ณ บริษัทตระกูลซูในห้องทำงานของประธานบริษัท ซูหยิงเซี่ยกำลังยุ่งวุ่นวายกับเรื่องการร่วมทุนในช่วงนี้รวมถึงการฟื้นฟูบริษัทด้วย โดยต้องสร้างความร่วมมือขึ้นมาอีกครั้ง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอเลย อย่างไรเสีย ตอนแรกเพื่อที่จะทุ่มเทสร้างโครงการเฉิงซีขึ้นมา คุณย่าตระกูลซูจึงตัดหุ้นส่วนเดิมทั้งหมดออก ถึงคำพังเพยจะกล่าวไว้ว่าม้าที่ดีจะไม่กลับไปกินหญ้าต้นเก่า แต่ในสถานการณ์แบบตอนนี้ ซูหยิงเซี่ยจำเป็นต้องติดต่อคนพวกนั้นอีกครั้ง การตัดขาดความร่วมมือนั้นง่ายมาก แต่การจะต่อขึ้นมาอีกครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทันใดนั้นผู้ช่วยของซูหยิงเซี่ยก็เดินเข้ามาในห้องทำงานและพูดด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ท่านประธาน เกิดเรื่องแล้ว”“เรื่องอะไรกันทำไมถึงได้ตื่นตระหนกขนาดนี้?” ซูหยิงเซี่ยเอ่ยถาม“เจ้าพ่อของบรรดาเจ้าของบริษัทหลายแห่งต้องการพบคุณ ดูท่าแล้วจะไม่ได้มาดีเป็นแน่” ผู้ช่วยกล่าวเจ้าพ่อของบรรดาเจ้าของบริษัทงั้นเหรอ?เมื่อได้ยินประโยคนี้ซูหยิงเซี่ยก็รู้สึกสับสนมาก คนเหล่านี้น่าจะไม่มีบทบาทเกี่ยวกับบริษัทแล้วนี่ พวกเขาควรจะมีความสุขกับวัยชรา แล้วทำไมจู่ ๆ พวกเขาถึงได้มาหาเธอ?ในขณะที่ซูหยิงเซี่
แต่หากคนพวกนี้คิดจะรังแกหานซานเฉียนล่ะก็ ถึงแม้ว่าจะต้องทอดทิ้งตระกูลซูทั้งหมด ซูหยิงเซี่ยก็จะไม่มีวันประนีประนอมเด็ดขาดหานซานเฉียนไม่ยอมให้เธอไม่ได้รับความเป็นธรรม แล้วเธอจะยอมให้หานซานเฉียนไม่ได้รับความเป็นธรรมได้อย่างไร?หลังกลับจากที่ทำงาน ซูหยิงเซี่ยก็ถอดรองเท้าส้นสูงออก นี่เป็นเวลาที่สบายที่สุดของวัน ขอแค่ได้เปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้าน เธอถึงจะรู้สึกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่เธอเอนตัวลงบนโซฟา หานซานเฉียนจึงเดินเข้ามาหาและนวดไหล่ของซูหยิงเซี่ยพลางเอ่ยถามว่า “เหนื่อยขนาดนี้หยุดพักสักวันไหมครับ”ซูหยิงเซี่ยส่ายหัวและพูดว่า “ค่อยคุยหลังจากบริษัทผ่านพ้นวิกฤตแล้วกัน ไว้พวกเราไปฮันนีมูนกับถ่ายพรีเวดดิ้งกันใหม่กันเถอะค่ะ”ซูหยิงเซี่ยเคยพูดถึงเรื่องการถ่ายพรีเวดดิ้งเมื่อนานมาแล้ว แต่ช่วงนี้มีเรื่องมากมายให้จัดการ ดังนั้นจึงยังไม่ได้ดำเนินการเสียที หานซานเฉียนคิดว่าเธอจะลืมไปแล้วเสียอีก แต่คิดไม่ถึงเลยว่าซูหยิงเซี่ยจะยังจำได้“จริงสิ วันนี้มีคนมาหาฉันตั้งหลายคน บอกว่าคุณไปล่วงเกินพวกเขา พรุ่งนี้พวกเขาอยากได้คำตอบ ไม่อย่างนั้นจะมุ่งเป้ามาที่บริษัทเรา นี่มันเรื่องอะไรกันเหรอคะ?” ซูหยิงเซี่ยพูดก
