เมื่อเทียนหลิงเอ๋อร์กลับเข้าห้องของตัวเองเพื่อแต่งหน้า และกลับมาที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้งพร้อมเสื้อผ้าที่สวยงาม หานซานเฉียนก็กลับไปแล้ว เจ้าหญิงแห่งตระกูลเทียนจึงร้องไห้อีกครั้งเมื่อเทียนฉางเฉิงเห็นว่าสถานการณ์เป็นแบบนี้ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถอนหายใจบางครั้งเทียนฉางเฉิงก็เคยคิดอยากเตือนเทียนหลิงเอ๋อร์ เพราะหลังจากที่เขาสามารถคาดเดาสถานะที่แท้จริงของหานซานเฉียนได้ เทียนฉางเฉิงคิดว่าระหว่างเทียนหลิงเอ๋อร์กับหานซานเฉียนนั้นไม่มีทางเป็นไปได้เลย เขากล้ำกลืนความอัปยศอดสูเพื่อที่จะดำเนินการให้ภารกิจที่หนักอึ้งสำเร็จเพื่อซูหยิงเซี่ย ความรู้สึกนี้ไม่มีใครสามารถทำลายลงได้แต่เขารู้ว่านิสัยดื้อรั้นของเทียนหลิงเอ๋อร์ ถ้าหัวไม่แตกก็ไม่มีทางหันหลังกลับ เทียนฉางเฉิงจึงทำได้เพียงปลอบใจตัวเอง และหวังว่าความรู้สึกเจ็บปวดของเทียนหลิงเอ๋อร์ครั้งนี้จะทำให้เธอโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอย่างไรก็ตาม คนที่กำลังโตเป็นผู้ใหญ่ไม่มีทางราบรื่นไปซะทุกสิ่งทุกอย่าง จึงต้องให้เทียนหลิงเอ๋อร์ได้รับบทเรียนจะได้จำเอาไว้เทียนฉางเฉิงปล่อยให้เทียนหลิงเอ๋อร์ร้องไห้อยู่คนเดียวและไม่ได้เข้าไปรบกวน จากนั้นเขาก็ออกจากบ้านท
“ทุกคนใจเย็น ๆ การแข่งขันยังไม่เริ่ม ฉันยังมีโอกาสโน้มน้าวใจเขาอยู่” หวางเม่ากล่าว“หัวหน้าหวาง ไม่จำเป็นต้องลำบากขนาดนี้เลยนี่ครับ ถ้าเขากล้าไม่ฟัง เราก็แค่หาวิธีจัดการกับเขาซะ”“ใช่ พวกเราก็เป็นคนมีหน้ามีตาในเมืองหยุนเฉิงด้วย ถ้าเราจัดการแค่กับลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลผู้หญิง ไม่ได้มันจะไม่ดูเป็นเรื่องตลกหรือไง”ทุกคนต่างพากันหัวเราะด้วยท่าทางที่มั่นใจเป็นอย่างมากหวางเม่ามองไปที่เทียนฉางเฉิง เขาไม่รู้ว่าชายชราคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ ถึงได้พูดว่าไม่สนใจเรื่องนี้ต่อหน้าผู้คนเยอะแยะขนาดนี้ นี่ไม่ได้หมายความว่าเขากำลังรู้สึกกลัวหานซานเฉียนอยู่หรอกเหรอ?ถึงเขาจะทำลายบริษัทตระกูลซูได้แล้วอย่างไรล่ะ ถ้าหานซานเฉียนไม่เข้าร่วมการแข่งขันนี้ ก็ถือว่าเรื่องทั้งหมดเขาก็แค่คุยโวโอ้อวดไปเรื่อยเท่านั้น“นายใหญ่ตระกูลเทียน คุณช่วยนัดพบหานซานเฉียนให้ผมหน่อยสิ ผมอยากเจอเขาสักครั้ง” หวางเม่าพูดกับเทียนฉางเฉิงเทียนฉางเฉิงส่ายหัวและกล่าวว่าว่า “นี่ตาเฒ่า เรื่องนี้นายเลิกคิดไปได้เลย สิ่งที่เขาตัดสินใจแล้วไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้หรอก ยิ่งไปกว่านั้น อันที่จริงแล้วเรื่องนี้พวกนายไม่รอบคอบกันเอง เขาไม่ได้สม
