นชิ้น ๆ ถ้าเป็นเขา เขาคงไม่สามารถแบกรับสิ่งที่มากเกินไป ที่เธอทำกับหานซานเฉียนได้ แต่...การหย่าเป็นวิธีที่จะปกป้องซูหยิงเซี่ย เธอพูดถูก และยังเป็น
ซูหยิงเซี่ยคิดอย่างถี่ถ้วน วันนี้ไม่ใช่วันพิเศษ แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงอยากกินข้าวนอกบ้าน แถมยังเป็นภัตตาคารสุ่ยจิงด้วย สถานที่นี้ทำให้ซูหยิงเซี่ยประหลาดใจมากเป็นครั้งแรกในชีวิต ถึงตอนนี้ เธอยังคงไม่ลืมหานซานเฉียนที่เล่นเปียโนในภัตตาคารสุ่ยจิง สำหรับเธอ ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญเป็นพิเศษ ก็ไม่จำเป็นต้องไปที่ภัตตาคารสุ่ยจิง เพราะความทรงจำอันน่าตกตะลึงของสถานที่นี้ หาสิ่งใดมาเปรียบไม่ได้ “วันนี้เป็นวันพิเศษอะไรหรือเปล่าคะ?” ซูหยิงเซี่ยถามอย่างระมัดระวัง กลัวว่าเธอจะลืมอะไรบางอย่าง “ไม่มีอะไรหรอก ผมแค่อยากทานข้าวกับคุณ” หานซานเฉียนพูด ในใจของเขาทรมานมาก แต่เขาไม่ได้แสดงความผิดปกติบนใบหน้าเลยแม้แต่น้อย “มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าคะ?” โดยธรรมชาติของผู้หญิงทำให้ซูหยิงเซี่ยได้กลิ่นอายอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ และรู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น “หรือผมอยากทานข้าวนอกบ้านกับคุณบ้างไม่ได้เหรอ ถามเยอะจัง” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มเจื่อน ๆ ซูหยิงเซี่ยสังเกตเห็นท่าทางของหานซานเฉียนไม่มีอะไรผิดปกติ เธอจึงไม่ถามต่อ คงจะแค่ทานข้าวแหละมั้ง เมื่อพวกเขามาถึงภัตตาคารสุ่ยจิง หานซานเฉียนได้จองที่นั่งไ