“ปู่รู้ว่าเรื่องนี้มันทำให้แกลำบากใจ ถือซะว่าไว้หน้าปู่ครั้งนึงก็แล้วกัน” หานเทียนหยางมีความสุขเมื่อหานซานเฉียนยอมตกลง แต่เขาก็รู้สึกว่าเขาเป็นหนี้หานซานเฉียน เพราะถ้าไม่ใช่เพราะเขา หานซานเฉียนก็คงจะทำสิ่งนี้ในชีวิตของเขาหานซานเฉียนส่ายหัวและไม่พูดอะไร“ปู่ไม่อยากโทษเธอ เพราะเธอเองก็น่าสงสาร เธอแต่งงานกับปู่ในฐานะหมากของตระกูลหนานกง เธอหวังว่าหานจุนจะทำให้ตระกูลหานแข็งแกร่งขึ้น และหวังว่าหานจุนจะแข่งขันกับตระกูลหนานกงได้ ดังนั้นเธอจึงมอบความรักทั้งหมดให้กับหานจุน สิ่งเดียวที่เธอทำผิด ก็คือเธอเลือกผิดคน” หานเทียนหยางกล่าวเลือกผิดคนงั้นเหรอ?ในความคิดของหานซานเฉียน ประโยคนี้มันฟังดูไร้สาระมาก แต่เขาก็ไม่ได้โต้แย้งคำพูดของหานเทียนหยาง และก็ยังเป็นประโยคเดิม ไม่ว่าปู่ต้องการให้เขาทำอะไร เขาก็จะไม่ขัด“พรุ่งนี้ก็แล้วกันครับ” หานซานเฉียนกล่าว"อืม รีบพักผ่อนนะ" พูดจบ หานเทียนหยางก็ยืนขึ้น และกลับไปที่ห้องของตัวเองหานซานเฉียนดูที่โทรศัพท์ตัวเอง ซูหยิงเซี่ยยังไม่แจ้งมาว่าให้เข้าห้องได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่รออยู่ที่โซฟาต่อไปทันใดนั้น เจียงหยิงหยิงก็กลับมาบ้านหลังจากฝึกฝนเสร็จ
“ต่อให้คุณจะวิ่งหนี สุดท้ายก็หนีไม่พ้นหรอกนะ คุณลองก้าวไปอีกก้าวดูสิ” ซูหยิงเซี่ยพูดกับหานซานเฉียนด้วยท่าทางข่มขู่หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ หานซานเฉียนก็ไม่กล้าวิ่งหนี เขาทำได้เพียงยืนอยู่กับที่เท่านั้นซูหยิงเซี่ยเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะหยิกเนื้อของหานซานเฉียนอย่างแรง จนเขาหายใจแทบไม่ออกด้วยความเจ็บปวด“คุณโทษฉันงั้นเหรอ?” ซูหยิงเซี่ยพูดพลางกัดฟัน เมื่อคิดว่าคนอื่นได้ยินเสียงของเธอ เธอก็อับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหน แล้วต่อไปเธอจะมองหน้าคนในบ้านยังไง"ผมผิดเองครับ ผมผิดเอง เป็นความผิดของผมเองทั้งหมด" หานซานเฉียนทำได้เพียงแบกรับความผิด เพราะจากประสบการณ์ของเขา การเอาหลักเหตุผลมาพูดกับผู้หญิงนั้น มันคือการทำลายตัวเอง ตอนที่ซูหยิงเซี่ยหยิกหานซานเฉียน เธอเองก็รู้สึกเป็นทุกข์เช่นกัน ดังนั้นเธอจึงทนไม่ได้ที่จะระบายความขุ่นเคืองทั้งหมดกับหานซานเฉียน ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว ไม่สามารถย้อนเวลากลับมาได้ นอกจากการยอมรับแล้วจะมีทางเลือกไหนอีก?“ต่อไปนี้ฉันนอนบนเตียง คุณนอนพื้น” ซูหยิงเซี่ยกล่าวหานซานเฉียนทึ้งหัว การลงโทษนี้รุนแรงเกินไปแล้วแต่ตอนนี้ซูหยิงเซี่ยกำลัง
