เมื่อได้ยินเสียงเยาะเย้ยที่มีต่อหานซานเฉียนจากฝูงชน คนที่เปิดโปงตัวตนของหานซานเฉียนเมื่อครู่นี้รู้สึกลำพองใจ และรู้สึกประสบความสำเร็จที่ได้พูดประโยคเหล่านี้ออกมา ถ้าไม่ใช่เพราะเขา คนพวกนั้นจะรู้เรื่องตัวตนของหานซานเฉียนได้อย่างไร “หานซานเฉียน นายควรจะขอบคุณฉันนะ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันนายคงจะมีดีแค่ชื่อ ไม่เหมือนตอนนี้หรอก ที่อีกไม่นานคนทั้งเมืองหยุนเฉิงจะได้รู้จักนาย” ชายคนนั้นพูดด้วยรอยยิ้มหานซานเฉียนถูกทำให้อับอายตลอดอยู่แล้ว ตั้งแต่อายุสิบสอง ชีวิตของเขาก็ห่างพ้นจากการแสดงท่าทางว่าเป็นคนจากตระกูลร่ำรวย เขาถูกคนภายนอกเมินรวมถึงถูกญาติกีดกันด้วย สำหรับเขาแล้วการเหน็บแนมเมินเฉยพวกนี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอะไรแม้แต่น้อยหลังจากเขาแต่งเข้าตระกูลซู หานซานเฉียนไม่สนใจว่าคนภายนอกจะคิดกับเขา เขาเคยบอกฉือจิงแล้วว่าการที่ซ่อนตัวตนเอาไว้ก็แค่รอคอยโอกาสอยู่ เขาอดทนรออย่างสุดความสามารถ และนี่ก็เพื่อปูทางให้ฉือจิงก้าวหน้าตาม ซึ่งเองก็เธอปรารถนาในวันข้างหน้าด้วยในปัจจุบันสิ่งที่หานซานเฉียนแสวงหาไม่ใช่แค่การครอบครองตระกูลหาน เขาต้องการตามหาหานเทียนหยางด้วย ถึงแม้หานเทียนหยางจะตายไปแล้วจริง ๆ
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันลาออกจากสมาคมหมากล้อม”“ฉันก็ด้วย”“ฉันก็ลาออก”เมื่อหวางเม่าได้ยินแบบนี้ เขาก็ยิ้มอย่างโล่งใจราวกับยกภูเขาออกจากอกคนพวกนี้ไม่เคยนึกถึงเรื่องเก่า ๆ เขาเองก็ไม่ต้องถือว่าคนพวกนี้เป็นเพื่อนแล้ว“ตกลง ฉันจะดูแลหานซานเฉียนอย่างดี และจะรอดูพวกนายตกลงมาจากตึกสูง ถ้าถึงตอนนั้นก็อย่ามาขอความช่วยเหลือจากฉันก็แล้วกัน เพราะฉันเองก็ช่วยไม่ไหว” พูดจบหวางเม่าก็หันหลังเดินจากไปในทันทีหลังจากหานซานเฉียนและฉี๋อีหยุนออกจากสนามบิน พวกเขารีบตรงไปยังคลับเมจิกซิตี้อย่างรวดเร็ว“ผมจะส่งคุณกลับบ้านก่อน” หานซานเฉียนบอกกับฉี๋อีหยุน ซูหยิงเซี่ยยังไม่รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์อื่น ๆ ของเขาในเมืองหยุนเฉิง และเขาไม่ต้องการที่จะเปิดเผยอย่างรวดเร็วแบบนี้ รวมถึงฉี๋อีหยุนก็เป็นเพื่อนสนิทของซูหยิงเซี่ย ถ้าฉี๋อีหยุนรู้เรื่องนี้เธอต้องบอกซูหยิงเซี่ยอย่างแน่นอน ดังนั้นหานซานเฉียนไม่คิดที่จะให้ฉี๋อีหยุนไปกับเขาด้วยฉี๋อีหยุนเป็นผู้หญิงที่ฉลาดมาก ถ้าหานซานเฉียนอยากหาซูหยิงเซี่ยให้เจอต้องใช้พลังของพื้นที่สีเทาอย่างแน่นอน และด้วยเหตุนี้หานซานเฉียนไม่ต้องการให้เธอไปกับเขา เขากังวลว่าเธอจะบอกซู
