“ต้องแรงจนฉันพอใจ เธอจะได้ไม่ต้องทรมานมาก คุณตั้งใจดี ๆ ล่ะ” เทียนหลิงเอ๋อร์เตือนซูกั๋วเย่า เจี่ยงหลานหลับตาลง นี่เป็นครั้งแรกที่เต็มใจยอมให้ซูกั๋วเย่าทุบตีจึงพูดว่า “ซูกั๋วเย่า ถ้าคุณกล้าปล่อยให้ฉันถูกตีเป็นครั้งที่สอง ฉันจะไม่ยกโทษให้คุณ” ซูกั๋วเย่ากัดฟันกรอด หลายปีที่ผานมา ถ้าจะบอกว่าเขาไม่รู้สึกคับข้องในหัวใจเลยคงเป็นไปไม่ได้ เขาถูกผู้หญิงคนนี้กดขี่ แม้ว่าจะยอมทิ้งศักดิ์ศรีไปแล้ว แต่ไฟโทสะนั้นสั่งสมวันแล้ววันเล่าจนร้ายแรง “ผัวะ” ฝ่ามือฟาดลงบนใบหน้าของเจี่ยงหลานเสียงดังกังวาน จนเจี่ยงหลานถึงกลับล้มลงกับพื้นทั้งตัว การตบครั้งนี้เต็มไปด้วยความคับแค้นที่สั่งสมมานานหลายปีของซูกั๋วเย่า สะใจที่สุด! สะใจจนเกินจะบรรยาย ซูกั๋วเย่ารู้สึกสบายใจขึ้นมาก เจี่ยงหลานถูกตบจนรู้สึกวิงเวียน ใบหน้าแสบร้อนผะผ่าว แก้มบวมเป่งขึ้นอย่างรวดเร็ว “ไม่เลว ฉันพอใจมาก เรื่องนี้ก็ให้จบแค่นี้แล้วกัน” เทียนหลิงเอ๋อร์ปรบมือแล้วเดินจากไป หลังจากที่เจี่ยงหลานรู้สึกตัว เธอก็ลุกขึ้นยืนแล้วเตะซูกั๋วเย่าหลายครั้งพร้อมกับด่าว่า “ซูกั๋วเย่า คุณจ้องหาโอกาสแก้แค้นฉันอยู่ใช่ไหม?” “ถ้าผมไม่ตบคุณ เทียนหลิง
ห้าวันต่อมา เป็นวันสำคัญประจำปีของเมืองหยุนเฉิง เกือบจะเรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ของสังคมชั้นสูง เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของเทียนฉางเฉิง นายใหญ่แห่งตระกูลเทียน โรงแรมเพนนินซูล่าซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวที่หรูหราที่สุดในเมืองหยุนเฉิงหยุดรับแขกทั้งหมดตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว เพราะพวกเขาต้องเตรียมจัดงานวันเกิดให้เทียนฉางเฉิง ในวันเกิดวันนั้น นอกจากแขกผู้ที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดแล้ว ก็ไม่อนุญาตให้บุคคลอื่นที่ไม่มีหน้าที่ประจำปรากฏตัวขึ้น แม้แต่บริกรในโรงแรมยังได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีให้ทำงานในวันนั้น จะเห็นได้ว่าเรื่องนี้มีอิทธิพลต่อเมืองหยุนเฉิงเพียงใด รถยนต์หรูหราแล่นเข้าไปในลานจอดรถของโรงแรมคันแล้วคันเล่า คนที่ลงจากรถหน้าทางเข้าโรงแรม ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลระดับแนวหน้าของรัฐบาลและธุรกิจในเมืองหยุนเฉิง สมาชิกในตระกูลซูสิบคนถือว่าเป็นกำลังหลักในงานเลี้ยงวันเกิด ในจำนวนนั้นรวมไปถึงซูไห่เฉาและซูอี้หานด้วย ซูหยิงเซี่ยในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการทางเฉิงซีก็ย่อมไม่พลาดเช่นกัน นอกจากหญิงชราแล้ว บุคคลที่เหลืออีกหกคนก็มีซูกั๋วหลินและคนอื่น ๆ รวมอยู่ในนั้นด้วย ล้วนเป็นสมาชิก
