เมื่อเห็นแววตาที่เคลือบแคลงของเฉินหลิงเหยานั้น หานซานเฉียนก็ยิ้มอย่างจนใจและเอ่ยว่า “ผมขอลองไม่ได้เหรอ?”เฉินหลิงเหยาถอนหายใจ เธอส่ายหน้าและกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าไม่ได้ ฉันแค่กลัวว่าคุณจะร้องไห้ และกลัวคุณจะขายหน้าเมื่อถึงตอนนั้นน่ะ”หานซานเฉียนเหลือบมองไปที่ฉี๋อีหยุน ดูเหมือนว่าเธอจะเก่งมากในสายตาของเฉินหลิงเหยาและซูหยิงเซี่ย ไม่อย่างนั้นเฉินหลิงเหยาคงไม่เชื่อมั่นในตัวเธอขนาดนี้หลังอาหารเย็น เฉินหลิงเหยาดูจะตื่นเต้นมาก เธอเริ่มตั้งกระดานหมากล้อม จากนั้นก็นวดไหล่ให้ฉี๋อีหยุนเพื่อให้เธอผ่อนคลายราวกับว่าเธอกำลังจะต่อสู้ในสนามประลอง“อีหยุน เธออย่าออมมือนะ ให้หมอนี่รู้ไปเลยว่าเธอเก่งแค่ไหน” เฉินหลิงเหยาเตือนฉี๋อีหยุนฉี๋อีหยุนเหลือบมองหานซานเฉีนรอย่างเก้อเขิน และพูดว่า “ฉันไม่ได้เก่งแบบที่พวกเธอพูดหรอก เพราะอย่างนั้นโปรดออมมือให้ฉันด้วยนะคะ”เมื่อได้ยินเช่นนั้นเฉินหลิงเหยาก็ไม่ร่าเริงอีกต่อไป เธอพูดกับฉี๋อีหยุนว่า “อีหยุน เธอไปให้กำลังใจเขาได้ยังไง เธอเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลที่สุดในโรงเรียนของเราเลยนะ แม้แต่ซ่างกวนเฮยไป๋ยังชมเธอเลยว่าเก่งมาก”ประโยคนี้ทำให้หานซานเฉียนประหลาดใจเล็กน้อย
โชคดีที่เฉินหลิงเหยาขีดเส้นแบ่งระหว่างเธอกับหานซานเฉียนไว้อย่างชัดเจน เขาคือสามีของเพื่อนสนิทที่ดีที่สุดของเธอ แม้ว่าเธอจะรู้สึกดีกับเขา แต่เธอก็ทำได้เพียงเก็บซ่อนมันไว้ในใจเมื่อหานซานเฉียนวางหมากตัวสุดท้ายลงไป เป็นอันรู้ผลแพ้ชนะของเกมนี้ฉี๋อีหยุนถอนหายใจเฮือกใหญ่และกล่าวว่า “เดิมทีฉันคิดว่าอายุของฉันตอนนี้มันคงไม่ยากเกินไปที่จะก้าวหน้า แต่นึกไม่ถึงเลยว่าคุณจะเก่งขนาดนี้ หวังว่าจะได้พบคุณในการแข่งขันรอบแรกนะ”หานซานเฉียนยิ้มและพูดว่า “การแข่งขันมันไม่ได้มีความหมายอะไรสำหรับผมหรอกครับ ถ้าไม่ใช่เพื่อซูหยิงเซี่ย ผมก็ไม่เข้าร่วมการแข่งขันหรอก”ฉี๋อีหยุนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่เธอกลับมาที่เมืองหยุนเฉิง เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับชื่อเสียงของหานซานเฉียนมาก่อน แต่ตอนนี้ออร่าของหานซานเฉียนทำให้เธอรู้สึกแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอนี้ไม่มีการแสดงออกว่าเป็นคนไร้ค่าเลยแม้แต่นิดเดียว เขาเหมือนกับปรมาจารย์ที่ดูน่านับถือ และคอยอยู่เบื้องหลังคิดอุบายวางแผนการรบมากกว่าคนแบบนี้ มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่ปฏิบัติต่อเขาอย่างคนไร้ค่า“อีหยุน เธออย่าหมดกำลังใจ
หกโมงเช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากหานซานเฉียนตื่นนอน ซูหยิงเซี่ยยังคงนอนหลับอยู่ในห้อง ยกเว้นวันที่มีพายุฝน การวิ่งในตอนเช้าของซูหยิงเซี่ยไม่เคยขาดตอน ดูท่าว่าเมื่อคืนพวกเธอคงจะคุยกันทั้งคืน และหานซานเฉียนก็ไม่ได้คิดจะไปรบกวนเธอ จึงปล่อยให้พวกเธอนอนอีกสักหน่อย ส่วนเขาก็ออกจากบ้านไปในตอนเช้าตรู่ เขาหยุนติงถือเป็นสถานที่ที่อากาศที่ดีที่สุดในเมืองหยุนเฉิง แต่คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนเป็นมหาเศรษฐี ซึ่งต่างก็มียิมอยู่ในบ้านของตัวเอง ดังนั้นนอนจากหานซานเฉียนกับซูหยิงเซี่ยแล้ว แทบจะไม่เห็นใครออกมาวิ่งตอนเช้าเลยแต่วันนี้หานซานเฉียนเจอคนสองคนอยู่บนยอดเขา เป็นชายแก่และเด็กสาวการปรากฏตัวของทั้งสองทำให้หานซานเฉียนตะลึงเล็กน้อย เพราะพวกเขาไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่ ดังนั้นการที่พวกเขามาปรากฏตัวที่นี่ในตอนนี้ จึงมีจุดประสงค์ที่ชัดเจนมาก“คุณปู่คะ ดูเหมือนหานซานเฉียนจะมาแล้ว” เทียนหลิงเอ๋อร์กระซิบกับเทียนฉางเฉิงที่กำลังรำไทเก๊กอยู่ เธอเหลือบมองไปที่เงาของอีกฝ่ายโดยไม่กล้ามองตรง ๆ เทียนฉางเฉิงกล่าวอย่างไม่ละอายว่า “มารำไทเก๊กกับปู่ต่อดีกว่า ทำเป็นไม่เห็นเขาซะ”“ค่ะ” เทียนหลิงเอ๋อร์รับคำเมื่อมองไปที่ทั
“อาจารย์ เรามากินมื้อเช้ากันเถอะ ฉันเลี้ยงเอง” เทียนฉางเฉิงกล่าว หานซานเฉียนชำเลืองมองเทียนหลิงเอ๋อร์ อันที่จริงเขาคาดเดาได้อยู่แล้วว่าทำไมเทียนฉางเฉิงถึงปรากฏตัวขึ้น เรื่องการแข่งขันที่พูดถึงเมื่อครู่นั้นถือเป็นขั้นบันไดให้เทียนฉางเฉิงและเทียนหลิงเอ๋อร์เช่นกันหานซานเฉียนไม่ใช่คนโง่ เขาจะสัมผัสความรู้สึกดี ๆ ที่เทียนหลิงเอ๋อร์มีให้เขาได้อย่างไร? เพียงแต่ความรู้สึกเช่นนี้ไม่จำเป็นสำหรับหานซานเฉียน“ไม่ล่ะครับ ภรรยาของผมยังรอผมอยู่ที่บ้าน” หานซานเฉียนพูดจบก็วิ่งลงไปทางเนินเขาเทียนฉางเฉิงถอนหายใจ เทียนหลิงเอ๋อร์คงจะรู้สึกถึงการปฏิเสธที่ชัดเจนจากเขาแล้ว เทียนหลิงเอ๋อร์เม้มปาก น้ำตาไหลออกมาอย่างผิดหวัง “เทียนหลิงเอ๋อร์ เรากลับบ้านกันเถอะ” เทียนฉางเฉิงกล่าว ราวกับสร้อยไข่มุกขาดสะบั้นล่องลอยล่องไปตามสายน้ำ เทียนหลิงเอ๋อร์เอามือปาดน้ำตาพลางพูดว่า “คุณปู่คะ เขารักซูหยิงเซี่ยมาก หนูอิจฉาเหลือเกิน หนูควรทำยังไงดีคะ”เทียนฉางเฉิงเดินเข้าไปหาเทียนหลิงเอ๋อร์ ลูบหัวด้วยความอ่อนโยนพร้อมกับเอ่ยว่า “หลิงเอ๋อร์ ปู่จะหาแฟนที่ดีกว่านี้ให้เธอ ให้ดีกว่าเขาเป็นพันเป็นหมื่นเท่าเลย ดีไหม?” เทียน
เมื่อมองภาพด้านหลังที่ฉี๋อีหยุนเดินกลับห้อง หานซานเฉียนก็ขนลุกไปทั้งตัว เขาไม่อยากให้ซูหยิงเซี่ยใกล้ชิดกับฉี๋อีหยุนอย่างไม่มีเหตุผล แต่เรื่องแบบนี้ เขาจะบอกกับซูหยิงเซี่ยได้อย่างไร?ฉี๋อีหยุนเป็นผู้หญิง แล้วยังเป็นพี่น้องที่ดีที่สุดของซูหยิงเซี่ย เธอมีข้อได้เปรียบเหนือกว่าใครซะอีก! “บ้าเอ๊ย! คุณอย่ามายุ่งนะ ไม่งั้นผมต้องร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่” หานซานเฉียนกล่าวด้วยสีหน้าขมขื่นเวลาเกือบสิบเอ็ดโมงเช้า ซูหยิงเซี่ยเพิ่งลงจากเตียงและพาเฉินหลิงเหยาในสภาพผมยุ่งเหยิงไปที่ห้องนั่งเล่น เธอดูสีหน้าไม่สู้ดีนัก มีรอยคล้ำอยู่รอบดวงตาฉี๋อีหยุนสวมแว่นตาและกลับไปมีกริยาสุภาพและสงบเสงี่ยม แต่สำหรับหานซานเฉียนแล้ว คงมองภาพที่เธอสุภาพและสงบเสงี่ยมไม่ได้อีกต่อไป “ซานเฉียน วันนี้เราจะไปซื้อของกัน ไปด้วยกันไหม?” ซูหยิงเซี่ยถามหานซานเฉียน“ไม่ดีกว่า ผมไม่อยากเข้าไปแทรกแซงเวลาที่อยู่กับเพื่อนสนิทของคุณ แต่ว่า…” หานซานเฉียนนั้นอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ลังเล เขาอยากให้เธอระวังฉี๋อีหยุน แต่เขาก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะพูดออกไปแบบนั้นได้อย่างไร“มีอะไรเหรอ?” ซูหยิงเซี่ยถามด้วยความสงสัยทันใดนั้นฉี๋อีหยุนก็จงใจ
“ผมจะรู้ได้ยังไงว่าเขาทำอะไรลงไป?” หานซานเฉียนถาม“เด็กน้อยอย่างนายไร้ความสามารถ คิดจะมาทำเจ้าชู้กับผู้หญิงในพื้นที่ของฉัน ลงไม้ลงมือกับแผนกต้อนรับของฉัน ฉันขอแค่หนึ่งแสนหยวน นับว่าเห็นแก่หน้านายมากแล้ว” ชายสักแขนลายพร้อยกล่าวนักบวชลัทธิเต๋าจอมปลอมคนนี้ ถอดเสื้อคลุมออกแล้วก็ทำอะไรตามใจ หานซานเฉียนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้พลางพูดว่า “ในเมื่อเขาทำเรื่องเกเรเแบบนี้ ในสายตาของผม ก็หักมือทั้งสองของเขาทิ้งเลย ดูว่าในอนาคตเขาจะกล้าทำอีกหรือเปล่า”เมื่อได้ยินแบบนี้ ชิงอวิ๋นก็พูดกับหานซานเฉียนด้วยสีหน้าสิ้นหวัง “พี่ใหญ่ ช่วยผมด้วย ผมยังไม่ได้แตะต้องผู้หญิงคนไหนเลย แค่หนึ่งแสนหยวนเอง คุณก็ไม่ได้ร้อนเงินนี่” เมื่อได้ยินสิ่งที่หานซานเฉียนพูด ชายสักแขนลายพร้อยก็พูดอย่างดูถูกว่า “นับคนอย่างนายเป็นพี่ใหญ่ เจ้าหมอนี่ตาบอดจริง ๆ นายขี้ขลาดพอที่จะยืนดูลูกสมุนของตัวเองมือพิการได้เฉย ๆ งั้นหรือ?” “ถ้าคุณทำให้เขาพิการจริง ๆ ผมจะขอบคุณมาก” หานซานเฉียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม“บ้าเอ๊ย อย่ามาพูดจาไร้สาระกับฉันอีก รีบเอาเงินมา ฉันไม่อยากเสียเวลากับนายแล้ว ไม่อย่างนั้น นายก็อย่าคิดจะอยู่เป็นสุขเลย” ชายสักแขนลายพ
ชายสักแขนลายพร้อยมาที่ห้องโถงด้วยความระแวดระวัง เขาอดตัวสั่นไม่ได้เมื่อเห็นหลินหยง เขาเป็นเพียงเจ้าของไนต์คลับเล็ก ๆ เท่านั้น เลี้ยงดูนักเลงเอาไว้ไม่กี่คน เมื่อเทียบกับหลินหยงซึ่งเป็นบุคคลในพื้นที่สีเทาจริง ๆ เขาก็เป็นเหมือนมดตัวหนึ่งแม้ว่าตอนนี้หลินหยงจะเป็นเพียงลูกน้องของม่อหยาง แต่ไม่มีใครในเมืองหยุนเฉิงกล้าดูถูกเขา“หยง...พี่หยง คุณมาที่นี่ได้ยังไงครับ มีคำสั่งอะไรหรือเปล่าครับ?” ชายสักแขนลายพร้อยถามอย่างระมัดระวังหลินหยงมองไปรอบ ๆ แต่ไม่พบเงาของหานซานเฉียน จึงถามว่า “พี่ซานเฉียนอยู่ไหน?”“พี่ซานเฉียน?” ชายสักแขนลายพร้อยถามด้วยความประหลาดใจ “ใครคือพี่ซานเฉียนครับ?” “พี่ซานเฉียนบอกให้ฉันมาที่นี่ นายคงไม่ได้ทำอะไรเขาใช่ไหม?” หลินหยงขมวดคิ้ว ถามอย่างเคร่งขรึมและเฉียบขาด ชายสักแขนลายพร้อยไม่รู้ว่าใครคือหานซานเฉียน ที่อยู่ในบาร์ตอนนี้ มีเพียงคนขี้ขลาดเมื่อครู่เท่านั้นอย่าบอกนะว่า...ล้อเล่นหรือเปล่า!ชายสักแขนลายพร้อยยิ้มเจื่อน ๆ เขาคือพี่ซานเฉียนที่หลินหยงพูดถึงงั้นเหรอ? ถ้าหลินหยงยังเรียกเขาว่าพี่ แล้วตำแหน่งของคนคนนี้คืออะไร? ส่วนเขามารีดไถเงินคนใหญ่คนโตเช่นนี้ แถมยัง
ชิงอวิ๋นลูบบั้นท้ายของตัวเองอย่างเศร้า ๆ แล้วพูดอย่างคับข้องใจ “พี่ใหญ่ คุณไม่ได้มาช่วยผมเหรอ?” “จะช่วยนายก็ต้องดูเหตุผลด้วยสิ มันเป็นความผิดของนายก่อน หรือว่านายจะพาลไม่ยอมฟังเหตุผล” หานซานเฉียนกล่าว ชิงอวิ๋นถอนหายใจ นั่งลงยอง ๆ พลางตบไหล่ชายสักแขนลายพร้อยแล้วพูดว่า “พี่ชาย ขอโทษนะ แต่คุณก็ใจดำเกินไป ผมแค่แตะผู้หญิงคนนั้นนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเอง คุณก็ขอหนึ่งแสน โลภมากเกินไปหน่อยนะ” ชายสักแขนลายพร้อยรู้สึกเหมือนกำลังฝันไป หานซานเฉียนไม่เอาเรื่อง ต้องให้เขาต้องรับผิดชอบ แถมยังบอกให้ชิงอวิ๋นขอโทษเขาอีก คนใหญ่โตแบบนี้ ต่อให้เขาต้องชดเชยจนครอบครัวล่มจม เขาก็ไม่กล้าปริปากบ่น“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไรครับ ถ้าคุณต้องการ ผมจะส่งเธอให้คุณก็ได้ครับ” ชายสักแขนลายพร้อยกล่าวชิงอวิ๋นจดจำสัมผัสเมื่อคืนนี้ได้ เขาตอบว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้”“เรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว นายกลับไปก่อนก็ได้” หานซานเฉียนพูดกับหลินหยง“พี่ซานเฉียน เตาสือเอ้อร์ได้รับบาดเจ็บเมื่อคืนนี้ คุณต้องการไปเยี่ยมเขาหน่อยไหม?” หลินหยงกล่าว เตาสือเอ้อร์เตือนเขาว่าไม่ให้บอกเรื่องนี้กับหานซานเฉียน แต่เมื่อหลินหยงเห็นหาน