”รถคันนี้ผมจะรับไว้ ยังไงก็ขอบคุณคุณหนูแทนผมด้วยนะครับ” หานซานเฉียนรู้ว่าถ้าไม่รับรถคันนี้ไว้ เทียนหลิงเอ๋อร์อาจมาที่นี่ด้วยตัวเอง เมื่อถึงเวลานั้นเขายิ่งไม่รู้ว่าจะอธิบายกับทุกคนยังไงท่าทีของชายคนนั้นมีความเคารพต่อหานซานเฉียนมากเป็นพิเศษ เพราะว่านี่เป็นคำสั่งของเทียนหลิงเอ๋อร์ เขาถูกสั่งห้ามให้ไม่แสดงท่าทีไม่ให้เกียรติหานซานเฉียนแม้แต่นิดเดียว แม้เจี่ยงหลานจะด่าทอเทียนหลิงเอ๋อร์ เขาก็ต้องไม่เอาความเกลียดชังที่มีส่งต่อไปยังหานซานเฉียน“คุณหานครับ คุณหนูบอกเอาไว้ว่ารถคันนี้มีแค่คุณเท่านั้นที่ขับได้ครับ” ชายคนนั้นพูดย้ำเตือนอีกครั้งหานซานเฉียนพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าพร้อมกับยิ้มเจื่อน และพูดว่า “ผมเข้าใจแล้วครับ ฝากทักทายคุณปู่แทนผมด้วย”“ได้ครับ ถ้างั้นผมขอตัวก่อน”หลังจากชายคนนั้นจากไป เจี่ยงหลานพูดขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ทำไมคนไร้ค่าอย่างแกถึงมีความสัมพันธ์กับคุณหนูตระกูลเทียนได้ล่ะ? แกมีสิทธิ์อะไรถึงได้รู้จักคนยิ่งใหญ่แบบนี้?”ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้หญิงจากคฤหาสน์จินเฉียว เจี่ยงหลานคงดูถูกหานซานเฉียนว่าเป็นคนไร้ค่าอย่างแน่นอน แต่อีกฝ่ายคือคุณหนูตระกูลเทียน สถานะของเธอเมื่อเทียบกับซู
ซูกั๋วเย่าถอนหายใจอยู่ภายในใจ หานซานเฉียนซื้อทั้งรถทั้งคฤหาสน์ ศักยภาพทางสังคมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขนาดนี้ เจี่ยงหลานไม่มีทางมองไม่เห็น เพียงแต่ในช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมา เธอจริงจังกับภาพลักษณ์คนไร้ประโยชน์ของหานซานเฉียนมากเกินไป จึงเป็นเหตุผลที่เธอตาบอดไม่เห็นความจริงอะไรในความคิดของซูกั๋วเย่า เป็นไปได้ว่าหานซานเฉียนไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ บางทีเขาอาจจะเป็นคนที่เก่งกาจมากคนหนึ่งก็ได้ เพียงแต่เขาไม่แสดงออกมาเท่านั้นเอง ไม่อย่างนั้นเทียนหลิงเอ๋อร์จะให้รถแลมโบกินี่แก่เขาทำไม?“แม่คะ ไม่ว่ายังไงหนูก็จะไม่เอาเงินของหานซานเฉียนมา” ซูหยิงเซี่ยกล่าว“ลูกมันเป็นเด็กโง่ ลูกจะต้องเสียใจภายหลังแน่ ตอนนั้นก็อย่ามาร้องไห้ต่อหน้าแม่ก็แล้วกัน” เจี่ยงหลานมองไปที่ซูหยิงเซี่ยด้วยความโกรธและเสียใจขณะเดียวกันนั้น เทียนหลิงเอ๋อร์โทรศัพท์มาหาหานซานเฉียนพอดี ชื่อสายเรียกเข้าระเบิดไร้เทียมทานที่น่ารัก หานซานเฉียนได้เปลี่ยนชื่อแล้วโดยบันทึกเป็นชื่อของเทียนหลิงเอ๋อร์โดยตรง“คุณปู่ของฉันได้ยินมาว่าคุณต้องการเชิญท่านไปทานอาหารด้วยกัน ท่านรีบตอบตกลงทันทีเลยล่ะ วันนี้ท่านยังพอมีเวลาว่าง คุณคิดว่ายังไงบ้าง?” เทียนหล
