แม้ว่าจะผิดสัญญา แต่เขาก็ไม่สามารถยกอสังหาริมทรัพย์ครึ่งหนึ่งของตระกูลหลัวในเมืองตงซานให้อีกฝ่ายได้“หลัวปิน นายแพ้แล้ว” ในที่สุดเทียนฉางเฉิงก็เลิกคิ้ว มองไปที่หลัวปินด้วยสีหน้าเบิกบานใจเทียนหลิงเอ๋อร์แอบมองไปที่หานซานเฉียนด้วยท่าทางเขินอาย หลังจากนั้นจึงหันหน้าไปคุยกับหลัวปินว่า “คุณปู่คะ ปู่คงไม่ลืมเรื่องที่พูดไว้ก่อนหน้านี้ใช่ไหม?”หลัวปินถอนหายใจอย่างเย็นชาพร้อมกับพูดว่า “เทียนฉางเฉิง ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนจากสำนักฝึกยุทธของนายใช่ไหม?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ เทียนฉางเฉิงรู้ว่าหลัวปินต้องการเล่นลูกไม้อย่างหน้าด้าน ๆ จึงพูดว่า “นายเพิ่งพูดอย่างชัดเจนว่า แค่คนของสำนักฝึกยุทธสามารถเอาชนะคนของนายได้ก็คืชนะ ตอนนี้นายคิดจะกลับคำดื้อ ๆ หรือไง?”“ฉันหมายถึงผู้ประลองต้องเป็นลูกศิษย์ของสำนักฝึกยุทธของนายเท่านั้น ไม่ได้หมายถึงคนนอก” หลัวปินโต้“หลัวปิน พวกเราอายุปูนนี้แล้ว ถ้านายผิดสัญญา นายก็ไม่กลัวเสียภาพลักษณ์หรือไง?” เทียนฉางเฉิงพูดพร้อมกับหัวเราะภาพลักษณ์อย่างนั้นเหรอ?สำหรับหลัวปินแล้ว ภาพลักษณ์จะสำคัญเท่าทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลหลัวได้อย่างไร“เทียนฉางเฉิง ฉันจะกลับมาที่นี่
“คุณปู่คะ คนที่เก่งกาจขนาดนี้ ทำไมถึงแต่งงานเข้าตระกูลซูล่ะ? แถมยังโดนผู้คนทั้งเมืองหยุนเฉิงด่าทอว่าเป็นคนไร้ประโยชน์อีกด้วย” เทียนหลิงเอ๋อร์เอ่ยถามอย่างสงสัยเทียนฉางเฉิงก็ไม่สามารถคิดหาเหตุลผลนั้นออกมาได้เช่นกัน แต่เขารู้ว่าหานซานเฉียนไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแน่นอนในเมื่อเขามีความสามารถที่แข็งแกร่งขนาดนี้ และยังเต็มใจอยู่อย่างซ่อนเร้นในตระกูลซูอีก เขาต้องมีจุดประสงค์บางอย่างแน่นอน“คนคนนี้ไม่ธรมดาแน่ ปู่กลัวว่าเมืองหยุนเฉิงในอนาคตจะไม่เหมือนเดิม” เทียนฉางเฉิงรู้ว่าตัวเองดูหานซานเฉียนผิดไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว เขาไม่แสดงท่าทีหยิ่งยโสต่ออีกฝ่ายอีกต่อไป เข้าใจอย่างชัดเจนถึงเหตุผลที่เขาจงใจปิดบังพรสวรรค์ของตัวเองด้วย ท่าทีของเขาก่อนหน้านี้ ทั้งหมดเป็นเพราะเขาไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะทำเรื่องที่ตัวเองร้องขอได้สำเร็จ เทียนฉางเฉิงคิดไปเองเพียงฝ่ายเดียวว่าเขาเป็นคนเย่อหยิ่งที่โง่เขลาจนไม่เห็นใครอยู่ในสายตาสำหรับสุภาพบุรุษที่ซ่อนความสามารถเอาไว้ไม่ให้ใครเห็นย่อมต้องมีเหตุผลเขาต้องการอะไรกันแน่?“คุณปู่ คุณปู่กำลังจะบอกว่าเขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งใช่ไหมคะ?” เทียนหลิงเอ๋อร์ จู่ ๆ ก็ยิ้มออกมาด้