ผู้อาวุโสท่านนี้มีชื่อว่าหวางเม่า เป็นประธานสมาคมหมากล้อมแห่งเมืองหยุนเฉิง ชายหญิงอย่างละคนเดินตามหลังต่างก็เป็นลูกศิษย์ของเขา ผู้ชายชื่อเซี่ยเฟย ผู้หญิงชื่อสวี่ฮวน เมื่อหานซานเฉียนเห็นเขาก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย หวางเม่ามีชื่อเสียงที่ดีมากในวงการหมากล้อมแห่งเมืองหยุนเฉิง เป็นผู้อาวุโสที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง แถมยังเป็นที่นับหน้าถือตาด้วย โรงเรียนหมากล้อมที่เขาก่อตั้งขึ้นนั้นมีชื่อเสียงมากในเมืองหยุนเฉิง เศรษฐีหลายคนส่งลูกเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ นอกเหนือจากการฝึกฝนหมากล้อมแล้ว ยังเป็นสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อาวุโสท่านนี้อีกด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดคนปัจจุบันเป็นหนึ่งในลูกศิษย์รุ่นแรกของเขา เมื่อพบกันต้องโค้งคำนับและเรียกอาจารย์ ด้วยความสัมพันธ์เช่นนี้ ทางโรงเรียนหมากล้อมจึงไม่ต้องกังวลเรื่องการรับสมัครนักเรียนใหม่เลย หานซานเฉียนคิดไม่ถึงว่าหวางเม่าและเทียนฉางเฉิงจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเช่นนี้ “ตาแก่ หายไปไหนมา ฉันร้อนใจแทบแย่” เทียนฉางเฉิงอดไม่ได้ที่จะเดินไปหาหวางเม่าด้วยสีหน้าไม่พอใจ หวางเม่ายิ้มแล้วพูดว่า “นายร้อนใจอะไร แก่จวนจะลงโลงอยู่แล้ว ใจเย็น ๆ” “ถุย พูดบ
ผู้ชายคนนี้ แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเมื่อเขาจริงจังขึ้นมา แต่หวางเม่าแค่ยิ้มตอบออกมาบาง ๆ สมัยนี้คนหนุ่มสาวมากมายล้วนท่าดีทีเหลว อย่างเช่นในโรงเรียนสอนหมากล้อมของเขา ทายาทเศรษฐีพวกนี้เรียนรู้อะไรไม่สำเร็จสักอย่าง ยกเว้นการควบคุมพลังรัศมีของตัวเอง ภาพลักษณ์เช่นนี้ล้วนจอมปลอม หากไม่มีความสามารถที่แท้จริง ไม่ช้าก็เร็วความจริงก็ต้องถูกเปิดเผย “อาจารย์ ฉันหิวแล้วค่ะ” สวี่ฮวนพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน เห็นได้ชัดว่าเธออยากให้หวางเม่าเอาชนะหานซานเฉียนโดยเร็ว “ได้ ๆ ๆ อาจารย์จะรีบจัดการโดยเร็วที่สุด เพื่อให้เธอได้ลงไปกินข้าว” หวางเม่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม การแข่งหมากล้อมเปรียบเสมือนการเข่นฆ่าในสนามรบ ซึ่งเป็นสิ่งที่เหยียนจุนได้เตือนสติหานซานเฉียนตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาจับหมากล้อม ดังนั้นแม้ว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าคือหวางเม่า ผู้อาวุโสที่น่านับถือในเมืองหยุนเฉิง หานซานเฉียนก็ไม่มีความคิดที่จะออมมือเลยแม้แต่น้อย ในช่วงเริ่มเปิดเกม หวางเม่าได้ลงหมากอย่างรวดเร็ว เพราะเขาไม่ได้เห็นหานซานเฉียนอยู่ในสายตาเลย ไม่ได้แสดงศักยภาพที่แท้จริงของตัวเองออกมา จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงกลางกระดาน หวางเม่าถึงตระหนัก
