เดิมทีเตาสือเอ้อร์นึกว่าตัวเองจะรับมือหานซานเฉียนได้อย่างไม่มีปัญหา แต่เมื่อโดนพลังนั้นโจมตีเข้าจริง ๆ สีหน้าของเตาสือเอ้อร์ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เพราะมันแข็งแกร่งกว่าที่เขาจินตนาการไว้! หานซานเฉียนถีบออกไปอีกครั้ง ในขณะที่ตัวกำลังตกลงมาเตาสือเอ้อร์ถอยกรูออกไปสามก้าว แล้วยืนตะลึงงันอยู่กับที่! ทั้งสนามมวยตกอยู่ในความเงียบ เมื่อนักมวยคนอื่น ๆ เห็นฉากนี้ พวกเขาต่างพากันเบิกตากว้างราวกับเห็นผี ทุกคนแทบไม่อยากจะเชื่อ บังคับให้เตาสือเอ้อร์ถอย! คนคนนี้บังคับให้เตาเสืเอ้อร์ถอยได้จริง ๆ เตาสือเอ้อร์ผู้แข็งแกร่ง แม้ว่าเขาไม่ได้แพ้ แต่เขาก็ถอยหลังไปสามก้าวติด นั่นก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่ดี เมื่อหานซานเฉียนตกลงมาถึงพื้นก็เกิดเสียงกระแทกดังลั่น “ยังจำสิ่งที่นายพูดไว้ได้ไหม?” หานซานเฉียนพูดนิ่ง ๆ เตาสือเอ้อร์เคยบอกว่า ถ้าทำให้เขาถอยได้หนึ่งก้าว เขาจะยอมแพ้ แต่ตอนนี้เขาถอยไปตั้งสามก้าว เขาเดินลงจากเวทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ ก่อนจะพูดกับกรรมการว่า “เงินสำหรับการแข่งขันรอบนี้ ฉันไม่เอาแล้ว” กรรมการหน้าซีดเผือด เรื่องนี้ต้องไปถึงหูเย่เฟยแน่ และเขาจะต้องรับผิดชอบทั้งหมด หานซานเ
ทันทีที่ล้มตัวนอนลงบนเตียง หานซานเฉียนก็ได้ยินซูหยิงเซี่ยพูดว่า “พื้นที่ของคุณคือนอกเส้นสีแดง” ตอนแรกหานซานเฉียนยังรู้สึกงุนงง จนกระทั่งเขาเห็นด้ายสีแดงบนที่ถูกเย็บลงบนผ้าปูที่นอน จึงระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง ซูหยิงเซี่ยถึงขนาดเย็บด้ายสีแดงเอาไว้บนผ้าปูที่นอน แม้มันจะโย้ไปเย้มา แต่ก็แบ่งแยกได้อย่างชัดเจน “เมื่อไหร่ถึงจะไม่ต้องมีเส้นสีแดงล่ะ?” หานซานเฉียนถามพลางยิ้มกริ่ม “ขึ้นอยู่กับความประพฤติของคุณ” ซูหยิงเซี่ยหน้าแดงระเรื่อ เหงื่อออกเต็มฝ่ามือด้วยความตื่นเต้น แม้ว่าเธอจะนอนห้องเดียวกับหานซานเฉียนมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนได้นอนใกล้ชิดกันบนเตียงแบบนี้ สำหรับเธอนั้นคือครั้งแรก “แล้วถ้าคุณล้ำเส้นเข้ามาล่ะ?” หานซานเฉียนถาม “ฉันจะล้ำเส้นเข้าไปได้ยังไง คุณคิดมากไปแล้ว” ซูหยิงเซี่ยพูดอย่างหนักแน่น หานซานเฉียนยิ้มแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา ท่าทางการนอนของซูหยิงเซี่ยนั้นไม่สามารถควบคุมได้ ตอนนอนอยู่หัวเตียง ตื่นมาอีกทีอยู่ปลายก็มี แต่สำหรับหานซานเฉียนแล้ว ขอแค่เขาไม่ล้ำเส้นก็พอ ส่วนซูหยิงเซี่ยจะอยู่ท่าไหนหลังจากตื่นนอนนั้นเขาไม่ได้สนใจ วันถัดมา หลังจากตื