เช้าวันรุ่งขึ้น หานซานเฉียนขี่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคันเล็กไปที่โรงพยาบาล เพราะรถทั้งสองคันที่บ้านตอนนี้เขาไม่สามารถใช้ขับได้ เขาจึงขี้เกียจซื้อรถใหม่อีกคันในโรงพยาบาล ขณะเขากำลังช่วยจางหลิงฮวาจัดการขั้นตอนการออกจากโรงพยาบาลอยู่นั้น จู่ ๆ เขาก็ถูกคนปิดตาทั้งสองข้างจากด้านหลัง ถ้าไม่ใช่เพราะเขาสามารถควบคุมตัวเองได้อย่างรวดเร็ว เขาคงจับคนตรงหน้าทุ่มไปที่พื้นอย่างแรงไปเรียบร้อยแล้ว“เดาซิว่าฉันเป็นใคร?”เกมหยอกล้อเพี้ยน ๆ แบบนี้ทำให้หานซานเฉียนยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่เมื่อได้ยินเสียงนี้เขาก็รู้สึกทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยเล็กน้อย “คุณคงจำผิดคนแล้วล่ะครับ?” หานซานเฉียนกล่าว“น่าเบื่อจริง ๆ เลย” เจ้าของเสียงพูดพร้อมกับปล่อยมือ หานซานเฉียนหันกลับไปมองทันที นี่คือเทียนหลิงเอ๋อร์ไม่ใช่เหรอ?ด้วยความสัมพันธ์ของเขาและเทียนหลิงเอ๋อร์ไม่ถึงขนาดที่จะเล่นหยอกล้อกันอย่างใกล้ชิดแบบนี้ได้ แต่สาวน้อยคนนี้กลับทำตัวเป็นกันเองกับเขาซะอย่างนั้น“หลิงเอ๋อร์ ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” หานซานเฉียนเอ่ยถาม“คุณเป็นห่วงฉันด้วย ทั้งที่ไม่ใช่แฟนของฉันเนี่ยนะ” เทียนหลิงเอ๋อร์พูดพึมพำกับตัวเองด้วยใบหน้าทะนง
หลังจากจัดเตรียมเรื่องงานและที่อยู่อาศัยของจางหลิงฮวาแล้ว โทรศัพท์ของหานซานเฉียนก็ดังขึ้นมาพอดี เป็นสายโทรศัพท์จากระเบิดไร้เทียมทานที่น่ารัก บนหน้าผากของหานซานเฉียนปรากฎเส้นสีดำสามเส้นเหมือนในการ์ตูนที่แสดงถึงอาการกลัดกลุ้มใจ เมื่อรู้ที่อยู่ทางโทรศัพท์แล้ว หานซานเฉียนก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคันเล็กไปตามสถานที่นัดหมายลิฟต์คอนโดระดับดีเยี่ยมแห่งหนึ่ง แต่ไม่ใช่ว่าตระกูลเทียนทุกคนจะอาศัยอยู่ที่นี่เทียนหลิงเอ๋อร์มีเพื่อนสนิทมากมาย สถานที่แห่งนี้เหมาะสำหรับเวลาเพื่อนสนิทจัดงานปาร์ตี้กันถึงจะได้นำมาใช้ประโยชน์ อีกทั้งที่แห่งนี้ยังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนเคยมาก่อนเลย และหานซานเฉียนก็คือคนแรกหลังจากรอจนกระทั่งเทียนหลิงเอ๋อร์มาถึงประตูใหญ่ เธอไม่รังเกียจที่จะขึ้นไปนั่งบนเบาะหลังของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคันเล็กทันทีเพื่อบอกทางกับหานซานเฉียนคุณหนูแบบนี้สามารถนั่งรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าได้โดยไม่รังเกียจ ทำให้หานซานเฉียนรู้สึกคาดไม่ถึงเล็กน้อยเพราะหานซานเฉียนเคยเห็นผู้หญิงหน้าเงินมากมายมาก่อน อีกทั้งคุณหนูที่ร่ำรวยนั้นโดยปกติแล้วมักจะมีวิสัยทัศน์ค่อนข้างสูง อย่าว่าแต่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเลย แม้จะขับรถมื