ทั้งคู่ไปซูปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อของมาทำอาหาร เทียนหลิงเอ๋อร์กระโดดโลดเต้นไปมาราวกับหมัด ดูเหมือนไม่สามารถสงบสติลงได้ชั่วครู่ แม้จะรู้สึกน่ารำคาญเล็กน้อย แต่หานซานเฉียนก็รู้สึกมหัศจรรย์ และเข้ากับเทียนหลิงเอ๋อร์ได้อย่างสบาย เขาไม่ต้องกังวลกับความรู้สึกของเทียนหลิงเอ๋อร์ในทุกด้าน และสามารถทำเรื่องทุกอย่างได้ด้วยอารมณ์ที่ไม่ต้องสนใจอะไรหลังจากซื้อของทำอาหารเสร็จแล้ว ก็กลับมายังฐานทัพลับของเทียนหลิงเอ๋อร์ เพียงไม่นาน เทียนฉางเฉิงก็มาถึง ซึ่งทำให้หานซานเฉียนรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที ถ้าเทียนฉางเฉิงไม่มาคงได้เจอกับการออดอ้อนของเทียนหลิงเอ๋อร์อีกแน่เมื่อเหลือเวลาอีกเยอะจึงไม่ต้องกังวลเรื่องการทำอาหาร เทียนฉางเฉิงจึงดึงตัวหานซานเฉียนมาเล่นหมากรุกสำหรับหานซานเฉียนแล้ว เขาไม่เก่งหมากรุกจีน เขาชอบเล่นหมากล้อมมากกว่า แต่ชายชราชอบเล่นหมากรุกจีน แต่จะให้เล่นหมากรุกสักรอบสองรอบก็คงไม่ได้เป็นปัญหาอะไรหานซานเฉียนอาศัยช่วงที่กำลังจัดกระดานไปเข้าห้องน้ำ แล้วแอบดาวน์โหลดโปรแกรมหมากรุกจีนต่อไปนี้คือฝันร้ายของเทียนฉางเฉิงแล้วเด็กคนนี้พูดอย่างชัดเจนว่าเขาเล่นหมากรุกไม่ได้ เทียนฉางเฉิงคิดว่านี่เป็
เมื่อถึงเวลาห้าโมงเย็น หานซานเฉียนเริ่มทำอาหารในครัวอย่างรวดเร็วทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เทียนฉางเฉิงดูละครไอดอลกับเทียนหลิงเอ๋อร์ และฟังเทียนหลิงเอ๋อร์อธิบายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน ทั้งยังแปลกประหลาดของตัวละครพร้อมกับเอามือแตะไปที่ริมฝีปากด้วยความประหลาดใจ“รักกันมาตั้งหลายปี นึกไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายจะกลายเป็นพี่ชายกับน้องสาว”“คนรักของเขาไม่นึกว่าจะเป็นลูกสาวนอกสมรสของพ่อ!”เทียนฉางเฉิงรู้สึกอึ้งจนพูดไม่ออก สำหรับเขาแล้วเนื้อเรื่องของละครไอดอลสามมุมมองนั้นล้มเหลว ทั้งหมด เรื่องเหล่านี้มันคืออะไรกัน?เทียนหลิงเอ๋อร์ดูละครอย่างออกรสชาติ แต่ความคิดอีกครึ่งหนึ่งของเธออยู่แต่ในห้องครัว เธอกระซิบกับปู่ของเธอว่า “คุณปู่คะ คุณปู่บอกว่าเขาอยู่ในตระกูลซู เขาทำงานซักผ้าและล้างจานเป็นเวลาสามปีจริง ๆ เหรอคะ?”“รออีกสักครู่ เดี๋ยวก็รู้แล้วว่าเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จ แต่ดมกลิ่นแล้วก็ยังดีอยู่” เทียนฉางเฉิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อดมกลิ่นอาหารที่ลอยออกมาจากห้องครัว ฝีมือไม่ได้แย่ไปกว่าเทียนหลิงเอ๋อร์แน่นอน“คุณปู่คะ ถ้าพวกเราสองคนเป็นดาบสองเล่มที่รวมเข้าด้วยกัน ภายหลั
