ทันทีที่ล้มตัวนอนลงบนเตียง หานซานเฉียนก็ได้ยินซูหยิงเซี่ยพูดว่า “พื้นที่ของคุณคือนอกเส้นสีแดง” ตอนแรกหานซานเฉียนยังรู้สึกงุนงง จนกระทั่งเขาเห็นด้ายสีแดงบนที่ถูกเย็บลงบนผ้าปูที่นอน จึงระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง ซูหยิงเซี่ยถึงขนาดเย็บด้ายสีแดงเอาไว้บนผ้าปูที่นอน แม้มันจะโย้ไปเย้มา แต่ก็แบ่งแยกได้อย่างชัดเจน “เมื่อไหร่ถึงจะไม่ต้องมีเส้นสีแดงล่ะ?” หานซานเฉียนถามพลางยิ้มกริ่ม “ขึ้นอยู่กับความประพฤติของคุณ” ซูหยิงเซี่ยหน้าแดงระเรื่อ เหงื่อออกเต็มฝ่ามือด้วยความตื่นเต้น แม้ว่าเธอจะนอนห้องเดียวกับหานซานเฉียนมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนได้นอนใกล้ชิดกันบนเตียงแบบนี้ สำหรับเธอนั้นคือครั้งแรก “แล้วถ้าคุณล้ำเส้นเข้ามาล่ะ?” หานซานเฉียนถาม “ฉันจะล้ำเส้นเข้าไปได้ยังไง คุณคิดมากไปแล้ว” ซูหยิงเซี่ยพูดอย่างหนักแน่น หานซานเฉียนยิ้มแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา ท่าทางการนอนของซูหยิงเซี่ยนั้นไม่สามารถควบคุมได้ ตอนนอนอยู่หัวเตียง ตื่นมาอีกทีอยู่ปลายก็มี แต่สำหรับหานซานเฉียนแล้ว ขอแค่เขาไม่ล้ำเส้นก็พอ ส่วนซูหยิงเซี่ยจะอยู่ท่าไหนหลังจากตื่นนอนนั้นเขาไม่ได้สนใจ วันถัดมา หลังจากตื
เรื่องอื่นหานซานเฉียนสามารถอดทนได้ แต่การขับรถอาจทำให้เกิดอันตราย ถ้าเขาต้องทำให้ซูหยิงเซี่ยได้รับบาดเจ็บ เขาคงจะไม่ยกโทษให้ตัวเองหานซานเฉียนรู้สึกลังเลและแสดงออกถึงความลำบากใจ ซูหยิงเซี่ยเห็นดังนั้นจึงถามด้วยความกังวลว่า “มีเรื่องอะไรที่บอกฉันไม่ได้รึเปล่า?”หานซานเฉียนตกใจเล็กน้อย กว่าความสัมพันธ์ของเขากับซูหยิงเซี่ยจะมีความคืบหน้าได้นั้นไม่ง่ายเลย หากทำให้ซูหยิงเซี่ยเข้าใจผิด ความพยายามของเขาในช่วงที่ผ่านมาก็คงจะสูญเปล่า“ที่จริงมือของผมได้รับบาดเจ็บเลยขับรถไม่ได้น่ะ” หานซานเฉียนพูดความจริงออกมา“ได้รับบาดเจ็บอย่างงั้นเหรอ?” ซูหยิงเซี่ยมองหานซานเฉียนด้วยความสงสัย เธอไม่พบว่ามือของหานซานเฉียนจะไม่เหมือนเดิมตรงไหน เมื่อครู่ตอนที่เดินจูงมือเขา ถึงแม้จะรู้สึกถึงความสั่นเทาเล็กน้อย แต่ซูหยิงเซี่ยเข้าใจผิดคิดว่าหานซานเฉียนตื่นเต้นมากเกินไปจึงมีปฏิกิริยาเช่นนั้นซะอีกซูหยิงเซี่ยดึงมือของหานซานเฉียนขึ้นมาและถามว่า “เจ็บมากไหม? บาดเจ็บมากหรือเปล่า?”“ไม่ได้ร้ายแรงมากหรอก แต่ถ้าขับรถแล้วเกิดอุบัติเหตุก็คงจะยุ่งเลย” หานซานเฉียนกล่าว“ไป ไปโรงพยาบาลกัน” ซูหยิงเซี่ยพูดกับหานซานเฉียนพร้อม
