ผู้ชายนั้นล้วนแสวงหาความงามของสตรีเช่นเดียวกับที่วิ่งตามอำนาจและตำแหน่ง“ตระกูลซูให้อะไรกับนายบ้าง?” ฉี๋อีหยุนเอ่ยถาม นี่เป็นคำถามที่นอกประเด็นมาก แต่สำหรับฉี๋อีหยุนนั้นเป็นคำถามที่สำคัญมาก“สำหรับผมแล้วโลกใบนี้ผมสามารถเอามาได้อย่างง่ายดาย และผมสามารถมอบโลกทั้งใบให้กับซูหยิงเซี่ย แล้วผมยังจะต้องการอะไรจากตระกูลซูอีกล่ะ?” หานซานเฉียนพูดอย่างไม่แยแสประโยคนี้ทรงพลังและกระแทกใจฉี๋อีหยุนเป็นอย่างมาก เรื่องโลกที่ได้มาอย่างง่ายดายนี่เขาโม้หรือเปล่า? แต่ดูจากท่าทางของเขาแล้วต้องไม่ใช่แค่เรื่องโอ้อวดเฉย ๆ แน่ผู้ชายที่สามารถมอบโลกทั้งใบให้กับผู้หญิงของตัวเองได้ ผู้หญิงคนนั้นจะมีความสุขขนาดไหนกัน?ฉี๋อีหยุนนึกภาพไม่ออกเลย แต่ถ้าหานซานเฉียนอาจจะทำได้จริง ๆ เธอจะหาวิธีมาแทนที่ซูหยิงเซี่ยให้ได้นี่เป็นความฝันตั้งแต่วัยเด็กของฉี๋อีหยุน เธอฝันถึงผู้ชายที่จะพาเธอไปยังจุดสูงสุดของโลก และมองลงมาดูทัศนียภาพของทั้งโลกใบนี้ “นาย...” ฉี๋อีหยุนลังเล เธออยากจะบอกหานซานเฉียนว่าสามารถช่วยให้เขาได้ในสิ่งที่ต้องการ แต่เธอยังไม่รู้จักหานซานเฉียนดี และไม่รู้ว่าหานซานเฉียนมีความสามารถมากแค่ไหน ดังนั้นเธอจึง
ปิดล้อมสนามบินณ คฤหาสน์ตระกูลเทียนเทียนฉางเฉิงนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เขาได้ยินมาว่าหานซานเฉียนแพ้การแข่งขัน เขารู้สึกงุนงงเป็นอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะคราวก่อนที่หานซานเฉียนเล่นหมากล้อมกับโอวหยางซิวเจี๋ย เขาเห็นถึงความแตกต่างของความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองอย่างชัดเจน ถ้าพูดตามหลักการแล้ว การแข่งขันคราวนี้สำหรับเขาแล้วมั่นใจมาก ดังนั้นจะแพ้ได้อย่างไรหรือว่าเขาประมาทกัน?ด้วยนิสัยของหานซานเฉียน เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะผิดพลาดในเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ชาเดือดแล้ว แต่เทียนฉางเฉิงไม่ได้สังเกตเห็น จนกระทั่งเทียนหลิงเอ๋อร์เดินเข้ามาใกล้ และพูดว่า“คุณปู่คิดอะไรอยู่คะ ถึงได้เหม่อลอยแบบนี้ น้ำเดือดแล้วนะ”“อ่า” เทียนฉางเฉิงฟื้นคืนสติทันที เขาเหลือบมองที่กาน้ำชาและพยักหน้าอย่างรวดเร็วว่า “โอ เกือบจะทำกาชาชั้นดีนี่แตกซะแล้ว”เทียนหลิงเอ๋อร์อยู่ในชุดอยู่บ้านตัวใหญ่ที่ซ่อนรูปร่างอันงดงามไว้ เธอนั่งตรงข้ามกับเทียนฉางเฉิงและถามว่า “เรื่องอะไรที่ทำให้คุณปู่เหม่อลอยได้ขนาดนี้คะ?”เทียนฉางเฉิงไม่ต้องการพูดเรื่องหานซานเฉียนต่อหน้าเทียนหลิงเอ๋อร์ เพราะเรื่องที่แกล้งทำเป็นบังเอิญพบกันตอนเขาหยุ
