คำพูดของซูหยิงเซี่ยทำให้หญิงชราตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมทั้งขมวดคิ้วผู้หญิงคนนี้คือซู่หยิงเซี่ยเนี่ยนะ จะเป็นไปได้ยังไง?วันนี้เป็นงานเลี้ยงหนึ่งร้อยวันของหานเนี่ยน ทุกคนในตระกูลหานอยู่ที่คฤหาสน์ปี้เฟิง ซูหยิงเซี่ยตัวจริงจะมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไรสัญชาตญาณแรกของหญิงชราบอกเธอว่า ผู้หญิงตรงหน้าจงใจใช้ชื่อของซูหยิงเซี่ยมาขู่ให้เธอกลัว“ยัยจิ้งจอก เธอนี่ไม่เจียมตัวเอาซะเลย คนอย่างเธอเนี่ยนะจะเป็นซูหยิงเซี่ย ล้อเล่นอยู่หรือไง” หญิงชราพูดอย่างดูถูกพูดจบเธอก็มองไปที่หานซานเฉียน เห็นได้ชัดว่าสองคนนี้มาด้วยกัน หญิงชราอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วพูดต่อ "ถ้าเธอคือซูหยิงเซี่ย งั้นเขาก็คือหานซานเฉียนงั้นเหรอ"หานซานเฉียนพยักหน้าและกล่าวว่า "หญิงชรา คุณเดาถูกแล้ว ผมคือหานซานเฉียน"หญิงชรายิ้ม สองคนนี้บ้าไปแล้วเหรอ พวกเขากล้าแกล้งเป็นหานซานเฉียนกับซูหยิงเซี่ย ที่นี่คือหยุนเฉิงนะ ถ้าหานซานเฉียนตัวจริงรู้เรื่องนี้ พวกเขาจะมีชีวิตรอดอยู่ไหม?“พวกเธอคุยโวกันไปเถอะ ฉันไม่อยากจะเสียเวลากับพวกเธอแล้ว เสียเวลาลงทะเบียนของฉันหมด” พูดจบ หญิงชราก็ผลักซูหยิงเซี่ยออกไปอย่างแรงแม้ว่าเธอจะอายุมาก แต่ควา
แม้ว่าเขาจะลังเลใจมากที่จะออกจากงานเลี้ยง และไม่อยากพลาดโอกาสครั้งนี้ แต่หลิวอี้ก็ไม่สามารถละทิ้งแม่ที่บ้านได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่กลับไปก่อนเวลาอย่างไม่เต็มใจเท่านั้นหลิวอี้รู้ว่าเขาพลาดโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิต และโอกาสนี้มันอาจจะไม่เกิดขึ้นกับเขาอีกเลยเมื่อเขากลับมาถึงบ้านและเห็นแม่ที่ตื่นตระหนก หลิวอี้ก็รีบนั่งลงข้าง ๆ เธอแล้วปลอบเธอว่า "แม่ครับ ไม่ต้องกลัว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมอยู่ตรงนี้เสมอ"หญิงชราส่ายหัว ดวงตาเต็มไปด้วยความกลัว ปกติแล้วเธอเป็นคนไร้เหตุผลมาก เป็นเรื่องปกติที่เธอจะทะเลาะกับคนอื่น ๆ ในชุมชน แม้แต่เพื่อนบ้านที่อยู่ชั้นเดียวกันก็ยังมีความสัมพันธ์ที่แย่มาก จนไม่เต็มใจที่จะขึ้นลิฟต์ตัวเดียวกับเธอด้วยซ้ำ จากจุดนี้จะเห็นได้ว่าไม่มีใครชื่นชอบหญิงชราคนนี้เลยแต่หญิงชรากลับไม่รู้ตัว เพราะเธอมีหลิวอี้มาคอยช่วยแก้ปัญหาทุกครั้งจนเธอเคยชินกับมันแต่คราวนี้ หญิงชรารู้ดีว่าความไร้เหตุผลของเธอก่อให้เกิดปัญหามากมายเพียงใด หลิวอี้อาจแก้ปัญหาอื่นได้ แต่การที่ทำให้หานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยขุ่นเคืองนั้นมันเกินความสามารถของหลิวอี้มาก“แม่ไปทะเลาะกับเจ้าของคนอื่นในชุมชนอีกแล้วเห