จริงด้วย เขาจะเข้าห้องน้ำอย่างไร ในเมื่อมือของเขาใช้งานไม่ได้ แล้วเขาจะถอดกางเกงอย่างไร เจ้านี่คงไม่ต้องกลั้นฉี่จนตายหรอกนะเมื่อเดินไปถึงที่กั้น เขาก็พยายามลองถอดกางเกง ทันใดนั้นหานซานเฉียนรู้สึกตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นี่มันเรื่องล้อเล่นอะไรกันเนี่ย มือนี้ทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่างเมื่อเดินออกจากห้องน้ำอย่างทำอะไรไม่ถูก หานซานเฉียนก็พบกับซูหยิงเซี่ยที่ยืนอยู่หน้าประตู ช่างน่าอับอายจริง ๆ “คุณ...เข้าห้องน้ำแล้วใช่ไหม?” ซูหยิงเซี่ยไม่กล้ามองหานซานเฉียนตรง ๆ ได้แต่มองพื้นและถามออกมา“ก็...หึ ๆ จะเข้าหรือไม่เข้าก็ไม่เป็นไรหรอก ผมยังไงไม่รีบ” หานซานเฉียนพูดด้วยความอับอายซูหยิงเซี่ยก้าวไปข้างหน้า เธอดึงมุมเสื้อของหานซานเฉียนพร้อมกับเดินไปที่ประตูห้องน้ำผู้หญิงแล้วพูดว่า “คุณรอแปปนึง”ซูหยิงเซี่ยเดินเข้าไปดูในห้องน้ำก่อน หลังจากที่มั่นใจว่าไม่มีใคร จึงเดินไปที่ประตูและพูดกับหานซานเฉียนว่า “ไม่มีคนอยู่คุณรีบเข้ามาสิ”“มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่มั้งครับ!” หานซานเฉียนยิ้มเจื่อน ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเข้าห้องน้ำผู้หญิงเลยสักครั้ง ซูหยิงเซี่ยวางป้ายทำความสะอาดที่หน้าประตูและพูดว่
ม่อหยางผู้เด็ดเดี่ยวดึงหานซานเฉียนเข้าไปในธนาคารทันที หานซานเฉียนก็มีรู้สึกสนุกสุด ๆ เขาโอนเงินสองร้อยล้านหยวนอย่างไม่สงสัยเมื่อเห็นม่อหยางบีบบัตรเอทีเอ็มในมือแน่น และมีรอยยิ้มผุดขึ้นบนหน้าอย่างห้ามไม่อยู่ หานซานเฉียนก็รู้สึกพูดไม่ออกเขาเคยเป็นถึงพี่ใหญ่แห่งเมืองหยุนเฉิง ทำไมดูเหมือนคนที่ไม่เคยเห็นโลกกว้างไปได้“ม่อหยาง ฉันสงสัยว่าเมื่อก่อนนายมีชื่อเสียงจอมปลอมรึเปล่า ถึงได้มีความสุขกับเงินเล็กน้อยแค่นี้?” หานซานเฉียนเอ่ยม่อหยางส่งเสียงจิ๊ปากออกมา และพูดสบประมาทว่า “เศรษฐีแบบนายจะรู้ถึงความทุกข์ทรมานของชาวบ้านได้ยังไง นายรู้ไหมว่ามีกี่คนที่ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยเห็นเงินสองร้อยล้านหยวน ถ้านายไม่ได้อยู่ในสถานการณ์นั้นก็คงไม่เข้าใจหรอก”ม่อหยางพูดอย่างมีเหตุผล จนหานซานเฉียนไม่สามารถโต้แย้งได้“อ้อใช่ ฉันได้ยินมาว่าเย่เฟยส่งคนมาสืบนาย ช่วงนี้นายก็อยู่อย่างเงียบ ๆ หน่อยแล้วกัน เพราะคนอย่างเย่เฟย ถ้าหากโดนเขาตามหาจนเจอแล้วนายไม่ยอมช่วยงานเขา ก็มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะฆ่านายอย่างแน่นอน” ม่อหยางพูดเตือนออกมา“ไม่ต้องห่วงหรอก เขาสืบไม่ถึงตัวฉันแน่” หานซานเฉียนพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา“ทำไม
