ในห้องพักของโรงแรม หวางเม่าได้จองตัวเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว ฉี๋อีหยุนทำอะไรไม่ถูกเมื่อเผชิญหน้ากับหานซานเฉียน เธอไม่เข้าใจว่าทำไมหานซานเฉียนถึงจงใจแพ้การแข่งขันหลังจากไปเข้าห้องน้ำมาใช่แล้ว เขาจงใจแพ้การแข่งขันผู้คนพวกนั้นเชื่อมั่นในตัวโอวหยางซิวเจี๋ยอย่างไม่ลืมหูลืมตา ดังนั้นจึงไม่ยอมเห็นหานซานเฉียนเจตนาล้มการแข่งขัน เขาเชื่อว่าท่าไม้ตายของโอวหยางซิวเจี๋ยทำให้หานซานเฉียนสติหลุด แต่ฉี๋อีหยุนดูออกว่าด้วยศักยภาพของหานซานเฉียนแล้วเขาไม่มีทางแพ้แน่นอน“นายแพ้การแข่งขัน นายลองนึกดูสิว่าผู้คนในสมาคมหมากล้อมแห่งเมืองหยุนเฉิงพวกนั้นจะทำอะไรกับนายบ้าง?” ฉี๋อีหยุนพูดกับหานซานเฉียน“คนไร้ค่าพวกนั้นผมไม่สนใจหรอก พวกเขาจะทำอะไรผมได้… มันสำคัญตรงไหน?” หานซานเฉียนพูดอย่างดูถูก เขารู้ดีว่าหลังจากกลับไปที่เมืองหยุนเฉิง เขาจะต้องถูกสมาชิกพวกนั้นด่าประนามแน่นอน แต่ใครสนใจกันล่ะ?สำหรับหานซานเฉียนแล้ว ชนะหรือแพ้การแข่งขันไม่สำคัญเลย ความปลอดภัยของซูหยิงเซี่ยนั้นสำคัญที่สุดถ้าตาเฒ่าพวกนั้นมาก่อความวุ่นวายให้เขา เขาไม่ถือสาอะไร หากว่าจะต้องปฏิรูปเมืองหยุนเฉิงครั้งใหญ่“เดิมทีชื่อเสียงของนายในเมือง
ผู้ชายนั้นล้วนแสวงหาความงามของสตรีเช่นเดียวกับที่วิ่งตามอำนาจและตำแหน่ง“ตระกูลซูให้อะไรกับนายบ้าง?” ฉี๋อีหยุนเอ่ยถาม นี่เป็นคำถามที่นอกประเด็นมาก แต่สำหรับฉี๋อีหยุนนั้นเป็นคำถามที่สำคัญมาก“สำหรับผมแล้วโลกใบนี้ผมสามารถเอามาได้อย่างง่ายดาย และผมสามารถมอบโลกทั้งใบให้กับซูหยิงเซี่ย แล้วผมยังจะต้องการอะไรจากตระกูลซูอีกล่ะ?” หานซานเฉียนพูดอย่างไม่แยแสประโยคนี้ทรงพลังและกระแทกใจฉี๋อีหยุนเป็นอย่างมาก เรื่องโลกที่ได้มาอย่างง่ายดายนี่เขาโม้หรือเปล่า? แต่ดูจากท่าทางของเขาแล้วต้องไม่ใช่แค่เรื่องโอ้อวดเฉย ๆ แน่ผู้ชายที่สามารถมอบโลกทั้งใบให้กับผู้หญิงของตัวเองได้ ผู้หญิงคนนั้นจะมีความสุขขนาดไหนกัน?ฉี๋อีหยุนนึกภาพไม่ออกเลย แต่ถ้าหานซานเฉียนอาจจะทำได้จริง ๆ เธอจะหาวิธีมาแทนที่ซูหยิงเซี่ยให้ได้นี่เป็นความฝันตั้งแต่วัยเด็กของฉี๋อีหยุน เธอฝันถึงผู้ชายที่จะพาเธอไปยังจุดสูงสุดของโลก และมองลงมาดูทัศนียภาพของทั้งโลกใบนี้ “นาย...” ฉี๋อีหยุนลังเล เธออยากจะบอกหานซานเฉียนว่าสามารถช่วยให้เขาได้ในสิ่งที่ต้องการ แต่เธอยังไม่รู้จักหานซานเฉียนดี และไม่รู้ว่าหานซานเฉียนมีความสามารถมากแค่ไหน ดังนั้นเธอจึง
ปิดล้อมสนามบินณ คฤหาสน์ตระกูลเทียนเทียนฉางเฉิงนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เขาได้ยินมาว่าหานซานเฉียนแพ้การแข่งขัน เขารู้สึกงุนงงเป็นอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะคราวก่อนที่หานซานเฉียนเล่นหมากล้อมกับโอวหยางซิวเจี๋ย เขาเห็นถึงความแตกต่างของความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองอย่างชัดเจน ถ้าพูดตามหลักการแล้ว การแข่งขันคราวนี้สำหรับเขาแล้วมั่นใจมาก ดังนั้นจะแพ้ได้อย่างไรหรือว่าเขาประมาทกัน?ด้วยนิสัยของหานซานเฉียน เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะผิดพลาดในเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ชาเดือดแล้ว แต่เทียนฉางเฉิงไม่ได้สังเกตเห็น จนกระทั่งเทียนหลิงเอ๋อร์เดินเข้ามาใกล้ และพูดว่า“คุณปู่คิดอะไรอยู่คะ ถึงได้เหม่อลอยแบบนี้ น้ำเดือดแล้วนะ”“อ่า” เทียนฉางเฉิงฟื้นคืนสติทันที เขาเหลือบมองที่กาน้ำชาและพยักหน้าอย่างรวดเร็วว่า “โอ เกือบจะทำกาชาชั้นดีนี่แตกซะแล้ว”เทียนหลิงเอ๋อร์อยู่ในชุดอยู่บ้านตัวใหญ่ที่ซ่อนรูปร่างอันงดงามไว้ เธอนั่งตรงข้ามกับเทียนฉางเฉิงและถามว่า “เรื่องอะไรที่ทำให้คุณปู่เหม่อลอยได้ขนาดนี้คะ?”เทียนฉางเฉิงไม่ต้องการพูดเรื่องหานซานเฉียนต่อหน้าเทียนหลิงเอ๋อร์ เพราะเรื่องที่แกล้งทำเป็นบังเอิญพบกันตอนเขาหยุ
ณ สนามบินหยุนเฉิงรถยนต์หรูหรามากมายจอดเรียงอยู่ตรงประตูทางเข้าสนามบิน เพื่อมารอรับผู้โดยสาร ไม่ว่าจะเป็นคนในท้องถิ่นหรือคนต่างถิ่นก็ต่างพากันตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น นี่มาต้อนบุคคลสำคัญขนาดไหนกันถึงได้หรูหราแบบนี้ในบรรดารถยนต์คันหรูส่วนใหญ่เป็นเบนท์ลีย์และโรลส์รอยซ์ ผู้คนในเมืองหยุนเฉิงได้พบว่าเจ้าของรถยนต์เหล่านี้แทบจะเป็นตระกูลผู้มั่งคั่งที่สำคัญในแวดวงธุรกิจของเมืองหยุนเฉิง มีแค่สองสามคนที่ไม่ได้มาแต่นอกนั้นอยู่ที่นี่กันหมด“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย แล้วมารอรับใครกันล่ะถึงได้เล่นใหญ่กันขนาดนี้?”“น่าจะเป็นคนจากตระกูลเทียนหรือเปล่า นอกจากตระกูลเทียนแล้วมีใครในเมืองหยุนเฉิงที่มีสิทธิ์ได้รับการปฏิบัติแบบนี้อีกล่ะ”“ยิ่งใหญ่แบบนี้อย่างน้อยต้องเป็นนายท่านตระกูลเทียนแหละ แต่ว่าช่วงนี้ฉันไม่ได้ยินข่าวมาเลยนะว่าท่านจะเดินทางออกจากเมืองหยุนเฉิง”ชื่อเสียงของเทียนฉางเฉิงโด่งดังมากในเมืองหยุนเฉิง ผู้คนเกือบทุกคนต่างรู้จักเขา แต่พวกเขารู้ว่าเทียนฉางเฉิงไม่เคยออกจากเมืองหยุนเฉิง ตั้งแต่ออกจากตำแหน่งประธานของตระกูลเทียน แล้วคนที่พวกคนเหล่านั้นมารอรับจะเป็นเทียนฉางเฉิงได้อย่างไรผู้โดยสารบาง