ณ บริษัทตระกูลซูในห้องทำงานของประธานบริษัท ซูหยิงเซี่ยกำลังยุ่งวุ่นวายกับเรื่องการร่วมทุนในช่วงนี้รวมถึงการฟื้นฟูบริษัทด้วย โดยต้องสร้างความร่วมมือขึ้นมาอีกครั้ง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอเลย อย่างไรเสีย ตอนแรกเพื่อที่จะทุ่มเทสร้างโครงการเฉิงซีขึ้นมา คุณย่าตระกูลซูจึงตัดหุ้นส่วนเดิมทั้งหมดออก ถึงคำพังเพยจะกล่าวไว้ว่าม้าที่ดีจะไม่กลับไปกินหญ้าต้นเก่า แต่ในสถานการณ์แบบตอนนี้ ซูหยิงเซี่ยจำเป็นต้องติดต่อคนพวกนั้นอีกครั้ง การตัดขาดความร่วมมือนั้นง่ายมาก แต่การจะต่อขึ้นมาอีกครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทันใดนั้นผู้ช่วยของซูหยิงเซี่ยก็เดินเข้ามาในห้องทำงานและพูดด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ท่านประธาน เกิดเรื่องแล้ว”“เรื่องอะไรกันทำไมถึงได้ตื่นตระหนกขนาดนี้?” ซูหยิงเซี่ยเอ่ยถาม“เจ้าพ่อของบรรดาเจ้าของบริษัทหลายแห่งต้องการพบคุณ ดูท่าแล้วจะไม่ได้มาดีเป็นแน่” ผู้ช่วยกล่าวเจ้าพ่อของบรรดาเจ้าของบริษัทงั้นเหรอ?เมื่อได้ยินประโยคนี้ซูหยิงเซี่ยก็รู้สึกสับสนมาก คนเหล่านี้น่าจะไม่มีบทบาทเกี่ยวกับบริษัทแล้วนี่ พวกเขาควรจะมีความสุขกับวัยชรา แล้วทำไมจู่ ๆ พวกเขาถึงได้มาหาเธอ?ในขณะที่ซูหยิงเซี่
แต่หากคนพวกนี้คิดจะรังแกหานซานเฉียนล่ะก็ ถึงแม้ว่าจะต้องทอดทิ้งตระกูลซูทั้งหมด ซูหยิงเซี่ยก็จะไม่มีวันประนีประนอมเด็ดขาดหานซานเฉียนไม่ยอมให้เธอไม่ได้รับความเป็นธรรม แล้วเธอจะยอมให้หานซานเฉียนไม่ได้รับความเป็นธรรมได้อย่างไร?หลังกลับจากที่ทำงาน ซูหยิงเซี่ยก็ถอดรองเท้าส้นสูงออก นี่เป็นเวลาที่สบายที่สุดของวัน ขอแค่ได้เปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้าน เธอถึงจะรู้สึกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่เธอเอนตัวลงบนโซฟา หานซานเฉียนจึงเดินเข้ามาหาและนวดไหล่ของซูหยิงเซี่ยพลางเอ่ยถามว่า “เหนื่อยขนาดนี้หยุดพักสักวันไหมครับ”ซูหยิงเซี่ยส่ายหัวและพูดว่า “ค่อยคุยหลังจากบริษัทผ่านพ้นวิกฤตแล้วกัน ไว้พวกเราไปฮันนีมูนกับถ่ายพรีเวดดิ้งกันใหม่กันเถอะค่ะ”ซูหยิงเซี่ยเคยพูดถึงเรื่องการถ่ายพรีเวดดิ้งเมื่อนานมาแล้ว แต่ช่วงนี้มีเรื่องมากมายให้จัดการ ดังนั้นจึงยังไม่ได้ดำเนินการเสียที หานซานเฉียนคิดว่าเธอจะลืมไปแล้วเสียอีก แต่คิดไม่ถึงเลยว่าซูหยิงเซี่ยจะยังจำได้“จริงสิ วันนี้มีคนมาหาฉันตั้งหลายคน บอกว่าคุณไปล่วงเกินพวกเขา พรุ่งนี้พวกเขาอยากได้คำตอบ ไม่อย่างนั้นจะมุ่งเป้ามาที่บริษัทเรา นี่มันเรื่องอะไรกันเหรอคะ?” ซูหยิงเซี่ยพูดก