หวางเม่าที่เอาแต่นิ่งเงียบมาตลอด เอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “หลังรับประทานอาหาร เรามาเล่นกันอย่างจริงจังเถอะ” หวางเม่าไม่เชื่อว่าตัวเองจะแพ้ ฝีมือหมากล้อมของเขาอยู่ในระดับสูงกว่าคนมากมาย แล้วจะแพ้ให้กับคนหนุ่มคนเดียวได้อย่างไร? หานซานเฉียนไม่อาจปฏิเสธคำขอนี้ มิฉะนั้นมจะเป็นการไม่ให้เกียรติหวางเม่า ส่วนใครจะแพ้หรือใครจะชนะ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง “คุณปู่หวาง เราไปกินดื่มให้อิ่มหนำสำราญกันก่อน แล้วค่อยมาสู้กันใหม่นะครับ” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม หวางเม่าออกจากห้องไปก่อนพร้อมกับลูกศิษย์สองคน เทียนฉางเฉิงไม่ได้สนใจเรื่องอายุของตัวเองเลยว่าจะมากกว่าหานซานเฉียนหลายรอบ เขาวางมือลงบนไหล่ของหานซานเฉียนแล้วบอกว่า “พ่อหนุ่ม นายเก่งมาก ถ้าจริงจังขึ้นมา แม้แต่หวางเม่าก็ไม่ใช่คู่ต่อกร แต่ว่าเขาอาจไม่ได้เอาจริงเอาจัง เกมหลังจากนี้ นายมั่นใจแค่ไหนกัน?” “นายใหญ่ ผมจำได้ว่าเหมือนมีคนอยากจะขอฝากตัวเป็นศิษย์นะครับ” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม สีหน้าเทียนฉางเฉิงชะงักงัน เจ้าหมอนี่ยังจำเรื่องนี้ได้อยู่อีก เขาอายุขนาดนี้จะให้มาขอฝากตัวเป็นศิษย์ ถ้าพูดออกไปจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน อีกอย่าง
เขาไม่เพียงมาที่นี่เท่านั้น แต่ยังเข้ามาในงานพร้อมกับนายใหญ่ด้วย นี่เป็นการต้อนรับที่สูงส่งอะไรเช่นนี้! “เป็นไปได้ยังไง จะเป็นหานซานเฉียนไปได้ยังไง” ซูไห่เฉาหน้าเขียวอย่างไม่อยากเชื่อ เขาคิดไว้เสียดิบดีว่าจะให้หานซานเฉียนคุกเข่าต่อหน้าเขาอย่างไรดี แต่ความจริงกระตุ้นให้เขารู้สึกตัว หญิงชราสูดหายใจเข้าลึก ๆ ด้วยสีหน้าและแววตาที่เคร่งขรึมเป็นพิเศษ เธอไม่อยากรู้ว่าทำไมหานซานเฉียนถึงไปเดินอยู่เคียงข้างเทียนฉางเฉิงได้ เพราะสาเหตุนั้นไม่สำคัญเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เกียรติยศอันสูงส่งได้บังเกิดขึ้นกับหานซานเฉียนแล้วจริง ๆ “นี่มันเรื่องอะไรกัน? เจ้าคนไร้ประโยชน์หานซานเฉียน! กล้าดียังไง!” ซูอี้หานพูดอย่างไม่พอใจ แม้ว่าเธอไม่จำเป็นต้องคุกเข่าแล้วเห่าเหมือนสุนัข แต่เธอก็ไม่สามารถยอมรับได้ว่าคนไร้ประโยชน์ในสายตาของเธอตอนนี้ยืนอยู่ในจุดสูงส่งเคียงข้างเทียนฉางเฉิง ซูหยิงเซี่ยยังรู้สึกงุนงงอยู่ แม้เธอจะรู้ว่าหานซานเฉียนนั้นไม่ธรรมดา แต่เธอก็ไม่เคยคิดเลยว่า หานซานเฉียนจะมายืนอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งและโดดเด่นทัดเทียมกับเทียนฉางเฉิงเช่นนี้ เมื่อหานซานเฉียนเดินไปยังที่นั่งประธาน และนั่งลงข้าง