เรื่องอื่นหานซานเฉียนสามารถอดทนได้ แต่การขับรถอาจทำให้เกิดอันตราย ถ้าเขาต้องทำให้ซูหยิงเซี่ยได้รับบาดเจ็บ เขาคงจะไม่ยกโทษให้ตัวเองหานซานเฉียนรู้สึกลังเลและแสดงออกถึงความลำบากใจ ซูหยิงเซี่ยเห็นดังนั้นจึงถามด้วยความกังวลว่า “มีเรื่องอะไรที่บอกฉันไม่ได้รึเปล่า?”หานซานเฉียนตกใจเล็กน้อย กว่าความสัมพันธ์ของเขากับซูหยิงเซี่ยจะมีความคืบหน้าได้นั้นไม่ง่ายเลย หากทำให้ซูหยิงเซี่ยเข้าใจผิด ความพยายามของเขาในช่วงที่ผ่านมาก็คงจะสูญเปล่า“ที่จริงมือของผมได้รับบาดเจ็บเลยขับรถไม่ได้น่ะ” หานซานเฉียนพูดความจริงออกมา“ได้รับบาดเจ็บอย่างงั้นเหรอ?” ซูหยิงเซี่ยมองหานซานเฉียนด้วยความสงสัย เธอไม่พบว่ามือของหานซานเฉียนจะไม่เหมือนเดิมตรงไหน เมื่อครู่ตอนที่เดินจูงมือเขา ถึงแม้จะรู้สึกถึงความสั่นเทาเล็กน้อย แต่ซูหยิงเซี่ยเข้าใจผิดคิดว่าหานซานเฉียนตื่นเต้นมากเกินไปจึงมีปฏิกิริยาเช่นนั้นซะอีกซูหยิงเซี่ยดึงมือของหานซานเฉียนขึ้นมาและถามว่า “เจ็บมากไหม? บาดเจ็บมากหรือเปล่า?”“ไม่ได้ร้ายแรงมากหรอก แต่ถ้าขับรถแล้วเกิดอุบัติเหตุก็คงจะยุ่งเลย” หานซานเฉียนกล่าว“ไป ไปโรงพยาบาลกัน” ซูหยิงเซี่ยพูดกับหานซานเฉียนพร้อม
จริงด้วย เขาจะเข้าห้องน้ำอย่างไร ในเมื่อมือของเขาใช้งานไม่ได้ แล้วเขาจะถอดกางเกงอย่างไร เจ้านี่คงไม่ต้องกลั้นฉี่จนตายหรอกนะเมื่อเดินไปถึงที่กั้น เขาก็พยายามลองถอดกางเกง ทันใดนั้นหานซานเฉียนรู้สึกตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นี่มันเรื่องล้อเล่นอะไรกันเนี่ย มือนี้ทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่างเมื่อเดินออกจากห้องน้ำอย่างทำอะไรไม่ถูก หานซานเฉียนก็พบกับซูหยิงเซี่ยที่ยืนอยู่หน้าประตู ช่างน่าอับอายจริง ๆ “คุณ...เข้าห้องน้ำแล้วใช่ไหม?” ซูหยิงเซี่ยไม่กล้ามองหานซานเฉียนตรง ๆ ได้แต่มองพื้นและถามออกมา“ก็...หึ ๆ จะเข้าหรือไม่เข้าก็ไม่เป็นไรหรอก ผมยังไงไม่รีบ” หานซานเฉียนพูดด้วยความอับอายซูหยิงเซี่ยก้าวไปข้างหน้า เธอดึงมุมเสื้อของหานซานเฉียนพร้อมกับเดินไปที่ประตูห้องน้ำผู้หญิงแล้วพูดว่า “คุณรอแปปนึง”ซูหยิงเซี่ยเดินเข้าไปดูในห้องน้ำก่อน หลังจากที่มั่นใจว่าไม่มีใคร จึงเดินไปที่ประตูและพูดกับหานซานเฉียนว่า “ไม่มีคนอยู่คุณรีบเข้ามาสิ”“มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่มั้งครับ!” หานซานเฉียนยิ้มเจื่อน ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเข้าห้องน้ำผู้หญิงเลยสักครั้ง ซูหยิงเซี่ยวางป้ายทำความสะอาดที่หน้าประตูและพูดว่