เมื่อจะไปหาตระกูลเทียนก็จำเป็นต้องแสดงความจริงใจออกมา ยิ่งสมาชิกหลักของตระกูลซูไปที่บ้านตระกูลเทียนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องแสดงความจริงใจของตัวเองออกมามากขึ้นเท่านั้นเห็นได้ชัดว่าหานซานเฉียนนั้นไม่พร้อมด้วยคุณสมบัติทั้งมวล และหญิงชราก็ไม่เคยคิดที่จะให้หานซานเฉียนออกหน้า เขาเป็นคนไร้ค่าที่มีชื่อเสียงในเมืองหยุนเฉิง ถ้าให้ตระกูลเทียนรู้ว่าตระกูลซูส่งเขาออกหน้าแทน จะเป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะได้รับสิทธิ์เข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดด้วย“ซูอี้หาน เธอเจตนาทำให้ตระกูลซูไม่ได้รับเชิญไปงานเลี้ยงวันเกิดใช่ไหม?” หญิงชรากล่าวอย่างเย็นชาเมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าที่ภาคภูมิใจของซูอี้หานนั้นเหมือนถูกสาดด้วยน้ำเย็น เธอรีบก้มหัวลงพร้อมกับพูดว่า “ขอโทษค่ะคุณย่า หนูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” “หยิงเซี่ย งั้นเธอก็ควรไปคนเดียว ยังไงก็ตาม เธอก็เคยชินกับความอับอายมาหลายปีแล้ว เพราะแบบนี้เธอคงไม่หวาดกลัวที่จะขายหน้า ถูกไหม?” ซูไห่เฉากล่าว นับเป็นเวลาหลายปีแล้วที่ตระกูลซูถูกตระกูลเทียนมองข้าม แถมซู่ไห่เฉาก็ถูกปฏิเสธการต้อนรับมาแล้วหลายครั้ง ปีนี้เขาไม่อยากไปจริง ๆ ซึ่งเป็นที่แน่ชัดอยู่แล้วว่าจะต้องขายหน้า แ
“หานซานเฉียน ที่นี่คือสถานที่ที่ปรึกษาหารือเรื่องธุรกิจ ไม่ใช่สถานที่ที่ให้นายถือโอกาสพูดจาล้อเล่นนะ” หญิงชราพูดต่อว่าอย่างเย็นชา“คุณย่าครับ คุณย่าคิดว่าผมกำลังพูดล้อเล่น แต่ผมกำลังพูดความจริงกับคุณย่าอยู่ต่างหาก” หานซานเฉียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ฉันทนดูแกที่โง่เง่าไม่ได้แล้วจริง ๆ แกบอกว่าแกได้รับเชิญจากเทียนฉางเฉิง ทำไมแกถึงได้รับคำเชิญล่ะ?” ซูไห่เฉาพูดพร้อมกับมองไปที่หานซานเฉียนอย่างหงุดหงิด“เป็นไปได้ว่าเขาเห็นคุณค่าในตัวผม” หานซานเฉียนกล่าว“เห็นคุณค่าในตัวแกเหรอ? เห็นคุณค่าในความไม่เอาไหน และความไร้ค่าของแกใช่ไหม? คนไร้ค่าอย่างแกทำให้ฉันปวดหัวจริง ๆ แม้แต่คุยโวโอ้อวดเรียนยังไงก็ไม่จำสักที แกเป็นคนไร้ค่าถึงขีดสุดจริง ๆ” ซูไห่เฉาพูดพร้อมกับใช้มือนวดขมับด้วยอาการปวดหัวเล็กน้อย ตระกูลซูมีคนโง่เง่าแต่งงานเข้ามาในตระกูลได้อย่างไรกัน ยังดีที่คำพูดพวกนี้พูดกันเพียงแค่ภายในตระกูลซูเท่านั้น ถ้ามันแพร่กระจายออกไปข้างนอก ตระกูลซูจะต้องกลายเป็นเรื่องตลกของผู้คนทั้งเมืองหยุนเฉิงอีกครั้ง“หานซานเฉียน แกหุบปากเน่า ๆ ของแกเถอะ ฉันได้ยินที่แกพูดแล้วรู้สึกขยะแขยง แกไปหากระจกมาดูตัวเองบ้างนะ