ซูหยิงเซี่ยรู้สึกสะอิดสะเอียนอย่างถึงขีดสุดกับคำพูดของหญิงชรา ถ้าทำให้ตระกูลซูกลายเป็นตระกูลแถวหน้าได้ ก็จะยอมรับความดีงามของหานซานเฉียนงั้นหรือ? แต่ดูเหมือนเธอจะไม่เคยคิดว่าหานซานเฉียนไม่จำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากเธอด้วยซ้ำ คนที่นั่งข้างเทียนฉางเฉิงได้ ยังจะต้องสนใจความคิดเห็นของคนอื่นอีกทำไม? หลังจากงานเลี้ยงผ่านไปครึ่งทาง เทียนหลิงเอ๋อร์ก็เดินสะบัดเปียหางม้ามาที่โต๊ะของตระกูลซู หญิงชราลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นเทียนหลิงเอ๋อร์ แต่ไม่กล้าอาศัยความเป็นอาวุโสข่มคนอื่น “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณหนูเทียน ฉันมาจากตระกูลซู...” หญิงชรายังพูดไม่ทันจบ เทียนหลิงเอ๋อร์ก็รีบตัดบทอย่างเสียมารยาท “ใครคือซูไห่เฉา ได้ยินว่ามีการแสดงให้ดูเหรอคะ?” เทียนหลิงเอ๋อร์ไม่ใช่คนไม่มีมารยาท แต่ตอนนี้เธอไม่ชอบคนตระกูลซูเลย ดังนั้นจึงไม่เห็นหญิงชราอยู่ในสายตา คนรักในฝันของเธอ ถูกครอบครัวนี้เรียกว่าคนไร้ประโยชน์ แล้วเธอจะรู้สึกดีได้อย่างไร? เมื่อได้ยินคำพูดของเทียนหลิงเอ๋อร์ สายตาของทุกคนในตระกูลซูต่างพากันจับจ้องไปที่ซูไห่เฉาอย่างช่วยไม่ได้ การแสดงที่พูดถึงนั้น น่าจะเป็นการที่ซูไห่เฉาต้องคุกเข่าเ
“คุณหนูเทียน การแสดงนี้ดีมากจริง ๆ เขาคือใครเหรอ เห่าเหมือนหมามากเลย” “ดูเหมือนเขาจะชื่อซูไห่เฉาอะไรนี่แหละ แพ้พนันคนอื่น ดังนั้นเขาจึงต้องเห่าเหมือนสุนัข” เทียนหลิงเอ๋อร์อธิบาย หลายคนในที่นี้ไม่เคยได้ยินชื่อซูไห่เฉามาก่อนเลย หลังจากถามไถ่กันสักพัก ถึงได้รู้ว่าซูไห่เฉาเป็นคนในตระกูลซูนั่นเอง สิ่งนี้ทำให้ซูไห่เฉายิ่งรู้สึกขายหน้า อย่างไรก็ตาม เขาก็เป็นทายาทตระกูลดังแถวสองในเมืองหยุนเฉิง แต่ผู้คนมากมายไม่รู้จักว่าเขาคือใคร ตระกูลซูไม่มีอิทธิพลในเมืองหยุนเฉิงขนาดนี้เลยหรือ? ตระกูลซูเป็นตระกูลที่ถือดีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงชรา เธอได้สร้างกฎเกณฑ์มากมายเพื่อให้ตระกูลซูคิดว่าตนเองเป็นตระกูลอันสูงศักดิ์ แต่ในเมืองหยุนเฉิงนั้น ก่อนที่พวกเขาจะได้ร่วมมือกับบริษัทลั่วเฉว มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้จัก การที่เรียกว่าตระกูลแถวสองก็สมควรแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชื่อของซูไห่เฉาเลย นอกจากในหมู่เพื่อนของเขาเอง แล้วก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างเลยสักนิด “คุณหนูเทียน คุณกับซูไห่เฉาไม่ค่อยลงรอยกันเหรอครับ” “พวกเราจะจำไว้ คราวหน้าถ้าเจอเจ้าหมอนี่ จะได้ไม่ไว้หน้าเขาอีก” “คุณหนูเทียนไม่ต้องก
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