เมื่อมองไปทางด้านหลังของหานซานเฉียนที่จากไป อี้เหล่าก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ในเทียนฉีไม่มีใครกล้าปฏิบัติต่อเขาด้วยท่าทีเช่นนี้ และหากยังไม่ได้รับสัญญาณจากเขา ใครจะกล้าเดินออกไปด้วยท่าทางแบบนี้ต่อหน้าเขากันแต่อี้เหล่ารู้สึกไร้พลัง เมื่อเผชิญหน้ากับหานซานเฉียน เขารู้ว่าการข่มขู่หานซานเฉียนด้วยวิธีการพิเศษนั้นไม่มีประโยชน์ อีกอย่างหานซานเฉียนมีความสำคัญต่อเทียนฉีเป็นอย่างมาก แม้แต่อี้เหล่าก็ยังไม่เต็มใจที่จะใช้อำนาจของตัวเองมาข่มขู่เขาจุดนี้ฟางจ้านเองก็สัมผัสได้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงประหลาดใจมากกับสถานะของหานซานเฉียน หากเป็นใครในเทียนฉี เขาคงถูกซื่อเหมินลงโทษไปแล้ว“อี้เหล่า ถ้าคุณยอมเขาแบบนี้ มันจะทำให้เขาหยิ่งผยองมากขึ้น และไม่สนใจเทียนฉีเลยหรือเปล่าครับ” ฟางจ้านพูดกับอี้เหล่าอี้เหล่าส่ายหัวแล้วพูดว่า "ถ้านายรู้จักชีวิตของเขา นายก็จะรู้ว่าเขาไม่ใช่คนแบบนั้น ตรงกันข้าม ยิ่งกดเขามากเท่าไรก็จะยิ่งปลุกเร้าความต่อต้านจากเขามากขึ้นเท่านั้น ผู้ชายคนนี้โดนกดตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เขาจึงอ่อนไหวกับสิ่งนี้มาก”ในวัยเด็กหานซานเฉียนถูกทุกคนในตระกูลปฏิเสธ แม้แต่คนรับใช้ที่บ้านก็ยังดูถูกเ
ถังหลงและครอบครัว ทั้งสามคนยืนอยู่ไกลออกไป เมื่อพวกเขาเห็นหานซานเฉียนก็ตัวแข็งทื่อและทำตัวไม่ถูก ถังเฉิงเย่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นของซูกั๋วเย่า ตอนที่ถังเฉิงเย่เพิ่งย้ายไปอยู่บ้านใหม่ เขานัดเพื่อนร่วมรุ่นไปเพื่อโอ้อวดบ้านใหม่ของเขา และใช้โอกาสนี้ดูถูกถากถางถูกหานซานเฉียนในอดีต ถังเฉิงเย่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าซูหยิงเซี่ยจะแต่งงานกับถังหลง ในความคิดของเขา คนไร้ค่าอย่าง หานซานเฉียนจะคู่ควรกับซูหยิงเซี่ยได้อย่างไร มีเพียงลูกชายที่โดดเด่นของเขาเท่านั้นที่จะมีคุณสมบัตินั้นแต่เนื่องจากตัวตนของหานซานเฉียนค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาในหยุนเฉิง และในที่สุดถังเฉิงเย่ได้ก็รู้ช่องว่างระหว่างถังหลงกับหานซานเฉียนว่ามีขนาดใหญ่เพียงใดถังหลงค่อนข้างมีความสามารถก็จริง แต่ก็ยังต่างกับหานซานเฉียนอยู่มาก ปัจจุบันในหยุนเฉิง หานซานเฉียนกลายเป็นบุคคลอันดับหนึ่ง ส่วนถังหลงกลายเป็นคนเร่ร่อนว่างงานเพราะครั้งหนึ่งเขาเคยทำให้หานซานเฉียนขุ่นเคืองสมาชิกทั้งสามคนในครอบครัวรู้ดีว่า หากถังหลงต้องการพัฒนาอีกครั้งในหยุนเฉิง เขาต้องได้รับการให้อภัยจากหานซานเฉียนก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงใช้โอกาสในวันนี้เพื่อมาขอโทษหานซานเฉียนแต่เม