วันรุ่งขึ้น ถังหลงที่กำลังจะไปรายงานตัวที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวก็รู้สึกกังวลมาก เนื่องจากเขาถูกไล่ออกจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว จึงไม่มีบริษัทใดในหยุนเฉิงกล้าที่จะรับเขาเข้าทำงาน ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ถังหลงไม่มีงานประจำเลยสักงาน เขาทำได้เพียงพึ่งพาเงินออมที่เขาสะสมไว้ในอดีตเท่านั้น แต่ตอนนี้ เมื่อเขาได้กลับมาทำงานอีกครั้ง ถังหลงไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะได้กลับมาทำงานที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวอีกครั้ง “ล้มที่ไหนก็ลุกขึ้นที่นั่น ในเมื่อซูกั๋วเย่าให้โอกาสนี้แก่แก แกก็ต้องคว้ามันไว้ให้ดี” ถังเฉิงเย่พูดกับถังหลงในอดีตถังเฉิงเย่ชอบเปรียบเทียบตัวเองกับซูกั๋วเย่า เพราะเขารู้ดีว่าชีวิตของเขาเหนือกว่าซูกั๋วเย่า แม้ว่าซูกั๋วเย่าจะเป็นลูกชายของตระกูลซู แต่เขาไม่ได้รับความสำคัญใด ๆ ในตระกูลซูเลยแม้แต่น้อย เขามีชีวิตแย่กว่าเพื่อนร่วมชั้นทั่วไปเสียอีก ด้วยเหตุนี้ ถังเฉิงเย่จึงชอบที่จะใช้ซูกั๋วเย่าเป็นเครื่องมือในการทำให้ตัวเองดูมีตัวตนแต่ตอนนี้ ถังเฉิงเย่ตระหนักถึงความเป็นจริงแล้ว เขารู้ดีว่าสถานะของหานซานเฉียนและตระกูลซูในหยุนเฉิงนั้นไม่มีใครเทียบได้ และเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเอาตั
ถังหลงส่ายหัว ย้ายบ้านงั้นเหรอ ตอนนี้ทำไมเขาต้องย้ายบ้านด้วย เมื่อได้แทนที่ตำแหน่งของจงเหลียง สถานะของเขาในหยุนเฉิงก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าทันที นี่คือจุดสูงสุดในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่เมืองไหน ถังหลงก็ไม่สามารถทำถึงจุดนี้ได้เมื่อเห็นถังหลงส่ายหัว ถังเฉิงเย่ก็พูดด้วยความโกรธ "แกเต็มใจให้พวกเขาเยาะเย้ยหรือไง?ตอนนี้หยุนเฉิงเป็นดินแดนของพวกเขาแล้ว แกมีความสามารถอะไรไปต่อสู้กับพวกเขา"“พ่อ พ่อเข้าใจผิดแล้ว ซูกั๋วเย่าไม่ได้แกล้งพวกเรา” ถังหลงกล่าวซูกั๋วเย่าไม่ได้แกล้งงั้นเหรอ? แต่ท่าทางของถังหลงมันดูเลื่อนลอยอย่างเห็นได้ชัด หากเขาไม่ได้โดนบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวโจมตี แล้วทำไมถึงได้มีสภาพแบบนี้?“เกิดอะไรขึ้น?” ถังเฉิงเย่ถามถังหลงกลืนน้ำลาย ถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือเรื่องจริง เพราะความเปลี่ยนแปลงนี้มันใหญ่มาก จนเขารู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน“พ่อครับ จงเหลียงกำลังจะกลับเหยียนจิง และผมจะได้เข้ามาแทนที่จงเหลียงในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว นี่คือสิ่งที่หานซานเฉียนเป็นคนจัดการเองครับ” ถังหลงกล่าวสีหน้าสับสนของถังเฉิงเย่นั้นเหมือนกับถังหลงทุกประการหลังจ
