เมื่อมองภาพด้านหลังที่ฉี๋อีหยุนเดินกลับห้อง หานซานเฉียนก็ขนลุกไปทั้งตัว เขาไม่อยากให้ซูหยิงเซี่ยใกล้ชิดกับฉี๋อีหยุนอย่างไม่มีเหตุผล แต่เรื่องแบบนี้ เขาจะบอกกับซูหยิงเซี่ยได้อย่างไร?ฉี๋อีหยุนเป็นผู้หญิง แล้วยังเป็นพี่น้องที่ดีที่สุดของซูหยิงเซี่ย เธอมีข้อได้เปรียบเหนือกว่าใครซะอีก! “บ้าเอ๊ย! คุณอย่ามายุ่งนะ ไม่งั้นผมต้องร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่” หานซานเฉียนกล่าวด้วยสีหน้าขมขื่นเวลาเกือบสิบเอ็ดโมงเช้า ซูหยิงเซี่ยเพิ่งลงจากเตียงและพาเฉินหลิงเหยาในสภาพผมยุ่งเหยิงไปที่ห้องนั่งเล่น เธอดูสีหน้าไม่สู้ดีนัก มีรอยคล้ำอยู่รอบดวงตาฉี๋อีหยุนสวมแว่นตาและกลับไปมีกริยาสุภาพและสงบเสงี่ยม แต่สำหรับหานซานเฉียนแล้ว คงมองภาพที่เธอสุภาพและสงบเสงี่ยมไม่ได้อีกต่อไป “ซานเฉียน วันนี้เราจะไปซื้อของกัน ไปด้วยกันไหม?” ซูหยิงเซี่ยถามหานซานเฉียน“ไม่ดีกว่า ผมไม่อยากเข้าไปแทรกแซงเวลาที่อยู่กับเพื่อนสนิทของคุณ แต่ว่า…” หานซานเฉียนนั้นอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ลังเล เขาอยากให้เธอระวังฉี๋อีหยุน แต่เขาก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะพูดออกไปแบบนั้นได้อย่างไร“มีอะไรเหรอ?” ซูหยิงเซี่ยถามด้วยความสงสัยทันใดนั้นฉี๋อีหยุนก็จงใจ
“ผมจะรู้ได้ยังไงว่าเขาทำอะไรลงไป?” หานซานเฉียนถาม“เด็กน้อยอย่างนายไร้ความสามารถ คิดจะมาทำเจ้าชู้กับผู้หญิงในพื้นที่ของฉัน ลงไม้ลงมือกับแผนกต้อนรับของฉัน ฉันขอแค่หนึ่งแสนหยวน นับว่าเห็นแก่หน้านายมากแล้ว” ชายสักแขนลายพร้อยกล่าวนักบวชลัทธิเต๋าจอมปลอมคนนี้ ถอดเสื้อคลุมออกแล้วก็ทำอะไรตามใจ หานซานเฉียนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้พลางพูดว่า “ในเมื่อเขาทำเรื่องเกเรเแบบนี้ ในสายตาของผม ก็หักมือทั้งสองของเขาทิ้งเลย ดูว่าในอนาคตเขาจะกล้าทำอีกหรือเปล่า”เมื่อได้ยินแบบนี้ ชิงอวิ๋นก็พูดกับหานซานเฉียนด้วยสีหน้าสิ้นหวัง “พี่ใหญ่ ช่วยผมด้วย ผมยังไม่ได้แตะต้องผู้หญิงคนไหนเลย แค่หนึ่งแสนหยวนเอง คุณก็ไม่ได้ร้อนเงินนี่” เมื่อได้ยินสิ่งที่หานซานเฉียนพูด ชายสักแขนลายพร้อยก็พูดอย่างดูถูกว่า “นับคนอย่างนายเป็นพี่ใหญ่ เจ้าหมอนี่ตาบอดจริง ๆ นายขี้ขลาดพอที่จะยืนดูลูกสมุนของตัวเองมือพิการได้เฉย ๆ งั้นหรือ?” “ถ้าคุณทำให้เขาพิการจริง ๆ ผมจะขอบคุณมาก” หานซานเฉียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม“บ้าเอ๊ย อย่ามาพูดจาไร้สาระกับฉันอีก รีบเอาเงินมา ฉันไม่อยากเสียเวลากับนายแล้ว ไม่อย่างนั้น นายก็อย่าคิดจะอยู่เป็นสุขเลย” ชายสักแขนลายพ