หลังเลิกงานซูหยิงเซี่ยขับรถพาหานซานเฉียนไปที่คฤหาสน์ตระกูลซูวันนี้หญิงชรานั่งรออยู่ห้องรับแขกเป็นเวลานานแล้ว โดยไม่มีการสร้างภาพโอ้อวดอย่างเช่นเมื่อก่อนหลังจากที่บรรดาญาติ ๆ ตระกูลซูรวมตัวกันครบแล้วหญิงชราก็พูดขึ้นมาว่า “ตอนนี้บริษัทเราต้องรับมือกับโครงการเฉิงซี ทำให้บัญชีการเงินนั้นว่างเปล่าแล้ว วันนี้ที่ฉันเรียกทุกคนมาที่นี่ก็เพื่อให้พวกเธอช่วยกันวางแผนว่าตระกูลซูจะทำยังไงต่อ”เมื่อพูดเกี่ยวกับเรื่องเงิน ญาติ ๆ ตระกูลซูต่างพากันเงียบกริบ สำหรับพวกเขาที่หาแต่ผลประโยชน์ในบริษัทนั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะควักเงินในกระเป๋าของตัวเองออกมาให้บริษัท“คุณย่าครับ ถ้าจะรับมือกับโครงการเฉิงซี คงต้องกู้เงินกับธนาคารเท่านั้นครับ” ซูไห่เฉาพูดขึ้นมาหญิงชราส่ายหัวและพูดว่า “ฉันลองไปคุยกับทางธนาคารแล้ว แต่ว่าไม่มีธนาคารไหนยินดีให้เรากู้เงินเลย ฉันสงสัยว่ามีคนคอยขัดขวางเราอยู่”โครงการเฉิงซีคือเนื้อติดมันชิ้นใหญ่ ในเมืองหยุนเฉิงนั้นมีอีกหลายตระกูลที่มีคุณสมบัติดีพอที่จะร่วมมือกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวมากกว่าตระกูลซู จึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีใครบางคนจงใจขัดขวาง การแข่งขันทางธุรกิจมีคนคู
เมื่อทุกคนต่างพากันจ้องไปที่ซูหยิงเซี่ย เธอก็รู้สึกโกรธจนเป็นฟืนเป็นไฟ ทันใดนั้นเองหานซานเฉียนได้กระซิบที่ข้างหูของเธอซูหยิงเซี่ยมองหานซานเฉียนด้วยความตกใจและส่ายหน้าทันที ตอนนี้ทุกคนต่างโยนความรับผิดชอบมาให้เธอ ถ้าเธอไม่รีบโต้แย้ง ก็เท่ากับเปิดโอกาสพวกเขาไม่ใช่หรือไง?หานซานเฉียนยิ้มพร้อมพยักหน้าและพูดว่า “เชื่อผมสิ”ซูหยิงเซี่ยตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ทุกครั้งที่หานซานเฉียนพูดสามคำนี้ เธอเลือกที่จะเชื่ออย่างไม่ลังเล และมันก็ได้เปลี่ยนเป็นการพึ่งพาเขาไปแล้ว“คุณย่าคะ หนูสามารถคิดวิธีที่จะทำให้ธนาคารยอมให้เรากู้เงินได้ค่ะ” ซูหยิงเซี่ยลุกขึ้นยืนก่อนจะพูดขึ้นทันทีที่เธอพูดจบ ซูไห่เฉาก็ยิ้มเยาะ แม้แต่หญิงชราก็ยังหาที่กู้เงินไม่ได้ แล้วซูหยิงเซี่ยจะทำได้อย่างไร“เธออย่าพูดไม่คิด คุณย่ายังทำไม่ได้ แล้วเธอจะทำได้ยังไงกัน?” ซูไห่เฉากล่าว“ไห่เฉา ในเมื่อเธอต้องการโม้ งั้นก็ปล่อยให้เธอโม้ต่อเถอะ แต่พวกเราต้องตกลงกันก่อนว่าถ้าเธอทำไม่สำเร็จแล้วจะทำยังไง?”“ถ้าฉันทำไม่ได้ ฉันจะขายคฤหาสน์ใจกลางภูเขาโดยไม่บ่นเลยสักคำ แต่ว่าถ้าฉันทำได้ ฉันก็มีเงื่อนไขอยู่หนึ่งอย่าง” ซูหยิงเซี่ยกล่าว“เงื่อนไขอ