คำพูดของซูหยิงเซี่ยทำให้หานซานเฉียนรู้สึกคึกคัก พลังแห่งการต่อสู้ของเขาก็ระเบิดออกในชั่วพริบตา ถึงแม้ว่าซ่างกวนเฮยไป๋จะมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาตอนนี้ เขาก็จะมุ่งมั่นเอาชนะให้ไม่เหลือซากเลย“พูดแล้วห้ามคืนคำนะ” หานซานเฉียนย้ำเมื่อเห็นท่าทีที่จริงจังของหานซานเฉียน ซูหยิงเซี่ยก็รู้สึกหวาดระแวงเล็กน้อย อย่าบอกนะว่าเขาไม่ได้โม้จริง ๆ? เขาเก่งมากเลยเหรอ?ทั้งเล่นเปียโนได้ แถมยังเล่นหมากล้อมได้อีก อะไรจะมีความสามารถรอบด้านขนาดนี้?“ชนะให้ได้ก่อน แล้วค่อยมาว่ากันค่ะ” ซูหยิงเซี่ยพูดจบก็รีบเดินกลับห้องสำหรับหานซานเฉียนแล้ว โดยพื้นฐานเรื่องนี้ย่อมสำเร็จอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงเริ่มตั้งหน้าตั้งตารอ อยากให้เพื่อนของซูหยิงเซี่ยปรากฎตัวออกมาเร็ว ๆ เขาจะได้ลิ้มรสชาติลิปสติกของเธออีกวันต่อมา หานซานเฉียนไปที่สมาคมหมากล้อม สมาชิกทุกคนอยู่ที่นั่นกันหมด เพราะหลังจากที่เมื่อวานพวกเขาไปหาซูหยิงเซี่ย วันนี้พวกเขาจึงตั้งใจมารอคำตอบของหานซานเฉียนกันตั้งแต่เช้าตรู่พวกเขาเชื่อว่าหลังจากที่เธอถูกพวกเขาคุกคามไปขนาดนั้น หานซานเฉียนไม่มีทางปฏิเสธแน่นอนหมอนั่นเป็นแค่ลูกเขยตระกูลซู ไม่ได้มีสถานะใด ๆ ในตระกูลซ
แม้ว่าโอวหยางซิวเจี๋ยจะเป็นลูกศิษย์ของซ่างกวนเฮยไป๋ และเป็นที่รู้จักในฐานะดาวดวงใหม่ในวงการหมากล้อม แต่สำหรับหานซานเฉียนแล้ว เขาไม่ใช่แม้แต่คู่ต่อสู้ของเขาด้วยซ้ำหลังจากที่หานซานเฉียนกลับไป สมาชิกทั้งหลายยังคงอวดความดีความชอบอย่างลำพองใจ หวางเม่าไม่สามารถฟังคำโอ้อวดของคนพวกนี้ได้ จึงกลับไปที่สำนักงานและโทรหาเทียนฉางเฉิงเรื่องนี้มันกะทันหันมาก หวางเม่าต้องการถามเทียนฉางเฉิงว่าตกลงเรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่ บางทีเขาอาจจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับหานซานเฉียน“เขาตกลงแล้วงั้นเหรอ?” หลังจากที่เทียนฉางเฉิงรับสาย เขาก็รู้สึกประหลาดใจไม่นึกเลยว่าหานซานเฉียนจะเปลี่ยนใจ“ใช่ ดังนั้นฉันจึงมาถามนายว่านี่มันเรื่องอะไรกัน เขาเป็นคนแบบที่นายคิดหรือเปล่า?” หวางเม่าสงสัยเทียนฉางเฉิงไม่มีทางเดาพลาดเกี่ยวกับเรื่องตัวตนของหานซานเฉียน เขาเห็นกับตาว่าฉือจิงและหนานกงเชียนชิวปรากฏตัวที่โครงการคฤหาสน์เขาหยุนติง“เป็นไปไม่ได้ ฉันแน่ใจมาก” เทียนฉางเฉิงกล่าว“ถ้าอย่างนั้นก็แปลกมาก พวกเขาไปคุกคามซูหยิงเซี่ย ถ้าหานซานเฉียนมีอำนาจมากจริง ๆ เขาคงไม่มีทางประนีประนอมเรื่องนี้แน่นอน” หวางเม่ากล่าวเมื่อได้ยินคำว่าซูห