มือของหญิงชราที่กำลังถือการ์ดเชิญอยู่นั้นสั่นเทา หลังจากที่ชายวัยกลางคนคนนั้นจากไป เธอยังคงไม่สามารถสงบอารมณ์ของตัวลงได้เมื่อคิดถึงอดีต ตระกูลซูได้แสดงความมิตรกับอีกฝ่าย แต่กลับถูกตำหนิอย่างเย็นชา และไม่เคยได้รับโอกาสให้เข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดเลยสักครั้งแต่ตอนนี้ไม่คิดเลยว่าตระกูลเทียนจะเป็นฝ่ายส่งการ์ดเชิญมาให้ สำหรับตระกูลซูแล้วนั้นเป็นการก้าวข้ามครั้งยิ่งใหญ่“ในที่สุดตระกูลซูก็หลุดพ้นจากสภาพเลวร้ายแล้ว ในที่สุดก็หลุดพ้นจากสภาพเลวร้ายแล้ว” หญิงชราพูดอย่างตื่นเต้น“คุณย่าครับ พวกเรารีบดูเงื่อนไขกันเถอะครับ” ซูไห่เฉาตื่นเต้นมากเป็นพิเศษเหมือนกัน ในฐานะที่เป็นคุณชายของตระกูลอับดับรองแห่งเมืองหยุนเฉิง เวลาที่เขาใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาอยู่ข้างนอกและได้พบกับคนจากตระกูลแนวหน้าของเหมืองหยุนเฉิงเหล่านั้น เขาจำเป็นต้องนอบน้อมถ่อมตนเสมอ แม้ว่าเขาจะได้ที่นั่งชั้นพิเศษก่อนใคร แต่ตราบใดที่คุณชายจากตระกูลแนวหน้าเหล่านั้นสั่งให้เขาไสหัวไป เขาก็ต้องยอมกล้ำกลืนความเจ็บช้ำน้ำใจนี้ไว้แต่ในเวลานี้ซูไห่เฉามองเห็นความหวังของตัวเองที่จะกลายเป็นคุณชายในตระกูลแนวหน้าของเมืองหยุนเฉิงแล้ว ภายหลังจากนี้จะย
มันจะเป็นไปได้อย่างไร? คนไร้ประโยชน์อย่างเขาน่ะหรือจะได้รับคำเชิญจากเทียนฉางเฉิง นอกจากดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกเท่านั้นแหละ พวกเขาออกจากคฤหาสน์ของตระกูลซูแล้วกลับไปที่โครงการคฤหาสน์เขาหยุนติง ที่ประตูใหญ่ รถของหานซานเฉียนกลับถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกั้นไว้ “เกิดอะไรขึ้น? คนพวกนี้ไม่รู้เหรอว่าพวกเราอาศัยอยู่คฤหาสน์บนเนินเขา?” เจี่ยงหลานบ่นด่าอยู่ในรถ รถได้รับการลงทะเบียนแล้ว ต่อให้เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนใหม่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ ฝ่ายนิติบุคคลไม่มีทางยอมให้เกิดความผิดพลาดเช่นนี้ หานซานเฉียนลงจากรถด้วยความงุนงง เห็นเทียนหลิงเอ๋อร์นั่งอยู่ในป้อมยาม เธอไม่ได้มาดีแน่ สงสัยสิ่งที่เจี่ยงหลานพูดเมื่อวานน่าจะลอยไปเข้าหูองค์หญิงท่านนี้เข้าให้แล้ว หานซานเฉียนเดินขึ้นเขาไป เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนทำตามความต้องการของเทียนหลิงเอ๋อร์ พวกเขากระชากประตูรถให้เปิดออก แล้วดึงซูกั๋วเย่ากับเจี่ยงหลานลงจากรถ “พวกคุณกำลังทำอะไรอยู่ ไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นเจ้าของคฤหาสน์บนเนินเขา?” เจี่ยงหลานพูดพร้อมกับดิ้นรนขัดขืน ซูหยิงเซี่ยรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอจึงลงจาก