เมื่อถึงเวลาห้าโมงเย็น หานซานเฉียนเริ่มทำอาหารในครัวอย่างรวดเร็วทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เทียนฉางเฉิงดูละครไอดอลกับเทียนหลิงเอ๋อร์ และฟังเทียนหลิงเอ๋อร์อธิบายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน ทั้งยังแปลกประหลาดของตัวละครพร้อมกับเอามือแตะไปที่ริมฝีปากด้วยความประหลาดใจ“รักกันมาตั้งหลายปี นึกไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายจะกลายเป็นพี่ชายกับน้องสาว”“คนรักของเขาไม่นึกว่าจะเป็นลูกสาวนอกสมรสของพ่อ!”เทียนฉางเฉิงรู้สึกอึ้งจนพูดไม่ออก สำหรับเขาแล้วเนื้อเรื่องของละครไอดอลสามมุมมองนั้นล้มเหลว ทั้งหมด เรื่องเหล่านี้มันคืออะไรกัน?เทียนหลิงเอ๋อร์ดูละครอย่างออกรสชาติ แต่ความคิดอีกครึ่งหนึ่งของเธออยู่แต่ในห้องครัว เธอกระซิบกับปู่ของเธอว่า “คุณปู่คะ คุณปู่บอกว่าเขาอยู่ในตระกูลซู เขาทำงานซักผ้าและล้างจานเป็นเวลาสามปีจริง ๆ เหรอคะ?”“รออีกสักครู่ เดี๋ยวก็รู้แล้วว่าเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จ แต่ดมกลิ่นแล้วก็ยังดีอยู่” เทียนฉางเฉิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อดมกลิ่นอาหารที่ลอยออกมาจากห้องครัว ฝีมือไม่ได้แย่ไปกว่าเทียนหลิงเอ๋อร์แน่นอน“คุณปู่คะ ถ้าพวกเราสองคนเป็นดาบสองเล่มที่รวมเข้าด้วยกัน ภายหลั
เมื่อจะไปหาตระกูลเทียนก็จำเป็นต้องแสดงความจริงใจออกมา ยิ่งสมาชิกหลักของตระกูลซูไปที่บ้านตระกูลเทียนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องแสดงความจริงใจของตัวเองออกมามากขึ้นเท่านั้นเห็นได้ชัดว่าหานซานเฉียนนั้นไม่พร้อมด้วยคุณสมบัติทั้งมวล และหญิงชราก็ไม่เคยคิดที่จะให้หานซานเฉียนออกหน้า เขาเป็นคนไร้ค่าที่มีชื่อเสียงในเมืองหยุนเฉิง ถ้าให้ตระกูลเทียนรู้ว่าตระกูลซูส่งเขาออกหน้าแทน จะเป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะได้รับสิทธิ์เข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดด้วย“ซูอี้หาน เธอเจตนาทำให้ตระกูลซูไม่ได้รับเชิญไปงานเลี้ยงวันเกิดใช่ไหม?” หญิงชรากล่าวอย่างเย็นชาเมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าที่ภาคภูมิใจของซูอี้หานนั้นเหมือนถูกสาดด้วยน้ำเย็น เธอรีบก้มหัวลงพร้อมกับพูดว่า “ขอโทษค่ะคุณย่า หนูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” “หยิงเซี่ย งั้นเธอก็ควรไปคนเดียว ยังไงก็ตาม เธอก็เคยชินกับความอับอายมาหลายปีแล้ว เพราะแบบนี้เธอคงไม่หวาดกลัวที่จะขายหน้า ถูกไหม?” ซูไห่เฉากล่าว นับเป็นเวลาหลายปีแล้วที่ตระกูลซูถูกตระกูลเทียนมองข้าม แถมซู่ไห่เฉาก็ถูกปฏิเสธการต้อนรับมาแล้วหลายครั้ง ปีนี้เขาไม่อยากไปจริง ๆ ซึ่งเป็นที่แน่ชัดอยู่แล้วว่าจะต้องขายหน้า แ
“หานซานเฉียน ที่นี่คือสถานที่ที่ปรึกษาหารือเรื่องธุรกิจ ไม่ใช่สถานที่ที่ให้นายถือโอกาสพูดจาล้อเล่นนะ” หญิงชราพูดต่อว่าอย่างเย็นชา“คุณย่าครับ คุณย่าคิดว่าผมกำลังพูดล้อเล่น แต่ผมกำลังพูดความจริงกับคุณย่าอยู่ต่างหาก” หานซานเฉียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ฉันทนดูแกที่โง่เง่าไม่ได้แล้วจริง ๆ แกบอกว่าแกได้รับเชิญจากเทียนฉางเฉิง ทำไมแกถึงได้รับคำเชิญล่ะ?” ซูไห่เฉาพูดพร้อมกับมองไปที่หานซานเฉียนอย่างหงุดหงิด“เป็นไปได้ว่าเขาเห็นคุณค่าในตัวผม” หานซานเฉียนกล่าว“เห็นคุณค่าในตัวแกเหรอ? เห็นคุณค่าในความไม่เอาไหน และความไร้ค่าของแกใช่ไหม? คนไร้ค่าอย่างแกทำให้ฉันปวดหัวจริง ๆ แม้แต่คุยโวโอ้อวดเรียนยังไงก็ไม่จำสักที แกเป็นคนไร้ค่าถึงขีดสุดจริง ๆ” ซูไห่เฉาพูดพร้อมกับใช้มือนวดขมับด้วยอาการปวดหัวเล็กน้อย ตระกูลซูมีคนโง่เง่าแต่งงานเข้ามาในตระกูลได้อย่างไรกัน ยังดีที่คำพูดพวกนี้พูดกันเพียงแค่ภายในตระกูลซูเท่านั้น ถ้ามันแพร่กระจายออกไปข้างนอก ตระกูลซูจะต้องกลายเป็นเรื่องตลกของผู้คนทั้งเมืองหยุนเฉิงอีกครั้ง“หานซานเฉียน แกหุบปากเน่า ๆ ของแกเถอะ ฉันได้ยินที่แกพูดแล้วรู้สึกขยะแขยง แกไปหากระจกมาดูตัวเองบ้างนะ
มือของหญิงชราที่กำลังถือการ์ดเชิญอยู่นั้นสั่นเทา หลังจากที่ชายวัยกลางคนคนนั้นจากไป เธอยังคงไม่สามารถสงบอารมณ์ของตัวลงได้เมื่อคิดถึงอดีต ตระกูลซูได้แสดงความมิตรกับอีกฝ่าย แต่กลับถูกตำหนิอย่างเย็นชา และไม่เคยได้รับโอกาสให้เข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดเลยสักครั้งแต่ตอนนี้ไม่คิดเลยว่าตระกูลเทียนจะเป็นฝ่ายส่งการ์ดเชิญมาให้ สำหรับตระกูลซูแล้วนั้นเป็นการก้าวข้ามครั้งยิ่งใหญ่“ในที่สุดตระกูลซูก็หลุดพ้นจากสภาพเลวร้ายแล้ว ในที่สุดก็หลุดพ้นจากสภาพเลวร้ายแล้ว” หญิงชราพูดอย่างตื่นเต้น“คุณย่าครับ พวกเรารีบดูเงื่อนไขกันเถอะครับ” ซูไห่เฉาตื่นเต้นมากเป็นพิเศษเหมือนกัน ในฐานะที่เป็นคุณชายของตระกูลอับดับรองแห่งเมืองหยุนเฉิง เวลาที่เขาใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาอยู่ข้างนอกและได้พบกับคนจากตระกูลแนวหน้าของเหมืองหยุนเฉิงเหล่านั้น เขาจำเป็นต้องนอบน้อมถ่อมตนเสมอ แม้ว่าเขาจะได้ที่นั่งชั้นพิเศษก่อนใคร แต่ตราบใดที่คุณชายจากตระกูลแนวหน้าเหล่านั้นสั่งให้เขาไสหัวไป เขาก็ต้องยอมกล้ำกลืนความเจ็บช้ำน้ำใจนี้ไว้แต่ในเวลานี้ซูไห่เฉามองเห็นความหวังของตัวเองที่จะกลายเป็นคุณชายในตระกูลแนวหน้าของเมืองหยุนเฉิงแล้ว ภายหลังจากนี้จะย
มันจะเป็นไปได้อย่างไร? คนไร้ประโยชน์อย่างเขาน่ะหรือจะได้รับคำเชิญจากเทียนฉางเฉิง นอกจากดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกเท่านั้นแหละ พวกเขาออกจากคฤหาสน์ของตระกูลซูแล้วกลับไปที่โครงการคฤหาสน์เขาหยุนติง ที่ประตูใหญ่ รถของหานซานเฉียนกลับถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกั้นไว้ “เกิดอะไรขึ้น? คนพวกนี้ไม่รู้เหรอว่าพวกเราอาศัยอยู่คฤหาสน์บนเนินเขา?” เจี่ยงหลานบ่นด่าอยู่ในรถ รถได้รับการลงทะเบียนแล้ว ต่อให้เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนใหม่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ ฝ่ายนิติบุคคลไม่มีทางยอมให้เกิดความผิดพลาดเช่นนี้ หานซานเฉียนลงจากรถด้วยความงุนงง เห็นเทียนหลิงเอ๋อร์นั่งอยู่ในป้อมยาม เธอไม่ได้มาดีแน่ สงสัยสิ่งที่เจี่ยงหลานพูดเมื่อวานน่าจะลอยไปเข้าหูองค์หญิงท่านนี้เข้าให้แล้ว หานซานเฉียนเดินขึ้นเขาไป เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนทำตามความต้องการของเทียนหลิงเอ๋อร์ พวกเขากระชากประตูรถให้เปิดออก แล้วดึงซูกั๋วเย่ากับเจี่ยงหลานลงจากรถ “พวกคุณกำลังทำอะไรอยู่ ไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นเจ้าของคฤหาสน์บนเนินเขา?” เจี่ยงหลานพูดพร้อมกับดิ้นรนขัดขืน ซูหยิงเซี่ยรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอจึงลงจาก
“ต้องแรงจนฉันพอใจ เธอจะได้ไม่ต้องทรมานมาก คุณตั้งใจดี ๆ ล่ะ” เทียนหลิงเอ๋อร์เตือนซูกั๋วเย่า เจี่ยงหลานหลับตาลง นี่เป็นครั้งแรกที่เต็มใจยอมให้ซูกั๋วเย่าทุบตีจึงพูดว่า “ซูกั๋วเย่า ถ้าคุณกล้าปล่อยให้ฉันถูกตีเป็นครั้งที่สอง ฉันจะไม่ยกโทษให้คุณ” ซูกั๋วเย่ากัดฟันกรอด หลายปีที่ผานมา ถ้าจะบอกว่าเขาไม่รู้สึกคับข้องในหัวใจเลยคงเป็นไปไม่ได้ เขาถูกผู้หญิงคนนี้กดขี่ แม้ว่าจะยอมทิ้งศักดิ์ศรีไปแล้ว แต่ไฟโทสะนั้นสั่งสมวันแล้ววันเล่าจนร้ายแรง “ผัวะ” ฝ่ามือฟาดลงบนใบหน้าของเจี่ยงหลานเสียงดังกังวาน จนเจี่ยงหลานถึงกลับล้มลงกับพื้นทั้งตัว การตบครั้งนี้เต็มไปด้วยความคับแค้นที่สั่งสมมานานหลายปีของซูกั๋วเย่า สะใจที่สุด! สะใจจนเกินจะบรรยาย ซูกั๋วเย่ารู้สึกสบายใจขึ้นมาก เจี่ยงหลานถูกตบจนรู้สึกวิงเวียน ใบหน้าแสบร้อนผะผ่าว แก้มบวมเป่งขึ้นอย่างรวดเร็ว “ไม่เลว ฉันพอใจมาก เรื่องนี้ก็ให้จบแค่นี้แล้วกัน” เทียนหลิงเอ๋อร์ปรบมือแล้วเดินจากไป หลังจากที่เจี่ยงหลานรู้สึกตัว เธอก็ลุกขึ้นยืนแล้วเตะซูกั๋วเย่าหลายครั้งพร้อมกับด่าว่า “ซูกั๋วเย่า คุณจ้องหาโอกาสแก้แค้นฉันอยู่ใช่ไหม?” “ถ้าผมไม่ตบคุณ เทียนหลิง