ณ สนามบินหยุนเฉิงรถยนต์หรูหรามากมายจอดเรียงอยู่ตรงประตูทางเข้าสนามบิน เพื่อมารอรับผู้โดยสาร ไม่ว่าจะเป็นคนในท้องถิ่นหรือคนต่างถิ่นก็ต่างพากันตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น นี่มาต้อนบุคคลสำคัญขนาดไหนกันถึงได้หรูหราแบบนี้ในบรรดารถยนต์คันหรูส่วนใหญ่เป็นเบนท์ลีย์และโรลส์รอยซ์ ผู้คนในเมืองหยุนเฉิงได้พบว่าเจ้าของรถยนต์เหล่านี้แทบจะเป็นตระกูลผู้มั่งคั่งที่สำคัญในแวดวงธุรกิจของเมืองหยุนเฉิง มีแค่สองสามคนที่ไม่ได้มาแต่นอกนั้นอยู่ที่นี่กันหมด“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย แล้วมารอรับใครกันล่ะถึงได้เล่นใหญ่กันขนาดนี้?”“น่าจะเป็นคนจากตระกูลเทียนหรือเปล่า นอกจากตระกูลเทียนแล้วมีใครในเมืองหยุนเฉิงที่มีสิทธิ์ได้รับการปฏิบัติแบบนี้อีกล่ะ”“ยิ่งใหญ่แบบนี้อย่างน้อยต้องเป็นนายท่านตระกูลเทียนแหละ แต่ว่าช่วงนี้ฉันไม่ได้ยินข่าวมาเลยนะว่าท่านจะเดินทางออกจากเมืองหยุนเฉิง”ชื่อเสียงของเทียนฉางเฉิงโด่งดังมากในเมืองหยุนเฉิง ผู้คนเกือบทุกคนต่างรู้จักเขา แต่พวกเขารู้ว่าเทียนฉางเฉิงไม่เคยออกจากเมืองหยุนเฉิง ตั้งแต่ออกจากตำแหน่งประธานของตระกูลเทียน แล้วคนที่พวกคนเหล่านั้นมารอรับจะเป็นเทียนฉางเฉิงได้อย่างไรผู้โดยสารบาง
เมื่อได้ยินเสียงเยาะเย้ยที่มีต่อหานซานเฉียนจากฝูงชน คนที่เปิดโปงตัวตนของหานซานเฉียนเมื่อครู่นี้รู้สึกลำพองใจ และรู้สึกประสบความสำเร็จที่ได้พูดประโยคเหล่านี้ออกมา ถ้าไม่ใช่เพราะเขา คนพวกนั้นจะรู้เรื่องตัวตนของหานซานเฉียนได้อย่างไร “หานซานเฉียน นายควรจะขอบคุณฉันนะ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันนายคงจะมีดีแค่ชื่อ ไม่เหมือนตอนนี้หรอก ที่อีกไม่นานคนทั้งเมืองหยุนเฉิงจะได้รู้จักนาย” ชายคนนั้นพูดด้วยรอยยิ้มหานซานเฉียนถูกทำให้อับอายตลอดอยู่แล้ว ตั้งแต่อายุสิบสอง ชีวิตของเขาก็ห่างพ้นจากการแสดงท่าทางว่าเป็นคนจากตระกูลร่ำรวย เขาถูกคนภายนอกเมินรวมถึงถูกญาติกีดกันด้วย สำหรับเขาแล้วการเหน็บแนมเมินเฉยพวกนี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอะไรแม้แต่น้อยหลังจากเขาแต่งเข้าตระกูลซู หานซานเฉียนไม่สนใจว่าคนภายนอกจะคิดกับเขา เขาเคยบอกฉือจิงแล้วว่าการที่ซ่อนตัวตนเอาไว้ก็แค่รอคอยโอกาสอยู่ เขาอดทนรออย่างสุดความสามารถ และนี่ก็เพื่อปูทางให้ฉือจิงก้าวหน้าตาม ซึ่งเองก็เธอปรารถนาในวันข้างหน้าด้วยในปัจจุบันสิ่งที่หานซานเฉียนแสวงหาไม่ใช่แค่การครอบครองตระกูลหาน เขาต้องการตามหาหานเทียนหยางด้วย ถึงแม้หานเทียนหยางจะตายไปแล้วจริง ๆ