สามวันต่อมา มีข่าวดีมาจากเตาสือเอ้อร์ว่าติดต่อคนในเรือนจำตี้ซินได้แล้ว แถมพวกเขาจะส่งคนไปที่จีนให้เร็วที่สุด เรื่องนี้เป็นข่าวที่สำคัญมากสำหรับหานซานเฉียน และมันเกี่ยวโยงกับการที่เขาจะสามารถรู้ข่าวสารของหานเทียนหยางหรือไม่ถ้าหากหานเทียนหยางยังมีชีวิตอยู่ และถูกขังไว้ที่เรือนจำตี้ซิน ไม่ว่าองค์กรนั้นจะลึกลับขนาดไหนหานซานเฉียนก็จะไปค้นหาพวกมันจนพลิกแผ่นดินณ คลับเมจิกซิตี้ในห้องทำงานของม่อหยาง มีเพียงเตาสือเอ้อร์และม่อหยางที่อยู่ที่นี่เท่านั้น วันนี้แม้แต่หลินหย่งก็ไม่สามารถที่จะอยู่ที่นี่ได้ “พี่ซานเฉียน เราจำเป็นต้องส่งเพื่อนของพี่ไปยังสถานที่ที่พวกมันกำหนดตามความต้องการของพวกมัน หากเกิดเหตุสุดวิสัยในช่วงเวลาดังกล่าว พวกมันจะกลับทันที” เตาสือเอ้อร์บอกกับหานซานเฉียนเดิมทีหานซานเฉียนคิดว่าเขาจะสามารถพบกับคนจากเรือนจำตี้ซินได้ด้วยตัวเขาเอง แต่เขานึกไม่ถึงเลยว่าพวกนั้นจะระวังตัวขนาดนี้ทันใดนั้นเองเตาสือเอ้อร์ก็หยิบยาสองชนิดออกมา“นี่คืออะไร?” หานซานเฉียนถาม“มันสามารถทำให้คนหมดสติได้” เตาสือเอ้อร์อธิบายแม้จะไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ แต่หานซานเฉียนก็เข้าใจความหมายของเตาสือเอ้อร์เป็
หานซานเฉียนตบบ่าของตี้สู่และพูดว่า “หวังว่าเราจะมีโอกาสได้เจอกันอีก”หลังจากที่มองหานซานเฉียนเดินจากไป ตี้สู่ก็ยิ้มจาง ๆ และพูดพึมพำกับตัวเองว่า “โอกาสที่จะได้เจอกันนั้นน้อยมาก คุณเป็นเจ้านาย ส่วนผมเป็นแค่เครื่องมือที่เอาไว้ใช้ประโยชน์เท่านั้น”เรื่องของเรือนจำตี้ซิน ทำให้หานซานเฉียนกังวลเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามนี่ เป็นที่ที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่หลังจากกลับบ้าน อารมณ์ของหานซานเฉียนก็ดีขึ้นเพื่อนของซูหยิงเซี่ยมาโดยไม่คาดคิด! นี่หมายความว่าหานซานเฉียนจะสามารถเพลิดเพลินกับรสชาติของลิปสติกของเธอได้ในวันนี้“นี่คือเพื่อนของฉันชื่อฉี๋อีหยุน เป็นปรมาจารย์ด้านหมากล้อมที่เข้าร่วมการแข่งขันมาแล้วมากมาย และยังได้รางวัลมาแล้วไม่น้อย” ซูหยิงเซี่ยแนะนำฉี๋อีหยุนด้วยสีหน้าภาคภูมิใจฉี๋อีหยุนสวมเสื้อผ้าแบบเรียบง่าย แค่เสื้อยืดและกางเกงยีนส์ธรรมดา ๆ และใส่แว่นตากรอบสีดำ ดูสุภาพและสงบเสงี่ยมมาก ผู้หญิงแบบนี้เพียงดูแวบเดียวก็รู้สึกว่าเธอต้องเป็นคนประเภทที่ไร้เดียงสามาก เดาว่าชีวิตนี้เธอยังไม่รู้ว่าไนต์คลับคืออะไรด้วยซ้ำอย่างไรก็ตาม หานซานเฉียนมาอยู่บ้านตระกูลซูได้เป็นเวลาสามปีกว่าแล้ว แต่เขาไ