ด้วยความน่าเกรงกลัวของหานซานเฉียน ต่อให้ภูเขาไท่จะล้มลงตรงหน้า เขาก็ไม่รู้สึกหวั่นไหวแม้แต่น้อย แต่เมื่อเขาเห็นหมายเลขของคนที่โทรเข้ามา เขาก็รู้สึกประหม่าจนมือไม้สั่นระริกเมื่อฉี๋อีหยุนเห็นเช่นนี้ เธอก็แอบกำมือเข้าหากันแน่น แค่โทรศัพท์สายเดียวกลับทำให้คุณตื่นเต้นได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ? ทำไมความรู้สึกที่คุณมีต่อซูหยิงเซี่ยถึงลึกซึ้งเพียงนี้! ตลอดระยะเวลาสามปีในตระกูลซู คุณได้รับความอัปยศอดสูมาทุกรูปแบบ แล้วทำไมถึงปักใจกับซูหยิงเซี่ย ทำไมถึงรักเธอมากขนาดนี้! ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง คุณยอมละทิ้งศักดิ์ศรีทั้งหมดที่มีเพื่อเธอได้จริงหรือ? อันที่จริงแล้วไม่ใช่เพียงแค่หานซานเฉียนเท่านั้นที่รู้สึกประหม่า ม่อหยางเองก็ยังขยี้จมูกของตัวเองโดยไม่รู้ตัวซึ่งเป็นการแสดงออกที่บ่งบอกถึงความประหม่าของเขาด้วย คนอื่นอาจไม่รู้ความรู้สึกของหานซานเฉียนที่มีต่อซูหยิงเซี่ย แต่เขาได้เห็นทั้งหมดแล้วด้วยตาของตัวเองทั้งสองข้าง เขาเห็นมันมาเป็นเวลาสามปีเต็ม ๆ ไม่ว่าจะฝนตกหรือแดดออก คนทั่วไปจะทำได้แบบนี้ไหม? “รีบรับสิ มัวรีรออะไรอยู่ล่ะ” ม่อหยางเอ่ยเตือนหานซานเฉียน หานซานเฉียนสูดหายใจเข้าลึก แล้วกดปุ่มรับสา
“เงินหนึ่งพันล้านอาจเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยสำหรับเขาเท่านั้น แต่ถ้านายได้เงินมา นายจะมีชีวิตอยู่เพื่อใช้มันเหรอ?” ซูหยิงเซี่ยกล่าวซูไห่เฉาหัวเราะขึ้นมาทันใด เงินหนึ่งพันล้านเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยอย่างนั้นหรือ? เขาไม่ได้ยินผิดไปใช่ไหม แม้ว่าเธอจะต้องการรักษาภาพลักษณ์ให้หานซานเฉียน เธอก็ไม่จำเป็นต้องโอ้อวดเช่นนี้เขาแคะหูแล้วพูดกับซูหยิงเซี่ยว่า “ตอนนี้เธอโอ้อวดเก่งขนาดนี้แล้วเหรอ แถมยังพูดแบบไม่ไตร่ตรองเลยสักนิด คิดว่าฉันจะเชื่อเธอไหม?” ซูหยิงเซี่ยยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อย แล้วพูดว่า “คนอย่างนายจะรู้ได้ยังไงว่าเขาเก่งกาจแค่ไหน” “เก่งกาจเหรอ? คนเกาะเมียกินอย่างเขาเก่งกาจเหรอ” ซูไห่เฉาพยักหน้าตอบรับว่า “เขาเก่งกาจมากจริง ๆ เป็นผู้ชายแท้ ๆ ที่อาศัยเกาะผู้หญิงกิน ไม่มียางอาย ระดับเขาแล้วก็นับว่าเก่งกาจจริง ๆ ” ซูหยิงเซี่ยส่ายหน้า เรื่องแบบนี้เธอเองก็ไม่แน่ใจ และไม่สามารถอธิบายให้ซูไห่เฉาฟังได้ด้วย แต่เธอรู้ว่าหานซานเฉียนจะไม่มีทางปล่อยซูไห่เฉาไปง่าย ๆ เขารนหาที่ตายครั้งแล้วครั้งเล่า และครั้งนี้จะไม่มีทางจบอย่างสวยงามแน่นอน “หวังว่านายจะไม่เสียใจทีหลังนะ” ซูหยิงเซี่ยกล่าว “เสียใจท