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันลาออกจากสมาคมหมากล้อม”“ฉันก็ด้วย”“ฉันก็ลาออก”เมื่อหวางเม่าได้ยินแบบนี้ เขาก็ยิ้มอย่างโล่งใจราวกับยกภูเขาออกจากอกคนพวกนี้ไม่เคยนึกถึงเรื่องเก่า ๆ เขาเองก็ไม่ต้องถือว่าคนพวกนี้เป็นเพื่อนแล้ว“ตกลง ฉันจะดูแลหานซานเฉียนอย่างดี และจะรอดูพวกนายตกลงมาจากตึกสูง ถ้าถึงตอนนั้นก็อย่ามาขอความช่วยเหลือจากฉันก็แล้วกัน เพราะฉันเองก็ช่วยไม่ไหว” พูดจบหวางเม่าก็หันหลังเดินจากไปในทันทีหลังจากหานซานเฉียนและฉี๋อีหยุนออกจากสนามบิน พวกเขารีบตรงไปยังคลับเมจิกซิตี้อย่างรวดเร็ว“ผมจะส่งคุณกลับบ้านก่อน” หานซานเฉียนบอกกับฉี๋อีหยุน ซูหยิงเซี่ยยังไม่รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์อื่น ๆ ของเขาในเมืองหยุนเฉิง และเขาไม่ต้องการที่จะเปิดเผยอย่างรวดเร็วแบบนี้ รวมถึงฉี๋อีหยุนก็เป็นเพื่อนสนิทของซูหยิงเซี่ย ถ้าฉี๋อีหยุนรู้เรื่องนี้เธอต้องบอกซูหยิงเซี่ยอย่างแน่นอน ดังนั้นหานซานเฉียนไม่คิดที่จะให้ฉี๋อีหยุนไปกับเขาด้วยฉี๋อีหยุนเป็นผู้หญิงที่ฉลาดมาก ถ้าหานซานเฉียนอยากหาซูหยิงเซี่ยให้เจอต้องใช้พลังของพื้นที่สีเทาอย่างแน่นอน และด้วยเหตุนี้หานซานเฉียนไม่ต้องการให้เธอไปกับเขา เขากังวลว่าเธอจะบอกซู
ด้วยความน่าเกรงกลัวของหานซานเฉียน ต่อให้ภูเขาไท่จะล้มลงตรงหน้า เขาก็ไม่รู้สึกหวั่นไหวแม้แต่น้อย แต่เมื่อเขาเห็นหมายเลขของคนที่โทรเข้ามา เขาก็รู้สึกประหม่าจนมือไม้สั่นระริกเมื่อฉี๋อีหยุนเห็นเช่นนี้ เธอก็แอบกำมือเข้าหากันแน่น แค่โทรศัพท์สายเดียวกลับทำให้คุณตื่นเต้นได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ? ทำไมความรู้สึกที่คุณมีต่อซูหยิงเซี่ยถึงลึกซึ้งเพียงนี้! ตลอดระยะเวลาสามปีในตระกูลซู คุณได้รับความอัปยศอดสูมาทุกรูปแบบ แล้วทำไมถึงปักใจกับซูหยิงเซี่ย ทำไมถึงรักเธอมากขนาดนี้! ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง คุณยอมละทิ้งศักดิ์ศรีทั้งหมดที่มีเพื่อเธอได้จริงหรือ? อันที่จริงแล้วไม่ใช่เพียงแค่หานซานเฉียนเท่านั้นที่รู้สึกประหม่า ม่อหยางเองก็ยังขยี้จมูกของตัวเองโดยไม่รู้ตัวซึ่งเป็นการแสดงออกที่บ่งบอกถึงความประหม่าของเขาด้วย คนอื่นอาจไม่รู้ความรู้สึกของหานซานเฉียนที่มีต่อซูหยิงเซี่ย แต่เขาได้เห็นทั้งหมดแล้วด้วยตาของตัวเองทั้งสองข้าง เขาเห็นมันมาเป็นเวลาสามปีเต็ม ๆ ไม่ว่าจะฝนตกหรือแดดออก คนทั่วไปจะทำได้แบบนี้ไหม? “รีบรับสิ มัวรีรออะไรอยู่ล่ะ” ม่อหยางเอ่ยเตือนหานซานเฉียน หานซานเฉียนสูดหายใจเข้าลึก แล้วกดปุ่มรับสา