ม่อหยางผู้เด็ดเดี่ยวดึงหานซานเฉียนเข้าไปในธนาคารทันที หานซานเฉียนก็มีรู้สึกสนุกสุด ๆ เขาโอนเงินสองร้อยล้านหยวนอย่างไม่สงสัยเมื่อเห็นม่อหยางบีบบัตรเอทีเอ็มในมือแน่น และมีรอยยิ้มผุดขึ้นบนหน้าอย่างห้ามไม่อยู่ หานซานเฉียนก็รู้สึกพูดไม่ออกเขาเคยเป็นถึงพี่ใหญ่แห่งเมืองหยุนเฉิง ทำไมดูเหมือนคนที่ไม่เคยเห็นโลกกว้างไปได้“ม่อหยาง ฉันสงสัยว่าเมื่อก่อนนายมีชื่อเสียงจอมปลอมรึเปล่า ถึงได้มีความสุขกับเงินเล็กน้อยแค่นี้?” หานซานเฉียนเอ่ยม่อหยางส่งเสียงจิ๊ปากออกมา และพูดสบประมาทว่า “เศรษฐีแบบนายจะรู้ถึงความทุกข์ทรมานของชาวบ้านได้ยังไง นายรู้ไหมว่ามีกี่คนที่ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยเห็นเงินสองร้อยล้านหยวน ถ้านายไม่ได้อยู่ในสถานการณ์นั้นก็คงไม่เข้าใจหรอก”ม่อหยางพูดอย่างมีเหตุผล จนหานซานเฉียนไม่สามารถโต้แย้งได้“อ้อใช่ ฉันได้ยินมาว่าเย่เฟยส่งคนมาสืบนาย ช่วงนี้นายก็อยู่อย่างเงียบ ๆ หน่อยแล้วกัน เพราะคนอย่างเย่เฟย ถ้าหากโดนเขาตามหาจนเจอแล้วนายไม่ยอมช่วยงานเขา ก็มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะฆ่านายอย่างแน่นอน” ม่อหยางพูดเตือนออกมา“ไม่ต้องห่วงหรอก เขาสืบไม่ถึงตัวฉันแน่” หานซานเฉียนพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา“ทำไม
หลังเลิกงานซูหยิงเซี่ยขับรถพาหานซานเฉียนไปที่คฤหาสน์ตระกูลซูวันนี้หญิงชรานั่งรออยู่ห้องรับแขกเป็นเวลานานแล้ว โดยไม่มีการสร้างภาพโอ้อวดอย่างเช่นเมื่อก่อนหลังจากที่บรรดาญาติ ๆ ตระกูลซูรวมตัวกันครบแล้วหญิงชราก็พูดขึ้นมาว่า “ตอนนี้บริษัทเราต้องรับมือกับโครงการเฉิงซี ทำให้บัญชีการเงินนั้นว่างเปล่าแล้ว วันนี้ที่ฉันเรียกทุกคนมาที่นี่ก็เพื่อให้พวกเธอช่วยกันวางแผนว่าตระกูลซูจะทำยังไงต่อ”เมื่อพูดเกี่ยวกับเรื่องเงิน ญาติ ๆ ตระกูลซูต่างพากันเงียบกริบ สำหรับพวกเขาที่หาแต่ผลประโยชน์ในบริษัทนั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะควักเงินในกระเป๋าของตัวเองออกมาให้บริษัท“คุณย่าครับ ถ้าจะรับมือกับโครงการเฉิงซี คงต้องกู้เงินกับธนาคารเท่านั้นครับ” ซูไห่เฉาพูดขึ้นมาหญิงชราส่ายหัวและพูดว่า “ฉันลองไปคุยกับทางธนาคารแล้ว แต่ว่าไม่มีธนาคารไหนยินดีให้เรากู้เงินเลย ฉันสงสัยว่ามีคนคอยขัดขวางเราอยู่”โครงการเฉิงซีคือเนื้อติดมันชิ้นใหญ่ ในเมืองหยุนเฉิงนั้นมีอีกหลายตระกูลที่มีคุณสมบัติดีพอที่จะร่วมมือกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวมากกว่าตระกูลซู จึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีใครบางคนจงใจขัดขวาง การแข่งขันทางธุรกิจมีคนคู