หลังจากที่หานซานเฉียนส่งซูหยิงเซี่ยและคนอื่น ๆ กลับบ้านแล้ว เขาก็ไปที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวสำหรับหานซานเฉียน ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องสนใจบริษัทเล็ก ๆ นี้แล้ว เพราะแม้แต่ทรัพย์สินของตระกูลหนานกงเขาก็ยังไม่สนใจ และรายได้ต่อปีของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวก็ยังเทียบไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวเดียวของทรัพย์สินของตระกูลหนานกงด้วยซ้ำ แต่นี่คือทรัพย์สินในชื่อของเขา ความสัมพันธ์จึงต่างออกไปจงเหลียงไม่ได้เจอนายน้อยมาเป็นเวลานาน เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นอย่างอธิบายไม่ถูก เพราะตอนนี้หานซานเฉียนก็ต่างไปจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง ในอดีต หานซานเฉียนเป็นเพียงลูกชายที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แต่ตอนนี้หานซานเฉียนไม่เพียงแต่ควบคุมหยุนเฉิงเท่านั้น แต่ตระกูลหานในเหยียนจิงก็อยู่ในมือของเขาเช่นกันในตอนนั้น ผู้คนนับไม่ถ้วนคิดว่าหานจุนต่างหากที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำตระกูล ตอนที่จงเหลียงถูกส่งตัวมาหยุนเฉิงเขาก็ยังรู้สึกไม่ค่อยพอใจเล็กน้อยกับข้อตกลงนี้ แต่ตอนนี้ หานจุนยังติดอยู่ในคุกชิงเฉิง แต่หานซานเฉียนกลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด นี่คือผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน“นายน้อย” เมื่อเห็นหานซานเฉียน จงเหลียงก็เ
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ซูกั๋วเย่าได้บอกเรื่องที่จะให้ถังหลงกลับเข้าไปทำงานที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวกับหานซานเฉียน การจัดการนี้สอดคล้องกับความต้องการของหานซานเฉียนพอดี ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คัดค้านอะไรซูกั๋วเย่าที่ตอนแรกเป็นกังวลเล็กน้อย ในที่สุดก็สามารถผ่อนคลายความกังวลได้แล้ว“ซานเฉียน ขอบคุณมากที่ให้หน้าฉันขนาดนี้” ซูกั๋วเย่าพูดพลางถอนหายใจ ตอนที่หานซานเฉียนแต่งเข้ามาในตระกูลซูแรก ๆ เขาไม่ชอบอะไรเกี่ยวกับหานซานเฉียนเลย แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำเกินไปเท่ากับเจี่ยงหลาน แต่เขาก็ไม่เคยไว้หน้าหานซานเฉียนเลยสักครั้ง แต่ตอนนี้ เขาต้องพึ่งพาหานซานเฉียนถึงจะมีหน้ามีตา ซูกั๋วเย่าจึงรู้สึกผิดกับเขาเล็กน้อยเพราะทุกอย่างในตระกูลซูเป็นสิ่งที่หานซานเฉียนมอบให้ทั้งหมด และซูกั๋วเย่าก็ไม่ได้เป็นคนคนเนรคุณเหมือนกับเจี่ยงหลาน เขาไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว แม้ว่าหานซานเฉียนได้แต่งงานกับลูกสาวของเขานั่นก็ไม่ใช่เหตุผลว่าเขาจะสามารถทำตัวเหนือกว่ากับหานซานเฉียนได้ เพราะทุกอย่างนี้หานซานเฉียนมีสิทธิ์เลือกได้ว่าเขาจะมอบมันให้กับใคร“คุณเป็นพ่อตาของผม นี่เป็นสิ่งที่ผมควรทำ อดีตมันผ่านไปแล้ว ก็ปล่อ