เมื่อได้ยินเสียงเยาะเย้ยที่มีต่อหานซานเฉียนจากฝูงชน คนที่เปิดโปงตัวตนของหานซานเฉียนเมื่อครู่นี้รู้สึกลำพองใจ และรู้สึกประสบความสำเร็จที่ได้พูดประโยคเหล่านี้ออกมา ถ้าไม่ใช่เพราะเขา คนพวกนั้นจะรู้เรื่องตัวตนของหานซานเฉียนได้อย่างไร “หานซานเฉียน นายควรจะขอบคุณฉันนะ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันนายคงจะมีดีแค่ชื่อ ไม่เหมือนตอนนี้หรอก ที่อีกไม่นานคนทั้งเมืองหยุนเฉิงจะได้รู้จักนาย” ชายคนนั้นพูดด้วยรอยยิ้มหานซานเฉียนถูกทำให้อับอายตลอดอยู่แล้ว ตั้งแต่อายุสิบสอง ชีวิตของเขาก็ห่างพ้นจากการแสดงท่าทางว่าเป็นคนจากตระกูลร่ำรวย เขาถูกคนภายนอกเมินรวมถึงถูกญาติกีดกันด้วย สำหรับเขาแล้วการเหน็บแนมเมินเฉยพวกนี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอะไรแม้แต่น้อยหลังจากเขาแต่งเข้าตระกูลซู หานซานเฉียนไม่สนใจว่าคนภายนอกจะคิดกับเขา เขาเคยบอกฉือจิงแล้วว่าการที่ซ่อนตัวตนเอาไว้ก็แค่รอคอยโอกาสอยู่ เขาอดทนรออย่างสุดความสามารถ และนี่ก็เพื่อปูทางให้ฉือจิงก้าวหน้าตาม ซึ่งเองก็เธอปรารถนาในวันข้างหน้าด้วยในปัจจุบันสิ่งที่หานซานเฉียนแสวงหาไม่ใช่แค่การครอบครองตระกูลหาน เขาต้องการตามหาหานเทียนหยางด้วย ถึงแม้หานเทียนหยางจะตายไปแล้วจริง ๆ
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันลาออกจากสมาคมหมากล้อม”“ฉันก็ด้วย”“ฉันก็ลาออก”เมื่อหวางเม่าได้ยินแบบนี้ เขาก็ยิ้มอย่างโล่งใจราวกับยกภูเขาออกจากอกคนพวกนี้ไม่เคยนึกถึงเรื่องเก่า ๆ เขาเองก็ไม่ต้องถือว่าคนพวกนี้เป็นเพื่อนแล้ว“ตกลง ฉันจะดูแลหานซานเฉียนอย่างดี และจะรอดูพวกนายตกลงมาจากตึกสูง ถ้าถึงตอนนั้นก็อย่ามาขอความช่วยเหลือจากฉันก็แล้วกัน เพราะฉันเองก็ช่วยไม่ไหว” พูดจบหวางเม่าก็หันหลังเดินจากไปในทันทีหลังจากหานซานเฉียนและฉี๋อีหยุนออกจากสนามบิน พวกเขารีบตรงไปยังคลับเมจิกซิตี้อย่างรวดเร็ว“ผมจะส่งคุณกลับบ้านก่อน” หานซานเฉียนบอกกับฉี๋อีหยุน ซูหยิงเซี่ยยังไม่รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์อื่น ๆ ของเขาในเมืองหยุนเฉิง และเขาไม่ต้องการที่จะเปิดเผยอย่างรวดเร็วแบบนี้ รวมถึงฉี๋อีหยุนก็เป็นเพื่อนสนิทของซูหยิงเซี่ย ถ้าฉี๋อีหยุนรู้เรื่องนี้เธอต้องบอกซูหยิงเซี่ยอย่างแน่นอน ดังนั้นหานซานเฉียนไม่คิดที่จะให้ฉี๋อีหยุนไปกับเขาด้วยฉี๋อีหยุนเป็นผู้หญิงที่ฉลาดมาก ถ้าหานซานเฉียนอยากหาซูหยิงเซี่ยให้เจอต้องใช้พลังของพื้นที่สีเทาอย่างแน่นอน และด้วยเหตุนี้หานซานเฉียนไม่ต้องการให้เธอไปกับเขา เขากังวลว่าเธอจะบอกซู