“เงินหนึ่งพันล้านอาจเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยสำหรับเขาเท่านั้น แต่ถ้านายได้เงินมา นายจะมีชีวิตอยู่เพื่อใช้มันเหรอ?” ซูหยิงเซี่ยกล่าวซูไห่เฉาหัวเราะขึ้นมาทันใด เงินหนึ่งพันล้านเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยอย่างนั้นหรือ? เขาไม่ได้ยินผิดไปใช่ไหม แม้ว่าเธอจะต้องการรักษาภาพลักษณ์ให้หานซานเฉียน เธอก็ไม่จำเป็นต้องโอ้อวดเช่นนี้เขาแคะหูแล้วพูดกับซูหยิงเซี่ยว่า “ตอนนี้เธอโอ้อวดเก่งขนาดนี้แล้วเหรอ แถมยังพูดแบบไม่ไตร่ตรองเลยสักนิด คิดว่าฉันจะเชื่อเธอไหม?” ซูหยิงเซี่ยยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อย แล้วพูดว่า “คนอย่างนายจะรู้ได้ยังไงว่าเขาเก่งกาจแค่ไหน” “เก่งกาจเหรอ? คนเกาะเมียกินอย่างเขาเก่งกาจเหรอ” ซูไห่เฉาพยักหน้าตอบรับว่า “เขาเก่งกาจมากจริง ๆ เป็นผู้ชายแท้ ๆ ที่อาศัยเกาะผู้หญิงกิน ไม่มียางอาย ระดับเขาแล้วก็นับว่าเก่งกาจจริง ๆ ” ซูหยิงเซี่ยส่ายหน้า เรื่องแบบนี้เธอเองก็ไม่แน่ใจ และไม่สามารถอธิบายให้ซูไห่เฉาฟังได้ด้วย แต่เธอรู้ว่าหานซานเฉียนจะไม่มีทางปล่อยซูไห่เฉาไปง่าย ๆ เขารนหาที่ตายครั้งแล้วครั้งเล่า และครั้งนี้จะไม่มีทางจบอย่างสวยงามแน่นอน “หวังว่านายจะไม่เสียใจทีหลังนะ” ซูหยิงเซี่ยกล่าว “เสียใจท
ลักพาตัว ! เมื่อซูกั๋วหลินได้ยินสองคำนี้ ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดทันที ซูกั๋วหลินเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานมาก เขาหวังเสมอว่าซูไห่เฉาจะควบคุมตระกูลซูได้ ตอนนี้เมื่อบริษัทตกอยู่ในมือของซูหยิงเซี่ย เขาจึงรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่งจนถึงขั้นคิดหาวิธีจัดการกับซูหยิงเซี่ยทุกรูปแบบอย่างไร้ยางอาย โดยหวังว่าจะทำให้ซูหยิงเซี่ยก้าวลงจากตำแหน่ง และให้ซูไห่เฉากลับมามีอำนาจควบคุมบริษัทอีกครั้ง แต่ความคิดของเขาทั้งหมดเป็นเพียงจินตนาการเท่านั้น ความกล้าหาญของเขาไม่สามารถสนับสนุนความทะเยอทะยานของเขาได้เลย เมื่อตอนนี้เขาได้รู้ว่าซูไห่เฉาลักพาตัวซูหยิงเซี่ยไป จะไม่รู้สึกหวาดกลัวได้อย่างไร! นี่เป็นเรื่องที่อาจจะทำให้ต้องติดคุกได้ เขามีลูกชายเพียงคนเดียวที่จะคอยเลี้ยงดูเขาในวัยชราและจัดงานศพให้ หากลูกชายของเขาต้องมาติดคุกเพราะเรื่องนี้ เขาจะมีชีวิตอยู่ในอนาคตได้อย่างไร! “แกพูดพล่ามอะไร อย่ามาใส่ร้ายลูกชายของฉัน ลูกชายของฉันจะทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง” ซูกั๋วหลินพูดด้วยความโกรธ “ผมจะเอาเรื่องแบบนี้มาพูดล้อเล่นกับคุณทำไม?” หานซานเฉียนพูดอย่างเย็นชา “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ แกอิจฉาพรสวรรค์และความสามารถของซูไห่เ