ทุกวันนี้ในเมืองปินเซี่ยน อาจกล่าวได้ว่าเหมาเทียนอี้คือบุคคลอันดับหนึ่ง ดังนั้นผู้ช่วยของเขาจึงหยิ่งผยองมาก เพราะในเมืองปินเซี่ยนไม่มีใครสามารถจะทำให้ลูกพี่ของเขาขุ่นเคืองได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ใส่ใจคนที่มายืนขวางรถเป็นธรรมดาเขาก้าวไปข้างหน้าและผลักคน ๆ นั้น แต่แทนที่คนโดนผลักจะถอยกลับไป เขากลับเป็นฝ่ายถอยกลับมาเสียเอง สิ่งนี้ทำให้ผู้ช่วยรู้สึกเสียหน้า“แกตาบอดหรือไง รู้ไหมว่านี่คือรถของใคร รีบไสหัวออกไปซะ ไม่งั้นฉันจะหักขาแกแน่” ผู้ช่วยพูดด้วยสีหน้าดูถูกหานซานเฉียนยิ้มเบา ๆ แม้ว่าเขาจะไม่เคยเจอกับเหมาเทียนอี้ แต่ดูจากลูกน้องของเขาแล้ว หานซานเฉียนก็สัมผัสได้ว่านิสัยของเหมาเทียนอี้และถังจงนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงถังจงเป็นคนถ่อมตัวมากในเมืองปินเซี่ยน และไม่เคยก่อให้เกิดเรื่องอื้อฉาวใด ๆ เขามีชื่อเสียงที่ดี แม้แต่คนธรรมดาบางคนก็ชอบเขามาก เพราะการพัฒนาของเมืองปินเซี่ยนนั้นมีความเชื่อมโยงกับถังจง เขาสร้างโอกาสในการทำงาน และมอบชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้คนในเมืองปินเซี่ยนมากมายและชื่อเสียงที่ดีเหล่านี้อาจถูกทำลายโดยเหมาเทียนอี้ในไม่ช้า“ดูเหมือนว่าผู้คนที่ถังจงปลูกฝังมาจะไม่ควรค่าแก่
เป็นไปไม่ได้ที่ถังจงจะให้โอกาสเหมาเทียนอี้อีกครั้ง เพราะเรื่องนี้หานซานเฉียนลงมือเองแล้ว ถึงแม้ว่าถังจงจะมีสายสัมพันธ์กับคนแบบนี้อยู่บ้าง แต่ก็ไม่คุ้มที่เขาจะเข้าไปปกป้องหลังจากวางสายได้ไม่นาน คนของถังจงก็มาถึง เหมาเทียนอี้ถูกพาตัวไปด้วยความสิ้นหวัง ผู้ช่วยของเขาตัวสั่นคุกเข่าลงบนพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองเหมาเทียนอี้เขาไม่คิดเลยว่าความรุ่งโรจน์ของเหมาเทียนอี้เพิ่งจะเริ่มต้นเองแท้ ๆ แต่กลับจบลงราวดาวตกที่แวบผ่านไปเช่นนี้“พี่ซานเฉียน สิ่งที่เขาทำไม่เกี่ยวอะไรกับผม ผมถูกบังคับให้ทำครับ เขาขอให้ผมทำ” ผู้ช่วยโขกหัวลงกับพื้นให้หานซานเฉียน ขณะที่เขาพูดหานซานเฉียนถูขมับ เขามาเมืองปินเซี่ยนเพื่อป้องกันไม่ให้ตระกูลเจี่ยงไปสร้างปัญหาให้ซูหยิงเซี่ยที่หยุนเฉิง เขาคิดว่าคนที่ถังจงเลือกจะทำให้เขาไร้กังวล แต่ไม่คิดเลยว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ ในเมื่อมันจบแบบนี้ ในเมืองปินเซี่ยนก็ขาดคนควบคุมแล้วสินะ และหานซานเฉียนก็ต้องมาปวดหัวกับการหาคนมาดูแลเรื่องนี้อีกหากอยู่ในหยุนเฉิง ปัญหานี้คงจะเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับหานซานเฉียน เขามีตัวเลือกจำนวนมากมาย แต่ในเมืองปินเซี่ยน เขาคิดหาคนที่ควรค่าแก