ด้วยความน่าเกรงกลัวของหานซานเฉียน ต่อให้ภูเขาไท่จะล้มลงตรงหน้า เขาก็ไม่รู้สึกหวั่นไหวแม้แต่น้อย แต่เมื่อเขาเห็นหมายเลขของคนที่โทรเข้ามา เขาก็รู้สึกประหม่าจนมือไม้สั่นระริกเมื่อฉี๋อีหยุนเห็นเช่นนี้ เธอก็แอบกำมือเข้าหากันแน่น แค่โทรศัพท์สายเดียวกลับทำให้คุณตื่นเต้นได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ? ทำไมความรู้สึกที่คุณมีต่อซูหยิงเซี่ยถึงลึกซึ้งเพียงนี้! ตลอดระยะเวลาสามปีในตระกูลซู คุณได้รับความอัปยศอดสูมาทุกรูปแบบ แล้วทำไมถึงปักใจกับซูหยิงเซี่ย ทำไมถึงรักเธอมากขนาดนี้! ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง คุณยอมละทิ้งศักดิ์ศรีทั้งหมดที่มีเพื่อเธอได้จริงหรือ? อันที่จริงแล้วไม่ใช่เพียงแค่หานซานเฉียนเท่านั้นที่รู้สึกประหม่า ม่อหยางเองก็ยังขยี้จมูกของตัวเองโดยไม่รู้ตัวซึ่งเป็นการแสดงออกที่บ่งบอกถึงความประหม่าของเขาด้วย คนอื่นอาจไม่รู้ความรู้สึกของหานซานเฉียนที่มีต่อซูหยิงเซี่ย แต่เขาได้เห็นทั้งหมดแล้วด้วยตาของตัวเองทั้งสองข้าง เขาเห็นมันมาเป็นเวลาสามปีเต็ม ๆ ไม่ว่าจะฝนตกหรือแดดออก คนทั่วไปจะทำได้แบบนี้ไหม? “รีบรับสิ มัวรีรออะไรอยู่ล่ะ” ม่อหยางเอ่ยเตือนหานซานเฉียน หานซานเฉียนสูดหายใจเข้าลึก แล้วกดปุ่มรับสา
“เงินหนึ่งพันล้านอาจเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยสำหรับเขาเท่านั้น แต่ถ้านายได้เงินมา นายจะมีชีวิตอยู่เพื่อใช้มันเหรอ?” ซูหยิงเซี่ยกล่าวซูไห่เฉาหัวเราะขึ้นมาทันใด เงินหนึ่งพันล้านเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยอย่างนั้นหรือ? เขาไม่ได้ยินผิดไปใช่ไหม แม้ว่าเธอจะต้องการรักษาภาพลักษณ์ให้หานซานเฉียน เธอก็ไม่จำเป็นต้องโอ้อวดเช่นนี้เขาแคะหูแล้วพูดกับซูหยิงเซี่ยว่า “ตอนนี้เธอโอ้อวดเก่งขนาดนี้แล้วเหรอ แถมยังพูดแบบไม่ไตร่ตรองเลยสักนิด คิดว่าฉันจะเชื่อเธอไหม?” ซูหยิงเซี่ยยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อย แล้วพูดว่า “คนอย่างนายจะรู้ได้ยังไงว่าเขาเก่งกาจแค่ไหน” “เก่งกาจเหรอ? คนเกาะเมียกินอย่างเขาเก่งกาจเหรอ” ซูไห่เฉาพยักหน้าตอบรับว่า “เขาเก่งกาจมากจริง ๆ เป็นผู้ชายแท้ ๆ ที่อาศัยเกาะผู้หญิงกิน ไม่มียางอาย ระดับเขาแล้วก็นับว่าเก่งกาจจริง ๆ ” ซูหยิงเซี่ยส่ายหน้า เรื่องแบบนี้เธอเองก็ไม่แน่ใจ และไม่สามารถอธิบายให้ซูไห่เฉาฟังได้ด้วย แต่เธอรู้ว่าหานซานเฉียนจะไม่มีทางปล่อยซูไห่เฉาไปง่าย ๆ เขารนหาที่ตายครั้งแล้วครั้งเล่า และครั้งนี้จะไม่มีทางจบอย่างสวยงามแน่นอน “หวังว่านายจะไม่เสียใจทีหลังนะ” ซูหยิงเซี่ยกล่าว “เสียใจท
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