คำพูดของซูหยิงเซี่ยทำให้หานซานเฉียนรู้สึกคึกคัก พลังแห่งการต่อสู้ของเขาก็ระเบิดออกในชั่วพริบตา ถึงแม้ว่าซ่างกวนเฮยไป๋จะมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาตอนนี้ เขาก็จะมุ่งมั่นเอาชนะให้ไม่เหลือซากเลย“พูดแล้วห้ามคืนคำนะ” หานซานเฉียนย้ำเมื่อเห็นท่าทีที่จริงจังของหานซานเฉียน ซูหยิงเซี่ยก็รู้สึกหวาดระแวงเล็กน้อย อย่าบอกนะว่าเขาไม่ได้โม้จริง ๆ? เขาเก่งมากเลยเหรอ?ทั้งเล่นเปียโนได้ แถมยังเล่นหมากล้อมได้อีก อะไรจะมีความสามารถรอบด้านขนาดนี้?“ชนะให้ได้ก่อน แล้วค่อยมาว่ากันค่ะ” ซูหยิงเซี่ยพูดจบก็รีบเดินกลับห้องสำหรับหานซานเฉียนแล้ว โดยพื้นฐานเรื่องนี้ย่อมสำเร็จอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงเริ่มตั้งหน้าตั้งตารอ อยากให้เพื่อนของซูหยิงเซี่ยปรากฎตัวออกมาเร็ว ๆ เขาจะได้ลิ้มรสชาติลิปสติกของเธออีกวันต่อมา หานซานเฉียนไปที่สมาคมหมากล้อม สมาชิกทุกคนอยู่ที่นั่นกันหมด เพราะหลังจากที่เมื่อวานพวกเขาไปหาซูหยิงเซี่ย วันนี้พวกเขาจึงตั้งใจมารอคำตอบของหานซานเฉียนกันตั้งแต่เช้าตรู่พวกเขาเชื่อว่าหลังจากที่เธอถูกพวกเขาคุกคามไปขนาดนั้น หานซานเฉียนไม่มีทางปฏิเสธแน่นอนหมอนั่นเป็นแค่ลูกเขยตระกูลซู ไม่ได้มีสถานะใด ๆ ในตระกูลซ
แม้ว่าโอวหยางซิวเจี๋ยจะเป็นลูกศิษย์ของซ่างกวนเฮยไป๋ และเป็นที่รู้จักในฐานะดาวดวงใหม่ในวงการหมากล้อม แต่สำหรับหานซานเฉียนแล้ว เขาไม่ใช่แม้แต่คู่ต่อสู้ของเขาด้วยซ้ำหลังจากที่หานซานเฉียนกลับไป สมาชิกทั้งหลายยังคงอวดความดีความชอบอย่างลำพองใจ หวางเม่าไม่สามารถฟังคำโอ้อวดของคนพวกนี้ได้ จึงกลับไปที่สำนักงานและโทรหาเทียนฉางเฉิงเรื่องนี้มันกะทันหันมาก หวางเม่าต้องการถามเทียนฉางเฉิงว่าตกลงเรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่ บางทีเขาอาจจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับหานซานเฉียน“เขาตกลงแล้วงั้นเหรอ?” หลังจากที่เทียนฉางเฉิงรับสาย เขาก็รู้สึกประหลาดใจไม่นึกเลยว่าหานซานเฉียนจะเปลี่ยนใจ“ใช่ ดังนั้นฉันจึงมาถามนายว่านี่มันเรื่องอะไรกัน เขาเป็นคนแบบที่นายคิดหรือเปล่า?” หวางเม่าสงสัยเทียนฉางเฉิงไม่มีทางเดาพลาดเกี่ยวกับเรื่องตัวตนของหานซานเฉียน เขาเห็นกับตาว่าฉือจิงและหนานกงเชียนชิวปรากฏตัวที่โครงการคฤหาสน์เขาหยุนติง“เป็นไปไม่ได้ ฉันแน่ใจมาก” เทียนฉางเฉิงกล่าว“ถ้าอย่างนั้นก็แปลกมาก พวกเขาไปคุกคามซูหยิงเซี่ย ถ้าหานซานเฉียนมีอำนาจมากจริง ๆ เขาคงไม่มีทางประนีประนอมเรื่องนี้แน่นอน” หวางเม่ากล่าวเมื่อได้ยินคำว่าซูห
