การแข่งขันชกมวยคู่แรกเริ่มเวลาสามทุ่ม ผู้ชมเกือบทั้งหมดเข้ามาในพื้นที่แล้ว จนอัฒจันทร์สี่ทิศไม่มีที่ว่าง เมื่อเห็นบรรยากาศที่คึกคักเช่นนี้ หานซานเฉียนอดชื่นชมสมองของเตาสือเอ้อร์ไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะการท้าชกชิงเงินรางวัล ผู้ชมคงไม่เยอะขนาดนี้หลังจากการชกคู่แรกเริ่มขึ้น นักมวยสองคนบนสังเวียนต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่ผู้ชมกลับยังไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ หลายคนไม่ได้ดูการแข่งขันด้วยซ้ำ เอาแต่พูดคุยกัน“ไม่รู้ว่าชายคนเมื่อคืนวานจะปรากฏตัวหรือเปล่า เขาเอาชนะได้แม้แต่เตาสือเอ้อร์ ได้ดูเขาชกมันเป็นความเพลิดเพลินอย่างหนึ่งจริง ๆ”“ได้ไปตั้งห้าแสน คงจะกำลังสำเริงสำราญอยู่ ตอนนี้ดูกระบวนท่าของนักชกเหล่านี้แล้วน่าเบื่อจริง ๆ ชกไปชกมาก็เข้ารูปแบบเดียวกัน ถ้าไม่ใช่เพราะการท้าชกชิงเงินรางวัล สู้กลับไปดูทีวีที่บ้านดีกว่า”“ก็ใช่น่ะสิ กระบวนท่าเหล่านี้ดูจนเอียนแล้ว น่าเบื่อจริง ๆ”คนหลายคนที่อยู่ใกล้ ๆ หานซานเซียนพูดคุยกันอย่างเบื่อหน่าย ไม่มีท่าทีสนุกสนานเลยสักนิด ความคิดของพวกเขาเกือบจะเป็นตัวแทนของผู้ชมส่วนใหญ่ในสนาม จากคำพูดเหล่านี้หานซานเฉียนสามารถเข้าใจได้ว่าทำไมเตาสือเอ้อร์ถึงทำการเปลี่ยนแปลงเช่
“ให้ตายสิ! เจ้าหมอนั่นไปจริง ๆ เหรอ?”“เขาไม่กลัวตายจริง ๆ การท้าชกชิงเงินรางวัล นักมวยไม่เคยออมมือมาก่อนนะ”“บ้าเอ๊ย! ผมจะต้องเรียกเขาว่าคุณปู่จริงเหรอ”“เรียกเขาว่าขนไก่ กว่าเขาจะถูกต่อยเข้าโรงพยาบาล พวกเราก็กลับบ้านไปตั้งนานแล้ว” แม้ว่าพวกเขาจะประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำตามสัญญาอยู่แล้ว อีกอย่างในสายตาของพวกเขา หานซานเฉียนไม่มีโอกาสได้เดินลงจากสังเวียน พอหามขึ้นรถพยาบาล ก็ไม่มีใครรู้จักใครแล้ว?“คืนนี้เพื่อเป็นการคืนกำไรให้กับผู้ชม จะมีการแข่งขันสำหรับผู้ชมโดยเฉพาะ ทุกคนสามารถขึ้นเวทีได้อย่างอิสระ ใครสามารถยืนหยัดจนจบได้ จะได้รับเงินรางวัลจำนวนหนึ่งแสนจากเวทีมวย” ผู้จัดการเดินขึ้นไปบนเวทีแล้วพูดผ่านไมโครโฟนสิ่งนี้ทำให้เกิดความปั่นป่วน แม้ว่าเงินหนึ่งแสนจะไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าไม่น้อย และทุกคนก็สามารถเข้าร่วมได้ ซึ่งหมายความว่าทุกคนมีโอกาสแต่อาศัยหลักการที่ว่าหากศัตรูไม่เคลื่อนไหวฉันก็ไม่เคลื่อนไหว จึงยังไม่มีผู้ชมคนไหนยินดีขึ้นเวทีในขณะนี้ในเวลานี้ หานซานเฉียนที่อยู่ด้านล่างเวทีได้เดินขึ้นไป“ผู้ท้าชิงคนแรกปรากฏตัวแล้ว ใครยินดีรับคำท้าบ้าง?” ผู้จัดการถาม พอเห็