ลักพาตัว ! เมื่อซูกั๋วหลินได้ยินสองคำนี้ ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดทันที ซูกั๋วหลินเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานมาก เขาหวังเสมอว่าซูไห่เฉาจะควบคุมตระกูลซูได้ ตอนนี้เมื่อบริษัทตกอยู่ในมือของซูหยิงเซี่ย เขาจึงรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่งจนถึงขั้นคิดหาวิธีจัดการกับซูหยิงเซี่ยทุกรูปแบบอย่างไร้ยางอาย โดยหวังว่าจะทำให้ซูหยิงเซี่ยก้าวลงจากตำแหน่ง และให้ซูไห่เฉากลับมามีอำนาจควบคุมบริษัทอีกครั้ง แต่ความคิดของเขาทั้งหมดเป็นเพียงจินตนาการเท่านั้น ความกล้าหาญของเขาไม่สามารถสนับสนุนความทะเยอทะยานของเขาได้เลย เมื่อตอนนี้เขาได้รู้ว่าซูไห่เฉาลักพาตัวซูหยิงเซี่ยไป จะไม่รู้สึกหวาดกลัวได้อย่างไร! นี่เป็นเรื่องที่อาจจะทำให้ต้องติดคุกได้ เขามีลูกชายเพียงคนเดียวที่จะคอยเลี้ยงดูเขาในวัยชราและจัดงานศพให้ หากลูกชายของเขาต้องมาติดคุกเพราะเรื่องนี้ เขาจะมีชีวิตอยู่ในอนาคตได้อย่างไร! “แกพูดพล่ามอะไร อย่ามาใส่ร้ายลูกชายของฉัน ลูกชายของฉันจะทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง” ซูกั๋วหลินพูดด้วยความโกรธ “ผมจะเอาเรื่องแบบนี้มาพูดล้อเล่นกับคุณทำไม?” หานซานเฉียนพูดอย่างเย็นชา “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ แกอิจฉาพรสวรรค์และความสามารถของซูไห่เ
เมื่อสองวันก่อน ชายชราคนนี้ปรากฏตัวขึ้นในเรือนจำหยุนหลงเพื่อเข้าเยี่ยมหานจุน! หานจุนขาทั้งสองข้างพิการแล้ว ตอนนี้เขาต้องนั่งบนรถเข็นเท่านั้น โชคดีหลังจากที่กวานหยงแหกคุกไปแล้ว เขาก็ไม่ถูกทุบตีและถูกกดขี่อีกต่อไป เมื่อเขารู้ว่ามีคนมาเยี่ยมที่เรือนจำ ก็ยังคิดว่าหานซานเฉียนจะมาอวดเบ่งต่อหน้าเขา แต่พอเห็นชายชราคนนี้ หานจุนก็ร้องไห้ออกมาอย่างขมขื่นใจ ชายชราคนนี้เคยเป็นคนที่ตามจีบหนานกงเชียนชิวตอนยังเป็นวัยรุ่น ชื่อของเขาคือเซินเวิง เขาเป็นคนที่ลำเอียงมาก หลังจากที่หนานกงเชียนชิวแต่งงานเข้ามาในตระกูลหาน เซินเวิงสาบานทันทีว่าจะไม่แต่งงานกับใครตลอดชีวิต และเขาก็ทำมันได้ เขาไม่เคยแตะต้องผู้หญิงคนไหนอีกเลย เขามีความรักให้หนานกงเชียนชิวเพียงคนเดียวเท่านั้น ข่าวการเสียชีวิตของหนานกงเชียนชิวนั้นเป็นความลับมาก มีเพียงตระกูลชนชั้นสูงในเมืองหลวงเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ เมื่อเซินเวิงรู้ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ปรารถนาอยากจะยื้อชีวิตของหนานกงเชียนชิวกลับคืนมาจากมือพญามัจจุราช แต่เรื่องราวที่ไม่อาจเป็นความจริงนี้ทำได้แค่คิดเท่านั้น สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือการล้างแค้นให้หนานกงเชียนชิว “คุณอยากแก้แค้นไห