ครึ่งชั่วโมงต่อมา อาหารสี่จานกับซูปหนึ่งถ้วยวางอยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว กลิ่นของอาหารหอมมากจริง ๆ แสดงให้เห็นว่าฝีมือการปรุงอาหารของเธอยอดเยี่ยมมาก หานซานเฉียนทานอาหารโดยหยุดวางตะเกียบไม่ได้เลย แต่เทียนหลิงเอ๋อร์กลับจับจ้องมองไปที่เขาอย่างไม่ละสายตาเลย ในขณะที่ไม่ขยับตะเกียบแม้แต่นิดเดียว“เธอทำอะไรน่ะ ทำไมถึงไม่ทานด้วยกัน? เธอคงไม่ได้วางยาพิษฉันหรอกใช่ไหม?” หานซานเฉียนถามเทียนหลิงเอ๋อร์ด้วยความตกตะลึง“คุณลืมเรื่องอะไรไปอย่างหนึ่งหรือเปล่า?” เทียนหลิงเอ๋อร์พูดอย่างโกรธเคือง“ล้าง… ล้างมือใช่ไหม?”เทียนหลิงเอ๋อร์ทำปากยื่นเหมือนกบและพูดอย่างไม่พอใจว่า “คุณจะล้างมือหรือไม่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน”“ถ้าอย่างนั้นฉันลืมอะไรเหรอ?” หานซานเฉียนถามอย่างไม่เข้าใจ“คุณนี่ไม่ฉลาดเอาซะเลย ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลคุณบอกว่า ถ้าฉันทำอาหารอร่อยคุณจะชมฉันไง” เทียนหลิงเอ๋อร์พูดพร้อมกับกลอกสายตามองขึ้นไปข้างบนหานซานเฉียนแทบจะฝืนทานอาหารต่อไปไม่ได้ เหตุที่สาวน้อยคนนี้ไม่ยอมทานอาหารเป็นเพราะรอให้เขาชมเธออยู่เหรอเนี่ย?“ได้ ๆ ๆ เธออยากให้ฉันชมเธอยังไงล่ะ?”“แน่นอนว่าคุณต้องชมว่าฉันสวย แล้วก็ยังน่ารัก แถมย
เซอร์ไพรส์อย่างนั้นเหรอ?หานซานเฉียนกำลังอธิษฐานขอให้อย่าเป็นอะไรที่มันน่าสยดสยองขวัญเลยถึงจะดีกว่า ความจริงแล้วเทียนหลิงเอ๋อร์นั้นเป็นเหมือนปีศาจตัวร้าย ใครจะรู้ว่าเธอคิดทำเรื่องอะไรบ้างเมื่อกลับมาถึงบ้าน นอกจากเหอถิงที่ยังคงทำความสะอาดบ้านอยู่ คนอื่น ๆ ต่างกลับห้องของตัวเองเพื่อพักผ่อนกันแล้ว หานซานเฉียนพูดคุยเรื่อยเปื่อยกับเหอถิงไม่กี่คำก่อนกลับห้องของตัวเองเช่นกันเช้าวันรุ่งขึ้น หานซานเฉียนยังคงตื่นตอนหกโมงเช้า แต่ซูหยิงเซี่ยไม่ต้องการให้เขาไปวิ่งเป็นเพื่อนแล้ว ดังนั้นเขาจึงยังไม่ลุกจากเตียงนอนและนอนอยู่บนเตียงจนถึงเวลาเก้าโมงเช้า เขาได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากด้านนอกคฤหาสน์ จึงรีบแต่งตัวเพื่อออกไปดูด้านนอกคฤหาสน์มีรถแลมโบกินีสีแดงจอดอยู่ โดยมีผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ข้าง ๆ รถวันนี้เป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ดังนั้นซูหยิงเซี่ยจึงไม่ได้ไปทำงานเช่นกัน คนในคฤหาสน์ทั้งสามคนต่างพากันมองดูรถแลมโบกินีด้วยความรู้สึกงุนงงเล็กน้อย โดยเฉพาะเจี่ยงหลานนั้นมองดูด้วยสายตาอันร้อนแรง บ่งบอกว่าเธอแทบอยากจะให้รถแลมโบกินีคันนี้เป็นของเธอถ้าสามารถขับรถคันนี้ไปพบปะพี่น้องของเธอได้ ใครบ้างที่