แข็งแกร่ง! แข็งแกร่งมาก! ชายหนุ่มคนนี้ได้สร้างแรงกดดันให้กับหานซานเฉียน ราวกับว่าเหยียนจุนกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา“คุณไร้ประโยชน์ขนาดนี้ กล้าดียังไงมาเขาช่วยเขาล้างแค้น?” ชายคนนั้นพูดกับหานซานเฉียนอย่างเหยียดหยาม“เราเป็นเพื่อนกันได้ไหม?” ศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นนี้ หากเป็นคู่ต่อสู้ ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับหานซานเฉียนเลย การผูกมิตรคือวิธีการที่ดีที่สุดแต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้คิดแบบนั้น เขายิ้มอย่างดูถูกแล้วพูดว่า “คบกับคนไร้ประโยชน์อย่างคุณเหรอ? ขอโทษนะ ผมไม่สนใจ”พูดจบเขาก็มองไปที่อัฒจันทร์ในสนามทั้งสี่ทิศแล้วพูดว่า “มีใครจะมาแย่งเงินหนึ่งแสนหยวนจากผมอีกไหม?”เมื่อคืนตอนที่ต่อสู้กับเตาสือเอ้อร์ ผู้ชมส่วนใหญ่ล้วนอยู่ด้วยและได้เห็นว่าเขาแข็งแกร่งเพียงใด แล้วตอนนี้ใครจะกล้าลงสนามล่ะ?“ในเมื่อไม่มีใครแล้ว เงินก็เป็นของผมใช่ไหม?” ชายคนนั้นพูดกับผู้จัดการ ผู้จัดการมองไปที่หานซานเฉียน พอเห็นหานซานเฉียนพยักหน้า จึงพูดว่า “ผมจะไปเอาเงินให้คุณเดี๋ยวนี้”หานซานเฉียนกลับไปที่ห้องพักนักมวยหลังเวที ไม่มีความผิดปกติบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ แต่ความปวดแสบปวดร้อนไม่ได้จางหายไปเลยแม้แต่น้อย โชคดีที่เขาใช
เมื่อได้ยินคำพูดของตงฮ้าว ฉี๋อีหยุนก็ขมวดคิ้วแล้วถามอย่างเย็นชาว่า “นายทำอะไรลับหลังฉันอีกแล้วเหรอ? ฉันเตือนนายแล้ว ถ้านายยังทำโดยพลการอีกก็ไสหัวกลับไปซะ”ตงฮ้าวรีบอธิบาย “ผมเพิ่งพบว่ามีเวทีมวยใต้ดินที่นี่ ผมก็เลยจะไปเล่นสนุก ๆ แต่บังเอิญได้เจอเขา เขาน่าจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเวทีมวยใต้ดินครับ”เวทีมวยใต้ดินเหรอ?สีหน้าอันเยือกเย็นของฉี๋อีหยุนค่อย ๆ เผยรอยยิ้มขึ้น พลางกล่าวว่า “เขาเป็นคนไร้ประโยชน์มาสามปี จู่ ๆ ก็ซื้อคฤหาสน์ใจกลางเนินเขา แถมยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับเวทีมวยใต้ดินอีก คนคนนี้น่าสนใจจริง ๆ”เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของฉี๋อีหยุนที่ไม่เคยมีให้ตนเลย ตงฮ้าวก็อยากจะฆ่าเขา จึงพูดว่า “คุณหนู คนไร้ประโยชน์แบบนี้ไม่สมควรได้รับความสนใจจากคุณ”“ฮึ หรือว่านายสมควรได้รับความสนใจจากฉัน?” ฉี๋อีหยุนพูดอย่างเย็นชา “ฉันจะสนใจใคร มันไม่ใช่เรื่องที่นายจะยื่นมือเข้ามายุ่งได้ เขาเป็นสามีของเพื่อนสนิทของฉัน ถ้านายคิดร้ายกับเขาแม้แต่นิดเดียว ฉันจะไม่ปล่อยนายไป”เมื่อฉี๋อีหยุนพูดจบก็ยิ้มออกมา ขอแค่เป็นสิ่งที่เธอต้องการ ต่อให้เป็นสามีของเพื่อนสนิทตัวเองแล้วจะทำไมล่ะ? ตราบใดที่เขามีคุณสมบัติเพี