“บัดซบ ! เจ้าหมอนี่เป็นใคร ทำไมต่อสู้เก่งขนาดนี้” “ให้ตายสิ ไม่คิดเลยว่าจะเจอคนที่แข็งแกร่งแบบนี้ จะปล่อยให้ถูกตีเฉย ๆ ไม่ได้หรอก” “กรีดรถซะ บอกให้เขารู้ถึงผลที่ตามมาจากการล่วงเกินพวกเรา ถ้าพวกเราหนีไปได้ เขาจะยังตามหาพวกเราเจออีกเหรอ?” พวกเขาถูกหานซานเฉียนซัดจนหมอบ แต่หลังจากหานซานเฉียนเดินจากไป พวกเขาก็เกิดความคิดที่จะแก้แค้นโดยการกรีดรถเสร็จแล้วหลบหนี ถึงอย่างไรหานซานเฉียนก็หาพวกเขาไม่เจอ สำหรับพวกอันธพาลเหล่านี้ หากเสียเปรียบแล้วไม่ทวงคืนศักดิ์ศรี พวกเขาจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร? เมื่อพวกเขาหิวจนท้องร้องจ๊อก ๆ จนต้องแอบกินหมั่นโถวลับหลังคนอื่น แต่ต่อหน้าคนอื่นนั้น ศักดิ์ศรีมีความสำคัญมากกว่าชีวิตของพวกเขา “ให้ตายสิ! ให้เจ้าหมอนี่ไปซ่อมรถเถอะ” “ทุบรถมัน” “ดูซิว่ามีอะไรมีค่าอยู่ในนั้นหรือเปล่า เราจะเสียเปรียบไม่ได้” จากนั้นชายหลายคนก็คว้าก้อนหินไว้ในมือ แล้วเดินไปที่รถของหานซานเฉียนอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นรถยนต์สิบกว่าคันก็ทยอยแล่นเข้ามาที่ทางเข้าชุมชน ประตูรถเปิดออกเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด ผู้คนนับร้อยปรากฏตัวขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน ทำให้พวกเขากลัวจนขาอ่อน “นี่...นี่ม
หลังจากหลินหย่งเดินออกไปแล้ว คนที่เหลือก็เข้ามาล้อมรถหานซานเฉียนไว้ และไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้ราวกับว่าพวกเขากำลังปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญบางอย่าง เดิมทีซูไห่เฉาวางแผนให้หานซานเฉียนเตรียมเงินเป็นเวลาสามวัน อย่างไรก็ตาม มันไม่ง่ายเลยที่จะได้เงินหนึ่งพันล้าน เขาจำเป็นต้องขายบริษัทของตระกูลซูและเอาเงินมารวมกับเงินกู้ธนาคารครั้งก่อนถึงจะเพียงพอ แต่เขาคิดไม่ถึงว่าหานซานเฉียนจะมาหาเขาเร็วขนาดนี้ เมื่อประตูถูกเตะให้เปิดออก ซูไห่เฉาก็เห็นหานซานเฉียนยืนอยู่ข้างนอก เขาก็ตกตะลึงจนตัวแข็งทื่อ และริมฝีปากสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว“นาย...นายมาที่นี่ได้ยังไง !” ซูไห่เฉาพูดตะกุกตะกักด้วยความตกใจเป็นอย่างมากเมื่อหานซานเฉียนเห็นซูหยิงเซี่ยถูกมัดอย่างแน่นหนาอยู่ที่มุมห้อง ความโกรธของเขาก็ระเบิดขึ้นทันที เขาเดินเข้าไปหาซูไห่เฉาโดยไม่พูดจา พร้อมกับยกขาเตะจนซูไห่เฉาชิดกับมุมกำแพง จากนั้นก็ยกเก้าอี้ขึ้นฟาดใส่ตัวของซูไห่เฉาจนหักเป็นชิ้น ๆ “อย่าตี อย่าตีฉัน” ซูไห่เฉาเอามือกุมศีรษะแล้วพูดไม่หยุด “ดูเหมือนว่านายต้องตายเท่านั้นถึงจะสามารถแก้ปัญหาได้จริง ๆ สินะ” หานซานเฉียนมองซูไห่เฉาด้วยสีหน้าเฉย