เมื่อเห็นแววตาที่เคลือบแคลงของเฉินหลิงเหยานั้น หานซานเฉียนก็ยิ้มอย่างจนใจและเอ่ยว่า “ผมขอลองไม่ได้เหรอ?”เฉินหลิงเหยาถอนหายใจ เธอส่ายหน้าและกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าไม่ได้ ฉันแค่กลัวว่าคุณจะร้องไห้ และกลัวคุณจะขายหน้าเมื่อถึงตอนนั้นน่ะ”หานซานเฉียนเหลือบมองไปที่ฉี๋อีหยุน ดูเหมือนว่าเธอจะเก่งมากในสายตาของเฉินหลิงเหยาและซูหยิงเซี่ย ไม่อย่างนั้นเฉินหลิงเหยาคงไม่เชื่อมั่นในตัวเธอขนาดนี้หลังอาหารเย็น เฉินหลิงเหยาดูจะตื่นเต้นมาก เธอเริ่มตั้งกระดานหมากล้อม จากนั้นก็นวดไหล่ให้ฉี๋อีหยุนเพื่อให้เธอผ่อนคลายราวกับว่าเธอกำลังจะต่อสู้ในสนามประลอง“อีหยุน เธออย่าออมมือนะ ให้หมอนี่รู้ไปเลยว่าเธอเก่งแค่ไหน” เฉินหลิงเหยาเตือนฉี๋อีหยุนฉี๋อีหยุนเหลือบมองหานซานเฉีนรอย่างเก้อเขิน และพูดว่า “ฉันไม่ได้เก่งแบบที่พวกเธอพูดหรอก เพราะอย่างนั้นโปรดออมมือให้ฉันด้วยนะคะ”เมื่อได้ยินเช่นนั้นเฉินหลิงเหยาก็ไม่ร่าเริงอีกต่อไป เธอพูดกับฉี๋อีหยุนว่า “อีหยุน เธอไปให้กำลังใจเขาได้ยังไง เธอเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลที่สุดในโรงเรียนของเราเลยนะ แม้แต่ซ่างกวนเฮยไป๋ยังชมเธอเลยว่าเก่งมาก”ประโยคนี้ทำให้หานซานเฉียนประหลาดใจเล็กน้อย
โชคดีที่เฉินหลิงเหยาขีดเส้นแบ่งระหว่างเธอกับหานซานเฉียนไว้อย่างชัดเจน เขาคือสามีของเพื่อนสนิทที่ดีที่สุดของเธอ แม้ว่าเธอจะรู้สึกดีกับเขา แต่เธอก็ทำได้เพียงเก็บซ่อนมันไว้ในใจเมื่อหานซานเฉียนวางหมากตัวสุดท้ายลงไป เป็นอันรู้ผลแพ้ชนะของเกมนี้ฉี๋อีหยุนถอนหายใจเฮือกใหญ่และกล่าวว่า “เดิมทีฉันคิดว่าอายุของฉันตอนนี้มันคงไม่ยากเกินไปที่จะก้าวหน้า แต่นึกไม่ถึงเลยว่าคุณจะเก่งขนาดนี้ หวังว่าจะได้พบคุณในการแข่งขันรอบแรกนะ”หานซานเฉียนยิ้มและพูดว่า “การแข่งขันมันไม่ได้มีความหมายอะไรสำหรับผมหรอกครับ ถ้าไม่ใช่เพื่อซูหยิงเซี่ย ผมก็ไม่เข้าร่วมการแข่งขันหรอก”ฉี๋อีหยุนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่เธอกลับมาที่เมืองหยุนเฉิง เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับชื่อเสียงของหานซานเฉียนมาก่อน แต่ตอนนี้ออร่าของหานซานเฉียนทำให้เธอรู้สึกแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอนี้ไม่มีการแสดงออกว่าเป็นคนไร้ค่าเลยแม้แต่นิดเดียว เขาเหมือนกับปรมาจารย์ที่ดูน่านับถือ และคอยอยู่เบื้องหลังคิดอุบายวางแผนการรบมากกว่าคนแบบนี้ มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่ปฏิบัติต่อเขาอย่างคนไร้ค่า“อีหยุน เธออย่าหมดกำลังใจ
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