เมื่อทุกคนต่างพากันจ้องไปที่ซูหยิงเซี่ย เธอก็รู้สึกโกรธจนเป็นฟืนเป็นไฟ ทันใดนั้นเองหานซานเฉียนได้กระซิบที่ข้างหูของเธอซูหยิงเซี่ยมองหานซานเฉียนด้วยความตกใจและส่ายหน้าทันที ตอนนี้ทุกคนต่างโยนความรับผิดชอบมาให้เธอ ถ้าเธอไม่รีบโต้แย้ง ก็เท่ากับเปิดโอกาสพวกเขาไม่ใช่หรือไง?หานซานเฉียนยิ้มพร้อมพยักหน้าและพูดว่า “เชื่อผมสิ”ซูหยิงเซี่ยตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ทุกครั้งที่หานซานเฉียนพูดสามคำนี้ เธอเลือกที่จะเชื่ออย่างไม่ลังเล และมันก็ได้เปลี่ยนเป็นการพึ่งพาเขาไปแล้ว“คุณย่าคะ หนูสามารถคิดวิธีที่จะทำให้ธนาคารยอมให้เรากู้เงินได้ค่ะ” ซูหยิงเซี่ยลุกขึ้นยืนก่อนจะพูดขึ้นทันทีที่เธอพูดจบ ซูไห่เฉาก็ยิ้มเยาะ แม้แต่หญิงชราก็ยังหาที่กู้เงินไม่ได้ แล้วซูหยิงเซี่ยจะทำได้อย่างไร“เธออย่าพูดไม่คิด คุณย่ายังทำไม่ได้ แล้วเธอจะทำได้ยังไงกัน?” ซูไห่เฉากล่าว“ไห่เฉา ในเมื่อเธอต้องการโม้ งั้นก็ปล่อยให้เธอโม้ต่อเถอะ แต่พวกเราต้องตกลงกันก่อนว่าถ้าเธอทำไม่สำเร็จแล้วจะทำยังไง?”“ถ้าฉันทำไม่ได้ ฉันจะขายคฤหาสน์ใจกลางภูเขาโดยไม่บ่นเลยสักคำ แต่ว่าถ้าฉันทำได้ ฉันก็มีเงื่อนไขอยู่หนึ่งอย่าง” ซูหยิงเซี่ยกล่าว“เงื่อนไขอ
ทุกคนต่างพากันหันไปตามเสียงนั้น.และคาดไม่ถึงว่าจะเป็นหานซานเฉียนที่พูดออกมา“หานซานเฉียน ที่นี่มีสิทธิ์ให้แกพูดด้วยเหรอ? แกนี่พูดโอ้อวดเกินจริงไม่ดูสภาพอากาศเลยนะ ไม่กลัวถูกฟ้าผ่าเลยหรือไง?” ซูไห่เฉาพูดเยาะเย้ยไม่ใช่แค่บรรดาญาติของตระกูลซูที่ไม่เชื่อเท่านั้น หญิงชราเองก็ไม่เชื่อเช่นกัน เงินกู้จำนวนหนึ่งพันล้านหยวน ตระกูลซูจะมีสิทธิ์ได้รับเงินนั้นได้อย่างไร“หานซานเฉียน แกหุบปากซะ ที่นี่แกไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น” หญิงชราพูดอย่างไม่พอใจ เขาช่างอวดดี หยิ่งผยอง และพูดจาโอ้อวดเกินไปจริง ๆซูหยิงเซี่ยเหลือบมองหานซานเฉียนและพูดกับหญิงชราว่า “คุณย่าคะ เขาไม่ได้พูดเล่นค่ะ หนูสามารถกู้เงินได้หนึ่งพันล้านหยวน แต่เงื่อนไขก็คือสิทธิ์ในการควบคุมการเงินค่ะ”เมื่อหญิงชราเห็นว่าซูหยิงเซี่ยพูดจาเด็ดขาดเช่นนี้ ก็ทนไม่ได้ที่จะหายใจถี่ขึ้นมา ถ้าหากเงินกู้หนึ่งพันล้านหยวนมาอยู่ในมือ เธอก็ไม่ต้องกังวลกับสถานภาพทางการเงินของบริษัทอีกต่อไป“ถ้าเธอสามารถกู้เงินนั้นมาได้จริง ฉันก็ตกลง” หญิงชรากล่าวเมื่อได้ยินหญิงชราพูดดังนั้น ทั้งซูไห่เฉาและซูอี้หานต่างก็ไม่กล้าโต้แย้ง เพราะถ้าซูหยิงเซี่ยสามารถทำได้จ
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