“ขี้โม้สุด ๆ ถ้าไม่ได้คุยโม้สักวันคุณจะไม่สบายตัวเหรอ?” ซูหยิงเซี่ยพูดอย่างดูถูก “รอผมแข่งเสร็จ คุณก็จะรู้เองว่าผมไม่ใช่คนขี้โม้ แต่ผมเป็นคนที่โคตรเจ๋งต่างหาก” หานซานเฉียนกล่าว “ไปนอนเถอะ โคตรเจ๋ง” ซูหยิงเซี่ยพูดจบก็ขึ้นไปบนเตียแล้วนอนตะแคงให้หานซานเฉียน คิ้วของหานซานเฉียนกระตุก เธอไม่รู้เหรอว่าการนอนตะแคงมันมีผลกระทบต่อการมองเห็น และทำให้ผู้คนคิดเพ้อฝันอย่างง่าย? เช้าวันถัดมา ทั้งสองขึ้นไปตามถนนบนภูเขา เมื่อไปถึงยอดเขา อากาศสดชื่นก็ทำให้อดสูดหายใจเข้าลึก ๆ ไม่ได้ “อ้อ ฉี๋อีหยุนก็เข้าร่วมการแข่งขันด้วยเหมือนกัน พวกคุณสองคนไปด้วยกันสิ ระหว่างทางจะได้คอยดูแลเธอด้วย” ซูหยิงเซี่ยบอกกับหานซานเฉียน สำหรับฉี๋อีหยุนแล้ว หานซานเฉียนบอกตามตรงว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่เห็นภายนอก พอเธอถอดแว่นออกก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง “คุณรู้จักฉี๋อีหยุนมากแค่ไหน” หานซานเฉียนถาม“รู้จักเป็นอย่างดีเลยล่ะ พวกเราเป็นเพื่อนซี้กันตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ฉันรู้จักญาติทุกคนในครอบครัวของเธอและรู้ดีว่าพวกเขาทำอะไร แต่หลังจากที่เธอไปต่างประเทศ พวกเราก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกัน ได้ยินเธอบอกว่าพ่อ
เมื่อการแข่งขันใกล้เข้ามา หานซานเฉียนและฉี๋อีหยุนก็ขึ้นเครื่องบินไปยังเมืองฟู่หยาง ซูหยิงเซี่ยกลัวว่าเพื่อนสนิทคนนี้จะถูกรังแก จึงซื้อตั๋วเครื่องบินชั้นหนึ่งสองใบโดยเฉพาะ เธอดีกับฉี๋อีหยุนแค่ไหนไม่ต้องบอกก็คงจะรู้ แต่สำหรับหานซานเฉียน แม้ว่าเขาจะตรวจสอบภูมิหลังของฉี๋อีหยุนอย่างละเอียดแล้ว และบอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเขาแค่คิดมากเกินไป แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีเมฆหมอกที่ไม่อาจปัดเป่าออกไปได้ค้างคาอยู่ในใจของเขา นี่คือสัญชาตญาณ และสัญชาตญาณก็บอกเขาว่าถึงแม้ภายนอกฉี๋อีหยุนจะดูเรียบง่าย แต่ความจริงนั้นเธอมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์การคาดเดาของเขาเท่านั้นเอง ในห้องโดยสารชั้นหนึ่งมีผู้โดยสารเพียงสี่คน นอกจากหานซานเฉียนและฉี๋อีหยุนแล้ว ยังมีชายหญิงอีกคู่หนึ่ง พวกเขาดูเด็กกันมากอายุประมาณยี่สิบต้น ๆ เท่านั้น หลังจากขึ้นเครื่องทั้งสองคนก็พูดจ้อไม่หยุด แถมเสียงก็ไม่ได้เบาเลย เสียงหัวเราะดังลั่นเป็นระยะ น่ารำคาญมากอาจเป็นเพราะทนถูกรบกวนระหว่างการเดินทางไม่ไหวแล้ว ฉี๋อีหยุนจึงลุกขึ้นยืนและเดินไปหาทั้งสองคนแล้วพูดอย่างสุภาพว่า “ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะการพูด
แม้ว่าฉี๋อีหยุนจะทำให้เขาประหลาดใจ แต่โต้วเว๋ยต่างหากที่เป็นแฟนสาวในอนาคตของเขา จะเสียหน้าต่อหน้าเธอไม่ได้“ฉันเป็นสุภาพบุรุษ จะทำร้ายคนหยาบคายอย่างนายได้ยังไง” ฉางหลางกล่าว“สุภาพบุรุษ?” หานซานเฉียนคลายมือออกแล้วผลักฉางหลางกลับไปนั่งที่เดิม ก่อนจะพูดต่อว่า “ฉันไม่เคยเห็นสุภาพบุรุษคนไหนกล้าลงไม้ลงมือกับผู้หญิงมาก่อน ฉันขอเตือนว่าให้เบาเสียงลงหน่อย ไม่อย่างนั้นก็บอกให้แอร์โฮสเตทโทรเรียก 120 เอาไว้รอ พอลงจากเครื่องจะได้ตรงไปโรงพยาบาลเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการรักษา” เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของหานซานเฉียน ฉางหลางก็ไม่คิดว่าเขากำลังล้อเล่น ดังคำกล่าวที่ว่าคนฉลาดย่อมรู้จักล่าถอย เขาทำได้เพียงกล้ำกลืนความโกรธไว้ พายุเล็ก ๆ สิ้นสุดลงเช่นนี้ ไม่ได้พัดกระพือจนกลายเป็นลูกคลื่นใหญ่จนเกินไป เพราะอย่างไรนี่ก็อยู่บนเครื่องบิน หานซานเฉียนไม่ต้องการทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เดี๋ยวจะจัดการลำบาก“คุณคงไม่ได้จะปล่อยไปแบบนี้หรอกใช่ไหม” หลังจากที่หานซานเฉียนและฉี๋อีหยุนกลับไปยังที่นั่ง โต้วเว๋ยก็กระซิบถามฉางหลาง ฉางหลางมีสีหน้าดุร้าย เขากัดฟันและพูดว่า “พอไปถึงเมืองฟู่หยาง ผมจะทำให้เจ้าหมอนี่ได้เห็นดีแน
เมื่อเห็นหานซานเฉียนและฉี๋อีหยุนขึ้นรถของหวางเม่าไป ฉางหลางก็ขมวดคิ้วมุ่น แม้ว่าหานซานเฉียนและฉี๋อีหยุนจะไม่ได้แต่งตัวดีอะไร แต่ชุดราชวงศ์ถังสั่งทำมือที่หวางเม่าสวมใส่กลับทำให้ฉางหลางต้องมองด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ ครอบครัวของเขาสามารถติดต่อกับแบรนด์ทำมือระดับไฮเอนด์ในประเทศได้เชียวเหรอ ชุดราชวงศ์ถังนี้ พ่อของเขาเองก็มีเช่นกัน ราคาอย่างต่ำก็หลายหมื่นดอลลาร์ บุคคลที่สวมใส่เสื้อผ้าแบบนี้ได้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแน่นอน“ฉางหลาง คุณคงไม่ได้ลืมสิ่งที่พูดไว้บนเครื่องบินหรอกใช่ไหม?” โต้วเว๋ยเตือนฉางหลาง เธอไม่รู้มูลค่าของชุดราชวงศ์ถังของหวางเม่า เพราะเธอรู้จักแต่แบรนด์ต่างประเทศ และแบรนด์อิสระเหล่านี้ล้วนเป็นเพียงขยะ“ไม่ต้องห่วง ผมจะลืมสิ่งเคยพูดไว้ได้ยังไง ผมจะทำให้คุณได้เห็นการแสดงดี ๆ อย่างแน่นอน” แม้ว่าฉางหลางจะรับปาก แต่หลังจากที่ได้เห็นหวางเม่าแล้ว เขาก็ระมัดระวังในตัวตนของหานซานเฉียนมากขึ้น เพียงแต่เขาไม่สามารถทำตัวขี้ขลาดต่อหน้าโต้วเว๋ยได้ก็เท่านั้น “ข่วนหน้าผู้หญิงคนนั้นให้เป็นรอยได้ยิ่งดี” โต้วเว๋ยพูดพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ว่ากันว่าพิษร้ายสุดคือจิตใจของผู้หญิง หลังจากที่โต้ว
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