สามวันต่อมา มีข่าวดีมาจากเตาสือเอ้อร์ว่าติดต่อคนในเรือนจำตี้ซินได้แล้ว แถมพวกเขาจะส่งคนไปที่จีนให้เร็วที่สุด เรื่องนี้เป็นข่าวที่สำคัญมากสำหรับหานซานเฉียน และมันเกี่ยวโยงกับการที่เขาจะสามารถรู้ข่าวสารของหานเทียนหยางหรือไม่ถ้าหากหานเทียนหยางยังมีชีวิตอยู่ และถูกขังไว้ที่เรือนจำตี้ซิน ไม่ว่าองค์กรนั้นจะลึกลับขนาดไหนหานซานเฉียนก็จะไปค้นหาพวกมันจนพลิกแผ่นดินณ คลับเมจิกซิตี้ในห้องทำงานของม่อหยาง มีเพียงเตาสือเอ้อร์และม่อหยางที่อยู่ที่นี่เท่านั้น วันนี้แม้แต่หลินหย่งก็ไม่สามารถที่จะอยู่ที่นี่ได้ “พี่ซานเฉียน เราจำเป็นต้องส่งเพื่อนของพี่ไปยังสถานที่ที่พวกมันกำหนดตามความต้องการของพวกมัน หากเกิดเหตุสุดวิสัยในช่วงเวลาดังกล่าว พวกมันจะกลับทันที” เตาสือเอ้อร์บอกกับหานซานเฉียนเดิมทีหานซานเฉียนคิดว่าเขาจะสามารถพบกับคนจากเรือนจำตี้ซินได้ด้วยตัวเขาเอง แต่เขานึกไม่ถึงเลยว่าพวกนั้นจะระวังตัวขนาดนี้ทันใดนั้นเองเตาสือเอ้อร์ก็หยิบยาสองชนิดออกมา“นี่คืออะไร?” หานซานเฉียนถาม“มันสามารถทำให้คนหมดสติได้” เตาสือเอ้อร์อธิบายแม้จะไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ แต่หานซานเฉียนก็เข้าใจความหมายของเตาสือเอ้อร์เป็
หานซานเฉียนตบบ่าของตี้สู่และพูดว่า “หวังว่าเราจะมีโอกาสได้เจอกันอีก”หลังจากที่มองหานซานเฉียนเดินจากไป ตี้สู่ก็ยิ้มจาง ๆ และพูดพึมพำกับตัวเองว่า “โอกาสที่จะได้เจอกันนั้นน้อยมาก คุณเป็นเจ้านาย ส่วนผมเป็นแค่เครื่องมือที่เอาไว้ใช้ประโยชน์เท่านั้น”เรื่องของเรือนจำตี้ซิน ทำให้หานซานเฉียนกังวลเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามนี่ เป็นที่ที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่หลังจากกลับบ้าน อารมณ์ของหานซานเฉียนก็ดีขึ้นเพื่อนของซูหยิงเซี่ยมาโดยไม่คาดคิด! นี่หมายความว่าหานซานเฉียนจะสามารถเพลิดเพลินกับรสชาติของลิปสติกของเธอได้ในวันนี้“นี่คือเพื่อนของฉันชื่อฉี๋อีหยุน เป็นปรมาจารย์ด้านหมากล้อมที่เข้าร่วมการแข่งขันมาแล้วมากมาย และยังได้รางวัลมาแล้วไม่น้อย” ซูหยิงเซี่ยแนะนำฉี๋อีหยุนด้วยสีหน้าภาคภูมิใจฉี๋อีหยุนสวมเสื้อผ้าแบบเรียบง่าย แค่เสื้อยืดและกางเกงยีนส์ธรรมดา ๆ และใส่แว่นตากรอบสีดำ ดูสุภาพและสงบเสงี่ยมมาก ผู้หญิงแบบนี้เพียงดูแวบเดียวก็รู้สึกว่าเธอต้องเป็นคนประเภทที่ไร้เดียงสามาก เดาว่าชีวิตนี้เธอยังไม่รู้ว่าไนต์คลับคืออะไรด้วยซ้ำอย่างไรก็ตาม หานซานเฉียนมาอยู่บ้านตระกูลซูได้เป็นเวลาสามปีกว่าแล้ว แต่เขาไ