ห้าวันต่อมา เป็นวันสำคัญประจำปีของเมืองหยุนเฉิง เกือบจะเรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ของสังคมชั้นสูง เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของเทียนฉางเฉิง นายใหญ่แห่งตระกูลเทียน โรงแรมเพนนินซูล่าซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวที่หรูหราที่สุดในเมืองหยุนเฉิงหยุดรับแขกทั้งหมดตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว เพราะพวกเขาต้องเตรียมจัดงานวันเกิดให้เทียนฉางเฉิง ในวันเกิดวันนั้น นอกจากแขกผู้ที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดแล้ว ก็ไม่อนุญาตให้บุคคลอื่นที่ไม่มีหน้าที่ประจำปรากฏตัวขึ้น แม้แต่บริกรในโรงแรมยังได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีให้ทำงานในวันนั้น จะเห็นได้ว่าเรื่องนี้มีอิทธิพลต่อเมืองหยุนเฉิงเพียงใด รถยนต์หรูหราแล่นเข้าไปในลานจอดรถของโรงแรมคันแล้วคันเล่า คนที่ลงจากรถหน้าทางเข้าโรงแรม ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลระดับแนวหน้าของรัฐบาลและธุรกิจในเมืองหยุนเฉิง สมาชิกในตระกูลซูสิบคนถือว่าเป็นกำลังหลักในงานเลี้ยงวันเกิด ในจำนวนนั้นรวมไปถึงซูไห่เฉาและซูอี้หานด้วย ซูหยิงเซี่ยในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการทางเฉิงซีก็ย่อมไม่พลาดเช่นกัน นอกจากหญิงชราแล้ว บุคคลที่เหลืออีกหกคนก็มีซูกั๋วหลินและคนอื่น ๆ รวมอยู่ในนั้นด้วย ล้วนเป็นสมาชิก
ผู้อาวุโสท่านนี้มีชื่อว่าหวางเม่า เป็นประธานสมาคมหมากล้อมแห่งเมืองหยุนเฉิง ชายหญิงอย่างละคนเดินตามหลังต่างก็เป็นลูกศิษย์ของเขา ผู้ชายชื่อเซี่ยเฟย ผู้หญิงชื่อสวี่ฮวน เมื่อหานซานเฉียนเห็นเขาก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย หวางเม่ามีชื่อเสียงที่ดีมากในวงการหมากล้อมแห่งเมืองหยุนเฉิง เป็นผู้อาวุโสที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง แถมยังเป็นที่นับหน้าถือตาด้วย โรงเรียนหมากล้อมที่เขาก่อตั้งขึ้นนั้นมีชื่อเสียงมากในเมืองหยุนเฉิง เศรษฐีหลายคนส่งลูกเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ นอกเหนือจากการฝึกฝนหมากล้อมแล้ว ยังเป็นสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อาวุโสท่านนี้อีกด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดคนปัจจุบันเป็นหนึ่งในลูกศิษย์รุ่นแรกของเขา เมื่อพบกันต้องโค้งคำนับและเรียกอาจารย์ ด้วยความสัมพันธ์เช่นนี้ ทางโรงเรียนหมากล้อมจึงไม่ต้องกังวลเรื่องการรับสมัครนักเรียนใหม่เลย หานซานเฉียนคิดไม่ถึงว่าหวางเม่าและเทียนฉางเฉิงจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเช่นนี้ “ตาแก่ หายไปไหนมา ฉันร้อนใจแทบแย่” เทียนฉางเฉิงอดไม่ได้ที่จะเดินไปหาหวางเม่าด้วยสีหน้าไม่พอใจ หวางเม่ายิ้มแล้วพูดว่า “นายร้อนใจอะไร แก่จวนจะลงโลงอยู่แล้ว ใจเย็น ๆ” “ถุย พูดบ
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