ชายสักแขนลายพร้อยมาที่ห้องโถงด้วยความระแวดระวัง เขาอดตัวสั่นไม่ได้เมื่อเห็นหลินหยง เขาเป็นเพียงเจ้าของไนต์คลับเล็ก ๆ เท่านั้น เลี้ยงดูนักเลงเอาไว้ไม่กี่คน เมื่อเทียบกับหลินหยงซึ่งเป็นบุคคลในพื้นที่สีเทาจริง ๆ เขาก็เป็นเหมือนมดตัวหนึ่งแม้ว่าตอนนี้หลินหยงจะเป็นเพียงลูกน้องของม่อหยาง แต่ไม่มีใครในเมืองหยุนเฉิงกล้าดูถูกเขา“หยง...พี่หยง คุณมาที่นี่ได้ยังไงครับ มีคำสั่งอะไรหรือเปล่าครับ?” ชายสักแขนลายพร้อยถามอย่างระมัดระวังหลินหยงมองไปรอบ ๆ แต่ไม่พบเงาของหานซานเฉียน จึงถามว่า “พี่ซานเฉียนอยู่ไหน?”“พี่ซานเฉียน?” ชายสักแขนลายพร้อยถามด้วยความประหลาดใจ “ใครคือพี่ซานเฉียนครับ?” “พี่ซานเฉียนบอกให้ฉันมาที่นี่ นายคงไม่ได้ทำอะไรเขาใช่ไหม?” หลินหยงขมวดคิ้ว ถามอย่างเคร่งขรึมและเฉียบขาด ชายสักแขนลายพร้อยไม่รู้ว่าใครคือหานซานเฉียน ที่อยู่ในบาร์ตอนนี้ มีเพียงคนขี้ขลาดเมื่อครู่เท่านั้นอย่าบอกนะว่า...ล้อเล่นหรือเปล่า!ชายสักแขนลายพร้อยยิ้มเจื่อน ๆ เขาคือพี่ซานเฉียนที่หลินหยงพูดถึงงั้นเหรอ? ถ้าหลินหยงยังเรียกเขาว่าพี่ แล้วตำแหน่งของคนคนนี้คืออะไร? ส่วนเขามารีดไถเงินคนใหญ่คนโตเช่นนี้ แถมยัง
ชิงอวิ๋นลูบบั้นท้ายของตัวเองอย่างเศร้า ๆ แล้วพูดอย่างคับข้องใจ “พี่ใหญ่ คุณไม่ได้มาช่วยผมเหรอ?” “จะช่วยนายก็ต้องดูเหตุผลด้วยสิ มันเป็นความผิดของนายก่อน หรือว่านายจะพาลไม่ยอมฟังเหตุผล” หานซานเฉียนกล่าว ชิงอวิ๋นถอนหายใจ นั่งลงยอง ๆ พลางตบไหล่ชายสักแขนลายพร้อยแล้วพูดว่า “พี่ชาย ขอโทษนะ แต่คุณก็ใจดำเกินไป ผมแค่แตะผู้หญิงคนนั้นนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเอง คุณก็ขอหนึ่งแสน โลภมากเกินไปหน่อยนะ” ชายสักแขนลายพร้อยรู้สึกเหมือนกำลังฝันไป หานซานเฉียนไม่เอาเรื่อง ต้องให้เขาต้องรับผิดชอบ แถมยังบอกให้ชิงอวิ๋นขอโทษเขาอีก คนใหญ่โตแบบนี้ ต่อให้เขาต้องชดเชยจนครอบครัวล่มจม เขาก็ไม่กล้าปริปากบ่น“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไรครับ ถ้าคุณต้องการ ผมจะส่งเธอให้คุณก็ได้ครับ” ชายสักแขนลายพร้อยกล่าวชิงอวิ๋นจดจำสัมผัสเมื่อคืนนี้ได้ เขาตอบว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้”“เรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว นายกลับไปก่อนก็ได้” หานซานเฉียนพูดกับหลินหยง“พี่ซานเฉียน เตาสือเอ้อร์ได้รับบาดเจ็บเมื่อคืนนี้ คุณต้องการไปเยี่ยมเขาหน่อยไหม?” หลินหยงกล่าว เตาสือเอ้อร์เตือนเขาว่าไม่ให้บอกเรื่องนี้กับหานซานเฉียน แต่เมื่อหลินหยงเห็นหาน
หานซานเฉียนกลับมายังโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติง พอพลบค่ำ ซูหยิงเซี่ยและทั้งสามคนก็กลับมาพร้อมกับของที่ได้มาอย่างล้นหลาม แต่ละคนมีถุงใหญ่หลายใบอยู่ในมือเมื่อกลับมาถึงบ้าน ทั้งสามคนก็นอนแผอยู่บนโซฟาราวกับกองโคลน ผู้หญิงมีแรงสู้รบที่แข็งแกร่งในการชอปปิงมาตั้งแต่เกิด นี่คือเหตุผลที่ผู้ชายกลัวเรื่องนี้เช่นกัน ในห้างสรรพสินค้า พวกเธอจะไม่มีวันเหนื่อย แต่เมื่อกลับถึงบ้าน ความเหนื่อยล้าทั้งหมดก็จะระเบิดออกมาพอเฉินหลิงเหยาเห็นซูหยิงเซี่ยเอาขาพาดบนต้นขาของหานซานเฉียน แล้วหานซานเฉียนยังนวดให้ซูหยิงเซี่ยอีก ความอิจฉาในแววตาของเธอก็ไม่มีปิดบังเลยแม้แต่น้อย“มีสามีนี่ดีจัง แล้วเมื่อไหร่ฉันจะมีสักคนล่ะ อีหยุน” เฉินหลิงเหยากล่าวฉี๋อีหยุนก็เหนื่อยมาก เธอพูดอย่างอ่อนแรงว่า “ทำไมเหรอ?” “โทรหาพ่อสื่อให้ฉันหน่อย ถามเขาว่าลืมฉันหรือยัง” เฉินหลิงเหยากล่าวอย่างไม่พอใจฉี๋อีหยุนยิ้มอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับซูหยิงเซี่ยว่า “พวกเธอจะสวีทกันก็ช่วยกลับไปที่ห้องได้ไหม อยากให้พวกเราอิจฉาตายเหรอ?”ซูหยิงเซี่ยชำเลืองมองหานซานเฉียนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างเขินอาย เธอชักขากลับอย่างระมัดระวังแล้วพูดว่า “ฉันสวีทแล้วจ
การแข่งขันชกมวยคู่แรกเริ่มเวลาสามทุ่ม ผู้ชมเกือบทั้งหมดเข้ามาในพื้นที่แล้ว จนอัฒจันทร์สี่ทิศไม่มีที่ว่าง เมื่อเห็นบรรยากาศที่คึกคักเช่นนี้ หานซานเฉียนอดชื่นชมสมองของเตาสือเอ้อร์ไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะการท้าชกชิงเงินรางวัล ผู้ชมคงไม่เยอะขนาดนี้หลังจากการชกคู่แรกเริ่มขึ้น นักมวยสองคนบนสังเวียนต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่ผู้ชมกลับยังไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ หลายคนไม่ได้ดูการแข่งขันด้วยซ้ำ เอาแต่พูดคุยกัน“ไม่รู้ว่าชายคนเมื่อคืนวานจะปรากฏตัวหรือเปล่า เขาเอาชนะได้แม้แต่เตาสือเอ้อร์ ได้ดูเขาชกมันเป็นความเพลิดเพลินอย่างหนึ่งจริง ๆ”“ได้ไปตั้งห้าแสน คงจะกำลังสำเริงสำราญอยู่ ตอนนี้ดูกระบวนท่าของนักชกเหล่านี้แล้วน่าเบื่อจริง ๆ ชกไปชกมาก็เข้ารูปแบบเดียวกัน ถ้าไม่ใช่เพราะการท้าชกชิงเงินรางวัล สู้กลับไปดูทีวีที่บ้านดีกว่า”“ก็ใช่น่ะสิ กระบวนท่าเหล่านี้ดูจนเอียนแล้ว น่าเบื่อจริง ๆ”คนหลายคนที่อยู่ใกล้ ๆ หานซานเซียนพูดคุยกันอย่างเบื่อหน่าย ไม่มีท่าทีสนุกสนานเลยสักนิด ความคิดของพวกเขาเกือบจะเป็นตัวแทนของผู้ชมส่วนใหญ่ในสนาม จากคำพูดเหล่านี้หานซานเฉียนสามารถเข้าใจได้ว่าทำไมเตาสือเอ้อร์ถึงทำการเปลี่ยนแปลงเช่
“ให้ตายสิ! เจ้าหมอนั่นไปจริง ๆ เหรอ?”“เขาไม่กลัวตายจริง ๆ การท้าชกชิงเงินรางวัล นักมวยไม่เคยออมมือมาก่อนนะ”“บ้าเอ๊ย! ผมจะต้องเรียกเขาว่าคุณปู่จริงเหรอ”“เรียกเขาว่าขนไก่ กว่าเขาจะถูกต่อยเข้าโรงพยาบาล พวกเราก็กลับบ้านไปตั้งนานแล้ว” แม้ว่าพวกเขาจะประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำตามสัญญาอยู่แล้ว อีกอย่างในสายตาของพวกเขา หานซานเฉียนไม่มีโอกาสได้เดินลงจากสังเวียน พอหามขึ้นรถพยาบาล ก็ไม่มีใครรู้จักใครแล้ว?“คืนนี้เพื่อเป็นการคืนกำไรให้กับผู้ชม จะมีการแข่งขันสำหรับผู้ชมโดยเฉพาะ ทุกคนสามารถขึ้นเวทีได้อย่างอิสระ ใครสามารถยืนหยัดจนจบได้ จะได้รับเงินรางวัลจำนวนหนึ่งแสนจากเวทีมวย” ผู้จัดการเดินขึ้นไปบนเวทีแล้วพูดผ่านไมโครโฟนสิ่งนี้ทำให้เกิดความปั่นป่วน แม้ว่าเงินหนึ่งแสนจะไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าไม่น้อย และทุกคนก็สามารถเข้าร่วมได้ ซึ่งหมายความว่าทุกคนมีโอกาสแต่อาศัยหลักการที่ว่าหากศัตรูไม่เคลื่อนไหวฉันก็ไม่เคลื่อนไหว จึงยังไม่มีผู้ชมคนไหนยินดีขึ้นเวทีในขณะนี้ในเวลานี้ หานซานเฉียนที่อยู่ด้านล่างเวทีได้เดินขึ้นไป“ผู้ท้าชิงคนแรกปรากฏตัวแล้ว ใครยินดีรับคำท้าบ้าง?” ผู้จัดการถาม พอเห็
แข็งแกร่ง! แข็งแกร่งมาก! ชายหนุ่มคนนี้ได้สร้างแรงกดดันให้กับหานซานเฉียน ราวกับว่าเหยียนจุนกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา“คุณไร้ประโยชน์ขนาดนี้ กล้าดียังไงมาเขาช่วยเขาล้างแค้น?” ชายคนนั้นพูดกับหานซานเฉียนอย่างเหยียดหยาม“เราเป็นเพื่อนกันได้ไหม?” ศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นนี้ หากเป็นคู่ต่อสู้ ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับหานซานเฉียนเลย การผูกมิตรคือวิธีการที่ดีที่สุดแต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้คิดแบบนั้น เขายิ้มอย่างดูถูกแล้วพูดว่า “คบกับคนไร้ประโยชน์อย่างคุณเหรอ? ขอโทษนะ ผมไม่สนใจ”พูดจบเขาก็มองไปที่อัฒจันทร์ในสนามทั้งสี่ทิศแล้วพูดว่า “มีใครจะมาแย่งเงินหนึ่งแสนหยวนจากผมอีกไหม?”เมื่อคืนตอนที่ต่อสู้กับเตาสือเอ้อร์ ผู้ชมส่วนใหญ่ล้วนอยู่ด้วยและได้เห็นว่าเขาแข็งแกร่งเพียงใด แล้วตอนนี้ใครจะกล้าลงสนามล่ะ?“ในเมื่อไม่มีใครแล้ว เงินก็เป็นของผมใช่ไหม?” ชายคนนั้นพูดกับผู้จัดการ ผู้จัดการมองไปที่หานซานเฉียน พอเห็นหานซานเฉียนพยักหน้า จึงพูดว่า “ผมจะไปเอาเงินให้คุณเดี๋ยวนี้”หานซานเฉียนกลับไปที่ห้องพักนักมวยหลังเวที ไม่มีความผิดปกติบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ แต่ความปวดแสบปวดร้อนไม่ได้จางหายไปเลยแม้แต่น้อย โชคดีที่เขาใช
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