“ปู่รู้ว่าเรื่องนี้มันทำให้แกลำบากใจ ถือซะว่าไว้หน้าปู่ครั้งนึงก็แล้วกัน” หานเทียนหยางมีความสุขเมื่อหานซานเฉียนยอมตกลง แต่เขาก็รู้สึกว่าเขาเป็นหนี้หานซานเฉียน เพราะถ้าไม่ใช่เพราะเขา หานซานเฉียนก็คงจะทำสิ่งนี้ในชีวิตของเขาหานซานเฉียนส่ายหัวและไม่พูดอะไร“ปู่ไม่อยากโทษเธอ เพราะเธอเองก็น่าสงสาร เธอแต่งงานกับปู่ในฐานะหมากของตระกูลหนานกง เธอหวังว่าหานจุนจะทำให้ตระกูลหานแข็งแกร่งขึ้น และหวังว่าหานจุนจะแข่งขันกับตระกูลหนานกงได้ ดังนั้นเธอจึงมอบความรักทั้งหมดให้กับหานจุน สิ่งเดียวที่เธอทำผิด ก็คือเธอเลือกผิดคน” หานเทียนหยางกล่าวเลือกผิดคนงั้นเหรอ?ในความคิดของหานซานเฉียน ประโยคนี้มันฟังดูไร้สาระมาก แต่เขาก็ไม่ได้โต้แย้งคำพูดของหานเทียนหยาง และก็ยังเป็นประโยคเดิม ไม่ว่าปู่ต้องการให้เขาทำอะไร เขาก็จะไม่ขัด“พรุ่งนี้ก็แล้วกันครับ” หานซานเฉียนกล่าว"อืม รีบพักผ่อนนะ" พูดจบ หานเทียนหยางก็ยืนขึ้น และกลับไปที่ห้องของตัวเองหานซานเฉียนดูที่โทรศัพท์ตัวเอง ซูหยิงเซี่ยยังไม่แจ้งมาว่าให้เข้าห้องได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่รออยู่ที่โซฟาต่อไปทันใดนั้น เจียงหยิงหยิงก็กลับมาบ้านหลังจากฝึกฝนเสร็จ
“ต่อให้คุณจะวิ่งหนี สุดท้ายก็หนีไม่พ้นหรอกนะ คุณลองก้าวไปอีกก้าวดูสิ” ซูหยิงเซี่ยพูดกับหานซานเฉียนด้วยท่าทางข่มขู่หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ หานซานเฉียนก็ไม่กล้าวิ่งหนี เขาทำได้เพียงยืนอยู่กับที่เท่านั้นซูหยิงเซี่ยเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะหยิกเนื้อของหานซานเฉียนอย่างแรง จนเขาหายใจแทบไม่ออกด้วยความเจ็บปวด“คุณโทษฉันงั้นเหรอ?” ซูหยิงเซี่ยพูดพลางกัดฟัน เมื่อคิดว่าคนอื่นได้ยินเสียงของเธอ เธอก็อับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหน แล้วต่อไปเธอจะมองหน้าคนในบ้านยังไง"ผมผิดเองครับ ผมผิดเอง เป็นความผิดของผมเองทั้งหมด" หานซานเฉียนทำได้เพียงแบกรับความผิด เพราะจากประสบการณ์ของเขา การเอาหลักเหตุผลมาพูดกับผู้หญิงนั้น มันคือการทำลายตัวเอง ตอนที่ซูหยิงเซี่ยหยิกหานซานเฉียน เธอเองก็รู้สึกเป็นทุกข์เช่นกัน ดังนั้นเธอจึงทนไม่ได้ที่จะระบายความขุ่นเคืองทั้งหมดกับหานซานเฉียน ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว ไม่สามารถย้อนเวลากลับมาได้ นอกจากการยอมรับแล้วจะมีทางเลือกไหนอีก?“ต่อไปนี้ฉันนอนบนเตียง คุณนอนพื้น” ซูหยิงเซี่ยกล่าวหานซานเฉียนทึ้งหัว การลงโทษนี้รุนแรงเกินไปแล้วแต่ตอนนี้ซูหยิงเซี่ยกำลัง