ทุกคนต่างพากันหันไปตามเสียงนั้น.และคาดไม่ถึงว่าจะเป็นหานซานเฉียนที่พูดออกมา“หานซานเฉียน ที่นี่มีสิทธิ์ให้แกพูดด้วยเหรอ? แกนี่พูดโอ้อวดเกินจริงไม่ดูสภาพอากาศเลยนะ ไม่กลัวถูกฟ้าผ่าเลยหรือไง?” ซูไห่เฉาพูดเยาะเย้ยไม่ใช่แค่บรรดาญาติของตระกูลซูที่ไม่เชื่อเท่านั้น หญิงชราเองก็ไม่เชื่อเช่นกัน เงินกู้จำนวนหนึ่งพันล้านหยวน ตระกูลซูจะมีสิทธิ์ได้รับเงินนั้นได้อย่างไร“หานซานเฉียน แกหุบปากซะ ที่นี่แกไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น” หญิงชราพูดอย่างไม่พอใจ เขาช่างอวดดี หยิ่งผยอง และพูดจาโอ้อวดเกินไปจริง ๆซูหยิงเซี่ยเหลือบมองหานซานเฉียนและพูดกับหญิงชราว่า “คุณย่าคะ เขาไม่ได้พูดเล่นค่ะ หนูสามารถกู้เงินได้หนึ่งพันล้านหยวน แต่เงื่อนไขก็คือสิทธิ์ในการควบคุมการเงินค่ะ”เมื่อหญิงชราเห็นว่าซูหยิงเซี่ยพูดจาเด็ดขาดเช่นนี้ ก็ทนไม่ได้ที่จะหายใจถี่ขึ้นมา ถ้าหากเงินกู้หนึ่งพันล้านหยวนมาอยู่ในมือ เธอก็ไม่ต้องกังวลกับสถานภาพทางการเงินของบริษัทอีกต่อไป“ถ้าเธอสามารถกู้เงินนั้นมาได้จริง ฉันก็ตกลง” หญิงชรากล่าวเมื่อได้ยินหญิงชราพูดดังนั้น ทั้งซูไห่เฉาและซูอี้หานต่างก็ไม่กล้าโต้แย้ง เพราะถ้าซูหยิงเซี่ยสามารถทำได้จ
“อะ...อะไรนะ! คุณพูดว่า...เท่าไหร่นะ” ตู้หงที่อยู่ปลายสายนั้นมีสีหน้าตกใจมาก จนรีบผลักหญิงสาวร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดออกไป“พี่ตู้ มากกว่าหมื่นล้านหยวนค่ะ” ผู้จัดการพูดย้ำอีกทีฮึ่ย!ตู้หงหายใจเข้าลึก ถึงแม้ว่าเขาจะรับปากกับบริษัทบางแห่งแล้วว่าจะไม่ให้ตระกูลซูกู้เงิน แถมยังได้รับผลประโยชน์บางอย่างมาแล้วด้วย แต่ว่าลูกค้าที่มีเงินฝากมากกว่าหมื่นล้านหยวนไม่ใช่คนที่เขาจะกล้ามีปัญหาด้วยได้ง่าย ๆหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตู้หงก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงถามกลับไปว่า “คนรวยขนาดนั้น ทำไมถึงยอมค้ำประกันเงินกู้ให้ตระกูลซูล่ะ?”“พี่ตู้ ฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่เขาบอกว่าวันพรุ่งนี้เจอกัน ถ้าหากพี่ไม่ปรากฏตัว ฉันกังวลว่าเขาจะโอนทรัพย์สินไปที่อื่นจริง ๆ ค่ะ” ผู้จัดการพูดอย่างเป็นกังวลเรื่องนี้มีความร้ายแรงเพียงใดตู้หงรู้ดีแก่ใจ แม้ว่าเขาจะต้องคืนเงินใต้โต๊ะทั้งหมดที่ได้รับก่อนหน้านี้ เขาก็คงแค่ต้องแบกรับความเจ็บปวดและหลั่งเลือดเท่านั้น ไม่อย่างนั้นหากผู้บังคับบัญชาจะสั่งให้ลูกน้องอย่างเขารับผิดชอบกับผลที่ตามมา แม้แต่ตำแหน่งของเขาในฐานะผู้อำนวยการธนาคารก็คงรับผิดชอบไม่ไหวอย่างแน่นอน