ลูกเขยอย่างนั้นเหรอ?คำพูดเหล่านี้เป็นแค่คำพูดประชดประชันที่สุดยอดจริง ๆ“ผู้หญิงที่ชอบมั่วผู้ชายอย่างคุณว่า เธอคือเทียนหลิงเอ๋อร์ คุณหนูตระกูลเทียน สำหรับเรื่องนี้ผมคงต้องรายงานให้คุณหนูทราบ ตระกูลเทียนจะไม่ยอมให้คุณหนูถูกคนดูถูกแบบนี้แน่” ผู้ชายคนนั้นกล่าวอย่างเย็นชาเทียน… คุณหนูตระกูลเทียน!เจี่ยงหลานรู้สึกตกตะลึงทันที คนที่ให้รถกับหานซานเฉียน นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคุณหนูเทียนหลิงเอ๋อร์แห่งตระกูลเทียนไม่คิดเลยว่าตัวเองจะพูดว่าคุณหนูตระกูลเทียนเป็นผู้หญิงไม่ได้เรื่อง!เจี่ยงหลานกลืนน้ำลาย และความเย่อหยิ่งของเธอเมื่อครู่นี้หายไปจนหมดสิ้นการล่วงเกินตระกูลเทียนในเมืองหยุนเฉิง เท่ากับการล่วงเกินยมบาลไม่มีผิดซูกั๋วเย่ารีบพูดอย่างรวดเร็วว่า “ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ เธอไม่รู้ว่าคุณหนูของคุณคือ คุณหนูเทียนหลิงเอ๋อร์ เพราะแบบนี้เธอถึงได้พูดจาแบบนั้นออกไป”แม้แต่ซูหยิงเซี่ยเองก็ไม่สามารถใจเย็นได้ ตอนนี้การเติบโตทางธุรกิจของตระกูลซูกำลังเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ ในเวลานี้ถ้าไปล่วงเกินตระกูลเทียน แล้วทำให้ตระกูลเทียนพุ่งเป้ามาที่ตระกูลซู นี่จะเป็นหายนะร้ายแรงสำหรับตระกูลซู“ฉันต้องขอ
”รถคันนี้ผมจะรับไว้ ยังไงก็ขอบคุณคุณหนูแทนผมด้วยนะครับ” หานซานเฉียนรู้ว่าถ้าไม่รับรถคันนี้ไว้ เทียนหลิงเอ๋อร์อาจมาที่นี่ด้วยตัวเอง เมื่อถึงเวลานั้นเขายิ่งไม่รู้ว่าจะอธิบายกับทุกคนยังไงท่าทีของชายคนนั้นมีความเคารพต่อหานซานเฉียนมากเป็นพิเศษ เพราะว่านี่เป็นคำสั่งของเทียนหลิงเอ๋อร์ เขาถูกสั่งห้ามให้ไม่แสดงท่าทีไม่ให้เกียรติหานซานเฉียนแม้แต่นิดเดียว แม้เจี่ยงหลานจะด่าทอเทียนหลิงเอ๋อร์ เขาก็ต้องไม่เอาความเกลียดชังที่มีส่งต่อไปยังหานซานเฉียน“คุณหานครับ คุณหนูบอกเอาไว้ว่ารถคันนี้มีแค่คุณเท่านั้นที่ขับได้ครับ” ชายคนนั้นพูดย้ำเตือนอีกครั้งหานซานเฉียนพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าพร้อมกับยิ้มเจื่อน และพูดว่า “ผมเข้าใจแล้วครับ ฝากทักทายคุณปู่แทนผมด้วย”“ได้ครับ ถ้างั้นผมขอตัวก่อน”หลังจากชายคนนั้นจากไป เจี่ยงหลานพูดขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ทำไมคนไร้ค่าอย่างแกถึงมีความสัมพันธ์กับคุณหนูตระกูลเทียนได้ล่ะ? แกมีสิทธิ์อะไรถึงได้รู้จักคนยิ่งใหญ่แบบนี้?”ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้หญิงจากคฤหาสน์จินเฉียว เจี่ยงหลานคงดูถูกหานซานเฉียนว่าเป็นคนไร้ค่าอย่างแน่นอน แต่อีกฝ่ายคือคุณหนูตระกูลเทียน สถานะของเธอเมื่อเทียบกับซู