หลิ่วจื้อเจี๋ยยอมรับความตกอับของตัวเองได้ และเขาก็มั่นใจว่าเขาสามารถกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง ไม่อย่างนั้น หากธุรกิจล้มเหลว เขาคงพังพินาศไปนานแล้ว เขาจะมาที่เป็นพนักงานเสิร์ฟที่เฟิงหม่านโหลวได้อย่างไร?ความต่างของสถานะแบบนี้ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถยอมรับได้ จากจุดนี้จะเห็นได้ว่าหลิ่วจื้อเจี๋ยมีจิตใจที่แข็งแกร่งพอสมควรแต่เพียงเพราะเขายอมรับความตกอับของตัวเองได้ ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมรับคำดูถูกแบบนี้ได้ตอนนี้เงินหนึ่งหมื่นหยวนถือเป็นเงินจำนวนมากสำหรับเขา แต่เขาจะไม่ยอมขายศักดิ์ศรีเพื่อเด็ดขาด“ฉันไม่ต้องการ” หลิ่วจื้อเจี๋ยพูดนิ่ง ๆเมื่อชายคนนั้นได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที และพูดว่า "หลิ่วจื้อเจี๋ย นายไม่ไว้หน้าฉันเลยงั้นเหรอ? ฉันเหยียดขาออกไปแล้ว นายคงไม่คิดที่จะให้ฉันถอยขากลับคืนมาหรอกใช่ไหม เชื่อไหมว่าฉันสามารถทำให้นายหางานทำไม่ได้ในเมืองปินเซี่ยนนี่”"นายคิดว่าตัวเองคือถังจงหรือเหมาเทียนอี้หรือไง?" หลิ่วจื้อเจี๋ยตอบโต้ด้วยท่าทางหยิ่งผยอง แม้ว่าเมืองปินเซี่ยนจะไม่ใช่สถานที่ใหญ่โต แต่คนเดียวที่สามารถควบคุมทุกสิ่งได้อย่างแท้จริง นอกจากถังจงก็คือเหมาเทียนอี
เมื่อเห็นว่าหานซานเฉียนไม่สนใจตัวเอง แถมยังเมินเฉยต่อคำพูดของเขา ชายคนนั้นโกรธมากจนหยิบขวดเบียร์ขึ้นมาเตรียมจะฟาดไปที่ศีรษะของหานซานเฉียนเมื่อผู้ช่วยเห็นแบบนั้น และกำลังจะเตือนหานซานเฉียน หานซานเฉียนก็เตะไปข้างหลังที่ชายคนนั้นทันที ชายคนดังกล่าวถูกเตะกระเด็นออกไปราวห้าเมตร และหล่นลงกระแทกโต๊ะไม้จนมันหักก่อนจะล้มลงกับพื้นเสียงครวญครางดังขึ้น และเขาก็กลิ้งไปมาบนพื้น เห็นได้ชัดว่าเจ็บปวดอย่างมากเมื่อคนอื่นเห็นฉากนี้ สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ก่อนจะยืนขึ้นจากที่ของตัวเองเพื่อรักษาระยะห่างกับหานซานเฉียน“หมอนี่เป็นใคร ทำไมถึงได้แข็งแกร่งมากขนาดนี้”“ฉันไม่เคยเขาในเมืองปินเซี่ยนมาก่อนเลย”“คนที่อยู่ข้าง ๆ เขาคือผู้ช่วยของเหมาเทียนอี้ไม่ใช่เหรอ ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?” มีคนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวจากนั้นคนที่เหลือก็สังเกตเห็นผู้ช่วยคนนั้น และทุกคนก็หน้าซีดขึ้นมาผู้ช่วยของเหมาเทียนอี้อยู่ที่นี่ นั่นก็หมายความว่าบุคคลนี้จะต้องมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเหมาเทียนอี้ หากผู้ชายคนนี้เป็นเพื่อนของเหมาเทียนอี้ และออกหน้าแทนหลิ่วจื้อเจี๋ย พวกเขาจะต้องเสร็จแน่ ความคิดนี้ทำใ
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